Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
อัตชีวประวัติ กูคือสลาตัน ตอนแรก ที่บาร์ซ่า เราทำตัวติดดิน ติดต่อทีมงาน

ผมแปลไว้ใน Soccersuck นะครับ ไม่รู้ว่าที่พันทิปชอบอยากอ่านกันไหม
แค่ตอนแรกอยู่ เดวถ้าแปลตอนต่อไปเสร็จจะเอามาลงเรื่อยๆครับ :))

ยังไงช่วยโหวตขึ้นแนะนำจะเป็นกำลังใจมากครับ


กูคือ สลาตัน โดย สลาตัน อิบราฮิโมวิช บอกผ่านโดย เดวิด เลเกอร์ครานช์


อัตชีวประวัติเล่มนี้ขออุทิศให้กับ ครอบครัวและเพื่อนๆของผม ผู้ซึ่งอยู่ข้างๆผมเสมอมาทั้งในวันดีๆและวันร้ายๆ
ผมยังอยากอุทิศให้กับเด็กทั้งหลายที่รู้สึก ผิดแปลก และไม่เข้าพวก รวมถึงคนที่ถูกมองในเหตุผลผิดๆ มันไม่เป็นไรหรอกที่จะไม่เหมือนคนอื่น เป็นในแบบที่คุณอยากจะเป็น
มันใช้ได้สำหรับผมนะ


ตอนที่ 1 "ที่บาร์ซ่า เราทำตัวติดดิน"


เปป กวาดิโอล่า โค้ชของบาร์เซโลน่า มาพร้อมกับสูทสีเทา และ หน้าตาอมทุกข์ของเขา เดินมาหาผมด้วยความเป็นห่วง ผมคิดไว้ว่า เขาก็ดีนะตอนนั้น ไม่เหมือนกับ มูรินโญ่หรือ คาเปลโล่ แต่ก็เป็นคนที่ใช้ได้เลย และนี่ก็เป็นจุดเริ่มก่อนที่เราทั้งคู่จะขัดแย้งกัน มันอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2009 และ

ผมก็กำลังเหมือนอยู่ในความฝันตอนเด็กๆเลยละ ผมกำลังเล่นให้กับทีมที่ดีที่สุดในโลกและได้รับการต้อนรับจากแฟนเกือบ เจ็ดหมื่นคนที่คัมป์นู ผมเหมือนเดินอยู่สวรรค์เลยแหละ บางทีอาจจะไม่ทั้งหมดหรอกนะ มันมีเรื่องไร้สาระหลายเรื่องบนหนังสือพิมพ์ หาว่าผมเป็นพวกเกเรอะไรทำนองนั้น ผมมันเป็นพวกมาดูแลยาก แต่ยังงั้นก็เหอะ ผมก็ได้มานี่แล้ว เฮเลน่าและพวกเด็กๆก็ยังดีไม่มีปัญหา พวกเรามีบ้านสวยๆที่ Esplugues de Llobregat และ
ผมก็ฟิตพร้อมเต็มที่ ทุกอย่างกำลังเข้าที่ เข้าทางเลย


“เฮ้ย นายอ่ะ” เปป ทักมา “ในบาร์ซ่าเนี่ย พวกเราทำตัวติดดินกันนะ”
“แน่นอน” ผมบอก “ไม่มีปัญหา”
“ที่นี้พวกเราจะไม่ขับเฟอรารี่หรือปอร์เช่มาซ้อมกันหรอก”
ผมพยักหน้ารับ ไม่ได้ไปอวดดีใส่เขาหรอก เหมือนกับว่า จะมาแคร์เชี่ยอะไรในรถที่กูจะขับด้วยเนี่ย แต่ผมก็คิดนะ “หมอนั่นต้องการอะไรเนี่ย พยายามจะบอกอะไรผมเหรอ“ แต่ เชื่อเหอะ ผมไม่ต้องการรถหรูหรือที่จอดข้างทางมาเพื่อจะโชว์ออฟหรอก ผมไม่ใช่พวกแบบนั้น ผมรักรถของผม มันเป็นเหมือนความหลงใหลของผม แต่ผมว่าต้องมีอะไรสักอย่างในคำที่เขาพูดออกมาแน่เลย เหมือนกับกว่า อย่ามาคิดนะว่าเมิงวิเศษวิโสนัก

ผมเข้าใจแจ่มแจ้งเลยละ ว่าที่บาร์ซ่านี่เหมือนกับโรงเรียน พวกนักเตะนิสัยดีกันทั้งนั้น ผมไม่มีปัญหาอะไรกับพวกเค้า อีกทั้งยังมีแมกซ์เวล เพื่อนเก่าที่ ไอแอ๊กซ์และที่อินเตอร์ เอาตรงๆเลยนะ ไม่มีใครสักคนทำตัวเองราวกับว่าเป็นซุปตาร์ ผมก็เคยคิดนะว่ามันแปลก พวก เมสซี่ ซาบี้ อิเนสต้า ทั้งแก๊งนั้นน่ะ เหมือนอยู่ในโรงเรียนเด็กอะไรอย่างนั้น นักเตะที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกยืนและก็ผงกหน้ารับคำสั่งซ้อมไป ซึ่งผมไม่เข้าใจเลยวะ มันน่าตลก ถ้าเป็นในอิตาลีนะ ถ้าโค้ชบอกให้เรากระโดด พวกนักเตะก็จะถามละ “อะไรนะ กระโดดทำไมอ่ะ”


ที่นี่นะ ทุกคนกระโดดตามคำสั่งอะไรก็ช่าง ผมรู้สึกไม่เข้าพวกเลย ไม่เลยนะ ผมก็คิดนะ ทำๆไป อย่าไปคิดมากว่าพวกนั้นคิดอะไรกับคุณ พวกก็เลยเริ่มปรับตัว ผมกลายมาเป็นพวกอ่อนโยนไป
ซะแล้ว มันบ้าไปแล้ว มิโน่ ไรโอล่า เอเยนต์ที่เป็นเพื่อนของผมยังบอกเลย
“เป็นไรไปวะ สลาตัน เมิงไม่ใช่แบบนี้นี่หวา”
ทุกคนต่างรู้สึก ว่าผมเปลี่ยนไป เพื่อนผมก็คิดว่าแบบนั้น แทบทุกคนเลย ผมทำตัวน่าเบื่อ ไร้รสชาติ แต่คุณก็น่าจะรู้นะว่าตั้งแต่หลังจากผมอยู่ทีมแรกของผม มัลเมอร์ เอฟเอฟ ผมมีปรัชญาของตัว
เองอยู่อันหนึ่ง คือ ชีวิตลิขิตเอง ผมไม่แคร์ห่าอะไรว่าใครจะคิดยังไงกับผม และ ผมก็ไม่สะดวกใจกับการรับคำสั่งเท่าไรหรอก ผมชอบนะไอ่พวกอย่างคนที่ฝ่าไฟแดง ถ้าคุณพอเข้าใจนะ

แต่ตอนนี้ ผมไม่เคยได้บอกในสิ่งที่ผมอยากได้ ผมพูดในสิ่งที่ผมคิดว่าผู้คนคาดหวังยังไงกับผม มันรู้สึกแปลกๆ ผมขับรถออดี้ของสโมสรและยืนผงกหัวรับคำสั่งเหมือนอยู่ในโรงเรียนไม่มีผิด เหมือนกับว่าผมควรกลับไปเรียนยังไงยังงั้น ผมไม่สนใจห่าเหวกับเพื่อนร่วมทีมอะไรเลย ผมรู้สึกเบื่อ ผมไม่เหมือนเป็นสลาตันคนเดิมๆ ซึ่งมันไม่ได้เป็นแบบนี้นานแล้ว ตั้งแต่สมัยอยู่โรงเรียน ตอนที่ผมเจอพวกสาวๆในเสื้อราฟ ลอเรนเป็นครั้งแรก และ ผมเกือบขี้แตกตอนชวนพวกเค้าไปเที่ยว แต่อย่างไรก็ดี ผมก็เริ่มต้นฤดูกาลได้เยี่ยม ผมยิงประตูเป็นกอบเป็นกำ เราได้ถ้วยยูฟ่า ซุปเปอร์คัพ ผมกำลังเป็นที่จับตา ผมกำลังคุมเกมได้ แต่ มันก็ยังไม่ใช่ตัวผมอยู่ดี บางสิ่งได้เกิดขึ้น ไม่ใช่หนักหนาอะไรหรอก ยังไม่ถึงเวลา ผมเงียบมาตลอด ซึ่งผมว่ามันอันตรายนะ เชื่อผมเหอะ ผมมันเป็นพวกบ้าคลั่งฟอร์มถึงจะดี ผมต้องตะโกนและสร้างชื่อเสียงบ้าง แต่ตอนนี้ ผมเก็บทั้งหมดไว้กับตัวเอง บางทีมันอาจจะเป็นเพราะความกดดันก็เป็นได้ ผมก็ไม่รู้หรอก

ผมเป็นนักเตะค่าตัวแพงอับดับสองในประวัติศาสตร์ พวกสื่อก็เขียนอยู่นั้นว่าผมเป็นเด็กมีปัญหาและสร้างเรื่องเกี่ยวกับบุคลิกของตัวผม พวกเรื่องไร้สาระทั้งนั้น และ โชคร้ายที่ผมก็แบกมันไว้ทั้งหมด ในบาร์ซ่า พวกเราทำตัวไม่เกินหน้าใคร ผมก็คิดนะ ผมอยากจะแสดงให้เห็นว่า ผมเข้ากับทีมได้ ซึ่งผมว่าเป็นการตัดสินใจที่โง่สุดในชีวิตผมเลย ผมก็ยังทำประตูได้นะ แต่มันรู้สึกไม่ค่อยสนุกอีกแล้ว

ผมเคยคิดแม้กระทั่งเลิกเล่นฟุตบอลนะ ไม่ใช่ว่าผมจะฉีกสัญญาหรอก ผมมันมืออาชีพพอ แต่เพียงแค่ผมไม่ค่อยสนุกแล้วก็เท่านั้น ช่วงนั้น เบรกคริสต์มาสพอดี พวกเราไปที่ อาร์ เช่ารถลุยสกีเล่นกัน เมื่อไรก็ตามชีวิตยังมีอยู่ ผมต้องการความลุย ผมขับไปอย่างคนบ้า ประมาณ 325 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในรถปอร์เช่ของผม ทิ้งพวกตำรวจที่กำลังไล่ไม่เห็น ผมทำเรื่องแย่ๆมาเยอะที่ผมไม่อยากกลับไปคิดถึงมัน และในที่ภูเขานั้น ผมทำรถลุยสกีหนาวแข็งจนเสียและผมว่านี่แหละเวลาในชีวิตของผม

ท้ายที่สุด อดรีนาลีนกำลังหลั่ง สลาตันคนเก่าคนเดิม มาแล้ว ผมก็คิดถึงตัวเอง ผมทำอะไรอยู่เนี่ย ตังค์ผมก็มี ผมไม่ต้องมารู้สึกแย่กับโค้ชห่วยๆก็ได้นิ ผมยังสามารถมีความสุขแทนที่และดูแล ครอบครัวของผม มันเป็นช่วงเวลาที่ดีนะตอนนั้น แต่ก็ไม่นานมากหรอก เมื่อพวกเรากลับไปที่สเปน หายนะก็เกิดขึ้น มันใช่ทันทีหรอก แต่อย่างช้าๆหายนะมันคืออากาศในช่วงนั้น


หิมะมาเยือนแล้วเบาๆ เหมือนพวกคนที่นี่ไม่เคยเห็นหิมะมามาก่อนเลย และในแถบนี้ภูเขาเหนือบาร์เซโลน่า รถชนกันซ้ายขวาเลย และ มิโน่ ไอ่อ้วนทุเรศสุดเจ๋ง ที่ใครมักจะเข้าใจผิดกับผมเสมอ
ตัวเย็นแข่งยังกะสุนัขในรองเท้าหน้าร้อนของมัน พร้อมกับแจคเกตบางๆ บอกผมให้ใช้ออดี้ มันเกือบจะหมดหายนะอากาศแล้วตอนนั้น ในตอนทางลงภูเขา พวกเราเสียการควบคุมรถและไปชนกับ
กำแพงหิน ฝั่งหน้าขวาของรถเยินไปหมด หลายคนเค้าก็รถชนกันนะตอนอากาศแย่แบบนี้ แต่คงไม่แย่เท่าผมหรอก ผมว่าผมชนะเลิศนะ พวกเราก็เลยขำกันเรื่องนั้น แต่ผมก็รู้สึกเหมือนกับตัวเอง
จริงๆนะในบางครั้ง ผมรู้สึกว่าใช้ได้เลยนี่เรา แต่ต่อมา เมสซี่ก็เริ่มพูด เมสซี่แบบว่าโคตรเจ๋งแบบไม่น่าเชื่อ ผมไม่รู้จักเค้ามากนักหรอก พวกเรามีบุคลิกที่ต่างกัน เค้ามาบาร์ซ่าตั้งแต่อายุ 13 และโตมาในแบบ
ของวัฒนธรรมบาร์ซ่า เค้าไม่มีปัญหาแบบพวกเด็กนักเรียนอะไรแบบนั้นหรอก และในทีม การเล่นต้องเล่นโดยที่มีเค้าเป็นศูนย์กลาง ซึ่งมันก็ดูเป็นธรรมชาติดีนะ เค้าทำได้ดีไปเลย แต่พอ ตอนผมมา
ผมทำประตูได้เยอะกว่าเค้า เค้าก็เดินไปหาเปปแล้วบอกว่า
“ผมไม่อยากไปเล่นฝั่งขวานะ ตรงที่ปีกอีกแล้ว ผมอยากเล่นตรงกลาง”

ซึ่งตรงนั้นมันที่ผมนี่ แต่เปป ไม่สนใจห่าเหวอะไรเลย เค้าก็เปลี่ยนแทคติกจาก 433 เป็น 451 ผมอยู่หน้าสุด เมสซี่ยืนค้ำหลัง ผมเป็นเหมือนอยู่ในเงาเลย บอลทุกจังหวะจะผ่านเมสซี่ และผม เล่นเกมของตัวเองไม่ได้เลย ผมต้องการที่จะมีอิสระเหมือนนกในสนาม ผมคือคนที่ต้องการจะสร้างความแตกต่างในทุกระดับการเล่น แต่ เปป สังเวยผม นั้นมันเรื่องจริง เค้าปิดตายผมไว้ แต่ผมก็เข้าใจนะ เมสซี่ น่ะเป็นดาว


เปป ต้องฟังเค้า แต่ให้ตายเหอะ ผมยิงประตูก็เยอะนะตอนนั้น ผมไม่ใช่กระจอกๆ เค้าปรับทีมไม่ได้เพื่อคนๆเดียว ผมคิดว่า จะซื้อผมมาทำไมเนี่ย ไม่มีใครจ่ายเงินขนาดนั้นเพื่อถึงขั้นบีบคอให้ผมมาลงเล่นหรอก เปป ต้องคิดแล้วเพื่อทั้งผมและเค้า และ แน่นอน บรรยากาศในสโมสรเริ่มตึงเครียด ผมเป็นการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดของพวกเค้า ผมรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี ในรายชื่อตัวจริงชุดใหม่ ค่าตัวผมที่แพงเกินไปจนทำให้ผมรู้สึกแย่ เบกิรี่เสตน ผู้อำนวยการด้านกีฬาก็บอกให้ผมไปคุยกับโคชว่า “ไปจัดการซะให้เรียบร้อย”

ผมไม่ค่อยชอบเลย ผมเป็นนักเตะที่ยอมรับอะไรได้นะ แต่แน่นอน โอเค ผมทำมัน เพื่อนผมยังบอก”สลาตัน เพื่อน มันเหมือนกับบาร์ซ่าซื้อรถเฟอรารี่ แต่เอามาขับยังกะเฟียตเลยวะ” และผมก็คิด มันก็จริงนี่หวา เปปทำให้ผมเป็นนักเตะที่ดาดๆขึ้น แย่ลง และทั้งทีมก็กำลังได้รับผลกระทบ


ผมก็ไปหาโค้ช เดินไปหาในสนามตอนซ้อม และ ผมก็ระวังไว้อย่าง ผมไม่อยากจะมีเรื่อง ผมบอกไปว่า
“ผมไม่อยากมีเรื่องนะ ไม่อยากขัดแย้งอะไรทั้งนั้น ผมแค่อยากมาหารือ” เค้าก็พยักหน้า บางทีอาจจะแหยเล็กๆ ผมก็เลยบอกต่อไปว่า “ถ้าคุณคิดว่า ผมอยากมีเรื่อง ผมจะไป ผมแค่อยากจะมาพูด”
เค้าก็บอกมาว่า “ดีๆ ผมชอบคุยกับนักเตะ”


“ฟังนะ” ผมบอกต่อ “คุณใช้ผมได้ไม่เต็มที่ ถ้าต้องการพวกทำประตูอย่างเดียวนะ คุณน่าจะไปซื้ออินซากี้หรือคนอื่นนะ ผมต้องการพื้นที่ในการเล่นอย่างอิสระ ผมวิ่งขึ้นวิ่งลงไม่ได้ตลอดหรอก ผมหนักตั้ง98 กิโลกรัม ผมไม่มีแรงพอขนาดนั้น ”
แล้วเค้าก็ทำท่าคิด เหมือนที่เค้าชอบทำและบอกว่า“แต่ผมว่าคุณก็เล่นแบบเดิมได้นะ”
“ไม่ มันจะดีกว่านะถ้าคุณจับผมเป็นตัวสำรอง ด้วยความเคารพนะ ผมเข้าใจ แต่คุณสังเวยผมเพื่อนักเตะคนอื่น มันจะไม่ได้ผล มันเหมือนกับว่า คุณซื้อเฟอรารี่มาแล้วมาขับยังกะเฟียต“
แล้วเปปก็ยังคิดต่อว่า
“โอเค มันอาจจะเป็นความผิดพลาด นี่เป็นปัญหาของผม ผมจะแก้ไขเอง”
ผมเลยรู้สึกดี ที่เค้าคิดจะแก้ไข

แต่ต่อมา ความเย็นชาเริ่มก่อตัว เค้าแทบไม่มองหน้าผม แต่ผมก็เป็นคนไม่แคร์เรื่องพรรค์นั้นเท่าไรหรอก และตำแหน่งใหม่ของผม ผมก็ยังทำได้ดี ยิงประตูได้มากขึ้น อาจจะไม่สวยเท่าตอนอยู่ที่อิตาลีก็เหอะ ผมรู้สึกล่องลอยในสนามมาก เหมือนไม่ใช่อิบราคนคนเดิม ตอนเจออาร์เซน่อลที่เอมิเรต สเตเดี้ยมในแชมเปี้ยนลีก พวกเราคุมเกมได้อยู่หมัด สนามกำลังเดือดเลยทีเดียว ยี่สิบนาทีแรกไปได้สวย ผมทำประตูได้ สองลูก สวยๆทั้งนั้น และผมก็คิด ช่างหัวเปป :-) ผมลิขิตชีวิตผมเอง แต่ผมก็โดนเปลี่ยนออก อาร์เซน่อลกลับมา ยิงได้สองลูก :-)เซ็งหวะ ต้นขาผมก็ดันมาเจ็บอีก โดยปกติ โค้ชเค้าจะสนใจกันนะ คนอย่างสลาตันเจ็บมันเป็นเรื่องใหญ่ในทีมนิ แต่เปปก็เย็นชาอีก ไม่พูดอะไรสักคำ ผมหายหน้าไปสาม อาทิตย์ ไม่มีเลยที่เค้าจะถามแบบว่า “รู้สึกเป็นไงบ้าง สลาตัน เกมหน้าไหวละยัง”


เค้าไม่ทำแม้กระทั่งทักทาย ซักคำเลย เลี่ยงที่จะเจอหน้าผม ถ้าผมเข้าไปในห้อง เค้าก็จะเดินออกมา เกิดไรขึ้นเนี่ย ผมคิด ผมทำอะไรไปงั้นเหรอ ผมไม่ใช่คนแปลกหน้า หรือ ผมพูดอะไรไม่แปลกๆไปเหรอ หัวผมหมุนไปหมดเลย นอนก็ไม่ได้ คิดอยู่ตลอด ไม่ใช่ว่าผมต้องการความรักจากเปปอะไรหรอกนะ เค้าจะเกลียดผมยังไงก็ได้ที่เค้าต้องการ ผมมันเป็นพวกถูกกระตุ้นด้วยความเกลียดและความแค้น แต่ตอนนี้ผมเคว้งมาก และผมก็ไปพูดกับคนอื่น ไม่มีใครเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ผมถามอองรี คนที่เป็นสำรองในตอนนั้นเกมเจออาร์เซน่อล อองรีซึ่งเป็นกองหน้าที่ทำประตูได้สูงสุดในทีมชาติฝรั่งเศส เค้าก็ยังดูเจ๋งดีนะ และเค้าก็ยังมีหลายๆปัญหากับเปปเหมือนกัน “มันไม่ยินดีกับผม ไม่มองตาเลย เกิดไรขึ้นเนี่ย” ผมถาม
อองรีก็บอกว่า ไม่รู้เหมือนกันหวะ

พวกเราก็เอาเรื่องนี้มาล้อกันเล่น “เฮ้ย สลาตัน มันมองหน้าแกยังวะ วันนี้” “ยังเลยวะ แต่กูเห็นหลังมันนะ” “ยินดีด้วยวะ กำลังไปได้ดีเลยสินะ” ไอ่เรื่องแบบนั้น ช่วยผมได้นะนิดนึง แต่ทำผมเครียดไปอยู่ ผมถามตัวเองทุกชั่วโมง ผมทำอะไรลงไป ทำอะไรผิดเหรอ แต่ผมก็ยังไม่ได้รับคำตอบ นอกจากความเย็นชาที่ผมไปถามเรื่องตำแหน่งใหม่ของผม มันคงไม่มีคำอธิบายอี่นอีกแล้ว แต่นั้นมันก็เป็นจุดเปลี่ยน เปปไซโคผมเหรอที่ผมไปถามเกี่ยวกับตำแหน่ง ผมพยายามไปเจอหน้าเค้า เดินไปหาแล้วมองตา เค้าหันกลับไป เหมือนกลัวๆเลย และแน่นอนผมอาจจะที่จองนัดเค้าเพื่อจะไปถามว่า “เกิดไรขึ้นเนี่ย ” แต่ไม่หรอก ผมทำหมอนั่นผวามามากพอแล้วละ

นั่นเป็นปัญหาของเค้า แต่ก็ไม่ใช่ ผมว่าผมเคยรู้ว่าเกิดจากอะไร แต่ตอนนี้ก็ยัง หรือ บางที ผมไม่คิดว่า เค้าจะทนกับบุคลิกแข็งๆนี้ได้หรอกนะ เค้าแค่ต้องการ เด็กนักเรียนน่ารักๆ และ ยิ่งแย่ไปกว่านั้น เค้าหนีปัญหา เค้าไม่สามารถไปมองตาพวกเค้าได้ และยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปอีก

เถ้าละอองจากภูเขาไฟได้มาเยือน ไฟล์ทในยุโรปถูกระงับหมด เรากำลังจะไปที่ซานซิโร่เพื่อที่จะเจออินเตอ โดยรถบัส ไอ่พวกสมองตายในบาร์ซ่าคิดว่ามันเป็นความคิดที่ดี ผมหายเจ็บแล้วตอนนั้น แต่ทริปนั้นคือหายนะ ใช้เวลาสิบหกชั่วโมง และพวกเราแทบหมดแรง เมื่อพวกเรามาถึงมิลาน มันเป็นเกมที่สำคัญสุดในฤดูกาลตอนนั้น รอบตัดเชือกในแชมเปี้ยนลีก ผมกำลังเตรียมตัวในสังเวียนเดือดนี้ การโห่ร้องและล้อเลียนในถิ่นเก่าผม ชิวๆ นั้นแหละ แรงผลักดันผม แต่มีอย่างอื่นที่แย่กว่า ผมคิดว่า เปป มีปัญหากับ มูรินโญ่อยู่

มูรินโญ่คือดาวรุ่นใหญ่ ได้ถ้วยแชมเปี้ยนลีกมาแล้วกับปอร์โต้ เค้าเคยเป็นโค้ชของผมที่อินเตอร์ เค้าก็เท่อยู่หรอก ตอนแรกที่เค้าเจอเฮเล่น่า เค้ากระซิบบอกว่า “เฮ้ เฮเลน่า คุณมีภารกิจอย่างเดียวคือ ดูแลทำกับข้าวให้สลาตัน ให้เค้านอนเต็มอิ่ม ทำให้เค้ามีความสุข” หมอนี่พูดในสิ่งที่เค้าต้องการ ผมชอบวะ เค้าเป็นผู้นำของกองทัพอีกทั้งยังใส่ใจด้วย เค้าส่งข้อความให้ผมหลายครั้งตอนอยู่อินเตอร์เกี่ยวกับความรู้สึกของผม ตรงข้ามกับเปปเลย ถ้า มูรินโญ่ทำให้บรรยากาศดีขึ้น เปปเป็นพวกทำให้ทุกอย่างแย่ลง ผมว่าเปปพยายามที่จะวัดรัศมีเค้านะ


“มันไม่ใช่มูรินโย่ ที่เราเจอ แต่มันเป็นอินเตอ” เค้าบอก พูดซะเหมือนเราลงไปเตะด้วยกันเนาะ และก็พูดปรัชญาห่าเหวไรอีกก็ไม่รู้
ผมแทบไม่อยากฟัง ทำไมละ มันเกี่ยวพวกเรื่องเหงื่อ เลือด น้ำตา เรื่องห่าพวกนั้นแหละ ผมไม่เคยได้ยินโค้ชเค้าพูดกันแบบนั้น ขยะทั้งสิ้นเลยหวะ แต่สุดท้ายเค้าก็เดินมาหาผม ในการซ้อมที่ซานซิโร่ และผู้คนก็แบบว่า “ว้าว อิบรามาแว้ว”


‘เล่นตั้งแต่เริ่มได้ไหม” เปปถาม
“แน่นอน ” ผมตอบ
“แต่คุณพร้อมแน่นะ”
“อยู่แล้วละ ผมรู้สึกดี”
“แต่คุณพร้อมแล้วเหรอ”
เค้าเหมือนเป็นนกแก้ว และ ผมก็ขยะแขยงพิลึก
“ฟังนะ ถึงแม้จะการเดินทางมาที่เหนื่อย แต่ผมก็อยู่ฟอร์มที่ดี ไม่บาดเจ็บแล้ว ผมจะทำให้เต็มที่”


เปปมองเหมือนเค้ายังสงสัยในตัวผม ผมไม่เข้าใจเค้าซะเลย หลังจากนั้น ผมโทรไปหา ไมโน่ ไรโอล่า เอเย่นต์ผม ผมโทรไปหาตลอดแหละ สื่อสวีเดนชอบพูดว่า ไมโน่คือภาพลักษณ์แย่ๆต่อสลาตัน ไมโน่เป็นแบบนั้น แบบนี้ เอาความจริงไหม ไมโน่คืออัจฉริยะ ผมถามไปว่า
“หมอนั่นมันหมายความว่าอะไรวะ” เราทั้งคู่ไม่เข้าใจเลย เรากำลังเริ่มเขวแล้ว ผมได้เล่นตอนแรกเริ่ม และ เราทำประตูนำ หนึ่งลูก และเกมก็เปลี่ยน ผมถูกเปลี่ยนออกหลัง หนึ่งชั่วโมง และพวกเราแพ้ 3-1 มันเสียอารมณ์ และ ผมโคตรโกรธ ซึ่งวันเดิมๆในไอแอกซ์นั้น ผมกล้ำกลืนรับความพ่ายแพ้เป็นหลายวันหรือหลายอาทิตย์ แต่ตอนนี้ผมมีเฮเลน่าและลูก เค้าช่วยผมลืมและก้าวต่อไป และผมก็ตั้งใจรอเกมที่คัมป์นู ซึ่งเกมนี้ก็สำคัญมากและความตื่นใจก็ถูกปลุกวันต่อวัน

ความกดดันมันเยี่ยมไปเลย เหมือนสายฟ้าฟาด และพวกเราก็ต้องเอาชนะ แต่ผมก็ไม่อยากคิดหรือ บางทีก็คิด มันทำให้ผมแกร่งขึ้น เราชนะหนึ่งศูนย์แต่ไม่เพียงพอ พวกเราตกรอบ หลังจากนั้น เปป มองมาที่ผมราวกับว่าเป็นความผิดของผม และผมก็คิด ไพ่หมดกองแล้ว ไม่เหลือไรให้เล่นอีกแล้ว หลังจากเกมนั้น มันเหมือนกับว่าสโมสรไม่ต้อนรับผมอีกแล้ว รู้สึกแย่ที่ขับรถออดี้อีกด้วย


ผมรู้สึกเหมือนนั่งในห้องแต่งตัว และเปปมองกับผมเหมือนเป็นตัวปัญหา ตัวประหลาด มันบ้าเอามากๆ เค้าเหมือนเป็นกำแพงหิน ผมไม่รู้สึกสัญญาณการมีชีวิตจากเค้าเลย ผมต้องการหนีออกไปทุกวินาที


ผมไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีม และตอนเจอบียาร์รีล เค้าให้ผมเล่นแค่ห้านาที ห้านาทีเนี่ยนะ ผมแทบเดือดข้างใจ ไม่ใช่ว่าผมเป็นตัวสำรองหรอกนะ ผมรับได้ถ้าโค้ชแมนพอที่จะบอกว่า คุณดีไม่พอนะสลาตัน แต่เปปไม่พูดไรสักคำ ไม่เลย และตอนนี้ผมต้องทำละ ผมรู้สึกได้ถ้าผมเป็นเปป ผมคงกลัวอยู่บ้างแหละ ผมไม่ใช่นักสู้นะ ผมทำอะไรบ้าๆมานักต่อนัก แต่ผมไม่อยากมีเรื่อง ในสนามผมอาจทำคนอื่นเจ็บไปบ้างคนสองคน แต่กระนั้นตอนผมโกรธ ตาของผมจะเปลี่ยนไปเป็นสีดำ คุณไม่อยากอยู่ใกล้ผมหรอก ขอให้ผมบอกถึงรายละเอียดหน่อยนะว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากเกมนั้น ผมเข้าไปในห้องแต่งตัว ศัตรูผมก็ยืนอยู่ตรงน้า กำหัวล้านๆของมันนั้นแหละ มีไม่กี่คนอยู่ในนั้น และมีกล่องเหล็กใหญ่ๆไว้ใส่เสื้อผ้าของเรา และ ผมก็จ้องไปที่กล่องและเตะมันออกไปประมาณสามเมตร แต่ยังไม่จบหรอกนะ ผมตะโกนออกมาเลย
“เมิงมันเป็นพวกแมนไม่จริงนี่หวา” และคำพูดแย่ๆอีกไม่กี่คำที่เสริม
“เมิงขี้แตกต่อหน้ามูรินโญ่ ไปตายซะเหอะ”
ผมบ้าขึ้นไปเลย และผมคิดว่าเปปน่าจะพูดอะไรบ้าง แต่บางทีน่าจะเป็นแบบ “ใจเย็นไว้ก่อน คุณไม่น่าจะพูดแบบนั้นต่อหน้าโค้ชของคุณนะ “ แต่เค้าไม่ใช่แบบนั้น เค้ามันไอ่พวกป็อด เค้าก็แค่หยิบกล่องขึ้นมา เหมือนเป็นภารโรงตัวน้อยๆ และ จากไปโดยไม่พูดถึงมันอีกเลย สักคำ ข่าวก็กระจายออกไป ทุกคนก็บ้าขึ้นถามว่า “เกิดเชี่ยไรขึ้นเนี่ย เกิดเชี่ยไรขึ้น”


ไม่มีหรอก ผมว่านะ ก็แค่ความจริงไม่กี่คำ แต่ผมไม่มีแรงที่จะพูดถึงมันหรอก ผมปรอทแตกเลยละ โค้ชผมจับผมนั่งข้างสนามอาทิตย์แล้วอาทิตย์เล่าโดยไม่บอกว่าทำไม ซึ่งมันแทบทำผมบ้า

ผมเคยมีเรื่องแบบแย่ๆมาก็หลายครั้ง แต่ผมก็ทำความเข้าใจและเดินหน้าต่อไป มาตอนนี้ความเงียบและเลวร้ายยังปะทุอยู่

เมื่อผมเข้าใจว่าผมต้องนั่งในเกมเจออัลเมเรีย ผมจำคำนี้ได้เลย “ที่บาร์ซ่านี้ พวกเราไม่ขับเฟอรารี่หรือปอร์เช่มาซ้อมหรอกนะ ” มันคือเรื่องอะไรวะน่ะ ผมจะขับที่ผมต้องการ อย่างน้อยมันก็ยั่วโมโหไอ่ทุเรศบางคนได้ ผมโดดไปที่ เอนโซ่รถของผม จอดนอกประตูสนามซ้อม และ มันแทบเป็นเรื่องเลยละ สื่อก็ลงไปว่ารถผมสามารถจ่ายค่าเหนื่อยทีมอัลเมรีย ได้ทั้งเดือน แต่ผมไม่แคร์ สื่อห่วยทำอะไรผมไม่ได้ ผมขอเอาคืนมั่ง

ผมต้องเอาคืนนะพูดจริงๆ และรู้อะไรไว้อย่าง มันเป็นเกมที่ผมเล่นได้ ผมเคยเกเรมาก่อนเชื่อเหอะ แต่ผมไม่ต้องการป่วนการซ้อมกะแค่เรื่องพรรคนี้หรอก ผมเลยโทรหาไมโน่ พวกเรามักจะวางแผนฉลาดสกปรกด้วยกันเสมอๆ เค้าเป็นสหายที่ดีของผมเลยละ


ผมต้องการมุมมองใหม่ในสถานการณ์ของผมตอนนั้น และ พระเจ้าช่วย ผมได้รับคำแนะนำทั้งนั้น แต่เหมือนไม่ตรงใจเท่าไร ผมคุยทุกเรื่องกับเฮเล่น่า เธอเป็นเหมือนมาจากอีกโลกหนึ่งเลย เธอเจ๋งและแข็งแกร่งได้ด้วย เธอพยายามกระตุ้นผม
“คุณเป็นพ่อที่ดีขึ้นนะ เมื่อไรก็ตามที่คุณไม่มีทีมที่ซึ่งคุณรู้สึกดีด้วย มาร่วมทีมกับเราได้นะ” เธอบอกซึ่งทำให้ผมรู้สึกดีมากเลย
ผมเล่นบอลกับพวกเด็กๆ บ้าง และให้แน่ใจว่าทุกคนรู้สึกดีตาม และแน่นอน ผมใช้เวลาไปกับเครื่องเล่นเกม มันเหมือนเป็นโรคเลยแหละ กินผมทั้งเป็น ตอนผมอยู่อินเตอ ผมเล่นถึง ตีสี่ตีห้า และไปซ้อมในตอนเช้าหลังจากนอนไม่กี่ชั่วโมง ผมเลยตั้งกฎขึ้นมาใหม่ หลังสี่ทุ่มห้ามเล่นเกมเพลและเอกซ์บ๊อก

ผมไม่อาจให้เวลาผ่านไปได้ ในช่วงเวลาหลายๆอาทิตย์ในสเปน ผมพยายามใช้เวลากับครอบครัวในสวนของเรา ผมเคยมีช่วงเวลาที่ดีนะแต่ แต่มันก็เป็นแค่ด้านดีๆ ส่วนกลางคืนนั้นที่ผมนอนอยู่ หรือตอนซ้อม ผมเห็นเปป ด้านมืดของผมก็ตื่นขึ้น ความโกรธมันเต้นอยู่ในหัวผมและผมวางแผนในการแก้แค้นอยู่


ไม่หรอก บางทีผมเข้าใจอะไรๆมากขึ้น ผมหันหลังกลับไม่ได้แล้ว มันถึงเวลาที่ผมต้องยืนเพื่อตัวผมเองและเป็นตัวของผมเองจริงจังอีกครั้ง อย่าลืมว่า คุณพรากเด็กไปจากสลัมได้ แต่คุณไม่สามารถพรากสลัมไปจากเด็กได้

แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 55 17:04:29

จากคุณ : สิงห์ปืนไว
เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 55 14:24:23




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com