ความคิดเห็นที่ 1 ทำความเข้าใจเรื่องระบบเยาวชนฮอลแลนด์ซักนิด อย่างที่เคยทำกระทู้เล่าเรื่องวงการฟุตบอลฮอลแลนด์ไปแล้วว่าพวกเขาเน้นสร้างเด็กเยาวชน สโมสรฟุตบอลมีอยู่ทุกที่ ระดับอายุเด็กที่ฝึกฟุตบอลจะแบ่งเป็นรุ่นดังนี้ ระดับ F = อายุ 5-8 ปี ระดับ E = อายุ 9 ปี ระดับ D = อายุ 10-12 ปี ระดับ C = อายุ 13-14 ปี ระดับ B = อายุ 15-16 ปี ระดับ A = อายุ 17-18 ปี ระดับเยาวชน = อายุ 19-21 ปี โดยในระดับ A-F จะมีการแบ่งย่อยเป็นทีม 1, 2 และ 3 เพื่อฝึกเด็กตามอายุและความสามารถอีก ถ้าหากใครมีฝีเท้าดีก็จะได้เลื่อนระดับเร็ว ระบบนี้ใช้กันในทุกสโมสรของฮอลแลนด์ ไม่ว่าสโมสรนั้นจะมีผู้ชม หรือแฟนบอลที่มีสมาชิกหลักร้อย จนไปถึงถึงหลักหมื่น มีรายการแข่งขันทุกระดับ ผู้ฝึกสอนจะต้องเข้ารับการอบรมก่อนถึงจะมาฝึกสอนเด็กได้  โดนเน้นสอนที่เกมรุก การเข้าทำ เล่นบอลให้สนุก ส่วนนี้ที่ต่างจากอิตาลีที่ฝึกไม่ให้เสียประตูไว้ก่อน เล่นตามแผนที่โค้ชว่าง มีวินัย สรุป คือ ฮอลแลนด์กับฝรั่งเศสมีระบบการฝึกเด็กที่ดีที่สุดในโลกก็ว่าได้ จนหลายชาตินำไปทำตาม แต่พวกเขาดันไม่ได้ฝึกเรื่องทัศนคติในการเล่น และการเล่นเป็นทีม ผลงานก็เลยเป็นอย่างที่เห็น น่าเสียดาย   ลิงค์เผื่อใครยังไม่ได้อ่านระบบฝึกเด็กของฮอลแลนด์ http://topicstock.pantip.com/supachalasai/topicstock/2012/03/S11851030/S11851030.html จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 08:22:40

ความคิดเห็นที่ 2 เริ่มต้นชีวิตนักเตะ รุด ฟาน นิสเตลรอย  เกิดที่เขตออส จังหวัด “นอร์ทบราบันต์” ในประเทศฮอลแลนด์   ตอนอายุ 5 ขวบได้ไปเริ่มฝีกฟุตบอลกับทีม Nooit Gedacht ทีมระดับสมัครเล่นแถวบ้าน รุดเริ่มฝึกตั้งแต่ทีมเยาวชนระดับ F, E จนไปถึง D โดยเล่นในตำแหน่งกองกลาง ต่อมาทีม  RKSV Margrie ทีมใหญ่ที่สุดในเขตออส ซึ่งก็เป็นทีมสมัครเล่น ได้ให้รุดไปรวมทีมเพื่อปูเส้นทางเป็นนักเตะอาชีพ และในวัย 11 ปีเขาก็ได้รับโอกาสคัดเลือกให้เป็นเด็กฝึกของทีมอาชีพอย่าง เดน บอสช์ แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 55 08:24:46 จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 08:23:20

ความคิดเห็นที่ 3 1993-1997 เป็นนักฟุตบอลอาชีพกับ เดน บอสช์ 3 พฤษภาคม 1994 รุดในวัย 17 ปี ได้มีโอกาสเล่นเกมอาชัพเป็นครั้งแรกในฟุตบอลดิวิชั่นสอง ของฮอลแลนด์ ในเกมที่เจอกับเดน ฮาก ที่สโมสรแห่งนี้รุดไม่ได้เล่นเป็นกองหน้า ตำแหน่งของเขา คือ กองกลาง โดยมี “แอนโธนี่ เลอร์ลิ่ง” เล่นเป็นปีกคอยจบสกอร์ ฤดูกาล 1996-1997 รุดทำได้ถึง 12 ประตู จาก 31 นัด จึงเข้าตาทีมในลีกเอเดรเวนซี่ อย่างฮีเรนวีนมาซื้อตัวไป สถิติกับ เดน บอสช์ ฤดูกาล 1993-1994 ลงเล่น  2 นัด (ลีกดิวิชั่นสอง) ฤดูกาล 1994-1995 ลงเล่น  15 นัด ทำไป  3 ประตู (ลีกดิวิชั่นสอง) ฤดูกาล 1994-1995 ลงเล่น  2 นัด ทำไป  3 ประตู (ฟุตบอลถ้วย) ฤดูกาล 1995-1996 ลงเล่น 21 นัด ทำไป  2 ประตู (ลีกดิวิชั่นสอง) ฤดูกาล 1996-1997 ลงเล่น  31 นัด  ทำไป  12 ประตู (ลีกดิวิชั่นสอง) ลงเล่นทั้งหมด  71 นัด ทำไป  20 ประตู จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 08:25:26

ความคิดเห็นที่ 4 ฤดูกาล  1997-1998 จากกองกลางสู่กองหน้า รุดได้ย้ายมาอยู่ทีมในลีกสูงสุดด้วยค่าตัว 360,000 ยูโร โดยได้ลงประเดิมสนามในเกมอินเตอร์ โตโต้ คัพ ที่ฮีเรนวีนได้มีจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตของรุด เมื่อโค้ชเดอ ฮาน ที่คุมทีมอยู่ได้ให้เขาเปลี่ยนมายืนเป็นกองหน้า เกมแรกของฤดูกาลรุดได้ถูกส่งลงเป็นกองหน้าในเกมเจอกับเบรด้า และทำประตู 2-1 ได้ เมื่อผ่านไปแปดเกมรุดทำไปได้สองประตูจากตำแหน่งกองหน้า แต่ในภาพรวมเขาเล่นได้ดีจนถูกเรียกติดทีมชาติฮอลแลนด์ชุดอายุต่ำกว่า 21 ปี เมื่อจบฤดูกาลรุดทำได้ 13 ประตูในลีกสูงสุดเพียงแค่ฤดูกาลแรก สถิติฤดูกาล 1997-1998 เอเดรเวนซี่ ลงเล่น  31 นัด ทำไป  13 ประตู KNVB คัพ ลงเล่น 5 นัด ทำไป 3 ประตู ลงเล่นทั้งหมด  36 นัด ทำไป  16 ประตู จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 08:26:15

ความคิดเห็นที่ 5 ฤดูกาล  1998-1999 ยิงระเบิด หลังจากรุดเล่นเป็นกองหน้าได้อย่างยอดเยี่ยมที่ฮีเรนวีน  สโมสรพีเอสวีจึงทุ่มเงิน 5.4 ล้านยูโรคว้าตัวเขามารวมทีม รุด ยิงไปได้ถึง 31 ประตู จาก 34 นัดในลีก และในแชมเปี้ยนลีกฤดูกาลแรกที่เขาลงเล่นเขายิงไปได้  6 ประตู โดยหนึ่งลูกจากรอบคัดเลือกรอบสาม นัดสองที่ถล่ม “มาริบอร์” จาก สโลวีเนียในบ้าน 4-1 และอีก  5 ประตู มาจากสามนัดสุดท้ายในรอบแบ่งกลุ่ม ยิงหนึ่งลูกที่บ้านไกเซอร์ สเลาเทิร์น แต่แพ้ 1-3 ยิงแฮตทริกแรกในแชมเปี้ยนลีกใส่ “เฮลซิงกิ” ถึงฟินแลนด์ในชัยชนะ 3-1 ลูกสุดท้ายยิงตีเสมอเบนฟิก้า 2-2 ในบ้าน แล้วทีมตกรอบไปจากการเป็นอันดับสาม ถึงแม้รุดจะยิงได้ถึง 38 ประตูจากทุกรายการแต่ทีมก็ไม่ได้แชมป์ และยังจบอันดับ 3 อีกด้วย สถิติฤดูกาล 1998-1999 เอเดรเวนซี่ ลงเล่น  34 นัด ทำไป  31 ประตู KNVB คัพ ลงเล่น 5 นัด ทำไป 1 ประตู ยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีก ลงเล่น  7 นัด ทำไป  6 ประตู ลงเล่นทั้งหมด  46 นัด ทำไป  38 ประตู จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 08:27:22

ความคิดเห็นที่ 6 ฤดูกาล 1999-2000 คว้าแชมป์ลีกฮอลแลนด์ เริ่มต้นฤดูกาลมารุดก็ยังคงรักษาฟอร์มการทำประตูได้อย่างต่อเนื่อง  ยิงไป 29 ประตู เมื่อผ่านไป  23 นัด แต่เมื่อถึงวันที่  7 มีนาคม 2000 พีเอสวีไปเล่นอุ่นเครื่องกับทีมเดนมาร์ก รุดได้เข้าปะทะกับผู้เล่นฝั่งตรงข้าม ผลปรากฏว่าได้รับบาดเจ็บหนักที่หัวเข่าข้างขวาต้องพักสองเดือน  ในเวลาต่อมามีรายงานว่าสโมสรในต่างประเทศสนใจในรุด วันที่ 16 เมษายน 2000 รุด สามารถกลับมาซ้อมได้ และหลังจากนั้นอาทิตย์เดียวทีมพีเอสวีก็คว้าแชมป์ลีกจากการที่แต้มขาด ผลงานในแชมเปี้ยนลีกฤดูกาลนี้ของรุดก็ยังคงดีทำไปได้สามประตู หนึ่งในนั้นคือการยิงให้ทีมชนะบาเยิร์น 2-1 ในบ้าน สถิติฤดูกาล 1999-2000 เอเดรเวนซี่ ลงเล่น  23 นัด ทำไป  29 ประตู KNVB คัพ ลงเล่น 2 นัด ยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีก ลงเล่น  8 นัด ทำไป  3 ประตู ลงเล่นทั้งหมด  33 นัด ทำไป  32 ประตู จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 08:28:05

ความคิดเห็นที่ 7 ฤดูกาล 2000-2001 เจ็บหนักอดไปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ข่าวการย้ายทีมของรุด ฟาน นิสเตลรอย มีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนเมษายน วันที่ 22 เมษายน 2000 มีข่าวว่ารุดไปเที่ยวชมสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และตกลงสัญญาส่วนตัวได้แล้ว วันที่ 28 เมษายน 2000 หลังจากรุดได้รับการตรวจเข่าขวาพบว่าเขาต้องรับการรักษาถึง 8 เดือน การซื้อขายจึงถูกระงับไว้ก่อน การซื้อขายรุดจึงเกิดขึ้นในปีต่อมา  หลังจากที่รุดไปรักษาตัวที่อเมริกา และก็หายดีแล้ว   ทั้งนี้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต้องจ่ายเพิ่มอีก 500,000 ปอนด์เป็นค่าที่เกิดจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่เปลี่ยนค่าไป ทางด้านสโมสรพีเอสวี รุดได้กลับมาลงสนามอีกครั้งในวันที่ 3 มีนาคม 2001 เป็นเกมในบ้านที่พบกับโรด้า เจซี เมื่อรุดถูกเปลี่ยนลงไปแฟนบอลในสนามต่างตบมือให้กำลังใจเขาอย่างอบอุ่น วันที่ 31 มีนาคม 2001 รุดเหมาสองประตูให้ทีมชนะทเวนเต้ 2-1 ซึ่งเป็นการทำประตูอย่างเป็นทางการครั้งแรกหลังเจ็บไปนาน 11 เมษายน 2001 รุดลงเล่นเป็นตัวจริงใน KNVB คัพรอบรอง เขาเหมาสองประตูให้ทีมชนะฮีเรนวีน 3-1 เข้าไปชิง แต่สุดท้ายพีเอสวีก็แพ้ในการดวลจุดโทษกับทเวนเต้ เมื่อจบฤดูกาล รุด ย้ายไปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่มูลค่า 19 ล้านปอนด์ พร้อมกับทีมที่รักษาแชมป์ลีกไว้ได้ สถิติฤดูกาล 2000-2001 เอเดรเวนซี่ ลงเล่น  10 นัด ทำไป  2 ประตู KNVB คัพ ลงเล่น 2 นัด ทำไป 2 ประตู ลงเล่นทั้งหมด  12 นัด ทำไป  4 ประตู จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 08:28:50

ความคิดเห็นที่ 8 ฤดูกาล  2001-2002 ผจญภัยในพรีเมียร์ลีก หลังจากที่เซอร์อเล็กซ์ รอคอยรุดถึงหนึ่งฤดูกาล  ทั้งสองก็ได้รวมงานกัน รุด ไม่ว่าลงประเดิมรายการไหนในอังกฤษก็ยิงได้หมด 12 สิงหาคม 2001 เริ่มจากคอมมูนิตี้ ชีลด์  ลงเล่นเกมทางการนัดแรกในแมนยูก็ยิงได้เลย แต่ทีมแพ้ลิเวอร์พูล 1-2 19 สิงหาคม 2001 พรีเมียร์ลีกเกมแรกกับฟูแล่ม ก็ทำสองประตูให้ทีมชนะ 3-2 แต่จบอันดับสองเพราะแพ้มิลเดิ้ลสโบรซ์ในบ้าน 0-1  จึงถูกอาร์เซน่อลแซงคว้าแชมป์ลีกไป หลังเหลืออีก 6 นัด 6 มกราคม 2002 เอฟ.เอ.คัพ รอบสาม กับแอสตัน วิลล่า ยิงสองประตูอีกแล้ว ให้ทีมชนะ 3-2 แต่รอบต่อไปแพ้ มิดเดิ้ลสโบรซ์ ที่ริเวอร์ไซด์ 0-2 ในรายการแชมเปี้ยน ลีก ที่เป็นเครื่องหมายการค้าของรุด เขาทำไปได้ 10 ประตู รอบแบ่งกลุ่มยิงสองลูกถึงริอาซอร์แต่ทีมแพ้ลา คอรุนญ่า 2-3 และยิงหนึ่งลูกใส่โอลิมเปียกอซซึ่งทีมชนะ 3-0 รอบแบ่งกลุ่มรอบสองยิง  4 นัดติด ยิงนำบาเยิร์นถึงเยอรมัน 1-0 แต่จบ 1-1  เหมาสองในเกมถล่มเบาวิสต้า 3-0 ที่อังกฤษ ยิงตีเสมอน็องต์ 1-1 เก็บหนึ่งคะแนนจากฝรั่งเศส และกลับมาในอังกฤษ ยิงประตู 4-1 ในชัยชนะ 5-1 รอบ 8 ทีม ยิงหนึ่งลูกที่ “ริอาซอร์” อีกครั้งให้ทีมชนะ ลา คอรุนญ่า ที่สกอร์ 2-0 รอบรองชนะเลิศยิงให้ทีมนำไบเออร์ในบ้าน 2-1 แต่ถูกตีเสมอ 2-2 แล้วตกรอบเพราะเสมอที่เยอรมัน 1-1 เมื่อจบการแข่งขันรุด ฟาน นิสเตลรอย เป็นดาวซัลโวที่ 10 ประตู สถิติฤดูกาล 2001-2002 พรีเมียร์ ลีก ลงเล่น  32 นัด ทำไป  23 ประตู เอฟ.เอ. คัพ ลงเล่น  2 นัด ทำไป  2 ประตู ยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีก ลงเล่น  14 นัด ทำไป  10 ประตู คอมมูนิตี้ ชีลด์ ลงเล่น 1 นัด  ทำไป  1 ประตู ลงเล่นทั้งหมด  49 นัด ทำไป  36 ประตู จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 08:29:54

ความคิดเห็นที่ 9 ฤดูกาล 2002-2003 แชมป์พรีเมียร์ ลีก ฤดูกาลนี้รุดอาจจะเริ่มต้นได้ไม่ดีนัก เพราะเปิดฤดูกาลไม่ร้อนแรงอย่างปีที่แล้ว กว่าที่รุดจะทำประตูแรกของฤดูกาลได้ก็วันที่ 27 สิงหาคม 2002 โดยยิงทีมจากฮังการีในรอบคัดเลือกแชมเปี้ยนลีก รอบสาม ฤดูกาลนี้รุดได้ลงเล่นลีก คัพเป็นครั้งแรก แต่ยิงได้ในรอบรองนัดที่สอง ที่ชนะแบล็คเบิร์น 3-1 ที่อีวูด ปาร์ค แต่รอบชิงไปแพ้ลิเวอร์พูล 0-2 จากเจอร์ราร์ด และโอเว่น เอฟ.เอ. คัพ ลงเล่นรอบสามกับปอร์ทมัสก็ยิงได้สองประตู และรอบสี่ก็ยิงสองลูกในเกมที่ชนะเวสต์แฮม 6-0 แต่รอบต่อไปแพ้อาร์เซน่อล 0-2 จากเอดู และวิลตอร์ ในพรีเมียร์ลีกสามนัดแรก รุดอาดยิงไม่ได้  ก่อนขึ้นปี 2003 ยิงได้แค่แปดประตู แต่ผลงานเด่น คือ การยิง 8 นัดสุดท้ายติดต่อกันให้ทีมซึ่งอยู่ที่สองแซงอาร์เซน่อลเป็นแชมป์ได้สำเร็จ เริ่มจากแฮตทริกใส่ฟูแล่มให้ทีมชนะ 3-0  ยิงจุดโทษสองประตูในเกมชนะลิเวอร์พูล 4-0  ยิงหนึ่งประตูให้ทีมถล่มนิวคาสเซิล 6-2 ยิงหนึ่งประตูเก็บหนึ่งคะแนนสำคัญจากไฮบิวรี่ที่เสมอ 2-2 และยิงประตูทุกนัดพาทีมชนะสี่นัดสุดท้ายจนเป็นแชมป์ รุดทำแฮตทริกระหว่างฤดูกาลนี้ทั้งหมดสามครั้ง รายการแชมเปี้ยนลีกฤดูกาลนี้ยิงไปถึง 14 ประตู รอบคัดเลือกยิงไป 2 ประตู รอบแบ่งกลุ่มรอบแรกยิงไป 4 ประตู (เลเวอร์คูเซ่น 3 ประตู) ที่เด็ดสุดคือยิงรอบแบ่งกลุ่มรอบสอง 4 นัดติดต่อกัน โดยเริ่มจากเหมาสองให้ทีมชนะบาเซิ่ลถึงสวิส 3-1 เหมาสองที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ให้ทีมชนะลา คอรุนญ่า 2-0 ต่อด้วยหนึ่งลูกชนะยูเวนตุส 2-1 และปิดท้ายยิงลูก 3-0 ใส่ยูเวนตุสถึงตูริน เป็น 6 ประตูจาก 4 นัด พาทีมเข้ารอบ 8 ทีมอย่างรวดเร็ว รอบ 8 ทีมแมนยูเจอความยอดเยี่ยมของโรนัลโด้ ถึงแม้รุดยิงได้นัดละหนึ่งลูก แต่ก็ไม่เพียงพอให้ทีมผ่านเข้ารอบต่อไป รุด จึงเป็นดาวซัลโวแชมป์เปี้ยน ลีกฤดูกาลที่สองติดต่อกัน ฤดูกาลนี้รุดยิงไปถึง 44 ประตู ถึงว่าเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมเอามากๆ สถิติฤดูกาล 2002-2003 พรีเมียร์ ลีก ลงเล่น  34 นัด ทำไป  25 ประตู เอฟ.เอ. คัพ ลงเล่น  3 นัด ทำไป  4 ประตู ยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีก ลงเล่น  11 นัด ทำไป  14 ประตู ลีกคัพ ลงเล่น 4 นัด  ทำไป  1 ประตู ลงเล่นทั้งหมด  52 นัด ทำไป  44 ประตู รูปนี้ต้องเป็นรูปแรกของกระทู้แต่กดผิด อยากร้องไห้ อุตสาเลือกมา จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 08:31:50

ความคิดเห็นที่ 10 ฤดูกาล 2003-2004 แชมป์ฟุตบอลถ้วยรายการแรก ถึงแม้รุด ฟาน นิสเตลรอย จะเล่นฟุตบอลกว่า 10 ฤดูกาล ยิงทำสถิติมากมาย แต่นี้เป็นฤดูกาลแรกที่เขาได้แชมป์บอลถ้วย ในลีกถึงจะไม่ได้แชมป์ แต่เริ่มฤดูกาลมาก็ยิงสองนัดติด  ถ้ารวมกับฤดูกาลก่อนคือการสร้างสถิติยิง 10 นัดติดต่อกัน เมื่อขึ้นปี 2004 รุดทำไปแล้ว 13 ประตู แต่ครึ่งปีหลังยิงไปได้แค่ 7 ประตูเท่านั้น เหตุผลหนึ่งคือการที่โซลชาที่ล่นกราบขวาแทนเบ็คแฮมที่ย้ายออกไปได้อย่างดีดันบาดเจ็บหนัก เลยขาดคนเปิดบอล รายการแชมเปี้ยนลีก รุด ทำไปได้แค่ 4 ประตู จากการยิงหนึ่งประตูในเกมที่ทีมแพ้สตุ๊ดการ์ท 1-2 ที่เยอรมัน เหมาสองลูกให้ทีมชนะเรนเจอร์ 3-0 ในบ้าน และกลับมายิงหนึ่งประตูให้ทีมชนะสตุ๊ดการ์ท 2-0 รอบ 16 ทีม  แพ้ปอร์โต้ของมูริญโญ่ตกรอบไป ผลงานเด่นปีนี้คือเอฟ.เอ. คัพ ลงเล่น 4 นัด มีสามนัดที่เหมาสองลูก เริ่มจากเกมชนะแมนซิตี้ 4-2 รอบห้า ต่อด้วยชนะฟูแล่ม 2-1 รอบแปดทีม และในนัดชิงที่ชนะมิลล์วอลล์ 3-0 รวม 6 ประตู สถิติฤดูกาล 2003-2004 พรีเมียร์ ลีก ลงเล่น  32 นัด ทำไป  20 ประตู เอฟ.เอ. คัพ ลงเล่น  4 นัด ทำไป  6 ประตู ยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีก ลงเล่น  7 นัด ทำไป  4 ประตู คอมมูนิตี้ ชีลด์ ลงเล่น 1 นัด   ลงเล่นทั้งหมด  44 นัด ทำไป  30 ประตู จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 08:32:53

ความคิดเห็นที่ 11 ฤดูกาล 2004-2005 ปีที่แสนโชคร้าย เริ่มต้นเดือนสิงหาคมรุดมีอาการบาดเจ็บรบกวนไม่ได้เล่นเลยสักเกม เมื่อถึงเดือนกันยายน รุดก็ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมที่เสมอโบลตัน 2-2 เป็นเกมแรกของฤดูกาลแต่ยิงไม่ได้ มายิงได้จากจุดโทษที่พาทีมชนะสเปอร์ 1-0 จากนั้นก็ยิงได้ต่อเนื่องเริ่มจากหนึ่งประตูในเกมชนะอาร์เซน่อล 2-0 ยิงขึ้นนำนิวคาสเซิ่ล 2-1 ในชัยชนะ 3-1  และยิงนำเวสต์ บรอมวิช 2-0 ในชัยชนะ 3-0   หลังจบเกมกับเวสต์บรอมวิช รุดได้รับบาดเจ็บจนต้องพักยาวถึงเดือนกุมภาพันธ์  และกลับมายิงได้ในสองนัดสุดท้าย จบฤดูกาลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจบอันดับสามของตาราง เอฟ.เอ. คัพ รุดได้ลงเล่นนัดแรกหลังจากหายบาดเจ็บในรอบ 8 ทีม แต่มายิงได้สองลูกในรอบรองที่ชนะนิวคาสเซิ่ล 4-1 นัดชิงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แพ้อาร์เซน่อลในการดวลจุดโทษ ส่วนผลงานรุดกับเกมแชมเปี้ยนลีกยังยอดเยี่ยมเช่นเคย ในวันที่ 15 กันยายน 2004 รุด ลงเล่นแชมเปี้ยนลีกรอบแบ่งกลุ่มนัดแรกก็ยิงสองประตูพาทีมเก็บหนึ่งแต้มจากลียงถึงฝรั่งเศส เกมที่สองก็ยิงหนึ่งลูกในเกมถล่มเฟเนร์บาห์เช่ 6-2 เกมที่สี่ยิงคนเดียว 4 ประตู ถล่มสปาร์ต้า ปราก 4-1 ในบ้าน และยิงประตูชัย 2-1 ให้ทีมชนะลียง 2-1 การันตีการเข้ารอบ 16 ทีม แต่ไปแพ้เอซี มิลานทั้งนัดเหย้าและเยือนตกรอบไป รุด ฟาน นิสเตลรอย คว้ารางวัลดาวซัลโวแชมเปี้ยนลีกเป็นครั้งที่สามในรอบสี่ฤดูกาล สถิติฤดูกาล 2004-2005 พรีเมียร์ ลีก ลงเล่น  17 นัด ทำไป  6 ประตู เอฟ.เอ. คัพ ลงเล่น  3 นัด ทำไป  2 ประตู ยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีก ลงเล่น  7 นัด ทำไป  8 ประตู ลงเล่นทั้งหมด  27 นัด ทำไป  16 ประตู จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 08:34:20

ความคิดเห็นที่ 12 ฤดูกาล 2005-2006 ปีสุดท้ายกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริ่มต้นฤดูกาลอย่างร้อนแรงด้วยการยิงในลีกนัดละลูกสี่เกมติดต่อกัน พาทีมชนะสาม เสมอหนึ่งในสี่เกมแรก ไล่ตั้งแต่ชนะเอฟเวอร์ตัน, แอสตัน วิลล่าและนิวคาสเซิ่ล มาสะดุดตรงเสมอแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-1 จากนั้นก็ยิงได้เรื่อยๆ มาแผ่วหลังจากวันที่ 1 เมษายน 2006 ที่ยิงประตูชัยให้ทีมชนะโบลตัน 2-1 ซึ่งเป็นประตูสุดท้ายกับแมนยู จบฤดูกาลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจบอันดับสอง เอฟ.เอ. คัพลงเล่นในเกมชนะวูลฟ์ 3-0 และแพ้ลิเวอร์พูล 0-1 ทั้งสองเกมยิงไม่ได้ ลีก คัพ ลงเล่นทั้งสองเกมในรอบรองกับแบล็คเบิร์นโดยทำได้หนึ่งประตูในเกมที่สอง แต่ไม่ได้ลงเล่นนัดชิงที่ทีมได้แชมป์ ส่วนยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก ลงเล่นครบ 8 นัด แต่ทำได้แค่สองลูก หนึ่งลูกในรอบคัดเลือก อีกหนึ่งประตูยิงให้ทีมชนะเบนฟิก้า 2-1 สถิติฤดูกาล 2005-2006 พรีเมียร์ ลีก ลงเล่น  35 นัด ทำไป  21 ประตู เอฟ.เอ. คัพ ลงเล่น  2 นัด ยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีก ลงเล่น  8 นัด ทำไป  2 ประตู ลีกคัพ ลงเล่น 2 นัด  ทำไป  1 ประตู ลงเล่นทั้งหมด  47 นัด ทำไป  24 ประตู จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 08:36:16

ความคิดเห็นที่ 13 ฤดูกาล 2006-2007 เป็นดาวซัลโวแล้วคว้าแชมป์ลาลีกา หลังจากที่มีปากเสียงกับคริสเตียนโน่ โรนัลโด้  รุดจึงตัดสินใจย้ายมายังรีล มาดริดด้วยค่าตัว 24 ล้านยูโร คาเปลโล่ ได้กล่าวต้อนรับลูกทีมคนใหม่ว่า “ถ้ารุด ฟาน นิสเตลรอย เป็นดาวซัลโว ทีมเราจะเป็นแชมป์ลีก” รุด ทำประตูอย่างถล่มทลายทั้งยิงแฮตทริกใส่ “เลบานเต้” ในเกมลีกนัดที่สองที่ชนะ 4-1 12 พฤศจิกายน 2006 เหมาคนเดียวสี่ประตูในเกมชนะโอซาซูน่า 4-1 รุด ยังทำสถิติยิงติดต่อกันเจ็ดนัดรวดตั้งแต่นัดที่ 31 ที่ชนะบาเลนเซีย 2-1 จนถึงเกมที่ 37 ที่เสมอ ซาราโกซ่า 2-2 แต่ผลงานที่ประทับใจแฟนบอลราชันชุดขาว คือ ยิงประตูตอกย้ำชัยชนะเหนือบาร์เซโลน่า 2-0 ในบ้านตัวเอง กับการที่รุด ยิงสองประตูถึงคัมป์ นู ในเกมที่บาร์เซโลน่าต้องไล่ตีเสมอ 3-3 จากแฮตทริกของเมซซี่ ซึ่งจากผลงานพบกันเองทั้งสอนนัดนี้  ทำให้รีล มาดริดคว้าแชมป์ลาลีกา โดยที่มี 76 คะแนนเท่ากับบาร์ซ่า แถมรุด ฟาน นิสเตลรอย ได้รางวัลปิชิชี่ที่ 25 ประตู พร้อมทั้งแชมป์ลาลีกา อย่างคาเปลโล่พูดจริงๆ ผลงานในแชมเปี้ยน ลีก รอบแบ่งกลุ่มยิงสองลูกให้ทีมเก็บสามแต้มจากการชนะ ดินาโม เคียฟ 5-1 ยิงลูก 4-1 ย้ำชัยชนะเหนือ สเตอัว บูคาเรสต์  ยิงตีเสมอลียง 2-2 เก็บพาทีมหนึ่งแต้มมาได้ รอบ 16 ทีม เจอทีมแกร่งอย่างบาเยิร์น มิวนิค รุดยิงได้ทั้งนัดเหย้าและนัดเยือน เกมละหนึ่งประตู แต่ไม่เพียงพอทำให้ทีมตกรอบด้วยกฎประตูทีมเยือน สถิติฤดูกาล 2006-2007 ลาลีกา ลงเล่น  37 นัด ทำไป  25 ประตู โคปา เดอะ เรย์ ลงเล่น  3 นัด ทำไป  2 ประตู ยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีก ลงเล่น  7 นัด ทำไป  6 ประตู ลงเล่นทั้งหมด  47 นัด ทำไป  33 ประตู จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 08:37:07

ความคิดเห็นที่ 14 ฤดูกาล 2007-2008 แชมป์ลาลีกาสองปีซ้อน ถึงแม้ในฤดูกาลนี้จะมีการเปลี่ยนโค้ชเป็นแบรนด์ ชูสเตอร์ รุดก็ยังคงได้รับเลือกให้เป็นกองหน้าตัวหลักเหมือนเดิม ในลาลีกา รุดทำประตูได้เรื่อยๆไม่โดดเด่นเหมือนฤดูกาลก่อน  แต่ก็ทำให้สโมสรขยายสัญญาเมื่อเข้าเดือนมกราคม 2008 เมื่อถึงเดือนมีนาคม รุดได้รับบาดเจ็บจนต้องพักเกือบสองเดือน   เขากลับมาได้ในเกมที่มาดริดถล่มบาร์เซโลน่า 4-1 ซึ่งเป็นเกมที่ 36 ของฤดูกาลในเดือนพฤษภาคม รุด ลงสนามไปในนาทีที่ 75 แทนราอูล และยิงประตูในสองนาทีต่อมาจากจุดโทษ สองนัดต่อมารุดทำไปสามประตู หนึ่งประตูในเกมเสมอซาราโกซ่า 2-2 และสองประตูที่ถล่มเลบานเต้ 5-2 ในแชมเปี้ยนลีกทำไปได้ 4 ประตูจากเจ็ดนัด โดยเป็นประตูชัย 2-1 ในรอบแบ่งกลุ่มนัดแรกกับเบรเมน ต่อมาทำสองประตูกับลาซิโอถึงกรุงโรมซึ่งจบที่ 2-2 และยิงอีกหนึ่งที่แพ้เบรเมน 2-3 โดยในรอบ 16 ทีมสุดท้ายรุดได้เล่นแค่นัดแรกที่กรุงโรมกับโรม่าเท่านั้น ซึ่งมาดริดมาได้แค่รอบนี้ สถิติฤดูกาล 2007-2008 ลาลีกา ลงเล่น  24 นัด ทำไป  16 ประตู โคปา เดอะ เรย์ ลงเล่น  1 นัด ยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีก ลงเล่น  7 นัด ทำไป  4 ประตู คิงส์ คัพ ลงเล่น  1 นัด ลงเล่นทั้งหมด  33 นัด ทำไป  20 ประตู จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 08:38:00

ความคิดเห็นที่ 15 ฤดูกาล 2008-2009 เจ็บหนักอีกครั้ง เริ่มต้นฤดูกาลอย่างสวยงามด้วยการเล่นคิงส์ คัพ  สองนัด ทำไปสามประตู พาทีมคว้าแชมป์มาได้หลังจากปีที่แล้วพลาดไป รีล มาดริดชนะประตูรวมสองนัดเหนือบาเลนเซียที่สกอร์ 6-5  รุดยิงนัดแรกสองประตู นัดสองอีกหนึ่งประตู ส่วนนัดแรกในลาลีกา รุดก็ยิงได้เลย แต่ทีมแพ้ลา คอรุนญ่า 1-2 มานัดสามก็ยิงอีกหนึ่งประตูพาทีมชนะ ราซิ่ง 2-0 นัดที่ห้ายิงประตูชัย 2-1 เหนือเบติส  นัดที่เจ็ดยิงขึ้นนำ แอตเลติโก มาดริด 1-0 ตั้งแต่นาทีแรกก่อนที่ทีมชนะ 2-1 ในแชมเปี้ยนลีกก็ยิงสามนัดติดต่อกันในรอบแบ่งกลุ่มสามนัดแรกพาทีมชนะบาเต้  2-0 และเซนิต 2-1 ก่อนยิงอีกหนึ่งลูกที่ทีมแพ้ยูเวนตุส 1-2 ที่เดลเล่ อัลปิ เป็นประตูสุดท้ายก่อนเจ็บยาว พอเข้าเดือนพฤศจิกายน สโมสรรีล มาดริดก็ประกาศว่า รุด ฟาน นิสเตลรอย พักยาวตลอดทั้งฤดูกาล สถิติฤดูกาล 2008-2009 ลาลีกา ลงเล่น  6 นัด ทำไป 4 ประตู ยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีก ลงเล่น  4 นัด ทำไป  3 ประตู คิงส์ คัพ ลงเล่น  2 นัด ทำไป 3 ประตู ลงเล่นทั้งหมด  12 นัด ทำไป  10 ประตู จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 08:41:56

ความคิดเห็นที่ 16 ฤดูกาล 2009- มกราคม 2010 อำลารีลมาดริด หลังจากหายบาดเจ็บรุดก็ได้ลงสนานครั้งแรกในนัดที่สามของฤดูกาลกับ เคเรซ นาทีที่ 80 แทนคริสเตียนโน่ โรนัลโด้ แถมยังทำประตูได้ในนาทีที่ 89 จากการจ่ายของเบนเซมา เป็นเกมและประตูสุดท้ายในลาลีกากับมาดริด หลังจากนั้นรุดก็ได้ลงเล่นเป็นตัวสำรองในแชมเปี้ยนลีก 8 นาที และได้ลงอีกที่ในโคปา เดอะ เรย์ อีกสองนัดโดยเป็นสำรองหนึ่งนัด และตัวจริงหนึ่งนัด แต่ทีมแพ้อัลคอร์คอนตกรอบ วันที่ 23 มกราคม 2010 รุด ฟาน นิสเตลรอย  ถูกปล่อยตัวไปยังฮัมบูรก์ ซึ่งรุดเซ็นสัญญา 18 เดือน สถิติ 2009- มกราคม 2010 ลาลีกา ลงเล่น  1 นัด ทำไป 1 ประตู โคปา เดอะ เรย์ ลงเล่น 2 นัด ยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีก ลงเล่น  1 นัด ลงเล่นทั้งหมด  4 นัด ทำไป  1 ประตู จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 08:44:22

ความคิดเห็นที่ 17 มกราคม 2010-พฤษภาคม 2010 ชีวิตใหม่ในเยอรมัน 13 กุมภาพันธ์ 2010 รุด ก็ยิงประตูแรก และประตูที่สองให้กับทีมชนะสตุ๊ดการ์ท หลังจากลงไปไม่กี่นาที 21 มีนาคม 2010 ยิงขึ้นนำชาลเก้ 1-0 ก่อนจบที่ 2-2, 1 พฤษภาคม 2010 ยิงปิดกล่องถล่มเนิร์นแบร์ก 4-0 และลูกสุดท้ายยิงตีเสมอเบรเมน 1-1 ในนัดสุดท้ายของฤดูกาล ในยูโรปา ลีก รุด พาทีมเข้ารอบรองชนะเลิศก่อนที่จะไปแพ้ฟูแล่ม ด้วยการยิงอัลเดอร์เลชท์ ในรอบ 16 ทีมนัดแรก หนึ่งประตู และยิงสตองดาร์ ลีแอช ในรอบแปดทีมอีกหนึ่งประตู รุด ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงถึง 7 นัด ในครึ่งฤดูกาลหลังของบุนเดสลีกา สถิติ บุนเดสลีกา ลงเล่น 11 นัด  ทำไป  5 ประตู ยูโรปา ลีก  ลงเล่น 7 นัด  ทำไป  2 ประตู ลงเล่นทั้งหมด  18 นัด  ทำไป  7 ประตู ลงรูปสลับกันอีก อันนี้ต้องรูปข้างบน จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 08:45:36

ความคิดเห็นที่ 18 ฤดูกาล 2010-2011 ชีวิตสบายๆที่เยอรมัน เนื่องจากฮัมบูรก์จบที่อันดับ 7 ไม่ได้ไปเล่นสโมสรยุโรป รุดจึงได้เล่นแค่บุนเดสลีกา กับเดเอฟเบ โพคาลเท่านั้น 15 สิงหาคม 2010 เกมเดเอฟเบ โพคาล รอบแรกกับทีมระดับสมัครเล่น รุดสามารถทำแฮตทริกได้ 21 สิงหาคม 2010 เกมบุนเดสลีกานัดแรก รุดลงสนามพบกับราอูลในเสื้อชาลเก้  รุดเหมาสองประตูให้ทีมชนะ 2-1 จากนั้นในเกมทีสองของฤดูกาลก็โหม่งให้ทีมขึ้นนำแฟร้งเฟิร์ต 2-1 จากการเปิดของเซ โรแบร์โต้ ในชัยชนะ 3-1 15 มกราคม 2011 นัดแรกในครึ่งฤดูกาลหลังก็ทำประตูชัย 1-0 เหนือชาลเก้อีกครั้ง 9 เมษายน 2011 ยิงจุดโทษขึ้นนำดอร์ทมุนด์ 1-0 ให้แชมป์ในปีนั้นไล่ตีเสมอ เป็นประตูสุดท้ายกับฮัมบูรก์ จบฤดูกาล ฟาน นิสเตลรอย ยิงไป 7 ประตู กับ 2 แอสซิส ในบุนเดสลีกา สถิติฤดูกาล 2010-2011 บุนเดสลีกา ลงเล่น 25 นัด  ทำไป  7 ประตู เดเอฟเบ โพคาล  ลงเล่น 1 นัด  ทำไป  3 ประตู ลงเล่นทั้งหมด  26 นัด  ทำไป  10 ประตู จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 08:46:38

ความคิดเห็นที่ 19 ฤดูกาล 2011-2012 ปิดฉากชีวิตนักเตะที่สเปน หลังจากหมดสัญญากับฮัมบูรก์ รุดได้รับของเสนออย่างงามจากมาลาก้าจากสเปน แต่เนื่องด้วยอายุในวัย 35 ปี ทำให้ไม่ได้รับความเชื่อมั่นเป็นตัวหลัก ทั้งฤดูกาลได้เป็นตัวจริงแค่ 10 นัดเท่านั้น ที่นี้เขาได้ลงเป็นตัวจริงในโคปา เดอะ เรย์ทุกนัด และทำได้ 1 ประตู ในเกมรอบแรกนัดสองที่เสมอเคตาเฟ่ 2-2 พอถึงรอบสองก็ต้องพ่ายแพ้ให้รีล มาดริด อดีตต้นสังกัดเก่าของเขา ผลงงานในลีกฤดูกาลนี้ คือ โหม่งประตูตีเสมอเคตาเฟ่ 1-1 ในเกมลีกที่ทีมชนะ 3-2 ประตูทีสองยิงตีเสมอกิฆอน 1-1 ก่อนแพ้ 1-2  ประตูที่สามยิงตีเสมอเอสปันญ่อล 1-1 และประตูสุดท้ายในอาชีพนักเตะ เป็นประตู 3-0 ที่โหม่งใส่ ราซิ่ง ในนัดที่ 32 ของฤดูกาล หลังจบฤดูกาล รุด ฟาน นิสเตลรอย ประกาศเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ สถิติฤดูกาล 20011-2012 ลาลีกา ลงเล่น  28 นัด ทำไป 4 ประตู โคปา เดอะ เรย์ ลงเล่น 4 นัด ทำไป 1 ประตู ลงเล่นทั้งหมด  32 นัด ทำไป  5 ประตู จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 08:48:56

ความคิดเห็นที่ 20 ทีมชาติฮอลแลนด์ 1999-2011   วันที่ 18 พฤศจิกายน 1998 รุด ได้ประเดิมทีมชาติในเกมอุ่นเครื่องกับเยอรมัน ยูโร 2000 รุด ไม่ได้ติดทีมไปเพราะมีอาการบาดเจ็บรบกวน ปี 2001-2002 รุด ยิงประตูในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกไปถึง 6 ประตู แต่ทีมไม่ได้ผ่านเข้ารอบ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2003 รุด ทำแฮตทริกในเกมยูโร 2004 รอบคัดเลือกกับสก็อตแลนด์ ยูโร 2004 รุด ยิงประตูตีเสมอเยอรมัน 1-1 ในนัดแรก ยิงขึ้นนำเช็ก 2-0 แต่ถูกเช็กพลิกกลับมาชนะ 3-2 ยูโร 2004 นัดที่สามรอบแบ่งกลุ่ม รุดยิงสองลูกให้ทีมชนะลัตเวีย 3-0 แต่รอบ 8 ทีม ชนะจุดโทษสวีเดน ยูโร 2004 รอบรองชนะเลิศ แพ้ โปรตุเกส 1-2 ตกรอบไป จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 08:51:27

ความคิดเห็นที่ 21 ปี 2004-2005 รุด ทำไป 7 ประตูในฟุตบอลโลก 2006 รอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก 2006 ยิงประตู 2-0 ในเกมที่ชนะ ไอเวอรี่โคสต์  2-1 แต่ในรอบ 16 ทีมที่แพ้โปรตุเกส 0-1 ไม่ได้เล่น กันยายน 2007 เกมยูโร 2008 รอบคัดเลือกที่เจอบัลแกเรียกับอัลแบเนีย ยิงให้ทีมชนะได้ทั้งสองนัด ยูโร 2008 ยิงขึ้นนำอิตาลี 1-0 ในชัยชนะ 3-0 รอบแปดทีมยิงตีเสมอรัสเซีย 1-1 แต่แพ้ช่วงต่อเวลา 1-3 29 มีนาคม 2011 เกมยูโร 2012 รอบคัดเลือกเนื่องจากกองหน้าตังหลักเจ็บหมด รุดจึงถูกเรียกไปแทน และก็ยิงประตูขึ้นนำ 3-2 ในชัยชนะ 5-3 เหนือฮังการี เป็นประตูสุดท้ายและเกมสุดท้ายในทีมชาติ สถิติ ลงเล่นให้ทีมชาติฮอลแลนด์ 70 นัด ทำไป 35 ประตู ลงเล่นให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 219 นัด ทำไป 150 ประตู ลงเล่นให้รีล มาดริด 96 นัด ทำไป 64 ประตู จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 08:52:58

ความคิดเห็นที่ 22 จบแล้ว แต่รู้สึกวันนี้รั่วมาก โพสรูปผิดตั้งแต่เริ่มกระทู้เลย ขอประทานอภัยด้วย อาทิตย์หน้าอยากสรุปผลงานนักกีฬาไทยที่ไปโอลิมปิก แต่ไม่รู้จะหารูปได้หรือเปล่า อาทิตย์ก็จนเชียร์มวย กับเทควันโด้ให้ได้เหรียญทองนะครับ จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 08:57:30

ความคิดเห็นที่ 23 อันนี้แถมคลิป 25 ประตูกับรีลมาดริด จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 09:00:07

ความคิดเห็นที่ 24 แถมอีกอัน คือ คลิป 20 ประตูสุดสวย ผมชอบลูกที่รุดลากไปคนเดียวครึ่งสนามมากที่สุด วันนั้นนั่งดูอยู่ติดตามาก จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 09:01:42

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณครับคุณสารานุกรมกัลโช่ รูปผิดนิดหน่อยไม่เป็นไรครับ ข้อมูลแน่นซะอย่าง รุด นี่เป็นนักเตะในดวงใจของผมอีกคนนีงเลย เปอร์เซ็นต์การยิงประตูแกสูงจริงๆ อยู่ที่ไหนก็ยิง ตั้งแต่แกออกจากแมนยูไป ก็ตามเชียร์แกตลอด ผมชอบสมัยที่แกกับเบ็คส์เล่นด้วยกัน สุดๆแล้ว ทั้งใน แมนยู กับ มาดริด เข้าขารู้ใจ กันดีมาก ปล. ผมก็เพิ่งรู้นะเนี่ยแกเคยเล่นกลางมาก่อน คนที่จับแกมาเล่นหน้านี่ตาถึงจริงๆ จากคุณ : WP_ForEveR เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 09:09:59

ความคิดเห็นที่ 26 ผมรู้จักรุด ครั้งแรกเพราะ เพื่อนบ้าบอลมากซื้อหนังสือฟุตบอลแทบจะทุกเล่มมาอ่าน แล้วเห็นยิงเยอะในลีกฮอลแลนด์ ตอนปี 98-99 มั้ง ชวนกันไปเล่น CM ละซื้อมาเล่นในทีมกันอยู่ บ้าคลั่งอยู่พักนึงเลย สมัยนั้นยังเรียก แวน นิสสเตลอย อยู่เลย ตอนนั้นก็ไม่คิดว่าจะเก่งขนาดจะเป็นระดับโลกได้ แต่ก็รู้ว่าเก่งอยู่ ถ้าจำไม่ผิดสมัยนั้น ลุค นิลิส ดังกว่าเยอะ แถมศูนย์หน้าฮอลแลนด์นึกออกแค่ไคลเวิร์ทคนเดียวเอง (มาคายก็ยังไม่ดังเลยตอนนั้น) พอจะมาแมนยู เห็นมีข่าวออกกันโครมคราม ผมก็ยังนึกอยู่ว่ามาแล้วจะเก่งจริงเหรอ ปรากฏว่ากลายเป็นขวัญใจผมเลย(แต่ต้องแอบเชียร์ เพราะผมเชียร์หงส์ ) ตอนมีข่าวจะย้าย อยากให้ราฟาซื้อมามาก แต่ก็รู้ว่าเฟอร์กูสันคงไม่ยอมปล่อยมาแน่นอน ปล.เพิ่งรู้ว่า เคยอยู่ทีมเดียวกับ แอนโทนี่ เลอริ่ง เทพ CM อีกคนนึง 55 แต่พูดถึงรุด แล้วผมนึกถึงคลิปนี้ทุกทีเลยอะ จากคุณ : โหม่งเห็ด เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 10:16:01

ความคิดเห็นที่ 27 โชคดีมากที่ได้ดูรุดเล่นกับตาก่อนแฟนบอลที่อังกฤษซะอีก ปีแรกที่รุดและเวรอนย้ายมาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปีนั้นมาทัวร์ที่ไทยด้วย T__T จากคุณ : พลังคลื่นเต่าสะท้านฟ้า เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 11:05:35

ความคิดเห็นที่ 28 สุดยอดกองหน้าในกรอบเขตโทษ "RVN" จากคุณ : Home_Nature เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 11:09:22

ความคิดเห็นที่ 29 แสดงว่าแฟนหงส์ก็ชอบรุดเยอะเหมือนกันน๊า ที่เห็นๆก็ 2 คนละ คนที่ทำคลิบใน #24 กับ คุณโหม่งเห็ด จากคุณ : WP_ForEveR เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 11:09:42

ความคิดเห็นที่ 30 สุดยอดกองหน้าจริง ๆ ครับคนนี้ ยิงได้ทุกรูปแบบ บอลมายังไงพี่แกจบได้หมด ไอดอลผมเลย จากคุณ : Phyz เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 12:58:23

ความคิดเห็นที่ 31 จำได้ว่า เป็นช่วงที่ขวัญผวาไปเลย พอได้ยินชื่อ " รุด ฟาน นิสเตลรอย " "พอล สโคลล์ "  ฟอร์ม 8 นัดสุดท้าย HOT มาก การยิง 8 นัดสุดท้ายติดต่อกันให้ทีมซึ่งอยู่ที่สองแซงอาร์เซน่อลเป็นแชมป์ได้สำเร็จในฤดูกาล 2002-2003 เป็นสิ่งที่เจ็บแค้นมากที่สุด เจ็บใจไม่หาย อาร์เซน่อลเคยนำแมนยูห่าง  8 แต้มช่วงราวๆปลายเดือนมีนา แต่จุดพลิกผันคือ เจอ Aston villa  Ashley Cole สกัดบอลเข้าประตูตัวเองเป็น 2-2 ความมั่นใจในการคว้าแชมป์ epl เริ่มสั่นคลอน เกมที่เจอกับแมนยู Sol Campbell โดนใบแดงแถมถูกห้ามเล่น 3 นัด จบฤดูกาลด้วยความเจ็บช้ำ ตำแหน่งดาวซัลโวยังแย่งจากอองรีในนัดสุดท้ายอีกด้วย พรีเมียร์ ลีก ฤดูกาล 2002-2003 รุด ฟาน นิสเตลรอย  ลงเล่น  34 นัด ทำไป  25 ประตู เธียร์รี่ อองรี            ลงเล่น  37 นัด ทำไป  24 ประตู แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 55 14:35:33 จากคุณ : Du-486 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 14:32:05

ความคิดเห็นที่ 32 ตอนแมนยูมาเมืองไทย ได้ไปดูทีมซ้อมด้วย รุดจับบอลดี ยิงคมมากๆ ส่วนตัวให้เป็นศูนย์หน้าอันดับหนึ่งของแมนยูเลย จากคุณ : online guy เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 14:57:52

ความคิดเห็นที่ 33 ผมชอบมาก เอามาตั้งเป็น Login ซะเลย จากคุณ : Ruud van Nistelrooy เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 15:13:20

ความคิดเห็นที่ 34 #24 ลูกที่ผมชอบอยู่ที่ 2 แฮะ จากคุณ : OrangE_KnighT เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 15:28:44

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณค่ะ เป็นนักเตะที่เราชอบมากๆที่สุดเลย ชอบตอนอยู่กับแมนยูเป็นพิเศษ จากคุณ : ทาสผู้ซื่อสัตย์ของท่านซิเรียส เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 17:43:26

ความคิดเห็นที่ 36 นึกว่ามีแค่ผมคนเดียวแล้วซะอีกที่คิดว่ามันสวยมาก ที่ไหนได้ อันดับ 2 เลย ทั้งๆที่เป็นแค่เกมส์ทัวร์ปรีซีซั่น จากคุณ : +Carbocat+ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 18:25:04

ความคิดเห็นที่ 37 #24 ผมก็เหมือนกันครับลูกเลี้ยงจากครึ่งสนามเนี่ย  พี่แกชักศอกใส่คู่แข่งตอนบังบอลอยู่ครึ่งสนามตอนแรกหน่ะครับ  พอกล้องมาจับคนที่โดนศอกให้ดูว่าโหนกแก้มพี่แกปูดเลยครับอย่างใหญ่  ติดตามาก  555 จากคุณ : เอกน้อย คอยรัก เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 18:46:06

ความคิดเห็นที่ 39 สำหรับรุด ผมชอบลูกที่รุดลากฝ่าดงผู้เล่นสเปอร์เข้าไปยิงอ่ะครับ จัดคลิบทีสิ จากคุณ : ชายหลอน เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 19:01:44

ความคิดเห็นที่ 40 ^ ^ ถ้าเป็นลูกที่ลากเข้าไปยิงนั่นเจอฟูแล่มครับ แล้วรุดก็กางศอกจริงครับ แต่ไม่น่าจะตั้งใจชักศอก เพราะรุดอยู่ด้านหน้า กำลังจะพักอก เลยต้องกางแขน แต่ดันมีกองกลางฟูแล่มอยู่ข้างหลังพอดี เลยซวยไป จากคุณ : natureza เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 19:14:52

ความคิดเห็นที่ 41 รุดเกิดวัน เดือน ปี เดียวกันกับไคลเวิร์ต ดังทีหลังไคลเวิร์ต ส่วนตัวผมคิดว่าดังกว่าและเก่งกว่านะ จำได้ว่าตอนที่มีข่าวจะซื้อตัวแล้วตรวจร่างกายไม่ผ่าน พี่ม้าบินกลับบ้านไปซ้อมโชว์ จะโชว์ว่าไม่เจ็บ เล่นได้ สุดท้ายเลยได้เจ็บซ้ำจริงๆ อดไปยูโร 2000 ด้วย จากคุณ : natureza เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 19:18:23

ความคิดเห็นที่ 42 เพิ่งรู้ว่ากว่าจะได้เริ่มเล่นกองหน้าก็อายุเกือบยี่สิบแล้วสถิติการทำประตูยังโหดขนาดนี้  ถ้าฝึกเล่นกองหน้าตั้งแต่เด็กๆ  อาจจะเก่งกว่านี้ด้วยซ้ำ   รุดกับไคลเวิตชะตาจะพลิกผันกัน  ไคลเวิตอายุสิบแปดยิงดับมิลานคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน  แต่ฟานนิสเตอรอยยังโนเนม  ไปๆมาๆ รุดยิ่งเล่นยิ่งรุ่ง แต่ไคลเวิตกลับฟอร์มดับก่อนวัยอันควร จากคุณ : the gooner เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 20:04:26

ความคิดเห็นที่ 43 ขวัญใจเลย รูด ฟาน นิสเตนลอย เล่นwe9 ทีไร พี่แกได้เป็นตัวจริงสำหรับผมตลอด จากคุณ : Serial_Nuber เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 20:31:24

ความคิดเห็นที่ 44 โคตรชอบเลย ชอบสรีระ และท่าทาง คมมาก ๆ ด้วย จากคุณ : อีกออินึนเด เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 20:52:58

ความคิดเห็นที่ 45 ในความคิดผมคิดว่าเป็นคนที่กลับตัวยิงที่เก่งที่สุด จากคุณ : รสหมูสับ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 22:05:12

ความคิดเห็นที่ 46 ยุคนั้นเห็น รุดฟานนิสเตลรอย กับ เบ็คแฮม ลงสนามพร้อมกันทีไรมีวงแตกอ่ะ จากคุณ : Secret&Whisper เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 55 22:09:13

ความคิดเห็นที่ 47 #24 ลูกอันดับ9 นี้โคตรฉลาดเลยนะครับ จากคุณ : From_CNX เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 03:17:51

ความคิดเห็นที่ 48 รุดเป็นขวัญใจอันดับหนึ่งตลอดกาล จากคุณ : รัศมีจันทร์ดารา เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 13:04:14

ความคิดเห็นที่ 49 แกเป็นกองหน้าที่อันตรายจริงๆในกรอบเขตโทษ จากคุณ : อยากเป็นแงซาย (ผู้ชายซอย6) เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 15:08:42

ความคิดเห็นที่ 50 เกือบพลาดกระทู้ ศูนย์หน้าอันดับ 1 ในดวงใจซะแล้ว "ฟาน เดอ แมน" คิดถึงพี่แกโคตรๆ ตอนย้ายออกจาก ยูไนเต็ด T__T จากคุณ : P_Pond_P เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 15:41:03

ความคิดเห็นที่ 51 นักเตะที่เป็นไอดอลตลอดกาลของผม และเป็นกองหน้าในดวงใจอันดับ 1 ของผมตลอดกาล รู้จักครั้งแรกตอนเล่น CM3 เล่นแมนยู ซื้อมาจากพีเอสวี เก่งมากๆ เลยชอบมากๆ พอมีข่าวในชีวิตจริงว่าจะย้ายมาทีมรักอีก ก็ทั้งลุ้นทั้งรออยู่ร่วมปี ในที่สุดก็ได้มาจริงๆ และเล่นได้เทพจริงๆเหมือนอย่างในเกมเลย สุดยอดประทับใจ น้ำตาจะไหล ต้องชมโค้ชเฮเรนวีนจริงๆที่มีความสามารถในการมองพลังแฝงได้อย่างสุดยอด เห็นถึงความเป็นยอดกองหน้าในตำแหน่งผู้เล่นกองกลาง ถึงแม้เขาจะเป็นกองหน้าที่เรียกได้ว่าเป็นกองหน้าขนานแท้ ที่มีเซ้นส์และสัญชาติญาณกองหน้าที่เก่งที่สุดของยูไนเต็ดในยุคที่ผมได้ดูมาทั้งหมด แต่ส่วนตัวที่ิคิดว่าเขาไม่ค่อยได้รับการยอมรับจากแฟนบอลของทีมให้อยู่ในระดับตำนานเท่าเดนิส ลอว์, คันโตน่า, หรือแม้แต่รูนีย์ คงเพราะปัญหากับทีมในช่วงสุดท้าย ที่ไปมีปัญหากับเพื่อนร่วมทีมอย่างโรนัลโด้ และโดยเฉพาะกับเซอร์อเล็กซ์ ทำให้เสียเครดิตไปมากพอสมควร ส่วนประตูที่ชอบที่สุด ผมกลับชอบลูกที 9 ในคลิปที่ชิพมุมแคบใส่ลาคอรุญญ่านะ มันสวยตั้งแต่จังหวะทำทาง จังหวะทีมเวิร์คกับเบ็คแฮมแล้ว และจังหวะยิงลูกแบบนี้ถ้าไม่ใช่เวิร์ลด์คลาสทำไม่ได้เด็ดดขาด จากคุณ : A E Y A U D D A เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 17:46:48

ความคิดเห็นที่ 52 สุดยอดนักเตะในดวงใจ ^_^ จากคุณ : allegro เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 55 22:11:10

ความคิดเห็นที่ 53 ยิงพรุนมากๆ จากคุณ : LoveFoodGoodTaste เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 11:17:53

ความคิดเห็นที่ 54 กรอบเขตโทษ พี่ม้าสุดยอดที่สุด จากคุณ : กอดลมไว้อย่าให้หงอย เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 20:05:16

ความคิดเห็นที่ 55 ขอบคุณครับ จขกท. จากคุณ : Lonely White Tiger เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 55 15:48:57

ความคิดเห็นที่ 56 yeahhhhhhhh!!!! แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 55 21:15:47 จากคุณ : who's zaa เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 55 21:15:05