วิสัยทัศน์อันแตกต่างของโค้ช แบดมินตันและปิงปองของจีน กับโปรเจ็ค "เลี้ยงหมาป่า"
|
 |
ภายหลังพิธีเปิดโอลิมปิคใหม่ ๆ การแข่งขันปิงปองและแบดมินตันได้เริ่มขึ้น
หากสังเกตุกระทู้ในพันทิพดี ๆ ตอนนั้นมีการตั้งข้อสังเกตุว่าทำไมนักกีฬาปิงปองชาติฝรั่งถึงได้หน้าตาเหมือนเฮีย ๆ หมวย ๆ แถวเยาวราช ดูแล้วขัดหูขัดตาเหลือเกิน แม้ชื่อนักกีฬาก็บอกเชื้อชาติดั้งเดิมของนักกีฬาอย่างชัดเจน
มีการวิเคราะห์ในหมู่ชาวพันทิพว่าคงเป็นนักกีฬาเชื้อชาติจีนในประเทศนั้นมั้ง ไม่ก็นักกีฬาจากจีนที่ไปไม่ถึงดวงดาว หรือไม่ก็นักกีฬาดาวดับของจีน ที่โอนสัญชาติไปหากินต่างแดน
ในเวลาเดียวกัน กีฬาแบดมินตันในโอลิมปิคคราวนี้ก็มีข่าวฉาวใหญ่โตที่สุด คือเรื่องการ"ล้มแบด"
เริ่มจากการที่นักกีฬาคู่หญิงมือหนึ่งของจีนเล่นแบบกลัวชนะเกาหลีใต้ หวังเพื่อจะได้ไม่ต้องเจอกับคู่มือสองของจีนอีกสายนึงในรอบต่อไป สุดท้ายได้แพ้เกาหลีใต้สมใจ แต่ถูกลงโทษเพิกถอนสิทธิ์ในการเป็นนักกีฬาโอลิมปิค ถูกริบไอดีการ์ดและไล่ออกจากหมู่บ้านนักกีฬาทันที การลงโทษครั้งนี้ลามไปถึงนักกีฬาเกาหลีใต้และอินโดนีเซียด้วย จากข้อหาเดียวกัน
ทั้งปิงปองและแบดมินตันต่างก็มีสีสันเป็นที่วิพากวิจารณ์กันในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคหนนี้ แม้จุดที่เป็นข่าวจะต่างกัน แต่บทสรุปกลับเหมือนกันตรงที่ จีนเป็นจ้าวแห่งกีฬาสองชนิดนี้ อย่างที่ไม่มีใครทาบเทียม และถูกมองว่าจะเป็นเช่นนี้ไปอีกยาวนาน
บังเอิญผมอ่านเจอบทความเกี่ยวกับนักกีฬายกน้ำหนักหญิงจากคาซัคสองคนที่ได้เหรียญทอง ข้อสงสัยบางอย่างทำให้ค้นหาเรื่องราวที่เกี่ยวข้องต่อไป ได้เปิดหูเปิดตารู้ถึงวงการกีฬาจีนว่าเดี๋ยวนี้ไปถึงไหนกันแล้ว
ใคร ๆ ก็รู้มานานแล้วว่าปิงปองกับแบดมินตันนั้น ถือว่าเป็นกีฬาที่จีนครองความยิ่งใหญ่มาอย่างยาวนาน ยิ่งสำหรับปิงปองด้วยแล้ว อดีตประธานพรรคคอมมิวนิสต์จีนถึงกับพูดเป็นนัย ๆ ว่านี่คือ "กีฬาประจำชาติ" หน่วยงานทางด้านกีฬาของจีนบ่มเพาะนักกีฬากันอย่างจริงจัง ไม่ใช่กิ๊กก๊อก ผมอ่านแล้วรู้สึกเหมือนหน่วยรบ "ซีล" ยังไงยังงั้น
ระหว่างค้นหาข้อมูล ผมพบว่ามีข้อแตกต่างระหว่างกีฬาปิงปองกับแบดมินตันจีนในปัจจุบันเป็นอย่างมาก ในแง่วิสัยทัศน์ของผู้บริหาร
ปัจจุบันผู้มีอิทธิพลสูงสุดในวงการกีฬาแบดมินตันจีนคือ หลี่หย่งปอ หัวหน้าโค้ชทีมชาติจีน เขาผู้นี้เป็นผู้กุมทิศทางการพัฒนา และคุมชะตาชีวิตของนักกีฬาแต่ละคน เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จและความแปดเปื้อนอื้อฉาวของทีมชาติแบดมินตันจีน
ส่วนกีฬาปิงปองของจีน เข้าใจว่าคนที่มีอิทธิพลสูงน่าจะเป็น ไฉ้เจิ้นหัว อดีตหัวหน้าโค้ชทีมชาติจีน โอลิมปิคหนนี้ผมเห็นไฉ้เจิ้นหัวนั่งดูอยู่ที่แถวผู้ชมเงียบ ๆ ปล่อยให้หลิวกั๋วเหลียงทำหน้าที่โค้ชอย่างอิสระ ผิดกับหลี่หย่งปอที่ออกแอ็คชั่นเวอร์ ๆ ริมคอร์ด
ไฉ้เจิ้นหัวกับหลี่หย่งปอมีบุคลิคท่าทางที่แตกต่างกัน(เท่าที่ตาผมเห็นในปัจจุบัน) แต่ต่างก็ใช้ความสามารถของตัวอย่างเต็มกำลังในการบริหารกีฬาที่ตนถนัด ทำให้กีฬาทั้งสองชนิดของจีนประสบความสำเร็จอย่างสูง
หลี่หย่งปอถือคติว่าต้องทำทุกวิถีทางเพื่อความสำเร็จยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานของแบดมินตันจีน สปิริตเป็นเรื่องเพ้อเจ้อเหลวไหล
แต่ไฉ้เจิ้นหัวนั้นคิดต่าง
สามปีที่แล้วไฉ้เจิ้นหัวทำโปรเจคเสนอหน่วยเหนือขึ้นไปโครงการหนึ่ง สื่อมวลชนเรียกโครงการนี้ว่าโครงการเลี้ยงหมาป่า เนื้อหาย่อ ๆ ของโครงการนี้คือสนับสนุนส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนนักกีฬาและผู้ฝึกสอนระหว่างกัน ทำให้ชาติอื่น ๆ มีโอกาสพัฒนากีฬาชนิดนี้มากขึ้น เพื่อให้กีฬาปิงปองแผ่ขยายความนิยมออกไปอย่างกว้างขวาง นักกีฬาหรือผู้ฝึกสอนต่างชาติสามารถเข้ามาเรียนรู้ในประเทศจีนได้ ขณะเดียวกันนักกีฬาและโค้ชจีนก็ออกไปเล่นให้ต่างชาติได้
นี่คือเหตุผลที่เราเห็นนักกีฬาปิงปองฝรั่งหน้าหมวย
ฟังดูโครงการเลี้ยงหมาป่าเหมือนเป็นการเสริมเขี้ยวเล็บให้ศัตรูคู่แข่ง ทำให้จีนเอาชนะได้ลำบากขึ้น แต่ในแง่คิดของไฉ้เจิ้นหัวนั้น มองว่าจีนผูกขาดกีฬาชนิดนี้มากเกินไป นาน ๆ เข้าจะทำให้กีฬาชนิดนี้ไม่เป็นที่นิยม สุดท้ายก็จะไม่มีการพัฒนา
ความคิดของไฉ้ไม่ใช่สิ่งที่เลื่อนลอย คนในวงการรู้ดีว่า ITTF มีการเปลี่ยนกฎกติกาหลายอย่างในรอบไม่กี่ปีที่ผ่านมา เป้าหมายของการเปลี่ยนกฎ คือเพื่อสกัดนักกีฬาจีนไม่ให้ผู้ขาดกีฬาชนิดนี้ ไฉ้เข้าใจความจำเป็นของ ITTF และมองเห็นปัญหาของวงการปิงปองโดยรวม กลัวว่านาน ๆ ไป กติกาของ ITTF จะทำให้การตีปิงปองกลายเป็นการตีเทนนิสบนโต้ะ
ว่ากันว่าปิงปองประเภทคู่ผสมบางรายการ ไฉ้ถึงกับยอมให้ชาติอื่นชนะบ้าง เพราะไม่อยากถูกมองว่าจีนผูกขาด
โปรเจคของไฉ้ได้รับการสนับสนุนจาก ITTF อย่างแข็งขัน ประธาน ITTF ถึงกับเสนอว่าการแข่งขันบางรายการไม่จำเป็นต้องแข่งในนามชาติก็ได้ เช่นปิงปองประเภทคู่อาจให้นักกีฬาจีนจับคู่กับนักกีฬาชาติอื่นลงแข่ง แบบเดียวกับเทนนิสอาชีพ เสียดายที่จีนยังไม่ยอมให้ทำเช่นนั้น
โครงการเลี้ยงหมาป่ายังไม่สัมฤทธิ์ผลในปัจจุบัน จีนยังคงเก่งเหนือคู่แข่งมากมาย แต่หวังว่าวันหนึ่งข้างหน้า หากโครงการนี้สำเร็จ เราจะได้เห็นคู่แข่งที่สูสีทัดเทียม และการดูปิงปองก็จะตื่นเต้นเร้าใจเหมือนเราชมกีฬาชนิดอื่น และจะได้รับการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง
และนี่คือความแตกต่างของไฉ้เจิ้นหัว และ หลี่หย่งปอ
จากคุณ |
:
โกกิลา
|
เขียนเมื่อ |
:
8 ส.ค. 55 07:19:44
|
|
|
|