 |
อันนี้เอามาจากเว็บสมาคมฟุตบอลฯ ( http://www.fat.or.th )นะครับ ขึ้นเป็นหน้าแรกเลยเทียว -----------
บังยี เปิดแถลงกรณีบริษัทโสมขาวยื่นฟ้อง ยืนยันโดนกลั่นแกล้งเพื่อหวังทำลายชื่อเสียงแน่นอน เผยทำทุกอย่างถูกต้อง และเตรียมฟ้องกลับแน่หากฝ่ายกฏหมายตรวจสอบรายละเอียดแล้ว มีข้อมูลที่เป็นเท็จและทำให้เสียหาย ชี้เรื่องผ่านมา 5-6 ปี เพิ่งจะมาคิดฟ้อง แถมยังป่าวประกาศให้สื่อมวลชนรู้ล่วงหน้าอีกต่างหาก ขณะเดียวกันก็พร้อมจะไปชี้แจงเรื่องลิขสิทธิ์ของสมาคมฯ กับกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ที่มี "ศุภชัย ใจสมุทร" ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน โดยตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะเป็นการจ้องเจตนาเล่นงานตัวบุคคลเพื่อทำลายชื่อเสียงมากกว่า จากการที่ นายชอย ดอง อุล ตัวแทนผู้รับมอบจากบริษัท แด อัน-21 จำกัด (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท แดอัน ย็อนอัพ จำกัด) ประจำประเทศเกาหลีใต้ พร้อมด้วย นายศุภชัย ช่วยเวช และทีมงานทนายความประจำบริษัท ได้นำเอกสารหลักฐานยื่นคำฟ้องต่อศาลคดีอาญา เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ศาลแขวงพระนครเหนือ ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง โดยมีสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เป็นจำเลยที่ 1 และ บังยี นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เป็นจำเลยที่ 2 หลังจากที่บริษัทถูกชักชวนให้มาลงทุนทำธุรกิจการตลาดกีฬา ซึ่งจะได้รับมอบหมายให้ดูแลผลประโยชน์เรื่องสปอนเซอร์และลิขสิทธิ์ต่างๆ พร้อมกับมีการโอนเงินให้ไปแล้ว 900,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 29,000,000 บาท) ตั้งแต่ปี 2550 สุดท้ายกลับไม่ได้ดำเนินการและการติดต่อใดๆ กลับมา ขณะที่ นายวรวีร์ ได้เปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นมันน่าแปลกและไม่ชอบมาพากล เพราะฝ่ายตรงข้ามมีการโทรศัพท์ไปแจ้งกับสื่อมวลชนล่วงหน้า ปกติหากจะฟ้องก็ดำเนินการไปเลย ไม่เห็นต้องมาสร้างให้เป็นข่าว เหมือนจงใจที่จะกลั่นแกล้งตน และพยายามจะสร้างข่าวขึ้นเพื่อทำลายชื่อเสียง อีกอย่างเรื่องนี้ผ่านมานานถึง 5-6 ปี แล้ว ซึ่งหากมีผู้ที่เสียหายจริง คงไม่ปล่อยให้เรื่องราวผ่านมานานขนาดนี้ ต้องฟ้องร้องมาก่อนหน้านี้แล้ว ตนยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ตนได้ปรึกษากับฝ่ายกฎหมายให้ดูรายละเอียดต่างๆ หากมีรายละเอียดอะไรที่ไม่ถูกต้องก็จะดำเนินการฟ้องกลับทันที ผมทำความดีมาเยอะและทำงานมานานอย่างต่อเนื่อง สร้างผลงานมาก็มากมาย ที่ผ่านมาเรื่องผมบริจาคที่ดินที่หนองจอก ก็มีความพยายามบิดเบือนความจริง หาว่าผมนำเงินจากฟีฟ่ามาใช้ ส่วนตัว ถ้าหากผมเอาไปใช้จริงจะมีศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติขึ้นมาหรือ แล้วมูลค่าการก่อสร้างมากกว่าที่ฟีฟ่าให้มาเสียอีก ท้ายที่สุดเมื่อตรวจสอบแล้ว ผมทำถูกต้องทุกอย่าง แต่ทว่าชื่อเสียงผมเสียหายไปแล้ว ผมไม่ชอบทะเลาะกับใคร แต่เรื่องนี้ทำให้ผมเสียชื่อเสียง ดังนั้นผมก็เตรียมจะฟ้องกลับ นายวรวีร์ กล่าว นายวรวีร์ กล่าวอีกว่า แม้ผลงานของทีมชาติไทยยังไม่ประสบความสำเร็จ และผลงานที่ออกมาอาจจะไม่ถูกใจแฟนบอลนั้น แต่ขอยืนยันว่าได้ทุ่มเททำงานมาตลอด ไม่ว่าจะอยู่เบื้องหน้าหรือเบื้องหลัง รวมไปถึงตอนที่ทีมชาติไทยคว้าแชมป์กีฬาซีเกมส์มาได้ 8 สมัยติดต่อกันด้วย แต่ก็ต้องเข้าใจว่าไม่มีใครสามารถคว้าแชมป์ได้ตลอดกาลและก็ไม่มีใครรักษาแชมป์ไว้ได้ตลอด ส่วนตอนนี้ สมาคมฟุตบอล ได้มีการว่าจ้าง วินนี่ วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือชาวเยอรมนี พร้อมกับทีมงานชุดใหญ่ เพื่อเข้ามาสร้างทีมชาติไทยให้แข็งแกร่ง ต้องใช้งบประมาณสูงถึง 40,000,000 บาทในแต่ละปี เชื่อว่าหากให้เวลา เชเฟอร์ ทำงานอีกสักระยะ ทีมชาติไทยชุดใหญ่จะต้องพบกับความสำเร็จแน่ ส่วนกรณีที่ นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (ป.ป.ช.) จะเชิญ นายวรวีร์, บมจสยามสปอร์ตซินดิเคท, อธิบดีกรมสรรพากร เข้าชี้แจงที่รัฐสภา ในวันที่ 30 ส.ค.นั้น บังยี กล่าวว่า จะเดินทางไปแน่นอน แต่ก็ขอความเป็นธรรมด้วย ซึ่งหากใครที่ไม่ชอบแล้วจะมาทำลายชื่อเสียงกัน ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรม อันที่จริงสมาคมฟุตบอลฯ เป็นองค์กรนิติบุคคล การที่เราไปทำสัญญากับบริษัทไหนมันก็เป็นเรื่องของเรา หากขาดทุนสมาคมฯ ก็รับผิดชอบเอง เรื่องนี้เหมือนเป็นการเจตนาพูดเรื่องตัวบุคคลมากกว่า ช่วงแรกที่ฟุตบอลลีกอาชีพเริ่มขึ้น มูลค่าทางการตลาดแทบไม่มีเลย แต่สยามสปอร์ตเขามาช่วยเพื่อต้องการพัฒนาวงการฟุตบอลของไทย เขาลงทุนหลายร้อยล้านบาท ทั้งที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีกำไรไหรือไม่
แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 55 16:48:15
จากคุณ |
:
นายไผ่
|
เขียนเมื่อ |
:
28 ส.ค. 55 16:47:41
|
|
|
|
 |