ความคิดเห็นที่ 1 เริ่มกันที่รองเท้าที่ผมชอบมากเป็นอันดับต้นๆจากที่เคยใส่มาเลยนะครับ กับ Nike Huarache 2k4 ซึ่ง ณ ตอนนั้น ผู้ที่ใส่มันก็คือ Kobe Bryant นั่นเอง (ตอนนั้นเค้าเพิ่งย้ายมาอยู่ไนกี้ เเละยังไม่มีรองเท้า Signature เป็นของตัวเอง ) ผมชอบที่มันเบา กระชับ เเละช่วยในการรับเเรงกระเเทกได้ดีเยี่ยม ใส่เล่นบาสทีไร มั่นใจทุกที เสียดายที่ตอนนี้มันพังไปเเล้ว เเละยังไม่มีโอกาสได้สอยตัวที่ทำออกมาใหม่ช่วงโอลิมปิคนี้เลย ก็เลยได้เเต่นั่งทำใจ T_T Nike Air Zoom Huarache 2K4 – 2004 “The idea was to bring back classic basketball design principles in a very modern way.” Eric Avar To understand how far Nike had pushed the language of basketball shoe design, by 2004 experimentation had almost become a norm, meaning a clean, classic look looked downright subversive. The Nike Air Zoom Huarache emerged from conversations with lead designer Eric Avar and the rest of the team regarding the nature of bold and expressive shoes of the prior decade. “It was very good for the athletes and for the marketplace, but we questioned whether we were being bold and crazy for the sake of it. How could we return to more purposeful and ‘grounded’ product?” Balancing modern and classic was the Nike Air Zoom Huarache 2K4’s purpose and Eric and the team had a new kind of player in mind, operating in a zone that was neither Force, Flight nor Uptempo. “From a functional standpoint, thinking forward to the emergence of players like Kobe and his versatility — that was the driving functional inspiration behind the product.” Studying the original Nike Air Flight Huarache’s innovation, insights and exoskeleton fit, plus the Air Force 1 from a classic aesthetic standpoint, the Nike Air Zoom Huarache 2K4 made a statement on its own terms, yet was rooted in earlier masterpieces. Having seen tiny swooshes, reverse swooshes and vast swooshes on recent shoes, Eric was keen to return to Nike’s roots. “For the 2K4 we were doing a big, old-school quarter panel swoosh to make it loud and proud and bring that back.” The lightweight Phylon sole, low-to-the court Nike Zoom responsiveness, formfitting leather/suede upper and evolved, integrated version of the ankle strap all added up to a new performance standard for Nike Basketball: a shoe built for explosiveness and quickness with a great ride. As a further nod to its original predecessor, the Nike Air Zoom Huarache 2K4 debuted on the courts of college basketball in March during the height of hype and basketball fervor. Sound familiar? This time young athletes took advantage of modern technology, adding personal words of inspiration to the shoes through NIKEiD.com. Moving from spring to summer, the Nike Air Zoom Huarache 2K4 would enjoy time on the feet of basketball athletes. There’s a reason it took several years for another shoe to earn the right of the Huarache moniker. With a sleek silhouette that shifted the prevailing mindset, as well as an influence that can be seen still today on Nike Basketball shoes, the Nike Air Zoom Huarache 2K4 sent basketball design down yet another exciting new path. ความคลาสสิกและความทันสมัยที่ลงตัว คือต้นแบบของรองเท้ารุ่น Nike Air Zoom Huarache 2K4 ไนกี้ผู้นำนวัตกรรมกีฬาระดับโลก  เผยแนวคิดการออกแบบรองเท้ารุ่น Nike Air Zoom Huarache 2K4 รองเท้าบาสเกตบอลที่ฉีกกฎการออกแบบ เน้นการดีไซน์แนวแอนทีค ดูเรียบหรู แต่คงไว้ประสิทธิภาพ รองเท้าบาสเกตบอลรุ่น Nike Air Zoom Huarache 2K4 มีจุดเริ่มต้นในการดีไซน์มาจากการพูดคุยระหว่าง อิริค เอวาร์ หัวหน้าทีมออกแบบกับลูกทีมของเขาที่ต้องการนำเอาความคลาสสิกในแบบที่รองเท้าบาสเกตบอลเคยเป็นกลับมาในรูปแบบที่ร่วมสมัย แต่ยังคงไว้ในวิถีของการออกแบบที่เน้นการสร้างนวัตกรรมผสมผสานกับงานดีไซน์ “จริงๆแล้วมันเป็นการดีไซน์ที่ดีต่อนักกีฬาและในแง่ของการตลาด แต่เราก็อดย้อนถามตัวเองไม่ได้ว่า เราบ้าและกล้าเกินไปกับดีไซน์พวกนั้นหรือเปล่า มันจะเป็นไปได้หรือไม่ว่าเราจะสามารถย้อนกลับไปสู่รูปแบบที่มุ่งเน้นการใช้งานและผลิตสินค้าที่ดูไม่เว่อร์มากเกินไปออกมาสู่ตลาดได้อีกครั้ง” หัวหน้าทีมออกแบบกล่าว ดังนั้น Nike Air Zoom Huarache 2K4 จึงเป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความคลาสสิกและความโมเดิร์นเข้าด้วยกัน ซึ่งทางทีมดีไซน์ก็ได้มีการคัดเลือกนักกีฬาคนใหม่ที่จะมาสวมใส่รองเท้าคู่นี้ โดยตัวเลือกแรกที่ทางทีมดีไซน์ได้เลือกไว้ คือ โคบี้ ไบรอัน นักบาสเกตบอลจากทีม ลอสแอนเจลีส เลเกอร์ ที่มีความสามารถในการเล่นที่รอบตัว และเป็นส่วนหนึ่งของงานดีไซน์รองเท้าคู่นี้เพิ่มเติม ในส่วนของการออกแบบโครงสร้างรองเท้าทีมงานออกแบบของไนกี้ได้นำนวัตกรรมจากรองเท้ารุ่น  Nike Air Flight Huarache ที่ช่วยสร้างความกระชับและแนบสนิทให้แก่เท้ามาเป็นพื้นฐานการออกแบบสำหรับรองเท้ารุ่นนี้ ส่วนประกอบอื่นๆ ทีมนักออกแบบได้เพิ่มพื้นรองเท้าที่มีน้ำหนักเบาที่สามารถตอบสนองต่อการยึดเกาะพื้นสนามได้เป็นอย่างดี ขณะที่การออกแบบภายนอกทีมดีไซน์ได้ใช้หนังกลับมาตกแต่งไว้บริเวณรองเท้าด้านบนเพื่อทำให้ผู้สวมใส่รองเท้ารู้สึกสบาย พร้อมกับเพิ่มสายรัดข้อเท้าเพื่อสร้างความกระชับให้แก่เท้าได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ในส่วนตราสัญลักษณ์ของไนกี้ ทีมออกแบบได้กลับไปใช้รูปแบบดั้งเดิมหลังจากมีการปรับใช้หลายรูปแบบในรุ่นก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ขนาดที่เล็กจิ๋ว การกลับด้าน หรือ การใช้ขนาดที่ใหญ่มากกว่าปกติ และหลังจากจากที่ Nike Air Zoom Huarache 2K4 ได้ทำการเปิดตัวไม่นานก็ด้มีนักกีฬาบาสเกตบอลจากทั่วทุกมุมโลกต่างจับจองเป็นเจ้าของรองเท้ารุ่นนี้กันอย่างถ้วนหน้า เนื่องจากโครงสร้างที่ดูเพรียวบางไม่เทอะทะ และมีรูปลักษณ์ที่ดูสุดแสนคลาสสิคเหมือนกับรองเท้าบาสเกตบอลรุ่นเก่าๆของไนกี้ จากคุณ : shoes_collector เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 21:17:30

ความคิดเห็นที่ 2 มาต่อกันที่รุ่นสุดฮิตที่เปลี่ยนกระเเสรองเท้าบาสอย่างสิ้นเชิงจริงๆในยุคนั้น กับหลอดเเอร์ใสๆที่คราวนี้โชว์เเบบเต็มฝ่าเท้า พร้อมเทคโนโลยีที่ดีกว่าเดิม เพื่อคนเล่นบาส เเถมยังมาด้วยสีสันฉูดฉาด ยากยิ่งที่จะห้ามใจไม่ให้จับจองมาลองใส่ว่าของเค้าดียังไง กับ Nike Air MAX 360 ใครที่เคยมีคงรุ้สึกได้ดีว่า มัน สุด ยอดดดดดด Nike Air Max 360 Basketball – 2006 “You learn from every project that you do, but I can't think of many other projects where we learned so much.” Tracy Teague While the game of basketball was certainly evolving into a faster, up-and-down game, there was still a player who earned his paycheck with his back to the basket and under the boards. Max Air was always the platform for those athletes who appreciated some assistance on their return to terra firma. In basketball, footwear has to accommodate a 200-plus pound athlete with upwards of 2,000 pounds of force on his feet upon landing. That’s some serious force. Dating back to the first glimpse of Visible Air in 1988’s Nike Air Revolution, ballers would peer through the bigger and bigger windows all the way through the Uptempo line’s evolution. And over the years, hundreds of different Air Sole units were created for maximum impact protection for the big guys. Nike Air is the most researched and studied innovation in Nike’s history. It was, and still is, the benchmark. But the one limitation for designers is that Nike Air always needs to be encapsulated in foam because the upper needs to be attached to the air bag somehow. With the advent of the Nike Air Max 360 Air Sole, it was finally possible to create a shoe without foam, thus letting a player ball entirely on air. Utilizing thermoforming technology (versus blow-molding), Nike engineers created a smoother surface at the top of the Air Sole unit to attach it more securely to the upper. While foam has the benefit of an added cushioning tool, foam also compresses over time. So its removal meant longer-lasting consistent cushioning. “In some ways, the Nike Air Max 360 was really our first Air Max shoe,” said Tom Hartge, Creative Director for Advanced Initiatives. While it was 25 years in the making, the original Nike Air Max 360 Air Sole was created for the running category. Behind the scenes, a brief to apply a variation of the Nike Air Max 360’s running bag to a basketball shoe created multiple challenges. Engineers scrutinized the cage to evolve it from linear movement to the lateral movement demands of basketball. Pillar placement necessitated extra alterations as well in order to ensure support where it mattered. Where the 360 project really excelled was in instigating even more specific basketball-centric innovation along similar lines. The LeBron 7’s carefully-honed Max application, free of obstructions, was created on the 360 assignment’s learnings to reinforce Nike Basketball’s dominance. ปฏิวัติรองเท้าวิ่งสู่รองเท้าบาสเกตบอล รุ่น Air Max 360 Sole ทีมนักออกแบบรองเท้าบาสเกตบอลของไนกี้ เผยใช้เวลากว่า 2 ทศวรรษในการคิดค้นรองเท้ารุ่น Nike Air Max 360 Sole รองเท้าบาสเกตบอลที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีเพื่อช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้เล่นในเกมการแข่งขัน ทีมงานออกแบบผลิตภัณฑ์กีฬาของไนกี้ได้ใช้เวลานานถึง 25 ปี ในการคิดค้นเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับรองเท้ารุ่น Nike Air Max 360 Sole รองเท้าบาสเกตบอลที่ถูกต่อยอดมาจากการพัฒนานวัตกรรมของรองเท้าวิ่ง ซึ่งถือว่าเป็นการปรับเปลี่ยนนวัตกรรมข้ามประเภทกีฬาและเป็นสิ่งที่ท้าทายต่อทีมงานออกแบบเป็นอย่างมาก ซึ่งในช่วงการค้นคว้าทีมดีไซน์มีการทดสอบทุกขั้นตอนอย่างละเอียดเพื่อต้องการพิสูจน์ประสิทธิภาพการใช้งานจากการเคลื่อนไหวในแนวตรงของรองเท้าวิ่งเปลี่ยนเป็นการรองรับการเคลื่อนไหวด้านข้างตามสไตล์ของกีฬาบาสเกตบอล โดยมีการเพิ่มระบบรองรับการทรงตัวจากจากเทคโนโลยี Max Air ที่เป็นการนำถุงลมแบบสูญญากาศมารองรับไว้ที่ส่วนของส้นเท้าแทนที่การใช้แผ่นโฟมแบบเดิม รวมทั้งเพิ่มระบบป้องกันแรงกระแทก Air Sole เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้เล่นที่มีรูปร่างใหญ่ เทรซี่ ทีคส์ หัวหน้าทีมออกแบบรองเท้าบาสเกตบอลรุ่น  Nike Air Max 360 Sole กล่าวว่า  จะว่าไปแล้วรองเท้า Nike Air Max 360 ก็เป็นเหมือนกับรองเท้าวิ่ง  Air Max คู่แรกของเรา โดยรองเท้ารุ่นนี้สามารถช่วยรองรับการทรงตัวของผู้เล่น และรองน้ำหนักของผู้ใส่ได้สูงถึง 200 ปอนด์ อีกทั้งยังสามารถรับแรงกระแทกได้ 2,000 ปอนด์ ในขณะที่นักกีฬาทิ้งน้ำหนักกลับมาสู่พื้น ซึ่งถือว่าเป็นแรงกดที่หนักเอาการ รองเท้า Nike Air Max 360 Sole ได้เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมของร้องเท้าบาสเกตบอลในรุ่นต่อๆมา เนื่องจากช่วยลดข้อจำกัดของการดีไซน์ที่ไม่จำเป็นที่ต้องยึดติดกับแผ่นโฟมรองรับเท้าอีกต่อไป ซึ่งเท่ากับว่านักกีฬาสามารถเล่นบาสเกตบอลได้เสมือนอยู่ในอากาศ และสามารถกระโดดชู๊ตลูกได้อย่างมั่นใจ อีกทั้งยังช่วยป้องกันการสึกหลอของวัสดุที่อาจเกิดขึ้นจากแรงกระแทกและแรงกดอีกด้วย เห็นคู่นี้ทีไร คิดถึงมาเตียทุกที จากคุณ : shoes_collector เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 21:23:37

ความคิดเห็นที่ 3 เเละเเล้วก็มาถึงตัวสุดท้ายของตอนนี้กันหละครับ มีใครบ้างปฏิเสธรองเท้าสุดยอดคุ่นี้ มีใครบ้าง ที่จำรองเท้ารุ่นนี้ได้เพราะฉายาของผม ( ณ ตอนนั้น ) มีใครบ้าง ที่มีรุ่นนี้ เเต่หลายสี มีใครบ้าง ที่ไม่รุ้จัก Nike Hyperdunk !! Nike Air Hyperdunk – 2008 “We were looking to do it in an expressive way — let’s reduce everything else around it and let the Nike Flywire come to life.” Eric Avar Nike Flywire gave the notion of “Flight” some extra might. The Nike Air Hyperdunk went over the head of its opponents by borrowing a concept from one of the modern world’s most impressive architectural feats — suspension bridges. By applying super-strong nylon filaments for precise support akin to the cables of a bridge, the Nike Air Hyperdunk was able to radically reduce weight by providing support material only where it’s needed. Nike Flywire was originally conceived for featherweight track spikes by Jay Meschter in Nike’s Innovation Kitchen. Excited by the idea of removing significant weight out of a basketball upper, the team worked with the Nike Sports Research Lab to begin analyzing whether these fibers could withstand the lateral forces of side-to-side cutting in basketball. The NSRL recruited one of their favorite big-framed test subjects, "Jake the Destroyer.” Jake’s habit of punishing early samples was well known, and high-speed video capture of his foot during hard cuts would be the first test. Making believers out of some of the skeptics on the team, the video showed the early version of Nike Flywire successfully holding the foot on the footbed of the shoe during the testing. Lead designer Eric Avar remembers the discussions. “This was one of those projects that created a lot of debate among the team early on.” Once the Nike Flywire proved its mettle in testing, Avar and the team’s approach was to create a design that allowed most of the shoe to fall away into the background in order to make the Flywire in the midfoot the focal point. Another new Nike innovation, Nike Lunarlon, would also make its first appearance in a basketball shoe as a key performance element of a design that borrowed elements from a shoe that, at the time, was only the stuff of legend, the Nike Mag. The Nike Hyperdunk seized the global stage when some of the USA Basketball athletes took to the courts of Beijing looking to recapture glory. This was a seminal moment for both American hoops and the future of basketball footwear design. ไนกี้ เผยลวดขึงของสะพานแขวนในสหรัฐ คือต้นแบบในการดีไซน์รองเท้ารุ่น   Nike  Air Hyperdunk ทีมออกแบบผลิตภัณฑ์ของไนกี้เผยความสำเร็จของการออกแบบรองเท้ารุ่น Nike  Air Hyperdunk เกิดขึ้นจากเทคโนโลยี ไนกี้ ฟลายไวร์ ที่ถูกพัฒนามาจากเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับใช้ยึดเกาะสะพานแขวน ไนกี้ ฟลายไวร์ ( Nike Flywire )  คือ เทคโนโลยีการทักทอรองเท้าด้วยโครงเส้นใยไนลอนที่มีความเหนียวแน่นเป็นพิเศษ ซึ่งส่งผลให้ตัวรองเท้ารุ่น  Nike  Air Hyperdunk  มีน้ำหนักเบาด้วยวิธีการลดทอนวัสดุที่ไม่จำเป็นออกไป ซึ่งนวัตกรรมนี้ได้รับการพัฒนามาจากผลงานการดีไซน์ทางสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นของโลกอย่างสะพานแขวนในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ได้นำเหล็กเส้นมาใช้ขึงสะพานเพื่อลดวัสดุการก่อสร้างและต่อม่อในส่วนของฐาน อย่างไรก็ตามเดิมที เจย์ เมสเตอร์ ผู้คิดค้นเทคโนโลยี ไนกี้ ฟลายไวร์ จะนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ในงานออกแบบปุ่มใต้รองเท้าเพื่อให้เกิดความเบาให้ได้มากที่สุด แต่ด้วยประสิทธิภาพที่ทำให้ส่วนบนของรองเท้ามีน้ำหนักเบาจึงทำให้เทคโนโลยีนี้ถูกห้องปฏิบัติการและงานวิจัยของไนกี้นำมาค้นคว้าเพิ่มเติมว่า เส้นใยนี้สามารถนำมาปรับใช้เพิ่มเติมในส่วนโอบอุ้มเท้าเพื่อป้องกันแรงกระแทกที่อาจเกิดขึ้นจากการปะทะทางด้านข้างได้หรือไม่ ซึ่งทีมวิจัยได้นำคลิปการเล่นบาสเกตบอลมาศึกษาการเคลื่อนไหวของผู้เล่นขณะอยู่ในเกมการแข่งขัน และได้ทำการผลิตรองเท้าจำลองขึ้นมาหนึ่งคู่เพื่อทำการทดสอบ ซึ่งหลังจากการทดสอบครั้งแล้วครั้งเล่าทีมวิจัยก็ค้นพบว่า รองเท้าบาสเกตบอลที่ถูกออกแบบด้วยเทคโนโลยีฟลายไวร์สามารถช่วยโอบอุ้มเท้าให้แก่ผู้เล่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ อิริค เอวาร์ หัวหน้าทีมออกแบบรองเท้ารุ่น Nike Hyperdunk กล่าวว่า “เราตั้งใจทำรองเท้าคู่นี้ออกมาให้เบามากที่สุด เราลดทุกสิ่งทุกอย่างออกไปเพื่อให้ ไนกี้ ฟลายไวร์ กลายเป็นจุดเด่นของมัน” ทางทีมออกแบบผลิตภัณฑ์กีฬาของไนกี้ได้ดีไซน์รองเท้า Nike Hyperdunk ด้วยการออกแบบให้เทคโนโลยี ไนกี้ ฟลายไวร์ โอบอุ้มอยู่ในส่วนตรงกลางของรองเท้า ขณะที่ในส่วนพื้นด้านหลังมีการนำเทคโนโลยีโฟม ลูนาลอน  มาจัดวางไว้อยู่ในส่วนรองรับแรงกระแทก เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นกับนักกีฬา ซึ่งจากความสำเร็จในการคิดค้นนวัตกรรมของไนกี้ทำให้รองเท้ารุ่น Nike Hyperdunk ได้รับการยอมรับจากนักกีฬาบาสเกตบอลทั่วโลก เมื่อนักกีฬาบาสเกตบอลทีมชาติสหรัฐอเมริกาได้ใช้ใส่มันเพื่อเข้าชิงชัยในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2008  ณ กรุงปักกิ่ง จากคุณ : โคตรเสี่ย Hyperdunk (shoes_collector) เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 21:30:14

ความคิดเห็นที่ 4 ก็จบตอนที่ 6 เเล้วนะครับ ยังเหลือรองเท้าอีก 4 รุ่น ที่เด็ดมากๆ รอให้เพื่อนๆอ่านกันในตอนสุดท้าย ไว้มีเวลาผมจะเอามาลงให้อ่านกันนะครับ ไม่นานเกินรอ เเละไม่เบี้ยวเเน่นอนครับ !!! จากคุณ : shoes_collector เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 21:31:44

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณครับ จากคุณ : PT.ChoNan เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 22:39:43

ความคิดเห็นที่ 6 Air Max 360 เพิ่งมีประสบการณ์เมื่อกี้เองครับ DSแอร์แตกคาเท้าบางคนไปเมื่อสักครู่นี้เอง :D หมดนี่ผมชอบ2K4สุดละครับ ยังคงคิดถึงตัวLaserจวบจนทุกวันนี้ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้สัญญาว่าจะใส่ให้บ่อยขึ้น ไม่ให้เหลือง+หลุดคากล่องแน่นอน T T... จากคุณ : kek_15 เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 22:47:59

ความคิดเห็นที่ 7 ขึ้นหิ้งวางโชว์ไปเมื่อครู่นี้เองครับ เพิ่งเคยมีโอกาสได้ยินเสียงแอร์รั่วว่ามันดังเสียงแบบนี้ ขอบคุณตากล้องด้วยนะครับ จากคุณ : Ithipong เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 22:57:42

ความคิดเห็นที่ 8 ยังมี 2k4 laser อีกคู่ พรุ่งนี้เอาออกมาลองดีมั๊ยครับ จากคุณ : Ithipong เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 22:59:16

ความคิดเห็นที่ 9 ผมทำพลาดมาแล้ว เก็บไว้ดูเล่นจะเป็นประโยชน์กว่าครับ คุณจะมาทำPerformance reviewอะไรตอนนี้! จากคุณ : kek_15 เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 23:35:08

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณครับเสี่ยเบี้ยว เอ้และเก๊ก >>> ที่ผมมีเจอหลายคู่แล้ว "แอร์รั่ว" หลังจากนั้นใส่แล้วบุ๋มลงไปเลย เคยเจอเหมือนกัน ตอนเอาออกมาใส่ก็ยังดีอยู่ ใส่ไปซํกพัก...ยุบไปเลย! จากคุณ : ethan hunt เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 55 11:31:15

ความคิดเห็นที่ 11 ช่วยกัน กด " เก็บเข้าคลังกระทู้ " กันด้วยนะครับ จากคุณ : w2ed เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 14:19:42