PANTIP.COM : S12651081 {{ ............... Always the Blues CHELSEAFC 14.09.55 ..................}} [ฟุตบอลต่างประเทศ]

ความคิดเห็นที่ 5

แลมพ์&เจที ถึงคราตำนานสิงห์ต้องถอย ‘เพื่ออนาคต’

หลังจากออกสตาร์ทได้อย่างจุใจแฟนบอลในพรีเมียร์ ลีก เชลซีก็ต้องเงิบหงายหลังหลายตลบในเกมยูฟ่า ซูเปอร์ คัพกับแอตเลติโก้ มาดริดที่พวกเขาโดนยำเละ แต่ความคมของฟัลเกาอาจไม่ใช่ประเด็นเดียวที่น่าสนใจ เพราะสัญญาณอันตรายมันโผล่ออกมาก่อนหน้านั้นแล้ว

เกมรุกของโรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอพุ่งกระฉูดปรู๊ดปร๊าดในเกมกับวีแกน, เรดดิ้งและนิวคาสเซิ่ล แต่ภายใต้ความดุดันเหล่านั้นมันชัดเจนเลยว่าเกมรับอันทรงพลังเหนียวแน่นจนพี่บิ๊กทั่วยุโรปต้องขยาดที่ส่งพวกเขาคว้าถ้วยแชมป์เปี้ยนส์ ลีกเมื่อปีก่อนนั้นเหมือนจะมลายหายไปเลย

เกมด้านข้างคือจุดที่น่าห่วงที่สุดของ “สิงห์ไฮโซ” ในขณะนี้ ซึ่งนั่นเป็นผลต่อเนื่องมาจากการที่พวกเขาใช้แผนรุกเต็มขั้นระบบ 4-2-3-1 มันเป็นกุลยุทธ์ที่หนักไปทางซอยเท้ายิกๆบุกขึ้นหน้า ไม่ว่าจะเอด็องน์ อาซาร์หรือฮวน มาต้าก็ต่างผสมผสานเกมรุกกันได้อย่างลงตัว ก่อนที่เฟร์นานโด ตอร์เรสจะเริ่มคายพิษสงของตัวเองออกมาทีละนิดๆ

แต่ก็นั่นแหละครับ ด้วยการที่มีมิดฟิลด์ตัวรุก 3 หน่อตรงกลางที่คอยสนับสนุนตอร์เรส ทำให้ฟูลแบ็คอย่างแอชลี่ย์ โคลและบรานิสลาฟ อีวาโนวิชต้องเดียวดายในสายลมอยู่บ่อยครั้งเมื่อเจอคู่แข่งโขยกเข้าลุย จริงๆจังหวะแบบนี้เกิดขึ้นมาแล้วทั้งนั้นในเกมกับวีแกนและเรดดิ้ง

การจะแก้ปัญหาในจุดนี้ได้ ก็ต้องให้มิดฟิลด์ที่อยู่ข้างขยับลงไปเล่นเกมรับให้มากขึ้น แม้ว่าจะไม่ใช่วิถีที่ตนเองถนัด แต่อย่างน้อยการไปป้วนเปี้ยนรบกวนสมาธิคู่แข่งก็จะทำให้เกมมันชะลอลงได้เยอะจนเพื่อนรับกันทัน

นอกจากนั้นยังมีประเด็นให้ต้องเครียดกันต่อ ซึ่งนี่ไม่ใช่ปัญหาที่จะแก้กันง่ายๆ แม้ว่านั่นจะไม่ชัดแจ้งเท่าไหร่ในการเล่นบนเวทีพรีเมียร์ ลีกช่วงเปิดฤดูกาล แต่กับแอตเลติโก้ มาดริด ไม่ว่าใครก็ต้องเห็นกันทั้งนั้นเลย ซึ่งนั่นก็คือความอืดอาดในแผงมิดฟิลด์ของเชลซี

การจับคู่กันของแฟรงค์ แลมพาร์ดและจอห์น โอบี มิเกล แน่นอนไม่มีใครเถียงเรื่องการจ่ายบอลที่ลื่นไหลเต็มไปด้วยคุณภาพของพวกเขา แต่กับสปีดแล้ว นั่นมันคนละเรื่องเลย เมื่อพวกเขาทำประตูขึ้นนำ ทีม “ตราหมี” ก็ฉวยโอกาสได้อย่างยอดเยี่ยม ปล่อยให้คู่หูของ “สิงห์ไฮโซ” ขยับขึ้นไปในโซนเกมรับของพวกเขา ก่อนที่จะตัดบอลแล้วสวนกลับทันที ด้วยสปีด ความว่องไหวของผู้เล่นที่ดาหน้ากันขึ้นไป พรวดเดียวแทบจะจ๊ะเอ๋กับปีเตอร์ เช็กได้

ซึ่งนั่นทำให้ฟัลเกาหนึ่งในโคตรเพชฌฆาตที่แม้แต่ทางช้างเผือกอื่นยังต้องขยาดจัดการซัดแฮทริกมันไปตั้งแต่ครึ่งแรกเลย ซึ่งว่ากันจริงๆเขาน่าจะยิงได้มากกว่านั้นด้วยซ้ำ

โอเคล่ะ ถ้าจะพูดว่าเชลซีทำได้ดีกว่าเกมที่โมนาโกได้แน่นอนในการลงเล่นครั้งต่อๆ แต่ขอบอกเลยปัญหาในแผงมิดฟิลด์ของพวกเขาจะไม่หมดไปตาม หากว่ายังมีแลมพาร์ดยืนเป็นหัวใจหลักอยู่เหมือนเดิม

แข้งวัย 34 ปีมีชีวิตการค้าแข้งที่สวยงามสุดๆกับ “สิงห์ไฮโซ” เป็นตัวหลักในทีมมาอย่างช้านาน สร้างชื่อขึ้นมาด้วยการเป็นมิดฟิลด์จอมถล่มประตูจากนอกกรอบเขตโทษ แต่ตอนนี้เขาเป็นแข้งวัยดึกท่ามกลางบรรดาดาวรุ่งจี๊ดจ๊าดและยากยิ่งที่จะนึกภาพเขายังคงเป็นตัวหลักสำคัญต่อไปในยุคใหม่ของทีม

ด้วยการที่มีตอร์เรสคอยประสานงานกับแข้งวัยหนุ่มคนอื่นๆในแนวรุก ทำให้เชลซีไม่จำเป็นต้องพึ่งการทำประตูของแลมพาร์ดอีกต่อไป แม้ว่าเขาจะยังเตะปิ๊บดังอยู่ก็เถอะ สิ่งพวกเขาต้องการคือใครสักคนที่สามารถจ่ายบอลเข้าตาได้อย่างเหมาะเจาะพอดีถูกที่ถูกเวลา ก่อนที่จะคอยลงไปประคองให้พวกหัวจรวดไปไฟท์กันในแดนหน้า

จริงๆแล้วความสามารถของแลมพาร์ดตรงนี้น่ะมีอยู่เต็มกระบุง แต่ด้วยสปีดสุดต่ำและการที่เขาไม่สามารถวิ่งโยกไปมาในแผงมิดฟิลด์ได้เช่นเดียวกับมิเกล ทำให้แอตเลติโก้ใช้ประโยชน์จากตรงนี้ทันที แน่นอนว่าทีมอื่นๆในเกมใหญ่ๆแบบนี้ก็ต้องทำเหมือนกัน

ซึ่งนับว่าเป็นโชคดีสำหรับเชลซีอยู่ที่มีคอยซึ่งคุณสมบัติเหมาะเหม๋งตามที่ได้พูดกันข้างต้น คนที่จ่ายบอลได้เยี่ยม วิ่งอย่างว่องแถมอึดได้ใจ รามิเรสคือตัวเลือกที่มาแรงสุดๆเลย

การไปกับบอลของเขาจะช่วยให้ทีมสามารถเปลี่ยนจากเกมที่อยู่หน้าประตูตัวเองไปเป็นเขตโทษของอีกฝ่ายได้ช่วงเวลาไม่กี่อึดใจ แถมการวิ่งอึดบ้าพลังของเขายังจะช่วยไปกระตุ้นให้เพื่อนคนอื่นๆในทีมต้องไม่พยายามน้อยหน้าอีกด้วย

อีกทั้งการขยับเขาลงไปเล่นต่ำกว่าเดิมนั้น จะช่วยให้ทีม “สิงห์ไฮโซ” ได้เสริมความอันตรายไปอีกชุดหนึ่ง ด้วยการให้ออสการ์ลงเล่นเป็นตัวสนับสนุนตอร์เรส เฉกเช่นเดียวกันกับวิคเตอร์ โมเสสที่พร้อมจะเป็นอาวุธหนักให้กับทีมได้ทุกเมื่อที่ต้องการ เพราะคว่ำหวอดในเกมลูกหนังเมืองผู้ดีมานานอยู่แล้ว

อีกปัญหาใหญ่ของทีมเชลซีไม่ใช่ใครอื่น ซึ่งนั่นก็คือจอห์น เทอร์รี่แข้งระดับตำนานอีกคนของทีม ที่ปัจจุบันโดนกาลเวลาให้แปรเปลี่ยนจากปราการหลังจอมแกร่งที่วัดกับกองหน้าทุกคนบนพิภพนี้ได้จนกลายเป็นรูปปั้นเสมือนจริงที่ยืนจังก้าอยู่ข้างๆรุ่นน้องเท่านั้น

ด้วยการที่หลังชนฝาไปแล้ว อาจจะทำให้เทอร์รี่พยายามงัดฟอร์มของตัวเองออกมาจนกระทั่งทะลุปรอทลิมิตของร่างกายที่มี แต่ด้วยฤดูกาลใหม่นี้ที่ทีมขยับปรับแผนไปเน้นเกมรุกสมัยใหม่ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็นคนละแบบกับตัวเขา ว่ากันยาวๆ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะยังคงยืนเป็นตัวหลักให้กับสโมสรอยู่

แน่นอนว่าความเป็นผู้นำของเขาคือของจริง แต่การเลือกให้แกรี่ เคฮิลล์ลงเล่นนั้นจะช่วยให้ “สิงห์ไฮโซ” เพิ่มทางเลือกในการที่จะเล่นเพสซิ่งสูง ทำให้เกมรุกของพวกเขามีประสิทธิภาพมากขึ้นในการจับคู่กับดาบิด ลูอีซที่คอยสลับกันเติมและเคลียร์บอล

แต่จะบอกว่าทั้งแลมพาร์ดและเทอร์รี่จะไม่ได้ลงเล่นให้กับทีมเลยก็คงไม่ได้ ซึ่งเคสนี้ก็น่าจะเหมือนกับกรณีของพอล สโคลส์กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประสบการณ์และจิตใจแห่งผู้ชนะของพวกเขายังคงมีส่วนสำคัญต่อบรรดาดาวรุ่งในสแตมฟอร์ด บริดจ์ เช่นเดียวกันกับในเกมที่มีความกดดันสูงสุดๆ

แต่ถ้าหากว่าแทคติกในการเล่นยังคงมีวิวัฒนาการต่อไปแบบนี้เรื่อยๆ มันก็ถึงเวลาแล้วที่เชลซีจำต้องการแกนหลักคนใหม่ให้กับทีม แม้ว่ามันอาจจะจี๊ดหัวจิตหัวใจไปบ้าง แต่ความเปลี่ยนแปลงย่อมต้องเกิดขึ้นในอีกไม่ช้าไม่นานนี้

เพราะขืนปล่อยไว้ รอยแผลเล็กๆก็อาจจะเจ็บลึกเกินเยียวยาได้เหมือนกัน ...

ผมแปลมาจากคอลัมน์ใน Goal.com โดยใช้ภาษาของตัวเองเช่นเคยนะครับ หวังว่าคงชอบกันนะครับผม ...

http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=666975

จากคุณ : s_manavvan

เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 05:07:13