[กระทู้ผีแดง 2012-09-21] บทเรียนท่านเซอร์ใน UCL

หลังจาก “ตกรอบ” แบ่งกลุ่มยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลก่อน ผมดีใจนะครับที่ทีมปิศาจแดง แมนฯยูไนเต็ด ประเดิม Matchday 1 แคมเปญซีซั่นนี้ด้วยชัยชนะเหนือกาลาตาซาราย 1-0

ด้วยหน้าที่ การงานนะครับ ผมจะดู “บอลดึก” แบบนี้ประมาณ 30 นาทีแล้วก็จะค่อย ๆ เอนตัวนอนแล้วหลับไปเพื่อไม่ให้กระทบการ “ตื่นเช้า” มากนัก

ตอน “ยูโร 2012” รอบน็อคเอ๊าท์ที่เตะดึกตลอดก็ทำแบบนี้ครับ คือจะดูให้ได้ “กลิ่น” และ “แนวทาง” แล้วค่อยหาคลิปไฮไลต์ทำประตูดูภายหลัง

แต่หากฟุตบอลสนุกจริง ๆ และเริ่มจะมี “Something” ก็ไม่แน่เหมือนกันที่จะดูต่อเช่นเกมจาก โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อคืนวันพุธ เช้าตรู่วันพฤหัสฯที่ผ่านมา

สกอร์ 1-0 ไม่ได้ “บ่งบอก” อะไรเลยครับในแมตช์ที่ต้องชมเชย ฟาห์ติ เตริม และลูกทีมที่ “ตั้งใจ” มาเล่นฟุตบอลเกมรุกบุกสู้กับลูกทีมท่านเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แบบไม่เกรงกลัวศักดิศรี

ครับ น้อยทีมมากที่จะบุกมา โอลด์ แทรฟฟอร์ด แล้วจะใช้กองหน้าแท้ ๆ 2 ตัวยืนห้อย: บูรัค ยิลมาซ + อูลุต บูลุต(ตอนหลังเปลี่ยนเป็น โยฮัน เอลมานเดอร์) และเปิดเกมแลกหมัดกับเจ้าบ้านอย่างถึงพริกถึงขิง

พูดแบบไม่เกรงใจเลยนะครับว่า “ไฟนอลสกอร์” สามารถเป็นได้หมดในวันที่อะไร ๆ เป็นใจ เช่น 3-0, 3-2, 4-3 หรือแม้กระทั่งเจ้าบ้านก็อาจ “แต้มหล่น” และถึงแพ้ได้เช่นกันหากลูกยิงชนคาน, แฉลบเสา หรือเฉียดไป/มา หรือที่ดาวิด เด เคอา”ซูเปอร์เซฟ” เปลี่ยนเป็นโกล์ได้บ้าง

หรือยอดทีมตุรกี “มีดวง” บ้างเริ่มตั้งแต่ต้นเกมที่น่าจะได้ “จุดโทษ” หลังเนมันยา วีดิช ทะเล่อทะล่าเข้าช้าจนเสียบเอา บูลุต ร่วงในเขตโทษ แต่เชิ้ตดำเยอรมัน โวล์ฟกัง สตาร์ค ยังใจแข็ง

เช่นกัน สาวกผีแดงก็อาจมองได้ว่า สกอร์คงไหลเป็น “น้ำตก” หากจังหวะหลุดไปพังประตูแรกใน UCL รอบ 3 ปีของ ไมเคิล คาร์ริค เจ้าตัวไม่โชว์ “สปิริต” ขืนตัวเองเอาไว้ แต่แกล้งล้มลงไปนอนคลุกฝุ่น

จุดโทษ และใบแดง เฟร์นานโด มุสเลร่า นายทวารทีมเยือนตั้งแต่นาทีที่ 6 แน่ ๆ!!!

ต้องชมคาร์ริคนะครับ เพราะนี่คือ “คาแร็กเตอร์” นักเตะอังกฤษยุคตั้งแต่ผมจำความดูบอลตั้งแต่กลางปี 80s จริง ๆ ที่ยังไม่ได้อิทธิพล “พุ่งล้ม” จากยุโรปใต้ เช่น อิตาลี หรือสเปน ติดเข้ามา

มันเป็นเรื่องของ “ทัศนคติ” นะครับ เพราะในเวลาที่คอบอลอังกฤษจะเรียก “Cheat” หรือโกงกับการพุ่งล้ม แต่พวกอิตาเลี่ยน หรือสแปนิช จะมองว่าเป็น “Cunning” หรือ “ฉลาด” หากจะสามารถตบตากรรมการได้

ซึ่งหากยอดทีมตุรกี ที่ดูแล้ว “แข็งแกร่ง” ที่สุดในกลุ่มเอช ที่ยังมีบราก้า และซีเอฟอาร์ คลูช อยู่ร่วมสายต้องเล่นเพียง 10 คนตั้งแต่ต้นเกม

ฟุตบอลนัดนี้ “คงจบ” และผมคงไม่ได้อยู่ดูจนจบเกม ไม่ได้หลับ ได้นอนแน่ ๆ

สารภาพอีกประการคือ แฟนหงส์แบบผม ก็อยากเห็นการ “พลิกล็อก” อยู่เหมือนกัน และชอบมาก ๆ ที่เห็นกาลาตาซารายใจ “ไม่ป๊อด” และสู้ได้สนุกจนนาทีสุดท้าย

นี่แหละครับ “เสน่ห์” ของ UCL เพราะแต่ละทีมที่หลุดมาถึงรอบ 32 ทีมสุดท้ายล้วนไม่ธรรมดา และมีแรงจูงใจสูงในการแข่งขัน “เวที” ระดับสูงสุดนี้

นักเตะที่ดีที่สุดย่อมอยาก “ลับแข้ง” กับพรรคพวกเกรดเดียวกันเพื่อพัฒนาฝีมือ ขณะที่ในแง่ “การเงิน” การตกรอบแรกก็ได้พิสูจน์แล้วว่า ทีมปิศาจแดง “สูญเสีย” ถึง 24 ล้านปอนด์ (รวมกับตกรอบ 4 เอฟเอ คัพ – ข้อมูล “เดอะ ซัน”)

หรือข้อมูลจาก “uefa.com” ก็ระบุไว้ชัดว่า เชลซี แชมป์เก่า UCL ฟันเงินรายได้ถึง 60 ล้านยูโร, รองแชมป์ บาเยิร์นฯ 42 ล้านยูโร, บาร์ซ่า (41), มิลาน (40), มาดริด (38) และแมนฯยูฯ (35)

หรือกล่าวได้ว่า แมนฯยูฯ ได้เงินน้อยกว่าทีมแชมป์อย่าง เชลซี ถึง 25 ล้านยูโร ดังนั้นความสำเร็จใน UCL จึงแปรผันตรงกับรายได้ที่แบ่งหลัก ๆ เป็น 2 ก้อนคือ 1.ค่าเข้าร่วมแข่งขัน และผลงาน 2.ค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดทางทีวี

ดังนั้น รับรองได้เลยครับว่า หากไม่ “ชัวร์ป้าบ” 100% ท่านเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะไม่จัดทัพด้วยนักเตะรอง ๆ เหมือนซีซั่นที่ผ่านมาเด็ดขาด

ตรงกันข้าม ข่าวในช่วงเดียวกันทำให้เราได้เห็น แบรนแดน ร็อดเจอร์ส เตรียมพักแข้งหลักทุกตัวก่อน “แดงเดือด” อาทิตย์นี้ และส่งดาวรุ่งอย่าง ซาเหม็ด เยซิล, อดัม มอร์แกน, แจ็ค โรบินสัน หรือแดนี ปาเชโก้ ลงสนาม และตรึงค่าเฉลี่ยอายุของทีมอยู่ที่ราว ๆ 21 ปี

เรียกได้ว่า เป็นนโยบาย “พักแข้ง” บิ๊กเนม และให้โอกาสเด็ก อย่างชัดเจน และเลือกพรีเมียร์ลีกเหนือฟุตบอลถ้วยยูโรป้า ลีก แบบชัดแจ้ง

ทั้งนี้ ที่มาที่ไป ประการหนึ่งคือ “เรื่องเงิน” เพราะแชมป์เก่า แอตฯมาดริด ได้เงินรางวัลจาก “ยูฟ่า” เพียง 11 ล้านยูโรเท่านั้น หรือน้อยมาก และน้อยกว่าทีมที่ตกรอบแรก UCL เยอะแยะ

“กลยุทธ์” ลงเล่นฟุตบอลรายการนี้จึงไม่ต่างจาก “ลีก คัพ” หรือชื่อใหม่ในปีนี้ “แคปิตัล วัน คัพ” ซึ่งกุนซือทีมใหญ่จะส่งดาวรุ่ง หรือผู้เล่นสำรองลงก่อนในรอบแรก ๆ

หลังจากนั้นจึงค่อย ๆ ใส่ผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามในรอบลึก ๆ เพราะไม่มีทีมใดจะสามารถเป็นแชมป์ทุกรายการได้ การวางแผน และลำดับความสำคัญจึงเป็นสิ่งจำเป็น

ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจ ที่ใคร ๆ จะไม่เลือก “ยูโร ป้า ลีก” และ “แคปิตัล วัน คัพ” ณ เวลาต้นซีซั่นแบบนี้ ขณะที่ UCL เท่าที่ได้เห็น ขอบอกได้คำเดียวครับว่า “แซบเว่อร์!” ตั้งแต่ Matchday 1 ครับผม...

credit : www.facebook.com/khaimukdam   คอลัมน์ “ไข่มุกดำ”: คอลัมนิสต์ นสพ.เดลินิวส์ และฮอตสกอร์

จากคุณ	: เลขาลิขิต
เขียนเมื่อ	: 21 ก.ย. 55 09:58:50