PANTIP.COM : S12747220 [กระทู้สโมสรเยอรมัน] การจากไปของ ‘มิชาเอล บัลลัค’ [ฟุตบอลต่างประเทศ]

ความคิดเห็นที่ 1

นั่นเองคือจุดเริ่มต้นของโชคชะตาที่ไม่โสภาของบัลลัค เพราะอีกเดือนให้หลัง เขากับเลเวอร์คูเซ่นก็เป็นเพียงแค่พระรองเมื่อโดนโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์เข้าป้ายคว้าแชมป์บุนเดสลีกา ต่อด้วยโดนชาลเก้อกหักในเดเอฟเบ โพคาล ก่อนจะมาสุดๆกับเรอัล มาดริดในแชมป์เปี้ยนส์ ลีก

หลังจากนั้น เขาก็ย้ายไปเล่นให้กับบาเยิร์นและแม้ว่าเขาประสบความสำเร็จในบุนเดสลีกากับทาง “เสือใต้” แต่ก็ต้องผิดหวังที่ไม่สามารถทะลุผ่านรอบ 8 ทีมสุดท้ายกับทีมชาติในศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปได้

ฟุตบอลโลกปี 2006 เป็นอีกครั้งที่เขาทำได้แค่ใกล้เคียงกับความสำเร็จ ปีนั้นเยอรมันเป็นเจ้าภาพ บัลลัคเป็นกัปตันทีม ลูกทีมของเจอร์เก้น คลิ้นมันน์บุกตะลุยฝ่าด่านคู่แข่งไปได้อย่างสวยงาม จนกระทั่งวังวนเดิมกลับมาหลอกหลอนพวกเขา เมื่อพ่ายแพ้ให้กับทีมชาติอิตาลี 2-0 ในรอบรองชนะเลิศ แม้ว่าจะเอาชนะโปรตุเกสจนคว้าที่ 3 ได้ แต่นั่นก็ไม่เพียงแต่สำหรับบัลลัคผู้ซึ่งหัวใจต้องการเพียงคำว่าผู้ชนะเท่านั้น

ด้วยใจอันกระหายต่อชัยชนะที่ยังไม่ได้รับการสนองนี๊ด ทำให้เขามองหาที่ๆจะทำให้เขาได้พบกับเป้าหมายที่ตัวเองวางเอาไว้ ย้ายไปเล่นให้กับเชลซีในอังกฤษ ซึ่งไม่นานเขาก็เป็นส่วนสำคัญในทีมและกลายเป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอลในตำแหน่งการเล่นที่ยืนต่ำกว่าเดิมเมื่อสมัยเคยโด่งดังสุดๆ

แต่สุดท้ายเทพีแห่งโชคก็ยังไม่หันหาตัวเขาที่เล่นให้กับทีมดังประจำกรุงลอนดอน ภายใต้การทำทีมของอาฟรัม แกรนท์ “สิงห์ไฮโซ” เข้าถึงรอบชิงแชมป์เปี้ยนส์ ลีกในปี 2008 ก็จริง แต่ลูกยิงลื่นกล้วยของจอห์น เทอร์รี่ก็ทำให้พวกเขาปล่อยแชมป์หลุดไปอยู่ในมือของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคู่แข่งร่วมลีกจนได้

ที่จริงเขาก็มีโอกาสที่จะสลัดความผิดหวัง มุ่งหน้าสู่ความสำเร็จอีกครั้งหนึ่งเมื่อได้ลงเล่นยูโร 2008 ซึ่งเป็นทัวร์นานเมนต์ใหญ่ครั้งสุดท้ายในการเล่นระดับนานาชาติ แต่อย่าเพิ่งเบื่อ เพราะนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาต้องพบกับความผิดหวังในรอบชิงชนะเลิศด้วยน้ำมือของชายที่ชื่อเฟร์นานโด ตอร์เรสซึ่งซัดประตูให้สเปนคว้าแชมป์ไปครอง

หนึ่งปีให้หลัง จากการที่เขาสติแตกเพราะไม่พอใจการตัดสินของทอม เฮนนิ่ง ออฟเรโบ้ในเกมแชมป์เปี้ยนส์ ลีกรอบรองชนะเลิศในสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ที่ปฏิเสธไม่ให้จุดโทษเชลซีถึง 2 ครั้งในเกมกับบาร์เซโลน่า จนสุดท้ายโดนอังเดรียส อิเนสต้าพิฆาตไป ทำให้เขาโดนกล่าวหาว่าตั้งใจจะเข้าขมขู่ผู้ตัดสินจนภาพลักษณ์ติดลบไปพอสมควร

ทุกอย่างมันค่อยๆชัดเจนว่าเขาคงจะไม่มีทางที่จะเอมมือไปถึงถ้วยแชมป์มากเกียรติยศที่ใฝ่ฝัน ซึ่งเขาหมายปองและสมควรที่จะได้สัมผัสมันบ้าง

ฟุตบอลโลก 2010 น่าจะเป็นโอกาสสุดท้ายจริงๆสำหรับเขาที่จะมีโอกาสไปให้ถึงฝั่งฝัน มาคราวนี้บัลลัคเป็นขิงแก่ท่ามกลางบรรดาดาวรุ่งฝีเท้าเยี่ยม เขาช่วยทีมทะลุผ่านรอบคัดเลือกไปได้ แต่การทำฟาวล์แบบสุดวิสัยของเควิน ปริ๊นซ์ บัวเต็งของปอร์ทสมัธ ก็ทำให้เขาหมดสิทธิ์ลงเล่นในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว

เมซุต โอซีลเข้าเสียบตำแหน่งแทนเขาก่อนจะฉายแววสุดโรจน์ ส่วนฟิลลิปป์ ลาห์มก็สวมปลอกแขนกัปตันทีมแทน พร้อมๆกับการเดินไปถึงสุดปลายทางในการเล่นให้ทีมชาติของเขา

จากคุณ : เลขาลิขิต

เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 11:36:34