ความคิดเห็นที่ 1 เริ่มต้นฝึกฟุตบอลที่เมืองเชมนิทซ์ บัลลัค เกิดในเมือง “เกอร์ลิทซ์” ที่ตั้งอยู่ใน “เสรีรัฐแซกโซนี่” ซึ่งตอนนั้นยังเป็นประเทศเยอรมันตะวันออก แต่พ่อแม่ของบัลลัคได้ย้ายมาอยู่ที่ “Kart-Marx-Stadt” (เปลี่ยนเป็นเชมนิกซ์ในปี 1990) ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสามของ “เสรีรัฐแซกโซนี่” เมื่ออายุ 7 ปีในปี 1983 จึงได้เข้าร่วมกับสโมสรฟุตบอล “BSG Motor Kart-Marx-Stadt” ที่เป็นสโมสรท้องถิ่น ขณะที่ฝึกฝนในสโมสรแห่งนี้บัลลัคได้มีพัฒนาการในด้านเทคนิคและการยิงประตูเป็นอย่างดี วันที่ 4 ตุลาคม ค.ศ.1983 ได้ลงเล่นนัดแรกกับทีมรุ่นอายุเดียวกันในเกมที่ชนะ  “Ascota Motor Kart-Marx-Stadt” 2-1 เพียงแค่ฤดูกาลแรกก็ทำไปได้ถึง 12 ประตู  ไม่ใช่เพียงแค่ฝีเท้าที่พัฒนาขึ้นเท่านั้น  แต่ความเป็นผู้นำก็ยังแสดงออกมาด้วย ฤดูกาลที่สามบัลลัคทำไปได้ถึง 57 ประตูใน 16 เกม โดยในวันที่ 19 ตุลาคม 1985 บัลลัคยิงคนเดียว 12 ประตู ในเกมทีชนะคู่แข่ง 28-0 ซึ่งเกมระดับเยาวชนนั้นแข่งขันครึ่งละ 25 นาที ปี 1988 บัลลัคได้ย้ายไปสโมสรใหญ่ประจำเมือง คือ “FC Kart-Marx-Stadt” ต่อมาในปี 1990 ได้เปลี่ยนเป็น “เอฟซี เชมนิทซ์” ตามชื่อเมืองที่เปลี่ยน ปี 1991 บัลลัคคว้าแชมป์ใน “รายการชิงแชมป์รุ่นเยาวชนของรัฐแซกโซนี” มาครองได้ ปี 1994 บัลลัคก็ได้พาทีม “เอฟซี เชมนิทซ์”  คว้าแชมป์การแข่งขันรุ่นอายุต่ำกว่า 19 ในการชิงแชมป์ระดับรัฐ จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 07:07:27

ความคิดเห็นที่ 2 เริ่มต้นการเล่นอาชีพกับ “เอฟซี เชมนิทซ์” ปี 1995 ในที่สุดบัลลัคได้รับสัญญาอาชีพเป็นครั้งแรก และได้เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวกลาง โดยได้รับฉายา “ไกเซอร์น้อย” 4 สิงหาคม 1995 ได้ลงเล่นระดับอาชีพครั้งแรกในเกมเปิดฤดูกาล 1995-1996 ในบุนเดสลีกา 2 เมื่อจบฤดูกาลบัลลัคได้เล่น 15 นัด แต่ผลงานโดดเด่นของบัลลัคอยู่ที่การเล่นในลีกสมัครเล่นภาคเหนือของเยอรมันที่ทำให้เขาได้ประเดิมทีมชาติชุดอายุต่ำกว่า 21 ปีในวันที่ 26 มีนาคม 1996 สถิติฤดูกาล 1995-1996 บุนเดสลีกา 2 ลงเล่น 15 นัด เดเอฟเบ โพคาล ลงเล่น 1 นัด ลงเล่นทั้งหมด 16 นัด จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 07:08:33

ความคิดเห็นที่ 3 ฤดูกาล 1996-1997 ทำผลงานเข้าตาคิงออตโต้ ในฤดูกาลนี้บัลลัคทะลุขึ้นมาเป็นตัวหลักได้ พร้อมกับทำผลงานได้อย่างโดดเด่น แถมทำประตูแรกได้ในเกมที่ชนะ ดินาโม เดรสเดน 1-0 จบฤดูกาลทำไปได้ 10 ประตู แต่ถึงกระนั้นก็พาทีมเลื่อนชั้นกลับขึ้นไปลีกา 2 ไม่ได้ แต่จากฟอร์มการเล่นของเขา  ทำให้ “ออตโต้ เรห์ฮาเก้ล” ตัดสินใจคว้าตัวเขาไปร่วมทีม สถิติฤดูกาล 1996-1997 เรกิโอนาลลีกา นอร์ด เยอรมัน ลงเล่น 34 นัด ทำไป 10 ประตู เดเอฟเบ โพคาล 1 นัด ลงเล่นทั้งหมด 35 นัด ทำไป 10 ประตู จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 07:09:26

ความคิดเห็นที่ 4 ฤดูกาล 1997-1998 ลงเล่นในลีกสูงสุด บัลลัคได้ลงเล่นนัดแรกในเกมที่เจ็ดของฤดูกาลที่พบกับ “คาร์ลสรูห์”   ในวันที่ 28 มีนาคม 1998 บัลลัคได้เล่นเป็นตัวจริงเกมแรกในเกมที่แพ้ “”ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น” 0-3 จบฤดูกาล “ไกเซอร์สเลาเทิร์น” สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์บุนเดสลีกาทั้งๆที่พึ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาจากลีกา 2 สถิติฤดูกาล 1997-1998 บุนเดสลีกา ลงเล่น 16 นัด เดเอฟเบ โพคาล ลงเล่น 2 นัด ลงเล่นทั้งหมด 18 นัด จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 07:10:05

ความคิดเห็นที่ 5 ฤดูกาล 1998-1999 แจ้งเกิดเต็มตัว เพียงแค่ฤดูกาลที่สองในวัยเพียง 22 ปี บัลลัคได้ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมได้  โดยลงเล่นไปถึง 30 นัด   โดยในฤดูกาลนี้บัลลัคก็ได้มีโอกาสสัมผัสรายการแชมป์เปี้ยนลีกเป็นครั้งแรกลงเล่น 6 นัด เป็นตัวจริง 6 นัด จากทั้งหมด 8 นัดที่ทีมลงเล่น แต่ทีมไกเซอร์สเลาเทิร์นไปได้ถึงแค่รอบ 8 ทีม เพราะต้านทานความแข็งแกร่งของบาเยิร์นไม่ไหว 30 ตุลาคม 1998 บัลลัคยิงประตูลูกแรกในบุนเดสลีกาจากฟรีคิกช่วยให้ทีมตีเสมอ ฮันซ่า รอสต๊อค  2-2 ก่อนที่ทีมจะหลิกกลับมาชนะ 3-2 จากผลงานในสโมสรทำให้บัลลัคได้ถูกเรียกติดทีมชาติในฤดูกาลนี้  และ “ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น” มาซื้อตัวไปที่ราคา 4.1 ล้านยูโร สถิติฤดูกาล 1998-1999 บุนเดสลีกา ลงเล่น 30 นัด ทำไป 4 ประตู เดเอฟเบ โพคาล ลงเล่น 2 นัด เดเอฟเบ ลีกา โพคาล 1 นัด ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก ลงเล่น 6 นัด ลงเล่นทั้งหมด 39 นัด ทำไป 4 ประตู จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 07:11:06

ความคิดเห็นที่ 6 ฤดูกาล 1999-2000 บทบาทจอมทัพกับห้างขายยา สมัยบัลลัคอยู่ “ไกเซอร์สเลาเทิร์น” เขาอาจจะเป็นเพียงแค่ลูกหาบของ “ชิริอาโก้ สฟอร์ซ่า” จอมทัพชาวสวิส แต่ที่ “ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น” บัลลัคได้รับบทบาทให้บงการเกม และมีอิสระในการเล่น ช่วงเริ่มต้นฤดูกาลหลังลงเล่นนัดแรกในบุนเดสลีกา  บัลลัคได้รับบาดเจ็บพักยาวถึงช่วงเดือนพฤศจิกายน ระหว่างที่บัลลัคพลาดการลงเล่น ทีมก็ตกรอบแบ่งกลุ่มรอบแรกแชมป์เปี้ยนลีก, ตกรอบสามเดเอฟเบ โพคาล (เป็นรอบแรกที่ลงเล่น) บัลลัค กลับมาลงเล่นได้ในยูฟ่า คัพรอบสามกับอูดิเนเซ่โดยทำประตูได้ทั้งสองนัด แต่ทีมก็แพ้ด้วยกฎประตูทีมเยือน ทางด้านผลงานในลีกของห้างขายยานั้นถือว่ายอดเยี่ยม  ทีมเก็บชัยชนะได้อย่างต่อเนื่องจนนัดสุดท้ายและทีมนำหน้าเสือใต้อยู่สามแต้ม แต่ในนัดสุดท้ายทีมกลับไปแพ้อุนเตอร์ฮัคกิ้งในการไปเยือน 0-2 เลยชวดแชมป์จากประตูได้เสีย โดยมี 73 คะแนนเท่ากับบาเยิร์น มิวนิค แต่ลูกได้เสียไบเออร์ +38 บาเยิร์น +45 ในเกมนั้น” บัลลัค” เป็นคนทำเข้าประตูตัวเองในนาทีที่ 20 ให้ “อุนเตอร์ฮัคกิ้ง” ขึ้นนำ “ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น” 1-0 จบฤดูกาลนั้นเลเวอร์คูเซ่นแพ้ไปแค่ 3 นัด ยิงไปได้ 74 ประตูมากที่สุดในลีก และยังสร้างสถิติชนะ “อูล์ม” 9-1 อูล์ฟ เคียร์สเท่น  ยอดศูนย์หน้าของไบเออร์เป็นรองดาวซัลโวที่ 17 ประตู ตามหลังแค่มาร์ติน มักซ์ของ 1860 มิวนิคที่ยิงไป 19 ประตู ฤดูกาลนี้บัลลัคเริ่มต้นไม่สวย และก็จบได้ไม่สวยงามนัก สถิติฤดูกาล 1999-2000 บุนเดสลีกา ลงเล่น 23 นัด ทำไป 3 ประตู ยูฟ่า คัพ ลงเล่น 2 นัด ทำไป 2 ประตู ลงเล่นทั้งหมด 25 นัด ทำไป 5 ประตู จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 07:12:47

ความคิดเห็นที่ 7 ฤดูกาล 2000-2001 ปีแห่งมรสุมของไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เริ่มต้นฤดูกาลด้วยฟอร์มการเล่นที่ไม่สม่ำเสมอ จากการที่ “ดอย์ม” โค้ชของทีมถูกตั้งข้อสงสัยว่าเสพโคเคน จนทำให้ทางเดเอฟเบ ยกเลิกสัญญาที่จะแต่งตั้ง “คริสตอฟ ดอย์ม” เป็นผู้จัดการทีมชาติเยอรมัน ซึ่งแรงกดดันจากข่าวอื้อฉาวดังกล่าวได้ส่งผลถึงผลงานของทีมในช่วงต้นฤดูกาล หลังจากที่ “คริสตอฟ ดอย์ม” โค้ชผู้พาทีมจบรองแชมป์เมื่อฤดูกาลก่อนออกมาสารภาพว่าเสพโคเคนจริง ทำให้ในวันที่ 21 ตุลาคม ค.ศ. 2000 ทางสโมสรต้องแต่งตั้ง “รูดี้ โฟลเลอร์” มาเป็นคุมทัพแทน แต่เดือนต่อมา “โฟลเลอร์” ซึ่งตอนนั้นคุมทีมชาติอยู่ด้วยก็ต้องลาออกไปเพื่อคุมทีมชาติอย่างเดียว ทางสโมสรจึ้งต้องดึง “แบร์ตี้ โฟลค์” ผู้พาเยอรมันคว้าแชมป์ยูโร 96 มาคุมทีมแทนในวันที่ 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 2000 ทางด้านผลงานของทีมในรายการแชมป์เปี้ยนลีกทีมห้างขายยาได้อยู่กลุ่มเดียวกับ “รีล มาดริด”  แต่ก็สู้ไม่ได้แพ้ทั้งเหย้าเยือน เกมนัดที่ 5 ของรอบแบ่งกลุ่มรอบแรก “บัลลัค” ทำประตูชัย 1-0 เหนือทีมสปาร์ตัก มอสโก การันตีการได้ไปเล่นยูฟ่า คัพในฐานะอันดับ 3 ถ้วยยูฟ่า คัพ “บัลลัค” ไม่ได้ลงเล่นเนื่องจาก “โฟลค์” ต้องการพักบัลลัค  ทีมจึงตกรอบด้วยฝีมือ เออีเค เอเธนส์ สกอร์รวม 6-4 ในเกมที่แพ้บาเยิร์น 0-2 ของวันที่ 2 ธันวาคม บัลลัคมีอาการบาดเจ็บต้องออกจากสนามนาทีที่ 27 และต้องพักยาวจนถึงช่วงปีใหม่ สามนัดต่อจากนั้นทีมชนะ 1 แพ้ 2 เมื่อจบฤดูกาลทีมที่มีผลงานไม่ต่อเนื่องตลอดทั้งฤดูกาลจบที่อันดับ 4 ได้ไปเล่นแชมเปี้ยนลีก สถิติฤดูกาล 2000-2001 บุนเดสลีกา ลงเล่น 27 นัด ทำไป 7 ประตู เดเอฟเบ โพคาล ลงเล่น 2 นัด เดเอฟเบ ลีกา โพคาล 1 นัด ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก ลงเล่น 5 นัด ทำไป 1 ประตู ลงเล่นทั้งหมด 35 นัด ทำไป 8 ประตู จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 07:13:55

ความคิดเห็นที่ 8 ฤดูกาล 2001-2002 รองแชมป์ผู้ยิ่งใหญ่ จากการที่ผลงานไม่ดีในฤดูกาลก่อน  สโมสรไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น จึงได้แต่งตั้ง “เคร้าส์  ท็อปโมลเลอร์” มาคุมทีม พวกเขาสามารถทะลุเข้าชิงในถ้วยยูฟ่า แชมป์เปี้ยน ลีก และเดเอฟเบ โพคาลได้ โดยตัวบัลลัคเองก็เล่นได้อย่างสุดยอด รอบแบ่งกลุ่มรอบแรกนัดที่ 3 “บัลลัค” ทำประตูให้ทีมกลับมาชนะ เฟเนร์บาห์เช่ 2-1 ซึ่งสามแต้มนี้ทำให้ทีมมี 9 แต้มเต็มจาก 3 นัด จากการที่ก่อนหน้านั้นชนะบาร์เซโลน่า และลียงมาแล้ว สุดท้ายเลยเข้ารอบแบบไม่กดดันจากการชนะ เฟเนร์บาห์เช่ 2-1 อีกครั้งในการไปเยือนในนัดที่ 5 รอบแบ่งกลุ่มรอบสอง ยิงเก็บหกแต้มไปกลับจากลา คอรุนญ่านัดละลูก โดยเฉพาะนัดที่ 6 ยิงให้ทีมนำก่อน 1-0 ในชัยชนะ 3-1 ที่พาทีมเก็บแต้มสำคัญเข้ารอบไปเหนือทีมอย่างยูเวนตุส และอาร์เซน่อล รอบ 8 ทีม เหมาสองประตูสุดสำคัญในชัยชนะ 4-2 เหนือลิเวอร์พูล โดยมีลูซิโอยิงประตูสำคัญปิดท้ายส่งให้ทีมเข้ารอบไป รอบรองชนะเลิศ ยิงได้ถึงโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในลูก 1-1 ก่อนที่ทีมจะเก็บผลเสมอ 2-2 จากทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พอกลับมาที่เยอรมัน “โอลิเวอร์ นอยวิลล์ “ ยิงประตูตีเสมอ 1-1 พาทีมเข้ารอบชิงจากกฎประตูทีมเยือน นัดชิงชนะเลิศทีมเจอลูกยิงมหัศจรรย์ของซีดานเข้าไปเลยแพ้ รีล มาดริด 1-2 ถ้วยเดเอฟเบ โพคาล ลงเล่น 4 จากทั้งหมด 6 นัด แต่ก็แพ้นัดชิงต่อชาลเก้ 2-4 ในวันที่นักเตะชาลเก้เล่นได้อย่างสุดยอด โดยมีฟรีคิกสุดเฉียบคมจากเท้าซ้ายของยอร์ก โบห์เม, การใช้ความเร็วกระชากเข้าไปยิงของ วิคเตอร์ อกาลี่ ลูกยิงจากยอดจอมทัพอย่างอันเดรียส โมลเลอร์ และลูกโหม่งทรงพลังของเอ็บเบ ซานด์ ในลีกพวกเขามีเอกลักษณ์ที่น่าจดจำจากการที่พวกเขาจะต้องถูกนำไปก่อน ก่อนที่จะไล่ยิงจนแซงกลับมาชนะ โดยระหว่างนัดที่ 8-14 ที่พวกเขาชนะ 7 นัดรวด ในเกมที่ 10-14 พวกเขายิงแซงกลับมาชนะหลังจากถูกขึ้นนำ 1-0 ติดต่อกันถึง 5 นัด พอถึงนัดที่ 15 พวกเขายิงนำคู่แข่งก่อน แต่จบเกมก็ถูกเบรเมนพลิกกลับมาชนะ นัดที่ 16 ถูก “คาเคา” ของเนิร์นแบร์กยิงนำ 0-1 และ 1-2 แต่ก็พลิกกลับมาชนะได้ สามนัดรองสุดท้าย คือ นัดที่ 31-33 พวกเขาเสมอ 1 แพ้ 2 เลยเสียแชมป์แก “ดอร์ทมุนด์” ในท้ายที่สุด ถึงแม้บัลลัคจะได้แค่รองแชมป์จากทุกรายการที่ลงเล่น  แต่เขาก็ได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมของเยอรมันในฤดูกาลนั้น สถิติฤดูกาล 2001-2002 บุนเดสลีกา ลงเล่น 29 นัด ทำไป 17 ประตู เดเอฟเบ โพคาล ลงเล่น 4 นัด เดเอฟเบ ลีกา โพคาล 1 นัด ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก ลงเล่น 15 นัด ทำไป 6 ประตู ลงเล่นทั้งหมด 49 นัด ทำไป 23 ประตู จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 07:15:06

ความคิดเห็นที่ 9 ฤดูกาล 2002-2003 ย้ายไปร่วมทัพเสือใต้ หลังจากที่บัลลัค เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลที่ผ่านมาทั้งในระดับสโมสร และทีมชาติ “บาเยิร์น มิวนิค” จึงคว้าตัวเข้าไปรวมทีมที่ค่าตัว 12.9 ล้านยูโร หน้าที่ของเขาในบาเยิร์นฤดูกาลนี้ คือ เป็นคนคุมจังหวะของเกมแทน “จอมห้าวหัวเสือ” สเตฟ่าน เอฟเฟ่นแบร์ก” ที่ย้ายไปโวล์ฟบวร์ก ฤดูกาลนี้เคราดิโอ ปิซาร์โร่ (15 ประตู) กับ โจวานนี เอลแบร์ (21 ประตู) ยิงรวมกันได้ 36 ประตูในลีก เกินกว่าครึ่งของ 70 ประตูที่ทีมยิงได้ แต่บัลลัคก็ไม่น้อยหน้าทำไปได้ 10 ประตูให้ทีมคว้าแชมป์แบบสบายๆถึงอันดับสอง “สตุ๊ดการ์ท” 16 แต้ม ฟุตบอลถ้วยเดเอฟเบ โพคาล “บัลลัค” สามารถพาทีมคว้าแชมป์มาได้ โดยเขาลงเล่น 5 เกมจากทั้งหมด 6 นัด โหม่งได้หนึ่งประตูในรอบรองที่ชนะเลเวอร์ 3-1  กับเหมาสองลูกในนัดชิงชนะเลิศที่ชนะไกเซอร์สเลาเทิร์น 3-1 ซึ่งเป็นการยิงประตูทีมเก่าทั้งสองทีม ให้ตัวเองได้แชมป์เดเอฟเบ โพคาลเป็นครั้งแรก แต่ในแชมเปี้ยนลีกทีมเสือใต้กลับทำผลงานได้แย่เหลือเชื่อตกรอบแบ่งกลุ่มที่อันดับ 4 โดยไม่ชนะใครเลย แพ้ถึง 4 เสมอ 2 บัลลัคลงเล่นให้ทีม 7 นัด จาก 8 นัดที่ทีมลงเล่น โดยทำได้หนึ่งประตูในรอบคัดเลือกที่ถล่มปาร์ติซาน เบลเกรด ที่ประตูรวม 6-1 สถิติฤดูกาล 2002-2003 บุนเดสลีกา ลงเล่น 26 นัด ทำไป 10 ประตู เดเอฟเบ โพคาล ลงเล่น 5 นัด ทำไป 4 ประตู ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก ลงเล่น 7 นัด ทำไป 1 ประตู ลงเล่นทั้งหมด 38 นัด ทำไป 15 ประตู จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 07:16:36

ความคิดเห็นที่ 10 ฤดูกาล 2003-2004 ตกอยู่ภายใต้ปีกนกนางนวล ถึงแม้ในปีนี้เกมรุกของทีมกับตัว “บัลลัค” เองก็ยังทำผลงานได้ดี  ทีมยิงได้ 70 ประตูเท่าปีที่แล้ว แต่ด้วยทีมที่ลงตัวของเจ้านกนางนวล “แวร์เดอร์ เบรเมน” ที่เก็บไปได้ 74 แต้ม และยิงถึง 79 ประตู บวกกับเกมรับที่อ่อนลงกว่าเดิมจากการที่ “โธมัส ลิงเค่” อายุมากขึ้น “เดมิเชลิส” ก็ยังใหม่ไปที่จะทดแทน การบาดเจ็บของ “วิลลี่ ซาญอล”  เสือใต้จึงได้เพียงแค่รองแชมป์ ส่วนฟุตบอลถ้วยเดเอฟเบ โพคาล  เสือใต้เข้าถึงรอบ 8 ทีมเท่านั้น เพราะพวกเขาแพ้ต่อ “อาเค่น”  ทีมจากลีกา 2 โดยบัลลัคยิงตีเสมอ 1-1 ก่อนที่ “เอริค ไมเยอร์” อดีตศูนย์หน้าลิเวอร์พูล ยิงประตูชัยให้อาเค่นในนาทีที่ 81 ในรอบสองที่เจอกับ “เนิร์นแบร์ก” ในช่วงการยิงจุดโทษหลังช่วงต่อเวลาที่เสมอกัน 1-1 บัลลัคยิงเป็นคนที่สอง แต่ก็ยิงพลาดอย่างเหลือเชื่อ ในแชมป์เปี้ยน ลีก  บัลลัคลงเล่นทั้ง 8 นัดที่ทีมแข่ง และพาทีมเข้าสู่รอบ 16 ทีมได้ แต่พวกเขาต้องตกรอบเพราะลูกฟรีคิก ดินระเบิดจากโรแบร์โต้ คาร์ลอส ที่ตีเสมอพวกเขา 1-1 ในนาทีที่ 83ของนัดแรกที่เล่นในเยอรมัน นัดที่สองที่สเปน เสือใต้เจอที่เด็ดของซีดานยิงให้รีล มาดริดชนะบาเยิร์น 1-0  ตกรอบไป ฤดูกาลนี้มีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นกับบัลลัคเยอะ เสียประตูช่วงท้ายเกมจนเป็นสาเหตุที่ทีมตกรอบ  แถมโดนซีดานยิงประตูชัยให้ “รีล มาดริด” อีกแล้ว โดนใบแดงในเกมนัดที่ 19 ที่ชนะ ฮันโนเวอร์ 3-1 นัดต่อมาไม่มีเขาทีมแพ้พลิกล็อคต่อ โบคุม 0-1 เหมาสองจุดโทษในเกมเดเอฟเบ ลีกา โพคาลรอบรองชนะเลิศในช่วงเวลาปกติ แต่ดันยิงพลาดในช่วงดวลจุดโทษซึ่งเป็นการยิงครั้งที่สามในเกมเดียวกัน สุดท้ายทีมก็แพ้ฮัมบูร์กในการดวลจุดโทษ 1-4 หลังช่วงเวลาปกติและต่อเวลาจบที่ 3-3 บัลลัค ได้รับรางวัลแอสซิสต์มากที่สุดประจำฤดูกาล 2003-2004 ทั้งหมด 13 ครั้ง ตรงกับเบอร์ประจำตัวพอดี สถิติฤดูกาล 2003-2004 บุนเดสลีกา ลงเล่น 28 นัด ทำไป 7 ประตู เดเอฟเบ โพคาล ลงเล่น 3 นัด ทำไป 2 ประตู ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก ลงเล่น 8 นัด เดเอฟเบ ลีกา โพคาล ลงเล่น 1 นัด ทำไป 1 ประตู ลงเล่นทั้งหมด 40 นัด ทำไป 11 ประตู จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 07:17:57

ความคิดเห็นที่ 11 ฤดูกาล 2004-2005 ดับเบิ้ลดับเบิ้ลแชมป์ ปีนี้บาเยิร์น มิวนิค เปลี่ยนโค้ชจาก “อ็อตต์มาร์ ฮิทซ์เฟลด์” เป็น “เฟลิกซ์ มากัธ” บัลลัคยืนตรงกลางคอยเล่นเกมรุก มี “ทอร์สเท่น ฟริงก์” คอยเล่นเกมรับ  ผลคือบัลลัคทำประตูได้มากมาย ในฤดูกาลทีมก็ยิงได้ถึง 75 ประตู เก็บได้ถึง 77 แต้ม  มาคายยิงได้ถึง 22 ประตู ส่วนในเกมรับได้ “ลูซิโอ” มายืนให้เกมรับของเสือใต้แข็งแกร่งขึ้น เสียไป 33 ประตู จาก 34 นัด เก้านัดสุดท้ายบาเยิร์น มิวนิคชนะรวด ส่วนตัว “บัลลัค” ก็ทำประตูได้ติดต่อกัน 5 นัดในห้าเกมสุดท้าย จบฤดูกาลทีมเสือใต้คว้าแชมป์อย่างยิ่งใหญ่  มีแต้มทิ้งชาลเก้ที่ได้ที่สองถึง 12 คะแนน ก่อนที่ฤดูกาลจะเริ่มขึ้นบัลลัคก็ได้สัมผัสแชมป์เดเอฟเบ ลีกาโพคาลซักที หลังจากลงเล่นรายการนี้มาหลายครั้ง โดยบัลลัคยิงได้ทั้งสองนัดที่ทีมต้องลงเล่น และมาจากเท้าซ้ายทั้งสองเกม รอบรองชนะเลิศยิงประตู 2-0 ใส่ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่นในชัยชนะ 3-0 และยิงลูก 3-0 ในชัยชนะเหนือเบรเมน 3-2 ในนัดชิงชนะเลิศ ถ้วยเดเอฟเบ โพคาล บาเยิร์นเล่นไป 6 นัด ยิงได้ 33 ประตู เสียแค่  3 ประตู คลีนชีต 4 นัด บัลลัค ลงเล่นตั้งแต่รอบ 16 ทีมจนถึงนัดชิง และยิงได้ติดต่อกันสามรอบตั้งแต่รอบ 16 ทีม ถึงรอบรองชนะเลิศ นัดชิงบาเยิร์นชนะชาลเก้ รองแชมป์ลีกไป 2-1 คว้าดับเบิ้ลแชมป์ปิดท้ายฤดูกาลอย่างยิ่งใหญ่ ส่วนในแชมป์เปี้ยนลีก พวกเขาทะลุไปถึงรอบแปดทีมสุดท้าย ก่อนแพ้เชลซีจาก “ไดเร็กซ์ ฟุตบอล” ของ “มูริญโญ่” บัลลัคลงเล่นไป 9 นัดจาก 10 นัดที่ทีมลงเล่น ไม่ได้ลงเล่นแค่เกมรอบ 8 ทีม ที่เสือใต้ชนะอาร์เซน่อล 3-1 ในบ้านเท่านั้น สถิติฤดูกาล 2004-2005 บุนเดสลีกา ลงเล่น 27 นัด ทำไป 13 ประตู เดเอฟเบ โพคาล ลงเล่น 4 นัด ทำไป 3 ประตู ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก ลงเล่น 9 นัด ทำไป 2 ประตู เดเอฟเบ ลีกา โพคาล ลงเล่น 2 นัด ทำไป 2 ประตู ลงเล่นทั้งหมด 42 นัด ทำไป 20 ประตู จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 07:19:34

ความคิดเห็นที่ 12 ฤดูกาล 2005-2006 ปิดฉากกับเสือใต้ด้วย “ทริปเบิ้ลดับเบิ้ลแชมป์” ฤดูกาลนี้ “ทอร์สเท่น ฟริงก์” คู่หูในแดนกลางของบัลลัคได้จากทีมไปเพราะไม่มีความสุขในการเล่นภายใต้การคุมทีมของมากัธ ด้วยเหตุนี้มากัธจึงจับ “เดมิเชลิส” ยืนเป็นกลางรับแทน แต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับ “บัลลัค” เขาก็ยังคงยิงได้อย่างต่อเนื่อง แนวรุกฤดูกาลนี้อาจจะยิงได้แค่ 69 ประตู แต่ด้วยเกมรับที่ยังคงแข็งแกร่งทำให้พวกเขาแพ้ไปแค่ 3 นัดเท่านั้น เก็บได้ 75 แต้ม บาเยิร์นคว้าแชมป์แบบสบายๆจากความไม่สม่ำเสมอของคู่แข่ง ถึงแม้พวกเขาจะไม่ยิงได้มากที่สุด หรือเสียประตูน้อยที่สุด ที่สองในฤดูกาลนี้แต่ยิงได้มากสุดถึง 79 ประตู นั้นคือเบรเมนที่มีศูนย์หน้าชั้นเยี่ยมอย่างโคลเซ่  (25 ประตู) กับอีวาน คลาสนิก (15 ประตู) และโยฮัน มิกูด์คอยปั้นเกม ที่สามคือทีมที่มีเกมรับดีที่สุดเสียไปแค่ 30 ประตู ฮัมบูร์ก ด้วยคู่เซ็นเตอร์อย่าง “มนุษย์กินคน” คาลิด บูลาห์รูซ กับดาเนียล ฟาน บุยเต็น ถ้วยเดเอฟเบ โพคาลปีนี้ก็ป้องกันแชมป์ได้แบบทุลักทุเล ชนะในช่วงต่อเวลา 2 เกม และชนะด้วยผลต่างประตูเดียว 4 เกม บัลลัคเป็นคนทำประตูชัย 1-0 ในนาทีที่ 80 ให้ทีมผ่านทีมระดับลีกา 2 ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมไปได้ บัลลัคลงเล่นตั้งแต่รอบสองจนถึงรอบชิงชนะเลิศที่ชนะ แฟร้งค์เฟิร์ต 1-0 ส่วนในแชมเปี้ยนลีกก็พาทีมรอบแบ่งกลุ่มไปเจอมิลานในรอบ 16 ทีม บัลลัคยิงให้ทีมขึ้นนำในบ้านก่อน 1-0 ก่อนเชฟเชนโก้มายิงจุดโทษในนาที 58 ให้เกมจบที่ 1-1 แต่เมื่อกลับมาเล่นที่ซาน ซีโร่ เสือใต้เจอฤทธิ์เดช “พี่กุ้ง” ฟิลิปโป้ อินซากี้  เหมาสองให้มิลานชนะ 4-1 เสือใต้จึงหยุดอยู่แค่นี้ จบฤดูกาลบัลลัคย้ายไปเชลซีแบบไม่มีค่าตัว พร้อมกับทำสถิติแชมป์บุนเดสลีกา 3 สมัย แชมป์เดเอฟเบ โพคาล 3 สมัย ใน 4 ฤดูกาล สถิติฤดูกาล 2005-2006 บุนเดสลีกา ลงเล่น 26 นัด ทำไป 14 ประตู เดเอฟเบ โพคาล ลงเล่น 5 นัด ทำไป 1 ประตู ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก ลงเล่น 6 นัด ทำไป 1 ประตู ลงเล่นทั้งหมด 37 นัด ทำไป 16 ประตู จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 07:21:12

ความคิดเห็นที่ 13 ฤดูกาล 2006-2007 ร่วมงานกับมูริญโญ่ เมื่อ “บัลลัค” มาถึงทางสโมสรได้มอบเสื้อหมายเลข 13 ของกัลลาสให้ และยื่นเบอร์ 3 ให้กัลลาสแทน ซึ่งกัลลาสไม่พอใจมาก จนเป็นเหตุให้กัลลาสอยู่ในสัญญาการซื้อขายแอซ์ลีย์ โคล แล้วไปใส่เบอร์ 10 ที่อาร์เซน่อลแทน ณ ที่สโมสรเชลซีแห่งนี้ “บัลลัค” ไม่ได้เป็นจอมทัพตัวหลัก เพราะเจ้าของพื้นที่คือ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ในพรีเมียร์ลีกบัลลัคไม่ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ โดยได้เป็นตัวจริงแค่ 23 นัด แต่ก็ทำไปได้ 5 ประตู แอสซิสต์ไป 1 ครั้ง แต่ในฟุตบอลถ้วยลีกคัพ และเกมแชมป์เปี้ยน ลีก บัลลัค ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงทุกนัด ก่อนที่จะเจ็บในวันที่ 22 เมษายน ค.ศ. 2007 ในเกมที่ไปเยือนนิวคาสเซิ่ลแล้วเสมอกัน 0-0  ซึ่งบัลลัคเจ็บและถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 18 รายการเอฟเอคัพ บัลลัคได้ลงเล่นในรอบ 8 ทีมทั้งสองนัดที่เจอกับสเปอร์ และในรอบรองชนะเลิศยิงประตูในช่วงต่อเวลาพิเศษให้ทีมชนะแบล็คเบิร์น 2-1 เข้าสู่รอบชิง ในแชมป์เปี้ยน ลีก บัลลัคยิงจุดโทษใส่เบรเมนให้ทีมชนะ 2-0 ในเกมแรกของรอบแบ่งกลุ่ม และทำประตูชนะปอร์โต้ 2-1 ในเลก 2 ของรอบ 16 ทีม พาทีมเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย เกมที่บัลลัคไม่ได้ลงเล่นเพราะอาการบาดเจ็บประกอบด้วย รอบรองชนะเลิศแชมป์เปี้ยน ลีก ที่เชลซีแพ้จุดโทษแก่ลิเวอร์พูล นัดชิงเอฟเอคัพกับลีกคัพ และเกมพรีเมียร์ลีก 4 นัดสุดท้าย ถึงแม้บัลลัคไม่ได้ลงเล่นในรอบชิงที่ทีมได้แชมป์ทั้งสองรายการ แต่ถือได้ว่าบัลลัคเองก็มีส่วนไม่น้อย สถิติฤดูกาล 2006-2007 พรีเมียร์ชิพ ลงเล่น 26 นัด ทำไป 5 ประตู เอฟเอคัพ ลงเล่น 3 นัด ทำไป 1 ประตู ลีกคัพ  ลงเล่น 6 นัด ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก ลงเล่น 10 นัด ทำไป 2 ประตู คอมมูนิตี้ ชิลด์ ลงเล่น 1 นัด ลงเล่นทั้งหมด 46 นัด ทำไป 8 ประตู จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 07:22:30

ความคิดเห็นที่ 14 ฤดูกาล 2007-2008 ดับเบิ้ลทริปเบิ้ลช้ำ จากอาการบาดเจ็บช่วงท้ายฤดูกาลก่อนทำให้กว่าที่บัลลัคจะลงเล่นได้ก็ช่วงปลายเดือนธันวาคม 19 ธันวาคม ค.ศ. 2007 บัลลัคกลับมาลงสนามเป็นครั้งแรกโดยลงเป็นตัวสำรองในเกมลีกคัพรอบแปดทีมที่เชลซีชนะลิเวอร์พูล 2-0 8 มกราคม 2008 บัลลัคได้ลงเป็นตัวจริงในรอบรองนัดแรกของลีกคัพที่ทีมชนะเอฟเวอร์ตัน 2-1 ในลอนดอน 24 กุมภาพันธ์ 2008 นัดชิงที่บัลลัคได้ลงเล่นเป็นนัดแรกในอังกฤษ โดยลงไปเป็นตัวสำรองนาทีที่ 88 แต่ทีมแพ้ สเปอร์ 1-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ เกมพรีเมียร์ลีกนัดวันที่ 1 มกราคม 2008 นัดที่สี่ที่ “บัลลัค” กลับมาลงเล่นหลังจากเจ็บไปนาน เขายิงจุดโทษให้ทีมชนะฟูแล่ม 2-1 เกมพรีเมียร์ลีกนัดที่ 36 บัลลัคโหม่ง 1 ประตู และยิงจุดโทษให้ทีมชนะ 2-1 พาทีมกลับมามีลุ้นแชมป์ลีกอีกครั้ง เกมที่ 37 บัลลัค โหม่งให้เชลซีขึ้นนำนิวคาสเซิ่ล 1-0 ก่อนที่จะชนะ 2-0 พาทีมลุ้นแชมป์ในนัดสุดท้าย เกมที่ 38 เชลซีเสมอโบลตัน 1-1 สุดท้ายได้แค่รองแชมป์ เอฟเอคัพ ได้ลงเป็นตัวสำรองในรอบ 3 ที่เจอกับ QPR และได้เล่นเป็นตัวจริงรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่แพ้พลิกล็อคต่อบาร์นสลีย์ 0-1 แชมป์เปี้ยน ลีก “บัลลัค” ได้กลับมาช่วยพาทีมเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในรอบแพ้คัดออก เริ่มจากการที่โหม่งปลดล็อคประตู 1-0 ในรอบ 16 ทีมนัดที่สองกับโอลิมเปียกอสซึ่งนัดแรกเสมอมา 0-0 สุดท้ายทีมชนะ 3-0 รอบ 8 ทีมกับเฟเนร์บาห์เช่ซึ่งในนัดแรกเชลซีออกนอกบ้านไปแพ้มา 1-2 แต่ในนัดที่สองบัลลัคโหม่งประตู 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 3 ก่อนที่แลมพาร์ดมายิงประตู 2-0 ปิดกล่อง 21 พฤษภาคม 2008 รอบชิงชนะเลิศกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บัลลัคลงเล่นครบ 120 นาทีจนถึงช่วงการยิงจุดโทษ เขายิงเป็นคนแรก และก็ยิงเข้าไป พอถึงคนที่ 5 ของเชลซีที่เทอรี่ยิงเข้าก็จะชนะเลิศ แต่เทอรี่กลับลื่นจนยิงออกไป สุดท้ายอเนลก้าคนยิงคนที่ 7 ยิงพลาด หลังจากที่กิ๊กส์คนที่ 7 ของทีมปีศาจแดงยิงเข้าไป บัลลัคเลยได้รองแชมป์สามรายการอีกครั้งหนึ่ง สถิติฤดูกาล 2007-2008 พรีเมียร์ชิพ ลงเล่น 18 นัด ทำไป 7 ประตู เอฟเอคัพ ลงเล่น 2 นัด ลีกคัพ  ลงเล่น 3 นัด ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก ลงเล่น 7 นัด ทำไป 2 ประตู ลงเล่นทั้งหมด 30 นัด ทำไป 9 ประตู จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 07:25:24

ความคิดเห็นที่ 15 ฤดูกาล 2008-2009 ต้นร้ายปลายดี เชลซีได้แต่ตั้งผู้จัดการทีมคนใหม่เป็นหลุยส์ ฟิลิเป้ สโคลารี่ และได้นำ “เดโก้” จอมทัพทีมชาติโปรตุเกสมาสู่ทีม แต่ผลคือทีมผลงานไม่ดีอย่างที่อับราโมวิชคาดหวังไว้ บัลลัคได้เริ่มนัดแรกของฤดูกาลด้วยการเปิดให้โจ โคลยิงประตู 1-0  และได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่องจนได้รับบาดเจ็บในช่วงเดือนตุลาคม  ต้องพักถึงเดือนพฤศจิกายน พอกลับมาก็เล่นอย่างต่อเนื่องตลอดจนจบฤดูกาล  ถึงแม้จะยิงได้แค่ 1 ประตู และแอสซิสต์ 4 ครั้ง แต่ก็เป็นส่วนสำคัญในแผนการเล่นของกุส ฮิดดิงค์ หลังจากที่ฮิดดิงค์รับตำแหน่งในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2009 ถ้วยเอฟเอคัพ บัลลัคได้ลงเล่นครบทุกรอบ ยกเว้นแค่รอบสามนัดแรก แต่ก็ได้ลงเล่นและทำได้หนึ่งประตูในรอบสามนัดแข่งใหม่กับเซาท์เอนด์ ยูไนเต็ด ต่อจากนั้นทำได้สองประตูในรอบ 4 ที่ชนะอิปสวิช 4-1 และลงทุกนัดต่อจากนั้นจนถึงนัดชิง ลีกคัพ บัลลัคได้ลงเล่นรอบแรกกับปอร์ทสมัธที่ชนะ 4-0 รอบสองที่แพ้เบิร์นลี่ยในการดวลจุดโทษ 4-5 บัลลัคลงเล่นในแชมเปี้ยน ลีกรอบแบ่งกลุ่ม 4 จาก 6 นัด เพราะเจ็บไปสองนัด โดยในรอบแพ้คัดออกภายใต้การคุมทีมของกุส ฮิดดิงค์ เขาลงเล่นเป็นตัวจริงทุกนัด และเป็นคนสำคัญที่ทำให้แดนกลางเชลซีสู้กับทีมอย่างยูเวนตุส, ลิเวอร์พูล และบาร์เซโลน่าได้อย่างไม่เป็นรอง สุดท้ายทีมตกรอบรองชนะเลิศ เพราะเสมอบาร์เซโลน่าในบ้าน 1-1 หลังจากเสมอที่คัมป์ นู 0-0 จากประตูของอิเนสต้าก่อนที่จะจบเวลานิดเดียว ภายใต้การคุมทีมของกุส ฮิดดิงค์ บัลลัคเล่นเป็นตัวคุมจังหวะคอยเปลี่ยนเกมจากรับเป็นรุก และใช้ประสบการณ์คอยตัดเกมแย่งบอลจากฝั่งตรงข้ามซึ่งทำได้ดีมากๆ สถิติฤดูกาล 2008-2009 พรีเมียร์ชิพ ลงเล่น 29 นัด ทำไป 1 ประตู เอฟเอคัพ ลงเล่น 6 นัด ทำไป 3 ประตู ลีกคัพ  ลงเล่น 1 นัด ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก ลงเล่น 10 นัด ลงเล่นทั้งหมด 46 นัด ทำไป 4 ประตู จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 07:26:59

ความคิดเห็นที่ 16 ฤดูกาล 2009-2010 ดับเบิ้ลแชมป์ครั้งที่ 4 ปีสุดท้ายของบัลลัคกับเชลซี เริ่มต้นฤดูกาลด้วยแชมป์คอมมูนิตี้ ชิลด์ด้วยการชนะแมนเชสเตอร์ ยไนเต็ด 4-1 หลังเสมอในเวลา 2-2  โดยเขาสังหารเป็นคนที่สองเข้าไป ภายใต้การคุมทีมของ “ คาร์โล อันเชล็อตติ” ที่ใช้แผน 4-3-3 บัลลัคยืนต่ำในแดนกลางคอยเล่นทั้งเกมรุกและรับ นี้เป็นฤดูกาลแรกนับตั้งแต่ออกจากไกเซอร์สเลาเทิร์นที่ลงเล่นในลีกถึง 32 นัด จบฤดูกาลที่เชลซีเป็นแชมป์ บัลลัคยิงไป 4 ประตู แอสซิสต์ 5 ครั้ง ลีกคัพ ลงเล่นไปสองนัดในรอบ 16 ทีมที่ชนะโบลตัน 4-0 และคอบ 8 ทีมที่แพ้จุดโทษแบล็คเบิร์น 3-4 หลังจากที่เสมอในเกม 3-3 บัลลัคยิงเป็นคนแรกแต่พลาด ส่วนในแชมป์เปี้ยนลีก บัลลัคมีอาการบาดเจ็บรบกวนลงเล่นได้แค่ 4 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม ส่วนในรอบ 16 ทีม เชลซีแพ้อินเตอร์ชองมูริญโญ่ทั้งสองเกมตกรอบไปด้วยประตูรวม 1-3 เอฟเอคัพ ลงเล่นเกือบทุกรอบยกเว้นรอบ 8 ทีมกับสโต๊ค บัลลัคจ่ายให้อเนลก้ายิงประตูนำเปรสตัน 1-0 ในรอบ 4 ทีชนะ 2-0 รอบ 16 ทีมบัลลัคยิงให้ทีมนำคาร์ดิฟฟ์เป็น 2-1 ก็ที่จะจบ 4-1 รอบรองชนะเลิศจ่ายให้มาลูด้ายิงนำแอสตัน วิลล่า 2-0 ก่อนที่แลมพาร์ดยิงฝั่ง 3-0 นัดชิงชนะเลิศเอฟเอคัพในวันที่ 15 พฤษภาคม 2010 ที่เชลซีชนะปอร์ทสมัธ 1-0 จากฟรีคิกของดร็อกบา ในนาทีที่ 44 เควิน พรินซ์ บัวเต็ง เสียบสกัดบัลลัคอย่างแรงจนได้รับบาดเจ็บหนักอดไปฟุตบอลโลก ถึงแม้บัลลัคจากทีมเชลซีด้วยดับเบิ้ลแชมป์ แต่อาการบาดเจ็บแบบนี้ในอายุ 34 ปี นั้นไม่ดีเลย สถิติฤดูกาล 2009-2010 พรีเมียร์ชิพ ลงเล่น 32 นัด ทำไป 4 ประตู เอฟเอคัพ ลงเล่น 4 นัด ทำไป 1 ประตู ลีกคัพ  ลงเล่น 2 นัด ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก ลงเล่น 6 นัด คอมมูนิตี้ ชิลด์ ลงเล่น 1 นัด ลงเล่นทั้งหมด 45 นัด ทำไป 5 ประตู จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 07:28:36

ความคิดเห็นที่ 17 ฤดูกาล 2010-2011 กลับมายังไบเออร์ เลเวอร์ดูเซ่น จากอาการบาดเจ็บหนักในนัดชิงเอฟเอคัพ ทำให้บัลลัคเล่นไม่ได้อย่างต่อเนื่อง เขาต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บอยู่เรื่อง แต่ก็ยังแสดงฝีเท้าให้เห็นด้วยการยิงจุดโทษปิดกล่องให้ทีมชนะ Tavriya Simferopol 3-0 ในรอบคัดเลือกยูโรปา ลีก หลังจากลงมาเล่นในครึ่งหลัง หลังจากนั้นยิงอีกหนึ่งประตูในยูโรปาลีกรอบแบ่งกลุ่มที่แข่งกับ “ทีมเมตาลิซ” รอบ 32 ทีม นัดที่สอง ให้ทีมชนะ 2-0 สถิติฤดูกาล 2010-2011 บุนเดสลีกา ลงเล่น 17 นัด ยูโรปา ลีก ลงเล่น 3 นัด ทำไป 2 ประตู ลงเล่นทั้งหมด 20 นัด ทำไป 2 ประตู จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 07:29:25

ความคิดเห็นที่ 18 ฤดูกาล 2011-2012 ปิดฉากชีวิตนักเตะ สัญญาของบัลลัคกับไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่นจะหมดลงในฤดูกาลนี้  แต่ตัวบัลลัคเองก็ลงเล่นอย่างต่อเนื่องไม่ได้จากสภาพร่างกายที่เป็นอยู่ 28 กันยายน 2011 บัลลัคลงสนามในนาทีที่ 80 และเขาก็ยิงประตู 2-0ใส่เกงค์ปิดท้ายให้ทีมชนะ 2-0 ประตูสุดท้ายในบุนเดสลีกาและการเล่นของเขา คือยิงให้ทีมขึ้นนำ “ไกเซอร์สเลาเทิร์น” ทีมที่เข้าแจ้งเกิด 1-0 ก่อนที่ทีมชนะ 2-0 หลังจากที่หมดสัญญา และตัวบัลลัคหลังจากที่ไม่ได้ลงเล่นมาซักระยะก็รู้ว่าร่างกายเขาไม่ไหวแล้ว จึงประกาศเลิกเล่นฟุตบอล สถิติฤดูกาล 2011-2012 บุนเดสลีกา ลงเล่น 18 นัด ทำไป 2 ประตู เดเอฟเบ โพคาล ลงเล่น 1 นัด ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก ลงเล่น 6 นัด ทำไป 1 ประตู ลงเล่นทั้งหมด 25 นัด ทำไป 3 ประตู จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 07:30:10

ความคิดเห็นที่ 19 ทีมชาติเยอรมันชุดเล็ก บัลลัคถูกเรียกติดทีมชุดอายุต่ำกว่า 21 ปี เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 1996 ในเกมที่เจอกับเดนมาร์ก บัลลัคพาทีมเข้ารอบฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติชุดอายุต่ำกว่า 21 ปี รอบสุดท้ายที่โรมาเนียได้สำเร็จ แต่รอบ 8 ทีมสุดท้ายแพ้กรีซไป 0-1 บัลลัคใส่หมายเลข 4 และทอร์สเท่น ฟริงก์ ใส่หมายเลข 8 บัลลัคลงเล่นทั้งหมด 19 นัด ทำไป 7 ประตู จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 07:31:13

ความคิดเห็นที่ 20 ทีมชาติเยอรมัน 28 เมษายน 1999 บัลลัคได้ลงเล่นทีมชาติครั้งแรกในเกมที่เจอกับสก็อตแลนด์ โดยลงไปแทนดีทมาร์ ฮามันน์ ยูโร 2000 บัลลัคติดทีมไปด้วย  โดยใส่หมายเลข 13 แต่ได้ลงเล่นร่วมทั้งหมด 63 นาที เป็นสำรองในเกมกับอังกฤษ 18 นาที และ ตัวจริงครึ่งแรกในเกมเจอโปรตุเกส 28 มีนาคม 2001 บัลลัคยิงประตูแรกในทีมชาติ โดยยิงให้ทีมนำกรีซ 2-1 ในชัยชนะ 4-2 รอบคัดเลือกบอลโลก 2002 แต่เมื่อจบรอบคัดเลือกเยอรมันเป็นอันดับสองตามหลังอังกฤษต้องไปเพลย์-ออฟกับยูเครน 11 พฤศจิกายน 2001 ในเกมแรกที่ยูเครนบัลลัคยิงตีเสมอ 1-1 ให้ทีมไม่แพ้กลับเยอรมัน 14 พฤศจิกายน 2001 ในเกมทีสองที่เยอรมันบัลลัคเหมาสองลูกให้ทีมชนะ 4-1 เข้าไปเล่นบอลโลกปี 2002 จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 07:32:42

ความคิดเห็นที่ 21 ฟุตบอลโลก 2002 บัลลัค ยิงประตูแรกในบอลโลกเป็นประตู 3-0 ในชัยชนะซาอุดิอาระเบีย 8-0 รอบ 8 ทีมสุดท้ายทำประตูชัยให้ทีมชนะอเมริกา 1-0 รอบรองชนะเลิศ ทำประตูชัยให้ทีมชนะเกาหลีใต้ 1-0 แต่ได้ใบเหลืองครบสองใบในรอบแพ้คัดออกจึงไม่ได้เล่นนัดชิง สุดท้ายทีมเยอรมันแพ้บราซิลในนัดชิงจากสองประตูของ “โล้นทองคำ” โรนัลโด้ สถิติในบอลโลก 2002 บัลลัค ยิงไป 3 ประตู  แอสซิสต์ 4 ครั้ง จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 07:33:34

ความคิดเห็นที่ 22 ยูโร 2004 บัลลัค ยิงให้ทีมขึ้นนำเช็ก 1-0 ซึ่งถ้าเยอรมันชนะจะเข้ารอบ แต่ก็ถูกเช็กยิงคืนสองประตู จึงตกรอบไป ฟีฟ่า คอนเฟดเดอเรชั่น คัพ 2005 บัลลัค ยิงได้ 4 ประตู ได้รางวัลรองเท้าเงิน โดยสามลูกแรกเป็นจุดโทษ ส่วนลูกที่สี่มาจากการยิงประตูชัย 4-3 เหนือเม็กซิโกในนัดชิงที่ 3 ฟุตบอลโลก 2006 บัลลัค ได้ถูกแต่งตั้งเป็นกัปตันทีมแทน “โอลิเวอร์ คาห์น”  ที่ต้องตกเป็นมือสองของเยนส์ เลห์มันน์ คลินส์มันน์ ต้องการให้แดนกลางแน่นขึ้นจึงบอกให้บัลลัคลงมาช่วยเกมรับซึ่งเขาก็ยอมทำตาม บัลลัค ได้นำลูกทีมเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ แต่ต้องแพ้ความเก๋าของอิตาลี   นัดชิงที่ 3 บัลลัคไม่ได้ลงเล่นเพื่อเปิดทางให้ “คาห์น” สวมปลอกแขนกัปตันทีมอำลาทีมชาติอย่างยิ่งใหญ่ด้วยอันดับ 3 จบการแข่งขันบัลลัค แอสซิสต์ไป 1 ครั้ง จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 07:34:24

ความคิดเห็นที่ 23 ยูโร 2008 บัลลัค ในสามนัดของรอบแรกยืนเป็นกองกลางตัวกลาง ทำได้หนึ่งประตูให้ทีมชนะออสเตรีย 1-0 ผ่านเข้ารอบต่อไป แต่พอเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย เลิฟ เปลี่ยนมาให้ยืนเป็นกลางรุก ซึ่งบัลลัคก็ทำประตูนำห่างโปรตุเกส 3-1 ก่อนจบที่ 3-2 นัดชิงยูโร 2008 บัลลัคได้สามปลอกแขนกัปตันทีมลงเล่นกับสเปน แต่พวกเขาก็ต้านทานความแข็งแกร่งของสเปนไม่ไหวแพ้ไป 0-1 จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 07:35:57

ความคิดเห็นที่ 24 ฟุตบอลโลก 2010 บัลลัค ยังคงเป็นตัวหลักในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2010 แถมยังทำไปได้ 4 ประตู พาทีมเข้ารอบอันดับ 1 ของกลุ่ม 4 แต่โชคร้ายที่ได้รับบาดเจ็บหนักจากการเข้าปะทะของ “เควิน พรินซ์ บัวเต็ง” จนไม่ไดไปฟุตบอลโลก 2010 เลิฟ ตัดสินใจแต่งตั้ง “ฟิลิปป์ ลาห์ม” เป็นกัปตันทีมแทน ต่อมา “ลาห์ม” ประกาศว่าเขาจะไม่คืนปลอกแขนให้บัลลัค “เบียร์โฮฟฟ์” จึงออกมาบอกว่า “ลาห์ม” คือกัปตันในบอลโลก 2010 แต่กัปตันตัวจริงคือบัลลัค มีรายงานว่า “เลิฟ” ต้องการให้บัลลัคประกาศเลิกเล่นทีมชาติ แต่บัลลัคปฏิเสธและพยายามต่อสู้กับอาการบาดเจ็บ 16 มิถุนายน 2011 บัลลัคประกาศว่าไม่ของยุ่งเกี่ยวทีมชาติอีก ถึงแม้ว่าทางเดเอฟเบจะยื่นข้อเสนอให้บัลลัคลงเล่นในนัดกระชับมิตรอีก 2 นัดจะได้ครบ 100 นัด แต่บัลลัคปฏิเสธ เนื่องจากเลิฟไม่ให้เกียรติเขาตั้งแต่ที่เขาบาดเจ็บ และข้อเสนอให้ลงเล่นสองนัดเป็นเรื่องตลก สถิติของบัลลัค จึงจบที่การเล่นให้กับทีมชาติเยอรมัน 98 นัด ทำไป 42 ประตู จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 07:37:15

ความคิดเห็นที่ 25 จบแล้ว นักเตะเยอรมันรุ่นใหม่นี้ออกแนวน่ารักน่าหยิกทั้งนั้น ไม่มีใครออกแนวดุดันหรือมีคาแร็กเตอร์แข็งกร้าวเลย ผลผลิตที่ออกมาจากระบบการฝึกที่ปรับปรุงช่วงต้นยุค 2000 ออกมาเป็นกองกลางเทคนิคสูงกันทั้งนั้น อย่างว่าเรื่องหน้าตากับหัวใจฝึกกันไม่ได้ แต่ไหนฟ้าส่งนักเตะเยอรมันรุ่นใหม่ให้หน้าตาน่ารัก โดยไม่ส่งหัวจิตหัวใจที่ห้าวหาญมาด้วย แต่ถ้าให้โครส, โอซิล, มุลเลอร์ หรือเกิทเซ่ เป็นแบบบัลลัคก็ไม่เอานะ ความน่ารักหายหมด ความเท่ที่หาไม่ได้ในเยอรมันยุคนี้ คนอะไรไม่รู้โคตรเท่เลย จากคุณ : สารานุกรมกัลโช่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 07:38:51

ความคิดเห็นที่ 26 แม้จะไม่เก๋าเท่า เอฟเฟ่ หรือ บาสเลอร์ แต่บัลลัคก็มีความกร้าวร้าว และ หัวจิตหัวใจที่ห้าวหาญ อยากให้ชไวนี่ พัฒนาเรื่องความกร้าวร้าว และ หัวใจที่นิ่งและแกร่ง เพื่อเป็นหัวใจแดนกลางของเยอรมันต่อไป จากคุณ : เด็กสิงห์ (Gappiatty) เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 08:34:42

ความคิดเห็นที่ 27 จริงครับ บัลลัค โครตเท่เลย จากคุณ : topiero7 เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 08:49:23

ความคิดเห็นที่ 28 ไอดอลเลย ไกเซอร์น้อยเนี้ย จากคุณ : Maki Roll เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 08:56:46

ความคิดเห็นที่ 29 Oppa Classic Style จากคุณ : บุรุษคิ้วบาก เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 09:20:08

ความคิดเห็นที่ 30 อ่านแล้วมีความรู้สึกว่า แกเริ่มต้นในระดับลีกสูงสุดช้ากว่าที่ควรจะเป็น หากเริ่มได้เร็วคงจะเก่งได้มากกว่านี้อีก จากคุณ : หรูหรามหาประลัย เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 09:39:41

ความคิดเห็นที่ 31 ภาพรองแชมป์ติดตามากๆ จากคุณ : gifie เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 09:47:06

ความคิดเห็นที่ 32 นักเตะเยอรมันที่ผมชอบที่สุด of all time .. จากคุณ : คุณคือ..ตัวจริง เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 10:48:05

ความคิดเห็นที่ 33 ภาพตาข่ายขาดทั้งจุดโทษ ฟรีคิก ยิงไกล ติดตามาก จากคุณ : miroslav เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 11:20:40

ความคิดเห็นที่ 34 นักเตะเยอรมันยุคใหม่ขาดแคแร็คเตอร์แบบบัลลัค  ที่ผมเห็นในชุดใหม่นี้มีแค่มาร์โก รอยซ์ ที่ห้าวพอๆกัน คิดถึงเสมอ มิชาเอล จากคุณ : มิโรสลาฟ ดุ๊กดิ๊ก เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 11:55:32

ความคิดเห็นที่ 35 คิดถึงบัลลัคมากๆคับ จากคุณ : พญาหมูแดงดำ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 12:02:37

ความคิดเห็นที่ 36 ไม่ชอบบัลลัค แถมยังหมั่นไส้เป็นการส่วนตัว แต่โหวตกระทู้นี้ เผื่อจะขึ้นไปแซงอันดับเป็นกระทูแนะนำแทนกระทู้แมนยู หงส์แดงบ้าง และก็ชื่นชม จขกท ที่ขยันหาข้อมูลมาให้อ่าน ขอบคุณค่ะ จากคุณ : รัศมีจันทร์ดารา เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 12:07:04

ความคิดเห็นที่ 37 สำหรับผมแล้วเขาเป็นนักเตะที่ดีที่สุดของเยอรมันในช่วง 10 ปีหลัง คาแรกเตอร์โดดเด่น หัวจิตหัวใจแข็งแกร่ง และผ่านมรสุมมานับไม่ถ้วน จนสุดท้ายไม่อาจแบกภาระที่ร่างกายทิ้งไว้ให้ไหว แต่เป็นหนึ่งในตำนานที่ต้องจดจำ 42 ประตู ในทีมชาติ ในตำแหน่งกองกลาง ยิ่งใหญ่จริงๆ จากคุณ : เวลาในขวดเหล้า เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 12:57:58

ความคิดเห็นที่ 38 คอตั้ง หลังตรง สายตามองไปข้างหน้า บุคคลิคเวลาครองบอลของบัลลัคเท่ห์มาก ทีมมีปัญหา บัลลัค พุ่งเข้ามาปกป้องผลประโยชน์ให้ทีมเป็นคนแรกๆ จากคุณ : เวลาในขวดเหล้า เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 13:07:43

ความคิดเห็นที่ 39 แกไปเล่นหนัง แนวสายลับได้สบายเรยนะ ... มันให้อ่าาาา จากคุณ : ถูกทิ้งที่รังสิต เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 13:28:22

ความคิดเห็นที่ 40 เยอรมันยุคนี้มีทุกอย่าง ..แต่ขาดแคแรคเตอร์แบบนี้จริง ๆ จากคุณ : oommy เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 13:33:03

ความคิดเห็นที่ 41 สุดยอดครับ : ) จากคุณ : tongclubza เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 14:17:19

ความคิดเห็นที่ 42 ชอบเค้าคนนี้นัก จากคุณ : rana เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 14:34:35

ความคิดเห็นที่ 43 เยอรมันยุคนี้ แคแรกเตอร์แบบนี้ ก็มีแต่เซคิร่าที่เทียบได้ แต่ลูกสอดขึ้นมายิง เคคิร่า พยายามทำ แต่ยังทำไม่ค่อยได้ จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 15:25:45

ความคิดเห็นที่ 44 อยากให้มีนักเตะเยอรมันคาแรคเตอร์แบบนี้มาเกิดเยอะๆ .. ไกเซอร์ ฟร้านซ์, ชูสเตอร์, มัธเธอุส, บัลลัค ยุคใหม่มันเทคนิคดีแต่หน่อมแน้มเหลือเกิน..อยากได้พวกห้าวๆบ้าง จากคุณ : ^MoOn_Man^ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 16:07:33

ความคิดเห็นที่ 45 สุดยอดกับตันทีมอีกคนในใจผมเลย มีไม่กี่คนในโลกหรอก ที่เก่งเท่าเขา ไม่มีไรจะพูดเพราะทุกคนในนี้พูดแทนผมหมด้ว จากคุณ : ชายหลอน เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 16:22:38

ความคิดเห็นที่ 46 #43 ผมว่า เคดิร่า มาดไม่ได้ครึ่งของบัลลัคเลยอ่ะครับในเรื่องของบุคลิตและความเป็นผู้นำ แต่ไม่ใช่ไม่เก่งนะ เคดิร่า คือตนที่สำคัญคนนึงของทีมชาติเยอรมันในตอนนี้เลย จากคุณ : ชายหลอน เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 16:30:17

ความคิดเห็นที่ 47 #30 เป็นตัวจริงทีมไกเซอร์ ชุดเลี่ยนชั้นปุ้บ มาคว้าแชมป์ปั้บ ในวัย 21 ปี ผมว่าไม่ช้าไปนะ โคลเซ่ แจ้งเกิดกับทีมชาติ ใน wc2002 ในวัย 24 ปี นี่หนักกว่าอีกนะ จากคุณ : ชายหลอน เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 16:34:41

ความคิดเห็นที่ 48 นักเตะคนแรกที่ชอบ ยิ่งได้ดูก็ยิ่งชอบ ยิ่งรู้จักก็ยิ่งชอบ เริ่มดูบอลครั้งแรกก็เชียร์เยอรมันเลย แล้วพอดีฤดูกาลนั้นย้ายมาเชลซีด้วยเลยเชียร์เชลซี ^_^ จากคุณ : หยดหมึกบนกองดิน เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 18:24:18

ความคิดเห็นที่ 49 ผมว่าแกคือนักเตะเยอรมันพันธุ์แท้คนสุดท้ายเลยครับ จากคุณ : ปกตั้งหมายเลขเจ็ด เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 19:05:06

ความคิดเห็นที่ 50 ผมว่าสไลต์แบบบัลลัคไม่ใช่แค่เยอรมันที่หาไม่ค่อยมีแล้วหรอก แต่ทีมชาติอื่นๆก็เช่นกันครับ เริ่มหาสไตล์แบบนี้ไม่ได้แล้วอะมันคงเป็นไปตามยุคสมัยเนอะ จากคุณ : 80's nova เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 19:05:54

ความคิดเห็นที่ 51 รู้ว่าบัลลัคแขวนแล้วแทบร้องไห้ คนนี้เป็นนักเตะเยอรมันที่ชอบบมากกก แล้วก็เพราะคนนี้ทำให้ติดตามเชลซีระดับนึง จากที่ไม่เคยสนใจ -.- หวังว่าอีกไม่กี่ปีจะเห็นหน้านายอีก ในวงการฟุตบอลนะ ^^ ไม่ว่าจะบทบาทไหนก็จะรอดู แล้วก็ติดตามจริงๆ จากคุณ : RabbitOhiO เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 19:31:48

ความคิดเห็นที่ 52 หนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดคนหนึ่งในโลก จากคุณ : Honza_Like a ku เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 20:27:41

ความคิดเห็นที่ 53 รักผู้ชายคนนี้เสมอ จากคุณ : panut++illi เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 20:32:09

ความคิดเห็นที่ 54 โหวตครับเป็นจอมทัพที่ติดตามากคนหนึ่งละกับผู้ชายคนนี้ จากคุณ : hahihoman เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 20:39:21

ความคิดเห็นที่ 55 เป็นนักเตะที่ครบเครื่องที่สุดเท่าที่เคยดูมา จากคุณ : ชาวบางนา เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 21:06:37

ความคิดเห็นที่ 56 ครั้งแรกที่อ่านทุกบรรทัด...ขอแสดงความขอบคุณ จขกท. บัคลัคนี่เป็น "พระรอง" แชมป์ UCL  จริง ๆ จากคุณ : พรุ่งนี้เช้า เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 23:07:30

ความคิดเห็นที่ 57 เป็นนักฟุตบอลที่รักมากที่สุด จนทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครมาแทนที่ได้ รอวันที่กลับสู่วงการฟุตบอลอีกครั้ง อยากให้เป็นโค้ช^^ ไม่ว่าคุมทีมไหน ก็จะชอบทีมนั้นด้วย :) จากคุณ : Die Kaiserin* เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 23:12:11

ความคิดเห็นที่ 58 ของจริง จากคุณ : Alekalone เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 00:00:16

ความคิดเห็นที่ 59 เมื่อวานอ่านข่าวฟุตบอลใน ทีวีเท็กซ์ Michael Ballack บอกจะเข้าเรียนเป็นเทรนเนอร์ฟุตบอล เมื่อเรียนจบแล้วจะเป็นเทรนเนอร์หรือเปล่า ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ จากคุณ : บอนเนอร์ เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 14:06:23

ความคิดเห็นที่ 60 ผมเคยหวังว่านี่จะเป็นตำนานลิเบโร่ ต่อจาก ซามเมอร์ แต่ก็ไม่ใช่ซะแล้ว เพราะตอนนี้เยอรมันเปลี่ยนแผนการเล่นซะแล้ว จากคุณ : อินทรีเหล็ก เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 15:09:13

ความคิดเห็นที่ 61 ตัวซวยในตำนาน ฮ่าๆๆ เสียดายนิดหน่อยที่แกไม่ได้กลับไปแขวนสตั๊ดกับเคมนิทช์ (Chemnitz น่าจะอ่านแบบนี้มากกว่าครับ) แต่อยากเห็นแกกลับมาเป็นโค้ชนะ คาแร็กเตอร์มันให้ คุมเลเวอร์คูเซ่น เจอ บาเยิร์นของโอลิเวอร์ คาห์น อูยยย ท่าจะมันส์มิใช่น้อย แต่ว่าก็ว่านะครับพอหมดยุคของเขาแล้วยังไม่มีใครถลกแขนเสื้อพาทีมเข้าชิงได้ทั้งบอลโลกและยูโรเหมือนเฮียแกเลย - -" จากคุณ : FireLion เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 00:05:22

ความคิดเห็นที่ 62 จำได้ว่าแรงถึกโคตรๆ ยิงลูกแถวสองโดนคานที่คานสั่นไม่หยุด 5555 ยอมรับว่าหมั่นไส้นิดๆ แต่มาดผู้นำ ความดุดันแกกินขาดจริงๆ ส่วนภาพติดตาแกคงหนีไม่พ้นรองแชมป์นี้แหละนะ (ตอนนี้อิชไวนี่มันกำลังสืบทอดใช่มั้ย? โนวววววววว ไม่นะ!) อยากเห็นแกกลับมาเป็นโค้ชเหมือนกันค่ะ ปล. ตอนเด็กน่ารักอะ ไม่น่าโตเลยยยยยยยย ปลล. ชไวนี่เป็นนักเตะที่เราชอบมากกกกกกเลยค่ะ สายตาคมกริบแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ แต่เสียดายที่ออกจะอ่อนไหวไปนิด ถ้าจิตใจแข็งแกร่งกว่านี้จะดีมากๆ เลย XD จากคุณ : ตัวตลกสีเทา เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 08:45:42

ความคิดเห็นที่ 63 เขาคือฮีโร่ตลอดกาลของผมเหมือนกับจากโลธ่าร์ มัทเธอุส เสียดายมากที่ไม่ได้เห็นเขาชูถ้วยแชมป์ในเสื้อทีมชาติ จากคุณ : ออกหลวงมงคล เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 10:07:37

ความคิดเห็นที่ 64 ใช่ๆลืมไปเลยตำนาน ทริปเปิ้ลรองแชมป์ เจอลูกยิงซีดานเข้าไปเซ็งเลย จากคุณ : อินทรีเหล็ก เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 11:54:05

ความคิดเห็นที่ 65 ปกติไม่ได้เชียร์เยอรมัน แต่เมื่อปี 2002 เชียร์ให้ชนะบราซิลเต็มที่ เพราะไม่อยากเห็นเฮียแกได้ทริปเปิ้ลรองแชมป์ ใครจะไปทนได้.. 3 รองแชมป์ จากคุณ : Made In Heaven เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 17:29:20

ความคิดเห็นที่ 66 ถ้าจะมีใครเก่งกว่าเอฟเฟ่นแบร์ก ก็ บัลลัคนี้แหละ :) จากคุณ : เอฟเฟ่นแบร์ก เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 20:21:57

ความคิดเห็นที่ 67 ฟุตบอลสมัยใหม่เขาพยายามปรับไม่ให้มีใครมีอิทธิพลต่อทีมมากเกิน ตำแหน่งสไตล์ play-maker ก็กำลังตกยุค มันเกี่ยวเนื่องกับเรื่องจิตวิทยา ความสม่ำเสมอในการเล่นของทีม การทดแทนกันได้ อาการบาดเจ็บ ฯลฯ เทรนที่กำลังมาคือ ทิกิ-ทาก้า เน้นนักเตะเทคนิคดีในทุกๆตำแหน่ง มีความคล่องตัวและเข้าใจเกม มีการผ่านบอลเยอะๆ เมื่อเสียบอลก็เพรซซิ่งเพื่อแย่งให้กลับมาให้เร็วที่สุด อันที่จริงปรัชญาเกมรุกคือเกมรับที่ดีที่สุดมีมานานแล้ว แต่เพิ่งมาชัดเจนกับบาซ่าในยุคปัจจุบันนี้เอง อย่างไรก็ตาม บัลลัคเป็นนักเตะที่มีบุคลิคความเป็นผู้นำสูง หรือภาษาอังกฤษที่เขาเรียกว่า Influence สูงนั้น แม้เขาจะเลิกเล่นไปแล้ว แต่ผู้คนก็ยังจดจำภาพเขาได้ตลอดไป สุดยอดจริงๆ จากคุณ : จับวาง เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 55 21:20:39

ความคิดเห็นที่ 68 ถ้าจะพูดถึงก็คงจะยาวล่ะ เอาเป็นว่าถ้า Ballack ไปเป็นโค้ช เป็น ผจก.ทีมเมื่อไร ขอให้คว้าถ้วย UCL ให้ได้นะ จากคุณ : Hermy เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 12:03:14

ความคิดเห็นที่ 69 หน้าเหมือน แมต เดมอน จากคุณ : Crimson Tide เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 19:01:45

ความคิดเห็นที่ 70 หมอนี่หน้าเหมือนบัดลัค ตอนหนุ่มๆเลยครับ จากคุณ : yumiking เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 19:46:38

ความคิดเห็นที่ 71 รักบัลลัค เป็นนักเตะที่ทำให้เริ่มดูฟุตบอลทั้งที่ไม่เคยสนใจ เสียดายที่ไม่ได้เห้นเค้าเล่นฟุตบอลแล้ว แต่บัลลัคจะอยู่ในใจตลอดไป จากคุณ : banana_juice เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 55 20:07:39