ความคิดเห็นที่ 1 10. ปฏิเสธ สเปอร์ส และ อาร์เซน่อล เพื่อไป แมนฯ ยูฯ 2 ทีมยักษ์ใหญ่ของลีกสก๊อตต์อย่างกลาสโกว์ เรนเจอร์ส และ กลาสโกว์ เซลติค ที่ยุคนั้นผูกขาดความเป็นเต้ยกัน ขึ้นเป็นแชมป์อย่างสง่าผ่าเผย และสามารถคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ วินเนอร์ส คัพ เอาชนะ รีล มาดริค ยักษ์ใหญ่ไปได้ (รายการนี้ยกเลิกไปแล้ว) ตอนนั้น "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ อยากได้ "เฟอร์กี้" เข้ามาทำหน้าที่แทน ปีเตอร์ ชรีฟส์ เช่นเดียวกับ "ไอ้ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ที่สนใจหนุ่มใหญ่หน้าตาไม่เป็นมิตร เพื่อเข้ามาทำหน้าที่กุมบังเหียนแทน ดอน ฮาวว์ ซึ่งทั้ง 2 สโมสร มั่นใจว่าหาก เฟอร์กูสัน ย้ายก้นมานั่งข้างสนามกับพวกเขา คงทำให้ทีมไปได้สวยอย่างแน่นอน สุดท้ายหลังจากที่ เฟอร์กูสัน นั่งคิดทบทวนอย่างถ้วนถี่ อยู่ดีๆ สวรรค์ก็ดลบันดาลให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กริ๊งกร๊างเพื่อให้เขามาทำหน้าที่ทายาทอสูร และนั่นเป็นสิ่งที่ กุนซือชาวสกอตต์ ตัดสินใจในทันที และรีบมุ่งหน้าไปที่โรงละครแห่งความฝันในเดือนพฤศจิกายน 1986 เพื่อทำหน้าที่แทน รอน แอตกินสัน และตอนนี้คงเห็นแล้วว่าการตัดสินใจในครั้งนั้นทำให้ชายธรรมดาๆ มีคำว่า "เซอร์" นำหน้า จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 10:22:50

ความคิดเห็นที่ 2 9. เฉดหัว พอล อินซ์ หลายคนคงไม่เข้าใจว่าทำไม เซอร์เฟอร์กี้ ถึงไม่เก็บ อินซ์ เอาไว้กับทีม เพราะความที่ อินซ์ แสดงตัวเป็นลูกพี่เกินหน้าเกินตา นอกจากนั้น เขายังชอบหลุดจากตำแหน่งที่เฟอร์กี้กำหนดให้เป็นหลักในเกมรับอยู่หน้ากองหลัง 4 ตัว  อินช์ชอบดอตขึ้นไปหวังทำประตู แล้วกลับลงมาไม่ทันอยู่บ่อยๆ  ซึ่งสองเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ขัดใจ "ป๋า" อย่างมาก เพราะในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ใครก็ตามที่คิดจะปีนเกลียวกับเขา ต้องรีบกำจัดทิ้งก่อนที่จะสร้างความวุ่นวายไปมากกว่านี้ และนั่นคือเหตุผลว่าทำไม นายใหญ่เลือดวิสกี้ ถึงจัดการถีบหัวส่ง ห้องเครื่องผิวสี ไปโดยเร็วพลัน และก็ไม่ผิดหวัง เพราะการไม่มี อินซ์ ทำให้ รอย คีน กลายเป็นห้องเครื่องคนสำคัญ และนำความยิ่งใหญ่มาสู่ทีมอย่างมากมาย จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 10:24:59

ความคิดเห็นที่ 3 8. เบ็คส์ อีกหนึ่งตัวอย่างปีนเกลียว ทุกๆ คนรู้ดีว่า เดวิด เบ็คแฮม กองกลางจอมปั่นฟรีคิก เปรียบ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เหมือนกับพ่อคนที่สอง แต่กระนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองคนค่อยๆ แตกกระซ่านกระเซ็นนับตั้งแต่ที่ "หนุ่มเบ็คส์" ตัดสินใจร่วมหอลงโรงกับ วิคตอเรีย อดัมส์ แห่งวงสไปซ์ เกิร์ล หากจำกันได้ เบ็คแฮม ไม่เคยมีปัญหากับ เฟอร์กูสัน เลย นับตั้งแต่ที่เขาได้รับโอกาสจาก "ป๋า" ให้ขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ และเจ้าตัวก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เมื่อโชว์ฟอร์มจอมโยนแม่นเหมือนจับวาง รวมทั้งได้รับฉายาจอมปั่นฟรีคิกเลยทีเดียว แต่ทุกอย่างแทบจะจบสิ้นเมื่อเจ้าตัวคบกับ "เจ๊วิค" ซึ่งเฟอร์กี้ไม่ชอบการดำเนินชีวิตแบบซุปเปอร์สตาร์ของทั้งสอง จนในเอฟ เอ คัพ ซีซั่น 2001-02 นัดเจออาร์เซน่อล  เบ็คเล่นผิดฟอร์มอย่างมาก จนเฟอร์กี้จวกอย่างเขาอย่างหนัก พอของขึ้นเฟอร์กี้ก็เตะใส่สตั๊ดซึ่งได้บินเหินหาวเข้าหางคิ้วของเบ็คแฮมอย่างจัง  วันรุ่งขึ้นแบ็คแฮมที่ยังยั๊วะจัดก็ท้าทายอำนาจเฟอร์กี้ด้วยการแปะปลาสเตอร์ที่หางคิ้วขับรถช้าๆ มาสนามซ้อม  นักข่าวหนังสือพิมพ์ที่ถ่ายภาพถ่ายรูปใบหน้าของเขาได้อย่างมากมาย และนำให้สำนักพิมพ์ลงรูปและพาดหัวกันอย่างสนุกสนาน และสุดท้ายก็จบลงที่ ไอ้รูปหล่อ ต้องระเห็จไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ในเดือนกรกฎาคม 2003 เบ็คแฮม ออกจากอ้อมอกป๋าด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ (ราว1,250 ล้านบาท) โดยเจ้าตัวไปอยู่ในถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว พร้อมกับช่วยทีมคว้าแชมป์ลา ลีกา 1 สมัย ก่อนจะอำลาไปเล่นให้ ลอส แองเจลิส แกแล็กซี่ จนถึงปัจจุบันนี้ จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 10:25:47

ความคิดเห็นที่ 4 7. เชื่อมั่นในตัว รุด หลายคนต่างงงเป็นไก่ตาแตกเมื่อปี 2000 ที่ เซอร์เฟอร์กี้ ตัดสินใจกระชาก รุด ฟาน นิสเตลรอย หัวหอกหน้าละม้ายคล้ายม้า จาก พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ด้วยค่าตัวเป็นสถิติของลีกผู้ดี 18 ล้านปอนด์ (ราว 900 ล้านบาท) แม้ว่า ดาวยิงเลือดดัตช์ จะมีปัญหาบาดเจ็บหัวเข่าอย่างรุนแรงก็ตาม (โดยเฟอร์กี้ตามไปซื้อรุดอีก 1 ปีให้หลัง จากซีซั่นที่เขามีอาการบาดเจ็บ) การตัดสินใจในครั้งนี้ ถือว่าคุ้มแสนคุ้ม เพราะ ฟาน นิสเตลรอย ไม่เคยทำให้แฟนบอลผิดหวัง จนได้รับการยกย่องว่าเป็นกองหน้าตีนฉมังที่ไว้ใจได้เมื่ออยู่ในหน้ากรอบเขตโทษ ในฤดูกาลแรก เขาก็นำเป็นดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก และเป็นนักเตะยอดเยี่ยมพีเอฟเอ (โหวตโดยนักเตะด้วยกัน) และตลอด 5 ฤดูกาล "รุด" ซัดไปสบายเกือก 150 ลูก แค่นี้ก็ทำให้บรรดาสาวก "เร้ดส์ อาร์มี่" น้ำตาคลอเบ้าตอนที่ "พี่ม้า" อำลาถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด link : http://www.youtube.com/watch?v=jeU9qFsDd2E จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 10:27:01

ความคิดเห็นที่ 5 6. เวย์น รูนี่ย์ เด็กหมูเดือด แมนฯ ยูไนเต็ด อยากได้หัวหอกพันธุ์เดือดมานานแล้ว หลังจากสิ้นยุคของ มาร์ค ฮิวจ์ส โดยช่วงที่ผ่านมา พวกเขาดึง อลัน สมิธ มาล่าตาข่าย แต่ไม่ประสบความสำเร็จ และการถือกำเนิดของ รูนี่ย์ ทำให้ "ป๋า" หน้าระรื่น เพราะนี่คือกองหน้าที่เจ้าตัวรอมานาน และการคว้าตัวเจ้าหมูอ้วนมาสวมชุด "อสูรกาย (แดง)" ก็ไม่ผิดหวัง เพราะยิงกระจุยนำ "ผีแดง" คว้าแชมป์เอฟ เอ และ พรีเมียร์ชิพ มาครองเป็นว่าเล่น ซึ่งก็รวมทั้งการสอยโทรฟี่ ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก อีกด้วย ซึ่งแมนฯ ยูไนเต็ดมีรูนีย์เป็นที่พึ่งในการทำประตูมาตลอด  มีช่วงหนึ่งที่เฟอร์กี้ให้เขาลงเล่นต่ำเป็นกลางรุก ทีมก็กลับไม่ค่อยทำประตูไม่ค่อยได้ จนต้องโยกเขามาเล่นกองหน้าอีกครั้ง และเขาก็ไม่ทำให้ป๋าและแฟนผีต้องผิดหวัง  รูนีย์นำความสำเร็จมาสู่ทีมได้อีกมากมายแม้โรนัลโด้และเตเวชจะจากทีมไป link : http://www.youtube.com/watch?v=-qb3oGyHGlg จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 10:27:37

ความคิดเห็นที่ 6 5. ค้นพบเพชรเม็ดงามนั่นก็คือ โรนัลโด้ ใครจะไปคิดว่า เฟอร์กี้ จะได้พบกับเพชรในตมที่รอการเจียระไนอยู่ที่สปอร์ติ้ง ลิสบอน ใช่แล้วไอ้หนูมหัศจรรย์วัย 18 ปี คนนั้นชื่อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซึ่งพรสรรค์ในการสับ ซอยยิกๆ ทำเอา "ป๋า" ทะลักปี๊ดพุ่งไกลไปจนถึงสวรรค์ชั้นเจ็ดภายในไม่กี่นาที และไม่ต้องคิดอะไรมาก กุนซือบรรดาศักดิ์ รีบสั่งบอร์ดบริหารควักกระเป๋าซื้อนักเตะรายนี้ทันที แบบไม่เกี่ยงราคาซะด้วย ก่อนหน้านั้น บรรดาสาวก "กองทัพแดง" (เร้ดส์ อาร์มี่) ต่างกังวลกันมาตลอดว่าเสื้อเบอร์ 7 จะไม่มีใครมาสืบสานตำนานต่อจาก เดวิด เบ็คแฮม อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวได้หมดสิ้นจากบรรดาผู้ที่ถอดหัวใจไว้กับอสูรแดง เมื่อ "ป๋า" กระชาก โรนัลโด้ มาด้วยราคา 12.24 ล้านปอนด์ (ราว 612 ล้านบาท) ซึ่งเป็นแข้งฝอยทองคนแรกในโรงละครแห่งความฝัน ผลงานที่ได้สร้างให้กับ แมนฯ ยูฯ ต้องบอกว่าคุ้มค่าเม็ดเงินทุกปอนด์จริงๆ รางวัลบัลลงดอร์ และตำแหน่งแชมป์ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีกเป็นประกัน  แถมตอนย้ายไปเล่นกับ เรอัล มาดริด ก็นำเงินเข้าสู่คลังสโมสรเป็นจำนวนมหาศาลเป็นสถิติโลกด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์ (ราว 4,000 ล้านบาท) ต้องบอกว่าเป็นการทำธุรกิจที่ได้กำไรเกือบสิบเท่าตัวเลยทีเดียว link : http://www.youtube.com/watch?v=OVH5qgLnHDU จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 10:28:21

ความคิดเห็นที่ 7 4. ยกเลิกการเกษียณ เมื่อฤดูกาล 2001-02 เกิดการระส่ำกันไปทั่วโรงละครแห่งความฝัน เมื่อ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ประกาศการตัดสินใจว่าต้องการเกษียณอายุการทำงานเพื่ออยู่เลี้ยงหลานหลังจบซีซั่นดังกล่าว เชื่อไหมว่ามีหลายคนที่น้ำตาไหลพรากยิ่งกว่าญาติเสีย เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าหาก เฟอร์กี้ ลงจากบัลลังก์ ความบรรลัยคงมาเยือนสโมสร อย่างไรก็ตาม เมื่อผลงานของทีมตกต่ำลงจากการเสียขวัญและกำลังใจ  เจ้าตัวจึงตัดสินใจกลืนน้ำลายตัวเอง และทำหน้าที่คุมทีมต่อไป ซึ่งนั่นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด เพราะจากวันนั้นถึงวันนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีโทรฟี่แชมป์ประดับในตู้โชว์มากมายก่ายกอง จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 10:29:13

ความคิดเห็นที่ 8 3. คุณสามารถประสบความสำเร็จทุกอย่างด้วยเด็กๆ อลัน แฮนเซ่น ได้หยอดน้ำคำระดับตำนานเอาไว้ว่า "คุณไม่มีทางได้แชมป์ด้วยเด็กๆ พวกนี้" อย่างไรก็ตาม แมนฯ ยูไนเต็ด ได้สวนกลับคำพูดนั้นด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก และ เอฟเอคัพ ฤดูกาล 1995-96 เป็นดับเบิ้ลแชมป์ครั้งที่สองในชีวิตของเฟอร์กี้  ซึ่งตอนนี้พวกเขามีแกนหลักเป็นเด็กกะโปโลขนอุยเพิ่งขึ้นอย่าง แกรี่ เนวิลล์, ฟิล เนวิลล์, เดวิด เบ็คแฮม, พอล สโคลส์ และ นิคกี้ บัตต์ ทั้งๆ ที่ทีมขาดนักเตะแกนหลักไปถึง 3 ตัว โดยเฟอร์กี้ได้ขายพอล อินซ์ ออกไป  ส่วน มาร์ค ฮิวส์ และ แคนเชลสกี้ก็จากทีมไปด้วยเหตุผลทางด้านการเงิน ในช่วงเวลานั้น ไรอัน กิ๊กส์ ได้ขึ้นมาอยู่ในทีมชุดใหญ่เรียบร้อยแล้ว โดยทั้งหมดได้แสดงให้เห็นถึงพลังหนุ่มที่ไม่มีใครเคยคิดว่าจะทำได้ และนั่นเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า เซอร์เฟอร์กี้ มีวิสัยทัศน์กว้างไกลขนาดนั้น   แต่กระนั้นยุคเด็กปั้นของ "ป๋า" ก็ไม่มีให้เห็นอีกเลย เพราะนักเตะแต่ละคนที่ถูกดันขึ้นมาจากทีมเยาวชน ไม่มีใครเล่นเข้าตาซักคน ขนาด แดนนี่ เวลเบ็ค ที่สื่อชื่นชมนักหนา แต่ก็แค่หัวหอกฝีเท้ามาตรฐานอังกฤษเท่านั้น จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 10:30:13

ความคิดเห็นที่ 9 2. ช็อกตาตั้งสำหรับชาวเยอรมัน ใครที่เป็นคอลูกหนังขนานแท้คงได้ชมภาพทางจอทีวีตอนที่ นักเตะบาเยิร์น มิวนิค กำลังเตรียมเฉลิมฉลองร่วมกับแฟนบอลของพวกเขาในช่วงใกล้หมดเวลารอบชิงชนะเลิศ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1999 ที่สนามคัมป์ นู ในนครบาร์เซโลน่า เพราะพวกเขานำไปก่อนตั้งแต่ครึ่งแรกด้วยลูกฟรีคิกส์ของมาริโอ บาสเลอร์  แน่นอนว่าสาวก "ผีแดง" ต่างน้ำตาคลอเบ้าเพราะรู้ว่าทีมรักกำลังจะชวดแชมป์ ช่วงเวลานั้น เฟอร์กี้ ต้องบอกว่าหมดมุกแล้วก็ตัดสินใจส่ง เท็ดดี้ เชอริงแฮม กับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ลงสนาม และกลายเป็นว่าไอ้ความหมดมุกดันเปลี่ยนสภาพเป็นการตัดสินใจขั้นเทพ เพราะในลูกเตะมุมช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ซึ่งชไมเคิ่ลเติมขึ้นไปก่อกอวน  ทางบาเยิร็นเตะสกัดออกมา  แต่แล้วเชอริ่งแฮมก็ได้ลูกที่ไรอัน กิ๊กเตะจากหน้ากรอบเขตโทษเข้ามาหน้าปากประตู โดยน้าหมีก็ตวัดลูกเข้าประตูไปตีเสมอได้   ในขณะที่ทุกคนมั่นใจว่าจะได้ดูต่อเวลาแน่ๆ แล้วนั้น  แมนฯ ยูไนเต็ดได้ลูกเตะมุมในช่วงเวลาต่อเวลา 3 นาทีสุดท้าย  เบ็คแฮมเตะมุมเข้ามายังเสาแรก เชอร์ริ่งแฮมโหม่งเช็ดบอลไปยังเสาสอง โซลชาที่ยืนอยู่ถูกที่ถูกเวลา ยื่นหัวสตั๊ดเท้าลูกบอลเสยเสียบเพดานตาข่ายเข้าประตูไปแบบที่ไม่ต้องให้คู่แข่งแก้ตัว (คลิปนี้ถูก replay ครั้งแล้วครั้งเล่า และถือเป็นลูกประวัติศาสตร์ลูกหนึ่งของยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีก) ส่งให้ "ผีแดง" ได้เถลิงแชมป์ถ้วยหูกางครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1968 ที่สำคัญแชมป์นี้นอกจากจะทำให้ แมนฯ ยูฯ คว้าทริปเบิ้ลแชมป์เท่านั้น แต่ยังให้ผู้ชายธรรดาๆ ที่ชื่ออเล็กซ์ กลายเป็น "เซอร์ อเล็กซ์"  แบบนี้น่าจะจัดดอกไม้ธูปเทียนให้ "น้าหมี" กับ “เพชฌฆาตหน้าทารก” สักชุดดีไหมเนี่ย !! link : http://www.youtube.com/watch?v=W0rzRvjCM6Q จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 10:30:55

ความคิดเห็นที่ 10 1. นำ "เดอะ คิง" สู่ถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด สำหรับแฟนบอลพันธุ์แท้ของ "ผีแดง" คงไม่กล้าปฏิเสธว่านี่คือสุดยอดการตัดสินใจของ บรมกุนซือ เฟอร์กี้ อย่างแน่นอน โดยต้องย้อนกลับไปในช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 1992 เฟอร์กี้ ตัดสินใจเจียดเงิน 1.2 ล้านปอนด์ (ราว 60 ล้านบาท) ให้กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด เพื่อเป็นค่าตัวในเซ็นสัญญากับ เอริก คันโตน่า เมื่อดูจากสถิติของ "ก็องโต้" ตลอด 5 ฤดูกาลในสีเสื้อ "ปีศาจแดง" ก็บ่งบอกถึงการตัดสินใจของ เฟอร์กี้ ได้เป็นอย่างดี เมื่อ คันโตน่า กลายเป็นแม่ทัพพาทีมคว้าแชมป์สูงสุดของลีกอังกฤษในซีซั่น 1992-1993 (เป็นครั้งแรกในรอบ 26 ปีของสโมสร โดยเปลี่ยนชื่อเป็นพรีเมียร์ลีกตั้งแต่ซีซั่นนั้น)  4 สมัย (ส่วนตัวเขาได้ 5 สมัย กับ ลีดส์ก่อนมาแมนฯ ยูไนเต็ด 1 สมัย), แชมป์ เอฟเอ คัพ 2 สมัย และแชมป์ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ หรือในชื่อเดิม แชร์ลิตี้ ชิลด์ อีก 3 สมัย ด้วยกัน   ในจำนวนนั้นเป็นดับเบิ้ลแชมป์ 2 สมัย  ซึ่งดับเบิ้ลแชมป์สมัยที่สองเป็นการที่เขาเป็นผู้นำเหล่า “ลูกนกหัดบิน” ประสบความสำเร็จในพรีเมียร์ลีก (จากโคตรการตัดสินใจอันดับ 3) และถอยหลังวอลเลอย์ลูกคอนเนอร์ของเบ็คแฮมแหวกผู้เล่นของลิเวอร์พูลเข้าไปเป็นประตูโทนในนัดชิงเอฟเอคัพ ซีซั่น 1995-1996 ความยิ่งใหญ่ของ "ก็องโต้" ที่เริ่มต้นนำความสำเร็จให้แมนฯยูในยุค 90 สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน (เฟอร์กี้เองยอมรับในหนังสืออัตชีวะประวัติของเขาว่า คันโตน่า เป็นผู้ทำให้เขาพัฒนาการขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง และป็นผู้ทำให้ทีมปีศาจแดงเล่นได้อย่างโดดเด่นและมีสไตล์) ทำให้เหล่าสาวก "เร้ด เดวิลส์" ยกย่องให้เขาเป็น "เดอะ คิง" จวบจนถึงทุกวันนี้ link : http://www.youtube.com/watch?v=8fVckyEwKCE เรียบเรียงและปรับปรุงจาก : www.siamsport.co.th จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 10:32:07

ความคิดเห็นที่ 11 === เกิดมาเพื่อปีศาจแดงทุกฤดูกาล  เพื่อทีมชาตอินทรีเหล็กทุกทัวร์นาเนท์  และเพื่อเชียร์ทีมชาติไทยตลอดกาล === จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 10:34:32

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณครับพ้ม ข้อมูล เพิ่มเติมเล็กๆน้อยๆ ครับ เรื่อง เวนส์ รูนีย์  หลังจาก ได้ซื้อดาวรุ่ง จากเอฟเวอร์ตัน ด้วยค่าตัวเป็นสถิติ ตอนนั้น วันต่อมา ป๋า ก็ได้ โทรหา เพื่อน สนิท นาม คาเปลโล ว่า " นิ ลื้อรู้หม้ายยย  อั๊ว บ้า หรือปล่าว หวะ ที่กำเงินเกือบ 32 ล้าน ยูโร เพื่อซื้อเด็กแค่อายุ 17 ปี มาร่วมทีม " คาเปลโล ก็นิ่ง สักครู่ ก่อนจะกล่าวตอบกลับมาด้วยประโยค นิ่งๆว่า " จู๋ของนกเป็ดน้ำในทะเลสาบอาจาร์เจนไตน์มีความยาวเท่าตัวของมัน  อ้าว เฮ้ยยย ทะลึ่งหละ...ไม่ใช่หละเฮ่ย...  คาเปลโลตอบกลับว่า  ... กุ ขอท้า เอาตรีนเหยียบหน้า ลิปปี้(เพื่อนแก้ง 4 ของป๋า ประกอบด้วย คาเปลโล  ลิปปี้  แล้วก็ ทั่นนายพล ฮิดเฟลล์) ได้เลย ว่าไอ่เด็กนรกคนนี้ ซื้อมาคุ้มแน่นอน เชื่อน้ำยาป้าเชง ได้เลยยยยยยย " .... จากคุณ : พริบพรรณดาว เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 10:49:33

ความคิดเห็นที่ 13 1 ในนี้น่าจะมี ชไมเคิล จากคุณ : ซ้ำซ้อน เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 11:18:39

ความคิดเห็นที่ 14 8. เบ็คส์ อีกหนึ่งตัวอย่างปีนเกลียว /////// ข้ออื่นเห็นด้วย แต่ข้อนี้  ไม่เข้าใจครับว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีตรงไหน หรือจะบอกว่า  เพราะเบคส์ไป  จึงได้คริสติโน่มา มันก็ไม่น่าจะใช่  เพราะกว่าโด้จะเก่งได้คงที่  ต้องรอถึง ๓ ปีเต็ม จากคุณ : ขุนไกรครับผม เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 12:25:09

ความคิดเห็นที่ 15 เก็บแบ็คซ้าย ส่งกองหน้าลงไปนั่นแหละครับ สุดยอดการตัดสินใจ ในนัดชิง จากคุณ : mix_more เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 12:38:40

ความคิดเห็นที่ 16 ของเบ๊คมันตัดสินใจดีตรงไหนครับ กว่าทีมจะฟื้นกลับมาได้ล่อไปสามปี จากคุณ : blinded in chains เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 13:07:39

ความคิดเห็นที่ 17 อันดับหนึ่งของผมคืออันเดียวกันครับ จากคุณ : พลังคลื่นเต่าสะท้านฟ้า เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 14:05:18

ความคิดเห็นที่ 18 #14 หัวกระทู้ไม่ได้บอกว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีนิ แค่บอกว่าตัดสินใจครั้งใหญ่ แก้ไขเมื่อ 09 ต.ค. 55 14:10:29 จากคุณ : IceRose เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 14:10:11

ความคิดเห็นที่ 19 คุณซ็ำซ้อนครับ การตัดสินใจซื้อชไมเคิ่ล ผม (และเว็บที่ผมเอามาปรับปรุงให้ข้อมูลครบถ้วนและถูกต้องขึ้น) ถือว่า เป็นโค-ตะ-ระ การตัดสินใจอันดับที่ 11 ครับ   เพราะถ้าเทียบกับ 10 อันดับแรกเป็นการตัดสินใจที่สำคัญกว่า มีผลกระทบรุนแรงกว่า --------------------------------------------------------------------------------------------- คุณ blinded in chains กับ คุณ blinded in chains ครับผม การขายเบ็คส์นั้น เป็นการคงอำนาจบารมีของเฟอร์กี้   ไม่เช่นนั้น ใครต่อใครก็จะพากันหือ ก่อหวอด  เฟอร์กี้ทำอะไรผิดใจ ก็จะแสดงอาการกระด้างกระเดื่อง จนเสียการปกครองได้  สั่งอะไรต่อไป ใครก็จะไม่ทำตาม เพราะฮือได้   จนอาจถึงการท้าทาย, บอยคอด, เล่นไล่โค้ช/ผู้จัดการได้ ต่อไป  ป๋าจะใช้อะไรไปคุมทีมหล่ะครับ  ป๋าเป็นคนที่ใช้พระเดช control ลูกทีม   (แน่นอนว่ามีพระคุณด้วย เช่น การกระตุ้น, การต่อสัญญา, การให้ค่าเหนื่อยที่เพิ่มขึ้น) ถ้ากระด้างกระเดื่องอย่าเบ็คส์  ต่อไปเฟอร์กี้จะ control ผู้เล่นได้อีกหล่ะ แน่นอน การตัดสินใจขายนักเตะที่เก่งกาจอย่าง อินช์, สตัมป์, เบ็คส์, รอย คีน, รุด มีผลกระทบอยู่แล้ว   แต่แต่ละกรณีป๋าก็มีตัวแทนอยู่แล้ว (คีน, บร๊องค์, โซลชา, บัตต์/ฟิลล์ เนวิลล์, โรนัลโด้ ตามลำดับ) แต่หลายครั้ง (ยกเว้นขายอินซ์, รุด) เฟอร์กี้ไม่สามารถเดินแผนได้เข้าเป้า 100% เพราะผู้เล่นไม่สามารถทดแทนผู้เล่นที่จากไปได้เต็มที่ตามที่หวังไว้ในทันที หลายครั้งที่ต้องซื้อผู้เล่นใหม่ในซีซั่นต่อไปมาอุดรอยโหว่นั้น แต่ทุกครั้งก็ต้องถือว่าเป็น โค-ตะ-ระ การตัดสินใจอยู่ดี แก้ไขเมื่อ 09 ต.ค. 55 16:45:03 แก้ไขเมื่อ 09 ต.ค. 55 16:42:20 แก้ไขเมื่อ 09 ต.ค. 55 16:38:58 จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 15:57:59

ความคิดเห็นที่ 20 #18 @@@@@ ตลอดชีวิตการทำงานกุมบังเหียนมีหลายครั้งที่ "ป๋า" ตัดสินใจผิดพลาด แต่ก็มีหลายครั้งเช่นกับที่ท่านมหากุนซือตัดสินใจได้อย่างดีเยี่ยม วันนี้มาดูกันดีกว่าว่าการตัดสินใจที่ดีที่สุดของ เฟอร์กูสัน มีอะไรบ้าง @@@@@ จากคำอธิบายของหัวกระทู้เป็นอย่างนี้ครับ ถ้าบอกว่าเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่  ผมยกให้ปฏิบัติการฉกเบิร์บเป็นอันดับ  ๑  ครับ จากคุณ : ขุนไกรครับผม เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 15:58:43

ความคิดเห็นที่ 21 สำหรับผม ผมให้การดัน Class of 92 ขึ้นสู่ชุดใหญ่พร้อมๆกัน เบียดกับอันดับ 1 ได้เลยครับ จากคุณ : sLiimFit เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 18:13:00

ความคิดเห็นที่ 22 ตัดสินใจขายโรนันโด้นั้นคือความผิดพลาด ขายสตัมก็คือความผิดพลาด ซื้อผิดก็เยอะแต่จำนวนถ้วยแชม์ปเพิ่มขึ้น แฟนผีก็พอใจแล้ว....... จากคุณ : Dr.pareto เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 18:50:32