ความคิดเห็นที่ 1 ต่อมาด้วยคู่ ศึกแห่งศักดิ์ศรี "เมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้" เอฟเวอร์ตัน เสมอกับ ลิเวอร์พูล แบบสุดมันส์ 2-2 โดยปัญหามาเกิดในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ จังหวะที่ หลุยส์ ซัวเรซ เข้าชาร์จพังประตูให้ทัพ "หงส์แดง" ขึ้นนำ 3-2 และถ้าให้ประตูก็ถือเป็นประตูชัยสำหรับสาวก "เดอะ ค็อป" ไปเต็มๆ ทว่าผู้กำกับเส้นโชว์มือไว ยกธงโบกสะบัดว่าเป็นลูกล้ำหน้าไปก่อน ทำให้ ลิเวอร์พูลได้แค่ 1 แต้มกลับออกไปจากถิ่นกูดิสัน พาร์ค ทั้งที่น่าจะเป็น 3 แต้มอย่างเเน่นอน เนื่องจากภาพช้าเห็นอย่างชัดเจนว่าไม่มีการล้ำหน้าแต่อย่างใด จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 10:32:13

ความคิดเห็นที่ 2 มาต่อคู่ที่ 3 ปัญหาเยอะสุดๆ และเป็นกระแสหลังเกมมากที่สุดเลยด้วย นั่นคือเกมระดับ 5 ดาวของ จ่าฝูง เชลซี เปิดรังสเเตมฟอร์ด บริดจ์ ต้อนรับการมาเยือนของ เเมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งมี 3 จังหวะสำคัญที่แฟนบอลพูดถึงมากที่สุดคือ จังหวะแรก บรานิสลาฟ อิวาโนวิช โดนใบแดง จากการไปสกัด แอชลี่ย์ ยัง ที่กำลังจะหลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษ โดยถ้าดูตามกติกาฟุตบอลแล้ว ชัดเจนครับว่า ใบแดง แน่นอน เพราะเป็นการ โปรเฟสชั่นนัลฟาล์ว และประเด็นนี้คนไม่ค่อยพูดถึงมากนัก ส่วนอีก 2 จังหวะสำคัญมากๆ ต่อเกม เกิดขึ้นจากการที่ เฟร์นานโด ตอร์เรส โดนใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออกจากสนามไป ซึ่งถ้าดูแล้วสำหรับผม มันขึ้นอยู่ที่กรรมการเลยนะครับจังหวะแบบนี้ ว่าเขามองเหตุการณ์ในขณะนั้นอย่างไร เพราะมันเป็นจังหวะที่เร็วมาก ว่าพุ่งล้มหรือโดนทำฟาล์ว แต่แล้ว มาร์ค แคล็ทเท่นเบิร์ก เลือกมองว่า ดาวยิงทีมชาติสเปน พุ่งล้มจนกลายเป็นประเด็นใหญ่หลวงทีเดียว ขณะที่จังหวะสุดท้ายของเกม นี่ไม่ต้องเถียงอะไรเลย เพราะลูกยิงประตูชัยของ ฮาเวียร์ เออร์นาเดซ เป็นลูกล้ำหน้าอย่างชัดเจน และทำให้ลูกนี้เป็นประเด็นที่มีแฟนบอลพูดถึงมากที่สุด เพราะส่งผลต่อการเเข่งขันอย่างมาก ทำให้ "ปีศาจแดง" บุกมาเอาชนะ "สิงห์บูลส์" ได้ถึงถิ่น 3-2 เป็นการลบอาถรรพ์ 10 ปีที่ไม่เคยบุกมาเอาชนะเชลซีได้เลย จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 10:33:43

ความคิดเห็นที่ 3 ทำให้หลังจบสุดสัปดาห์นี้ คงมีกระแสเรื่องการเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช่ช่วยการตัดสินอีกครั้ง ทั้งในเรื่อง "โกล์ไลน์" และ "การใช้ภาพรีเพลย์" โดยมีหลายกีฬานะครับที่ใช้เทคโนโลยีหรือภาพช้าเข้ามาช่วยการตัดสิน หลักๆ เลยก็คือ เทนนิส, อเมริกัน ฟุตบอล หรือบาสเกตบอล เป็นต้น แต่ผมว่ากีฬาฟุตบอลดูจะเป็นอะไรที่ทำได้ยากมาก เพราะเป็นกีฬาที่มีคนจับจ้องและติดตามมากที่สุดในโลก และเป็นกีฬาที่มีมนต์เสน่ห์ ด้วยความต่อเนื่องตลอด 90 นาที ดังนั้นจึงมีปัญหามาก ถ้าจะใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพราะถ้านำมาใช้จริง บางกลุ่มก็คิดว่ามันจะทำให้ "เสน่ห์ของฟุตบอลหายไป" เนื่องจากต้องหยุดเกมบ่อยครั้ง แต่อีกบางกลุ่มอาจ "ต้องการความถูกต้องขาวสะอาด" ขนาด มิเชล พลาตินี่ หัวเรือใหญ่ของยูฟ่า ยังค้านหัวชนฝา ว่าไม่ควรทำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เพราะจะเป็นการทำลายเกมลูกหนัง แต่ส่วนตัวผมกลับมองว่าสามารถนำมาใช้ได้ แค่ประเด็นเดียวเท่านั้น คือ "โกล์ไลน์" ที่ไว้ใช้เช็กว่าลูกนั้นข้ามเส้นเป็นประตูไปแล้วหรือยัง อันนี้ผมว่าควรทำอย่างจริงจังได้เแล้ว เพราะมันเป็นการตัดสินว่าเป็นประตูหรือไม่เป็นประตู ซึ่งมันส่งผลต่อการแข่งขันโดยตรง และไม่น่าถึงขึ้นทำลายเกมการแข่งขัน หรือเสียเวลาการตัดสินไปมากนัก อีกอย่างมันก็จะช่วยให้ความยุติธรรมกันทั้งสองทีม เพราะจะได้เห้นชัดๆ ไปเลยว่าได้ประตูหรือไม่ได้ประตู รวมถึงจะได้ไม่มีกระแสหลังเกม และปัจจุบันก็มีการตอบรับจากหลายประเทศที่เตรียมทดลองระบบ "โกล์ไลน์" กันแล้ว โดยเฉพาะพรีเมียร์ลีก อังกฤษที่มีข่าวออกมาว่า เตรียมทดสอบการใช้ "โกล์ไลน์" ในฤดูกาล 2013-2014 เราก็คงต้องมารอดูว่ามันจะช่วยแก้ปัญหาและได้ผลจริงหรือไม่? จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 10:35:24

ความคิดเห็นที่ 4 ส่วนอีกประเด็น "ล้ำ" หรือ "ไม่ล้ำ" อันนี้ก็เป็นปัญหาระดับชาติของวงการฟุตบอลมาช้านานนะครับ เพราะมันส่งผลต่อผลการแข่งขันอย่างมาก และจากสัปดาห์ที่ผ่าน ไม่เพียงแค่เกมลูกหนังเมืองผู้ดีเท่านั้นที่มีปัญหาเรื่องนี้ แต่ทางศึกกัลโช่ เซเรีย อาก็เกิดขึ้นเช่นกัน ในเกมที่ ยูเวนตุส บุกไปเอาชนะ คาตาเนีย 1-0 โดยเกมนี้คาตาเนียยิงประตูตีเสมอแบบขาวสะอาด ทั้งที่ไม่มีการล้ำหน้า และสกอร์บอร์ดก็ขึ้นเป็น 1-1 แล้ว ทว่าผู้ตัดสินกลับคำตัดสินว่าเป็นลูกล้ำหน้าแทน ทำให้คาตาเนียไม่ได้ประตู และแพ้ไปในที่สุด ซึ่งเราเห็นปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยมากในวงการฟุตบอล มากกว่าลูก "เข้า" หรือ "ไม่เข้า" เสียอีก แต่ก็ยังไม่มีการจัดการให้ถูกต้องสักที แต่อย่างว่านะครับ ถ้าจะบอกว่าให้ทำเเบบ อเมริกันฟุตบอล คือ การดูภาพรีเพลย์ช่วยตัดสินก็ทำยากมาก เพราะจะมีคำถามหรือปัญหาตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น เราจะต้องดูภาพรีเพลย์ตอนไหน? ใครจะเป็นคนกำหนดว่าควรดูจังหวะนี้เพราะล้ำแน่? หรือจะกดดูเฉพาะจังหวะก้ำกึ่งว่าล้ำแล้วมีประตูเกิดขึ้น ซึ่งแบบนั้นก็อย่าลืมนะครับว่าบางจังหวะล้ำไปแล้วอาจยังไม่ได้ประตู แต่อีกจังหวะอาจค่อยมาเป็นประตูก็เป็นได้ รวมถึงมันเป็นการทำลายจังหวะของเกมฟุตบอลให้ขาดๆ หายๆ ไปด้วยซ้ำ นี่แหละที่บอกว่าบางที "เสน่ห์ฟุตบอล" อาจหายไป มันจึงทำให้ผมคิดว่ายากมากๆ ที่จะแก้ไขปัญหา "ล้ำ" หรือ "ไม่ล้ำ" เพราะคงต้องเก็บรายละเอียดอย่างมากเลยในการแก้ไขปัญหานี้ ดีไม่ดีอาจต้องปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปตลอด credit : www.siamsport.co.th     * วันเดอร์คิด * จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 10:37:08

ความคิดเห็นที่ 5 สำหรับผม คิดว่า การใช้ภาพช้า ก็ไม่ได้ช่วยได้ 100% และทำให้เกมช้าลงไปอีก ผมคงไม่รอดูฟุตบอลเหมือนอเมริกันฟุตบอล ที่แต่ละ play ต้องให้กรรมการตรวจดูให้แน่ใจก่อนว่า มีการทำฟาลว์ต่างๆ หรือไม่ (ของฟุตบอลรวมล้ำหน้า ด้วย) วิธีที่ดีที่สุด เท่าที่คิดได้ตอนนี้คือ challenge ให้โค้ชสามารถ challenge ได้ 1 ครั้ง ต่อ ครึ่งของเกม ผู้ตัดสินจะทำการดูภาพช้าเพื่อตัดสินอีกครั้ง ถ้า challenge ไม่สำเร็จ  ก็ให้ตัดสิทธิ์การ challenge ส่วนที่เหลือออก ถ้าตัดสินธิ์ในครึ่งหลัง ก็ให้ไปตัดสิทธิ์ในเกมหน้าของศึกที่องค์กรเดียวกันดูแล (เช่น EPL, UCL) ถ้า challenge ครึ่งละครั้ง (รวม 2 ฝั่ง ก็จะเป็น 4 ครั้ง) ก็จะทำให้เกม late ไปราวๆ 4 นาที เป็นอย่างน้อย ซึ่งอยู่ในวิสัยที่จะยอมรับได้  แต่ถ้ากินเวลามากกว่านี้ก็คงไม่ไหว ทดเวลา 4 นาที + x นาทีในเวลาปกติ  ทำให้ไม่สามารถดู match ถัดไปได้ตั้งแต่เริ่ม ถ้าเวลา overlap กัน และทำให้เสียเวลาทำมาหากิน แต่ถ้าแลกกับความยุติธรรมมากขึ้นอย่างสังเกตุได้ชัด ก็คุ้มค่า จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 10:57:57

ความคิดเห็นที่ 6 เป็นกระทู้ที่ดีมาก สำหรับความคิดเห็นส่วนตัวของผม การดูภาพช้าย้อนหลังควรที่จะมี     แต่เพื่อความยุติธรรมและไม่ทำให้เสียเวลามาก ควรจะใช้เฉพาะเมื่อเกิดประตูได้เสียและการตัดสินที่สร้างความแตกต่างให้กับทีมที่ลงแข่งขัน   ยกตัวอย่างการให้ใบแดงกับนักเตะในสนามไม่ว่าจะเป็นแดงโดยตรงหรือใบเหลืองใบที่สองซึ่งการทำแบบนี้มันส่งผลต่อการแพ้ชนะในเกมเนื่องจากจะเกิดการเสียเปรียบในตัวผู้เล่น(เฉพาะการทำฟาวล์) สำหรับเรื่องมีประตูได้เสียมันก็ส่งผลต่อเกมเช่นลูกผ่านเข้าเส้นประตูไปแล้วหรือไม่   การล้ำหน้าเข้าไปยิงเป็นประตู   แต่ถ้าล้ำหน้าแต่ยังไม่มีประตูก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมาเสียเวลา สำหรับเรื่องว่าใครจะตัดสินใจให้มีการดูภาพย้อนหลัง น่าจะมีคณะกรรมการที่อยู่ด้านบนดูภาพจากจอมอนิเตอร์อย่างเดียว     เมื่อเห็นว่าเข้าหลักเกณฑ์ก็ส่งสัญญานให้กรรมการในสนามดูภาพช้าย้อนหลังจากจอมอนิเตอร์ข้างสนามได้      กรรมการในสนามก็อาจจะใช้เวลาแค่ไม่เกิน30วินาทีจากการดูภาพแล้วค่อยตัดสินใจตามสมควร     สำหรับโค๊ชของทีมทั้งสองฝ่ายก็มีสิทธิขอให้กรรมการดูภาพช้าย้อนหลังได้แต่ต้องอยู่ในหลักเกณฑ์ที่ว่าในวรรคบน     หากกรรมการดูภาพช้าแล้วไม่เปลี่ยนแปลงคำตัดสินก็ให้ปรับในสิทธิ์การเปลี่ยนตัวงนักเตะออกไป1ครั้ง      ภายในครึ่งแรกหรือครึ่งหลังสามารถขอดูภาพย้อนหลังได้ครึ่งละไม่เกิน2ครั้ง   หากว่าใช้สิทธิ์เปลี่ยนตัวนักเตะหมดไปแล้วไม่มีสิทธิ์ร้องขอต้องรอให้คณะกรรมการด้านบนใช้ดุลยพินิจในการสั่งเองอย่างเดียว การที่จะให้ดูภาพช้าย้อนหลังจะต้องไม่เกิน3นาทีหลังจากที่มีคำตัดสินแรก อันนี้ก็ใช้หลักตามกติกาของมะกันฟุตบอลมาประยุกต์ใช้ลงทุนก็ไม่มากอาศัยภาพย้อนหลังของการถ่ายทอดสดก็พอแล้วหรือไม่ก็ลงทุนเองก็ไม่มากหรอก      หากทำตามนี้ก็ไม่น่าจะเสียเวลาของในเกมซะเท่าไหร่     นักเตะในสนามประท้วงคำตัดสินบางทีอาจจะนานกว่านี้ซะอีก จากคุณ : เสือปลาขี้เมา เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 11:17:21

ความคิดเห็นที่ 8 เดี๋ยวผมไปบอก เซอร์ ให้จ้างนักตัดต่อภาพไว้ล่วงหน้าก่อนครับ ให้แฝงตัวไปกับรายการที่ถ่ายทอดสด เวลา  10   วินาทีในการตัดต่อภาพน่าจะทัน 55 .................... ผมเห็นด้วยกับ การใช้เทคโนโลยีครับ แต่ความเห็นคงไปไม่ถึงเค้า จากคุณ : krissana_bun เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 11:24:12

ความคิดเห็นที่ 9 ผมเชื่ออยู่ลึกๆจริงๆนะ ว่าฟุตบอลปัจจุบันนี้ยังมีการล็อคผลอยู่ ในทุกระดับ ซึ่งฟีฟ่านี่แหละตัวดี การใช้เครื่องมือมาช่วยจึงเกิดขึ้นได้ยาก จากคุณ : howmuchiluvu99 เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 11:35:24

ความคิดเห็นที่ 10 ไอ้สุดยอดแซบ คราวหน้าเชลซีได้ประโยชน์บ้าง จะดูว่าเห่ยๆ อย่างแกจะว่าไง จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 11:35:43

ความคิดเห็นที่ 11 ปล่อยเค้าไปเถอะครับ จขกท.. ขาดวุฒิภาวะอย่างแรง ไอ้สุดยอดเนี่ย.. สรุปกับหัวข้อข้างต้น.. ผมว่าเทคโนโลยี เห็นด้วยอย่างเดียวกับโกล์ไลน์ ส่วนรีเพลย์ผมว่าปล่อยให้เป็น  human error ไปแหละดีแล้ว.. แต่อยากให้กรรมการนกหวีดไม่หวานจนเกินไป.. เพราะเห็นเป่าจุดโทษบ่อยมาก อยากให้ได้ยากๆ แต่ถ้าให้ยากเด่วก็มีประเด็นตามมาอีก ว่าไปให้ในจังหวะผิดๆ สรุป.. อย่าดูมันเลยฟุตบอลดูแล้วเครียด.. จากคุณ : คำเตือน!! ห้ามกินเกินวันละ2ขวด เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 11:47:36

ความคิดเห็นที่ 12 จริงๆ แล้วก็จัดกรรมการ อีก 1ตำแหน่งนั่งดูที่จอมอนิเตอร์ แล้วมีไมค์สื่อสารโดยตรงกับ ทางกรรมการในสนามและไลน์แมนทั้งหมด พอยิงเข้าก็รีบรีเพลย์ (ซึ่งน่าจะไม่เกิน 10วินาที) ให้กรรมการคนนี้แจ้งเรื่องประท้วงแก้ไขคำตัดสิน แต่ถ้าชัดเจน เข้าชัดเจนก็ไม่ต้องมีการประท้วงแก้ไขคำตัดสินใดๆ ปล. เอาแค่เฉพาะ ลูกยิงข้ามเส้นหรือไม่? ลูกยิงเข้ามาจากตำแกน่งล้ำหน้าหรือไม่ หรือลูกกังขาที่จะเกี่ยวข้องกับการเป็นประตู ส่วนการทำฟาลว์ปกติก็ดำเนินไปตามนั้น เพราะมันยังคงรสชาติของฟุตบอลไว้ได้ ไม่ยืดยาวเหมือนอเมริกันฟุตยอลที่หยุดเกมส์นานๆๆๆ บ่อยๆๆๆ จากคุณ : United We Win (หวงตี้) เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 12:23:10

ความคิดเห็นที่ 13 โกล์ไลน์ อันนี้ ไม่ต้องพูดถึง มันมาแน่ สำหรับเรื่องภาพช้า ล้ำ ไม่ล้ำ ผมเสนอ ให้ มีการ ชาร์เลนจ์ แค่ 1 ครั้ง ต่อเกม หรือ ครึ่งละ 1 ครั้ง ว่าไป โดย ให้ ชาร์เลนจ์ได้เฉพาะ ลูกที่ ยิงเข้าประตู แล้ว มีการสงสัยว่า ล้ำหรือ ไม่ล้ำ เท่านั้น จังหวะอื่น หมดสิทธิ์ จากคุณ : Sifer2002 เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 12:40:19

ความคิดเห็นที่ 14 ล้ำไม่ล้ำผมว่ายากจริงๆ ต่อให้มี line man เพิ่มอีกฝั่งละ 2 คนด้วยเอ้า  นอกจาก replay แล้ว ไม่คิดว่ามีวิธีอื่นอีก เห็นด้วยกับที่หลายๆ ท่านบอกว่า ให้ replay เฉพาะล้ำหน้าสำคัญๆ ที่ได้/ไม่ได้ประตู อย่างกรณี ลูกที่ 3 ของชิชาริโต้ หรือ ลูกที่ 2 ของซัวเรส ส่วน challenge อย่างที่ผมบอกไว้ในคห.1 ครึ่งละ 1 ครั้งต่อทีม น่าจะไม่เปลืองเวลามากนัก  รวมเป็น 100 นาทีโดยประมาณกับทุกๆ เกม ถือว่ารับได้ครับ และไม่ทำให้การถ่ายทอดสดต้องเสียไป อย่าง NFL หรือ NBA นี่ นานไป  quater ละ 15 นาที ใช้เวลาจริงเกือบชั่วโมง หมดเวลาทำการทำงานกันพอดี จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 13:27:06

ความคิดเห็นที่ 16 เอาแบบอเมริกันฟุตบอลปีนี้ หรือรักบี้ก็ได้ครับ คือจังหวะทำสกอร์ครั้งไหนถ้าไม่เคลียร์ กรรมการสามารถขอดูภาพช้าได้เลยโดยไม่ต้องรอให้โค้ชชาเลนจ์ แต่ทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้ว่าจะช่วยได้ 100% ครับ ยังไงก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของกรรมการ (ไม่ว่าจะเป็นกรรมการในสนาม หรือกรรมการที่ดูภาพช้า) อยู่ดีนั่นเอง เพราะถ้ากรรมการข้างล่างตัดสินไปแล้วว่าอย่างไร แล้วมองภาพช้าก็ไม่เห็นหลักฐานที่พอจะเปลี่ยนคำตัดสินได้ ก็ไม่เปลี่ยนเช่นกัน จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 14:46:59

ความคิดเห็นที่ 18 เห็นด้วยอยากให้มีchallenge แบบเทนนิส ให้สิทธิ์ทีมละ2ครั้ง ไอ้ที่ว่าโกงๆกันอยู่เนี่ย ถามจริงๆเหอะ ถ้าไม่มีภาพช้า ดูทันกันจริงๆเหรอ จากคุณ : kolokol เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 19:36:40

ความคิดเห็นที่ 19 คห.14(จขกท.) NFL.   โดยปรกติมันเป็นเกมที่ใช้เวลานานพอสมควรอยู่แล้ว   สาเหตุคือการเปลี่ยนทีมและตัวผู้เล่น   รวมถึงเวลานอกพิเศษที่กรรมการเรียกในกรณีที่มีผู้เล่นบาดเจ็บ แต่คนที่ดูมะกันฟุตบอลจนเข้าใจลึกซึ้งถึงในกฎกติกา     ไม่มีใครมาบ่นหรอกว่าใช้เวลานานเกินไปและไม่มีใครมาบ่นด้วยว่าเกมยืดเยื้อจนน่าเบื่อ การที่ช่องว่างในการใช้เวลาของเกมมะกันฟุตบอลนี้มีเหตุมีผล     ไม่ได้มาใช้ตามดุลยพินิจของกรรมการ    มันมีช่วงเวลาที่กำหนดแน่นอน    ทีมไหนบริหารเวลาไม่ดีก็จะเจอโทษเป็นการปรับระยะ       มีการหยุดเวลาเยอะจริงแต่มีการกำหนดเวลานอกไว้ตายตัวแล้ว ฟุตบอลที่เราดูๆอยู่   เวลามันเพี้ยนไปตามดุลยพินิจของกรรมการ   ไม่เคยมีตรงเวลาเป๊ะๆหรอก       อย่างมะกันฟุตบอลหรือบาส.มีกำหนดหมดเวลาไว้แน่นอน    เพียงแต่มีหลักว่าหากลูกยังไม่ตายในช่วงนั้นต้องให้ลูกตายก่อน      หากมีการฟาวล์ในช่วงขณะเวลานั้นต้องมีการลงโทษให้จบก่อน ยกตัวอย่างเช่นเวลาในสนามหมดไปแล้ว   แต่ไอ้QB.มันได้ชว้างลูกบอมส์ยาวโดยปล่อยลูกออกจากมือก่อนเวลาจะหมดราวๆ1วินาทีแบบที่เค้าเรียกว่า"Hell Mary " อันนั้นถึงแม้ว่าเวลาจะหมดแล้วต้องให้ลูกตายก่อนเกมถึงจะสิ้นสุด   ถ้าได้ทัชดาวน์ก็ได้คะแนนตามนั้นแล้วเกมก็จบ บาส.ก็เหมือนกัน    ถ้าปล่อยลูกออกก่อนเวลาในสนามจะหมด    ลูกนั้นถ้าลงห่วงก็จะได้คะแนนทันที คนที่เข้าใจในเกมNFL.ไม่มีใครมาบ่นหรอกว่าเกมช้ายืดเบื้อ หากเอามาเปรียบกับฟุตบอล   มะกันฟุตบอลถือได้ว่าเร็วกว่า จากคุณ : เสือปลาขี้เมา เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 20:31:18

ความคิดเห็นที่ 20 ตอบช้าไปหน่อย  คุณ เสือปลาขี้เมา จะตอบไหมน้า แค่จะบอกว่า เกมยาวๆ เป็น 3-4 ชั่วโมง แถมกำหนดเวลาจบไม่ได้ใกล้เคียงด้วย (ฟุตบอลอย่างมากก็ 100+18 นาทีเท่านั้นแหล่ะ จะไม่มี Free TV 3,5,7,9 เอาไปถ่ายทอดสดให้ดูหน่ะซิครับ เวลาส่วนใหญ่เป็นเวลาของละครซะด้วย  อดดูฟรีแหง่ม  ฟรีทีวีเราไม่มีระดับ CBS, NBC ฯลฯ ด้วย จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 22:22:20

ความคิดเห็นที่ 21 แวะมาตอบครับ จริงๆแล้วที่เวลาของเกมๆนึงตั้งแต่เริ่มเกมจนจบเกมที่มันยาวๆ    เนื่องจากมันแบ่งเป็น4ควอเตอร์ๆละ15นาที แล้วมันจะมีช่วงพักเล็กๆระหว่างเปลี่ยนควอเตอร์กับช่วงเวลาที่ลูกตายเช่นขว้างลูกแล้วรับไม่ได้หรือถือลูกวิ่งออกนอกสนาม    เวลาช่วงนี้จะหยุดแต่ผมก็จำไม่ได้ว่ามันเริ่มเดินใหม่ในกี่วินาที พอจบ2ควอเตอร์ก็มีพักครึ่งนานร่วมครึ่งชั่วโมงเพื่อให้มีการโชว์ในสนาม(มั๊ง) ที่ยกๆมาเนี่ยคุณทราบไหมว่าช่องว่างของเวลาเป็นเงินเป็นทองทั้งนั้น      เจตนาจริงๆคือสามารถอัดโฆษณาลงไปให้ได้มากที่สุด     ที่ทราบเพราะว่าเวลาดูถ่ายทอดสดบางครั้งมีหลุดโฆษณาออกมาให้ดู   แต่ส่วนใหญ่ ทุยวิชั่น จะตัดออกไปแล้วใส่โฆษณาของมันลงไปแทน   หากNFL.มันได้รับความนิยมในไทยละ   คนที่จัดถ่ายทอดสดกับสถานีทีวีก็ยิ้มหวานละ     เนื่องจากมันมีช่องว่างให้แทรกโฆษณาได้สบายมากเยอะด้วย แต่จะว่าไปหากยึดเอาตามเวลาของมะกัน    มันไม่ชนกับละครหรอก เนื่องจากมันเริ่มต้นแข่งตรงกับเวลาไทยเที่ยงคืนเศษในคู่แรก   คู่สองประมาณตี3   ส่วนคู่พิเศษพวกSunday-Night และ  Monday-Night มันจะอยู่ในช่วง8-9.00น. ดังนั้นไม่มีทางชนกับละครแน่ๆ    แต่จะชนกับเวลาเข้าทำงานตามบริษัทและราชการละซิ     ตะก่อนเคยมีถ่ายทอดสดในเกมSuperBowl   โฆษณาอ่ะเพียบสุดๆเลย จากคุณ : เสือปลาขี้เมา เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 23:02:07

ความคิดเห็นที่ 22 จริงคร้าบ คุณเสือปลา จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 01:43:30

ความคิดเห็นที่ 23 สีซอ เอ๊ย ไม่ใช่ แซ่บเอ๊ย ฤดูกาลก่อน เชลซี 2-1 วีแกน http://www.bbc.co.uk/sport/0/football/17570961 ประตูที่ได้ของเชลซีทั้ง 2 ลูก ลูกแรก อีวานโนวิช ล้ำหน้านะ ลูก 2 มาต้าซ้ำลูกยิงของตอเรสเข้าไป ก็เหมือนจะล้ำหน้า โชคดีที่วีแกนไม่ตกชั้น ไม่งั้นคงเป็นบาปกรรมที่เชลซีต้องไปชดใช้ไม่รู้กี่ลูก จากคุณ : PEDestrain เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 15:49:42