Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ประวัติสุดยอดแชมป์ UFC รุ่น Welterweight - Georges St-Pierre โดย หมัดแมว UFC Thailand Fanclub ติดต่อทีมงาน

ประวัติ Georges St-Pierre โดย หมัดแมว “UFC Thailand Fanclub” fanpage
จอร์จ เซนต์ ปีแอร์ เกิด 23 พฤษภาคม 1981 อายุ 31 ปี
ฉายา Rush ชื่อย่อ GSP
สัญชาติ แคนาดา
สูง 178 ซม. หนัก 77 กก. รุ่น Welterweight

จอร์จ เซนต์ ปีแอร์ เกิดที่ มลรัฐควีเบค แคนาดา เป็นเด็กยากจนและมีชีวิตในวัยเยาว์ที่ลำบาก เขาเริ่มเรียนเคียวคุชินคาราเต้ตอนอายุ 7 ขวบจากพ่อและอาจารย์คาราเต้สำนักเคียวคุชินตามที่พ่อบอกเพื่อไม่ให้โดนเด็กอันธพาลกลั่นแกล้ง ในแคนาดาฮอกกี้คือกีฬายอดฮิตซึ่งเป็นเรื่องสนุกสำหรับเซนต์ปีแอร์ในวัยนั้น เขาได้เลือกเข้าโรงเรียนที่อาจทำให้มีโอกาสเข้าสู่ทัวร์นาเมนท์การแข่งฮอกกี้ แต่เขาไม่สามารถเล่นทั้งฮอกกี้และคาราเต้ได้พร้อมกันเพราะ “ถ้าเล่นทั้งคู่มันมีค่าใช้จ่ายเยอะเกินไป” อย่างไรก็ตามพ่อแม่ของเขาได้สนับสนุนให้เล่นกีฬาเต็มที่แม้ว่าพวกเขาจะมีเงินไม่มากนัก เพราะไม่ต้องการให้เขาไปคบกับเพื่อนไม่ดีแล้วกลายเป็นอาชญากร “ผมเรียนในโรงเรียนที่เถื่อนมาก ๆ ดังนั้นชีวิตในวัยเด็กผมนั้นไม่ได้ง่ายเลย” เขากล่าว


หลังการที่อาจารย์คาราเต้ของเขาเสียชีวิตเซนต์ปีแอร์อายุได้ 12 ปีและเพิ่งได้สายดำสองดั้งได้เลิกฝึกคาราเต้และหันเหไปทางมวยไทยคิ๊กบ๊อกซิ่ง เมื่ออายุได้ 16 ปีเซนต์ปีแอร์ได้เริ่มดูรายการ UFC และพบว่าตัวเองอยากฝึกบราซิลเลี่ยนยูยิตสู ต่อมาอีก 2 ปีในวัย 18 เขาได้เริ่มฝึกมวยปล้ำและมวยสากล แม้ว่าจะฝึกวิชามามากมายตามแบบฉบับนักสู้ MMA อย่างที่เราเห็นเซนต์ปีแอร์ในปัจจุบันจะใช้ชุดคาราเต้และคาดหัวเป็นธงญี่ปุ่นทุกครั้ง เพราะเขาให้เครดิตกับคาราเต้ซึ่งเป็นวิชาแรกเริ่มเดิมทีของเขาเป็นอย่างมากต่างจากนักสู้ MMA คนอื่น ๆ เซนต์ปีแอร์เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “ผมดีใจมากที่ได้เรียนคาราเต้ตั้งแต่เด็ก คนจำนวนมากพูดกับผมว่ามัน (คาราเต้) ไร้ประโยชน์ในการต่อสู้ ผมมั่นใจมากว่าถ้าผมไม่เรียนคาราเต้ในวันนั้น ผมไม่มีวันถึงระดับนี้ในทุกวันนี้ คาราเต้สร้างให้ผมแข็งแรงและยืดหยุ่น ขณที่ผมสู้ผมไม่ได้รำมวย (กาต้า) แต่ผมก็ใช้ลูกเตะและเทคนิคอีกมากมายที่เรียนจากเคียวคุชิน”


ก่อนที่จะเขาสู่วงการนักสู้ MMA อาชีพ เซนต์ปีแอร์ทำงานเป็นการ์ดคุมไนท์คลับชื่อ Fuzzy Brossard ที่มอนทรีออล และเคยไปเป็นคนเก็บขยะอยู่ 6 เดือนเพื่อหาค่าเทอมเรียนหนังสือ ก่อนเข้าอาชีพต่อสู้เซนต์ปีแอร์เคยสู้ในการวิวาทซึ่งถือเป็นชัยชนะครั้งแรกเมื่อชนะเมื่ออายุ 16 ปี ซึ่งเขาผู้เป็นนักสู้อาชีพไม่สามารถเปิดเผยถึงเรื่องนี้ได้


25 มกราคม 2002 การสู้อาชีพครั้งแรกของเซนต์ปีแอร์เกิดขึ้นในรายการเล็ก ๆ ที่ชื่อ UCC ในรัฐควีเบค แคนาดา คู่ต่อสู้คนแรกคือ Ivan Menjivar (ซึ่งตอนนี้อยู่รุ่น Bantamweight ของ UFC) เซนต์ปีแอร์ชนะ TKO ในยกที่ 1 และชนะไม่ครบยกในรายการนี้อีก 3 ครั้งรวด ในการสู้ครั้งที่ 5 ในรายการ TKO 14 เซนต์ปีแอร์ชนะ Pete Spratt โดย submission และโชคก็มาถึง ที่นั่นเองที่แมวมองของ UFC เรียกตัวเขาไปเซ็นสัญญา


31 มกราคม 2004 เซนต์ปีแอร์ได้ชกเปิดตัวในรุ่น Welterweight ในรายการ UFC ครั้งที่ 46 ที่มีชื่อศึกว่าภาค Supernatural ที่มีคู่เอกเป็นการพบกันครั้งที่ 2 ของ Randy Couture vs. Vitor Belfort เขาได้ชกเป็นคู่ Preliminary card ประกอบรายการกับยอดยูโดแบบโนกิ Karo Parisyan ที่มีประสบการณ์มากกว่า เขาเอาชนะคะแนนไปได้ ต่อมาก็ชนะ TKO Jay Hieron ยก 1 หลังจากที่ชนะ 2 ครั้งรวดใน UFC ในการสู้ครั้งที่ 3 ของเซนต์ปีแอร์ถูกพิสูจน์เมื่อต้องเผชิญกับ 1 ใน 2 เทพแห่งยุค (ในรุ่นเล็ก) นั่นก็คือชายผู้มีนามว่า Matt Hughes ซึ่งเป็นฮีโร่ของเขาเอง เพื่อชิงเข็มขัดแชมป์ UFC Welterweight ที่ว่างอยู่ ถ้าเท้าความไปก่อนหน้านั้น Matt Hughes ครองแชมป์เข็มขัดเส้นนี้อยู่แล้วจาก Carlos Newton และป้องกันแชมป์ได้อีกถึง 5 ครั้ง (ไม่ครบยก 4 ครั้ง) ก่อนที่จะมาเสียแชมป์ให้กับเด็กอัจฉริยะ BJ Penn แต่กระนั้นเมื่อ BJ Penn ได้เข็มขัดแล้วก็ถูกปลดลงเพราะไปเซ็นสัญญาสู้ในรายการฝั่งญี่ปุ่นซึ่งก็คือ K-1 ที่จัดในแบบ MMA ตอนนั้นเซนต์ปีแอร์มีสถิติสวยงามที่ 7-0 แต่ Matt Hughes ปาไป 36-4 แถมเป็นแชมป์เก่า เซนต์ปีแอร์ไม่มีแรงจูงใจที่จะชนะฮีโร่ของเขาและขาดความมั่นใจ ไม่เชื่อว่าเขาจะชนะได้ ผลปรากฎว่าเซนต์ปีแอร์แพ้ครั้งแรกในชีวิตด้วยท่าอาร์มบาร์ก่อนหมดยก 1 ไปเพียง 1 วินาที


หลังจากการพ่ายแพ้ครั้งแรกของชีวิตเซนต์ปีแอร์ก้าวเดินต่อไปโดยการชนะ Dave Strasser และชนะ Jason Mayhem Miller ที่เรารู้จักกันดี คราวนั้น Mayhem ที่ขึ้นชื่อเรื่องการ submission โดนเซนต์ปีแอร์กดอยู่บนตลอด 3 ยก ในปี 2005 Mayhem เปิดตัวใน UFC ครั้งแรกแพ้แล้วก็จากไปเลย ต่อมาเซนต์ปีแอร์ได้พบกับ 2 ยอดนักสู้ Top Ten ของโลกในขณะนั้น คนแรกคืออดีตผู้ท้าชิง Frank Trigg ที่เพิ่งอกหักจากการแพ้แชมป์ Matt Huge เซนต์ปีแอร์คอนโทรลเกมส์ไว้ได้ทั้งหมดและใช้จังหวะรัดคอ Trigg ด้วยท่า Rear Naked Choke ในท้ายยกที่ 1 และเจ้าฉลามนักกล้าม Sean Sherk ที่มีสถิติยอดเยี่ยมถึง 31-1-1 ชื่อชั้นเป็นรองแค่ Matt Huge คนเดียวเท่านั้น เซนต์ปีแอร์กลับน็อค Sherk ได้ในยกที่ 2 กลายเป็นคนที่ 2 ที่ชนะเจ้าฉลามได้ต่อจาก Huge และเป็นคนแรกที่น็อค Sherk ได้ อย่างไรก็ตาม Sean Sherk ได้ลดรุ่นและอีก 2 ไฟท์หลังจากการพ่ายแพ้นั้น Sherk เป็นผู้กลับได้ครองเข็มขัด UFC Lightweight คว้าแชมป์ได้สำเร็จดังใจหมาย


ณ UFC 58 การเฟ้นหาผู้ท้าชิงอันดับ 1 ได้เริ่มต้นขึ้น เป็นที่มาของหนึ่งในแมตท์ประวัติศาสตร์ เซนต์ปีแอร์ต้องเจอกับนักสู้อัจฉริยะ BJ Penn อดีตแชมป์และหนึ่งเดียวผู้พิชิต Matt Huge ได้ เซนต์ปีแอร์ที่กำลังท็อปฟอร์มราวกับไม่มีใครจะหยุดยั้งเขาได้ ส่วนตัวหมัดแมวจำได้ว่าเซนต์ปีแอร์สู้หมัดของ BJ Penn ไม่ได้เลย ความรวดเร็วของเขาไม่เป็นผล เจอหมัดระดับเทพแห่งยุคสกัดไว้ได้หมด ในยุคนั้นเรื่องหมัดไม่มีใครต่อยสู้ BJ Penn ได้จนถึงขนาดกล้าข้ามไปชกกะมาชิดะที่ใหญ่กว่าหลายรุ่น เป็นครั้งเดียวที่เซนต์ปีแอร์เลือดอาบเต็มหน้า ช่วงท้ายดู BJ Penn จะแรงตกไปนิด ๆ เซนต์ ปีแอร์เริ่มต่อยโดนมั่งและเริ่มต้นเทคดาวน์ อย่างไรก็ตามรูปเกมส์ก็ยังสู้กับเชิงหมัดเคาท์เตอร์ของ BJ Penn ไม่ตก แต่ผลปรากฎว่าเซนต์ ปีแอร์ชนะคะแนนไม่เป็นเอกฉันท์ 2 ต่อ 1 เสียงซึ่งเป็นที่โจทย์จันกันมากในหมู่แฟน ๆ หมัดแมวว่าเซนต์ปีแอร์ยังทำได้ไม่ดีพอแต่กรรมการ 2 คนกลับให้เขาชนะยก 2 และยก 3 ในการสัมภาษณ์แม้ตัวเขาเองยังกล่าวว่าไปประทับใจฟอร์มของตัวเองเลย


อย่างไรก็ตามแม้ผลออกมาค้านสายตาแฟน ๆ อย่างมาก แต่กรรมการตัดสินไปแล้ว เซนต์ปีแอร์ก็ได้ตั๋วไปล้างตากับแชมป์ Matt Huge ใน UFC 63 แต่ท้ายสุดเขากลับต้องถอนตัวเพราะอาการบาดเจ็บที่ขาหนีบ BJ Penn จึงได้สิทธินั้นแทน แต่ UFC ประกาศยังให้สิทธิชิงแชมป์เมื่อใดก็ตามที่เซนต์ปีแอร์หายดี UFC 63 ผลปรากฎว่า BJ Penn กลับโดนแชมป์ Matt Huge ล้างตาสำเร็จ โดนน็อคยก 3 Matt Huge ป้องกันเข็มขัดแชมป์ไว้ได้อีกครั้ง เมื่อการแข่งระหว่าง Penn และ Huge จบลงเซนต์ปีแอร์ได้ก้าวขึ้นไปบนเวที Octagon และประกาศสู้กับแชมป์ UFC 65 การพบกันครั้งที่ 2 ของทั้งคู่ก็มาถึง คราวนี้เด็กมาแรง การสู้เกือบจบแค่ยกแรกเพราะแชมป์โดนท่าเด็ดของเซนต์ปีแอร์ superman punch ร่วงแต่เอาชีวิตรอดจากการซ้ำได้หวุดหวิด แต่แล้วยก 2 Matt Huge โดนเตะซ้ายที่หัวอย่างจัง เซนต์ปีแอร์เด็กหนุ่มจากแคนาดาผู้นี้คว้าแชมป์ UFC Welterweight สำเร็จในปี 2006 เมื่อเขามีสถิติเพียง 12-1 และได้เซ็นสัญญาอีก 6 ไฟท์รวดหลังแมตท์นั้น


ณ UFC 69 เซนต์ปีแอร์ขึ้นป้องกันแชมป์ครั้งแรกกับผู้ชนะรายการ The Ultimate Fighter ซีซั่น 4 นักสู้ BJJ จาก New York Matt Serra ผู้ที่ราคาต่อรองเป็นมวยรองถึง 11-1 แต่แล้วก็พลิกผัน Matt Serra ที่แขนสั้น ในยกที่ 1 กลับต่อยเซนต์ปีแอร์คะมำและตามซ้ำจน TKO เสียแชมป์หักปากกาเซียนทุกสำนัก เสียเข็มขัดแชมป์ไปอย่างง่าย ๆ หลังแมตท์นั้นเขาให้สัมภาษณ์ว่าผลการพ่ายแพ้นั้น เขาไม่มีสมาธิพอเพราะมีปัญหาชีวิตส่วนตัวและอาการป่วยของญาติและคุณพ่อ (หมัดแมวว่าท่าทางเซนต์ปีแอร์จะไม่ถูกโฉลกกับคนชื่อแมตท์ แพ้ครั้งแรกก็ matt huge มาตอนนี้ก็ matt serra สงสัยมีอาถรรณ์ 555)


25 ก.ย. 2007 UFC 74 เซนต์ปีแอร์เจอนักสู้ที่คนหมั่นไส้ที่สุด จอมแสบ Josh Koscheck จากรายการ TUF ซีซั่น 1 มีฝีมือเอกอุในการ takedown ซี่งในเวลานั้นแฟนมวยจำนวนมากคาดว่า เซนต์ปีแอร์จะต้องแพ้ทางคอส โดนกดอยู่ล่างตลอด 3 ยกแน่ ๆ ผลกลับเป็นที่น่าแปลกใจ เซนต์ปีแอร์เจ้าหนูคาราเต้คิดส์กลับหยุดการ takedown ของคอสที่เป็นถึงแชมป์มวยปล้ำ Division I NCAA All-American 4 สมัยและแชมป์ NCAA wrestling ได้ทั้งหมด และอยู่บนได้ตลอด 3 ยก แมตท์นี้เปิดเผยให้เห็นถึงความสามารถระดับอัจฉริยะของโลกซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ คือ ทักษะ wrestling ของเซนต์ปีแอร์ที่มาเรียนรู้ในภายหลัง จนเรียกได้ว่าไม่มีใครในโลก (ในรุ่น WW) ที่เซนต์ปีแอร์ takedown ไม่ลง และเป็นที่มาของสไตล์อันแข็งแกร่งเข้าขั้นไร้เทียมทาน สถิติล่าสุดชี้ให้เห็นว่าเซนต์ปีแอร์มีอัตราการ takedown สำเร็จมากถึง 78% และป้องกันการ takedown ได้ถึง 86%


หลังจากชนะคอส เซนต์ปีแอร์ได้สิทธิเป็นผู้ท้าชิงอันดับ 1 อีกครั้ง ซึ่งต้องไปเจอกับผู้ชนะระหว่าง Matt Hughes กับ Matt Serra แต่ไป ๆ มา ๆ Serra เจ็บหลัง เซนต์ปีแอร์กับ Matt Huges เลยเจอกับภาค 3 หลังจากที่ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะคนละทีเพื่อชิงแชมป์ว่าง UFC 79 อีกครั้งที่เซนต์ปีแอร์โชว์เหนือทักษะมวยปล้ำเรียกว่า takedown Hughes กระจายและ submission ในช่วงก่อนหมดเวลายกที่ 2 เขากลับมาครองเข็มขัดได้อีกครั้ง และพบกับแชมป์เก่า Matt Serra ใน UFC 83 ซึ่งเป็นการจัด UFC ครั้งแรกในแคนาดา ณ มอนทรีออล ควีเบค ในการรีแมตท์ครั้งนั้นเซนต์ปีแอร์เปิดการโจมตีต่อเนื่อง และเทคดาวน์ Serre สลับกับโจมตีอย่างหลากหลายจนไม่เปิดช่องว่างให้ Serra โจมตีเลย ในยกที่ 2 Serra อยู่ในท่าหมอบและโดนกระหน่ำโจมตีด้วยเข่าที่ลำตัวอย่างหนักจนหยุด เมื่อไม่สามารถป้องกันตัวได้และไม่ไหวติงกรรมการจับ Serra แพ้ สุดท้ายเข็มขัดแชมป์ UFC Welterweight ก็กลับมาสู่เจ้าของที่แท้จริงของมันอีกครั้งหนึ่ง


มหกรรมการเริ่มต้นป้องกันแชมป์เริ่มขึ้นเมื่อเซนต์ปีแอร์พบกับ Jon Fitch ผู้ที่มีทักษะเทคดาวน์อันเรียกได้ว่าไม่มีใครป้องกันได้เช่นกัน ที่ชนะมา 16 ไฟท์ติดกัน การต่อสู้เป็นไปอย่างสุดมันส์ ทั้งต่อยทั้งปล้ำแม้แต่ทักษะมวยปล้ำของ Jon Fitch ก็ยังสู้เซนต์ปีแอร์ แถมเชิงชกเป็นรอง เมื่อ takedown ไม่ได้ผล Fitch ก็แพ้คะแนนไปอย่างขาดลอย ซึ่งเขาก็รั้งตำแหน่งอันดับ 2 ของโลกต่อจากเซนต์ปีแอร์มาอย่างยาวนานจนถึงสิ้นปี 2011


ต้นปี 2009 ก็มาถึงการรีแมตท์ในประวัติศาสตร์ของ UFC ซึ่งผลการตัดสินค้านสายตาและค้างคาใจแฟนมวยมาถึง 3 ปี GSP vs Penn ภาค 2 การต่อสู้เริ่มขึ้นยกที่ 1 BJ Penn สู้ตามสไตล์ก็คือ โยกหัว หมัดไว และการป้องกันเทคดาวน์อันแข็งแกร่ง BJ ป้องกันการ takedown ของเซนต์ปีแอร์ได้ทุกครั้งสลับกับการแลกหมัดกัน ยกที่ 2 BJ Penn ยังคงฟอร์มฝืดผิดคาดและเริ่งเสียคะแนนจากการโดน takedown ลงครั้งแรกในยกที่ 2 พอถึงท้ายยก BJ ออกเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัด ยกที่ 3 เซนต์ปีแอร์ปล่อยหมัดเด็ด Superman punch โดนหน้า BJ เต็ม ๆ ถึงกับเลือดกำเดาทะลักแล้วตามด้วย takedown และเริ่ม takedown BJ แทบสำเร็จทุกครั้ง ในท่านอนเซนต์ปีแอร์หนีออกจากท่าการ์ดและเริ่มยำ ground-and-pound รอดพ้นไปถึงยก 4 ก็โดน ground-and-pound อย่างหนักจนสิ้นยก ระหว่างการพักยก 4 BJ Penn ไม่สามารถออกจากมุมขึ้นยก 5 ได้ พี่เลี้ยงบอกให้กรรมการยุติการชกเพราะ BJ Penn อาจต้องเข้าโรงพยาบาล หลังแมตท์นั้น BJ Penn ได้เล่าว่าเขาไม่สามารถจำเรื่องราวตอนยก 3 และยก 4 ได้เลย มันเหมือนเขาอยู่ในอาการถูกน็อคหรืออะไรซักอย่าง แต่ทางฝ่าย Penn ได้อ้างว่าระหว่างการสู้ตัวของเซนต์ปีแอร์ลื่นมากจนจับไม่อยู่ ซึ่งสงสัยว่าเซนต์ปีแอร์ทาเจลลื่นบางอย่างที่หลัง ซึ่งทำให้เดน่า ไวท์กล่าวว่าเรื่องนี้บั่นทอนชัยชนะของเซนต์ปีแอร์ครั้งนี้แน่นอน แต่เขาไม่ได้คิดว่าเซนต์ปีแอร์โกง แต่พี่เลี้ยงนั้นไม่แน่ และเชื่อว่าพี่เลี้ยงได้ทาสารหล่อลื่นที่ตัวเซนต์ปีแอร์จริง


UFC ครั้งที่ 100 เซนต์ปีแอร์เจอกับผู้ท้าชิงอันดับ 1 Thiago Alves และใช้การปล้ำสู้อย่างเดียว ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสไตล์อันน่าเบื่อ (และน่าเกลียด?) เซนต์ปีแอร์เข้าไปรวบอย่างเดียวตลอด 5 ยก ต่อมาก็เจอกับ Dan Hardy ซึ่งก็เช่นเดียวกัน นอนตลอด 5 ยก แต่มีความพยายาม submission หลายครั้ง ซึ่ง Hardy ทดไม่ยอม tapout และหนีรอดได้ตลอดรอดฝั่ง เป็นอีกแมตท์น่าเบื่อ ซึ่งเจ้าตัวก็กล่าวว่าไม่ประทับใจฟอร์มของตัวเองเลย UFC 124 เซนต์ปีแอร์รีแมตท์กับ Josh Koscheck คู่ปรับเก่าอีกครั้ง คู่นี้บุคลิคตรงกันข้ามกันสิ้นเชิงคอสที่เป็นแบดบอยจอมแกล้วแสบเหลือร้ายกับเซนต์ปีแอร์ที่ขึ้นว่าเป็นนักสู้นิสัยดีจนเขาเรียกกันว่า Mr.Nice Guy จนมาปะทะกันในรายการ The Ultimate Fighter: Team GSP vs. Team Koscheck (ที่ Jonathan Brookins จากทีม GSP เป็นผู้ชนะ) คราวนี้เขาไม่ takedown แต่มาพร้อมอาวุธใหม่ (งั้นหรือ) เซนต์ปีแอร์แย็บ ๆ อย่างเดียว เรียกว่าท่าเดียวทั้งคืน จนชนะคะแนนไปอย่างเบื่อ ๆ เช่นเคย โจ โลแกนกล่าวว่าเขาไม่เคยเห็นแมตท์ MMA ครั้งไหนแย็บเยอะเท่านี้เลย ในเมื่อตัวดี ๆ หมดลงในครานั้นเพราะเซนต์ปีแอร์เก็บ top ten ซะแทบเหี้ยน ทาง UFC ยังไม่จนหนทางจึงนำพาแชมป์ข้ามสถาบันมาเป็นผู้ท้าชิง ซึ่งก็ คือ พ่อมดจูจิตสุ Jake Shields แชมป์ Strikeforce ผู้ไม่แพ้ใครมา 5 ปีแล้วนั่นเอง ในรายการ UFC 129 ที่โตรอนโต้ เมษา 2011 ก่อนสู้คู่นี้ก็ได้การโปรโมตเป็น big match ใหญ่โต ทีเซอร์นี่เรียกว่าน่าดูมาก ๆ เพราะเป็นการเจอกันระหว่างแชมป์กับแชมป์ แต่แล้วก็เป็นเช่นเดิม น่าเบื่อมาก ๆ แย็บ ๆ ยุกยิ๊ก ๆ แค่นั้น 5 ยก เซนต์ปีแอร์ไม่เข้าไป takedown หรือคลุกแม้จะต่อย Shield ล้มลงก็ไม่ลงไปซ้ำ แต่ Shield ก็พยายามยืนชกกับแชมป์ทั้งที่ปกติจะคลุกวงในนอนสู้อย่างเดียว เพราะยก 1 และยก 2 Shield ใช้การยืนสู้และหมัดแย็บได้ผล ยก 2 เซนต์ปีแอร์โดนหมัดของนายโล่ห์จนตาซ้ายมีปัญหา ที่มุมเซนต์ปีแอร์บอกพี่เลี้ยงว่ามองไม่เห็นแล้ว และออกอาการไม่สู้ พี่เลี้ยงรีบปลุกใจบอกว่าสู้ได้ เหลือตาเดียวก็สู้ได้ 3 ยกหลังเซนต์ปีแอร์ทำดีขึ้น Shield นำ 2 ยกด้วยเชิงยืนจึงเดินเกมส์นี้อีก 3 ยกที่เหลือแต่กลับเป็นรองนิด ๆ ผลสุดท้ายเซนต์ปีแอร์ชนะคะแนน ไปแบบเจ้าบ้านไม่รู้จะประทับใจรึเปล่า เพราะหมัดแมวว่าโดนคู่โจเซ่ อัลโด้กะมาร์ค โฮมินิค ขโมยซีน โฮมินิคเจ้าบ้านแพ้ก็จริงที่สู้อึดมาก ๆ มันส์หยดและเป็นคนเดียวที่ยำโจเซ่ได้ (ในยกสุดท้าย)


ช่วงหลังเซนต์ปีแอร์ หรือ GSP ใช้สไตล์ที่ออกไปทางน่าเบื่อและไม่น็อคใครอีกเลย มีเหตุผมสำคัญจากค่าย Grag Jackson ที่ขึ้นชื่อว่าสนใจแต่ผลชัยชนะ ไม่คำนึงถึงคนดู จนในต่างประเทศบางสำนักเรียกสไตล์ของเซนต์ปีแอร์ว่าเป็นนักสู้สไตล์ Point Fighting ไปแล้ว ชนะคะแนนเป็นพอ ช่วงหลังทำให้เขาเสียแฟน ๆ ไปจำนวนไม่น้อย (แต่ก็มีอีกเยอะที่ยังสนับสนุนอยู่) ส่วนหมัดแมวแบนด์ครับ ไม่คาดไม่หวัง ส่วนพ่อผมลาขาดเลยครับประกาศว่าตอนนี้ไม่สนใจดูเซนต์ปีแอร์ไม่ว่าจะโปรโมทกะใครก็ตาม หลังแมตท์นั้นเซนต์ปีแอร์มีปัญหาบาดเจ็บที่ขาและพักยาวมากว่า 1 ปีครึ่ง ไม่ได้ชกเลย แฟน ๆ ก็คงถึงเวลาที่รอคอยซักทีที่จะเจอกับแชมป์ interm UFC Welterweight Carlos Condit ในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ จากการจัดอันดับของ Sherdog เว็บไซท์ MMA ชื่อดัง ปัจจุบัน จอร์จ เซนต์ ปีแอร์ (22-2) ครองตำแหน่งนักสู้ MMA อันดับ 1 ของโลกในรุ่น Welterweight มานานหลายปี และครองตำแหน่งนักสู้ที่เก่งที่สุดในโลกอันดับที่ 2 เมื่อเทียบปอนด์ต่อปอนด์รองจาก Anderson Silva ครับ ก็สลับกันขึ้นอันดับ 1 อยู่แค่ 2 คนในช่วงปีที่ผ่านมานี้ (หลังจากที่ Fedor แพ้ครั้งแรกแล้วหล่น)
ยังไงก็จัดให้แล้วของเสียงแฟน GSP เยอะ ๆ หน่อยครับ ใครไม่ใช่แฟน GSP แต่อ่านแล้วชอบใจก็ช่วยเม้นด้วยครับ ขอบคุณครับ


ปล.เรื่องน่ารู้คือจอร์จ เซนต์ ปีแอร์ ฝึกยิมนาสติกในการซ้อมชกด้วยครับ เห็นว่าช่วยในเรื่องของการยืดหยุนของร่างการในการต่อสู้ น่าจะเป็นเคล็ดลับที่ไม่เหมือนใครอย่างนึง

หมัดแมว

https://www.facebook.com/UFCThailandFanClub

ปล. โพสโดย Admin02

แก้ไขเมื่อ 16 พ.ย. 55 11:28:54

 
 

จากคุณ : proezen
เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 11:26:06




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com