ความคิดเห็นที่ 1 ขอบคุณดิมัตเตโอเช่นกันครับ ที่เป็นฮีโรทั้งตอนเป็นนักเตะและตอนเป็นโค้ช การได้แชมป์ UCL เป็นการเติมเต็มทุกๆอย่างให้กับแฟนเชลซีอย่างแท้จริง และก็ยินดีต้อนรับราฟาครับ จากคุณ : G~U~D 2 2 เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 55 08:48:12

ความคิดเห็นที่ 2 ให้เวลาราฟาดูก่อนนะ ... เพราะยังไงตัวจริงก็คือ เป็บ จากคุณ : @Love_ที่รัก เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 55 09:05:19

ความคิดเห็นที่ 3 ราฟาอยูได้แค่จบฤดูกาลเท่านั้นแหละ เพราะตัวจริงฤดูกาลหน้ายังงัยเสี่ยก็เอาเป๊บ เป๊บบบอกเองว่าขอพักผ่อนจนถึงกลางปีหน้า เสี่ยหมีเลยเอาราฟามางั้นๆแหละ จากคุณ : รอคอย ณ ดอยหนาว เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 55 09:18:58

ความคิดเห็นที่ 4 ยังไง คนนี้ก็เป็นประวัติศาสตร์ของทีมแน่นอนครับ  เป็นโค้ชคนแรกคว้าแชมป์UCL ได้ จากคุณ : น้องนัทเชว เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 55 09:54:30

ความคิดเห็นที่ 5 ขอให้ดิมัตติโอจงโชคดีและได้งานใหม่เร็วๆนะ จากคุณ : เสือปลาขี้เมา เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 55 10:06:18

ความคิดเห็นที่ 6 ขอให้โชคดีครับ เป็นตำนานของทีมอย่างแท้จริง จากคุณ : Longinus เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 55 10:33:21

ความคิดเห็นที่ 7 ถึงกับปลดดิมัตเตโอคนที่ทำทีมได้ดับเบิลแชมป์ เพราะดันดรอปกองหน้าลูกรักที่ฟอร์มห่วย - -' ดูยังไงก็น่าเห็นใจดิมัตเตโอจริงๆ จากคุณ : ซาโนสุเกะ เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 55 11:23:33

ความคิดเห็นที่ 8 ผมจะจดจำ RDB ในฐานะตำนานอีกคนหนึ่งต่อจากมูริญโญ่ ภาพแห่งค่ำคืนหลัง ดร็อกบ้าแปบอล กระทบตะข่าย จะอยู่ในใจผมไปจนวันตาย จากคุณ : boonboon_sk เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 55 11:33:46

ความคิดเห็นที่ 9 โชคดี ชินจัง. จากคุณ : เขียนบน iPhone (jojo ST171) เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 55 12:22:39

ความคิดเห็นที่ 10 เข้ามาร่วมขอบคุณ RDM ด้วยครับ จขกท ครับ ผมก็จำลูกยิงในเอฟเอคัพได้แม่นเลยครับ นั่นก็เป็นสาเหตุที่ผมชอบเหลือเกินที่เค้าเข้ามาคุมทีมที่ผมเชียร์ และก็เสียดายมากที่โดนปลดออก จากคุณ : nan demo ii desu เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 55 14:20:05

ความคิดเห็นที่ 11 ลูกยิงของ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ที่จขกท.พูดถึง เป็นการยิงให้เชลซีขึ้นนำมิดเดิ้ลสโบรห์ครับ นัดนั้นเป็นนัดชิง เอฟเอ คัพ ปี 1997 เชลซีคว้าแชมป์ด้วยการเอาชนะไป 2-0 ครับ ลูกยิงของ RDM ในวินาทีที่ 42 ได้ครองสถิติเป็นประตูที่ยิงได้เร็วที่สุดในเอฟเอ คัพนัดชิงเป็นเวลานานถึง 12 ปี ก่อนที่จะโดนหลุยส์ ซาฮา ของ Evertonทำลายสถิติลงในนัดชิงปี 2009 (25วินาที) อนึ่ง ปีนั้น Middlesbrough จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในทีมที่ชอกช้ำที่สุด เพราะได้เข้าชิงทั้งเอฟเอ คัพ และ ลีกคัพ แต่ก็พ่ายแพ้ในนัดชิงทั้งสองถ้วย แถมผลงานในลีกก็ย่ำแย่ถึงขั้นตกชั้นจากพรีเมีนร์ลีกไปอีกต่างหาก ปล.เอาแผนผังการเล่นของคู่ชิงปีนั้นแถมมาให้ครับ (Credit...แน่นอน...Wikipedia ^  ^) จากคุณ : John Bames เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 55 14:25:51

ความคิดเห็นที่ 12 แถม... ส่วนคนที่ยิงลูกที่สองให้เชลซีคือ เอ็ดดี้ นิวตัน (นาทีที่ 87) เรื่องบางเรื่องก็เหมือนถูกกำหนดหรือเขียนบทเอาไว้ เพราะหลังจากทั้งคู่แขวนสตั๊ด คู่หูที่ทำสองลูกในนัดชิงนั้นก็เหมือน "มาด้วยกัน ไปด้วยกัน" เรื่อยมา เริ่มจาก RDM เข้าคุม มิลตันคีย์ ดอนส์ แล้วย้ายมา W.B.A. เรื่อยมาจนถึงสิงโตน้ำเงินคราม... ชื่อผู้ช่วยและหนึ่งในทีมStaff ที่ไม่เคยขาดหายไปจากข้างกายของ RDM เลยก็คือ Eddie Newton นี่ล่ะครับ ปล. เชลซีชุดนั้นดูชื่อแล้วภายหลังมาเป็นผู้จัดการทีมกันกว่าครึ่งค่อนทีมเลยทีเดียว... RDM , สตีฟ คล้าร์ก , มาร์ค ฮิวส์ , เดนนิส ไวส์ , จิอันฟรังโก้ โซล่า จากคุณ : John Bames เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 55 14:41:34

ความคิดเห็นที่ 13 5555 เพิ่งโพสถึงลูกนี้ไปในกระทู้ Always the Blue เลยครับ จากคุณ : พี่หมีขั้วโลก เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 55 20:55:24

ความคิดเห็นที่ 14 http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=FedS8T9hBS8 ลิ้งไม่ติดซะงั้น จากคุณ : พี่หมีขั้วโลก เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 55 20:55:57