ความคิดเห็นที่ 31
***สกู๊ปพิเศษ****
ข่าวจาก นสพ. กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 16 มี.ค 2546
ชื่อของ "ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน" กลายเป็นตำนานนักเตะ "ดาวค้างฟ้า" จากเมื่อกว่า 20 ปี ก่อนมาจนถึงทุกวันนี้
นักฟุตบอลในประเทศไทย ที่มีนับหมื่น นับแสนคน แต่ "เดอะตุ๊ก" ปิยะพงษ์ คือ ยอดนัดฟุตบอลที่โด่งดังที่สุด ในยุคของฟุตบอลสมัยใหม่ ที่แฟนลูกหนังเมืองไทยไม่เคยลืมเลือน
"เดอะตุ๊ก" ครองคำว่า "ซูเปอร์สตาร์" อย่างสมบูรณ์แบบ และปราศจากข้อโต้แย้ง เพราะยอดศูนย์หน้าทีมชาติไทย ครบเครื่องทั้ง ฝีเท้า และรูปร่างหน้าตา ที่หล่อเหลาขนาดสวมบทพระเอกหนังได้สบาย จนได้รับฉายาว่า "เพชฌฆาตหน้าหยก"
แถมมีฝีเท้าสุดยอดที่เคยขึ้นคว้ารางวัล "นักเตะดาราเอเชีย" มาแล้ว
ตลอดระยะเวลาที่ มีชื่อของ ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ลงสนามไม่ว่าจะเป็นทีมชาติไทย หรือ สโมสร "ลูกทัพฟ้า" ทหารอากาศ ต้นสังกัด ก็มักจะเรียกแฟนบอลหลั่งไหลเข้าสนามจนล้นทะลักเสมอ แม้ว่าจะเป็นเกมไร้ความหมาย
"เดอะตุ๊ก" ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ที่ประวัติศาสตร์วงการลูกหนังไทย จะต้องจารึกไว้ว่า นี่คือนักเตะที่เก่งกาจและยิงประตูให้ทีมชาติไทยมากที่สุด โด่งดังที่สุดเท่าที่เคยมีมา จนได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 11 นักเตะไทย แห่งศตวรรษ
น่าเสียดาย ที่การบันทึกสถิติอย่างเป็นทางการของวงการกีฬาเมืองไทย ยังอ่อนด้อย ขาดการเก็บ และบันทึกข้อมูลสถิติที่ดี ทำให้ตัวเลขมหัศจรรย์ที่โลกควรจะได้รับรู้เรื่องของ ปิยะพงษ์นั้นขาดหายไปอักโข
แต่จากสถิติคร่าวๆ เท่าที่มีการจดบันทึก พบว่า ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ลงเล่นรับใช้ทีมชาติไทยกว่า 100 นัด ซัดไปกว่า 120 ประตู !!!!!
ย้อนกลับไปในอดีต ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน หรือ นามเดิม "วันเผด็จ ขันเครือ" โดนโค้ชโรงเรียนศรีวิชัย จ.นครปฐม จับไปเล่นตะกร้อ มาก่อน แต่ปรากฏว่า วันหนึ่งทีมฟุตบอลของโรงเรียน จะต้องลงสนามแข่งขัน แต่นักเตะตำแหน่งศูนย์หน้าตัวจริงเกิดข้อเท้าพลิก "เดอะตุ๊ก" เลยได้ลงเล่นแทน ผลสรุปทีมโรงเรียนศรีวิชัย ชนะ โรงเรียนสาธิตศิลปากร 5-0
ด้วยผลงานของ ปิยะพงษ์ ที่เหมาคนเดียวทั้ง 5 ประตู !!!
นั่นคือ จุดเริ่มต้นของวันที่จะเป็นตำนานนักกีฬาของแผ่นดินไทย
ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน เด็กหนุ่มจาก จ.นครปฐม บ่ายหน้ามาแสวงหาโชคในเมืองบางกอก มีเพียงฝีเท้าเท่านั้นที่เขาติดตัวมา ก่อนที่จะเข้าสังกัดเป็นนักเตะของ โรงเรียนจ่าอากาศ
แล้วเวลาแห่งการประกาศศักดาบนพื้นสนามหญ้าเริ่มต้นขึ้น "เดอะตุ๊ก" พาทีมโรงเรียนจ่าอากาศ คว้าแชมป์ฟุตบอลเยาวชนชิงแชมป์ประเทศไทย ปี 2522
รุ่งขึ้นอีกปี เขาก้าวสู่ทำเนียบนักเตะลูกทัพฟ้า ลงทำศึกชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก. ถ้วยที่ใหญ่ที่สุดของลูกหนังในประเทศไทย โดยไม่เคยลงสนามในระดับ ถ้วย ข.ค.หรือ ง.มาก่อน
ปีนั้น ทหารอากาศ ได้รองชนะเลิศ แต่ชื่อของ***หนุ่มนักเตะวัยกระทงจากนครปฐม กลับโด่งดังกว่าทีมราชประชาที่ได้แชมป์เสียอีก เพราะเขาซัดไปคนเดียว 12 ประตู เป็นดาวซัลโว สื่อมวลชนทุกแขนง ต่างจับตามองมาที่นักเตะโนเนม รายนี้ ก่อนที่เขาจะก้าวไปยึดตำแหน่งศูนย์หน้าทีมชาติไทยแบบถาวร
ชื่อของ "ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน" กลายเป็นสัญลักษณ์ของทีมชาติไทย เป็นสัญลักษณ์ของการยิงประตู "เดอะตุ๊ก" ยิง ยิง ยิง จนชื่อเสียงขจรขจายไปทั่ว กวาดความสำเร็จทั้งในสโมสร และทีมชาติจนนับไม่ถ้วน
ปี พ.ศ.2527 "เดอะตุ๊ก" บินไปแดนอารีดัง ค้าแข้งกับ สโมสร ลักกี้โกลด์สตาร์ มหาอำนาจลูกหนังของลีกเกาหลีใต้ในยุคนั้น นั่นคือจุดหนึ่งที่ปิยะพงษ์ ยืนอยู่สูงที่สุดของชีวิตนักเตะ ด้วยการเป็นนักเตะอาชีพ
ปิยะพงษ์ สวมเสื้อหมายเลข 21 ต่างไปจากหมายเลข 9 ที่เราคุ้นเคย แต่ผลงานยังโดดเด่นไม่เปลี่ยนแปลง ยอดนักเตะจากประเทศไทย ได้รับ 5 รางวัล ดาวซัลโว 12 ประตู, ผู้เล่นยอดเยี่ยม, ผ่านประตูยอดเยี่ยม, 11 นักเตะยอดเยี่ยม,ยิงประตูสวยที่สุด ฯลฯ
ความสำเร็จ เงินทอง หลั่งไหลมาจนหลบหลีกแทบไม่ทัน
แต่ถึงแม้จะได้รับข้อเสนอให้มีการต่อสัญญา ปิยะพงษ์ ปฏิเสธ และยืนยันจะกลับเมืองไทย และนั่นคือการตัดสินใจที่เจ้าตัวบอกว่า พลาดมหันต์ ทิ้งโอกาสทองในชีวิต
เข้าสู่ปี 2529 ก็เกิดปรากฏการณ์ "ปิยะพงษ์ฟีเวอร์" อย่างรุนแรง เมื่อทีมชาติไทยชุดที่ไร้ ปิยะพงษ์ โชว์ผลงานน่าขัดใจในรายการเพรสซิเดนท์ คัพที่เกาหลีใต้ ในปีนั้นเองได้เกิดทัวร์นาเมนท์รายการ " โตโยต้า คัพ " ครั้งที่ 1 ที่เชิญทีมสโมสรชั้นนำของเมืองไทย เจอกับทีมภูธรพระกาฬจากศึกไทยแลนด์คัพ ทั่วทั้งประเทศ
แฟนบอลทั่วสารทิศ มาดู ปิยะพงษ์ ที่กลับมาลงสนามให้ทีมทหารอากาศ จนสนามไทยญี่ปุ่น ดินแดง รองรับไม่ไหว ฝ่ายจัดการแข่งขัน ต้องย้ายไปแข่งที่สนามศุภชลาศัยแทน
ทหารอากาศ คว้าแชมป์โตโยต้า คัพปีนั้นไปครอง ด้วยชัยชนะเหนือ คู่ปรับ อย่าง การท่าเรือฯ ในนัดชิงชนะเลิศ 3-1 ปิยะพงษ์ ซัดแฮททริค และคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมไปครอง
จากนั้นอีก 2 ปีเศษ ปิยะพงษ์ ก็ถึงคราวต้องชีพจรลงเท้า อีกครั้งด้วยการเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพของทีม ปาหัง ในเอ็มลีกของมาเลเซีย พร้อมกับเพื่อนนักเตะอย่าง วิฑูรย์ กิจมมงคลศักดิ์ และอรรถพล บุษปาคม และทำให้ "ปิยะพงษ์ฟีเวอร์" เกิดขึ้นที่มาเลเซีย อย่างช่วยไม่ได้
ในเกมระดับชาติ ปิยะพงษ์ ติดทีมชาติยาวนานนับสิบปี นอกเหนือจากความสามารถระดับ ดาราเอเชีย ไม่แปลกใจที่ในแวดวงอาเซียน สื่อมวลชน ทุกประเทศ ยกย่อง ปิยะพงษ์ ว่า THE SEAGAME PELE IS BONE เพราะเขาคว้าตำแหน่งดาวซัลโวซีเกมส์ แทบทุกครั้ง
และในซีเกมส์ นี่เอง ที่ชะตาชีวิต ทำให้ ปิยะพงษ์ ต้องเจอกับมรสุมที่เลวร้ายที่สุดอย่างที่คน ๆ หนึ่งจะรับไหว ซีเกมส์ ครั้งที่ 15 ที่มาเลเซีย เป็นเจ้าภาพ ปี 2532 ไทยแพ้ "เสือเหลือง" มาเลเซีย 0-1 ตกรอบรองชนะเลิศ ท่ามกลางกระแสข่าวการล้มบอล ของนักเตะที่สวมเสื้อหมายเลข 9 ทีมชาติไทย
เพราะทุกคนคลางแคลงใจ เนื่องจาก "เดอะตุ๊ก" เคยเล่นฟุตบอลอาชีพอยู่ที่มาเลซีย นั่นเอง
ปิยะพงษ์ กลายเป็นจำเลยสังคม ที่ถึงกับต้องพนมมือสาบานที่วัดพระแก้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองไทย ว่าไม่ได้ล้มบอล ก่อนเจ้าตัวจะบวชสงบจิตใจ และหายหน้าไปจากวงการพักใหญ่
ก่อนที่จะกลับคืนสู่วงการลูกหนังอีกครั้ง ปิยะพงษ์ติดทีมชาติในยุคท้าย ๆ คว้าเหรียญทองซีเกมส์ ครั้งที่ 17 ที่สิงคโปร์และครั้งที่ 19 ที่อินโดนีเซีย ติดทีมชาติชุดคัดบอลโลก 1998 ชุดคิงส์คัพ ฯลฯ ก่อนจะแขวนสตั๊ดไปในที่สุด
วันนี้ของ ปิยะพงษ์ เขายังคงอยู่บนถนนสายลูกหนังเหมือนเดิม เพียงแต่เปลี่ยนบทบาทเป็นโค้ชให้กับสโมสรทหารอากาศ และทีมชาติไทย
ในส่วนวงการบันเทิง ปิยะพงษ์ ก็ผ่านมาหมดทั้ง เล่นละคร พิธีกร หรือในมาดนักร้อง ออกเทปอัลบั้ม "ซัลโว" ก็ทำยอดขายน่าพอใจเหมือนกัน
ชีวิตครอบครัว ปิยะพงษ์ สมรสกับ "ติ๊ก" สมคิด ผิวอ่อน มีลูก 2 คน คนแรก "เต้ย" ภานุพงษ์ ผิวอ่อน ที่กำลังเรียนต่ออยู่ประเทศนิวซีแลนด์ และ "แตงโม" พงษ์พิสุทธิ์ ผิวอ่อน ที่กำลังฝึกปรือศาสตร์ลูกหนังอยู่ที่สโมสร "โบโร่" มิดเดิลสโบรช์ ประเทศอังกฤษ
"พ่อตุ๊ก-แม่ติ๊ก" หาเงินส่งเสียลูกทั้งสอง จนเหนื่อยสายตัวแทบขาด
ชื่อของ "ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน" แฟนบอลรุ่นใหม่อาจจะสงสัยว่าเขาคือใคร แต่นี่คือตำนาน บทสำคัญตั้งแต่มีเกมฟุตบอลเกิดขึ้นในประเทศไทยเป็นต้นมา จากนี้ไปเจ้าตัวเหลือแต่เพียง ถ่ายทอดศาสตร์ลูกหนัง ความรู้ทั้งหมด ร่วมมือร่วมใจกันเพื่อพัฒนาฟุตบอลไทยไปสู่ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ที่เจ้าตัวจะไม่มีโอกาสได้ร่วมแข่งขัน
สุดท้ายก็แอบหวังลึก ๆ ว่า "แตงโม" พงษ์พิสุทธิ์ ผิวอ่อน จะเป็นทายาทลูกหนังคนสำคัญที่จะเดินตามรอยเท้าพ่อ ในการเป็นนักเตะอาชีพ และสวมเสื้อทีมชาติไทย ในอนาคตอันใกล้
นั่นจะทำให้ชายชื่อ "ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน" มีความสุขอย่างที่สุดแล้ว
จากคุณ :
gunslinger
- [
7 ต.ค. 46 17:35:39
]
|
|
|