จากนสพ.สยามกีฬารายวันฉบับวันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน 2546
" ฟูแล่มฟีเวอร์"
ด้วยความที่เป็นประเทศเล็กๆ ในโลกกว้าง ใครเลยจะคาดคิดว่า ณ วันหนึ่งจะมีชายไทยใจกล้าประกาศซื้อ "สมบัติ" ของประเทศมหาอำนาจอย่างอังกฤษ
ประเทศอังกฤษนั้นครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์เคยได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีนโยบายจักรวรรดินิยม ในสมัยโบราณกาลอาศัยที่มีแสนยานุภาพทางทะเลอังกฤษส่งกองทัพออกไปไล่ล่าเมืองขึ้นในทุกทวีป
จนมีการกล่าวกันว่า ไม่มีช่วงเวลาใดที่คนอังกฤษและอาณานิคมจะไม่ได้เห็นดวงอาทิตย์ เพราะเมื่อดวงอาทิตย์ล่วงลับขอบฟ้าของประเทศหนึ่งก็จะไปโผล่ ณ ฝั่งฟ้าของอีกประเทศหนึ่งเสมอ เมื่อเอาปากกาขีดเส้นเดินทางของดวงอาทิตย์จากประเทศนี้ไปประเทศนั้นและจากประเทศนั้นไปประเทศโน้น
ประเทศต่างๆ เหล่านี้ก็คือเมืองขึ้นของอังกฤษทั้งหมด
เมืองไทยของเรานั้นแม้จะไม่เคยเป็นเมืองขึ้นอังกฤษโดยดินแดนแก่โดยวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมเราก็ถูกอังกฤษครอบงำโดยไม่รู้ตัว อาทิ ภาษา และการแต่งตัว
เมื่อก่อนคนไทยนุ่งจูงกระเบนและถอดเสื้อ พอมีการคบค้าสมาคมกับชาวอังกฤษก็หันมานุ่งกางเกงและใส่เชิ้ตผูกเนกไท ใครที่แต่งตัวเนี้ยบและมีมารยาทอันเป็นสากลเขาก็เรียกหรือตั้งสมญานามให้บุคคลผู้นั้นว่า "ผู้ดีอังกฤษ" ยิ่งพูดภาษาอังกฤษได้เขาจะมองว่าเป็นคนเหนือคนไปเลย หากมีการจัดอันดับ "เกรดมนุษย์" เหมือนกับการจัดอันดับเกรดสินค้าต่างๆ ความเป็นมนุษย์ของคนอังกฤษจะเหนือกว่าความเป็นมนุษย์ของคนไทยหลายเท่า เพราะอังกฤษเคยเป็นทั้งมหาอำนาจของโลกและเคยครอบครองอินโดจีน คนอังกฤษมองคนไทยก็เหมือนคนไทยมองชาติเพื่อนบ้านในอาเซียนนั่นแหละครับ
จริงไม่จริงไม่รู้ แต่เรารู้สึกเหมือนว่าเราเหนือกว่า ในสมัยผมเป็นเด็ก ผมเคยเกิดความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกมนุษย์ตาน้ำข้าวจึงเกิดมาได้เปรียบพวกเรานัก ยิ่งในสมัยสงครามเวียดนาม ผมเห็นพวก "ฝรั่ง" มันใช้ชีวิตยั่งกะราชาการกินการอยู่หรูหราไปหมด
ฝรั่งบางคนมองคนไทยเหมือนขอทาน มันอยากจะเอาใครมาเป็นลูกไล่มันก็เอาเงินหรือไม่ก็เอาเหล้า, บุหรี่ ฟาดหัว คนไทยบางคนก็เห็นฝรั่งเป็นเทวดา เมื่ออยากได้อะไรก็ยอมลดตัวลงไปเป็นขี้ข้าเขาเหมือนกัน
ผมจึงตั้งใจไว้ว่า ถ้าผมเติบโตขึ้นไปเป็นผู้ใหญ่หากมีทางใดที่ผมจะทำให้ฝรั่งมาเป็นลูกน้อง ผมจะทำเป็นอันดับแรก
เหตุการณ์มาสมหวังเมื่อปี 1975 พล.ต.ต.ม.ร.ว.เจตจันทร์ ประวิตร ส่งผมร่วมทีมไปฝึกซ้อมที่ประเทศเยอรมันตะวันตก (ในสมัยนั้น) กับสโมสรราชประชา พอผมได้รับเลือกก็ตั้งใจเอาไว้เลยว่า ผมจะทำให้คนฝรั่งวิ่งมารับของแจกจากคนไทย เหมือนที่ผมเคยเห็นคนไทยวิ่งไปรับของแจกจากฝรั่ง
ผมนำเสื้อฟุตบอลที่มีภาษาไทยติดหน้าอกพกไปด้วยหลายตัว โดยมีเป้าหมายจะไปแจก "พวกฝรั่ง" เหตุที่ต้องมีภาษาไทยติดหน้าอกไปด้วยก็เพราะจะทำให้เสื้อมีมูลค่าเพิ่ม เสื้อฟุตบอลธรรมดาฝรั่งมันคงไม่อยากได้ เพราะของเขามีทั้ง ADIDAS และ PUMA แต่ถ้ามีภาษาไทยมันจะเป็นของแปลก เป็นของที่ ADIDAS และ PUMA ทำไม่ได้ ซึ่งก็ได้ผลจริงๆ
พอผมซ้อมบอลเสร็จผมก็เปิดหน้าต่างห้องพักในชั้น 5 จากนั้นก็เป่าปากเรียกให้คนฝรั่งที่มาดูการซ้อมสนใจ แล้วผมก็ชูเสื้อแสดงสัญญาณว่าผมยินดีมอบให้ฟรี ก็ได้ผลครับมีฝรั่งวิ่งมารอที่พื้นข้างล่างหลายคน
จากนั้นผมก็โยนเสื้อลงไป ผมเห็นฝรั่งแย่งชิงกันด้วยความสนุกสนาน แม้ผมจะไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้ แต่ภาพต่างๆ เหล่านี้ถึงเวลาจะผ่านมาเกือบ 30 ปี ผมก็ยังจำได้ไม่ลืมเลือน วันนั้นมีฝรั่งได้เสื้อไทยไปหลายตัว
แต่ท่านผู้อ่านครับ เหตุการณ์มันไม่ได้จบลงแค่นั้นหลังจากผมอาบน้ำอย่างมีความสุข และกำลังแต่งตัวจะลงไปทานไส้กรอก
พลันก็ได้ยินเสียงคนมาเคาะประตูพอเปิดออกดูก็เห็นฝรั่ง 5 คนมายืนรอพบในมือของพวกเขามีเสื้อยืด ADIDAS และ PUMA อยู่ครบ
พวกเขาบอกว่าขอบคุณมากที่ได้เสื้อที่ระลึกจากประเทศไทย และเพื่อเป็นการขอบคุณพวกเขาขอมอบเสื้อเหล่านี้ (เสื้อ ADIDAS และ PUMA) กลับคืนให้ผม
ก็งงซิครับ แต่อย่างไรก็ตามผมก็ได้รับความรู้เพิ่มเติมว่าพวกฝรั่งเขามีวัฒนธรรม GIVE AND JAKE
คือมีทั้งให้และรับการรับอย่างเดียวถือเป็นการเอาเปรียบก็เลยชื่นชมพวกเขาอยู่ในใจ
ที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี้ แม้จะไม่เกี่ยวอะไรโดยตรงกับสโมสรฟูแล่ม แต่อยากจะบอกเป็นัยๆ ว่า บางทีคนเราก็ทำอะไรเพียงเพื่อจะให้บรรลุความฝันของตัวเอง ยิ่งฝันนั้นมันไม่ทำให้ใคร (คนไทย) เดือดร้อน ก็ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน!!!
ผมเอง...แม้ขณะนี้จะยังเป็นหนี้เป็นสินเขาอยู่ แต่ก็ยังอุตส่าห์มีความฝัน ฝันว่าหากร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีในวันใด ผมจะซื้อสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะเป็นเจ้านายของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กุสัน จะเปลี่ยนทัศนคติคนไทยในสายตาฝรั่ง
คิดแล้วก็อิจฉาท่านทักษิณครับอายุท่านก็ห่างผมแค่ปีเดียว แต่ท่านเดินทางไปเกือบจะถึงฝันของผมซะแล้ว
ซื้อฟูแล่มเลยครับท่าน
สโมสรอื่นค่อยว่ากันทีหลัง!!!
เทพพิทักษ์ จันทร์สุเทพ
จากคุณ :
มิโรสลาฟ ดุ๊กดิ๊ก
- [
2 พ.ย. 46 17:50:23
]