ความคิดเห็นที่ 1 เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต (Stem Cell) คืออะไร? เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต (Stem Cell) เป็นเซลล์ตัวอ่อนของโลหิตซึ่งอาศัยในไขกระดูก และจะเจริญเติบโตไปเป็นเม็ดโลหิตแดง (ทำหน้าที่นำออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงทั่วร่างกาย) เม็ดโลหิตขาว (ต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อโรค) และเกล็ดโลหิต (เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้โลหิตแข็งตัว) เข้าสู่กระแสโลหิต ในเด็กจะมีการสร้างเม็ดโลหิตในกระดูกทุกชิ้นของร่างกาย แต่เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่จะมีการสร้างเม็ดโลหิตในกระดูกบางชิ้นของร่างกาย เช่น กระดูกเชิงกราน กระดูกซี่โครง ส่วนหัวของกระดูกต้นขา เป็นต้น จากคุณ : อยู่มาซิค่ะ :-) (Umashika) - [ 12 เม.ย. 47 18:29:45 ]

ความคิดเห็นที่ 2 บริจาค เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต (Stem Cell) คือ การมอบโอกาสใหม่แห่งชีวิต จากสถิติจำนวนผู้ป่วยประจำปี พ.ศ. 2545 ของกระทรวงสาธารณะสุข พบว่ามีผู้ป่วยโรคทางโลหิตและโรคมะเร็งจำนวนมาก ดังนี้ โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย 33,619 คน โรคทางโลหิตและอวัยวะสร้างโลหิต 613,099 คน โรคมะเร็ง (รวมเนื้องอก) 675,535 คน นอกจากนี้ อัตราการเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็งโลหิตขาวหรือลูคีเมียมีมากกว่า 1,600 รายต่อปี จากคุณ : อยู่มาซิค่ะ :-) (Umashika) - [ 12 เม.ย. 47 18:32:00 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เราจะช่วยเหลือผู้ป่วยเหล่านี้ได้อย่างไร? เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า ทำให้สามารถค้นพบวิธีรักษาโรคทางโลหิตและโรคมะเร็งบางชนิดได้ด้วยวิธีการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต (Stem Cell Transplantation) ซึ่งเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตที่จะนำมาปลูกถ่ายได้ จะต้องมีเนื้อเยื่อของเม็ดโลหิตขาวตรงกันระหว่างผู้บริจาคและผู้ป่วย แม้แต่ในพี่น้องท้องเดียวกันโอกาสที่เนื้อเยื่อขงเม็ดโลหิตขาว (Human Leukocyte Antigen หรือ HLA) หรือเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตจะเข้ากันได้นั้น มีเพียง 1 ใน 4 และยิ่งไปกว่านั้นโอกาสที่ HLA ของผู้บริจาคที่ไม่ใช่ญาติจะเข้ากันได้กับของผู้ป่วยมีเพียง 1 ใน 50,000 (ห้าหมื่น) เท่านั้น ดังนั้นจึงมีผู้ป่วยจำนวนมากที่ขาดโอกาสในการเข้ารับการรักษาด้วยวิธีดังกล่าว ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติสภากาชาดไทยจึงได้รับมอบหมายจากแพทยสภาให้ดำเนินการ ”โครงการรับบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตจากผู้บริจาค” (National Stem Cell Donor Registry Program) เพียงแห่งเดียวในประเทศไทย โดยเป็นศูนย์กลางรับลงทะเบียนอาสาสมัครผู้บริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับผู้ป่วยที่รอคอยความหวังที่จะใช้ชีวิตอย่างคนปกติทั่วไป จากคุณ : อยู่มาซิค่ะ :-) (Umashika) - [ 12 เม.ย. 47 18:34:22 ]

ความคิดเห็นที่ 4 การบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต ปลอดภัยหรือไม่? การบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตนั้นปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายสำหรับผู้บริจาคอย่างแน่นอน และที่สำคัญเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตนี้ ร่างกายสามารถสร้างขึ้นมาทดแทนได้ภายใน 2 สัปดาห์เท่านั้น จากคุณ : อยู่มาซิค่ะ :-) (Umashika) - [ 12 เม.ย. 47 18:35:53 ]

ความคิดเห็นที่ 5 การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต รักษาโรคอะไรได้บ้าง? - โลหิตจางธาลัสซีเมีย - โลหิตจางชนิดไขกระดูกฝ่อ - มะเร็งเม็ดโลหิตขาวเฉียบพลัน/เรื้อรัง - มะเร็งต่อมน้ำเหลือง - มะเร็งกระดูก Myeloma - มะเร็งเต้านม - มะเร็งรังไข่ - มะเร็งปอด จากคุณ : อยู่มาซิค่ะ :-) (Umashika) - [ 12 เม.ย. 47 18:37:06 ]

ความคิดเห็นที่ 6 จะทำอย่างไร ถ้าต้องการบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต? ลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครเข้าโครงการฯ ได้ที่ ศูนย์บริการโลหิตฯ ถนนอังรีดูนังต์ ในวันและเวลาราชการเท่านั้น โดยมีขั้นตอนดังนี้ 1. คุณสมบัติของผู้บริจาค - เป็นผู้บริจาคโลหิตตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไป - อายุ 17-55 ปี - น้ำหนักมากกว่า 48 กิโลกรัมขึ้นไป - มีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวหรือโรคติดต่อร้ายแรง (ติดกอล์ฟนี่ไม่เกี่ยวนะครับ) - ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยง 2. การลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครเข้าโครงการ - ลงทะเบียนพร้อมกับการบริจาคโลหิตตามปกติ - ตรวจวัดความดันและความเข้มของโลหิต และรับหมายเลขถุงบรรจุโลหิต ณ เคาน์เตอร์ลงทะเบียน (ขั้นตอนหมายเลย 4) - ลงทะเบียนยินยอมบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต ที่ห้องประชาสัมพันธ์ ก่อนที่จะไปบริจาคโลหิตตามปกติ 3. การเป็นผู้บริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต - หลังจากที่บริจาคโลหิตเสร็จสิ้นแล้ว ทางศูนย์บริการโลหิตฯ จะเก็บโลหิตตัวอย่างไปตรวจเนื้อเยื่อ (HLA or Tissue Typing) และเก็บเป็นฐานข้อมูล (Database) ไว้ - เมื่อผู้บริจาคมีลักษณะเนื้อเยื่อ HLA เข้ากันได้กับผู้ป่วยแล้ว ทางศูนย์บริการโลหิต จะเชิญอาสาสมัครมาบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตในภายหลัง จากคุณ : อยู่มาซิค่ะ :-) (Umashika) - [ 12 เม.ย. 47 18:40:36 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตที่บริจาค ผู้ป่วยจะได้รับเมื่อไร? หลังจากที่ทางศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ได้ทำการตรวจหาเนื้อเยื่อของเม็ดโลหิตขาว (HLA type) เสร็จสมบูรณ์แล้ว ก็จะเก็บไว้เป็นฐานข้อมูล (Database) พร้อมทั้งดำเนินการประมวณผลว่า เนื้อเยื่อของผู้ป่วยและผู้บริจาคตรงกันหรือไม่ โดยทั่วไปแล้ว โอกาสที่เนื้อเยื่อของผู้ป่วยและผู้บริจาคจะตรงกันมีเพียง 1 ใน 50,000 เท่านั้น จึงทำให้โอกาสในการบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตไปยังผู้ป่วยมีน้อยลง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าจะตรวจพบเนื้อเยื่อของผู้ป่วยและผู้บริจาคที่ตรงกันเร็วหรือช้า ถ้าเข้ากันได้หรือตรงกัน จึงจะเรียกอาสาสมัครมาบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต ดังนั้น โอกาสที่จะได้บริจาคเป็นครั้งที่ 2 นั้น จึงแทบไม่มีเลย ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วผู้บริจาคจะมีโอกาสบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตเพียงครั้งเดียว หรืออาจจะไม่มีเลยก็ได้ จากคุณ : อยู่มาซิค่ะ :-) (Umashika) - [ 12 เม.ย. 47 18:43:31 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ติดต่อขอลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์และจัดหาผู้บริจาคโลหิต ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย โทร. 02-256-4300 (สายตรง) หรือ 02-251-3111 ต่อ 114, 161, 162 http://www.nbc.in.th E-mail : stemcell@redcross.or.th จากคุณ : อยู่มาซิค่ะ :-) (Umashika) - [ 12 เม.ย. 47 18:45:42 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ร่วมกันเพิ่มโอกาสใหม่แห่งชีวิตแก่ผู้ป่วยที่กำลังรอความหวัง โอกาสที่เนื้อเยื่อของผู้ป่วยและผู้บริจาคจะตรงกันมีเพียง 1 ใน 50,000 เท่านั้น ยิ่งมีคนลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครยิ่งเยอะ โอกาสที่ผู้ป่วยด้วยโรคดังกล่าวจะหายจากโรคก็จะยิ่งมีมากขึ้น สำหรับท่านที่อยากร่วมทำบุญเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แต่แพ้เข็มฉีดยาหรือเข็มบริจาคโลหิต และไม่เดือดร้อนเรื่องปัจจัยอื่นๆ ก็สามารถแจ้งความจำนงเพื่อบริจาคเงินเพื่อสมทบทุน ”โครงการรับบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตจากผู้บริจาค” ได้ตามที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ข้างต้นครับ ต้องขออกตัวว่าผมเองไม่ได้เป็นหมอ (แพทย์) หรอกนะครับ ข้อมูลทั้งหลายทั้งปวงที่เอามาปะไว้ให้อ่านกันนี่เอามาจากสภากาชาดครับ ถ้าหากว่ามีสมาชิกท่านใดสอบถามข้อมูลทางการแพทย์เข้ามาเพิ่มเติม ก็คงต้องขอรบกวนพี่ๆ ที่เป็นหมอตัวจริงช่วยเสริมด้วยนะครับ จากคุณ : อยู่มาซิค่ะ :-) (Umashika) - [ 12 เม.ย. 47 18:47:16 ]

ความคิดเห็นที่ 10 บุญรักษาทุกท่านครับ จากคุณ : อยู่มาซิค่ะ :-) (Umashika) - [ 12 เม.ย. 47 18:49:57 ]

ความคิดเห็นที่ 11 พี่เอกน่ารักจริงๆ. อุตส่าห์นั่งพิมพ์ให้อ่านยาวเหยียดเลย ไหนว่าจะไปบริจาคเลือดด้วยกันไงจ๊ะ.. ไหนหนีไปก่อน.. แล้วหนูจะมี Blood buddy เหรอ.. ว้าๆๆๆ :) หนูเคยไปบริจาค แล้วถามเค้าเรื่องบริจาคเกล็ดเลือด.. รึไงเนี่ย.. จ้ะ.. แล้วเค้าไม่ให้ผู้หญิงบริจาค เห็นบอกว่าเส้นเลือดหนูเล็กและบอบบางเกินไป.. (ไม่รู้จักหนูซะแล้วววว ) จริงๆ... เมื่อก่อนบริจาคบ่อยมากกกกกกก.. แต่ทำบัตรหายประจำ.... ไปทีก็ไปทำบัตรใหม่ที ฮ่าๆๆๆ. ไม่รู้มีชื่อหนูอยู่ในทะเบียนกี่หนแล้วเนี่ย.. จริงๆ. ไหนๆก็ไหนๆ. พี่เอกพูดเรื่องบริจาคเลือดแล้วเนี่ย.. อยากขอความรู้จากพี่ๆพันติ๊บที่เป็นหมอด้วยจ้ะ.. ว่า. ที่เค้าว่าว่า. บริจาคเลือดบ่อยๆ. แล้วอ้วนน่ะ. จริงๆป่ะ.. (เผื่อจริง. จะได้บอกได้เต็มปาก.. ว่าไปบริจาคเลือดมาบ่อยมากกกกกกกกกก.. เลย.. อ้วนมากกกกกกกก ฮ่าๆๆๆ) หนูชอบความรู้สึกที่... พอพยาบาลแทงเข็ม.. แล้วเลือดไหล. ซู่ๆๆๆๆๆๆๆๆ. ออกจากแขนอ่ะพี่.. เห็นเลือดวิ่งจู๊ดดดด. .ลงถุง.. รู้สึกดีแฮะ.. (เหมือนเอาเลือด (ชั่ว) ออกแล้วดีไงไม่รู้)... เอ. เหมือนเป็นคนซาดิสต์อ่ะ.. :) วันไหนเราว่างๆ...นัดพี่ๆน้องๆไปบริจาคเลือดกันดีมะ. .. พี่เอก.. เป็นการทำบุญร่วมกันอย่างนึงไง.. เนาะ จากคุณ : เอ๋แม้ว (เลยต้องเปลี่ยนสีเลย) - [ 12 เม.ย. 47 20:13:34 A:203.151.206.81 X:203.156.26.144 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ปกติผมก็บริจากอยู่แล้วครับ พี่เอ๋แม้วนัดพวกเราไปบริจาคพร้อมกันก็ดีนะครับ พี่จะได้เห็นเลือดทุกคนไหลกระฉูดด้วยไง ยิ่งซาดิสส์เข้าไปใหญ่เลย อิๆๆ จากคุณ : Ping Guy - [ 12 เม.ย. 47 20:45:34 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เป็นความคิดที่ประเสริฐมากครับ (เรื่องนัดกันไปบริจาค) แม้ว่าจะติดเรท R ไปหน่อย (เรื่องเลือดกระฉูดดดด) ขอเสริมเรื่องเวลารับบริจาคโลหิตที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติเพิ่มเติมครับ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ถนนอังรีดูนังต์ วันจันทร์ - ศุกร์( ไม่หยุดพักกลางวัน ). 08.00 - 16.30 น วันพฤหัสบดี ( ไม่หยุดพักกลางวัน ). 07.30 - 18.00 น วันเสาร ์และ วันนักขัตฤกษ์ 08.00 - 12.00 น. วันอาทิตย์ 12.00 - 16.00 น. เวลารับบริจาคสำหรับวันเสาร์และวันอาทิตย์ไม่ตรงกันนะครับ ผมจำสับสนประจำ และทำให้พลาดการบริจาคไปหลายหนแล้ว ถ้าจะนัดกันล่ะก็ นัดเวลากันให้ดีๆ นา ถ้าจะให้มันส์กว่านี้หลังจากบริจาคแล้ว ต่อด้วยการไปดูหนัง Texas Chainsaw Massacre ด้วย รับรองมันส์พ่ะย่ะค่ะ อย่าลืมเอายาดมไปด้วยล่ะ เหอๆๆๆ จากคุณ : อยู่มาซิค่ะ :-) (Umashika) - [ 12 เม.ย. 47 23:21:50 ]

ความคิดเห็นที่ 14 กลับมาที่เรื่องของการบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต... ผมนึกถึงเพื่อนคนหนึ่งสมัยเรียนมัธยมเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว หมอนี่เป็นคนขยัน เรียนเก่ง แม้จะอยู่กันคนละห้อง แต่บ้านก็อยู่ใกล้ๆ กัน (ผมย้ายบ้านมาอยู่ที่นี่ตอนเรียนประถมปลายกำลังจะเข้ามัธยม) แรกๆ ก็รู้สึกเฉยๆ กับเจ้าหมอนี่ เพราะเค้าก็ไม่ค่อยสุงสิงอะไรกับใคร เลิกเรียนแล้วก็ไม่ค่อยเห็นมาเตะบอลล์หรือทำกิจกรรมกะใครที่ไหน เราเองเสียอีก ที่พาลนึกไปเองด้วยความที่ยังเด็กนักว่า อ้ายนี่มันหยิ่งจังเลยว่ะ คุยด้วยก้อประมาณถามคำตอบคำ จากคุณ : อยู่มาซิค่ะ :-) (Umashika) - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 01:35:46 ]

ความคิดเห็นที่ 15 แล้วทัศนคติของผมต่อเพื่อนคนนี้ ก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เมื่อผมมารู้ทีหลังว่า ที่เขาไม่มาเตะบอลล์หรือทำกิจกรรมกับชาวบ้านหลังเลิกเรียนน่ะ เพราะต้องไปเดินหิ้วถังน้ำตามคุณพ่อซึ่งหาบอาหารขายตามถนนและซอยต่างๆ ในละแวกบ้านกับโรงเรียนเกือบทุกวันไม่เว้นวันหยุด ภาพที่เพื่อนใส่เสื้อคอกลมกางเกงนักเรียนขาสั้นหิ้วถังน้ำล้างชาม เดินตามพ่อที่หาบกระเพาะปลาเดินขายไปตามซอย เป็นภาพที่เห็นได้บ่อยๆ และยังจำได้ติดตาจนบัดนี้ ถึงแม้ว่าจะต้องช่วยพ่อทำงานทุกวัน เพื่อนก็ยังสามารถเอาดีทางด้านการเรียนจนได้ชื่อว่าเป็นเด็กที่เรียนดีคนหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิด เจ้านี่เอ็นฯ ติดวิศวะเสียด้วย และแม้จะเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยแล้ว ผมก็ยังได้เห็นภาพที่คุ้นตาไม่เปลี่ยนแปลงในวันหยุดอยู่เสมอๆ คนที่ทั้งขยัน กตัญญูและรับผิดชอบตัวเองได้ดีตั้งแต่ยังเยาว์เช่นนี้ ผมว่าหาได้ยาก กลับมาเทียบกับตัวเองแล้ว เราเสียอีกที่เทียบกับเขาไม่ได้เลย วันๆ เอาแต่เล่น ทำกิจกรรม เรียนก็ไม่เอาไหน แล้วดันไปมองเขาในแง่ลบเสียอีก จากคุณ : อยู่มาซิค่ะ :-) (Umashika) - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 01:37:25 ]

ความคิดเห็นที่ 16 แต่แล้วในที่สุด โลกใบนี้ก็ไม่ได้ตอบแทนเขาอย่างที่คนดีๆ คนหนึ่งสมควรจะได้รับ วันหนึ่ง (ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นช่วงที่กำลังเรียนอยู่ปีสองหรือปีสามนี่แหละ) ผมได้ข่าวว่า เพื่อนได้จากโลกนี้ไปแล้วด้วยโรคลูคีเมีย ตอนนั้นผมก็ไม่รู้หรอกว่าโรคนี้มันเป็นอย่างไร รู้แต่ว่า โลกเสียคนดีๆ ไปคนหนึ่ง คนที่อาจจะทำประโยชน์ให้กับสังคมและประเทศชาติได้ หรืออย่างน้อยก็สามารถเป็นที่พึ่งของพ่อแม่ในยามชราได้ เมื่อ 20 ปีที่แล้ว โอกาสในการรักษาโรคนี้น่าจะน้อยกว่าปัจจุบันและคงมีค่าใช้จ่ายที่สูงไม่น้อยเลย โดยเฉพาะกับครอบครัวของเพื่อน และถึงแม้ว่าจะเกิดมาในครอบครัวที่มีอันจะกิน มันก็ไม่แน่นักที่เงินจะยื้อชีวิตของเพื่อนไว้ได้ ด้วยวิทยาการในยุคนั้น หรือแม้แต่ในยุคนี้ก็ตามทีเถอะ จากคุณ : อยู่มาซิค่ะ :-) (Umashika) - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 01:39:16 ]

ความคิดเห็นที่ 17 วันนี้ วันที่ผมมีครอบครัว มีลูกเล็กๆ แค่เขาเป็นไข้ หวัด เราก็ตาลีตาเหลือกพาลูกไปหาหมอที่โรงพยาบาล แล้ว ถ้าเขาเป็นอะไรที่มากกว่านี้ (ไม่ได้แช่งลูกตัวเองนะครับ) เราจะสติแตกกันขนาดไหน ไม่ต้องไปพูดถึงความรู้สึกของพ่อที่ต้องสูญเสียลูกไปอย่างกรณีเพื่อนผมเลย ใครจะรู้ว่าในจำนวนผู้ป่วยด้วยโรคทางโลหิตและโรคมะเร็งที่รักษาได้ด้วยการบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตนั้น จะมีซักกี่คนที่สามารถที่จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติและสังคมของเราได้ในอนาคต มีคนที่อาจจะต้องสูญเสียคนที่เป็นที่รักไปอีกเท่าไร บางคนในนั้นอาจจะอยู่ไม่ไกลเราเท่าไรนัก (โลกใบนี้มันอาจจะไม่ได้กว้างอย่างที่เราคิด) ตัวเลขรวมใน คคห.ที่ 2 น่าจะพอทำให้เราเห็นภาพได้บ้าง จากคุณ : อยู่มาซิค่ะ :-) (Umashika) - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 01:42:16 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ผมมีความรู้สึกร่วมทุกครั้งที่ผมได้รับเมล์เกี่ยวกับการขอรับบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่าทุกเมล์ที่ได้รับนั้นเชื่อถือได้ทั้งหมดหรือไม่ หรือถึงแม้ว่าทุกเมล์นั้นมีมูลความจริง ผมก็ไม่สามารถช่วยเหลือเขาเหล่านั้นได้อย่างเต็มที่ได้ทุกกรณีไป นอกเหนือไปจากการส่งต่อข่าวสารออกไป เหมือนมีอะไรมาดลใจให้ผมนึกถึงการบริจาคโลหิตที่ตนเองห่างเหินไปนาน จนได้มาคุยกับเอ๋แม้ว ไปจนถึงวันนี้ที่ผมได้ไปที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ด้วยความคิดเพียงแค่ว่า “แว่บเข้าไปซักชั่วโมงตอนพักเที่ยงก่อนเข้าบริษัทฯ” แล้วก็หักเลี้ยวรถเข้าไป ทำให้ผมพอเห็นทางที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันได้มากขึ้น จากคุณ : อยู่มาซิค่ะ :-) (Umashika) - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 01:44:26 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ผมขอเชิญชวนทุกท่าน มาร่วมด้วยช่วยกัน บริจาคโลหิตและลงทะเบียนบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต ตามที่ได้เกริ่นไว้แล้วในกระทู้นี้ ขอสนับสนุนแนวคิดของเอ๋แม้วกับคุณปิ้งไก่ (Ping Guy) ที่จะนัดกันไปบริจาคโลหิตด้วยกันอย่างเต็มที่ ถึงแม้จะเพิ่งไปบริจาคมา ผมก็จะขอไปเป็นกำลังใจในวันนั้นด้วยครับ นัดไปตี (กอล์ฟ) กันเป็นประจำแล้ว ลองเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการนัดกันไปทำบุญก็ดีเหมือนกันนะครับ ชาติหน้าจะได้มาเจอกัน มาร่วมออกรอบกันอีก ดีไหมครับ จากคุณ : อยู่มาซิค่ะ :-) (Umashika) - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 01:47:17 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ห้วงน้ำที่เต็ม ย่อมยังสมุทรสาครให้บริบูรณ์ได้ฉันใด ทานที่ท่านอุทิศให้แล้วแต่โลกนี้ ย่อมสำเร็จประโยชน์แก่ผู้ที่ละโลกนี้ไปแล้ว ฉันนั้น ขออิฏฐผล ที่ท่านปรารถนาแล้ว ตั้งใจแล้ว จงสำเร็จโดยฉับพลัน ขอความดำริทั้งปวง จงเต็มที่ เหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ เหมือนแก้วมณีอันสว่างไสว ควรยินดี (คำแปลบทอนุโมทนารัมภคาถา หรือบทสวดให้พร “ยะถา วาริวะหาฯ”) ขออนุโมทนาทุกท่านมา ณ ที่นี้ จากคุณ : อยู่มาซิค่ะ :-) (Umashika) - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 02:10:51 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เห็นด้วยและสนับสนุนความคิดของพี่ Umashika ครับ ผมก็ไม่ได้ไปบริจาคเลือดมาซะนาน ต่อจากนี้ไปก็ตั้งใจว่าจะบริจาคต่อเนื่องครับ คราวหน้าจะลองดูเรื่องบริจาค Stemcell ด้วยครับ จากคุณ : suw - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 08:09:25 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ดีครับ ผมว่าจะต้องบริจาคบ้างละครับ ช่วยกันครับ จากคุณ : หนุ่ม TN - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 11:44:30 ]

ความคิดเห็นที่ 23 กระทู้ดีฅ่ะ ไม่ได้อยู่ห้องกอล์ฟแต่ผ่านมาเห็นพอดี จากคุณ : runechan - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 12:03:18 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เคยไปแล้ว เขาไล่กลับมาค่ะ เพราะตอนนั้นมีประจำเดือนอยู่พอดี (อ้าว โธ่เอ๊ย ไม่รู้เรื่องเลยเรา เลยไปเก้อ) นี่จำไม่ได้แล้วด้วยซี ว่าเขาบอกว่าต้องก่อนหรือหลังมีประจำเดือนกี่วันจึงจะบริจาคได้ จะได้เตรียมตัวไปใหม่ มีเพื่อนตีกอล์ฟคนนึง ไม่ค่อยจะว่างมาเล่นด้วยกัน เราชวนมากๆเข้า เขาบอกว่าลูกเขาเป็นธาลัสซีเมีย ต้องคอยพาไปหาหมอ แล้วก็ทำให้กังวล ไปเล่นสนุกไม่ค่อยออก ฟังแล้ว เราก็พูดไม่ออก ปลอบไม่ถูก อึ้งไปเลย หัวอกพ่อแม่เหมือนกัน เสียใจแทนแต่ไม่รู้จะช่วยไงดี ช่วยบริจาคเลือดคงจะดีที่สุด จากคุณ : SS - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 12:48:21 A:203.151.206.81 X:169.210.4.121 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ฝากชาวรัชดามาทำบุญกับเขาหน่อยนะครับ จากคุณ : U D kk - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 20:14:14 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เพิ่มเติมข้อมูลสำหรับผู้บริจาคโลหิตครับ ข้อปฏิบัติก่อนการบริจาคโลหิต ------------------------------- 1.นอนหลับพักผ่อนไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง 2.สุขภาพทั่วไปแข็งแรงดี และไม่อยู่ในระหว่างรับประทานยารักษาโรค หรือยาปฏิชีวนะ 3.ควรรับประทานอาหารก่อนการบริจาคโลหิต โดยยกเว้นอาหารที่มีไขมันสูง 4.งดสูบบุหรี่ก่อนบริจาคโลหิต 1 ชั่วโมง เพื่อให้ปอดฟอกโลหิตได้ดี ข้อปฏิบัติหลังการบริจาคโลหิต ------------------------------- 1.ไม่ลุกจากเตียงทันที เพราะจะทำให้เป็นลมได้ 2.ดื่มน้ำให้มากกว่าปกติ 1 วัน 3.หลีกเลี่ยงการใช้กำลังแขนข้างที่เจาะเป็นเวลา 12 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการบวมช้ำ 4.งดกิจกรรมที่ใช้กำลังและเสียเหงื่อที่ทำให้อ่อนเพลียได้ 5.รับประทานยาธาตุเหล็ก วันละ 1 เม็ด จนหมดเพื่อเสริมธาตุเหล็กให้สร้างโลหิตแดงเข้มได้เร็ว 6.คนที่สุขภาพดี บริจาคโลหิตได้ทุก 3 เดือน จากคุณ : อยู่มาซิค่ะ :-) (Umashika) - [ วันเถลิงศก (15) 15:07:33 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอแถมเพิ่มจากคุณเจ้าของทู้นิดนึงว่า คนที่จะไปบริจาคโลหิต เวลาจะกรอกฟอร์มบริจาคคุณต้องสัตย์ซื่อจริงๆ พฤติกรรมเสี่ยงที่เคยทำมาวันก่อนถึงแม้จะไม่ได้ทำในสัปดาห์สองสัปดาห์นั้นก็เหอะ คุณก็ไม่ควรบริจาคแล้ว หรือบางคนเคยเป็นไวรัสตับอักเสบจะ A-Z อะไรก็ตาม แม้มันจะนานแสนนานจนลืมไปแล้ว คุณก็อย่าไปเลย ส่วนตัวคนเขียนเองก็เป็นอีกแบบที่ไม่ควรบริจาคคือประเภทที่เรียกว่า Hemoglobin E มันเป็นลักษณะของโลหิตจางแบบหนึ่งที่พบได้ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เป็นประเภทที่ทานยาเม็ดเพื่อเสริมเหล็กไม่ได้ ต้องทาน folic แทน คนที่เป็นโรคนี้ (ความจริงมันไม่ใช่โรคหรอก มันมาทางกรรมพันธุ์แค่นั้นเอง ไม่ตายหรอก) จะเหนื่อยง่าย ตีกอล์ฟสกอร์ไม่คงที่ (แหะๆพูดเอง แต่อันนี้ใช้เป็นข้ออ้างได้นะ) ดูซีดๆ สังเกตได้ง่ายๆคือเหงือกซีด เนื้อด้านในหนังตาล่างซีด ตามปรกติเวลาเราไปบริจาคเลือด พยาบาลเขาจะเจาะปลายนิ้วแล้วเอาหลอดจิ๋วๆมาดูดเลือดเราหนึ่งหยด แล้วเขาจะหยดมันลงในน้ำยาสีฟ้าเพื่อดูความเข้มข้น (สมัยนี้เขายังทำวิธีนี้อยู่หรือเปล่าไม่แน่ใจ) คนที่พบว่าเลือดตัวเองไม่จมดิ่งลงในน้ำสีฟ้านั้นแต่กลับจมช้าๆแค่ครึ่งขวด หรือจมไม่มากแล้วอาจจะกระจายลอยกลับขึ้นมาช้าๆ เวลาไปเช็คเลือดคราวหน้าคุณควรลองให้เขาเช็ค HB Typing ดู หมอบอกว่า คนเป็นโรคนี้สองคนมาจ๊ะเอ๋แต่งงานกันไม่ได้ มิเช่นนั้นลูกจะเป็นแบบลูกของเพื่อนคุณ SS คืออาจไม่รอดตั้งแต่ต้น หรือถ้ารอดก็รอดแบบต้องดูแลใกล้ชิดกันตลอดชีวิต หนุ่มๆหลายคนมักไม่ยอมไปตรวจเลือดก่อนแต่งงาน อย่างแรกอาจเป็นเพราะหลายคนคงไม่อยากลุ้นว่าจะเจออะไร เขาไม่ได้จะจับผิดคุณหรอก แพทย์เขาจะดูตัวนี้ด้วยจ้า เพื่อช่วยไม่ให้คุณและครอบครัวต้องระทมทุกข์ในวันข้างหน้า สรุปว่าบริจาคเลือดหรือไอ้เจ้า Stem Cell อย่างที่คุณอยู่ฯเขาเชิญชวนมามันเป็นเรื่องประเสริฐมาก ผู้ใดสามารถก็ช่วยๆกันหน่อยเถอะ จากคุณ : น้าแมว - [ 16 เม.ย. 47 14:47:45 A:161.200.8.130 X:161.200.255.162 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ป้าเป็นพลเมืองดี.... บริจาคเลือดตลอดทุก 3 เดือนมานานหลายปีแล้ว (กรุ๊บ AB ... หายากด้วยนะ) แต่..ตอนนี้ต้องพักซัก 6 เดือน .... หลังจากผ่าตัดเมื่อเดือนมกราที่ผ่านมาค่ะ คาดว่าจะได้ไปบริจาคอีกครั้งนึงก็คงจะเดือนมิถุนานะค่ะ อยากจะบอกว่า การบริจาคเลือดเป็นการทำบุญที่ดีมากๆๆๆ ได้ช่วยเพื่อนมนุษย์นะคะ จากคุณ : ซ้าธุ... (ปลาาหมุก) - [ 19 เม.ย. 47 09:59:31 ]