ความคิดเห็นที่ 1 แรงบิดคือแรงต้านการบิดตัวของก้านครับ ถ้าน้อยจะรู้สึกว่าก้านแข็งกว่ากระด้างกว่า แต่การควบคุมก็จะดีกว่า สำหรับเหล็กนี่ค่าน้อยๆ ดีกว่าครับ ปกติแล้ว design ของหัวมีผลต่อวิถีของลูกมากกว่าก้านครับ MX-23 ออกแบบมาให้มี Pocket ด้านหลังยื่นออกไปจากตัวหัว (ด้านหลัง) ทำให้ตีลูกลอยง่ายมีวิถีลูกที่สูง ขณะที่ MP-27 ออกแบบมาให้เหมาะกับนักกอล์ฟ handicap ต่ำ ต้องการวิถีลูกพุ่งต่ำกว่าปกติ และมีการย้ายจุด c.g. เข้ามาใกล้คอไม้มากขึ้น (เหมือน MP-37) ซึ่ง Mizuno เอง claim ว่าโปรหรือมือ HD ต่ำๆ มักจะตีลูกผิดมาทางคอไม้ จึงออกแบบไม้ 2 รุ่นนี้ให้เหมาะกับคนที่ต้องการวิถีลูกต่ำและมักจะตีค่อนมาทางคอไม้ อันไหนเหมาะกับความต้องการของคุณก็ลองดูนะครับ (ถ้าชอบหัวแบบนี้แต่ชอบวิถีลูกสูงให้เลือก MP-30 แทน) ส่วนเรื่องก้านนี่ต้องลองตีดูครับ ถ้าวงสวิงไม่เร็วมากและไม่กระชากแล้ว Torque 4.1 ก็น่าจะรับไหว (แต่ถ้าเป็นผมจะตีใบแบบนี้แล้วและถ้าผมมีแรงน้อยๆ คงเลือกก้าน NS Pro 950 แทนครับ เสียดาย feeling ของหัวครับ ก็เราเลือกหัวแบบนี้ (MP-27) เพราะชอบ feeling ของมันไม่ใช้เหรอครับ ผมว่ากราไฟท์เบาไป และให้ feeling ไม่ดีเท่าก้านเหล็กครับ แต่ผมไม่รู้ว่าคุณตียังไงทำไมถึงอยากเลือกกราไฟท์ ยังไงก็แนะนำให้ลองก้านทั้งสองแบบก่อนตัดสินใจครับ) จากคุณ : Ping Guy - [ 20 ก.ค. 47 10:57:18 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ขอเสริมคุณ Ping Guy หน่อยแล้วกันนะครับ Torque คือค่าองศาการบิดรอบแนวก้าน ผู้ผลิตทำการวัดค่านี้ออกมาโดยการใส่แรงบิดที่คงที่ขนาดหนึ่งแล้ววัดองศาที่ก้านมีการบิดไป เพราะฉนั้นก้านที่มี Torque สูงคือมีการบิดมากกว่า หรืออ่อนกว่าในการบิดรอบตัวเองนั่นเอง ทีนี้การเลือกก้านจากค่า torque ก็คล้ายๆ กับการเลือกก้านจาก flex เหมือนกัน อธิบายเปรียบเทียบได้ง่ายๆ ว่า เวลาสวิงก้านจะมีการงอมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่า flex มากหรือน้อย และควรจะเลือกให้เหมาะสมกับความเร็วสวิงของนักกอล์ฟและ tempo ด้วย เพื่อที่การจะได้มีการ load และ unload ที่เหมาะสม ถ้าก้านมีความแข็งเกินไปนักกอล์ฟจะมีความรู้สึกว่าก้านกระด้าง ในขณะที่อ่อนเกินไปจะขาดการควบคุม ซึ่งในจุดนี้ก็เหมือนกับ torque เช่นกัน หน้าไม้จะมีการบิดเปิดขึ้นอยู่กับว่า torque มากหรือน้อย ถ้าหากมีค่า torque สูงหน้าไม้ก็จะบิดเปิดมากกว่า ซึ่งขึ้นอยู่กับความเร็วสวิงและ tempo ของนักกอล์ฟเช่นกัน การเลือก torque เราต้องการให้มีการ load และ unload ที่ถูกต้องเช่นกัน เพื่อที่ว่าหน้าไม้จะดีดกลับมาฉากหรือ square ขณะกระทบลูก ถ้าหากเราเลือกก้านที่มี torque สูงเกิน ก็จะรู้สึกว่าก้านกระด้างและขาดความรู้สึกของหัว ในขณะที่ถ้าอ่อนเกิน หน้าไม้อาจจะไม่กลับมาปิดขณะกระทบลูก หรืออาจจะปิดเกินซึ่งทำให้ทิศทางของลูกไม่ถูกต้อง โดยปกติแล้ว torque สำหรับก้านกราไฟต์ของ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ (หรือแข็ง) ถ้าหากต่ำกว่า 3.5* สำหรับก้านเหล็กโดยปกติอยู่แถวๆ 1*-2* จากคุณ : 656 - [ 20 ก.ค. 47 20:20:10 A:65.143.168.66 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอแก้ให้นิดนึงครับ สงสัยคุณ 656 จะพิมพ์เพลินไปหน่อย อิๆๆ ย่อหน้ารองสุดท้ายครับ ถ้าหากเราเลือกก้านที่มี torque "สูง" เกิน ก็จะรู้สึกว่าก้านกระด้างและขาดความรู้สึกของหัว ขอแก้เป็น "ต่ำ" เกิน (หรือ "แข็งเกิน" ก็ได้ครับ) (ฟังแล้วจะงงๆ หน่อยนะครับ คือค่า Torque นี่ยิ่งต่ำยิ่งแข็งครับ) จากคุณ : Ping Guy - [ 21 ก.ค. 47 09:23:46 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณครับ พิมพ์เพลินครับ :) คนอ่านตามตอนแรกคงงงๆ นะครับ เพราะสุดท้ายดันมากล่าวว่าถ้าหากต่ำกว่า 3.5* ถือว่าแข็ง :) จากคุณ : 656 - [ 21 ก.ค. 47 10:21:05 A:65.143.168.80 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขออธิบายเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยครับ การวัด Torque จะมีค่าเป็นองศาของก้านที่บิด(Twist) จากแรงกระทำ 1 Foot/Pound ดังนั้น องศา torque ที่น้อยกว่าหมายถึงความสามารถในการต้านแรงบิดที่เท่ากันได้มากกว่า (แข็งกว่า?) แต่ถ้าถามว่า ก้านที่ Torque น้อยกว่าจะแข็งกว่าหรือไม่ ขอตอบว่าไม่เสมอไปครับ เพราะ Torque ของก้านจะมีผลเมื่อนักกอลฟ์ไม่สามารถตีได้ตรงกลางหัวไม้ (CG ผ่านลูกในแนวตรง) ทำให้หัวไม้ บิด(Twist) และซึมซับแรงที่ออกจากแนวปะทะทำให้ข้อมือของนักกอลฟ์ปลอดภัยครับ ความแข็งของก้านจะมาจาก Flex (เปรียบเทียบด้วย CPM) และโครงสร้างของ shaft (Tip, Bend Point, Butt) ถ้าเรามีก้านไม้กอลฟ์ที่ Torqueเป็น 0 จะเกิดอะไรขึ้น คำตอบ เราจะสะท้านข้อมือเหมือนเอาท่อเหล็กไปฟาดเสาปูนเวลาที่ตีกอลฟ์ไม่สแควร์ตอนปะทะลูกกอลฟ์ แต่ ก้านที่ Torque เยอะก็จะมีข้อเสีย คือเมื่อก้านบิดเพื่อรับแรงขณะที่ตีไม่สแควร์ เมื่อคืนตัวกลับมา ไม่ทันจะทำให้ลูกกอลฟ์ออกไปซ้าย/ขวาไม่ตรงแนวนั่นเอง สรุปว่า - ก้าน Torque ต่ำ (<3.5-4.0) เหมาะกับ Pro และ Low Handicap (ตีผิดพลาดน้อยกว่า) - ก้าน Torque สูง (> 4.0) เหมาะกับนักกอลฟ์ทั่วไป(ตีแม่นน้อยกว่า) - ก้าน Torque สูงกว่าส่วนใหญ่จะอ่อนกว่าก้านที่ Torque ต่ำกว่า เนื่องจากการจะทำก้านให้ Flex แข็งกว่า จะต้องใช้โครงสร้างที่แข็งแรงกว่าทำให้เกิดผล คือ Torque ที่ต่ำกว่า แต่ก็ไม่เสมอไปเนื่องจากยังมีองค์ประกอบอื่นๆอีกครับ แค่อธิบายนิดเดียวเองครับ จากคุณ : Stillwater (Stillwater) - [ 21 ก.ค. 47 14:43:47 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เก็บๆๆๆ ข้อมูลดีๆทั้งนั้นเลย ขอบคุณทุกท่านคร๊าบบบบ จากคุณ : เพิ่งจะหัด (ผมชื่อต้น) - [ 21 ก.ค. 47 15:05:59 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ตาม#5 ข้อสรุปที่ว่า - ก้าน Torque ต่ำ (<3.5-4.0) เหมาะกับ Pro และ Low Handicap (ตีผิดพลาดน้อยกว่า) - ก้าน Torque สูง (> 4.0) เหมาะกับนักกอลฟ์ทั่วไป(ตีแม่นน้อยกว่า) ค่านี้น่าจะใช้เฉพาะก้านของหัวไม้เท่านั้นนะครับ ปกติค่า Torque ของก้านที่ใช้กับเหล็กจะต่ำกว่าพอควร โดยเฉพาะพวกก้านที่ผลิตจากโลหะส่วนมาก Torque จะไม่เกิน 2.0 ก้านพวกนี้มือระดับไหนก็น่าจะตีได้ครับ ถ้ารับ นน.ได้ ถ้าก้าน 2 อัน ที่มี CPM เท่าๆกัน นน.เท่าๆกัน เท่าที่ผมเคยลองตีมา ก้านที่ Torque ต่ำกว่า มักจะให้ความรู้สึก Feedback ที่แข็งกว่าครับ จากคุณ : SP7.0 (SP700) - [ 26 ก.ค. 47 21:14:31 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ถูกต้องแล้วครับ ตามความเห็นที่ 9 ครับ หมายถึงก้าน Graphite ของ Driver ที่นักกอลฟ์ส่วนมากใช้กัน ส่วนก้านเหล็กแล้ว ส่วนมาก Torque จะไม่เกิน 2.0 โดยเฉพาะสำหรับชุดเหล็กแล้ว ถ้าสู้ความแข็ง(Flex) กับน้ำหนักได้ ก็ OK ครับ แต่ก่อนก้านชุดเหล็กผมใช้ Grafalloy Prologic-R ตอนหลังเปลี่ยนมาใช้ก้านเหล็ก Harrison Stepless-IS1R กับ True Temper TX-90R ครับ จากคุณ : Stillwater (Stillwater) - [ 27 ก.ค. 47 08:29:32 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอถามต่อครับ เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น สมมุติว่าผมใช้ไม้กอล์ฟ 2 ชุดเป็นรุ่นเดียวกัน ต่างกันที่ชุดหนึ่งเป็นเหล็ก อีกชุดเป็นก้านกราไฟต์ สมมุติว่าเป็น Mizuno MP27 ก้าน NS Pro950 flex R กับ Mizuno MP27 ก้าน Tour Spirit flex R ถ้าผมใช้ไม้กอล์ฟสองชุดนี้เล่นสลับกัน วันนี้ก้านเหล็ก พรุ่งนี้ก้านกราไฟต์ สลับกันไป จะต้องปรับวงมากน้อยแค่ไหน ถ้าไม่ปรับวง ตีก้านเหล็กเหมือนก้านกราไฟต์ หรือในทางกลับกัน ตีก้านกราไฟต์เหมือนตีก้านเหล็ก ผลจะออกมาเป็นอย่างไรครับ คห 7 ดูเหมือนว่า torque 4.1 จะสูงเกินไปสำหรับชุดเหล็ก ที่เหมาะสมควรจะเป็นเท่าไร และ torque ที่สูงเกินไปจะมีผลต่อวิถีลูกกอล์ฟอย่างไรครับ ถ้าไม่เป็นการถามมากจนเกินไปอยากจะถามต่อไปอีกว่า ถ้าเช่นนั้น Mizuno ใช้ก้าน torque สูงขนาดนี้เพื่อหวังผลอะไรครับ จากคุณ : จิ้งโก่ง - [ 27 ก.ค. 47 22:48:38 A:203.151.39.118 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 ในส่วนของก้านชุดเหล็กจะมีผลน้อยกว่าก้าน Driver ครับ ข้อมูล Torque ที่พูดถึงจะหมายถึงก้าน Driver ที่เห็นผลความแตกต่างมากที่สุด เพราะก้านที่สั้นกว่า และ Loft ที่สูงกว่า ตามที่ได้กล่าวไปแล้วครับ Torque จะมีผลชัดเจนเมื่อตีไม่ตรงจุด Sweet Spot ดังนั้น ก้าน Graphite จะรู้สึกนุ่มกว่า แต่ก้านเหล็กจะมี dispersion น้อยกว่าเพราะ Torque ที่ต่ำกว่า ในกรณีของความเห็นที่ 9 ถ้าตีค่อนข้างแม่นลูกแล้ว ไม่น่าแตกต่างกัน เพราะ NSPro950R มีน้ำหนักเพียง 95g ทำให้ total weight แตกต่างกับก้าน Graphite เพียง 20 g ต่างจาก DGR300 ที่หนักประมาณ 125g ส่วนสาเหตุที่ Mizuno ทำเพื่อลูกค้าที่แตกต่างกัน โดยก้าน Graphite จะเหมาะกับผู้สูงอายุมากกว่าก้านเหล็ก (แต่ไม่เสมอไปต้องดูสภาพร่างกายและวงสวิงครับ) จากคุณ : Stillwater (Stillwater) - [ 28 ก.ค. 47 08:06:28 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าผมจะสรุปว่า ก้านเหล็กหรือก้าน Graphite ไม่มีผลต่อวงสวิง ตราบเท่าเหล็กทั้งสองชุดมี lie angle เท่ากัน และความยาวก้านเท่ากัน (กรณีตัวอย่างที่ยกมา ก้านเหล็กสั้นกว่าก้าน graphite อยู่ .25 นิ้ว น่าจะไม่มีผลถึงขนาดต้องปรับวงสวิงนะครับ) แต่จะมีความแตกต่างกันในด้านความแม่นยำ เพราะก้านเหล็กมี dispersion ต่ำกว่า แต่ก้าน graphite ให้ความนุ่มนวลมากกว่า วิถีลูกกอล์ฟอาจแตกต่างกันได้ แต่จะเป็นผลจากปัจจัยอื่นที่ไม่ใช่ torque เช่น kick point, CPM, club head speed ที่ต่างกันอันเป็นผลมาจากน้ำหนักที่ต่างกัน ไม่ทราบว่าจะเป็นข้อสรุปที่ถูกต้องหรือไม่ครับ จากคุณ : จิ้งโก่ง - [ 28 ก.ค. 47 11:33:49 A:203.151.39.156 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 อีกนิดนึงครับ torque ของก้าน graphite ที่สูงกว่าก้านเหล็กจะมีผลทำให้ลูก fade ได้ง่ายกว่าหรือไม่ครับ จากคุณ : จิ้งโก่ง - [ 28 ก.ค. 47 11:47:15 A:203.151.39.156 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 ถูกต้องตามความเห็นที่ 11 ครับ โดยทั่วไป ผู้ผลิตจะคำนวณน้ำหนักของหัวเผื่อสำหรับก้านที่จะใช้เพื่อให้ได้ Swingweight ตามที่ต้องการ ทำให้สมัยก่อน ก้าน Graphite จะยาวกว่าก้านเหล็กสำหรับรุ่นเดียวกัน(1/2-1") แต่ปัจจุบันผู้ผลิตบางราย (ส่วนใหญ่)จะปรับน้ำหนักของหัว (เช่น Ping I3 ที่ Port) หรือแยกหัวสำหรับก้านแต่ละช่วงน้ำหนัก เพื่อให้ความยาวและ SW เท่ากันในรุ่นเดียวกัน ความยาวที่ต่างกัน 1/2" จะมีผลต่อ Lie Angle ประมาณ 1 องศาครับ การตีเฟดจะมีผลจากวงสวิงหรือ Off set ของใบเหล็ก มากกว่าชนิดของก้านยกเว้นกรณีที่ ก้านอ่อนเกินไปแต่โดยทั่วไป จะมีผลต่อ dispersion (ลูกออกไปตรงแต่บิดปลาย เนื่องจาก Side Spin จาก Torque ที่ไม่ Square ตอนปะทะลูก) จากคุณ : Stillwater (Stillwater) - [ 28 ก.ค. 47 13:55:15 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณทุกๆท่านด้วยความจริงใจครับ จากคุณ : จิ้งโก่ง - [ 28 ก.ค. 47 22:00:08 A:203.151.39.152 X: ]