CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    **เป็นไงครับ..บอลไทยไปบอลโลก..ของคนชอบขายฝันทั้งหลาย**

    กี่ยุคกี่สมัยแล้วครับ ที่ฝันนี้ขายได้เสมอ แต่ไม่เคยมีอัศวินม้าขาวทำฝันนี้ให้เป็นจริงได้

    ""ก็เพราะรอแต่อัศวินม้าขาวอยู่ทั้งปีทั้งชาตินี่สิครับ""

    ฝันถึงได้ยังเป็นความฝัน
    .............................

    ความจริงแล้ว ผมไม่สนับสนุนให้เราตั้งเป้าว่าจะไปบอลโลกกันนะครับ
    ไปแล้วชาติได้อะไร ผมยังไม่รู้เลย

    โฆษณาประเทศไทย....ก็ไม่ใช่ เพราะคงไม่มีใครอยากมาท่องเที่ยวที่นี่เพราะฟุตบอลเราเก่งหรอก (แต่ความจริงเราไม่เก่งพอหรอกครับ ได้ไปก็กลายเป็นหมูสนามอยู่ดี เขาจะพากันหัวเราะมากกว่า)

    รายได้ประชาชาติสูงขึ้นมา ก็ไม่ใช่อีก (มีแต่เสียดุลการชำระเงิน เพราะต้องถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ)

    สุดท้าย ผมคิดว่า ที่เราอยากไปบอลโลก เพราะเราอยากมีอะไรชื่นชมความสามารถตัวเองที่เราไม่เคยทำได้มากกว่า

    พูดง่าย ๆ ว่า เป็นการสนองตัณหาที่อยากมานานแสนนานมากกว่า
    ................................

    ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ใช้งบเปลืองที่สุด ปีหนึ่ง ๆ หลายสิบล้านบาทเพื่อทำทีมชาติไทยไปแข่งขันในทัวนาเม้นท์ต่าง ๆ

    รายได้นักฟุตบอลนี่ถือว่า ดีที่สุดแล้วครับ หากเทียบกับนักกีฬาทีมชาติประเภทอื่น ๆ

    ทั้ง ๆ ที่กีฬาชนิดนี้ เรามิได้เก่งจริงๆ หรอกครับ เราอุปโลกว่าเราเก่งเพื่อสร้างความฝันมาขายกันอีกหลายๆ รอบมากกว่า

    กลับมาเที่ยวนี้ ก็เตรียมสร้างฝันรอบใหม่กันนะครับ โดยอาจมีตัวชูโรงมาใหม่เพื่อให้ได้ลุ้นฝันที่เป็นจริงอีกครั้ง เช่น..กุนซือระดับโลกที่เคยทำทีมไปบอลโลกมาแล้ว แต่ตอนนี้ว่างงาน มารับจ็อปทำทีมไทยด้วยราคาค่าตัวเดือนละเหยียบ ๆ ล้านบาท

    ประมาณนั้นนะครับ เพราะตัวชูโรงในฝันที่ทำให้ฝันสลายไปเริ่มขายไม่ได้แล้ว (เริ่มจากบิ๊กหอย..เสี่ยวิรัช..ปีเตอร์ วิธ..บังยี..คาร์ลอส กระทั่งล่าสุด น้าชัช)
    ฮือฮาและก็สร้างฝันขึ้นมาอีกรอบ
    ...............................

    ความจริงก็คือความจริง ความจริงที่เราไม่เคยอยู่บนพื้นฐานของการยอมรับเลย คือ......

    ๑/ ฟุตบอลลูกกลมๆ นี้ ไม่สามารถทำแบบเลียนลัดได้.....
    นั่นคือ ต้องเริ่มอ่่าน ก.ไก่..ข.ไข่ ก่อน จึงจะไต่เต้าไปเรียนจบปริญญาตรีวิชาฟุตบอลระดับโลกได้

    ไม่ใช่จู่ๆ คิดว่ามีเงิน ก็ใช้วิธีอัดฉีด ถ้าได้ไปเอาไปเท่านั้น เท่านี้นะ.....จ้างครูมาสอนพิเศษราคาแพงๆ ทั้งๆ ที่เด็กยังอ่านก.ไก่ ไม่ถึง ฮ.นกฮูกเลย แล้วให้ไปสอบแข่งขันกับชาติอื่น ที่มีเด็กอ่านออกเขียนได้ให้เลือกนับพันคน แถมบวกเลขเก่งอีกตะหาก

    ผมติดตามฝันนี้มาตั้งแต่น้าชัชยังเป็นนักฟุตบอลฝีเท้าดีทีมชาติไทยโน่นเลยครับ (เป็นนักฟุตบอลที่เล่นกราบขวาได้ดีมากที่สุดคนหนึ่งที่ผมเคยเห็นมา) ก็เห็นว่า เราขายฝันอย่างนี้ให้กับประชาชนมาตลอด แต่สมัยก่อนไม่ค่อยมีตังค์เพราะสปอนเซอร์หลักคือ สมาคมฟุตบอลไทย
    แต่..
    นักฟุตบอลเราเก่งกว่าสมัยนี้นะครับ ผมรับรองได้ ใจสู้ไม่ต้องมีเงินอัด

    ไม่มีใครจริงจังกับความฝันหรอกครับในสมาคมฟุตบอลไทย ใครๆ ก็ทราบดี ทุกคนรู้จักสินค้าของตนเองดี
    "คนเก่ง คนดี จึงไม่เข้ามาบริหารไงล่ะครับ"

    ถ้าเจอคนจริงเมื่อไรผมจะบอก..
    ทุกคนรู้แก่ใจว่า เราต้องสร้างลีกส์อาชีพในประเทศให้แข็งแรง เพื่อให้น้ำเลี้ยงของเด็กไม่ขาดสาย เพื่อให้เยาวชนที่มีทักษะสูงในด้านนี้หันมายึดเป็นอาชีพได้ ไม่ใช่พออายุ ๑๗-๑๘ปี หันไปเอ็นท์เรียนวิชาอื่น..บัญชี..นิติ..รัฐศาสตร์..กันหมด เพราะเห็นว่าอาชีพฟุตบอลนี้ ไม่ยั่งยืน อยากหารับประทานได้ ต้องขวนขวายไปทำงานต่างประเทศ

    แล้วอุตส่าห์เรียนจนจบวิชาเหล่านั้นน่ะ หน้าไหนมันอยากหวนกลับมาค้าแข้ง เอาความพิการของตัวเองมาเสี่ยงเล่าครับ สมองน้อยๆ ของเด็กทารกยังคิดออก

    ทำอย่างไร จึงจะชักชวนให้เยาวชนที่กำลังเรียนรู้เดินเข้ามาสู่สายอาชีพนี้ได้ล่ะ
    ผมก็เห็นแต่การมีฟุตบอลลีกส์อาชีพนี่แหละครับ จำเป็นต้องสร้าง และจำเป็นต้องสร้างให้สำเร็จและให้เด็กที่มาเล่นมีรายได้ดีกว่าอาชีพอื่นๆ ด้วย

    ไม่ผ่านข้อนี้ ก็เอวังครับ อย่าไปเชื่อทฤษฎีเรื่องกบกระโดดนะ มันไม่มีหรอก ยิ่งแนวคิดอันตรายของท่านนายก จะแปลงสัญชาตินักเตะนอก ผมว่า หมอนี่เพ้อเจ้อ และไม่จริงใจในการสร้างทีมฟุตบอลไทย "ทำอย่างนั้น มีแต่จะฆ่านักเตะไทย(แท้)มากกว่า"

    ถึงเวลาแล้วพวกนี้จะมาเองครับ ถ้าลีกส์เราเ้ข้มแข็งและมีรายได้ดี จะมีนักเตะเกรดบีจากชาติมหาอำนาจลูกหนังอยากจะมาร่วมเองแหละครับ ดูอย่างเจลีกเป็นไร

    ๒/ ไม่มีฮีโร่หรืออัศวินม้าขาว
    อย่าไปคิดว่ามี และหวังให้คนๆ นั้นมาชุบชีวิตวงการฟุตบอลไทย ในชีวิตจริงมันไม่มี เป็นพวกเราที่รักฟุตบอลเข้าสายเลือดต้องช่วยๆ กันคนละมือคนละไม้ ใครถนัดด้านไหนก็ไปทำด้านนั้น ๆ (ด้านเทคนิค..ด้านหารายได้..ด้านฝึกสอน..ด้านต่างประเทศ)
    ต้องทำกันเป็นทีมครับ จะหวังให้คาร์ลอส..วิธ สร้างฝันให้เป็นจริงด้วยการอัดฉีดสูงๆ ไม่ได้ครับ

    ๓/ ยอมรับความจริงเรื่องสรีระ
    กี่ปีกี่ชาติเราก็ยังเสียเปรียบผู้เล่นต่างชาิติ(ยกเว้นอาเชียน) เพราะสวรรค์มิได้สร้างคนไทยมาเตะฟุตบอล ท่านสร้างเรามาเตะตะกร้อนะครับ (จำผิดปล่าว)
    กีฬาฟุตบอลมันอาศัยความหนัก..ความเร็ว(แบบนักกรีฑา)..ความใหญ่ (แรงปะทะ ลูกโหม่ง)
    สรีระของชาวเอเซียเป็นรองครับ เพราะโครงสร้างกระดูกของเราเล็กกว่าเมื่อเทียบตัวต่อตัว เรามีนักเตะตัวสูงได้ แต่มันก็ต้องแลกด้วยความเก้งก้างแบบนกกระยาง ไม่มีคนไทยที่สูงเกิน ๑๘๕ซม. ที่ดูเป็นธรรมชาติ คือ กระดูกใหญ่ด้วย (ถึงมีก็น้อยมาก แล้วเขายังอาจไม่ชอบเล่นบอลอีก)

    เราตีตราจองนักเตะประเภท..มะขามข้อเดียว..ตอม่อ..ไอ้แอ๊ด มาเป็นตัวทำเกมหลายทศวรรษแล้วครับ เพราะอะไร ..เพราะคนพวกนี้ตัวเล็กแต่กระดูกใหญ่สมกับลำตัวไงล่ะครับ จึงดูมีพละกำลังและสมส่วนไปหมด

    แม้แต่ญี่ปุ่นเอง ก็มีปัญหานะครับ ไม่ใช่ไม่มี แต่ตอนนี้มีน้อยกว่าเรา เพราะ เขาเริ่มมีตัวเลือกมากกว่าเราเยอะ เยาวชนเริ่มเห็นว่า กีฬาชนิดนี้ยึดเป็นอาชีพที่ทำรายได้ได้สูงก็เร่เข้ามาสมัครมากขึ้น

    กีฬาทุกประเภทแหละครับ ลองมีตัวให้เลือกมาก ๆ โอกาสที่จะได้คนเก่ง ๆ ดี ๆ ก็มีสูง

    ตอนนี้ญี่ปุ่นแทบไม่มีนักเตะระดับเต้านม (เวลายืนประกบนักเตะยุโรปสูงแค่นมมัน) เลย เดี๋ยวนี้สูสีมาเป็นระดับ หู..ระดับคิ้ว กันแล้ว

    ดูอย่างอเมริกาสิครับ ขนาดไม่มีตัวเลือกไม่มีตัวคัดสำหรับกีฬาชนิดนี้ ไม่กี่ปีแซงเราแล้ว เพราะถ้าจะหานักเตะคุณสมบัติระดับนี้..นี้ เขาหาได้ง่ายกว่าเรามากเพราะเบสิกของสรีระได้เปรียบสำหรับกีฬาชนิดนี้ (ทำไมกีฬาชกมวยที่วัดกันปอนด์ต่อปอนด์รุ่นเล็ก ๆเราไม่เสียเปรียบก็เพราะอย่างนี้แหละ ความสมประกอบของสรีระเรามีมากในรุ่นเล็ก ๆ แต่พอรุ่นไลท์เฮฟวี่ไปแล้ว เรามีแต่นักชกเนื้อนมไข่ เราไม่มีทางสู้ได้)

    ๔/ เทคนิก..
    ง่าย ๆ สั้น ๆ เดินให้ถูกทางด้วย กี่ปีกี่ศตวรรษแล้วครับ ที่เราประสบปัญหานักเตะไทยหมดแรงในครึ่งหลังแก้ไม่ตก

    เนื่องจากสรีระเป็นรองอย่างที่บอก (ไม่งั้นไทยเราก็เป็นแชมป์กรีฑาวิ่งระยะไกลแล้วสิครับ เราทำได้ดีแต่วิ่งสั้น ๆ ไม่เกิน ๒๐๐ม. มากกว่านั้นสู้ไม่ได้) ปอดของเราและกล้ามเนื้อของเราเล็กกว่าชาติตะวันออกกลางและยุโรปเยอะ

    ทำอย่างไรให้อึด และทนได้เท่าเขา ก็ต้องฝึกฝนกันเรื่องเทคนิกแล้วครับ ไม่ใช่การเคี่ยวภายใน ๑ เดือน อย่างที่โค้ชมักจะทำกัน มันไม่เวิร์กครับ เพราะไม่ใช่ธรรมชาติของนักเตะไทย

    ผมกำลังจะบอกว่า เรื่องเทคนิกเราอ่อน ถูกต้องแล้วครับ
    เราไม่มีการบริหารกล้ามเนื้อให้รับงานหนักให้ได้ก่อน แต่ใช้วิธี บังคับให้มันรับงานหนักให้ได้ มากกว่า

    ดูเจ้าบอล ภราดรเป็นไง เมื่อก่อนนี้ตัวมันสูงอย่างเดียว กล้ามไม่ค่อยมี ที่ตีดีขึ้นมาในระดับหนึ่ง เพราะมันไปเข้ายิมนะครับ ทำทุกวัน สร้างกล้ามเนื้อให้เป็นปึก ๆ เสียก่อน

    ทุกวันนี้ก็ทำได้ดีขึ้นมาเพราะมันมีกล้ามที่ใหญ่ไม่แพ้นักตียุโรป เมกา แต่ก็นั่นแหละ จุดอ่อนอื่น ๆ ของมันที่ไม่ได้แก้ไขมีอีกเพียบ ก็เลยทำได้แค่นั้น

    ผมแค่ยกตัวอย่างให้ดูนะว่า เราอ่อนเรื่องเทคนิกกันมาก เท่าที่ผ่านมาไปเน้นเทคนิกในการเล่นเสียมากกว่า ไม่ได้เน้นเทคนิกในการสร้างความแข็งแกร่งให้สรีระ



    ขอเบาะ ๆแค่นี้ดีกว่านะครับ พูดมากไปก็จะมีคนมาหมั่นไส้ผมอีก เฮ้อ เหนื่อยว่ะ

    จากคุณ : เบอร์สิบเอ็ด - [ 29 ก.ค. 47 08:27:28 A:202.133.131.236 X: ]