CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    ==Exclusive Interview ... เดวิด มอยส์ - คิดว่าผมโชคดีหรือเปล่า ? .... by ลูกแม่กิ่ง จาก นสพ.คิกออฟ ==

    Exclusive Interview
    เดวิด มอยส์ - คิดว่าผมโชคดีหรือเปล่า ?
    by ลูกแม่กิ่ง (lookmaeking@hotmail.com)


    เมื่อวันก่อน ผมได้รับบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้มาจากคุณ "ทูน แบร์ริ่ง" สาวกท๊อฟฟี่เมน จากเว็บไซต์พันทิพย์ดอทคอม ที่แนะนำมา กับเรื่องราวของเดวิด มอยส์ และสาเหตุว่าทำไมเขาจึงสามารถพลิกสถานการณ์พาเอฟเวอร์ตัน ทะยานขึ้นมารั้งอันดับบนหัวตารางพรีเมียร์ชิพได้ ทั้งที่ก่อนเปิดฤดูกาลพวกเขาคือหนึ่งในทีมที่ถูกมองว่าต้องลุ้นหนีตกชั้น เนื่องจากมีปัญหาภายในสโมสรและปัญหาทางการเงินที่เข้าขั้น "ยาจก" เลยทีเดียว (ล่าสุดแพ้เชลซี ทีมที่รวยที่สุดในโลกไปแบบหวุดหวิดเท่านั้น)

    ผมอ่านดูแล้ว เห็นว่าน่าสนใจครับ ขออนุญาตถอดความมาให้อ่านเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศบ้างแล้วกันนะครับ

    อ้อ ! ถ้ามีบทความหรือเรื่องไหนที่สนใจเป็นพิเศษอยากจะแนะนำมา ผมยินดีนะครับ ถ้าเห็นว่าน่าสนใจก็จะหยิบมาเรียบเรียงถ่ายทอดใหม่ แบ่งๆกันอ่าน เพราะไม่ได้จำกัดเนื้อหาเฉพาะแค่ทีมใหญ่ๆเท่านั้น : )

    ------------------------------------------

    ในยามบ่ายวันศุกร์ ที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ผู้จัดการทีมขวัญใจพวกเขา "เดวิด มอยส์" นั่งอยู่ในออฟฟิสที่เบลล์ฟิลด์ สนามซ้อมของเหล่าพลพรรคท๊อฟฟี่เมน กับสถานการณ์ที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าตำแหน่งที่ 3 ในขณะนี้ทำให้ดูเหมือนทีมมีโอกาสที่จะจบฤดูกาลด้วยการอยู่บนหัวตารางไม่น้อยบางทีอาจอยู่สูงกว่ากลางตารางด้วยซ้ำ

    "ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้สำหรับเราที่จะคิดถึงการไปเล่นสโมสรยุโรป" มอยส์ กล่าวอย่างนุ่มนวลตามสไตล์ "ผมไม่อยากตั้งเป้าหมายอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ผมคงจะเดินไปรอบๆแล้วบอกว่าเราจะชนะพรีเมียร์ชิพ แต่ผมก็จะไม่พูดถึงสิ่งที่เราจะได้มาง่ายๆเหมือนกัน ถ้าคุณพูดว่าเป้าหมายแรกของเรายังคงเป็นการหนีการตกชั้นอยู่ ด้วยจำนวนแต้มที่เรามีในตอนนี้ดูเหมือนมันจะเป็นเป้าหมายที่ง่ายเกินไป เรามีโอกาสที่จะจบฤดูกาลใน 6 อันดับแรก แต่มันก็แทบจะเป็นความสำเร็จที่เหลือเชื่อแล้วถ้าเราเข้าใกล้ถึงจุดนั้น"

    มันคงจะเป็นแบบนั้น ? ก่อนที่ฤดูกาลจะเริ่มต้นขึ้น แม้กระทั่งเอฟเวอร์โตเนี่ยนผู้ติดตามทีมมายาวนาน คงจะประหลาดใจว่าพวกเขาจะได้อยู่ฉลองการเป็นทีมที่คงอยู่ในระดับสูงสุดของวงการฟุตบอลอังกฤษ ได้อย่างไร ? เมื่อการขายเวย์น รูนี่ย์ ให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ทำลายภาพลวงตาที่หลงเหลืออยู่ในการเป็นทีมชั้นนำ และเงินจากการขายนักเตะที่ดีที่สุดของทีมถูกแปรเปลี่ยนเป็นเพียงนักเตะชื่อชั้นดาดๆอย่างทิม เคฮิลล์ และมาร์คัส เบนต์ ขณะที่ในห้องของผู้บริหารกลับเกิดความไม่สงบ เมื่อบิล เคนไรต์ ประธานสโมสร ต้องวัดอำนาจกับผู้อำนวยการสโมสรอย่างพอล เกร็กก์ ทำให้เอฟเวอร์ตัน ต้องตกอยู่ในภาวะล่อแหลม รวมทั้งการมีหนี้สิน ส่วนมอยส์ เองก็อยู่ในภาวะสับสนต่ออนาคตของตัวเอง แม้เชื่อว่าแฟนๆเอฟเวอร์โตเนี่ยน พร้อมจะให้อภัยหากกุนซือคนเก่งจะจากไป .. แต่เขาคิดจากไปจริงๆหรือ ?

    "ผมไม่เคยคิดที่จะจากที่นี่ไปเพื่อสโมสรที่ดีกว่า" มอยส์ ตอบแทนจะทันที "แต่ทุกวันมีผู้เล่นของผมตกเป็นข่าวกับทีมอื่นเรื่อยๆ โดยที่บอร์ดไม่ต่อสู้อะไรเลย มันทำให้ผมคิดว่าบางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องที่ช่วยอะไรไม่ได้ และผมเองก็หยุดมันไม่ได้ด้วย และด้วยเหตุผลทั้งหมด นี่คือช่วงฤดูร้อนที่แย่ที่สุดของผมในชีวิตฟุตบอล แต่โดยส่วนใหญ่มาจากที่เราจบฤดูกาล 2003-2004 ได้น่าเกลียด (แพ้ต่อแมนฯ ซิตี้ไป 5-1)

    ช่วงนั้นมอยส์ ผู้ซึ่งไม่เคยสูญเสียศรัทธาในฝีมือตัวเอง นับตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตการคุมทีมที่เปรสตัน นอร์ธ เอนด์ นอกจากจะใช้เวลาในช่วงฤดูร้อนเพื่อนั่งเสียใจกับพฤติกรรมที่น่าระอาของคนอื่น เขายังเริ่มสงสัยและตั้งคำถามต่อตัวเองเป็นครั้งแรก

    "ผมรู้ดีว่าผมได้ทำทุกอย่างใกล้เคียงกับที่ผมเคยทำตอนที่เราเกือบจะได้ไปยุโรป ในปีก่อนหน้านั้น และเป็นแบบเดียวกับที่ผมเคยทำที่เปรสตัน ที่เราก็เกือบจะได้ขึ้นมาพรีเมียร์ แต่ฤดูกาลที่แล้วเราจบฤดูกาลที่อันดับ 17 เราอาจจะปลอดภัยตั้งแต่ช่วงอีสเตอร์ที่มีอีก 5 เกมให้เล่น แต่การไม่ชนะใครเลยใน 5 นัดสุดท้าย ทำให้ผมต้องเริ่มคิดถึงตัวเองบ้าง 'นี่คือความจริงของเอฟเวอร์ตันเหรอ กับการแค่เอาตัวให้รอดจากการตกชั้น ?' สุดท้ายผมตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงความคิดของใครหลายคน และบางทีอาจจะรวมถึงผมด้วย" มอยส์ กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของเส้นทางมหัศจรรย์

    สิ่งแรกที่เขาทำก็คือการทำให้สภาพร่างกายของผู้เล่นทุกคนฟิตขึ้น และไม่มีผู้จัดการคนไหนที่จะทำงานหนักเหมือนที่มอยส์ ทำแล้ว แต่การจะฟื้นฟูสภาพจิตใจคืองานที่ยากกว่ามาก ในช่วงเวลาสั้นๆก่อนที่จะเปิดฤดูกาล เขาตัดสินใจพาทีมเดินทางไปสู่สหรัฐอเมริกา และที่นั่นเองก็คือสถานที่ที่ทำให้มอยส์ และทีมสตาฟฟ์ทุกคนได้สร้างสปิริตให้กลับคืนสู่ทีมอีกครั้ง

    "ก็เหมือนที่รู้น่ะแหละ ทุกคนพูดถึงเรื่องการกลับคืนสู่สามัญ และแม้แต่เรื่องราวนอกสนามก็ดูจะหวนคืนสู่สามัญไปด้วย"

    "ในอเมริกา เรามีคืนที่ประหลาดนิดหน่อย กับเบียร์เล็กน้อยพอเคล้าเสียงเพลง และมันก็ดูเหมือนกับบรรยากาศในโรงเรียนเก่า ประมาณย้อนยุคกลับไปช่วงทศวรรษที่ 70 และเรื่องแบบนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้ทำในตอนนี้ เพราะมันไม่ดีสำหรับนักเตะ สมาชิกใหม่ของทีมก็ดูเข้ากันได้ดี ขนาดผู้จัดการยังร้องเพลงเพราะเลย มันเป็นแนวทางในการผ่อนคลายตัวเองเมื่ออยู่กับคนอื่น" มอยส์ เล่าให้ฟัง

    อย่างไรก็ตามระหว่างที่ทุกอย่างในทีมกำลังกลับมาสู่วันคืนที่ดีอีกครั้ง แต่มอยส์ กลับไม่มีคนสำคัญอย่างเจ้าหนูเวย์น รูนี่ย์ ร่วมเดินทางมาด้วยเพราะต้องคอยประคบประหงมอาการบาดเจ็บอยู่ที่บ้าน และเวลาเดียวกันนี้เองก็คือช่วงเวลาที่เจ้า "หมูพลิ้ว" เริ่มต้นสู่การแปลงกายเป็นอสูรตนใหม่ในขุมนรกที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด

    มอยส์ เปิดเผยถึงความพยายามเรื่องการต่อสู้เพื่อรักษาตัวรูนี่ย์  "ผมนั่งกับเขาและที่ปรึกษาของเขา (พอล สเตรตฟอร์ด) และบอกพวกเขาว่าสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขา (รูนี่ย์) คือการอยู่ที่นี่ต่อไป แต่พวกเขาต้องการเล่นในฟุตบอลสโมสรยุโรป และแม้ว่าผมจะหวังว่าพวกเราจะมีความหวังที่จะรักษาตัวเขาเอาไว้ แต่นั่นก็เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ผมไม่สามารถการันตีอะไรได้เลย"

    แต่มอยส์ ปฏิเสธข่าวการตัดศิษย์ตัดครูกับรูนี่ย์ ในช่วงเวลาสุดท้ายที่กูดิสัน ปาร์ค ของเจ้าหนูมหัศจรรย์คนนี้ แต่มอยส์ กลับยอมรับว่าเรื่องการที่ดาวเตะวัย 18 ปีรายนี้ดังกระฉูดในศึกยูโร 2004 ว่าเป็นเรื่องที่แย่ที่สุด

    "ทุกวันมันจะมีข่าวว่าเขาจะไปที่โน่นที่นี่ตลอด และเรื่องพวกนี้ก็ทำให้ผมโกรธมาก ผมเคยโกรธพวกสื่อ เพราะพวกเขาดูเหมือนจะพยายามทำให้คนฝังใจว่ารูนี่ย์ ดีเกินกว่าจะอยู่เอฟเวอร์ตัน โดยที่ลืมเหตุผลว่าการที่เขาได้ติดทีมชาติอังกฤษ เพราะเขาเล่นให้กับเอฟเวอร์ตัน และเพราะพวกเราถนอมตัวเขาอย่างดีและไม่พยายามใช้งานเขามากนัก ผมยังทำแม้แต่ยอมให้เขาได้หยุดพักร้อนเป็นอาทิตย์ก่อนที่จะปิดฤดูกาล ซึ่งทำให้เขาได้ชาร์จพลังชีวิตตัวเองใหม่และมีช่วงฤดูร้อนที่ดีในที่สุด แต่ไม่เห็นมีใครหยิบมาพูดกันซักคน ผมเลยรู้สึกเหมือนถูกทรยศชอบกล"

     
     

    จากคุณ : 192.168.1.106 - [ 9 พ.ย. 47 23:10:01 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป