ความคิดเห็นที่ 6
ถ้าสู้กันจริงๆ ไม่แน่ว่ามวยไทยจะชนะเสมอไปเพราะ...
๑.มวยจีนมีการ"ทำลายสมดุล"ของคู่ต่อสู้ การทำให้ล้มสามารถทำให้คู่ต่อสู้บาดเจ็บอย่างรุนแรงได้ไม่ยากนัก โดยเฉพาะการต่อสู้บนพื้นแข็ง เช่น สนามหิน,พื้นดิน ฯลฯ ซึ่งผู้ที่ถูกทุ่มอาจบาดเจ็บสาหัสมากกว่าการโดนเตะ,ต่อย หรือฟันศอกหรือแทงเข่าใส่ การที่เราคิดว่าท่าทุ่มของมวยจีนไม่ค่อยมีความหมายในการต่อสู้จริงเท่าไหร่เหมือนอย่างเช่นมวยไทย เพราะนักมวยไทยเราชินกับการต่อสู้บนผืนผ้าใบนั่นเอง แม้จะล้มก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรนัก ซึ่งในการต่อสู้จริงคงเป็นไม่ได้ที่ต้องต่อสู้บนผืนผ้าใบทุกครั้งเสมอไป
๒.มวยจีนมีการ"สกัดจุด" รวมทั้งการ"บิดล็อค" และ"หักข้อต่อ" ซึ่งเป็นการต่อสู้ที่ใช้การทำลายอวัยวะสำคัญของคู่ต่อสู้โดยการศัยการจู่โจมเพียงเล็กน้อยที่จุดสำคัญเพียงไม่กี่แห่ง ซึ่งจะมีผลอย่างมากในการหยุดคู่ต่อสู้เวลาที่ต้องต่อสู้จริง ตัวอย่างที่เห็นง่ายๆ เช่นหากมีการใช้ฝ่ามือ(กำลังภายใน)กระแทกเข้าที่จุด"แป๊ะหวย"(ไป๋ฮุย หรือกลางกระหม่อม) ด้วยพลังที่รุนแรงพอ ก็สามารถทำให้คู่ต่อสู้ช็อคหมดสติทันทีหรือเสียชีวิตได้เช่นกัน มวยจีนแบบต่อสู้จึงอาจมีการใช้ดรรชนีทิ่มตา,หรือหมัดกระแทกกระหม่อม,กระแทกกระดูกสันหลัง ซึ่งจะมีผลทำให้คู่ต่อสู้พิการได้ทันที
ในมวยไทเก็กของจีนก็มีหลายกระบวนท่าที่สามารถใช้ทำลายข้อต่อของคู่ต่อสู้เพื่อหยุดยั้งการโจมตีอย่างดุดันของศัตรูได้อย่างรวดเร็ว เช่นท่า"มือเมฆา"(ฮุ้งชิ่ว) ก็สามารถใช้หักข้อต่อกระดูกแขนของคนที่ต่อยหมัดตรงเข้ามาใส่เราได้เช่นกัน ซึ่งกติกามวยไทยของเราก็ไม่ได้คำนึงถึงจุดนี้เท่าไหร่ และกติกาที่แข่งขันทั่วไปก็ไม่ได้อำนวยไปจนถึงตรงจุดนั้น เราจึงเห็นว่ามวยจีนไม่ได้ใช้อาวุธที่แท้จริงของตนทั้งหมดเลย...
๓.มวยจีนจำพวกมวยภายในอย่างมวย"ไทเก็ก"(สุดไพศาล),ฝ่ามือแปดทิศ(โป้ยข่วยคุ้ง),มวยสิ่งอี้(มวยสูญลักษณ์) ถือหลักการ"เป็นอาวุธได้ทั้งตัว" หมายถึงตลอดร่างกายสามารถเป็นอาวุธจู่โจมศัตรูได้ทั้งตัวอย่างไม่มีขีดจำกัด ไม่ว่าเป็นข้อศอก,ท่อนแขน,ฝ่ามือ,กรงเล็บ,ดรรชนี,ศีรษะ,ไหล่,แผ่นหลัง,ขา,เท้า,หน้าอก,สะโพก,เอว ฯลฯ ล้วนสามารถใช้ทำอันตรายศัตรูได้ตลอดทั้งตัว สุดแต่ว่าจะสะดวกในการออกอาวุธส่วนไหน มวยจีนจึงมีการต่อย,กระแทก,คว้าจับ,จี้สกัดจุด,ทุ่ม,ล็อค,บิดหัก,พุ่งไหล่,แทงศอก,กด,เบียด,ดึง,ฉุด,ปัด,ฉีกแยก ฯลฯ ทำให้การต่อสู้เป็นไปได้อย่างยืดหยุ่น สามารถผสมผสานระหว่างความอ่อนหยุ่น(หยิน)และแข็งกร้าว(หยาง)ได้อย่างกลมกลืน ต่างกับมวยไทยที่มีอาวุธพื้นฐานจำกัดเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น ซึ่งจะมียืนพื้นอยู่ที่หมัด,เท้า,เข่า,ศอก ซึ่งจะเน้นไปที่การ"กระแทก"หรือความ"แข็ง"เป็นส่วนใหญ่ อาจจะมีบ้างที่จะใช้อวัยวะส่วนอื่นในการจู่โจมศัตรู เช่น ศีรษะหรือสะโพก(เช่นท่ามณโฑนั่งแท่น) แต่ก็ต้องถือว่าเป็นกรณียกเว้นพิเศษเฉพาะท่าเท่านั้น
แต่ปัจจุบัน เนื่องจากวิชาการต่อสู้เหล่านี้ต้องผ่านการคัดกรองเพื่อใช้ในด้านการกีฬาเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งต้องเน้นการ"ให้ความปลอดภัย"(safe) ให้กับผู้แข่งขันมากที่สุด เราจึงมักเห็นมวยจีนสมัยใหม่ที่นำศิลปะการต่อสู้แบบดั้งเดิมมาตัดกระบวนท่าที่อันตรายออกไป เหลือแต่เพียงบางท่าที่ใช้"พอจะใช้"ในการแข่งขันเท่านั้น ซึ่งล้วนแต่ไม่มีอันตรายในการต่อสู้แต่อย่างใด เราจึงมักเห็นมวยสมัยใหม่อย่าง ซานต้า,วูซู ฯลฯ ออกมาแพร่หลายและแข่งขันกันในปัจจุบัน(ทั้งในประเทศไทย) ซึ่งไม่ต่างอะไรกับพยัคฆ์ที่ถูกตัดเขี้ยวไปเรียบร้อยแล้ว วัฒนธรรมของมวยไทยล้วนชินกับการต่อสู้บนเวทีเป็นส่วนใหญ่ ผู้ที่ขาดความเข้าใจในศาสตร์ของมวยจีนอย่างลึกซึ้ง จึงมักจะเห็นว่ามวยจีนสมัยปัจจุบัน "ดีแต่ท่า" เท่านั้น
จากคุณ :
WHO AM I
- [
19 พ.ย. 47 20:23:40
A:202.14.68.239 X:
]
|
|
|