CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    = เกล็ดเล็กเกล็ดน้อย = ประวัติท่าน"วิจิตร" บุคคลอันเป็นที่รักของแฟนบอลชาวไทยทั้งประเทศ

    ลองใส่ชื่อ "วิจิตร เกตุแก้ว" ในหน้าค้นหาของ GooGle แปลกใจไม่น้อย เมื่อผลการค้นหาที่ออกมาปรากฎว่า

    คุณวิจิตร เกตุแก้ว คนนี้มีคนกล่าวถึงในทำนองยกย่องสรรเสริญ(ในทางห่วยๆ) อย่างมากมายประมาณ 10 กว่าหน้าของGooGle คิดดูสิครับ ถ้าเป็นพวกคุณจะรู้สึกยังไง

    หน้ามันหนาขนาดไหน ..... คนอะไร ไม่เคยเจอะเจอ

    -----------------------------------------------------------

    ต่อไปนี้เป็นประวัติเล็กๆน้อยๆที่ผมไปเจอมานะครับ

    ที่มา : http://www.thaifootball.org/webboard/show.php?Category=forum&No=2154

    ** ประวัติ "ทรราชย์ลูกหนัง วิจิตร เกตุแก้ว" **

    วิจิตร รับเงิน ตัดสินแบบฝืนสายตาคนดูมาตั้งแต่เป็นกรรมการตัดสินฟุตบอลธรรมดาแล้ว เคยเจอนักเตะเกาหลีเหนือไล่กระทืบที่เอเซี่ยนเกมส์ที่อินเดีย
    หลังจากนั้นวิจิตร เกตุแก้วก็เริ่มไต่ขึ้นมาเป็นเลขาสมาคม จากนั้นก็ขึ้นเป็นนายกสมาคมฟุตบอล มาถึงตอนนี้เกือบ 20 ปีแล้ว ฟุตบอลไทยยังคงได้แต่ลุ้นแชมป์ซีเกมส์ ไทเกอร์คัพ ส่วนระดับเอเซียที่เคยสูสีกับชาติมหาอำนาจ ก็กลายเป็นเบี้ยล่าง

    วิจิตร กับพวกในสมาคมฟุตบอล ได้เงินจากรัฐบาลและสปอน์เซอร์ ปีละไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท สามารถเอาเงินไปซื้อคอนโด ซื้อบ้านที่พัทยาหลายหลัง เอาเงินของสมาคมอุดหนุนพวกพ้องในสมาคม ซื้อที่ดินของวรวีร์ แล้วดันคนของพวกตนขึ้นนั่งตำแหน่งระดับฟุตบอลของเอเซีย เรียกว่ากุมอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ นั่งกินภาษีปีละหลายสิบล้านบาทแบบเงียบ ๆ และแนบเนียนที่สุด เพราะ ไม่มีนักข่าวไหนมาสนใจทำข่าวและไม่มีนักการเมืองคนไหนมาขุดคุ้ยเพราะ ไม่รู้จะทำไปทำไม

    เมื่อฟุตบอลไทยล้มเหลว ทุกครั้งวิจิตร มันก็จะเรียกประชุมที่โรงแรม เรดิสัน ของคนกันเอง เอาเงินภาษีประชาชน เอาเงินที่สมาคมได้ จัดสรรให้โรงแรมพวกพ้อง แล้วก็โละ ชุดที่ล้มเหลว และประกาศหานักเตะใหม่ ทำทีมใหม่ วนเวียนอย่างนี้ไม่สิ้นสุด ไม่มีหนังสือพิมพ์ฉบับไหนทำข่าว สยามกีฬาก็ไม่กล้า เพราะผลประโยชน์จากไทยลีกมันอุดปาก

    จากนั้นก็ไล่โค้ชออก ตัวมันลอยตัว หาเงินต่อไป ตอนนี้มันก็เข้าเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยแล้ว เดิมก็พยายามจะเป็นสว แต่สอบตก

    เมื่อปีที่แล้ว มีแฟนบอลกลุ่มหนึ่งก่อหวอด ก็โดนอุ้ม เกือบเอาตัวไม่รอด

    วิจิตร เกตุแก้ว มาเฟียและเปรตแห่งวงการฟุตบอลไทยที่แท้จริง มันเป็นตัวถ่วงความเจริญที่แท้จริง อีกไม่นานก็จะได้เห็น ผีแก่ตัวนี้ออกมาประกาศจะพาไทยคว้าแชมป์ไทเกอร์คัพ แชมป์ซีเกมส์ ให้พวกเวป thaifootball.org พร่ำเพ้อ ดีใจกันอีก ดีใจกันหลายกับการไล่ต้อนทีมเขมร ลาว บดชนะแบบหืดจับกับเวียดนาม ให้พวกควายแฟนบอลไทยดีใจ แล้วก็ขอเงินจากรัฐบาล ทำความฝันไปบอลโลกอีก แล้วก็ล้มเหลวอีก จากนั้นก็โละทีม ทำใหม่ เป็นวงจรไม่จบสิ้น ตัวมันลอยตัว

    สุดท้ายขอให้ตระ***ล เกตุแก้ว จงวิบัติ

    โดยคุณ เงาะ [22-09-2004 17:35]  

    -----------------------------------------------------------

    จากหน้าเว็ปเดียวกัน
    โดยคุณ ot [22-09-2004 22:33] #9648 (2/4)  

    เอามาให้อ่านกันเล่น ๆ
    save มาจาก 1000tip


    ผมดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศ ไต มา เกือบ ๆ สิบปี ไม่นับรวมที่ผมอยู่ในวงการฟุตบอลมาตลอดชีวิตของผม..ผมพัฒนาฟุตบอลประเทศนี้จนเจริญก้าวหน้าขึ้นไปจนถึงระดับ เจ้าซีเกมส์มา 5 สมัยแล้ว ล้มทีมพม่า และ เวียตนามอดีตทีมแถวหน้าเอเชียมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว...ก็ยังมีคนบางคนว่าผมไม่เก่งอีก..ก็เลยอยากระบายบ้าง
    จริง ๆ แล้วอยากให้พวกคุณกลับไปคิดดูให้ดีกว่า ผมเก่ง หรือมีวิสัยทัศน์หรือไม่ ผมไต่เต้ามาจากข้าราชการกรมพละศึกษาเล็ก ๆ คนหนึ่งหารายได้พิเศษจากการเป็นกรรมการผู้ตัดสิน...แม้แค่เป็นสิงห์เชิ้ตดำ ผมก็ยังพาตัวเองไปจนถึงระดับฟีฟ่า และ ตัดสินระดับเอเชีย ...แม้ว่าเคยเกิดเหตุการณ์นักบอลชาวโสมไล่กระทืบผมคาสนาม ผมถือว่านั่นแค่อุบัติเหตุ และ เป็นบททดสอบของคนคนหนึ่งที่ ผมพบว่าคนเราจะเก่งเหนือคนอื่นได้นั้น ต้องผ่านอุปสรรค และ ความกดดันมาอย่างโชคโชน จากเหตุการณ์ดังกล่าว ผมรู้สึกตัวเอง เก่งขึ้นเยอะ..และทำให้มีความเย็นชาต่อปัญหาและอุปสรรคได้ดี...
    คิดดูให้ดีสิ ผมเป็นข้าราชการกรมพละศึกษา เงินเดือนสองพันกว่าบาทสมัยนั้น การศึกษาผมก็ยังไม่ถึงปริญญาตรีเลย...ผมเริ่มต้นชีวิตมาจากไม่มีอะไรเลย ไม่ได้คาบช้อนเงินช้อนทองมา ฐานะก็เป็นเหมือนคนส่วนใหญ่ในประเทศไตในยุคนั้น ...แต่พวกคุณดูผมปัจจุบันสิ พวกคุณ (คนที่ด่าผม) ทำได้อย่างผมหรือไม่
    - ได้ตำแหน่ง ดร. นำหน้า ..ทั้ง ๆ ที่ผมไม่จบปริญญาตรีเลย
    - ประเทศเพื่อนบ้านทางใต้บางประเทศมอบตำแหน่ง ดาโต๊ะให้ผม ทั้ง ๆ ที่ผมเป็นคนไต...อาจจะเป็นอานิสงค์จากผมไปช่วยแก้ปัญหาการล้มบอลสมัยเมื่อสิบกว่าปีก่อน จนเป็นข่าวดังทั่วประเทศ ถึงขั้นบางคนสงสัยว่าผมมีส่วนร่วมด้วย
    - ผมเป็นนายกสมาคมกีฬาสมัครเล่น แต่สามารถเอา สส.มาเป็นลูกน้องได้ แต่งตั้งได้ จะปลดมันเมื่อไรก็ได้ ใครทำได้อย่างผมบ้าง
    - ผมกล้าหักหน้ารัฐมลตรีกีฬาของประเทศได้ แถมเอา สส.น้องรัฐมนตรีกีฬา(ที่เค้าเล่าลือกันว่าเป็นขาใหญ่ แห่งมณฑลอาคเนย์) มาเป็นลูกน้องอีกคนได้
    - ผมกล้าดัดหลัง นายทหารระดับ พล.อ ที่ขึ้นชื่อว่าสุภาพบุรุษตัวจริงเสียงจริงได้
    - ที่ดินที่มีเศรษฐีบริจาคให้เป็นที่ต้องสมาคมและสนามซ้อมของสมาคมฟุตบอลทีมชาติไต ผมยังกล้าเอาไปขายแล้วปิดข่าวได้

    - บริษัทฯ เบียร์ระดับชาติ (เบียร์แมว) ยังต้องมาคำนับผมเพื่อธุรกิจ
    - บริษัทฯ ผลิตชุดกีฬาระดับชาติ (FBL) ยังต้องเชื่อฟังผม
    - ทีวีทุกช่อง ยังต้องขออนุมัติจากผมก่อนในการถ่ายทอดสดการแข่งขันเมื่อทีมชาติแข่ง หนังสือพิมพ์กีฬาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ยังต้องเขียนข่าวตามที่ผมสั่ง
    - นักข่าวสายกีฬาแทบทุกสื่อ โดยเฉพาะสายฟุตบอลต้องเขียนเชียร์ผม หรือย่างน้อย ไม่เขียนโจมตีผม
    - ผมอายุ 60 กว่าแล้ว ยังมีเมียน้อยตั้ง 2 คน คนเล็กอายุ 21 พักอยู่อยู่ลำสาลี คนโต 30 ซื้อคอนโดให้ที่พัทยา..ใครอยู่พัทยาช่วย ๆ ดูให้ด้วย ผมกลัวมันมีกิ๊ก(เกี่ยวมั้ยเนี่ย !)
    - และอื่น ๆ อีกเยอะที่ผมไม่อยากจะบรรยายมาก

    ผมถามว่ามีใครทำได้ขนาดนี้บ้าง...ผมไม่อยากโม้ (ผมปล่อยให้ลูกน้องที่เป็น สส.โม้แทนแล้ว)...คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าฝืนเสื่อ...คตินี้ผมท่องจนติดใจตั้งแต่ ผมโดนพวก***หลีไล่กระทืบแล้ว (แต่นั่น.. แฮ่ ๆ คนชังเยอะไปหน่อย..มันไม่ใช่ทั้ง หนัง ทั้ง เสื่อ แต่มันเป็น ตีนดี ๆ นี่เองครับ ตีนที่มาทีเดียว เป็นสิบ ยี่สิบตีน)...เหตุการดังกล่าวทำให้ผมแข่งแกร่งขึ้นเยอะในด้านจิตใจและความสามารถในการอดทนอดกลั้น.....ผมยังเชื่อว่าคนไทยหลาย ๆ คนยังรักและชอบผมอยู่ (ผมจึงคิดสมัคร สส. สมัยหน้า) โดยเฉพาะหลักการบริหาร สูตรลับเฉพาะของผมเอง...ที่มีสถาบัน MBA ระดับโลก จากประเทศข้าง ๆ บ้านเราที่เคยเผาสถานทูตเรา เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้ติดต่อขอนำหลักการและวิธีบริหารของผมไปเป็นเคส สำหรับนักศึกษา เขาบอกว่าจะนำไปเป็นกรณีตัวอย่างให้แก่นักเรียน...ผมไม่รู้หรอกว่าจะเอาไปเป็นตัวอย่างในด้านไหน.....ผมยังไม่ใจอ่อนเลย สุดท้ายผมไม่อยากให้ความรู้และวิธีบริหารของผม ซึ่งผมถือว่าเป็นสมบัติของคนไตทุกคน ผมเลยตกลงใจให้ โรงพิมพ์ที่เป็นเจ้าของสื่อด้านกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เป็นคนเรียบเรียงประวัติ และ วิธีการบริหารของผม เสนอเป็นตอน ๆ ไป มีคนแต่งหนังสือแนวบริหารออกมาเยอะช่วงนี้ โดยเฉพาะคำว่า CEO เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยผมกำลังคิดชื่ออยู่ อาจจะใช้ชื่อ “ ซีอีโอ ปากหนา หน้าเหลี่ยม..ศาสตร์ในการบริหารองค์กรให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ตัวเอง” หรือ “ปากหนา หน้าเหลี่ยม ...โกง แบบไม่โกง” หรือ “ ปากหนา หน้าเหลี่ยม..Unbeatable CEO”
    หรือ อาจจะเป็นชื่ออื่น ๆ ที่ตอนนี้ผมยังคิดไม่ออก แต่ต้องรีบเร่งเพราะ บอลแพ้ 0-1 กระแสด่าผมเริ่มก่อตัว เป็นจังหวะดีที่ผมจะราดน้ำมันเข้าไปในกองเพลิงอีกครั้ง เพื่อจะดูว่าพวกที่ เก่งแต่ เย้ว ๆ ในเนตมันเก่งจริงหรือไม่...คอยอ่านกันต่อไปครับ

    ขอบคุณที่อ่านครับ
    ด้วยความจริงใจ และปรารถนาดี
    ดร. ดาโท๊ะ วีเจ ชั่ว  

    -----------------------------------------------------------
    ยังมีต่อ ...

     
     

    จากคุณ : Be_loveD - [ 16 ธ.ค. 47 10:24:54 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป