"ส.บอลยื่นของบ100ล.สู้ศึก10รายการ"
งบประมาณเสนอขอจากรัฐบาลเหยียบ 100 ล้านบาทสำหรับการเตรียมทีมชาติในปี 2548 ที่จะต้องสู้ศึกถึง 10 รายการ เน้นชุดซีเกมส์เป็นหลักให้เบี้ยเลี้ยงซ้อมวันละ 2,500 บาท ประกาศเรียกตัวเร็วๆ นี้ จำนวน 30 คน ซ้อมสัปดาห์ละ 3 วัน จบไทยลีกเก็บตัวยาว วางโปรแกรมชุบตัวแดนยุโรป และตะวันออกกลางเสริมแกร่ง ตั้งเป้าจะต้องเหรียญทองทั้งชายและหญิง สมาคมบอลยังไม่ระบุชัดเจนว่า ซิกกิ เฮลด์ จะนั่งตำแหน่งโค้ชหรือไม่ รอแถลงพร้อมกับเปิดตัวโค้ชแต่ละชุดพร้อมกัน ที่แน่ๆจะให้อำนาจสิทธิ์ขาดกับเฮดโค้ชในการตัดสินใจเพียงคนเดียว ทั้งการเลือกตัว, การซ้อม และเลือกผู้ช่วยโค้ชมาทำงาน โละทิ้งตำแหน่ง ผจก.ทีม มีเพียงคณะกรรมการบริหารทีมชาติคอยประสาน
หลังจากที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้แจ้งโปรแกรมการเตรียมทีมชาติที่จะเข้าแข่งขันรายการต่างๆในรอบปี 2548 ออกมาซึ่งมีอยู่ด้วยกันรวมแล้ว 10 รายการหลักๆ ก็คือ เยาวชน 13 ปีชิงแชมป์เอเชียที่ลาว, เยาวชน 17 ปี และ 19 ปี ชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก, ศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 23 ที่ฟิลิปปินส์, ฟุตบอลคิงส์คัพ ครั้งที่ 35, ฟุตบอลหญิงอายุ 17 ปีชิงแชมป์เอเชีย, ฟุตบอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก, ฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย, ฟุตซอลชิงแชมป์อาเซียน และฟุตซอลเอเชียนอินดอร์เกมส์ทั้งทีมชายและหญิง
เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ห้องประชุมสมาคมฟุตบอลฯ ทางคณะกรรมการบริหารทีมชาติก็ได้เรียกประชุมปรึกษาหารือถึงแนวทางในการเตรียมทีมขึ้น โดยมี "บิ๊กแนต" ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ประธานพัฒนาฟุตบอลแห่งชาติ, "บังยี" วรวีร์ มะกูดี เลขานุการสมาคมฟุตบอลฯ, พล.ต.อัครชัย จันทรโตษะ, นางนฤมล ศิริวัฒน์, เกษม จริยวัฒน์วงศ์, อดิศักดิ์ เบญจศิริวรรณ, ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน เข้าร่วมประชุม
หลังจากนั้นทางสมาคมฟุตบอลฯได้มอบหมายให้ "บิ๊กแนต" ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ เป็นผู้แถลงถึงรายละเอียดกับผู้สื่อข่าวว่า สำหรับโครงการในปีนี้อย่างที่ทราบกันแล้วว่าจะมีทีมชุดไหนเข้าแข่งขันรายการไหนกันบ้าง ซึ่งจะมีการเตรียมทีมกันเนิ่นๆตั้งแต่กลางเดือน ก.พ.เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังได้บรรจุในส่วนของการอบรมโค้ชที่จะมี อ.ชาญวิทย์ ผลชีวิน เป็นผู้ดูแลทำการอบรมทั่วประเทศตั้งเป้าที่จะผลิตโค้ชที่มีคุณภาพราว 1,000 คนตั้งแต่ระดับซี ไลเซ่นส์ ที่จะเยอะหน่อย เพราะเป็นพื้นฐาน บี ไลเซ่นส์ จะได้ประมาณ 100 คน และ เอ ไลเซ่นส์ อีก 50 คน การอบรมผู้ตัดสินก็ตั้งเป้าที่จะผลิตรุ่นใหม่ราว 1,200 คนกระจายทั่วประเทศ การตั้งศูนย์ข้อมูลนักเตะก็ได้เริ่มดำเนินการแล้ว โดยมีศูนย์อยู่ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อไปในอนาคต
นอกจากนี้ทางสมาคมยังเล็งเห็นในเรื่องของเบสิกขั้นพื้นฐานของนักเตะระดับเยาวชนว่าจะต้องได้รับการฝึกที่ถูกวิธี จึงได้มอบหมายให้กับ ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ในการเดินสายฝึกอบรมฟุตบอลทั่วทุกจังหวัดโดยอาจจะใช้เวลาถึง 4 ปี แต่อนาคตนักเตะไทยจะมีพื้นฐานการเล่นที่แน่นขึ้น ซึ่งจะเริ่มในเดือน มี.ค.ถึงปลายปีเลย
"ที่สำคัญเรื่องของสนามฝึกซ้อม และใช้แข่งขันแมตช์กระชับมิตรต่างๆที่ผ่านมาเราปวดหัวกันมาก จึงได้ประสานกับภาครัฐที่จะขอสนามฝึกซ้อมของ กกท.มาดูแลและบำรุงรักษาเอง โดยจะมีการซ่อมแซม และสร้างอัฒจันทร์ใหม่ด้วย เพื่อใช้เป็นโฮม สเตเดี้ยม ของสมาคมฟุตบอลฯต่อไป"
โดย "บิ๊กแนต" ได้ชี้แจงต่อว่า สำหรับการเตรียมทีมแต่ละชุดในสัปดาห์หน้าจะเสนอโครงการทั้งหมดถึงท่าน สนธยา คุณปลื้ม รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อที่จะถูกนำเข้าสู่การประชุม ครม ต่อไป ทั้งนี้ทางรัฐบาลเองก็มีนโยบายในการใช้กีฬาฟุตบอลเป็นโครงการนำร่องสู่อาชีพอยู่แล้วจึงไม่น่าจะมีปัญหา โดยงบประมาณที่จะขออนุมัติในส่วนของการเตรียมทีมทุกชุดกับ 10 รายการแข่งขันน่าจะเกือบ 100 ล้านบาท แต่อย่างต่ำ 80 ล้านบาทต้องมี
"โดยในปีนี้สมาคมฟุตบอลจะเน้นความสำคัญไปที่การทำทีมชุดซีเกมส์เป็นหลัก เพราะเรามีเป้าหมายเหรียญทองทั้งทีมชายและทีมหญิง เพื่อจะเรียกศรัทธากลับคืนมา เรามีเวลายาวนาน 8 เดือนเต็มๆที่จะทำทีมกัน โดยสัปดาห์หน้านี้จะมีการเรียกนักเตะชุดแรกจำนวน 30 คนมาซ้อมกันสัปดาห์ละ 3 วันก่อนจนกว่าจะจบไทยลีก จากนั้นจะเก็บตัวยาว โดยจะเดินทางไปชุบตัวที่ยุโรป และตะวันออกกลางด้วย เพื่อเสริมความแกร่งให้กับทีม ทั้งนี้ในส่วนของเบี้ยเลี้ยงทีมชาติจะยังคงได้รับในอัตราเดิมก่อนหน้านี้คือวันละ 2,500 บาท" บิ๊กแนต กล่าว
"ส่วนทีมชุดอื่นก็คงจะลดหลั่นกันลงไป และจะเตรียมทีมพร้อมๆกัน อย่างฟุตบอลหญิงอายุ 17 ปีก็จะเข้าแคมป์ 10 ม.ค.นี้ ส่วนชุดใหญ่ที่จะชิงแชมป์เอเชียจะเริ่ม มี.ค. ด้านฟุตซอลก็มี คุณอดิศักดิ์ที่ดูแลอยู่แล้วก็ไม่มีปัญหา ส่วนทีมเยาวชน 13 ปี 16 ปี และ 19 ปี ก็จะเรียกผู้รับผิดชอบไม่ว่า วัชร วัชรพล คุณกิตติรัตน์ ณ ระนอง และ สามารถ มะลูลีม มาปรึกษาอีกทีว่าจะเริ่มในช่วงไหน"
"ที่แน่ๆนโยบายของสมาคมฟุตบอลจากนี้ไป จะให้อำนาจสิทธิ์ขาดทั้งหมดกับเฮดโค้ชเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะจัดการไม่ว่าเรื่องของการเลือกตัวผู้เล่น การฝึกซ้อม และการเลือกผู้ช่วยโค้ชเองเพื่อที่จะได้มีการทำงานแบบสากลและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยแต่ละชุดจะมีทีมงานแบบมืออาชีพจำนวน 10 คนคือ เฮดโค้ช 1 คนผู้ช่วย 2 คน, โค้ชประตู 1 คน, นักฟิตเนส 1 คน, นักกายภาพบำบัด 1คน, แพทย์ประจำทีม 1 คน,หมอนวด 1 คน, นักจิตวิทยา 1 คน และเลขานุการทีมอีก 1 คน"
"ส่วนตำแหน่งผู้จัดการทีมต่อจากนี้เราจะลดบทบาทลงมา เป็นแค่ผู้ประสานงานเท่านั้น โดยจะมีคณะกรรมการบริหารทีมชาติดูแลทั้งหมด และจะส่งคนเข้าไปดูแลเป็นรายการๆไป แต่จะเข้าไปแทรกแซงการทำงานของโค้ชไม่ได้เด็ดขาด และที่สำคัญที่ถือเป็นมิติใหม่ก็คือ ในการเตรียมทีมซีเกมส์ที่เราวางเป้าต้องแชมป์นั้น ภาครัฐก็จะเข้ามาร่วมปรึกษาหารือในการวางแนวทางไปสู่เป้าหมายด้วย" ประธานพัฒนาฟุตบอลแห่งชาติ กล่าว
ด้าน "บังยี" วรวีร์ มะกูดี เลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯ ได้กล่าวเสริมในส่วนของการบริหารทีมว่า จะให้อำนาจกับทางโค้ชที่จะจัดการเต็มที่ โดยมีคณะกรรมการบริหารทีมชาติคอยประสานเท่านั้น จะไม่เข้าไปล้วงลูกในการทำงานเด็ดขาด ทั้งนี้จะมีการแบ่งแยกอย่างชัดเจนทุกชุด ส่วนโค้ชแต่ละชุดจะเป็นใครกันบ้างนั้นจะปรึกษาและกำหนดตัวอีกครั้ง
เมื่อถามถึงทีมชุดซีเกมส์โค้ชยังเป็น ซิกกิ เฮลด์ ดูแลตามเดิมหรือไม่ ก็ยังไม่มีคำตอบออกมาชัดเจน โดยทั้งหมดจะรอแจ้งอย่างเป็นทางการพร้อมกับทีมชาติชุดอื่นๆอีกครั้ง
http://www.siamsport.com/25480106-060.html
+-+ช่างหาเวลาขอเงินได้ดีจริงๆ สมาคมนี้ มาขอตอนที่คนอื่นเขาไปสนใจเรื่องอื่นอยู่ อย่างงี้ขอเรียกอาศัยกระแสภาคใต้ ชิงขอเงิน กลัวขอตอนอื่น แล้วคนจะมาด่าแน่เลย เฮ้อ!!! +-+
แก้ไขเมื่อ 07 ม.ค. 48 02:39:18
แก้ไขเมื่อ 07 ม.ค. 48 02:38:50