CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    นักเตะกตัญญู เดะบอลเลี้ยงครอบครัว

    เอกชัย วังคะพันธ์  นักเตะกตัญญู เดาะบอลเลี้ยงครอบครัว

    แสงตะวันสาดส่องทั่วท้องฟ้า แต่ปริมาณผู้คนบนพื้นที่สยามสแควร์ แหล่งชอปปิ้งชื่อดังกลางมหานครกรงเทพฯยังเต็มไปด้วยผู้คนที่เดินกันอย่างพลุกพล่าน

    วัยโจ๋ วัยรุ่น เด็กแนวที่ก้าวล้ำนำแฟชั่น ประหนึ่งคลอดออกมาจากแคตตาลอกนิตยสารชื่อดัง  ทั้งเอวลอย สายเดี่ยว  ยีนหลุดตูด  บวกกับแฟชั่นผมหัวทอง หัวแดง เดินโชว์ความมั่นใจกันเกือบทุกซอกซอยของสยาม

    แต่กลางเวทีแคทวอล์คของเมืองกรุง ท่ามกลางวัยรุ่นไทยที่กำลังตกเป็นเหยื่อ"เมืองขึ้นทางวัฒนธรรมชาติตะวันตก"  กลับมีเด็กหนุ่มจากเมืองเหนือสุดของประเทศ ได้รับควมสนใจจากผู้คนมากกว่าใครๆในย่านนั้น

    "เหน่ง"เอกชัย วังคะพันธ์ เด็กหนุ่มวัย 18 ปี จากโรงเรียนสามัคคีวิทยาคม2 จ.เชียงราย จังหวัดเหนือสุดของเมืองไทย ใช้พื้นที่บริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้าสยามเป็นสนามฟุตบอล  โชว์ลีลาทักษะการเดาะฟุตบอลให้กับผู้คนที่เดินสัญจรผ่านไปมา

    เปล่า..... เขาไม่ได้ใช้ลีลาการเดาะฟุตบอลเป็นเทคนิคพิชิตใจหญิงแน่นอน เพราะสูตรนี้คงยากที่จะประสบความสำเร็จกับสาวยุค 2005 แต่ว่า เหน่ง เดาะบอลเพื่อเลี้ยงชีวิต

    ฐานะทางบ้านของเหน่งถือว่ายากจนมาก พ่อกับแม่มีอาชีพเฝ้าสวนลำไย รายได้เดือนหนึ่งแค่ 4,000 บาท แต่ต้องเลี้ยงดูลูกถึง 4 คน ทำให้เหน่งต้องตัดสินใจเข้าเมืองกรุง มาหารายได้ส่งกลับไปช่วยเหลือที่บ้าน

    "ผมเป็นลูกคนโตต้องพยายามหารายได้ช่วยเหลือครอบครัว  จึงตัดสินใจเข้ามากรุงเทพฯ เพื่อเดาะฟุตบอลหาเงินไปให้ที่บ้าน โดยเฉพาะค่าเทอมที่ติดค้างกับโรงเรียนอยู่ รวมทั้งความตั้งใจที่จะมาเรียนต่อในกรุงเทพฯ เพื่อลุ้นเป็นนักฟุตบอลทีมชาติไทยด้วย เพราะคิดว่าถ้าอยู่เชียงราย ก็คงไม่มีโอกาสได้ติดทีมชาติแน่"

    เหน่งเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เมื่อปลายเดือนมีนาคม โดยอาศัยกับน้าที่มีนบุรี และมาเดาะฟุตบอลหาเงินที่สยามสแควร์ โดยเหน่งจะเริ่มเดาะบอลฟุตบอลตั้งแต่เวลา 16.00 - 19.30 น. ทุกวัน ซึ่งแต่ล่ะวันจะมีผู้คนมายืนดูลีลาและเกียรติบัตรรับประกันฝีเท้าของเหน่งอย่างหนาตาตลอด

    "ความจริงแล้วผมก็ไม่ได้เก่งเดาะฟุตบอลอะไรมากมาย แต่ว่าในทุกวันที่ซ้อมฟุตบอลเสร็จก็จะพยายามเดาะฟุตบอลไปด้วย พอเริ่มมีความสามารถมากขึ้น ผมก็เริ่มที่จะไปเดาะฟุตบอลโชว์เพื่อหาเงิน ก่อนหน้านี้ผมเคยเข้ามากรุงเทพฯแล้ว 2-3 ครั้ง ครั้งละประมาณ 4-5 วัน แต่ครั้งนี้ผมอยู่นานที่สุดเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจให้ได้

    เป้าหมายแรกในการหาเงินไช่วยครอบครัว น่าจะถือว่าใกล้สำเร็จตามหวังแล้ว เพราะแต่ล่ะวัน เหน่งได้รับน้ำจิตน้ำใจจากชาวเมืองกรุงแบบเต็มเปี่ยม รายได้แต่ล่ะวันเป็นหลักพันบาท แต่อีกเป้าหมายของเหน่งในการที่จะเข้าเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ยังเป็นอะไรที่ต้องพยายามต่อไป

    "ผมอยากจะเข้าเรียนที่กรุงเทพคริสเตียนมากที่สุด  เพราะเป็นโรงเรียนชื่อดัง น่าจะทำให้มีโอกาสถูกแมวมองดึงไปคัดทีมชาติมากที่สุด ตอนนี้ อ.ภูษิต จันทร์จิเรศรัศมี ให้ผมไปลองซ้อมกับทีมกรุงเทพคริสเตียนแล้ว  แต่จะผ่านการคัดเลือกตัวหรือเปล่ายังไม่สามารถตอบได้ในตอนนี้"

    แม้ว่าจะตั้งเป้าหมายหลักไปที่กรุงเทพคริสเตียน แต่เหน่งก็ไม่ได้ยึดติดกับทีม"ชงโคสีม่วง"แต่อย่างใด เขาเปิดใจว่าพร้อมที่จะไปเรียนสถาบันอื่นหากว่ามีคนต้องการ และเชื่อว่าดีกรีนักเตะเยาวชนเชียงรายที่เคยได้เหรีญทองแดงในกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ภาค 5 มาแล้ว ก็น่าจะมีศักยภาพพอที่จะลุยลูกหนังในเมืองกรุงได้

    เหน่งยืนยันว่าจะเดาะบอลที่สยามสแควร์ไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้มีทีเรียนต่อ และไม่สนใจว่าย่านนี้จะเป็นย่านวัยรุ่น ที่จะต้องอายสาวๆ เหมือนที่วัยรุ่นไทยส่วนใหญ่มักอายที่จะทำความดี

    "ที่สยามวัยรุ่นเยอะมาก รุ่นๆเดียวกับผมทั้งนั้น แต่ผมไม่รู้สึกอายหรือเขินเลยที่จะมาเดาะฟุตบอลเพื่อหาเงิน ผมมองว่าเป็นสิ่งที่ดีเสียอีกที่ทุกคนจะได้เห็นความตั้งใจของผม ที่ผ่านมาคนที่มายืนดูผมเดาะบอลก็คงเห็นความตั้งใจและเป้าหมายของผม ที่ผมต้องการหาเงินไปช่วยที่บ้านเลยมีน้ำใจให้เงินผม"
    .................................................................

    เยาวชนไทยที่กล้าจะทำความดี กล้าตามความฝันของตนเอง และมีความกตัญญูแบบนี้ สังคมไทยห้ามทอดทิ้งเด็ดขาด

    บางส่วนจาก นสพ.คมชัดลึก วันพฤหัสที่ 7 เมษายน 2548 สกูปพิเศษ หน้า 22  เรื่อง : บับเบิ้ล

    แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 48 22:42:01

    จากคุณ : ฉาน - [ วันจักรี 22:32:15 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป