ความคิดเห็นที่ 28
จากความคิดเห็นที่ 23 "...แต่ผมไม่อยากคิดว่า " ไม่ได้ฝึกมวยไทย ก็คงไม่ตาย " ถ้าคนไทย คิดแบบนี้ มวยไทย หายไปจากโลกนี้แน่ๆ "
เป็นความคิดของเด็กๆ นะครับ การฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ทุกชนิด มีปัจจัยประกอบด้วยกันหลายอย่าง ทั้งร่างกาย,สุขภาพ,อายุ,น้ำหนัก,ขนาดร่างกาย,กำลังทรัพย์ ฯลฯ ประกอบกัน การเลือกฝึกศิลปะการต่อสู้ที่เหมาะสมจึงต้องคำนึงถึงปัจจัยรอบด้านทุกอย่างด้วยเสมอ บางคนมีสุขภาพไม่ดีมาแต่กำเนิด,บางคนก็มีอาการเจ็บป่วยเรื้อรังจากโรคประจำตัว เช่นโรคหัวใจ,โรคปอด,บางคนก็ประสบอุบัติเหตุ ทำให้ร่างกายใช้งานได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย, บางคนก็อ้วนมากเกินไป รวมถึงคนที่มีโรคความดันสูงหรือต่ำเกินไปประกอบด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ไม่เหมาะกับการฝึกฝนมวยไทยเป็นอย่างยิ่ง การจะไปบังคับว่าเป็นคนไทยแล้วต้องไปหัดมวยไทยทั้งๆ ที่ร่างกายยังขาดความพร้อม ก็ถือว่าเป็นการทรมานสังขารร่างกายของตัวเองไปเปล่าๆ สิ่งที่ได้มากลับไม่ใช่สุขภาพที่ดีหรือฝีมือที่ดีขึ้น แต่จะเป็นความเจ็บป่วยเรื้อรังที่เพิ่มมากกว่าเก่ามากกว่า ยิ่งหักโหมฝึกไปก็อาจบาดเจ็บจนถึงพิการได้
อย่างนี้ถ้าฝึกไป คงได้ตายสมใจแน่ๆ
ด้วยปัจจัยทางด้านสุขภาพ ผมก็ไม่ได้ศึกษามวยไทยดังเหตุผลที่ได้กล่าวมาแล้ว เนื่องจากสังขารรองรับการต่อการออกแรงอย่างหนักไม่ไหว ดังนั้นผมจึงเลือกกการฝึกมวยจีนภายในเป็นหลักมากกว่า ที่มีการเคลื่อนไหวช้าๆ ประกอบกับการปรับการหายใจที่ถูกต้อง เน้นการปรับสมดุลของอวัยวะภายในร่างกายให้แข็งแรง มากกว่าการรักษาหุ่นให้สวยงามแต่ภายนอกเหมือนอย่างศิลปะการต่อสู้อื่นๆ ที่เน้นการออกแรงแต่กล้ามเนื้ออย่างเดียว
อดีตผมก็เคยมีโรคประจำตัวคือโรคปวดไขข้อรูมาตอยตั้งแต่สมัยสมัยมัธยม รักษามาหลายที่ก็ไม่หายขาด เคยนอนซมอยู่ในบ้านนานถึงหกเดือนโดยแทบจะไม่ได้ออกนอกบ้านเลยสักครั้ง เนื่องจากมีอาการข้อบวมมากจนเดินไม่ได้ แม้ว่าจะขึ้นบันได้บนบ้านแค่สองชั้นก็ตาม ก็ต้องใช้เวลาเดินขึ้นนานเกือบครึ่งชั่วโมง ใช้เวลารักษาตัวนานเกือบสองปีจนสามารถเดินเหินได้ แต่ก็ยังไม่ปรกติเหมือนเดิมเท่าไหร่ เนื่องจากเป็นผลพวกของอาการที่ตกค้างมาก่อน แม้แต่นั่งขับถ่ายเหมือนเมื่อก่อนก็ยังทำไม่ได้ ต้องอาศัยขาหยั่งช่วยในการนั่งขับถ่าย เหตุการณ์ก็ยังเป็นอย่างนี้อยู่หลายเดือน แพทย์ที่ได้ทำการรักษาก็เคยบอกให้ทราบเป็นนัยๆ ว่าโรคนี้ไม่มีทางหายขาด แต่จะมีอาการผันแปรไปตามสุขภาพที่เป็นอยู่ ถ้าร่างกายอ่อนแอลงเมื่อไหร่ก็จะกลับมาเจ็บป่วยเหมือนเดิมอีก พร้อมทั้งย้ำกับผมว่าต้องหมั่นดูแลร่างกายให้ดีอย่าให้เจ็บป่วยอีก เมื่ออากาศเย็นลงจะมีอาการปวดข้อกลับมาเล่นงานอีก ให้ระวังให้ดี...ซึ่งก็เป็นดังที่แพทย์ได้รายงานไว้ทุกอย่าง
แต่หลังจากที่ผมเริ่มตันหัดมวยไทเก็ก ๒๔ ท่าฉบับกระทรวงศึกษาธิการของจีน รวมทั้งฝึกชี่กงเบื้องต้นง่ายๆ เป็นประจำเรื่อยมาก ปรากฏว่าอาการปวดข้อก็ได้หายไป อาการข้อยึดติดที่เคยเป็นหลังจากที่หายจากการรักษาใหม่ๆ ก็เริ่มหมดไป จนกลายเป็นสามารถเหยียดยืดได้มากกว่าเดิม,สามารถกลับมานั่งขับถ่ายได้เป็นปรกติเหมือนเมื่อก่อนโดยไม่ต้องอาศัยขาหยั่งเหมือนตอนป่วยอีก สุขภาพก็เริ่มแข็งแรงขึ้นเป็นลำดับ จากที่เคยป่วยต้องเข้ารับการรักษาเป็นประจำทุกปี ปีหนึ่งต้องหาหมออย่างน้อยสองครั้ง ก็เป็นไม่ได้เจ็บป่วยอีกเลย
หลังจากนั้นผมก็ฝึกเพิ่มเติมอย่างอื่นบ้าง เช่นการบริหารเท้า,ชี่กงเบื้องตนเพิ่มเติม รวมเวลาฝึก ตั้งแต่หายป่วยจนถึงปัจจุบันเป็นเวลาทั้งสิ้นรวมแปดปี ตอนนี้ขาแข็งแรงกว่าเมื่อก่อนมาก จนอาจจะดีกว่าตอนก่อนป่วยเสียอีก สามารถยกเท้าได้สูงเกือบเท่าศีรษะทั้งๆ ที่เมื่อก่อนยังทำไม่ได้ วิ่งได้เหมือนอย่างเคยทั้งๆ ที่ไม่ใช่คนที่เคยวิ่งเป็นประจำ ไม่มีความเจ็บป่วยมาตลอดแปดปีที่ผ่านมา เท่าที่จำความได้เคยเข้าคลีนิคหาหมอแค่สองครั้ง เนื่องจากอาการเวียนศีรษะแบบไม่ทราบสาเหตุ กินยานอนพักวันเดียวก็หาย
ยืนยันว่าเป็นคนไทย ยืนตรงเมื่อเคารพธงชาติทุกครั้ง ไปคัดเลือกทหารเมื่อถึงเวลาเกณฑ์ ไม่เคยคิดหลบหนีเหมือนอย่างใครบางคนที่อ้างความเป็นคนไทยแต่ปาก ที่เวลาเกณฑ์ทหารก็กลัวจนสลบ หรือไม่ก็ไปเรียน รด.เพื่อหวังไม่โดนเกณฑ์
แต่ที่สำคัญคือเป็นคนไทย แต่ไม่จำเป็นต้องยัดเยียดความเป็นไทยให้ครับ คนไทยจะเรียนอะไรก็ได้ ขอให้เป็นคนดีก็พอ ชีวิตการฝึกศิลปะการต่อสู้ผมไม่ได้เอาไปท้าตีท้าต่อยกับใคร ไม่เคยคิดเอาวิชาความรู้ไปชิงดีชิงเด่นกับใครตลอดชีวิต เรียนไว้เพื่อรักษาสุขภาพมากกว่า กับรักษาชีวิตเมื่อยามจำเป็น
อย่าไปคิดเลยครับว่าการแข่งขันมันจะเหมือนกับการต่อสู้จริง คนชนะในเกมส์มีมากมาย แต่คนที่ชนะในชีวิตกลับมีไม่มาก คนที่มีประวัติดีเด่นในการแข่งขัน อาจโดนคนที่มีประสบการณ์ชีวิตมากกว่าเล่นงานได้อยู่เสมอๆ ชีวิตอันนี้มีแต่ตอนออกจากมหาวิทยลัยเท่านั้นถึงจะรู้ เรียนมวยจนชกคนสลบได้ ฟันดาบจนศัตรูยอมแพ้ได้ แต่เอาชีวิตรอดจากลูกปืนโจรได้หรือเปล่านั่นก็คนละเรื่องกัน
คนแต่ละคนมีเส้นทางของตนเอง ใครรักมวยไทยก็หัดไปเถิดครับ คนรักมวยจีนก็หัดมวยจีน ชอบเทควันโดก็หัดเทควันโดไป ยังไงๆ เราก็คนไทยพี่น้องกันเหมือนเดิม ไม่เห็นต้องจำเป็นต้องแบ่งเขาแบ่งเราเลยนี่ ขออย่างเดียว เรียนอะไรแล้ว ก็อย่าเอาไปโอ้อวดหรือดูถูกคนอื่นก็พอ นั่นมันความคิดของเด็กๆ น่ะครับ เหมือนกับได้ของเล่นใหม่แล้วเอามาอวดว่าของฉันดีกว่า ของแกไม่ดี ของฉันคนไทย แกมันต่างชาติ ฯลฯ หาใช่ความคิดของคนที่รักศิลปะการต่อสู้ด้วยกันไม่
จากคุณ :
สมชาย แซ่เบ๊
- [
24 พ.ค. 48 03:14:08
A:202.14.68.239 X:
]
|
|
|