ความคิดเห็นที่ 1 โรคกระดูกพรุน ภาษาทางแพทย์เขาเรียกว่า Osteoporosis ฝรั่งที่ไม่ใช่หมอเขาก็ใช้คำนี้กันครับ Osteo ก็แปลว่า กระดูก porosis ก็มาจากคำว่า pore ที่แปลว่ารูหรือโพรง เอามาสนธิกันก็กลายเป็นภาวะที่กระดูกเป็นรูหรือเป็นโพรง อาจจะเรียกว่า มวลกระดูกลดลงก็ได้ บางคนก็เรียกโรคกระดูกบาง ( สำหรับคำว่า Osteo ยังใช้ได้กับอีกหลายกรณีเช่น Osteopolish แปลว่า กระดูกขัดมัน ถ้าหนังเหนียวด้วยอาจเติมคำว่า sticky chewy ด้วยก็ได้ครับ ..แฮะๆ อันนี้ผมเติมเอง มิใช่ศัพท์แพทย์ครับ อย่าสับสน ) จากคุณ : papamint - [ 23 พ.ค. 48 14:18:54 ]

ความคิดเห็นที่ 2 มีความเข้าใจผิดบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องกระดูกพรุนที่พวกเราต้องทราบ ( อันนี้จะเรียกว่าเป็นการขู่เรียกน้ำย่อยก็ได้ครับ แต่เป็นเรื่องจริงนะ จะบอกให้ ) 1. โรคกระดูกพรุนเป็นโรคที่ WHO ให้ความสำคัญเป็นอันดับสอง รองจากโรคหัวใจเนื่องจากเป็นโรคที่เป็นสาเหตุการตายของประชากรโลกเป็นอันดับสอง 2. โรคกระดูกพรุนไม่ใช่โรคของคนสูงอายุ ตามรายงานพบว่า ผู้หญิงบางคนที่ไม่ได้มีโรคอื่นใด อาจตรวจพบว่าเริ่มมีโรคกระดูกพรุนได้ตั้งแต่อายุ 25 ปี 3. โรคกระดูกพรุนไม่ได้ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตโดยตรง แต่จะทำให้เป็นต้นเหตุของโรคอื่นๆ อีกมากมายเช่น ถุงลมโป่งพอง โรคหัวใจล้มเหลว โรคไต และอื่นๆ อีกมากมาย 4. การทานแคลเซียมไม่ได้ทำให้ภาวะโรคกระดูกพรุนลดลงแต่ประการใด 5. ผู้หญิงทุก 10 คนจะเป็นโรคกระดูกพรุนเสีย 4 คน ส่วนผู้ชาย 10 คนจะเป็นโรคกระดูกพรุนเสีย 1 คนเศษ ..เห็นไหม บอกให้เกิดเป็นผู้ชายก็ไม่เชื่อ เดี๋ยวมาต่อเด้อ................... จากคุณ : papamint - [ 23 พ.ค. 48 14:20:07 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อึมมมม กระดูกขัดมัน อิอิ จากคุณ : chonfish - [ 23 พ.ค. 48 14:41:53 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ก่อนจะรู้จักโรคกระดูกพรุน เรามารู้จักกระดูกของเราก่อนนะครับ กระดูกที่เห็นแข็งๆ ในร่างกายคนเราเป็นสิ่งมีชีวิตนะครับ กระดูกจะมีการสร้างและการถูกทำลายในเวลาเดียวกัน ตลอดเวลาจะมีแคลเซียมเข้าไปในกระดูก และก็จะมีแคลเซียมออกจากกระดูกด้วย ในเด็กวัยเจริญเติบโตแคลเซียมจะเข้ามากกว่าออก ส่วนในวัยชราแคลเซียมก็จะออกมากกว่าเข้า ส่วนวัยเราๆ ท่านๆ ก็เข้าๆ ออกๆ พอๆ กันครับ ดังนั้นการบริโภคแคลเซียมจึงเป็นสิ่งจำเป็นตั้งแต่เกิดจนแก่เลยครับ อ้าว ..อย่าเพิ่งงง เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟัง จากคุณ : papamint - [ 23 พ.ค. 48 15:43:13 ]

ความคิดเห็นที่ 5 พูดถึงเรื่องแคลเซียม ยังมีความเข้าใจกับผิดอยู่มาก ทั้งนี้คงจะเป็นเพราะบริษัทที่เขาขายแคลเซียมอยากให้เราเข้าใจผิดนะครับ ถ้าผมจะแบ่งแคลเซียมออกเป็นสองประเภท ประเภทแรกคือแคลเซียมที่มีอยู่ในอาหาร อันนี้เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเหลือเกิน กับอีกประเภทคือแคลเซียมอย่างเม็ด อันนี้ร่างกายบอกว่า ไม่ค่อยรู้จัก ทานแล้วก็จะไม่ค่อยดูดซึม บอกได้ว่า หลอดละ 100 บาท ร่างกายจะดูดซึมเข้ากระแสเลือดประมาณ 9 บาท และถูกดึงเข้าไปในกระดูกประมาณ 1-2 สตางค์ ในขณะที่นมถั่วเหลืองที่ต้มขายหน้าบ้าน 5บาท ร่างกายจะดูดซึม 4 บาท และถูกดึงให้เข้าไปในกระดูกประมาณ 3 บาท 50 สตางค์ เพราะฉะนั้น ถ้าอยากทานแคลเซียมเม็ดให้ได้ประโยชน์เท่านมถั่วเหลือง ต้องซื้อแคลเซียมประมาณ 20,000 บาท ..อ้าว จะรีบไปไหนล่ะครับ..อ๋อ จะไปซื้อนมถั่วเหลืองก็ไม่บอก จากคุณ : papamint - [ 23 พ.ค. 48 15:43:45 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ทีนี้ก็มาพูดถึงเรื่องโรคกระดูกพรุน โรคกระดูกพรุนก็คือโรคที่ร่างกายสร้างกระดูกไม่ทันกับที่ร่างกายทำลายกระดูกไปนั่นเอง เปรียบเหมือนบัญชีกระแสรายวันที่มีแต่เงินออก ไม่มีเงินเข้า การสร้างกระดูกของร่างกาย ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่างเช่น 1. อายุ ตรงไปตรงมาครับ แก่มากก็สร้างน้อย 2. เพศ เพศหญิงจะแย่หน่อย แต่ผู้ชายก็โดนปัจจัยอื่นด้วยเหมือนกันครับ 3. ภาวะหมดประจำเดือน อันนี้รุนแรงมาก เหมือนเราให้สรรพากรเก็บภาษีโดยตัดบัญชีกระแสรายวันเราอย่างนั้นแหละครับ ดูยอดเงินคงเหลือแล้วแทบทรุด สามอันแรกอย่าไปใส่ใจเลยครับเพราะเราควบคุมไม่ได้ จะแปลงเพศเป็นชายก็คงไม่คุ้มกัน 4. โรคเรื้อรังเช่น โรคตับ โรคไต 5. บุหรี่ 6. แอลกอฮอล์ 7. การขาดการออกกำลังกาย 8. การขาดสารอาหารโดยเฉพาะ แคลเซียม ห้าอันหลังนี่น่าสนใจเพราะเราควบคุมได้จริงไหมครับ จากคุณ : papamint - [ 23 พ.ค. 48 15:45:05 ]

ความคิดเห็นที่ 7 โรคกระดูกพรุนนี่รุนแรงขนาดมีการตั้งมูลนิธิเพื่อต่อต้านโรคนี้เลยนะครับ เรียกว่า IOF ย่อมาจาก International Osteoporosis Foundation เห็นไหมครับว่าปัญหานี้รุนแรงไม่น้อย IOF เขาสรุปแนวทางอย่างนี้ครับ “ มีอยู่สองสิ่งที่สามารถป้องกันโรคกระดูกพรุนได้คือ การออกกำลังกายและ การบริโภคอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม “ ขยายความดังนี้ครับ เขาพบว่า ตัวที่จะนำเอาแคลเซียมเข้าไปในกระดูกได้ และตัวที่จะกระตุ้นให้เซลกระดูกสร้างกระดูกนั้นคือ การที่มีแรงมากระทำตรงกระดูกนั้นๆ เมื่อมีแรงมากระแทก มายืด มากด มาโยกกระดูก ร่างกายจะเกิดภาวะรับรู้ว่า ตรงบริเวณนั้นกระดูกแข็งแรงไม่พอ จะมีการสร้างกระดูกขึ้น แต่การสร้างกระดูกจำเป็นต้องใช้แคลเซียมในเลือดด้วย เพราะฉะนั้น สองสิ่งที่จำเป็นก็คือ การออกกำลังกายและการทานอาหารที่มีแคลเซียมครับ จากคุณ : papamint - [ 23 พ.ค. 48 15:46:41 ]

ความคิดเห็นที่ 8 สรุปนะสรุป 1. ตรวจสุขภาพปีละครั้ง ( ทีรถยังเอาเข้าศูนย์ทุกสามเดือนไม่เห็นต้องรอให้มีอาการเลย ร่างกายเราสำคัญกว่ารถ ไม่เช็คกันเลยก็แย่ ) แล้วก็ตรวจมวลกระดูกเสียด้วย 2. ออกกำลังกายเป็นประจำ กอล์ฟอาจจะไม่พอนะครับ หากีฬาอย่างอื่นที่เสริมสร้างสมรรถนะให้ร่างกายมากกว่ากอล์ฟก็ดีนะครับ jogging ว่ายน้ำ aerobic อะไรก็ได้ครับ 3. ดื่มนมเป็นประจำทุกวัน นมถั่วเหลืองดีที่สุด ถ้าไม่ชอบอาจเน้นผักเขียว ปลาข้าวสาร น้ำพริกนี่สุดยอดเพราะกะปิทำมาจากกุ้งตัวเล็กไง จิ้มกับผักบุ้ง .แซ่บ 4. ถ้าหลีกเลี่ยงบุหรี่ แอลกอฮอล์ได้ก็ดีนะครับ จากคุณ : papamint - [ 23 พ.ค. 48 15:47:35 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นไหมครับ โรคกระดูกพรุนที่น่ากลัว เราป้องกันได้ไม่ยาก เพียงแต่ใส่ใจสุขภาพสักนิด รักษาตัวเองให้ถูกทางแค่นี้ก็เหลือเฟือแล้วครับ อีกอย่างที่อยากจะบอกคือ การรักษาโรคกระดูกพรุนปัจจุบันยังไม่ค่อยดีเท่าที่ควร อย่ารอให้ถึงวันนั้นเลยครับ ป้องกันซะก่อนจะได้เล่นกอล์ฟกันนานๆ อยู่ฉลองชัยชนะตอน Cyber Cup 50th.ไงครับ สวัสดีครับ จากคุณ : papamint - [ 23 พ.ค. 48 15:48:18 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณครับ จากคุณ : ชัย - [ 23 พ.ค. 48 15:54:36 A:161.200.255.225 X:161.200.255.162 TicketID:090801 ]

ความคิดเห็นที่ 11 โหวตเจ้าคะ... ถามอีกนิดเจ้าคะ ทำไมโรคกระดูกพรุน มันถึงลามไปถึงหัวใจ กับไต ละเจ้าคะ จากคุณ : นู๋หวึ่ง - [ 23 พ.ค. 48 15:56:19 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เป็นคำถามที่ดีครับ โรคกระดูกพรุนนี่ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเสียไป คนเป็นโรคกระดูกพรุนนี่เวลาล้มเอาอะไรลงอันนั้นก็หัก ในคนที่กระดูกสะโพกหักแล้วเป็นโรคกระดูกพรุนนี่รักษายากมากเหมือนซ่อมประตูที่ปลวกกิน ผู้ป่วยก็ต้องนอนแซ่วอยู่บนเตียง โอกาสเป็นทางเดินปัสสาวะอักเสบ ทางเดินหายใจอักเสบ  กล้ามเนื้อหัวใจตายทั้งเฉียบพลันและหัวใจล้มเหลวก็มีได้มากครับ....... จากคุณ : papamint - [ 23 พ.ค. 48 16:05:38 ]

ความคิดเห็นที่ 13 โห....มางวดนี้ฟอร์มแปลกครับท่าน....เขียนเรื่องน่ากลัวให้กลายเป็นเรื่องน่าอ่าน! ยอด  ยอด โรคกระดูกพรุนพอได้อ่านมาบ้างแต่ไม่แจ่มแจ้งแดงแจ๋แบบที่คุณหมอลูกสาวสวยอธิบายครับ คนใกล้ตัวใกล้ใจผมก็อยู่ในข่ายที่ว่าจนต้องวานคุณหมอช่วยดูแลอย่างใกล้ชิด เกิดมาก็เพิ่งจะวันนี้เองที่ได้รู้จักโรค Osteopolish อิ๊ด..อิ๊ด.. หมอเคยตรวจผมแล้วไม่ใช่เหรอ    ผมคงไม่ได้เป็นโรคนี้ใช่ไหมครับ? ขอบคุณแทนเพื่อนๆพันทิพย์ทุกคนที่ได้รับวิทยาทานในครั้งนี้จากคุณหมอ ท่านเป็นเพื่อน"ผู้มีพระคุณ" อีกท่านนึงสำหรับครอบครัวผมทีเดียว ขอผลบุญจงดลบันดาลให้คุณหมอประสบแต่ความสุขความสำเร็จ กลับบ้านดึกก็ไม่มีการซักถาม  ตีกอล์ฟเก่งหวังพาร์ก็ได้เบอร์ดี้  หวังโบกี้ออกทริ้ปเปิ้ล เพื่อนที่ชักดาบไปก็กลับใจมาจ่ายค่าป๊อยน์แถมดอกเบี้ย(เอ๊ะ..ใครนะ?) ขอให้หนุ่มๆมาจีบลูกสาวเยอะๆ..อึ๋ย..ไม่ใช่ ขอโทษ  ขอโทษ ขอให้ลูกสาวเรียนเก่งๆและประสบความสำเร็จดังใจหวัง ขอให้แม่บ้านใจดีไม่บ่นมีแต่สนับสนุนให้หมอไปเล่นกอล์ฟ โอม........เพี้ยง! จากคุณ : Uncle Tee - [ 23 พ.ค. 48 17:22:48 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณมากครับพี่หมอ... มีข้อสงสัยนิดหน่อยครับพี่ เจ้าโรคนี้เกี่ยวรวมไปถึงไขข้อ ไขกระดูกด้วยหรือเปล่าครับคือคุณแม่ผมท่านเคยล้มขาหักตรงบริเวณแข้งพักหลังนี้เดินมากๆหรือขึ้นบันไดบ่อยๆมักจะบ่นปวดเข่าครับ... ส่วนอีกอันในข้อ 5. ส่วนผู้ชาย 10 คนจะเป็นโรคกระดูกพรุนเสีย 1 คนเศษ .. แสดงว่าผู้ชาย 1 คนกับอีก 1 กระเทยมีโอกาสเป็นมากกว่าใช่เปล่าครับพี่... จากคุณ : เพิ่งจะหัด (ผมชื่อต้น) - [ 23 พ.ค. 48 17:28:27 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คุณหมอขา....การทานแคลเซียมเสริมละค่ะ พอจะช่วยลดโอกาสการเป็นโรคนี้หรือป่าว แบบว่าตอนนี้คุณแม่ทานอยู่ทุกวันอะค่ะ เม็ดเบ้อเริ่ม จากคุณ : ชาเขียว_red tee - [ 23 พ.ค. 48 17:32:15 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณครับคุณหมอ.... ผมเคยอ่านเจอว่า การเล่นยกน้ำหนักในกลุ่มผู้สูงวัยก็ช่วยเรื่องนี้ได้...ซึ่งก้เป็นการออกกำลังกายชนิดหนึ่งดังที่คุณหมอบอกมาน่ะครับ การทานแคลเซี่ยมอย่างเดียว   แคลเซี่ยมจะถูกนำไปใช้ประโยชน์ได้มากน้อยแค่ไหนครับ? จากคุณ : SUER - [ 23 พ.ค. 48 19:09:59 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณครับพี่หมอ เมื่อก่อนพอจะหากระดูกอ่อนๆกินได้บ้าง เลยไม่มีปัญหาเรื่องกระดูกพรุ่น แต่เดี๋ยวนี้ นอกจากจะหากินยากแล้ว ยังจะโดนกินกลับซะอีกด้วย จะเล่นทางลัดด้วยการกินแคลเซี่ยมเม็ด พี่หมอก็ว่าไม่ค่อยได้ผล ผมว่าจะปั้นกะปิเป็นลูกกลอน กินหลังอาหารและก่อนนอนทุกวัน จะช่วยให้กระดูกขัดมัน เอ๊ย แข็งแกร่งขึ้นเหมือนเดิมมั้ยครับ อิอิอิ จากคุณ : พลภัทร - [ 24 พ.ค. 48 08:42:16 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณลุงทีมากครับสำหรับคำอวยพร ส่วนของน้องต้น.....โรคข้อคือปัญหาของบานพับประตู แต่โรคกระดูกพรุนคือปัญหาของเนื้อไม้ประตู จะว่าคนละเรื่องก็ได้ จะว่าเกี่ยวข้องกันก็ได้เพราะสองปัญหาทำให้ประตูใช้การไม่ได้ครับ คุณชาเขียว กับคุณ SUER ครับ แคลเซียมเม็ดได้ผลไม่คุ้มค่าครับ หมอบางท่านก็ให้ผู้ป่วยด้วยมุมมองที่ว่า ไม่เสียหายอะไร เป็นหมอมานั่งบอกให้ผู้ป่วยทานน้ำเต้าหู้ดูมันไม่สมฟอร์ม ต้องสั่งแคลเซียมเม็ดถึงจะดูดี แต่ความเป็นจริงก็คือผมยังไม่เคยเห็นหมอคนไหนทานแคลเซียมเม็ดเลย เหมือนที่ยังไม่เคยเห็นหมอตาคนไหนทำเลสิค ครูสะอาดครับ ผมก็ได้ข่าวมาเหมือนกันว่า หมู่นี้ครูเคี้ยวกระดูกอ่อนแล้วกระดูกอ่อนติดคออยู่บ่อยครั้ง ผมว่าครูแค่เขียนเสือที่กระพุ้งแก้มก็พอแล้วครับ คนเขากลัวกันทั้งเมือง จากคุณ : papamint - [ 24 พ.ค. 48 08:56:13 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณมากๆ เลยครับพี่หมอ ไม่ค่อยรู้จักโรคนี้เท่าไหร่เลยอ่ะ โรคกระดูดพรุนนี่ไม่รู้จะเป็นเหรือปล่าว แต่ตอนนี้ข้อต่อต่างๆ ในร่างกายมันหลวมๆ อ่ะ มีเสียงลั่นดังกร๊อบๆๆ เวลาโดนชาวบ้านเคี้ยว แง้ๆๆๆ แล้วไออาการกระตุกๆ ตอนจะพัตอีก ยังมะหายเล้ยยยย............. เจ็บไหล้ข้างซ้ายไปถึงต้นคอ หลายโรคเหลือเกิน ว่างๆ จะโทรไปปรึกษานะครับพี่คงเป็นที่กว้างๆ หญาเขียวๆ ที่ไหนซักทีนะ อิอิ จากคุณ : ...แมวเป็นไข้... (...LaZeR...) - [ 24 พ.ค. 48 09:17:13 ]

ความคิดเห็นที่ 20 กราบขอบพระคุณในความรู้ที่ถ่ายทอดสู่เพื่อนๆ ครับ ขอความดีของพี่หมอจงเป็นปัจจัยให้พี่มีความสุขกับกอล์ฟและชีวิตครับ จากคุณ : จุ๊ - [ 24 พ.ค. 48 09:19:07 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณครับพี่... เจ้าแมวถ้าน้องยังไม่เลิกตีไกลขนาดนี้อีกหน่อยต้องเป็นโรคกระดูกหลุดเป็นชิ้นๆแน่เลย... จากคุณ : เพิ่งจะหัดเป็นกระดูกอ่อน (ผมชื่อต้น) - [ 24 พ.ค. 48 09:27:39 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณมากครับคุณหมอ หมดขวดนี้ก็จะเลิกกิน ประหยัดได้โขครับ ปกติผมชอบดื่มไวตามิลค์ เมื่อเทียบกับน้ำหู้ผลที่ได้จะเป็นอย่างไรครับ จากคุณ : วิโรจน์ (Vstar) - [ 24 พ.ค. 48 09:59:04 ]

ความคิดเห็นที่ 23 สงสัยประเด็นเพิ่มเติมอ่ะครับ ที่บอกว่าหมอตา ไม่ทำเลสิก ทำไมเหรอครับ เลสิกไม่ดียังไงหรือครับ จากคุณ : milkshaq - [ 24 พ.ค. 48 10:08:36 A:203.188.9.201 X: TicketID:096964 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อิอิ...น้องเหลี่ยมเรายังคงเอกลักษณ์เหมือนเดิมนะครับ เกิดมาเพิ่งเคยได้ยินคำว่ากระดูดก็วันนี้แหละ   ที่ผมเขียนลงในพันทิพย์ถ้าเป็นประโยชน์ก็ยังนับว่าน้อยกว่าประโยชน์ที่น้องเหลี่ยมทำให้กับพันทิพย์เลยครับ   คุณวิโรจน์ครับ ไวตามิลค์มีสองอย่างครับ กล่องขาวเป็นนมถั่วเหลืองผสมกับนมวัว ส่วนกล่องเหลืองเป็นนมถั่วเหลืองล้วนๆ ผมว่าประโยชน์โดยหลักการคงเหมือนกับน้ำเต้าหู้หน้าซอย แต่โดยวิธีการน่าจะมีคุณค่าน้อยกว่าจากกระบวนการผลิตครับ   คุณ milkshaq ครับ การทำเลสิคเป็นสิ่งดีครับ แต่ยังไม่ "อิ่มตัว" ครับ ถ้าเป็นวิชาการก็คือยังอยู่ใน learning curve อยู่ ผมเป็นคนที่มีปัญหาเรื่องสายตามาก อยากทำเลสิคใจจะขาด แต่ยังรอให้ถึงจุดอิ่มตัวก่อนครับ ผมมักจะบอกกับทุกคนว่าเมื่อไหร่ที่เลสิคมีเป็นเครื่องหยอดเหรียญตามห้างสรรพสินค้าแล้วค่อยไปทำครับ ผมอาจจะอยู่ไม่ถึงนะ จากคุณ : papamint - [ 24 พ.ค. 48 10:23:05 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณมากครับ.... คุณหมอ เป็นประโยชน์มากจริงๆครับ จะติดตามอ่าน " โรค " อื่นๆที่คุณหมอเขียนต่อไปเหมือนตามอ่านเรื่องพี่ทองฯครับ จากคุณ : newport 2 - [ 24 พ.ค. 48 11:12:35 ]

ความคิดเห็นที่ 26 มาขอบคุณ คุณหมอpapamint สำหรับข้อมูลที่มีประโยชน์สุดยอดด้วยคน...ครับ... จากคุณ : The Vee (The Vee) - [ 24 พ.ค. 48 11:20:22 ]

ความคิดเห็นที่ 27 สวัสดีหลังเที่ยงค่ะคุณหมอ  ป้าแวะมาลงชื่อไว้ก่อน  เด๋วว่างงานแล้วจะกลับมาอ่านค่ะ จากคุณ : ปลาาหมุก - [ 24 พ.ค. 48 12:23:00 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เป็นบทความที่ได้ประโยชน์มากครับ จากคุณ : ดิศร์ (พระยาเกียร์) - [ 24 พ.ค. 48 12:39:24 ]

ความคิดเห็นที่ 29 -ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ  แคลเซี่ยมเม็ดละร้อย  ประโยชน์สองสตางค์  โห!  คงเหมือนกับพวกอาหารเสริมเป็นเม็ดอื่น ๆ  ใช่มั้ยครับ  อย่างกระเทียมเม็ด  เงี้ยะ - กะลังคิดจะทำเลสิค  เปลี่ยนใจแล้วครับ  ขอบคุณหลายเด้อ จากคุณ : จอนฟอน - [ 24 พ.ค. 48 13:00:35 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เต็มไปด้วยสาระ และบันเทิงในกระทู้เดียว ขอบคุณคร๊าบ จากคุณ : Boke - [ 24 พ.ค. 48 13:22:06 A:63.195.54.19 X: TicketID:029473 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เยี่ยมมากครับคุณหมอpapamint เป็นวิทยาทานอันล้ำค่าจริงๆ ของผมมีแต่เรื่องซู่ซ่าๆๆ จะเทียบกันได้อย่างไร ว่าแล้วต้องคิดหาเรื่องใหม่มาเขียนให้อ่านอีก จากคุณ : thongprakai - [ 24 พ.ค. 48 13:45:43 ]

ความคิดเห็นที่ 32 กราบขอบพระคุณพี่หมอมากๆครับ ซ้า..........ธุ จากคุณ : Sergio Garfield - [ 24 พ.ค. 48 14:48:43 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ผมให้คุณนายที่บ้านอ่าน เค้าฝากมาถามว่า ควรกินอาหารอะไร สักเท่าไหร่ ถึงจะเพียงพอครับ ปล  เขียนเสือที่กระพุ้งแก้มแล้วคนกลัวทั้งเมืองนี่ สงสัยเค้าจะกลัวติดเชื้อคางทูมมากกว่ามังครับ 5555 จากคุณ : พลภัทร - [ 24 พ.ค. 48 22:09:40 ]

ความคิดเห็นที่ 34 _/l\_ ขอบพระคุณพี่หมอที่ได้อุตส่าห์นั่งพิมพ์สิ่งที่มีคุณค่าให้อ่านค่ะ นกดื่มนมถั่วเหลืองวีซอย แบบไม่มีน้ำตาลทุกเช้าค่ะ (เมื่อก่อนดื่มไวตามิ้ลต์ทุกเช้ามาเป็นสิบปีแล้ว แต่เขาว่าวีซอยใช้ถั่วเหลืองไม่จีเอ็มโอ และมีแบบไม่มีน้ำตาล-ไม่ชอบหวานค่ะ) และดื่มนมวัวพร่องมันเนย 1 แก้วใหญ่ทุกคืนก่อนนอน รับประทานน้ำพริกกะปิชะอมชุบไข่ทอดอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง พอไหมคะพี่? (แต่ไม่ค่อยจะออกกำลัง พยายามไปตีแบดอยู่ค่ะ) ขออีกเรื่องค่ะ เรื่องน้ำอัดลม มีคนบอกว่า ถ้าให้เด็กๆ ดื่มน้ำอัดลม กระดูกเขาจะพรุน จริงหรือเปล่าคะ? นกก็เลยไม่ให้ลูกดื่มน่ำอัดลมเลย ยกเว้นไปงานปาร์ตี้บ้านคนอื่นนานๆที แต่เราไม่ซื้อเข้าบ้านค่ะ (ดื่มแล้วอ้วนด้วยอะค่ะ) . . ขอบอกว่าทั้งพี่ปาป๊ามิ๊นกับพี่ลุงทีมีลูกสาวสวยทั้งคู่ สวยมากด้วยค่ะ เมื่อวานได้เห็นตัวจริง(ลูกพี่ลุงทีค่ะ) เรียบร้อยน่ารัก พี่ๆเลี้ยงกันเก่งจังเลย ที่ทึ่งและน่าสนใจกว่าคือ เรียนเก่งด้วย ทำให้นกต้องพยายามก้มหน้าก้มตาปั้นหม้อต่อไป อยากได้ความปลื้มใจอย่างนั้นบ้างค่ะ (เหะๆ พยายามไม่คาดหวังมากค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ) จากคุณ : SS (SP700) - [ 25 พ.ค. 48 09:40:56 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณครับ จากคุณ : ฃ.ฃวด - [ 27 พ.ค. 48 10:09:06 ]

ความคิดเห็นที่ 36 คืออย่างนี้นะครับคุณปาป้ามิ้นท์ คือว่าเมื่อตอนผมหัดเล่นกอล์ฟใหม่ๆ เพื่อนๆเค้าบอกว่าผมน่ะมันเป็นพวกกระดูกอ่อน แต่ตอนนั้นผมอายุเกือบจะยี่สิบแล้ว มาถึงตอนนี้ (นับวันไซเบอร์ห้าก็ได้) ผมย่างยี่สิบแปด ผมมีข้อสงสัยจะถามท่านปาป้าฯดังนี้นะครับ (ถ้าข้อไหนไม่สบายใจจะข้ามไป ไม่ตอบก็ได้นะครับ) 1. การกลายพันธุ์จะกระดูกอ่อนเมื่อตอนหนุ่มๆ มาเป็นกระดูกพรุนเนี้ย เราจะมีอะไรเป็นที่สังเกตได้บ้างครับ เช่นมีอาการอยากดูด เอ้ย ดื่มนมมากขึ้น เป็นต้น 2. เหมือนกับคุณปาป้าฯบอกเลยครับ ผมก็กลัวหมอตาเหมือนกัน เลยยังไม่ยอมไปทำเลสิก (ที่จริงเคยไปแล้วครับ หมอเค้าไล่กลับบ้าน เพราะยังตาสั้นไม่พอ) ที่นี้อาการมันกำเริบคือ กลัวหมอกระดูกนี่สิครับ ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะหมอเค้าทีออฟก็ทั้งตรงทั้งไกล ลูกสั้นก็ดี พัตต์เงี้ยเนียนและตรง จึงขอความกรุณาคุณปาป้า ช่วยแนะนำคุณหมอกระดูก อ่อนๆให้สักท่านสองท่านนะครับ 3. แล้วการที่ไปกินเพื่อนๆไว้มาก เลยโดนแช่งชักหักกระดูก เนี้ย จะมีโอกาสกลายเป็นกระดูกพรุนในภายหลังได้หรือไม่ครับ สุดท้ายนี้ขอให้คุณปาป้าฯจงมีแต่ความสุข สุขภาพแข็ง แรงนะครับ ปล.นี่ผมไม่ทราบมาก่อนเลยนะครับว่าน้องนก SS คห.ข้างบนนั้นน่ะมีอาชีพปั้นหม้อ และขอเตือนว่าหากน้องนกยังคงก้มหน้าก้มตาปั้นหม้อต่อไป กระดูกบริเวณท้ายทอยอาจมีปัญหาได้นะครับ จริงป่าวครับคุณหมอ ไปดีกว่า แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 48 17:35:24 จากคุณ : 99smiles - [ 27 พ.ค. 48 17:34:58 ]

ความคิดเห็นที่ 37 พี่หมอครับ ถามหน่อยครับ ผมดื่มนมสดวันละ 500-750cc พอป้องกันไหวไหมครับ? จากคุณ : BigBertha - [ 27 พ.ค. 48 20:00:03 ]

ความคิดเห็นที่ 38 . นานแล้วที่ไม่ได้อ่านอะไรที่ท่าทางจะวิชาการ หรือ เป็นองค์ความรู้ เพราะเนื้อที่ในสมองเหลือน้อยมาก ต้องพยายามเก็บไว้ใช้ในสิ่งที่ตัวเองสนใจมากกว่า ไม่นึกเลยว่าจะโดนลีลายอดเยี่ยมของคุณหมอ นำให้อ่านจนจบไม่รู้ตัว ทั้งตัวประกอบอดทนที่น่ารักทั้งหลาย ก็ยังช่วยกันกระพือ สุมฟืน โหมไฟ จนผมอดหัวเราะให้เด็กข้างๆที่ร้านเหน็ทนี่หันมามองกันไม่ได้ ขอบคุณมากครับ ผมจะใช้กระทู้นี้เป็นแรงบันดาลใจ กระตุ้นให้ตั้งใจทำอะไรที่เป็นประโยชน์แก่ตัวเองอีกหลายๆอย่างให้ได้ ทั้งที่เคยทำมาแล้ว แต่หมดไฟ หมดอยาก หมดอารมณ์ไปดื้อๆ ไหนๆก็ไหนๆ ขอถามบ้างนะครับว่า แล้วไอ้คดในข้อ งอในกระดูกแบบผมนี่ ต้องรับแคลเซี่ยมมากขนาดไหนนะ ขอบคุณจริงๆครับ และจะยินดีมาก ถ้ายังมีแบบนี้อีก . จากคุณ : ชอบแช้งค์ - [ 27 พ.ค. 48 20:32:43 ]

ความคิดเห็นที่ 39 จ๊ากส์ส์ส์ส์ ...ป๋าแอบมาเงียบๆ ไม่ยอมตั้งกระทู้เล่าเรื่องสนามติดอันดับโลกที่ท่านไปเล่นมาซะที ทิ้งไว้นานเดี๋ยวลืมหมด จะว่า(คนมีแฟน)หล่อไม่เตือนนะคะเอ้อ พี่หมอกระดูกเหล็กก็หายไปไหนแล้วน้อ..... ไม่ยอมมาตอบน้องๆซะที (ได้คืบจะเอาศอกค่ะพี่) (ขอหยิกพี่จ๊าบคคห 36 หนึ่งจึ๊ก ฐานทำให้หัวเราะซะจนตกเก้าอี้) จากคุณ : SS (SP700) - [ 28 พ.ค. 48 11:03:28 ]

ความคิดเห็นที่ 40 น้องนกครับ พี่ไม่ได้หลบไปไหนหรอกครับ ไม่เหมือนคนบางคน ฝนตกนิดก็แอบไปมีกิ๊กซะแล้ว...........แป่ว ตอบคำถามนะครับ ปริมาณแคลเซียมที่เราทานอยู่ทุกวันสำหรับอาหารไทยๆ มันก็พออยู่แล้ว แต่ถ้าเราจะเน้น ปลาทะเลตัวเล็กๆ เช่น ปลาข้าวสาร กุ้งแห้ง อาหารทะเลอื่นๆ กระปิ ผักใบเขียวเข้าไปอีก ผมว่ามันพอครับ เน้นอีกนิดกับนมถั่วเหลืองก็ยิ่งดี นมวัวก็ได้ ไม่ต้อง Hi-calcium ก็ได้ครับ ที่สำคัญคือการออกกำลังกายที่สม่ำเสมอครับ อันนี้ดอกเตอร์เสรีขอแนะนำ....อุ๊ยขอโทษ  ปัญหาของพวกเราไม่ได้อยู่ที่อาหารครับ แต่อยู่ที่การขาดการออกกำลังกาย ดังนั้นการจะเอาอาหารเสริมมาแก้การขาดการออกกำลังกายย่อมไม่ถูกต้อง เหมือนคนพัตต์ไม่ดีจะเอาลูกไดร์ฟมาชดเชยมันก็ไม่ถูก...จริงบ่   น้ำอัดลมกินแล้วกระดูกพรุนเอาไว้หลอกเด็กครับ ถ้าเอากระดูกไปแช่น้ำอัดลมก็คงผุง่ายขึ้น เหมือนเราเอา wedge ไปแช่ไง..จะได้เป็นสนิม   อีกอย่างที่อยากจะบอก ถ้ากลัวโรคกระดูกพรุนต้องป้องกันครับ ป้องกันตัวเองไม่พอ ต้องจับลูกๆ มาฝึกนิสัยการทานอาหารเสียใหม่ครับคือ 1. ต้องทานผัก            2. ต้องทานนมเป็นประจำ            3. ต้องเล่นกีฬา  ถ้าลูกทำได้สามอย่างนี้รับรองครับ ไม่ต้องกลัวเรื่องกระดูกพรุน แต่พ่อแม่มันก็ต้องทำเป็นตัวอย่างด้วยครับ  พูดถึงเรื่องลูกก็ต้องขอบคุณที่ชมมาครับ ผมก็ไม่ได้มีทฤษฎีอะไรในการเลี้ยงลูกนะครับ รักเขาให้มาก เมื่อรักก็ใส่ใจในรายละเอียดของเขาครับ แต่เขาโชคดีที่แม่เขารักเขามากกว่าผมหลายร้อยเท่า เธอใส่ใจกับลูกมาก มากจนลูกรู้สึกได้ว่า ทั้งโลกนี้พ่อกับแม่รักเขามากที่สุด เขาก็เลยรักเราตอบและไม่อยากให้เราเสียใจ ก็เลยกลายเป็นว่าต่างคนต่างพยายามทำให้อีกฝ่ายมีความสุขก็เท่านั้นเองครับ จากคุณ : papamint - [ 28 พ.ค. 48 12:56:31 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ตอบคุณ 99smiles นะครับ 1. การดูว่าเรากลายพันธุ์จากกระดูกอ่อนเป็นกระดูกแข็งนี่ดูไม่ยากครับ สังเกตุได้จากเพื่อนในก๊วนเริ่มมีภารกิจทุกครั้งที่เราชวนเล่นกอล์ฟ ซึ่งตรงข้ามจากกระดูกแข็งกลายพันธุ์เป็นกระดูกพรุนนี่ เพื่อนฝูงมาจากไหนไม่รู้ รอเข้าคิว India party ( ลงแขก ) เรากันตรึม 2. อันนี้ก็แปลกนะครับ ผมเล่นกอล์ฟมากว่า 15 ปีแล้วได้ถ้วยมาก็มาก ที่ยังไม่ได้คือถ้วยที่แข่งในหมู่หมอกระดูกนี่แหละครับ มันคงเป็นเพราะแต่ละท่านรู้วิธีการทำ Osteopolish กันอย่างดี     มีเพื่อนผมอยู่คนหนึ่งน่าจะเป็นหมอกระดูกอ่อนตามที่คุณต้องการได้เพราะสกอร์แกจะเอาแน่ไม่ได้ ถ้าคุณได้เล่นกับแกคุณจะรู้สึกได้เลยว่า ถ้าคุณได้พาร์แกจะได้เบอร์ดี้ ถ้าคุณออกโบกี้แกจะออกพาร์ ถ้าคุณทริปเปิ้ลแกก็ตีออกดับเบิ้ลเหมือนกัน เล่นกันนับแต้มนี่คงแพ้กันไม่มาก แต่ถ้านับหลุม....ทำไมมันเยอะจังวะ....เอาไหมครับจะแนะนำให้    3. นี่ตอบยากครับ เพราะผมห่างจากเหตุการณ์ที่คุณว่ามาเกือบปีแล้ว....มีแต่แช่งให้มันพัตต์ไม่ลง.....แต่ไม่เคยเป็นผลเลยครับ โดยเฉพาะไอ้คนที่ผมจะแนะนำให้คุณรู้จักนี่แหละ... จากคุณ : papamint - [ 28 พ.ค. 48 13:06:24 ]

ความคิดเห็นที่ 42 หวัดดีครับป๋าช.  ขอบคุณครับสำหรับคำชม......เห็นชื่อป๋าแล้วนึกไปถึงภาพสนามทับละมุทุกทีเลยครับ ไม่ทราบตอนนี้เล่นได้หรือยัง และถ้าเราไปเล่นตอนโพล้เพล้เวลาเล่นดีจะได้ยินเสียงคนตบมือกันเกรียวทั้งๆที่มองไม่เห็นใครหรือเปล่าครับ   ป๋าไม่ใช่คนคดในข้อ งอในกระดูกหรอกครับ ถ้าเป็นคนทั้งพันทิปเขาคงไม่รักป๋าขนาดนี้หรอกครับ....อย่าอ๊วกนะครับ จากคุณ : papamint - [ 28 พ.ค. 48 13:56:00 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณมากๆๆค่ะ (ท่าทางพี่จะเป็นคนกลัวผีเอาจริงๆจังๆนะคะ ฮ่าๆๆ) จากคุณ : SS (SP700) - [ 30 พ.ค. 48 10:14:53 ]