ความคิดเห็นที่ 1 สำหรับ แฟนรุ่นใหม่ ที่ยังไม่ทราบถึงว่า... อะไรคือ ถ้วยสโมสรยุโรป ก็รบกวนอ่านต่อนะครับ ส่วนท่านใดที่ทราบถึง การแข่งขันรายการสโมสรยุโรปอยุ่แล้ว ก็ข้ามไปดู ความเห็นที่ 3 ได้เลย --------------- รายการฟุตบอลสโมสรยุโรป ที่หลายๆท่าน คุ้นเคย มี 3 รายการ โดยเรียงตามความสำคัญ ดังนี้.. 1.European Cup (1955/56 to present) (UEFA Champions League -UCL) เดิม --- เอาสโมสรที่เป็นแชมป์ของลีกสูงสุดของทุกประเทศสมาชิกยูฟ่า (เช่น บุนเดสลีกา, ลาลีกา, กัลโช่ ซีรีย์เอ) มาแข่งกันแบบเหย้า เยือน ทุกรอบ โดยการจับฉลาก และไม่มีระบบทีมวาง ตั้งแต่รอบแรก แข่งเหย้า-เยือน จนถึงรอบชิง ครับ และมักจะแข่งในคืนวันพุธกลางสัปดาห์ ปัจจุบัน --- ใช้สัมประสิทธิ์เป็นตัวชี้วัดว่า ประเทศสมาชิกยูฟ่า แต่ละประเทศจะสามารถส่งทีมได้กี่สโมสร เช่น อิตาลี สเปน อังกฤษ คะแนนสะสมของประเทศสูง ส่งได้ 4 ทีม และไล่ลงมาตามลำดับครับ แบ่งการแข่งขันเป็นรอบคัดเลือกสำหรับทีมจากประเทศเล็กๆ ที่ลีกอาชีพไม่ดัง และ ทีมที่ได้อันดับ 3 หรือ 4 ในลีกใหญ่ๆ เข้ามาเตะกันแบบเหย้า-เยือนเป็นการคัดเลือกก่อน จากนั้น จะนำทีมที่ชนะจากรอบคัดเลือกมารวมกับทีมวางที่มีอยู่ มาเล่นในรอบมินิลีก หรือการแบ่งกลุ่ม จากนั้น จะนำทีมที่ได้ที่ 1 และ 2 ของกลุ่ม เข้ารอบต่อไป โดยจะเริ่มเตะแบบเหย้า-เยือน ตั้งแต่รอบ 16 ทีมสุดท้าย จนถึงรอบชิงชนะเลิศ ในปัจจุบัน จะแข่งในคืนวันอังคารและวันพุธ 2. European Cup Winners' Cup เริ่มปี 1960/61 ยกเลิกปี 1998/99 นำเอาเฉพาะแชมป์บอลถ้วยของแต่ละประเทศ มาแข่งกัน (ชื่อรายการแปลว่า แชมป์ของแชมป์บอลถ้วย) เช่น อังกฤษ จะเอาแชมป์ FA Cup, เยอรมัน ส่ง แชมป์ เด เอฟ เบ โพคาล, สเปน ส่งแชมป์ สเปนิช คิงส์ คัพ การแข่ง เป็นแบบเหย้า เยือน ตั้งแต่รอบแรก จนรอบชิง ประเทศไหนมีบอลถ้วยแข่งมากกว่า 1 ถ้วย ต้องเลือกส่งแชมป์บอลถ้วยที่ใหญ่ที่สุด (อังกฤษ ส่งแชมป์ FA Cup ไม่ใช่ League Cup หรือ ฝรั่งเศสส่งแชมป์ เฟรนช์ คัพ ไม่ใช่ แชมป์ เฟรนช์ ลีก คัพ) ในอดีต รายการนี้ จะแข่งในคืนวันพฤหัสบดี 3. UEFA Cup (1956/58 to present) เดิมคือ แฟร์ คัพ (Inter-cities Fairs cup, 1956/58 ถึง 1970/71) ถือเป็นถ้วยที่เล็กที่สุด แบบเดิม --- แข่งโดยเอาที่ 2 และ 3 ของลีก ไปแข่ง รวมกับแชมป์บอลถ้วยเล็ก (ถ้ามี เช่น อังกฤษ ส่งแชมป์ ลีก คัพ ไปแข่งในถ้วยนี้) ทำให้ในบางปีของสมัยก่อนยุค 80 ลงไป แชมป์รายการยูฟ่า คัพ อาจจะมีฝีเท้าที่ดีกว่าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ในปีเดียวกันได้ เนื่องจาก อันดับ 2 และ 3 ในลีกของปีก่อน มาในปีปัจจุบัน อาจจะกำลังนำฝูงในลีกอยู่ก็เป็นได้ การแข่งรายการนี้ จะเป็นแบบเหย้า เยือน ในทุกรอบ ไล่ไปจนถึงรอบชิง แบบใหม่ --- หลังจากที่ยุบบอลถ้วยกลางไป ยูฟ่าคัพ ก็ได้รับเอาแชมป์ บอลถ้วยของแต่ละประเทศที่เคยแข่ง Cup Winners’ Cup มาร่วมแข่งด้วย และเริ่มมีระบบ มินิลีก แบบแบ่งกลุ่ม ในฤดูกาล 2004/2005 เป็นครั้งแรก ในอดีต รายการนี้ จะแข่งในคืนวันอังคาร แต่ในปัจจุบันจะไปแข่งในคืนวันพฤหัสบดี หมายเหตุ กรณี แชมป์บอลถ้วย เป็นแชมป์ลีกสูงสุดด้วยในปีเดียวกัน ก็จะเลือกใช้สิทธิ์ไปแข่ง UCL ซึ่งเป็นรายการที่ใหญ่ที่สุด โดยรองแชมป์บอลถ้วย จะได้รับสิทธิ์เข้าแข่งขันรายการยูฟ่า คัพ นั้นแทน --------- รูปบน คือถ้วยยูโรเปี้ยนคัพ หรือถ้วย UEFA CHampions League รูปใน ความคิดเห็น นี้ คือ UEFA Cup จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 01:34:59 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของสโมสรยุโรปนั้น... มีเพียง 4 สโมสรเท่านั้น ที่สามารถคว้าถ้วยสโมสรยุโรปได้ครบทั้ง 3 ถ้วย นั่นก็คือ สโมสร บาเยิร์น มิวนิค  (เยอรมัน) เอฟ ซี บาร์เซโลน่า (สเปน) จูเวนตัส (อิตาลี) อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม (ฮอลแลนด์) ในปัจจุบัน การคว้าแชมป์ในครบทั้ง 3 ถ้วยนั้น เป็นไปไม่ได้แล้ว เนื่องเพราะถ้วยใบกลางได้ถูกยกเลิกไป ยกเว้นเพียงจากทีมที่เคยได้ถ้วยใบกลางมาก่อนแล้วเท่านั้น เช่น สเปอร์ อาร์เซนอล ปาร์ม่า หรือ บาเลนเซีย ที่ยังเหลือเพียงถ้วย UCL ที่ยังไม่เคยได้มาครอง ในรูป ถ้วยแชมป์ คัพ วินเนอร์ส คัพ ที่ยกเลิกการแข่งขันไปแล้วครับ... เป็นทีม บาร์เซโลน่า ในปี 1997 โดยเซอร์ บ๊อบบี้ ร๊อบสัน. ในฐานะ ซือแป๋ ประจำทีมในตอนนั้น ส่วน คนที่ทำหน้า เครียดๆๆ ทางซ้ายมือ เป็นใคร ในปัจจุบันคงไม่ต้องบอกนะครับ ตอนนั้น เขาช่วยงาน ปู่บ๊อบ อยุที่สเปนครับ.. หมายเหตุ: บาร์ซ่า เป็นทีมที่ได้ถ้วยกลางยุโรป ใบนี้ไปครองมากที่สุดครับ.. แก้ไขเมื่อ 25 พ.ค. 48 13:27:07 จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 01:39:05 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มาเข้าสู่ เส้นทางยุโรปของ ลิเวอร์พูลกันต่อเลยนะครับ... -------------------- ฤดูกาล 1972/73 UEFA Cup Final นัดแรก  10 พฤษภาคม 1973 Liverpool 3 (Keegan 21, 32; Lloyd 62)  Borussia Moenchengladbach 0 สนาม Anfield, Liverpool England นัดที่สอง 23 พฤษภาคม 1973 Borussia Moenchengladbach 2 (Heynckes 30, 40)  Liverpool 0 สนาม Bökelbergstadion, Germany (Liverpool ชนะเลิศ ด้วยประตูรวม 3-2 ) หลังจากผ่าน แฟรงเฟิร์ต (เยอรมันตะวันตก) เอเธนส์ (กรีซ) ไดนาโม เบอร์ลิน และ ไดนาโม เดรสเดน (เยอรมันตะวันออก) และ ในรอบรองชนะเลิศ ที่สามารถผ่าน สเปอร์ ด้วยกฎประตูทีมเยือน ... นัดชิงแห่งประวัติศาสตร์สโมสรก็เริ่มขึ้น ในนัดแรกที่แอนฟิลด์ บรรยากาศเต็มไปด้วยความตื่นเต้น กับการที่สโมสรสามารถเข้าชิงรายการสโมสรยุโรปได้อีกครั้ง หลังจากที่ ก่อนหน้านี้ ในฤดูกาล 1965/66 หงส์แดง ได้เข้าชิงสโมสรยุโรปเป็นครั้งแรก ในรายการ คัพส์ วินเนอร์ส คัพ มาแล้ว แต่พลาดท่าพ่ายต่อสโมสรโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ไปหวุดหวิด 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ อย่างเจ็บปวด ความเจ็บช้ำในคราวนั้น ได้ถูกชำระล้างออกไปจากใจของ บิล แชงคลี่ย์ อย่างหมดจด เมื่อหงส์แดง ต้องมาพบกับทีมจากเยอรมันเช่นครั้งแรก แต่ เป็น ทีมกลัดบัด ที่กำลังครองความยิ่งใหญ่ใน บุนเดส ลีกา ในขณะนั้น.. ด้วยผลนัดแรกที่เป็นใจ จากการยิง 2 ประตูของ เควิน คีแกน (จากการส่งบอลมาให้จากจอห์น โตแช็ค ทั้ง 2 ลูก) ทำให้หงส์แดงเกาะกุมความได้เปรียบเมื่อไปเล่นนัดเยือนที่เยอรมัน ในอีก 2 สัปดาห์ต่อมา หากแต่.. ด้วยการทำประตูที่รวดเร็วของทีมเจ้าบ้านทั้ง 2 ประตู ทำให้ทั้งนักเตะ และ ยอดผู้จัดการทีม อย่างแชงคลี่ย์ ต่างต้องเผชิญกับความกดดันอย่างหนัก เพื่อยันสกอร์ไว้ให้ได้ และ ทีมก็สามารถทำได้ในที่สุด และจากการเซฟที่สุดสำคัญของ คลีเม้นซ์ในนัดแรก ทำให้หงส์แดงสามารถคว้าแชมป์สโมสรยุโรปได้เป็นถ้วยแรก ภายใต้การคุมทีมของ "Father of Liverpool" บิล แชงคลีย์.... แก้ไขเมื่อ 25 พ.ค. 48 13:25:27 จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 01:42:41 ]

ความคิดเห็นที่ 4 หมายเหตุ 1. ในนัดแรก คีแกน พลาดแฮตทริก อย่างน่าเสียดาย เมื่อเขายิงจุดโทษพลาดเป้า ในขณะที่ หงส์แดงเองก็เกือบจะโดนตีไข่แตกเป็น 3-1 เช่นกันในช่วงท้ายเกมส์ แต่ กลัดบัด ก็พลาดจุดโทษด้วยเช่นกัน ด้วยฝีมือการปัดของ เรย์ คลีเม้นซ์ 2. ในการเล่นนัดแรกที่แอนฟิลด์นั้น ถูกเลื่อนออกไปหนึ่งวัน เนื่องจาก ในวันแข่งเดิมนั้น ฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้พื้นสนาม ไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมแข่ง กล่าวคือ หลังจากที่ได้แข่งไปราวครึ่งชั่วโมง กรรมการก็เป่ายุติการแข่งขันในวันแรก และให้มาเตะกันใหม่ในวันต่อมา 3. การส่ง จอห์น โตแช็ค ลงมาในนัดแรกถือว่าสำคัญมาก และ แชงคลีย์ เอง ก็อาศัยการสังเกตจากการเล่นในวันแรกเดิม ที่ได้เล่นไปครึ่งชั่วโมง ก่อนที่เกมส์จะยุติจากฝนนั้น แชงคลีย์พบว่า กองหลังของกลัดบัด มีปัญหาในเรื่องลูกกลางอากาศ ทำให้เขาตัดสินใจส่ง โตแช็ค ลงมาแก้สถานการณ์ในการเล่นใหม่ในวันต่อมา... และก็เป็นโตแช็ค นี่เอง ที่ทำให้คีแกน ยิงได้ 2 ประตู จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 01:44:17 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ฤดูกาล 1975/76 UEFA Cup Final นัดแรก  28 เมษายน 1976   Liverpool 3 (Kennedy 59, Case 61, Keegan pen 64)  FC Bruges 2 สนาม Anfield, Liverpool England นัดที่สอง 19 พฤษภาคม 1976 FC Bruges 1 Liverpool 1 (Keegan 15) สนาม Jan Breydelstadion, Belgium Liverpool ชนะเลิศ ด้วยประตูรวม 4-3 หลังจากความสำเร็จในยุโรปเป็นครั้งแรก ลิเวอร์พูลก็โหยหาต่อความสำเร็จในลำดับต่อมาอย่างทันที... และในอีก 3 ฤดูกาลต่อมา หงส์แดงก็พบความสำเร็จในลำดับที่สอง  ในถ้วยเดิมคือ ยูฟ่า คัพ ด้วยชัยชนะต่อ ฮิเบอร์เนี่ยน (สก๊อตแลนด์) รีลโซเซียดัด (สเปน) ไดนาโม เดรสเดน (เยอรมันตะวันออก) และ ในรอบรองชนะเลิศ ที่สามารถไปยิงประตูบาร์เซโลน่าได้ถึงถิ่นคัมป์ นู ในคราวนี้ คู่ชิงของหงส์แดง คือสโมสรที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของยุโรปในยุค 70 และ ต้น 80 คือ เอฟ ซี บรู๊คส์ จากเบลเยี่ยม หลังจากที่เกมส์ผ่านไปไม่ถึง 15 นาทีในนัดแรกที่แอนฟิลด์ บรรยากาศในสนามต่างเงียบกริบ... เนื่องจากการขึ้นนำของทีมเยือนไปถึง 2 ลูก ในเวลาอันรวดเร็ว จากความผิดพลาดของฟิล นีล เดอะค๊อปในสนามต้องรอเวลาผ่านไปจนถึงครึ่งหลัง และด้วยจิตใจที่ไม่ยอมแพ้ของนักเตะหงส์แดง ครึ่งหลังเลยกลายเป็นหนังคนละม้วนกับครึ่งแรก ด้วยการเล่นที่มีเดวิด แฟร์คลัฟ สุดยอดตัวสำรองของทีม ที่นัดนี้ได้ลงเป็นตัวจริงมาเป็นศูนย์กลาง ทำให้ลิเวอร์พูล สามารถเปลี่ยนสกอร์จากที่ตามหลังถึง 2 ลูก กลายเป็นขึ้นนำ 3-2 ในเวลาเพียง 6 นาที !!!!!!! จากการยิงของ เรย์ เคเนดี้ ตามมาด้วย จิมมี่ เคส และ ปิดท้ายด้วยลุกจุดโทษของ เควิน คีแกน ทำให้หงส์แดงสามารถเอาตัวรอดจากนัดแห่งความทรงจำนี้ไปได้อย่างหวุดหวิด และต้องไปเยือนเบลเยี่ยมในสภาพที่ไม่เป็นต่อมากนัก.. อันเนื่องมาจาก away goal ทั้ง 2 ลูก ของ บรู๊คส์นั่นเอง จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 01:47:39 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ในนัดที่สอง บรู๊คส์ที่ในปีนั้น ไม่เคยแพ้ใครในบ้านมาก่อน เปิดเกมส์รุกใส่ลิเวอร์พูลทันที และใช้เวลาเพียง 12 นาทีเท่านั้น เพื่อขึ้นนำลิเวอร์พูลไป 1-0 และในสภาพนั้น หงส์แดงจะไม่ได้เป็นแชมป์ ด้วยประตู away goal ที่เป็นรอง อย่างไรก็ตาม... เควิน คีแกน ก็กลายร่างจากมนุษย์มาเป็นพระเจ้าให้กับทีมอีกครั้ง โดยในอีก 3 นาทีต่อมา “ไอ้ม้าป่า”เอมลีน ฮิวจ์ส ผู้ล่วงลับ ก็เปิดลูกฟรีคิกไปให้ คีแกน สังหารชัย ในนาทีที่ 15 และจากนั้น.. ลิเวอร์พูลก็ไม่เปิดโอกาสให้ บรู๊คส์ได้มีโอกาสเอื้อมมือมาแตะถ้วยยูฟ่า คัพ อีกเลย จนกระทั่งหมดเวลา ลิเวอร์พูลคว้าถ้วยยูฟ่า คัพเป็นสมัยที่สอง... จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 01:49:11 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คีแกน.. กุญแจสำคัญแห่งชัยชนะยุคแรกในยุโรป จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 01:49:56 ]

ความคิดเห็นที่ 8 หมายเหตุ ประจำฤดูกาล 75/76 1. นี่คือฤดูกาลเริ่มต้น ของการถล่มยุโรปอย่างเต็มรูปแบบของลิเวอร์พูล ที่สามารถคว้าแชมป์ยุโรปได้ถึง 3 ปีซ้อน โดยทีมสร้างความสะท้าน สะเทือนในเวทียุโรปอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการก้าวไปคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ต่อเนื่องอีกถึง 2 ฤดูกาลซ้อน ในทั้ง 2 ฤดูกาลต่อมา 2. ถ้วยยูฟ่า คัพใบที่สองของสโมสรนี้ ถือเป็นถ้วยยุโรปใบแรกภายใต้การคุมทีมของ บ๊อบ เพสลีย์ ที่รับงานต่อจาก บิล แชงคลีย์ ในปี 1974 และเป็นการคว้าดับเบิ้ลแชมป์ควบคู่กับการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศ ที่รู้จักกันในชื่อ ดิวิชั่นหนึ่ง จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 01:51:56 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ฤดูกาล 1976/77 European Cup Final 25 พฤษภาคม 1977 Liverpool 3 (McDermott 27, Smith 64, Neal (pen) 82) Borussia Moenchengladbach 1 สนาม Olympic Stadium, Rome Italy แม้จะเป็นแชมป์ยูฟ่า คัพ ในฤดูกาลก่อน.. แต่ด้วยการเป็นแชมป์ดิวิชั่นหนึ่งเดิม ทำให้ลิเวอร์พูลก้าวไปสุ่การแข่งขันในถ้วยยูโรเปี้ยน คัพ – ถ้วยสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรป ด้วยชัยชนะต่อ ครูเสดเดอร์ (ไอร์แลนด์เหนือ) แทรปซอนน์ สเปอร์ (ตุรกี) แซงด์ เอเตียง (ฝรั่งเศส) และ ในรอบรองชนะเลิศ ที่ถล่ม เอฟ ซี ซูริก ด้วยสกอร์รวม 2 นัดถึง 6-1 .....จากนั้นก็ไม่มีอะไรที่จะมาหยุดยั้งความยิ่งใหญ่ของลิเวอร์พูลในยุโรปได้อีกต่อไป คู่ชิงถ้วยยูโรเปี้ยน คัพ ครั้งแรกของหงส์แดงคือเพื่อนเก่า ที่เคย “ขี่” กันมาแล้วในการคว้าแชมป์ยูฟ่า คัพ ครั้งแรกของหงส์แดง นั่นคือ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัด จากเยอรมันตะวันตก แม้ว่าไม่กี่วันก่อนหน้านั้น หงส์แดงจะพ่ายในนัดชิง เอฟ เอ คัพ ต่อ แมนยู ไป 2-1 ที่เวมบลีย์ แต่.. การพ่ายแพ้ครั้งนั้น กลับสร้างความฮึกเหิมให้กับนักเตะลิเวอร์พูลทุกคนในถ้วยที่ยิ่งใหญ่กว่า โดยไล่ถล่ม กลัดบัด ในสนามโอลิมปิกกรุงโรมอยู่แทบจะข้างเดียว จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 01:53:52 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เทอร์รี่ แม๊คโดม๊อต ทำสกอร์ขึ้นนำให้หงส์แดงไปก่อน 1-0 ในครึ่งแรก ก่อนที่กลัดบัดจะสามารถตีเสมอได้ในช่วงต้นครึ่งหลังจาก อัลลัน ซิมโมเซ่น อย่างไรก็ตาม... Red Machine - หงส์แดงก็ไม่ย่อท้อ และสามารถยิง 2 ประตูรวด โดย ทอมมี่ สมิธ โหม่งลูกเตะมุมของ สตีฟ ไฮเวย์ ให้ลิเวอร์พูล ขึ้นนำกลัดบัดอีกครั้งในนาที่ที่ 64 ก่อนที่คีแกน จะเลี้ยงเดี่ยวตะลุยกองหลังกลัดบัด ขาดเป็นริ้วๆๆ ในนาทีที่ 82 ทำให้ แบร์ตี้ โฟล์กส์ สุดยอดแบ๊คขวาแห่งทีมชาติเยอรมันตะวันตก (ต่อมาเป็นโค้ชทีมชาติเยอรมันคว้าแชมป์ยูโร 96) รวบคีแกนในเขตโทษ (จากข้อมูลที่ผมมี ในนัดนี้ โฟล์กซ์ เล่นเป็นเซ็นเตอร์ -- แต่ ไม่ยืนยันนะครับ) และเป็น ฟิล นีล ที่มายิงประตูชัยให้หงส์แดงเอาชนะกลัดบัด ได้อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยสกอร์ 3-1 และลิเวอร์พูลได้ก้าวจากการเป็น “เจ้าแห่งเกาะอังกฤษ” ไปสู่การเป็น “เจ้ายุโรป” ในต้นทศวรรษ 80 อย่างแท้จริง... ---- ขอบคุณ คุณ q ในการช่วยแก้ไขข้อมูลของ แบร์ตี้ โฟล์กท์ ครับ แก้ไขเมื่อ 25 พ.ค. 48 10:35:15 จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 01:57:49 ]

ความคิดเห็นที่ 11 หมายเหตุ ฤดูกาล 1976/77 1. ในฤดูกาลนี้ หงส์แดง พลาดการเป็น Treble champs อย่างน่าเสียดาย... เนื่องจาก สามารถคว้าแชมป์ลีกสูงสุด และ ยูโรเปี้ยน คัพได้ หากแต่ ใน เอฟ เอ คัพนั้น หงส์แดงได้แค่รองแชมป์จากการพลาดท่าต่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั่นเอง 2. หลังจากที่ คีแกน ประสบความสำเร็จกับ หงส์แดง มากว่า 7 ปี เมื่อทีมสามารถคว้าแชมป์สโมสรยุโรปได้สำเร็จ คีแกน ก็สร้างความตกใจให้กับ เดอะ ค๊อป ทั่วโลก.. ด้วยการขอย้ายทีมไปสู่ฮัมบูร์ก เยอรมันในฤดูกาลต่อมา (คีแกน สามารถคว้า บัลลงดอร์ได้ ในขณะที่เขาเล่นที่ฮัมบูร์กอีกด้วย)     แต่.. สิ่งที่สโมสรลิเวอร์พูลได้มาเพื่อทดแทนการจากไปของคีแกน กลับยิ่งใหญ่กว่า นั่นคือ การมาถึงของ “เคนนี่ ดัลกลิช” จาก กลาสโกล์ เซลติก ในฤดูกาล 1977/78 ด้วยค่าตัว 440,000 ปอนด์ อันเป็นสถิติของอังกฤษในเวลานั้น --------------- ในรูป จากซ้ายไปขวา ทอมมี่ สมิธ / เอียน คัลลาแกน / ฟิล นีล กับถ้วยยูโรเปี้ยน คัพ ปี 1977 แก้ไขเมื่อ 25 พ.ค. 48 18:16:19 แก้ไขเมื่อ 25 พ.ค. 48 02:01:33 จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 02:00:49 ]

ความคิดเห็นที่ 12 บ๊อบ เพสลีย์ และ อาการดีใจหลังจากถ้วยยูโรเปี้ยน คัพ ใบแรก ใน 3 ใบของเขา... จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 02:02:37 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ฤดูกาล 1977/78 European Cup Final 10 พฤษภาคม 1978 Liverpool 1 (Dalglish 65) FC Bruges 0 สนาม Wembley Stadium, London จากฤดูกาลที่ประสบความสำเร็จในปีก่อน และการก้าวเข้ามาสู่ทีมของ เคนนี่ ดัลกลิช ทำให้ทีมสามารถก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เพื่อเป้าหมายการป้องกันแชมป์ดิวิชั่นหนึ่ง และแชมป์ยุโรปของสโมสร แม้จะพลาดท่าต่อลูกทีมของ ไบรอัน คลัฟ ทำให้เสียแชมป์ลีกสูงสุดในประเทศให้กับ น๊อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ และยังถูก ฟอเรสต์ เฉือนในนัดชิงถ้วยลีก คัพไปอีก ทำให้หงส์แดงเหลือเพียงถ้วยยูโรเปี้ยน คัพ เท่านั้น ที่จะต้องทุ่มเทอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้สโมสรต้องมือเปล่า.... ด้วยชัยชนะต่อ ไดนาโม เดรสเดน (เยอรมันตะวันออก) ถึง 7-2 และพลิกกลับมาชนะ เบนฟิก้า “เหยี่ยวลิสบอน” 4-1 จากที่แพ้ในโปรตุเกสมาก่อน 2-1 ในรอบรองชนะเลิศ หงส์แดงก็มาย้ำแค้น โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัด คู่ชิงปีก่อนอีกครั้ง และเข้าไปพบกับ “กิ๊กเก่า” เอฟ ซี บรู๊คส์ จากเบลเยี่ยม ที่เคย “ขี่” กันมาแล้วในการคว้าแชมป์ยูฟ่า คัพ ครั้งที่สองของสโมสรแรกเมื่อสองฤดูกาลก่อนหน้านั้น จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 02:04:33 ]

ความคิดเห็นที่ 14 การเข้าชิงถ้วยยูโรเปี้ยน คัพ เป็นครั้งที่สองแบบติดต่อกันนี้ ลิเวอร์พูลก็ยังไม่พบกับความผิดหวัง และด้วยโชคที่เอื้ออำนวยเนื่องจากทางยูฟ่า ได้กำหนดสนามเวมบลีย์ ให้เป็นสนามนัดชิงมาล่วงหน้า ทำให้นักเตะหงส์แดงเดินทางไปเตะในนัดนี้อย่างสะดวก และเปรียบได้กับการเตะในบ้านของตนเอง ท่ามกลางคนดูราว หนึ่งแสนคน ในเกมส์นี้ เป็นเกมส์นัดชิงที่อึดอัดจากการวางแท๊คติกของ บรู๊คส์ ที่ตั้งใจมาเล่นแบบตั้งรับ แต่ในที่สุด... จากการผ่านของ แกรมม์ ซูเนสส์ ในนาทีที่ 65 สู่ เคนนี่ ดัลกลิช ซึ่งยิงผ่านประตุเข้าไปเป็นประตูเดียวของเกมส์ ทำให้ลิเวอร์พุล สามารถป้องกันแชมป์ยุโรปของตนไว้ได้ รวมถึงการใช้สิทธิ์แชมป์เก่า เข้าไปป้องกันแชมป์ในฤดูกาลต่อไป... หมายเหตุ ฤดูกาล 1977/78 1. ในทีมนี้ มีนัักเตะถึง 15 คน ที่เคยอยุ่ในทีมเมื่อสองฤดูกาลก่อน ที่เคยเอาชนะ บรู๊คส์มาได้แล้วในนัดชิงยูฟ่า คัพ 2. ในฤดูกาลถัดมา ลิเวอร์พูลโชคร้ายที่จับสลากในถ้วยยูโรเปี้ยน คัพมาพบกับ “สุดยอดดาวรุ่งไฟแรง” ในตอนนั้น  อย่าง ฟอเรสต์ ที่เข้ามาเล่นในฐานะแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษในรอบแรกๆๆ และเป็นหงส์แดง ที่ยังแพ้ทาง ไบรอัน คลัฟ ตกรอบไปอย่างน่าเสียดายตั้งแต่ต้น และ ฟอเรสต์ก็ไปคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพได้ในที่สุด ในขณะที่หงส์ทวงคืนได้เพียงแชมป์ลีกสูงสุดเท่านั้น ------ ในภาพ European cup 1978 Team จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 02:07:29 ]

ความคิดเห็นที่ 15 จากซ้าย ไป ขวา เรย์ เคนเนดี้ / แกรมม์ ซูเนสส์ / เคนนี่ ดัลกลิช European cup champions 1978 (ขอบคุณ คุณ q ในการแก้ไขข้อมูลครับ -- :-) ) แก้ไขเมื่อ 25 พ.ค. 48 10:33:32 จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 02:08:21 ]

ความคิดเห็นที่ 16 อีกหนึ่งภาพประทับใจ ในปี 1978 จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 02:08:54 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ฤดูกาล 1980/81 European Cup Final 27 พฤษภาคม 1981 Liverpool 1 (Alan Kenedy 81) Real Madrid 0 สนาม Parc des Princes, Paris ด้วยความยิ่งใหญ่ของ ฟอเรสต์ในปี 1979 และ 1980 ซึ่งสามารถคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ ได้สองปีซ้อน และบดบังรัศมีของหงส์แดงในยุโรปไปชั่วขณะ... บ๊อบ เพสลีย์ ได้ทำทีมขึ้นมาสุ้ใหม่ และ คว้าแชมป์ดิวิชั่นหนึ่ง (เดิม) ได้ในฤดูกาล 1979/80 และพร้อมที่จะ เข้ามาทวงความยิ่งใหญ่ในยุโรปกลับคืนมาสู่เมืองลิเวอร์พูลอีกครั้ง ซึ่งนั่นหมายถึงการต้องแลกมาซึ่งแชมป์ลีกสูงสุดในประเทศของทีมที่เคยได้มา 2 ฤดูกาลซ้อนไปสู่การครอบครองของแอสตัน วิลล่า (ซึ่งในปีต่อมา สามารถคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ได้เป็นครั้งแรก) และหงส์แดงต้องตกไปถึงอันดับที่ 5 ในตารางดิวิชั่นหนึ่ง !!!!!!! จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 02:10:24 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ด้วยชัยชนะต่อ อเบอร์ดีน (สก๊อตแลนด์) ถึง 5-0 และ ซีเอสเอเค โซเฟีย ถึง 6-1 ผ่านรอบรองชนะเลิศ ด้วยประตู Away goal ของ เรย์ เคเนดี้ เหนือ เสือใต้ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยสกอร์ 1-1 จากที่เสมอมาก่อนที่แอนฟิลด์ 0-0 และเข้าไปพบกับ “ราชันแห่งยุโรป” รีล มาดริด เจ้าของสถิติครองแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ 6 ครั้งในขณะนั้น ซึ่งนับเป็นการเผชิญหน้ากันครั้งแรกในถ้วยใบนี้ของสองสโมสรยักษ์ใหญ่โดยแท้ เพื่อที่จะได้ไปเล่นถ้วยยูโรเปี้ยน คัพในฤดูกาลหน้า หงส์แดงจำเป็นจะต้องเอาชนะ ราชัน ให้ได้ ... และก็สามารถทำได้สำเร็จ เมื่อ อลัน เคเนดี้ รับลูกทุ่มและเลี้ยงลูกขึ้นไปทางกราบซ้ายของสนาม เข้าไปสุ่ในเขตโทษ และก็ยิงมันให้เข้าไปซุกในก้นตาข่ายซะอย่างนั้น ในแบบที่ทั้งเพื่อนร่วมทีม และ นักเตะรีล มาดริด ก็ยังงง ที่ อลัน ขโมยยิงและยังเป็นประตูชัยในนาทีที่ 81 ให้ทีมคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ได้เป็นสมัยที่ 3 ทันที.. นอกจากนี้ ในปีนั้น หงส์แดงยังสามารถคว้าแชมป์ลีก คัพ ได้เป็นครั้งแรกของสโมสร ชดเชยความชอกช้ำจากผลงานในลีกได้เป็นอย่างดี ในภาพ European cup Champion 1981 จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 02:12:13 ]

ความคิดเห็นที่ 19 แกรมม์ ซูเนสส์ ในนัดชิงชนะเลิศ ยูโรเปี้ยน คัพ 1980/81 จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 02:13:04 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ฤดูกาล 1983/84 European Cup Final 27 พฤษภาคม 1984 Liverpool 1 (Neal 14) Roma 1 (Liverpool win on penalties 4-2) สนาม Olympic Stadium, Rome หลังจากที่คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพครั้งที่ 3 ในปี 1980/81 หงส์แดงห่างหายไปจากการเข้าชิงยุโรปไป 2 ปี และกลับมาได้อีกครั้ง ด้วยฟอร์มการถล่มประตูเป็นว่าเล่นในเวทียุโรปของ “เพชฌฆาตหน้าติดหนวด” เอียน รัช จากการก้าวเข้ามาคุมทีมแทน บ๊อบ เพสลีย์ ที่เกษียณตนเองออกไป .... โจ ฟาแกน อีกหนึ่งของสต๊าฟทีมบู๊ทรูม ก็ได้ก้าวเข้ามาคุมทีมต่อเนื่อง และเพียงปีแรกของเขา เขาก็ได้สร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรในฤดูกาล 1983/84 นี่เอง ในเดือนมกราคม ลิเวอร์พูลสามารถคว้าแชมป์ลีก คัพ ได้จากการเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน ไป 1-0 ในนัดแข่งใหม่ เป็นแชมป์รายการนี้เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน (สถิติตลอดกาล) และสามารถคว้าแชมป์ลีกสุงสุดของประเทศได้ เป็นปีที่สามติดต่อกัน (เป็นทีมที่สามของอังกฤษต่อจาก ฮัดเดอร์สฟิลด์ และ อาร์เซนอล) และเป็นฤดูกาลที่ 9 ติดต่อกันแล้ว ที่ลิเวอร์พูล ไม่เคยจบฤดูกาลด้วยมือเปล่า !!!!! และแน่นอน ถ้วยยูโรเปี้ยน คัพ ใบที่สี่ของสโมสร คือจิ๊กซอร์ที่เหลือเพื่อการก้าวไปสู่การเป็น Treble Champs เป็นทีมแรกของอังกฤษ !!!!!! จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 02:14:44 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ลิเวอร์พูล สร้างผลงานได้อย่างดีในถนนสายยุโรปปีนั้น ด้วยชัยชนะต่อ โอเดนเซ่ สกอร์รวม 2 นัดถึง 6-0 และพบกับแชมป์สเปนอย่าง แอธเลติก บิลเบา และผ่านไปด้วยความยากลำบากจากประตูโทนของ เอียน รัช ในเกมส์เยือน ต่อจากนั้น ก็ออกไปถล่ม เบนฟิกา “เหยี่ยวลิสบอน” คาบ้านได้ถึง 4-1 (สกอร์รวม 5-1) ผ่านรอบรองชนะเลิศ อย่างไม่ยากเย็นนัก ด้วยชัยชนะรวม 3-1 ต่อ ไดนาโม บูคาเรสต์ แห่งโรมาเนีย และเข้าไปพบกับ “หมาป่ากรุงโรม” โรม่า ซึ่งโชคดีได้เล่นนัดชิงยูโรเปี้ยน คัพ ในโอลิมปิกสเตเดี้ยมของตนเอง !!!!! ในนัดชิงที่เข้มข้น และ เต็มไปด้วยแท๊คติก.. เกมส์จบลงที่ สกอร์ 1-1 โดย ฟิล นีล เป็นผู้ยิงให้หงส์แดงนำไปก่อนนาทีที่ 14 ก่อนที่โรม่า จะตามตีเสมอจาก Pruzzo แต่ ความระทึกใจอย่างแท้จริงคือ การยิงลูกโทษตัดสินชี้ขาด..... การยิงลูกแรกนั้น สตีฟ นิโคล ยิงไม่เข้าก่อน ทำให้โรม่า มีเปรียบมาก แต่ บรูโน คอนติ ก็ยิงให้โรม่าไม่เข้าเช่นกัน (ข้ามคาน) จากนั้น ซูเนสต์ และรัช ก็มาจัดการลูกโทษให้หงส์แดง ทำให้ขึ้นนำ 3-2 ก่อนที่ นักเตะโรม่าคนถัดมาถูก กร๊อบเบล่าห์ ผู้รักษาประตูจอมทะเล้นของลิเวอร์พูล (ผู้มีพรสวรรค์ในการรับลูกยากๆๆ แต่ มักจะพังในลูกง่ายๆ เสมอๆๆ ) เล่นจิตวิทยาสับขาไขว้ไปมา ทำให้ยิงข้ามคาน (รายการ UCL Review ในคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ก็มีการนำลูกนี้มาฉายใหม่ให้เห็นแบบแว่บๆๆ) อลัน เคเนดี้ จึงมีหน้าที่มายิงให้เข้าเพื่อให้แต้มขาด และอลันก็ทำได้ ส่งผลให้หงส์แดงชนะการยิงจุดโทษที่สกอร์ 4-2 ในที่สุด นี่คือการคว้าแชมป์สโมสรยุโรปเป็นครั้งที่ 4 และเป็นครั้งที่ 2 บนพื้นสนามโอลิมปิก สเตเดี้ยม กรุงโรม ทำให้ โจ ฟาเกน กลายเป็นผู้จัดการทีมคนแรกของสโมสรอังกฤษที่สามารถนำทีมคว้า 3 แชมป์ใหญ่ได้ในหนึ่งฤดูกาล และ ฟิล นีล กลายเป็นผู้เล่นประวัติศาสตร์ของสโมสร ที่ร่วมคว้าแชมป์ใบใหญ่สุดของยุโรปให้กับทีมทั้ง 4 ครั้ง และลงเป็นตัวจริงในนัดชิงชนะเลิศ ทั้ง 4 นัดดังกล่าวอีกด้วย.. ก่อนที่ โจ ฟาแกน จะลาออกจากผู้จัดการทีมก่อนเวลาอันควร อย่างน่าเสียดายอย่างยิ่ง อันเนื่องมาจากผลพวงของเหตุการณ์ที่เฮย์เซล ในนัดชิงยูโรเปี้ยนคัพ ของฤดูกาลถัดไป.... ----------------- ในรูป หงส์แดง ชุดเขย่าขวัญหมาป่า ณ กรุงโรม European cup champion 1984 จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 02:18:25 ]

ความคิดเห็นที่ 22 โจ ฟาแกน.. อีกหนึ่งผลผลิต ลูกหม้อของลิเวอร์พูล กับแชมป์ยุโรปเพียงครั้งเดียวของเขา... จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 02:19:27 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เคนนี่ ดัลกลิช และท่านอนอันแสนจะ......... (กรุณาเติมคำเอาเองนะครับ) กับ ถ้วยยุโรป จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 02:20:37 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ฤดูกาล 1984/85 European Cup Final 29 พฤษภาคม 1985 Liverpool 0  Juventus 1 สนาม Heysel Stadium, Belgium หลังจากที่คว้า Treble Champs อย่างยิ่งใหญ่ในปีก่อนหน้านี้.. ลิเวอร์พูลหมายมั่นปั้นมือเป็นอย่างยิ่งที่จะป้องกันแชมป์ยุโรปของตนให้ได้เป็นครั้งที่ 2 ในฤดูกาลนี้ เอฟเวอร์ตัน กลายเป็นทีมที่มีผลงานในลีกได้อย่างยอดเยี่ยม และสามารถคว้าแชมป์ดิวิชั่นหนึ่ง ไปได้ตั้งแต่ไก่โห่ !!!! นั่นยิ่งทำให้หงส์แดงต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อไม่ให้ทีมจบฤดูกาลแบบมือเปล่า ในถ้วยยุโรปทีุ่คุ้นเคย หลังจากที่สามารถเอาชนะ เบนฟีกา ออสเตรีย เมมฟิส และ พานาธิไนกอส จากกรีซ มาในรอบรองชนะเลิศ หงส์แดงก็เข้าสู่รอบชิงที่สนาม เฮย์เซล ประเืทศเบลเยี่ยม ไปพบกับทีมที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของอิตาลี “ม้าลาย” จูเวนตัส ที่นำโดยนโปเลียนลูกหนัง มิเชล พลาตินี่ และ ซบิ๊กเนียว โบเนี๊ยก บรรดาเดอะค๊ีอป ทั้งหลาย ต่างๆไม่เกรงกลัวต่อฝีเท้าของ นักเตะม้าลาย และมองว่าทีมตนเองเป็นต่อมาก เนื่องจากการเตะรายการ European Super cup (ในขณะนั้นคือ รายการที่นำแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ปีก่อน คือหงส์แดง มาเตะกับแชมป์ คัพ วินเนอร์ส คัพ ปีก่อน คือ ม้าลาย) ในช่วงต้นเดือนมกราคมนั้น ทีมตนเองสามารถเอาชนะทีมจูเวนตัสมาได้แล้ว 2-0 แบบสบายๆๆ จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 02:22:49 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ในเกมส์การแข่งขันจริง... กองเชียร์หงส์แดงต่างยัดทะนานของมึนเมาเต็มคราบ และเริ่มไล่ตีต่อบกับแฟนจูเวนตัส ที่พากันวิ่งหนีเอาชีวิตรอด ทำให้กำแพงของสนามเกิดการถล่มลงมาทับร่างกองเชียร์เหล่านั้นเสียชีวิตไป 39 ศพ (38 ศพคือชาวอิตาเลี่ยน อีกหนึ่งคือชาวเบลเยี่ยม) ---------- ในรูป การจลาจลที่ เฮย์เซล... จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 02:24:30 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ในส่วนการแข่งขัน แม้สนามจะถล่ม ศพของคนตาย ก็ยังนอนตายกองกันอยู่ใต้อัฒจันทน์แห่งนั้น กรรมการในนัดนั้น ก็ไม่รู้ว่า มีผีตนไหนมาดลใจให้ทั้งสองทีมแข่งต่อกันไปได้อย่างไร... เกมส์ก็ผ่านไปอย่างซังกะตาย .. จนกระทั่ง มีการฟาวล์นอกเขตโทษเกิดขึ้นในช่วงท้ายเกมส์ แต่กรรมการก็ดันทะลึ่งชี้ไปที่จุดโทษให้แก่ม้าลาย ซึ่ง ณ เวลานั้น ก็ไม่มีนักเตะหงส์แดงคนไหนที่จะมาโต้แย้ง มิเชล พลาตินี่ กัปตันทีมม้าลาย ทำหน้าที่สังหารประตูนั้น และ กลายเป็นประตูชัย ที่ทำให้ม้าลายคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพเป็นสมัยแรก และกลายเป็นสโมสรแรกที่สามารถคว้าแชมป์ยุโรปได้ครบทั้ง 3 ถ้วย... รวมถึงเป็นการพ่ายแพ้ในนัดชิงชนะเลิศถ้วยยูโรเปี้ยน คัพ เป็นครั้งแรก และ ครั้งเดียวของลิเวอร์พูล...อีกด้วย... --------- ในภาพ ก่อนเริ่มการแข่งขัน จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 02:26:57 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ผลพวงจากการกระทำอันสุดป่าเถื่อนนี้ สร้างรอยด่างพร้อยอย่างรุนแรงต่อวงการลูกหนังของอังกฤษ... สมาคมฟุตบอลอังกฤษ ตัดสินใจลงดาบทันที (ก่อนที่ ยูฟ่า จะตัดสิน) โดยแบนสโมสรลูกหนังของอังกฤษออกจากการแข่งขันสโมสรยุโรปทุกรายการเป็นเวลา 5 ปี (1986-1990) และ สำหรับ ทีมที่เป็นสาเหตุอย่าง ลิเวอร์พูล โดนแบนเพิ่มเป็น 6 ปี (1986-1991) หยุดสถิติการเล่นฟุตบอลสโมสรยุโรปของสโมสรไว้ที่ 21 ปีติดต่อกัน ทำให้วงการฟุตบอลสโมสรยุโรปทุกรายการ ได้ถูกครอบครองความยิ่งใหญ่ในปลายทศวรรษที่ 80 โดยทีมจากอิตาลี (เอ ซี มิลาน นาโปลี จูเวนตัส และ อินเตอร์มิลาน) หลังจากที่ถูกครอบครองโดยสโมสรจากอังกฤษมาโดยตลอดในช่วงต้นทศวรรษที่ 80 ฤดูกาลดังกล่าวเป็นฤดูกาลแรกในรอบ 10 ปี ที่หงส์แดง “มือเปล่า” และจบฤดูกาลอย่างสุดชอกช้ำ.... และเป็นรอยด่างพร้อย ที่ไม่อาจลบเลือนไปจากความทรงจำ.. ----------- ในภาพ.. สุดบรรยาย..... จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 02:28:27 ]

ความคิดเห็นที่ 28 จลาจล... จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 02:29:18 ]

ความคิดเห็นที่ 29 หลังจากเหตุการณ์ที่ เฮย์เซล ลิเวอร์พูลเอง ก็เดินหน้า คว้าแชมป์ในประเทศต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน และ ก็มีโศกนาฏกรรมมาซ้ำเติมอีก ที่ ฮิลส์โบโร่ ในเดือนเมษายน ปี 1989 ทำให้ เคนนี่ ดัลกลิช ผุ้จัดการทีมหงส์แดงในขณะนั้น ทนความสูญเสียเหล่านั้นไม่ไหว และลาออกจากการเป็น ผจก. ทีมในปีต่อมา เคนนี่ ดัลกลิช เอง คือ ผู้ซึ่งผ่านเหตุการณ์ในลักษณะที่ตัวเองเห็นกับตาในสนามมา 3 ครั้ง ครั้งแรก คือ อัฒจันทน์ถล่มทับคนตาย ในตอนที่เขาค้าแข้งให้ เซลติก ครั้งที่สอง ในขณะที่เขาอยู่ใน เฮย์เซล และ ครั้งที่ สาม คือ เหตุการณ์ที่ ฮิลส์โบโร่ ที่เขาเป็น ผจก.ทีหงส์แดง... จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 02:33:20 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เมื่อถูกห้ามแข่ง ในเวทียุโรป ระดับการเล่นของหงส์แดง ก็ค่อยๆๆตกลง จนกระทั่ง ในฤดูกาล 2000/2001 หงส์แดง ก็ก้าวสู่ความเป็นแชมป์สโมสรยุโรปอีกครั้ง ในถ้วยยูฟ่าคัพ เป็นครั้งที่ 3 ของสโมสร ฤดูกาล 2000/01 UEFA Cup Final 16 พฤษภาคม 2001 Liverpool 5  Alaves 4 สนาม Westfalden Stadium เมือง Dortmund ดูรายละเอียดได้ที่กระทู้เก่าของผม ในความเห็นที่ 10 ที่นี่นะครับ http://www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S3455340/S3455340.html จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 02:35:22 ]

ความคิดเห็นที่ 31 Liverpool ยุค เชร่า อุลลิเยร์ กับ 3 แชมป์เล็ก แต่ ยิ่งใหญ่ ในใจแฟนหงส์แดง.. จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 02:35:58 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ฤดูกาล 2004/05 UEFA Champions League Final 25 พฤษภาคม 2005 Liverpool 3 (Gerrard 54; Smicer 56; Alonso pen 59)  AC Milan  3 (Maldini 1: Crespo 39, 44) Liverpool win 3-2 on penalties สนาม Ataturk Olympic Stadium เมือง Istanbul, Turkey ท่ามกลางบรรยากาศที่เร้าใจก่อนเกมส์เริ่มขึ้น การประลองกำลังทางจิตวิทยา ทั้งจากสองฝ่ายที่ต่างยกยอปอปั้นกันและกัน รวมไปถึงคำปรามาสจาก ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี่ นายกรัฐมาตรีอิตาลีและประธานสโมสร เอ ซี มิลาน ใครมันจะไปคิดว่า เพียงแค่วินาทีที่ 52 จะเป็นมิลานที่ขึ้นนำไปก่อน จากการโยนฟรีคิกทางกราบขวา และ ยิ่งไปกว่านั้น เป็น เปาโล มัลดินี่ ที่เป็นผู้เบิกสกอร์ให้มิลานนำ หงส์แดงไป 1-0 ในแบบที่คนดูบางคนยังไม่ทันจะเข้ามาชม เกมส์ในครึ่งแรก ยังเป็นไปในแบบ วันเวย์ ที่หงส์แดงแทบจะเปิดประตูรับ มิลานไม่ทัน ทั้งจากอานุภาพของ การจ่ายบอลในแดนกลางอันสุดคมกริบของ กาก้า และ การตัดบอลของมิดฟิลด์ผึ้งงานอย่าง เซดอร์ฟ รวมไปถึง การยิงในระดับผีเข้า ของ เฮอร์นัน เครสโป ศูนย์หน้าที่มิลานยืมตัวมาจากเชลซี ที่สังหารโหดให้มิลานขึ้นนำในครึ่งแรก เป็น 3-0 เป็น 3-0 ที่แฟนานุแฟนของหงส์แดงทุกคน แทบอยากร้องไห้.. และ ทดท้อใจกับการเล่นที่ สู้กันไม่ได้อย่างสิ้นเชิง และ หวาดกังวลว่า เกมส์อาจจะจบในสกอร์ถึง 6-0 ก็เป็นได้ ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในครึ่งแรก จากการที่ แนวรับ จากอาการช้าของ แซมี่ ฮูเปีย  และ อาการเหวอตำแหน่ง ของ ฌีมี่ ตราโอเร่ ส่งผลอย่างร้ายแรงต่อรูปเกมส์และสกอร์ และนับเป็นการบ้านอันหนักอึ้งของ ราฟาเอล เบนิเตซ ให้แก้ไข... โดยส่วนตัวแล้ว หลังจากที่จบครึ่งแรก ของนัดนี้ ผมไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้วครับ !!!!!! นั่งเงียบ และ ยังนึกไม่ออกเลยว่า ราฟา จะจัดการอย่างไร แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 48 05:25:49 แก้ไขเมื่อ 25 พ.ค. 48 02:39:51 จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 02:39:19 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณครับ จากคุณ : SilverAngel - [ 25 พ.ค. 48 02:40:02 ]

ความคิดเห็นที่ 34 แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราไม่คาดฝัน ก็สามารถเกิดขึ้นได้ในฟุตบอลยุคปัจจุบัน ผมไม่รู้ว่า ราฟา ไปดุ ด่า ว่ากล่าว หรือ ปลอบประโลมอะไรในห้องพัก ช่วงพักครึ่ง แต่ สิ่งที่ผมและแฟนหงส์แดงนับล้านในประเทศได้รับรู้จากนั้นคือ หงส์แดง ใช้เวลาเพียง 5 นาที เป็น 5 นาที แห่งความทรงจำ ที่ดึงเอาถ้วยยูโรเปี้ยน คัพ ที่ มิลานได้เอื้อมมือไปกกกอดแล้ว มาวางไว้ในตำแหน่งเดิม และเริ่มต้นกัรใหม่ ในสกอร์ 3-3 !!!!! ในนาทีที่ 54 จากที่บุกอยู่นาน ลิเวอร์พูล ก็เริ่มความมหัศจรรย์ของเกมส์ เป็น ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ เติมเกมรุกขึ้นมา ก่อนจะเปิดโค้งมาในกรอบเขตโทษ ให้ กัปตันทีม สตีเว่น เจอร์ราร์ด สะบัดหัวโขกเปลี่ยนทางผ่านมือ ดีด้า เสียบหน้าต่างอย่างสวยงาม สกอร์ขยับ 1-3 พร้อมกับกำลังใจอันเปี่ยมล้น จากกัปตันทีมของเรา...       เท่านั้นแหละ ทำนบที่ว่าแข็งแกร่ง และระดับโลกของมิลาน ก็แตกยุ่ย ลิเวอร์พูล ดาหน้าบุกแหลก และอีกเพียง 2 นาทีต่อมา ก็ได้ประตูที่สอง จากการลักไก่ยิงของ วลาดิเมียร์ ซมิเซอร์ แล้วสิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น ลิเวอร์พูล ดาหน้าบุกแหลก จนถึงนาทีที่ 59 หงส์แดง ก็มาได้จุดโทษ เมื่อ เจอร์ราร์ด ถูก กัสตูโซ่ ฮาร์ดแมน ของมิลาน  ทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้ไปที่จุดโทษ ท่ามกลางเสียงประท้วงของนักเตะ มิลาน อย่างไรก็ตาม อลอนโซ่ รับหน้าที่สังหาร และ มันเป็นอะไรที่ยิ่งกว่านั้น เมื่อ ดีด้า สามารถป้องกันประตูไว้ได้ในจังหวะแรก แต่ อลองโซ่ ก็ตามซ้ำเข้าไป ทำให้สกอร์กลับมาเท่ากันที่ 3-3 และเป็นอย่างนี้ ไปจนหมดเวลา 90 นาที และ 120 นาที ที่หนักหน่วงและเคร่งเครียด... การยิงจุดโทษครั้งที่สอง ในรอบชิงชนะเลิศถ้วยยุโรปของทั้งสองทีมก็เกิดขึ้น.. ทั้งหงส์แดง และ มิลาน ต่างประสบความสำเร็จมาแล้ว ในการยิงลูกโทษของเกมส์ตน (หงส์ ชนะ โรม่า ในปี 1984 และมิลาน ชนะ จูเวนตัส ในปี 2003) เจอร์ซี่ ดูเด็กซ์ ที่เล่นในเกมส์ ได้อย่างน่าหวาดเสียว กลับกลายมาเป็นพระเอกเต็มตัว ในการยิงจุดโทษ เมื่อใช้ลีลา ยั่วส่าย ของ กร๊อบเบล่าร์ ในอดีต ที่เคยใช้และเอาชนะ โรม่ามาแล้ว ส่งผลให้สองคนแรกของมิลาน ต่างพลาดการยิงจุดโทษไป.. และ ในที่สุด เมื่อการยิงประตูของ อังเดร เชฟเชนโก้ นักเตะฟุตบอลทองคำของยุโรปคนล่าสุด ถูก ดูเด็กซ์ ป้องกันไว้ได้ มันก็ไม่มีอะไรมาขัดขวาง การกลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่ ในเวทีสโมสรยุโรปอีกครั้ง กับการครองแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ เป็นสมัยที่ 5 ของทีมสีแดง จากเมืองลิเวอร์พูล ได้อีกต่อไป..... หงส์แดง สยายปีก เป็นเจ้ายุโรป อย่างน่าภาคภูมิใจ ในเส้นทางบิน ที่ปราบมาทั้ง โมนาโค รองแชมป์เก่า, เลเวอร์คูเซ่น แห่งเยอรมัน, จูเวนตัส แชมป์กัลโช่ ซีรีย์เอ ปัจจุบัน, เชลซี แชมป์พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ และ เอ ซี มิลาน ทีมที่ครองแชมป์ยุโรปมากเป็นอันดับสองของทวีป... ณ เวลานั้น มันคงไม่มีอะไรที่มันจะดีไปกว่านี้อีกแล้ว สำหรับ เดอะ ค๊อป ทั้งมวล... แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 48 06:23:24 แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 48 05:42:24 จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 02:40:16 ]

ความคิดเห็นที่ 35 และ นี่คือ ประวัติศาสตร์ ในเส้นทางยุโรป ของสโมสร ลิเวอร์พูล สโมสรที่จะไม่มีวันเดินเดียวดาย.... ------- You'll Never Walk Alone จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 02:41:53 ]

ความคิดเห็นที่ 36 จบแล้วครับ งวดนี้ ทำนานกว่าทุกครั้งเลย... ก็เหลือแต่ งานหลังจากคืนวันพุธนะครับ ส่วนเพื่อนๆๆ พี่ๆๆน้องๆ คนไหน อยากแชร์ ประสบการณ์ ความประทับใจ ก็เชิญตามสะดวกนะครับ.. จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 02:49:25 ]

ความคิดเห็นที่ 37 Liverpool 2- Milan 1 --- ผมทายกันดื้อๆๆอย่างนี้แหละครับ.. จากคุณ : หมีPooH! - [ 25 พ.ค. 48 03:02:22 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณมากครับ พรุ่งนี้แล้วซินะ ความฝันที่รอมานานอยู่ไม่ไกลแล้ว รูปในความเห็นที่2 ด้านซ้ายนี่ มันเฮีย มูริญโญ่ นี่น่า o_o หน้า เครียดตั้งแต่หนุ่มเลยแฮะ จากคุณ : สายน้ำฟ้า - [ 25 พ.ค. 48 03:09:12 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ดีใจด้วยครับสำหรับแฟนหงส์แดง ยังไงคืนนี้ผมก็ขอเชียร์หงส์เฉพาะกิจครับ เพราะตั้งแต่หงส์แดงเหยียบม้าลายจมธรนีมา ผมเลยตั้งใจจะขอเชียร์ทีมที่ทำให้ยูเว่สุดเลิฟของผมต้องตกรอบเนี่ย ต้องเชียร์ให้มันได้แชมป์ให้ เพราะเวลาไปคุยกับเพื่อนจะได้ไปคุยว่าทีมกรูเนี่ยโดนแชมป์ยุโรปดีดตกรอบหรอกโว้ย แล้วอีกอย่างถ้ามิลานได้แชมป์ล่ะก็มันจะมาขโมยซีนแชมป์อิตาลีของยูเว่หมด เพราะฉะนั้นยอมไม่ได้ หงส์แดงสู้โว้ย จากคุณ : Buffez - [ 25 พ.ค. 48 05:11:14 A:58.10.120.85 X: TicketID:091059 ]

ความคิดเห็นที่ 40 Correction for #10 แบร์ตี้ โฟล์กส์ = Right back (not center half)ทีมชาติเยอรมัน จากคุณ : q - [ 25 พ.ค. 48 05:57:36 A:137.197.158.109 X: TicketID:095509 ]

ความคิดเห็นที่ 41 Correction I believe the guy in picture #15 is Ray (not Alan) Kennedy. จากคุณ : q - [ 25 พ.ค. 48 06:01:41 A:137.197.158.109 X: TicketID:095509 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบคุณสำหรับข้อมูล และสิ่งดีๆ ที่ จขกท มีให้เสมอมาครับ จากคุณ : มานีชวนปิติ ไปเที่ยวบ้านชูใจ - [ 25 พ.ค. 48 07:10:34 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เป็นงานเขียนที่ยาวที่เต็มไปด้วยความพยายามมากครับ แต่ผมว่าภาระกิจของคุณ Liverpool Forever ยังไม่จบสิ้นครับ ยังขาด match หลังจากคืนนี้ซึ่งผมหวังอย่างที่สุดว่าเราไม่น่าพลาด Champ แล้วจะมายินดีด้วยกันครับหลังคืนนี้ จากคุณ : FH หาดใหญ่ - [ 25 พ.ค. 48 08:26:19 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณครับสำหรับความรู้เพื่อเป็นวิทยาทาน รูปที่ 2 ใช่เฮียมูริญโญ เปล่านั่น เราจะไปเล่น TOYOTA CUP ที่โตเกียว จากคุณ : เท่ง หงส์แดง - [ 25 พ.ค. 48 08:48:53 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เจ๋ง มากครับ จากคุณ : Heart Break Kid - [ 25 พ.ค. 48 09:11:46 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ขอคุณครับ  แจ่มจริง ๆ จากคุณ : แบดแมน - [ 25 พ.ค. 48 09:56:05 ]

ความคิดเห็นที่ 47 จากคุณ : รักเธออยู่แต่ก็รู้ว่าไม่ได้ - [ 25 พ.ค. 48 10:23:58 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ขอบคุณค่ะ หวังว่าคืนนี้จะเป็นคืนของเรา จากคุณ : wawi - [ 25 พ.ค. 48 10:29:54 ]

ความคิดเห็นที่ 49 คุณ q (คคห. 40 และ 41) ครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ในส่วนของรูป ผมคงเบลอไปจริงๆๆ เป็น Ray Kennedy จริงๆๆครับ เพราะ Alan Kennedy ไม่ได้ลงเล่นในนัดชิงยูโร 78 ด้วย ตอนโหลดรูป ก็เห็นชื่อไฟล์ที่มีเขียนไว้เป็น Kennedy ก็เลยด่วนเขียนชื่อไปก่อน โดยไม่ได้ไปดูใบหน้าเล้ยยย.. ส่วน ในเรื่องของ Berti Vogts จริงๆๆผมก็ตะหงิดอยุ่ว่า ปรกติเฮียแก ก็เล่นเป็นแบ็คขวา ทั้งในสโมสรและทีมชาติมาตั้งแต่ต้น เช่นกันครับ แต่ ข้อมูลตามที่บอกว่า เขาเล่นเป็นเซ็นเตอร์ให้กลัดบัดในนัดนั้นนี่ ผมใช้จากข้อมูลต่างประเทศครับ เลยไม่แน่ใจว่า เขาเล่นเฉพาะในนัดนั้น.. ในตำแหน่งกลางหลังหรือไม่ (เช่น ในกรณีตัวจริงในทีมดันเจ็บ หรือ ไปเล่นแทนในกรณีสะสมใบเหลืองครบ) อย่างไรก็ตาม ขอบคุณมากๆๆๆ เลยครับ สำหรับการแก้ไข และผมจะได้ เขียนกระทู้หน้าในครั้งหน้าให้ละเอียดมากยิ่งขึ้นครับ จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 10:32:46 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ขอบคุณคุณ Liverpool Forever ครับ ข้อมูลปึ้กจริงๆ ขอร่วม jam ด้วยเช่นเคยครับ เอาความประทับใจของผมกับ European Cup ทั้ง 5 ครั้ง 4 สมัยนะครับ 1977 - ปีนั้นยังไม่ทันรับรู้ข่าวสารอะไรเท่าไหร่ครับ ดูหงส์นัดแรกในชีวิตก็ที่แพ้แมนยู ชวดแชมป์ FA cup ในปีนั้น แต่กับ European Cup ยังไม่รู้ข่าวเลย มาอ่านตำนานภายหลัง สิ่งที่ประทับใจคือนัดชนะ St. Etienne ด้วยประตูชัยจาก Super Sub - David Fairclough และป้ายผ้าในนัดชิง ที่ยก โจอี้ โจนส์ แบ๊กซ้ายใน ยุคนั้นเป็นพระเอก Joey ate frog legs (โจอี้หม่ำขากบ - อาหารเลื่องชื่อของฝรั่งเศส) Joey made Swiss Roll (โจอี้อบขนมสวิส) Now he's munchin' Gladbach (และเขาก็กำลังเคี้ยวกลัดบัค) จากคุณ : นักอ่านชั้นอะ - [ 25 พ.ค. 48 11:36:17 A:192.232.68.4 X: TicketID:027308 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ปี 1978 ยังไม่รู้ข่าวเหมือนกัน แต่ได้ดู League Cup รอบชิง ที่แพ้ฟอเรสต์นัด Replay เป็นนัดแจ้งเกิดของ คริส วู้ดส์ ที่สำรอง ปีเตอร์ ชิลตันมาตลอด จากตำนาน จุดประทับใจคือ หงส์บุกข้างเดียว แต่เจาะได้ประตูเดียวจากเดลกลิช แถมตอน ใกล้หมดเวลา ทางบรูกส์ได้ลูกที่อลัน แฮนเซ่นจ่ายพลาด หลุดไปลากผ่านคลีเมนซ์ได้แล้ว แต่ยิงไปติดธอมป์สันที่สกัดคาบเส้นได้ ไม่งั้นต้องต่อเวลาและยิงจุดโทษ ผลจะเป็นยังไงไม่รู้ จากคุณ : นักอ่านชั้นอะ - [ 25 พ.ค. 48 11:41:45 A:192.232.68.4 X: TicketID:027308 ]

ความคิดเห็นที่ 52 มาจองพื้่นที่ด้วยคนครับ สุดยอดมากครับ จขกท ครับ สมกับที่รอคอยจริงๆ กะสกอร์ออกมา หงส์ 2 มิลาน 1 ครับ และเเล้วผลก็ออกมา 3-3 ในรูปสกอร์เเล้วยิงกันมันหยด เรียกว่าดีกันคนละครึ่ง เเต่6นาที ที่ได้ 3 เม็ดสุดยอดจริงๆ เจอร์ราด นายเเน่มาก สมิเซอร์ยิงลักไก่สุดๆ และลูกซ้ำของอลอนโซ่ เฮ้อพูดไม่ออก ดีใจจริงๆ แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 48 11:31:59 จากคุณ : bigwores - [ 25 พ.ค. 48 11:43:43 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ปี 1981 ปีนี้ติดตามหงส์แดงเต็มตัวเต็มรูปแบบแล้ว นัดชิงมีถ่ายทอดสด แต่จำไม่ได้ว่าช่องไหน เกมค่อนข้างชวนหลับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กอายุ 13 ที่ต้องตื่นมาดูตอนตี 2 จุดเดียวที่ตื่นเต้นคือ ลอว์รี่ คันนี่งแฮม ปีกขวาผิวสีชาวอังกฤษ ที่เล่นอยู่กับมาดริด ยิงจาก ระยะราวๆ 25 หลา ผ่านคลีเมนซ์ไปแล้ว แต่ชนคาน จากนั้นก็เป็นลูกที่ อลัน เคนเนดี้ รับลูกทุ่มจาก เรย์ เคนเนดี้ มาพลิกเข้าไปยิงตรงกรอบเขต 6 หลา ด้านซ้าย ยังจำได้ติดตาเลยครับ แล้วก็เป็นเรื่องถามกันมากว่า 2 คนนี้ เป็นอะไรกัน คำตอบ เป็นเพื่อนร่วมทีมกัน ฮ่า จากคุณ : นักอ่านชั้นอะ - [ 25 พ.ค. 48 11:48:19 A:192.232.68.4 X: TicketID:027308 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ปี 1984 ไม่มีถ่ายทอดอีก ตื่นมาลุ้นผลตอนเช้า ดีใจมาก ตอนนั้นร้านซอกเกอร์กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และมีบริการอัด VDO ขายให้ (ยังไม่เปิดให้เช่า) ผมขอตังค์พ่อ สั่งซื้อ VDO นัดนี้ 500 บาท (สมัยนั้นแพงมากนะครับ) ทางซอกเกอร์ก็ส่งมาให้ กลับจากโรงเรียน เจอ VDO ที่ส่งมา ดีใจมากครับ เปิดดูทันที จุดประทับใจ ก็ตอนยิงจุดโทษ สตีฟ นิโคล ยังเป็นเด็กใหม่ขึ้นชั้นมา แต่อาจหาญอาสายิงเป็นคน แรก แล้วก็พลาด! แต่กร๊อบเบลล่าร์ โชว์ประสาทที่แข็งกว่าหิน จนแชมป์โลกอย่างกราเซียนี่ และ คอนติ ยิงพลาด แล้วอลัน เคนเนดี้ (อีกแล้ว) ก็ยิงลูกที่ 5 ให้ชนะขาด (คนที่ 5 ของโรม่าไม่ต้องยิง) จากคุณ : นักอ่านชั้นอะ - [ 25 พ.ค. 48 11:56:50 A:192.232.68.4 X: TicketID:027308 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ปี 1985 ก็ไม่มีถ่ายทอดสด ตื่นมารู้ผล ก็เสียใจกับความพ่ายแพ้ แต่ตกใจกับเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นมากกว่า จุดที่จำได้ คือ มาร์ค ลอว์เรนสัน ไหล่หลุดตั้งแต่นาทีที่ 5 ต้องเปลี่ยนออกให้แกรี่ จิลเลสพี ลงมาแทน และเป็นนัดแรกที่เปลี่ยนจากชุดของอัมโบร มาใส่ชุดของอาดิดาส ผมยังคุยเล่นกับเพื่อนเลยว่า เปลี่ยนชุด เลยแพ้ มี VDO ของนัดนี้อยู่เหมือนกัน แต่ไม่ค่อยเอามาเปิดดูแล้ว ทีนี้ก็ต้องรุ่นนี้ล่ะครับ หวังว่าจะได้มาเขียนถึงด้วยความประทับใจกันอีกในปีข้างหน้าๆๆๆๆ นะ จากคุณ : นักอ่านชั้นอะ - [ 25 พ.ค. 48 12:02:31 A:192.232.68.4 X: TicketID:027308 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ความเห็นที่ 3 ทำให้เพิ่งรู้ว่าสมัยก่อนใช้คำว่า EUFA ไม่ใช่ UEFA เหมือนสมัยนี้ (จริงรึเปล่าเนี่ย) จากคุณ : ตัวตุ้ย - [ 25 พ.ค. 48 13:13:31 ]

ความคิดเห็นที่ 57 คุณ Buffez ครับ แหม.. อยากให้คำอวยพรของคุณเป็นจริง จริงๆๆ เลยครับ.. ---- สำหรับ ความเห็นของท่านอื่นๆๆ ขอบคุณมากนะครับ โดยเฉพาะ สกอร์ 2-1 นี่ ถูกใจผมมากครับ.. ------------ คุณ นักอ่านชั้นอะ.. ข้อมูลสุดยอด ทุกครั้งเลยครับ เยี่ยมจริงๆๆๆ ปี 77 และ 78 นี่ ผมก็ไม่ได้ดูในตอนนั้นครับ มาอ่านย้อนหลังเอาทั้งนั้นครับ แต่.. ในปี 84 และ 85 นี่ ได้ดูแบบวีดีโอ หลังจากนั้น ราว 5 ปีครับ แย่งจากเพื่อนที่เขารักในหงส์แดงเหมือนกันมาดู นี่ ในส่วน VCD นี่ ผมว่า  ถ้าเรามีกันแบบชัดๆๆ ในนัดสำคัญๆๆ ในอดีตนี่ น่าลองเอามาแบ่งปันกันดุนะครับ ผมอาสาจะเอาไปแปลงต้นฉบับจาก VDO เป็น VCD ให้เองก็ได้ครับ (ผมยอมลงทุนให้ครับ...ฮ่า ฮ่า เพื่อหงส์ --- รักยิ่งกว่าแฟนครับ..) แล้วเดี๋ยว ใครจะอยากดุ ก็ค่อยว่ากันอีกที อาจจะทำแบบ Pay it forward คือ ผมทำต้นฉบับให้ 2-3 ชุด เป็น VCD แล้วมาเข้าคิว ต่อๆๆกันไป เบอร์ 1 ดูเสร็จ ก็ส่งต่อไปเอง ที่ เบอร์ 2 ไปเรื่อยๆๆ ว่าแต่.. เดี๋ยวผมต้องไปค้นกอง VDO เก่าๆๆ ดูก่อน ---- จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 13:13:48 ]

ความคิดเห็นที่ 58 จริง ๆ Liverpool เคยได้เข้าชิงคัพ วินเนอร์ส คัพ ปีนึงด้วยนะครับแต่น่าเสียดายที่เราแพ้ดอร์ทมุนด์ไป ไม่งั้นเราก็จะเป็นอีกทีมที่ได้ครบทั้งสามถ้วย จากคุณ : country bus (country bus) - [ 25 พ.ค. 48 13:15:49 ]

ความคิดเห็นที่ 59 คุณ ตัวตุ้ย ครับ สงสัย ในใบปิด (รูปใน คคห. 3) นั้น คงจะพิมพ์ผิดนะครับ เพราะ UEFA เป็นตัวย่อ ของชื่อองค์กรครับ ไม่ได้เปลี่ยนอะไรดอกครับ.. ผมเอง ก็เคยเขียนผิดบ่อยๆๆครับ จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 13:17:10 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ใช่ครับ คุณ country bus (คคห. 58) ผมได้ลองค้นหารายละเอียดนักนั้นบ้าง แต่ ภาพมันมีน้อยมใกๆๆครับ เนื่องจาก จะค่อนข้างโบราณเหลือเกิน (ปี 1965/66) ก็เลยเอามาสรุปย่อๆๆ ไว้ใน คคห. 3 นะครับ จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 13:22:12 ]

ความคิดเห็นที่ 61 แหะ ๆ โทษทีครับอ่านผ่าน ๆ เลยไม่ทันสังเกต ขอทายสกอร์สำหรับวันนี้บ้าง มิลาน 0 ลิเวอร์พูล 2 ครับ จากคุณ : country bus - [ 25 พ.ค. 48 13:36:25 ]

ความคิดเห็นที่ 62 สุดยอด ตามอ่านพันทิพมานาน จขกท ข้อมูลแน่นจริงๆ จากคุณ : หม้อดิน - [ 25 พ.ค. 48 13:43:26 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ตอนนี้ไม่มีความเห็นอะไรใดๆเพิ่มเติมครับ นอกจากจะบอกว่า รอลุ้น "กำไรสูงสุด" (ที่ผ่านมาถือว่ากำไรอักโขแล้ว) สถานเดียว.... และ...ไม่น่าจะพลาดด้วยครับ จากคุณ : พฤษภเสารี - [ 25 พ.ค. 48 15:40:46 ]

ความคิดเห็นที่ 64 อย่าลืมเอา อลัน เคเนดี้ เข้าสนามไปด้วยนะโว้ย ไอ้นี่ตัวนำโชคสำหรับ ยูโรเปี้ยนคัพ เลย แล้วอย่าใจมดเหมือนผม จากคุณ : Rutanna - [ 25 พ.ค. 48 16:14:45 ]

ความคิดเห็นที่ 65 คห.11 คนกลางน่าจะชื่อ  เอียน มากกว่า โจ นะครับ จากคุณ : สุพจน์ - [ 25 พ.ค. 48 16:36:54 ]

ความคิดเห็นที่ 66 หวังว่าคืนนี้จะเป็นวันของเราครับหลังจากรอมานานแสนนาน จากคุณ : BoyCaesar - [ 25 พ.ค. 48 17:57:41 ]

ความคิดเห็นที่ 67 คุณ สุพจน์ (คคห. 65) เอียน ครับ... ขอบคุณมากครับ สงสัยผมจะเบลอหนักไปหน่อยเมื่อคืนนี้ครับ... จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 18:17:04 ]

ความคิดเห็นที่ 68 สำหรับเกมส์คืนนี้. เพื่อนผมหลายคนบอกว่า ... หงส์นั้น โอกาสน้อยกว่ามิลานมาก ผมเองก็บอกกลับไปว่า.. "ผมก็เข้าใจ ว่าหงส์แดงเป็นรองแน่ๆๆ ใครให้หงส์เป็นต่อ ก็แปลก.." เพื่อนผมถามต่ออีกว่า "แล้วผมหวังกับเกมส์นัดนี้ ขนาดไหน" ผมก็ตอบไปทันทีว่า "ถึงเป็นรอง แต่ ผมก็มั่นใจมาก ในสปิริตทีม.." และ เกมส์คืนนี้ ไม่ว่าจะจบอย่างไร จะสุขหรือเศร้า... ผมคงนอนไม่หลับอีกเป็นชั่วโมงแน่ๆๆ ครับ... เพราะ ผมลุ้นให้ทีมอย่างเต็มตัว และ ไม่ได้เผื่อใจไว้เลย... มีแฟนหงส์แดงคนไหน คิดและ เป็นเหมือนผมไหมนี่... จากคุณ : Liverpool Forever - [ 25 พ.ค. 48 18:21:52 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ขอบคุณมากเลยค่า สุดยอดเลยค่ะ จากคุณ : Narcissa - [ 25 พ.ค. 48 19:09:58 ]

ความคิดเห็นที่ 70 เชียร์ ให้สมหวังแน่ๆๆครับ.. จากคุณ : หมีPooH! - [ 25 พ.ค. 48 19:49:38 ]

ความคิดเห็นที่ 71 แจ่มครับ .. ขอ save เก็บไว้ใช้งาน อิอิ จากคุณ : k.o.p - [ 25 พ.ค. 48 23:54:17 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ข้อมูลแน่นมาก สมเป็นแฟนตัวจริงๆเลย คืนนี้จะเป็นอีกคืนที่มีความสุข จนกลั้นน้ำตาไม่ได้แน่ๆ (หวังเป็นอย่างยิ่งค่ะ) จะมาบอกว่าอยู่อิตาลี ที่นี่ใครๆ ก็รวมพลเชียร์มิลาน นัดที่แข่งกับยูเว่ ที่โตริโน่ เรางี้..นั่งไม่ติดเลยค่ะ ลุ้นสุดๆ เอานะ ขอให้คืนนี้เป็นวันที่เรารอคอยเถิด... You'll never walk alone!! จากคุณ : panangk@i - [ 25 พ.ค. 48 23:55:14 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ทำได้ดีครับ ขอเสริมก็แล้วกัน 1. ทำไมถึงเอารูป AC Milan 2003 ได้ถ้วยมา Post ล่ะครับ ขอให้เจ้าของกระทู้หรือใครก็ได้เอารูป Ajax '95 หรือ Marseil '93 มา Post แก้โดยด่วน 2. นัดชิง Cup Winner's Cup เตะนัดเดียวครับ ไม่มีเหย้าเยือน 3. Super Cup Europe ที่ Liverpool เคยลงเตะ ในปี 1977,1978 ,1981,1984 และ 2001 ขอรายละเอียดด้วยครับ 4. European Cup 84 Liverpool แพ้ Juventus 0-2 ครับ 5. แซวแฟน Man Utd นิดนึง ผมว่า Man Utd มีโอกาสได้แชมป์ครบ 3 ถ้วยในปี 2005-06 ครับ 6. Liverpool แพ้นัดชิง Cup Winner 's Cup ในปี 1966 แพ้ ดอร์ทมุนด์ในรอบชิง 1-2 ที่แฮมเดนปาร์ค จากการทำเข้าประตูตัวเองของ รอน ยีท ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 7. ลำดับทีมที่ได้ถ้วยครบทั้ง 3 ใบคือ 1985 Juventus,1992 Ajax(Uefa Cup) , Barcelona(European Cup) 1996 Bayern Munich(Uefa Cup) 8. ถ้วย Uefa Cup 2 ใบแรกมาจากการชนะ 2 ทีมคือมึนเช่นกลัดบัค และ FC บรู๊ค และถ้วย Eurpoean Cup 2 ใบแรกก็เช่นเดียวกัน 9. เดลกลิชลาออกจากทีมฤดูกาล 1990-91 2 ปีหลังจากเหตุการณ์ที่ฮิลโบโร่ 10.สำหรับผู้เขียน ในปี 1985 รู้จากข่าวโทรทัศน์ ตอนนั้นอึ้งไปชั่วขณะแล้วก็ได้แต่เสียใจ แต่ในปี 1985-86 ทีมกลับมาคว้า Double Champ ก็เลยพอจะทดแทนไปได้ 11. Liverpool จะชนะ Milan แน่ ๆ 3-1 แต่จะถูกนำไปก่อนในครึ่งแรก พักครึ่ง ถูกราฟาด่า ครึ่งหลังเลยยิงแซง 3 ลูกรวดครับ จากคุณ : Bubu - [ 25 พ.ค. 48 23:56:46 A:203.146.80.245 X: TicketID:020988 ]

ความคิดเห็นที่ 74 Khun Liverpool Forever, You will never walk alone krub. จากคุณ : q - [ 26 พ.ค. 48 00:40:01 A:137.197.158.109 X: TicketID:095509 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ขอบคุณมากๆ สำหรับ กระทู้ ที่ข้อมูล แน่น และมีค่าในจิตใจของผม ตอนนัดชิงที่อลัน เคนเนดี้ ยิงประตูโทน  ปี 80-81 ตอนนั้น ผมดูถ่ายทอดสดจากบ้านนอกไกลๆ จาก กรุงเทพ ร่วม 800 กม.ยังจำได้ติดตา ว่า มุม แคบมากๆ ยิงจากกรอบทางซ้าย  ยังนึกคิดขำในใจ ดูสีเสื้อ จากเข้ม กับขาว เพราะโทรทัศน์ ขาวดำ  ตอนนั้น คนพากษ์ น่าจะ คุณมานิตย์ ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว (ก็น่าแปลก คนพากษ์ดี ที่มีข้อมูล ทำไม เสียไวจัง รวมทั้ง คุณ ย โย่ง) วุ๊ย ทำไปทำมา คล้ายคนแก่ นึกถึงความหลัง  นึกๆไป จขกท. ไม่หนีจากผมเท่าไร สงสัย อยู่แถวๆ หลักสี่ ดอนเมือง จากคุณ : TAXI_DRIVER - [ 26 พ.ค. 48 00:59:50 ]

ความคิดเห็นที่ 76 สวัสดีครับ คุณ Narcissa, คุณ หมีPooH!, คุณ k.o.p. ขอบคุณที่เข้ามาทักทายกันเช่นเคยครับ และหวังว่า เกมส์คืนนี้ คงจะสร้างความสุขและความประทับใจให้กับแฟนหงส์แดงทุกคนแน่ๆๆครับ.. ---------- คุณ panangk@i ถ้าคืนนี้ใส่เสื้อแดงนั่งดูบอลแถวมิลานนี่ สงสัยต้องระวังตัวหน่อยนะครับ.. :-) แต่ ถ้าอยู่ในบ้านหรือในหอ ก็ตามสะดวกนะครับ นี่ตอนนี้ ผมก็ไปค้นกรุเสื้อมาใส่แล้วเช่นกันครับ เอาแบบ Crown paints  เลย... ------------------ คุณ q ขอบคุณที่เข้ามาแวะอีกรอบนะครับ จากคุณ : Liverpool Forever - [ 26 พ.ค. 48 01:23:58 ]

ความคิดเห็นที่ 77 คุณ Bubu 1. ช่างสังเกตจริงๆๆครับ เอาเป็นว่า รูปนั้น ถือว่าเอารูปมาลงเป็นการแก้เคล็ดก็แล้วกันนะครับ... 2. ใช่ครับ นัดชิงถ้วยยุโรปนี่ เตะกันครั้งเดียวทุกถ้วย มีเพียงยูฟ่า คัพ นับย้อนหลังช่วงทศวรรษ 90 ลงไป ที่เตะ 2 นัดครับ ขออภัยที่ผมเขียนไม่ละเอียดอีกแล้ว ใน คคห. 1 เดี๋ยวจะตรวจให้ละเอียดอีกทีครับ (แต่ ยืนยันว่า อันนี้พลาดเพราะการใช้ภาษาที่ไม่ละเอียดของผมเองครับ... แฮะ แฮะ) 3. แปะโป้งไว้ก่อนนะครับ.. 4. ยืนยันสกอร์ แพ้ จูเวนตัส 1-0 ครับ 11. เห็นด้วยครับ... จากคุณ : Liverpool Forever - [ 26 พ.ค. 48 01:33:52 ]

ความคิดเห็นที่ 78 คุณ TAXI_DRIVER ทักทายเช่นกันครับ.. แต่ ผมขออยุ่แถวๆๆ ลาดพร้าวนะครับ หลักสี่ กับ ดอนเมืองนี่ ไม่ใคร่อยากไปถึงนักครับ :-) ------------- บอลมาแล้วครับ.. เหตุใด แฮรี่ คีเวลล์ จึงได้ลงเนี่ย.. จากคุณ : Liverpool Forever - [ 26 พ.ค. 48 01:35:42 ]

ความคิดเห็นที่ 79 จะบ้าตายครับ... The Great Comeback of Our Club !!!!! UCL Champions 2005 จากคุณ : Liverpool Forever - [ 26 พ.ค. 48 04:37:04 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ผมจะเข้ามาอ่านนัดชิงของปี 2005 นะครับ พี่ Liverpool Forever ช่วยเข้ามาเขียนเร็วๆนะครับ You'll never walk alone จากคุณ : bob - [ 26 พ.ค. 48 04:42:06 A:203.107.198.53 X: TicketID:078894 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ปีนี้ได้แชมป์แบบปาฏิหาริย์เลยนะเนี่ย นักแตะหงส์แฟนบอลเดอะคอปสปิริตสูงส่งจริงๆ จากคุณ : Peet - [ 26 พ.ค. 48 04:55:01 ]

ความคิดเห็นที่ 82 คุณ bob ครับ ผมขอ "ตั้งสติ" สักพักก่อนนะครับ ตอนนี้ ผมดีใจจนลนลาน ทำอะไรไม่ถูกแล้วครับ... อายุก็มากแล้ว นี่ยังนึกอยู่ว่า ตัวผมเองเคยดีใจอะไรขนาดนี้มาก่อนไหมในชีวิต ความทรงจำของคืนนี้ ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่อาจลืมเลือนได้จริงๆๆ จากคุณ : Liverpool Forever - [ 26 พ.ค. 48 05:04:32 ]

ความคิดเห็นที่ 83 เราชนะแล้วครับ นั่งดูน้ำตาไหลพรากเลยครึ่งแรก ยอมรับที่ใจมดกะจะปิดทีวีแล้ว แต่ก็พยายามดูต่อ พอยิงเข้าลูกสุดท้ายน้ำตาไหลจริง ๆ ใครจะว่าโอเวอร์ก็ยอม ไม่เสียแรงที่เชียร์มากว่าสามสิบปี ผมรักลิเวอร์พูลครับ จากคุณ : ปิยะ (PiyaST) - [ 26 พ.ค. 48 05:30:46 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ผมเข้าไปเพิ่มให้แล้วนะครับ ใน คคห 32 และ 34 ที่ตั้งรอไว้ก่อน ล่วงหน้า (ประมาณว่า เหมือนรู้... อิอิ).. ส่วนภาพ คงจะเอามาลงตามสมควรครับ.. (เน้น เนื้อหาไว้ดีกว่า) ใครอยากจะมา แชร์ ผลเมื่อคืนนี้ ก็เชิญตามสะดวกนะครับ.. หรือ จะมาแปะรูปแบ่งกันดูก็ยินดีครับ... โอ้ย.... ดีใจจริงๆๆๆ UCL 2005 Final Milan 1- Liverpool 0 Paolo Maldini จากคุณ : Liverpool Forever - [ 26 พ.ค. 48 05:45:28 ]

ความคิดเห็นที่ 85 UCL 2005 Final Milan 2- Liverpool 0 Crespo จากคุณ : Liverpool Forever - [ 26 พ.ค. 48 05:46:25 ]

ความคิดเห็นที่ 86 UCL 2005 Final Milan 3- Liverpool 0 Crespo (again) จากคุณ : Liverpool Forever - [ 26 พ.ค. 48 05:46:50 ]

ความคิดเห็นที่ 87 UCL 2005 Final Half Time Milan 3- Liverpool 0 "The Silence of Liverpool" จากคุณ : Liverpool Forever - [ 26 พ.ค. 48 05:47:44 ]

ความคิดเห็นที่ 88 UCL 2005 Final Milan 3- Liverpool 1 Steven Gerrard "A New Hope" จากคุณ : Liverpool Forever - [ 26 พ.ค. 48 05:49:07 ]

ความคิดเห็นที่ 89 UCL 2005 Final Milan 3- Liverpool 2 Vladimir Smicer "The Kops Strike Back" จากคุณ : Liverpool Forever - [ 26 พ.ค. 48 05:50:10 ]

ความคิดเห็นที่ 90 UCL 2005 Final Milan 3- Liverpool 2 "The Worst Foul of the Game" จากคุณ : Liverpool Forever - [ 26 พ.ค. 48 05:51:13 ]

ความคิดเห็นที่ 91 UCL 2005 Final Milan 3- Liverpool 3 Zabi Alonso "The Return of the Spanish Kop" จากคุณ : Liverpool Forever - [ 26 พ.ค. 48 05:52:55 ]

ความคิดเห็นที่ 92 UCL 2005 Final Milan 3- Liverpool 3 Liverpool win on penalty 3-2 "The Miss of the Game" จากคุณ : Liverpool Forever - [ 26 พ.ค. 48 05:54:09 ]

ความคิดเห็นที่ 93 UCL 2005 Final Champion Liverpool Football Club The Fifth European Cup Trophies of the Club.. and One of the Greatest Comeback Games of All-time !! แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 48 14:50:51 จากคุณ : Liverpool Forever - [ 26 พ.ค. 48 05:56:20 ]

ความคิดเห็นที่ 94 เราแชมป์ครับพี่.... จากคุณ : EVO IV - [ 26 พ.ค. 48 06:06:21 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ในคห.ที่34 ขอแก้นิดนึง ucl ปีนี้หงส์ไม่ได้เจอปอร์โต้นะครับ คุณ Liverpool Forever คงหมายถึงเจอ โมนาโก ที่เป็นรองแชมป์ปีที่แล้วรึปล่าว คงสับสนกันมั้งครับ จากคุณ : seven-elephant - [ 26 พ.ค. 48 06:10:06 ]

ความคิดเห็นที่ 96 อ่า... แม่นแล้วๆๆๆๆๆ ดีใจจัด...เลยลนลานไปหน่อย ขอบคุณครับ จากคุณ : Liverpool Forever - [ 26 พ.ค. 48 06:22:11 ]

ความคิดเห็นที่ 97 แชมป็ ครับ แชมป์......... เราสู้ทุกรูปแบบ เกมส์บุก เกมส์รับ  เราสู้กันด้วยใจจริงๆ จากคุณ : EnG@rT - [ 26 พ.ค. 48 06:27:20 ]

ความคิดเห็นที่ 98 พักครึ่ง ตาม 3 ลูก แต่ชาว The Kop ในสนามร่วมกันร้องเพลง You Will Never Walk Alone... ปลื้มใจที่ได้เป็นแฟนทีมแบบนี้ครับ เกือบ 20 ปีแล้ว Yeah! We Are The Champion !!! จากคุณ : McDonut - [ 26 พ.ค. 48 07:45:43 A:203.156.190.211 X: TicketID:046737 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ไม่คิดว่าในชีวิตนี้จะได้เห็นทีมที่รักได้รับถ้วย...เห็น ๆ...ตัวเป็น ๆ ปลื้มมากสมกับที่อุตสาห์รอ.................. จบครึ่งแรก..ช็อก.....ครับอ่านว่า "ช็อก" นะแหละนั่งเหม่อ...ชืม แต่นี่คือ "เรดส์นาม" จากคุณ : เท่ง หงส์แดง - [ 26 พ.ค. 48 08:47:40 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ถูกใจแฟนหงส์จริง ๆ จากคุณ : ZeroEnna - [ 28 พ.ค. 48 09:35:32 ]

ความคิดเห็นที่ 101 จากคุณ : Red Penguin - [ 28 พ.ค. 48 12:26:24 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ขอบคุณครับ.... จากคุณ : Cc. - [ 28 พ.ค. 48 12:35:39 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ตอนนี้ ทีมเรา ก็เหลือแต่ที่จะ ทำผลงาน ในปีหน้าให้ดีที่สุด โยเฉพาะการเน้นมากขึ้นใน พรีเมียร์ ลีก เป้าหมายสุดท้ายที่เราห่างเกินไป สิบกว่าปีแล้ว... ส่วน จะได้ไปป้งอกันแชมป์ยุโรปปีหน้าหรือเปล่านั้น.. ณ ตอนนี้ ผมว่า ก็ปล่อยไปตามการตัดสินของ ยูฟ่า ที่แมนเชสเตอร์ตอนกลางเดือนมิถุนายน ดีกว่าครับ.. ได้ไป ก็ดี ไม่ได้ไป ก็ ไปเล่นยูฟ่า คัพ ... ก็เท่านั้นจริงๆๆ จากคุณ : Liverpool Forever - [ 28 พ.ค. 48 14:55:30 ]

ความคิดเห็นที่ 104 สรุปได้ดีมากๆครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : samsam - [ 28 พ.ค. 48 15:45:05 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ขอบคุณคุณ Liverpool Forever สำหรับข้อมูลครับ เอารูปบรู๊ซซี่เคี้ยวตาข่าย ก่อนทำขา wobbly leg มาให้ดู จากคุณ : ยาจก - [ 28 พ.ค. 48 18:40:17 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ไม่ทราบมีใครเอา link อันนี้มาให้หรือยัง (In My Life) http://photos.imageevent.com/dim2000/footballvideo/bitsnbobs/clsoingHQ.wmv ขอเอารูปมาให้ดูตามข้อมูล#50 ของคุณ(พี่)นักอ่านชั้นอะครับ banner กับทีมลิเวอร์พูลเป็นของคู่กัน แต่ไม่ว่าจะมี banner กี่ร้อยกี่พันอัน ก็ไม่มีอันไหนแซงหน้า banner นี้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น banner สุดยอดตลอดกาลของทีมลิเวอร์พูลไปได้ แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 48 18:52:03 แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 48 18:46:28 จากคุณ : ยาจก - [ 28 พ.ค. 48 18:45:38 ]

ความคิดเห็นที่ 107 . จากคุณ : ยาจก - [ 28 พ.ค. 48 18:47:13 ]

ความคิดเห็นที่ 108 link และ ภาพของ คุณ ยาจก รวมถึง ของคุณ นักอ่านชั้นอะ คลาสสิคมากครับ และทำให้กระทู้นี้ ทรงคุณค่าขึ้นมากเลยครับ... ขอบคุณมากๆๆครับ ไหนๆๆก็ไหนๆๆแล้ว ก็ขอเอา Banner ของปีนี้ ในนัดชิงมาให้ดูกันครับ... จากคุณ : Liverpool Forever - [ 28 พ.ค. 48 19:03:55 ]

ความคิดเห็นที่ 109 อันนี้ เล่นคำพ้อง ที่ เดอะ ค๊อป ชอบใช้ครับ ระหว่าง Istanbul กับชื่อของ Biscan ซึ่งไม่ได้ลง จากคุณ : Liverpool Forever - [ 28 พ.ค. 48 19:04:47 ]

ความคิดเห็นที่ 110 อันนี้ เสียดสีแบบคันๆๆๆ จากคุณ : Liverpool Forever - [ 28 พ.ค. 48 19:05:35 ]

ความคิดเห็นที่ 111 อันนี้ สำหรับ ยอดกองหลังแห่งปีของสโมสรครับ เอาแค่หอมปากหอมคอ... จากคุณ : Liverpool Forever - [ 28 พ.ค. 48 19:06:45 ]

ความคิดเห็นที่ 112 สุดยอดจริงๆ ค่ะ จากคุณ : ชื่อเดี้ยนสำคัญ ฉันใด - [ 28 พ.ค. 48 21:54:39 ]

ความคิดเห็นที่ 113 ครั้งแรกของผมครับ ตั้งแต่เชียร์มา กับ สุดยอดแชมป์ยุโรปของ Liverpool (UEFA Champions League ) ดีใจสุดๆ ต่อไปก็รอแชมป์ลีกครั้งแรกของผมกับลิเวอร์พูล จากคุณ : The Kop52 - [ 29 พ.ค. 48 01:25:41 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ขอบคุณมากๆ ครับ ขออนุญาตเซฟเก็บไว้นะครับ จากคุณ : คืนเหงา - [ 30 พ.ค. 48 01:56:56 ]

ความคิดเห็นที่ 115 20 ปีที่รอคอย ไม่ได้นานจนเกินเลยคับ ยอดเยี่ยมจริงๆ และขอบคุณข้อมูลของคุณ หงษ์ตลอดกาล ด้วยคับเยี่ยมจริงๆคับผม และขอรบกวนด้วยคับ ถ้ามี vcd นัดนี้ จะขอเอามาเก็บไว้ดูนะคับ แจ้งทางเมล์ได้ป่าวคับ burin_n@yahoo.com ขอบคุณล่วงหน้าคับ you'll never walk alone จากคุณ : balu - [ 30 พ.ค. 48 13:59:53 A:58.11.41.13 X: TicketID:081523 ]

ความคิดเห็นที่ 116 กระทู้นี้เยี่ยมจริงๆครับ เจ๋งๆๆๆๆๆ จากคุณ : rtype - [ 30 พ.ค. 48 15:08:47 ]

ความคิดเห็นที่ 117 ถ้ามี เดี๋ยวผมจะแจ้งบอก โดยอาจตั้งกระทู้ ใหม่ไปอีกทีครับ แต่ โดยส่วนตัว ผมตั้งใจจะเก็บแบบ ที่ไม่ใช่อัดมาจาก espn หรือ ช่อง 3 นะครับ ดังนั้น อาจรอนานนิดนะครับ.. จากคุณ : Liverpool Forever - [ 30 พ.ค. 48 15:34:09 ]

ความคิดเห็นที่ 118 สุดยอดมากครับกระทู้นี้ จากคุณ : ฆ่าไม่นับสับไม่เลี้ยง - [ 2 มิ.ย. 48 05:58:02 ]

ความคิดเห็นที่ 119 เข้ามาดีใจ จากคุณ : gopor - [ 3 มิ.ย. 48 16:29:12 ]

ความคิดเห็นที่ 120 ชอบคุณครับ ได้รู้ประวัติ เยอะเลย จากคุณ : LTI Systems - [ 4 มิ.ย. 48 01:04:32 ]

ความคิดเห็นที่ 121 คลิปของคุณยาจกนี่ สุดยอดคับ ดูแล้น้ำตาจะไหล เพลงประกอบตรงที่สุดแล้ว เยี่ยม!!!!!!! กระทู้นี้ก็สุดยอดคับ จากคุณ : เต้ (g9h) - [ 4 มิ.ย. 48 12:01:41 ]