ความคิดเห็นที่ 1 เริ่มที่... ครั้งที่ 1 - อุรุกวัย : 1930 เป็นฟุตบอลโลกครั้งเดียวที่ไม่มีการแข่งขันรอบคัดเลือกครับ... 13 ทีม (รวมเจ้าภาพ) ที่เข้าแข่งขันเป็นทีมที่เชิญเข้ามาทั้งสิ้น... ทีมที่มาจากยุโรปต้องออกเดินทางล่วงหน้า 2 เดือน!!!!!!!.....ก่อนทัวร์นาเม้นท์จะเริ่มขึ้น (กว่าจะได้ลงเล่นนัดแรกคงคันแข้งอยากหวดลูกหนังเต็มแก่..ไม่ก็ลืมแท็คติกที่เทรนมากันจนหมดครับ) อุรุกวัย (เจ้าภาพ) คว้าแชมป์ หลังจากชนะ อาร์เจนติน่า 4 - 2 ครับ จากคุณ : กิมเฮง - [ 6 ส.ค. 48 21:26:24 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ครั้งที่ 2 - อิตาลี : 1934 เจ้าภาพเขมือบแชมป์ไปในรอบชิงชนะเลิศ มุสโสลินี 2 - 1 เช็กโกสโลวะเกีย (สมัยนึงรองเท้าหนังกลับที่เรียกว่ารองเท้าเช็คโกในบ้านเราดังมากครับ) **ขอโทษครับ ขอแก้ไขเป็น อิตาลี 2 - 1 เช็กโกสโลวะเกีย จึงจะถูกต้องครับ จากคุณ : กิมเฮง - [ 6 ส.ค. 48 21:27:22 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ครั้งที่ 3 - ฝรั่งเศส : 1938 เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน....ที่จัดในยุโรป อิตาลี เป็นทีมแรกที่ได้แชมป์ 2 สมัยครับ...อัดฮังการีไป 4 - 2 จากคุณ : กิมเฮง - [ 6 ส.ค. 48 21:29:11 ]

ความคิดเห็นที่ 4 โปสเตอร์ของฝรั่งเศสเท่เนอะ...ดูหยิ่งๆ เชิดๆ ไงไม่ทราบ จากคุณ : กิมเฮง - [ 6 ส.ค. 48 21:33:02 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ครั้งที่ 4 - บราซิล : 1950 สงครามแข้งต้องหลบให้สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นเวลา 12 ปีกว่าจะได้ฟาดกันอีกครั้ง คราวนี้อุรุกวัย (ทีมจอมโหดในอดีต) เรียกน้ำตาคนทั้งประเทศของเจ้าภาพด้วยสกอร์ 2 - 1 (ซึ่งต่อมาเก็บความแค้นระเบิดเป็นเจ้าโลกฟุตบอลในปัจจุบัน) จริงๆแล้ว..... ครั้งนี้ไม่มีรอบชิงชนะเลิศครับ ใช้วิธีนับแต้มเอา....(แบ่งสายในรอบแรกแล้วคัดเอา 4 ทีมสุดท้ายมาแข่งแบบพบกันหมด) แต่เผอิญว่าอุรุกวัยและบราซิลมาพบกันในนัดสุดท้ายพอดี...ทั้งที่บราซิลก็ต้องการแค่ผลเสมอด้วยซ้ำ...แซมบ้าผู้ถอยหลังแล้วหกล้ม) จากคุณ : กิมเฮง - [ 6 ส.ค. 48 21:34:29 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ครั้งที่ 5 - สวิตเซอร์แลนด์ : 1954 Helmut Rahn & co. พาเยอรมันตะวันตกร่วมฉลองครบรอบ 50 ปีการก่อตั้งของฟีฟ่าด้วยการช็อคโลกจากการตามฮังการี 0-2 ก่อนที่จะแซงขุนพลแม๊กยาร์ในสกอร์ 3-2 คว้าแชมป์ครั้งแรกไปอย่างเหลือเชื่อในรอบชิง...(รอบแรกโดน ปุสกัส และเพื่อนๆ สอนบอลมา 8-3 ครับ) จากคุณ : กิมเฮง - [ 6 ส.ค. 48 21:35:39 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ครั้งที่ 6 - สวีเดน : 1958 "ใครคือ เปเล่???????"  คำตอบอยู่ที่นัดชิงครับด้วยสกอร์ 5 - 2  ที่นักเตะเจ้าบ้านรู้ซึ้งถึงฝีเท้าเจ้าหนูวัย 17 ปีเป็นอย่างดี... เป็นครั้งแรกที่ทีมจากต่างทวีปคว้าแชมป์ได้ครับ จากคุณ : กิมเฮง - [ 6 ส.ค. 48 21:36:08 ]

ความคิดเห็นที่ 8 โปสเตอร์อยู่นี่ครับ (ผมเฉิ่มเบอะตามเคย) จากคุณ : กิมเฮง - [ 6 ส.ค. 48 21:37:06 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ครั้งที่ 7 - ชิลี : 1962 จะใครซะอีกครับ ถ้าไม่ใช่ขุนพลแซมบ้า (ขออนุญาตไม่เรียกนักเตะเมืองกาแฟ...เนื่องจากลีลาเหมือนเริงระบำแซมบ้ามากกว่าครับ) อัดทีมเชคไปอีก 3 - 1 ครั้งที่ 8 ใครกันนะที่เป็นเจ้าภาพ คุ้นๆ ไม๊ครับ......... จากคุณ : กิมเฮง - [ 6 ส.ค. 48 21:38:54 ]

ความคิดเห็นที่ 10 มารออ่านต่อครับ โหวตๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : Doraemyung - [ 6 ส.ค. 48 21:47:05 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ต่อครับ... ครั้งที่ 8 - อังกฤษ : 1966 ฟุตบอลโลกครั้งนี้มีเกร็ดบานเบอะที่แฟนบอลในบ้านเรารู้กันดีอยู่แล้ว.. ไม่ว่าจะเป็นลูกปัญหานัดชิง.....นักเตะผิวเหลืองจากเอเซียล้มยักษ์........กำเนิดยูเซบิโอ.....จาระนัยไม่หมดครับ (ใครอยากเพิ่มข้อมูลส่วนไหนตามสะดวกเลยครับ) จากคุณ : กิมเฮง - [ 6 ส.ค. 48 22:09:39 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อยากได้้เพลงด้วยอะครับ... ผมทำหายไปเสียดายสุดๆ....โดยเฉพาะที่อิตาลี... Caio... จากคุณ : ManU_In_Blood - [ 6 ส.ค. 48 22:15:58 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ครั้งที่ 9 - เม็กซิโก : 1970 แฮททริคของบราซิลและเปเล่ ขอเรียกบราซิลชุดนี้ว่า "ไร้กระเทียมทานครับ"......สมบูรณ์ทุกจุด ทุกตำแหน่งในทีม... นี่ยังไม่รวมสภาพอากาศที่เข้าข้างจนน่าเกลียดอีกนะครับ (จากความทรงจำล้วนๆ...เกร็ดในปีนี้ยังมีนัดอังกฤษพบเยอรมันตะวันตก กอร์ดอน แบงค์ป่วยท้องเสีย จนต้องให้ ปีเตอร์ โบเน็ตติ ลงแทน... เกมทำท่าว่าจะขาด เซอร์อัลฟ์ เปลี่ยน ชาร์ลตันออกหลังจากนำ 2-0 แล้วก็ถึงจุดกำเนิดของไกเซอร์ พาพลพรรคอินทรีเหล็กพลิกชนะอังกฤษจนได้...เสน่ห์บอลโลกก็อยู่ตรงนี้แหละครับ...และคงยังมีต่อไปตลอดกาล......) สังเกตุตัวอักษร mexico 70 ไม๊ครับ...เนี่ยแหละ Art ใกล้ยุคฮิปปี้ครองเมืองแท้ๆ .. ) ยังจำได้เลาๆ ว่า ถ้วยจูลิเม่ท์หายไปแล้วสุนัขตำรวจไปพบเข้าน่าจะเป็นปี 66 ส่วน บ๊อบบี้ มัวร์ กัปตันทีมชาติอังกฤษโดนข้อหาขโมยของในซุปเปอร์มาร์เก็ต น่าจะปี 70 (รบกวนผู้รู้มายืนยันน่ะครับ...คือเป็นเกร็ดที่น่าสนใจนอกสนามน่ะครับ) *เข้ามาแก้คำผิด 2 ครั้งครับ แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 48 22:26:39 แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 48 22:24:34 จากคุณ : กิมเฮง - [ 6 ส.ค. 48 22:23:45 ]

ความคิดเห็นที่ 14 รอดูเช่นกัน จากคุณ : niramit - [ 6 ส.ค. 48 22:25:21 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คุณ ManU_In_Blood  ครับ... ถึงแม้ผมจะ ManU_In_Blood  เช่นเดียวกับคุณแต่เรื่อง เพลงฟุตบอลโลกผมไม่มีเลยครับ... มีเพื่อนๆเพิ่งนำเสนอไปไม่นานมานี้นะครับ ลองค้นกระทู้เก่าๆดูครับ จากคุณ : กิมเฮง - [ 6 ส.ค. 48 22:31:19 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เพลงฟุตบอลโลก ข้าพเจ้ามีเป็น CD เป็นรวมเพลงฟุตบอล ประกอบไปด้วย บอลโลก 90  To be number one ลากยาวมาจนถึง บอลโลก 98 หากแต่ว่า.. คงต้องกลับไปค้นมาหน่อยครับ เนื่องจาก จำไม่ได้แล้วว่าอยู่ตรงไหน !!!! ถ้าเจอ จะเข้ามาบอกให้นะครับ.. ท่านไหนที่มี ก็รบกวนช่วยๆๆกันหน่อยนะครับ.. จากคุณ : Liverpool Forever - [ 6 ส.ค. 48 22:35:24 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ครั้งที่ 10 - เยอรมันตะวันตก : 1974 แถ่น...แทน...แท๊น...... ขออนุญาตลำเอียง มีเพลงประกอบนำ...ด้วยว่าเป็นทีมในใจของผมเองแล้วก็เป็นเจ้าภาพด้วย... ฟุตบอลโลกทีเริ่มนำสมัยขึ้นผมก็เริ่มสบายในการเล่าเรื่องความหลังลง...แกร์ด (เกิร์ด) มุลเลอร์...โยฮัน ครัฟฟ์ (คร้อฟฟฟ์) ..น้องๆ สมัยนี้ก้คงพอรู้จักกันแล้วนะครับ (อย่าลืมนะครับ..ใครมีความทรงจำดีๆ ในฟุตบอลโลกสมัยไหน ปีไหน ลงความเห็นได้ทันทีเลยครับ) ปีนี้เป็นปีแรกที่มีทั้งโปสเตอร์และ โลโก้ประจำทัวร์นาเม้นท์ ก็เลยขอนำเสนอไปพร้อมๆกันเลยนะครับ โปสเตอร์ครับ จากคุณ : กิมเฮง - [ 6 ส.ค. 48 22:39:23 ]

ความคิดเห็นที่ 18 Logo ครับ จากคุณ : กิมเฮง - [ 6 ส.ค. 48 22:43:26 ]

ความคิดเห็นที่ 19 จบแล้วหรือครับ คุณกิมเฮง... ............................. จริงๆๆแล้ว หากแฟนบอล ต้องการจะตามรายละเอียดของ บอลโลก นี่ ผมใคร่ขอแนะนำเพิ่มในส่วนของ DVD ชุดนี้ครับ FIFA Fever ซึ่งออกมาจนงานฉลอง 100 ปีฟีฟ่า เป็น DVD 2 แผ่น ครอบคลุมถึง บอลโลกครั้งแรก จนถึง ล่าสุด 2002 เลยครับ มีการแบ่งรายละเอียดไว้มากมาย ทั้ง รวมการทำประตูสุดยอด top ten ในแนวทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Top ten ของ การโหม่ง ฟรีคิก การประสานงานทำประตู (ประตูนัดชิง ของบราซิลปี 1970 คืออันดับหนึ่ง) การลากเดี่ยว (แน่นอน ลูกของมาราโดน่า 2-1 เจออังกฤษปี 86 คืออันดับ 1) และ ยังจัดอันดับทีมยอดเยี่ยม ออกมา 3 ทีมครับ คือ ....บราซิล 70 ฮอลแลนด์ 74 (ที่ไม่ได้แชมป์โลก) และ ฮังการี 54 (ที่ไม่ได้แชมป์โลก ของ ปุสกัส เช่นกัน) ภาพเคลื่อนไหว ก็มีครบ ทั้งทีมของ ปุสกัส หรือ นัดชิง ปี 1950 ที่มาราคาน่า เมืองริโอ ที่ชาวบราซิลเลี่ยน แทบจะแขวนคอตายทั้งประเทศ... และ รวบรวมนักเตะยอดเยี่ยมตลอดกาลของฟีฟ่าด้วย หน้าตา เป็นอย่างนี้ครับ สีขาวสนิท มีกล่องเปิดข้างใส่ครับ.. ไฟล์รูปภาพ จากคุณ : Liverpool Forever - [ 6 ส.ค. 48 22:46:33 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อ้อ!!! ปี 1974 เปลี่ยนจากถ้วย จูลลิส์เมท์ เป็นถ้วย FIFA World Cup นะครับ...เนื่องจากบราซิลได้กรรมสิทธิ์ไปจากการได้แชมป์ 3 สมัย.. จากคุณ : กิมเฮง - [ 6 ส.ค. 48 22:47:17 ]

ความคิดเห็นที่ 21 #17 ผมเคยเห็นมีคนเอาโปสเตอร์ฟุตบอลโลก 1974 มีลายเซ็นต์ของใครซักคนในทีมเยอรมัน (จำไม่ได้ขออภัย) มาประมูลในอีเบย์เมื่อตอนบอลโลก 2002 จบที่ราคา ... เอ่อ ... หย่อนหมื่นเหรียญไปนิดนึงเอ๊ง ! อ้อ นามสกุลพ่อนักเตะเทวดา ต้องอ่าน(ประมาณ)ว่า "ไครฟ์" ครับ เพราะสระ -ui หรือ -uy ในภาษาดัทช์ ออกเสียงเหมือนสระ "ไอ" ของภาษาไทยเราครับ ดังนั้น Kruyff ก็น่าจะอ่านว่า "ไครฟ์" ฮะ เหมือนกับที่เราออกเสียงชื่อ "แพทริค ไคลเวิร์ท" (Kluivert) ครับ แต่ accent ชัดๆ นี่ก็ไม่ค่อยสันทัดครับ ไม่เคยเรียนภาษาดัทช์หรือด๊อยช์เป็นเรื่องเป็นราวกะเค้า เคยหัดเป็นเยอรมันอยู่พักนึง หมดค่ายาไปหลายครับ -_-' แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 48 22:56:56 จากคุณ : (แมลงสาบ) - [ 6 ส.ค. 48 22:55:01 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เห้อ... เน็ตผมรวนกระจายเลยครับ   กว่าจะกลับเข้ามาได้ ขอบคุณคุณแมลงสาบมากๆครับ...อย่างที่บอกครับเสริมข้อมูลตามสะดวกเลยครับ...ผมอยากเสนอโปสเตอร์  แต่ เสียดาย "เกร็ด" ซึ่งต้องใช้นึกเอาทั้งสิ้น เกรงว่าจะผิดพลาด...... อีกขอส่วนนึงสนับสนุน DVD ที่คุณ Liv. แนะนำด้วยครับ... อยากให้เปรียบเทียบลีลาฟุตบอลที่ "ต่าง" ยุคกันน่ะครับ ยุคที่ธุรกิจยังไม่มาเกี่ยวข้อง(เตะกันแบบไม่ต้องถนอมตัว...มีลีลาอะไรงัดมาโชว์หมด) กับยุคที่ธุรกิจมาเกี่ยวข้อง(แค่เจ็บแบบถากๆ แบบรอบเบนก็ไม่เสี่ยงลงสนามแล้วครับ..ขออภัยที่ยกมาเป็นตัวอย่างเนื่องจากค่อนข้างชัดเจนครับ) จากคุณ : กิมเฮง - [ 6 ส.ค. 48 23:21:37 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ต่อกันเลยครับ ครั้งที่ 11 - อาร์เจนติน่า : 1978 ฮอลแลนด์ครวญเพลง "อกหักครั้งอีกครั้ง...ยังไม่ตาย" แพ้ไปในรอบชิงต่อเจ้าภาพ ในการต่อเวลาด้วย สกอร์ 1-3....... ด้วยเสียงนินทาลับหลังว่าเปรูรับสินบนเป็น "ข้าวสาร" จากเจ้าภาพแลกเปลี่ยนจากการยอมแพ้ไป 0-6 เพื่อผลต่างประตูเหนือบราซิล แข้งอาร์เจนไตน์ ไปปรากฎกายในอังกฤษครั้งแรกในยูนิฟอร์มสเปอร์ 2 หน่อ อาร์ดิเลส แจ้งเกิดได้...กับอีก 1 เครา (ริคารโด วิลญ่า) ที่ลากเลื้อยเข้าไปยิงแมนซิตี้(ใช่ป่าวครับ)ในนัดชิงเอฟเอคัพปีนึง กลับล้มเหลว โปสเตอร์.. จากคุณ : กิมเฮง - [ 6 ส.ค. 48 23:23:38 ]

ความคิดเห็นที่ 24 Logo ครับ จากคุณ : กิมเฮง - [ 6 ส.ค. 48 23:25:44 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ชอบกระทู้นี้ครับ อย่าลืม To be number one 1990 ด้วยนะครับเพราะแบบขนลุกเลยละครับ ชอบโปสเตอร์บอลโลกครั้งที่ 10 มากครับ เท่ห์ดี ชอบ ^_^ จากคุณ : ตี๋หล่อมีเสน่ห์ - [ 6 ส.ค. 48 23:30:54 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ครั้งที่ 12 - สเปน : 1982 กลับมาที่แผ่นดินยุโรปอีกครั้ง...(ปีนี้ผมจำได้แม่นเลย..นาราจินโต้ มัสคอตรูปส้ม.. ปี86 ก็ ปิเก้ รูปพริกเม็กซิกัน...เรื่องมัสคอตนี่ตั้งได้อีกกระทู้เลย) จำประตูที่(เคย)เร็วที่สุดในฟุตบอลโลกได้ไม๊ครับ...กัปตันมาร์เวลยิงฝรั่งเศส...แฟนอังกฤษคงทราบว่าใคร...27 วินาทีเอง.... ส่วนนัดชิง ถ้าใครได้ชมคงจำภาพ มาร์โก ทาร์เดลลี่ แหกปาก (แหกปากจริงๆครับ) ร้องดีใจที่ยิงเยอรมันได้...เศร้าครับ...ปฐมบทของการเข้าชิง 3 สมัยซ้อนของอินทรีเหล็ก ...แฮ่ม อิตาลีแชมป์ครับ ปล. ถ้าผมหายไปคืนนี้แสดงว่าคร่อกฟี้ครับ...แล้วจะกลับมาต่อแน่นอนครับ........................ อ้อ!!  แล้วถ้าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ผมเสริมเข้าไป มีอาการผิดพลาดหรือคลาดเคลื่อนก็ขออำภัยด้วยครับ...ใช้นั่งนึกแล้วจิ้มดีดมาเล่าให้ฟังกันครับ) โปสเตอร์... แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 48 23:58:53 จากคุณ : กิมเฮง - [ 6 ส.ค. 48 23:58:06 ]

ความคิดเห็นที่ 27 โลโก้ครับ............... จากคุณ : กิมเฮง - [ 7 ส.ค. 48 00:00:28 ]

ความคิดเห็นที่ 28 บอลโลกครั้งในความทรงจำของผมคือ ปี 94 ครับ 11 ปีที่แล้ว สมัยนั้นผมยังเรียนม.1อยู่เลย ยังดูบอลไม่เป็นเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าล้ำหน้าคืออะไร แต่นัดที่ทำให้ผมหันมาสนใจฟุตบอลก็คือนัดที่บัลกาเรีย ชนะ เยอรมัน 2-1 ครับ วันนั้นทั้ง นสพ.ทั้งทีวีต่างประโคมข่าวเรื่องแชมป์เก่าร่วงตกรอบจากทีมม้ามืดนอกสายตา ที่สุดท้ายหลุดเข้าไปคว้าที่4ได้อย่างเหลือเชื่อ ภาพที่ผมจำได้ในบอลโลกครั้งนี้ไม่ใช่ภาพการทำประตูอันสวยงาม แต่เป็นภาพที่ โรบี้ บาจโจ้ยืนเท้าเอวหลังจากซัดจุดโทษข้ามคาน ช็อตนั้นมาคลาสสิคมากครับ จำภาพนั้นได้ดีจนบัดนี้ ...และปีนั้นเองครับ ที่ทำให้ชื่อของ โรบี้ดังกระฉ่อนไปทั่วโลก (จากเดิมที่ดังอยู่แล้ว....) แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 48 20:47:13 จากคุณ : Doraemyung - [ 7 ส.ค. 48 00:47:27 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณข้อมูลนะคะ จากคุณ : immuno - [ 7 ส.ค. 48 01:12:50 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เมื่อก่อนผมมี Screensaver ตัวหนึ่ง เป็นภาพ โปสเตอร์การแข่งขัน แล้วก้อ ช๊อตสำคัญ ๆ ต่าง ๆ เกี่ยวกับฟุตบอลโลก ว่าแต่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในเครื่องแล้วเสียดายจัง ไว้ยังไงผม search เจอแล้วจะเอามาฝากให้น่ะครับ จากคุณ : ::Sholl:: - [ 7 ส.ค. 48 01:30:03 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ก่อนที่จะถึงเจ้าภาพท่านต่อไป...ขอแทรกนิดนึงครับ ขอเสนอให้คุณ Liv. จัดทำ "DVD project 2" ของฟุตบอลโลก...ตามแผ่นข้างบน (ต่อจากหงส์ที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้) ในระหว่างปิดซีซั่น 2005-2006 น่าจะเป็นการ Warm up ที่สมบูรณ์มากๆ ก่อนการแข่งขันจริง.....ของคอบอลชาวพันทิปครั้งหนึ่งครับ...ใครสนใจก็ลงชื่อไว้ล่วงหน้าสัก 1 ปี นะครับ..55 ส่วนเรื่องเพลงประจำฟุตบอลโลก To be number one ส่วนตัวผมก็คิดว่าเพราะดีครับ แต่ออกจะ Pop มากไปนิด ที่ชอบสุดๆ ก็ 1996 เพลงฟุบอลยูโร ครับ เพลงเท่มากๆ ไม่แน่ใจว่าชื่อเพลงเต็มๆว่า Football comin's home หรือปล่าว (แต่มั่นใจว่าข้อมูลเรื่องนี้อยู่ในมือคุณ Liv. แน่ๆ) จากคุณ : กิมเฮง - [ 7 ส.ค. 48 08:07:51 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ครั้งที่ 13 - เม็กซิโก : 1986 ฟุตบอลโลกที่เกิดเหตุการณ์คลาสสิกหลายเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการลากจากครึ่งสนามหลบนักเตะอังกฤษกว่าครึ่งทีม เข้าไปยิงเป็นประตูที่ 2 ให้ฟ้าขาว เพื่อไถ่บาปจาก แฮนด์ ออฟ ก๊อด ของมาราโดน่า แมทช์คลาสิคที่ผมนอนไม่หลับจนถึงเช้าจากหลังจากการถ่ายทอดสดในคู่ที่ไม่มีที่มที่ผมเชียร์ลงแข่งขัน และน่าจะเป็นคู่ที่คลาสสิคตลอดกาลคู่หนึ่งในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก...ในรอบควอเตอร์ฯ ทีมที่ดีที่สุดในทัวร์นาเม้นท์ 1 ทีมที่ต้องออกจาการแข่งขันก่อน..ซึ่งก็เป็นบราซิลที่พ่ายจุดโทษต่อฝรั่งเศส..... ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา...พ่อค้ากางเตียงผ้าใบริมหาดในจังหวัดภูเก็ต..ยืนยันพร้อมรูปถ่าย...ว่า 1 ในลูกค้าของเค้าคือ มิเชล พลาตินี่ . นัดชิง.........จากเกมที่น่าจะขาดไปแล้วหลังจากครึ่งแรกนำอินทรีเหล็ก 2 - 0 แต่ยี่ห้อเมดอิน เยอรมันนี มีหรือจะยอม... ได้ 2 ประตูตีเสมอจากท่านอนยิงของไอ้หนูแก้มแดง...และสะบัดโขกจ่อเผาขนของเชฟเป็ด... ก่อนที่ เบอร์รูชาก้าจะรับระเบิดจากพี่เตี้ยไปขว้างใส่ชูมัคเกอร์เป็นประตูปิดท้าย หลังจากถูกตีเสมอไม่กี่นาทีให้หลัง..เศร้าครับ แพ้อีกแล้ว **แก้ไข้อมูลตาม คห. 57 ครับ โปสเตอร์ครับ แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 48 20:39:58 จากคุณ : กิมเฮง - [ 7 ส.ค. 48 08:14:02 ]

ความคิดเห็นที่ 33 โลโก้ครับ.... จากคุณ : กิมเฮง - [ 7 ส.ค. 48 08:14:40 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ครั้งที่ 14 - อิตาลี : 1990 To be number one...winning again and again......ทัวร์นาเม้นท์แจ้งเกิดของคลิ้นสมันน์ และสร้างชื่อให้กับมัทเธอุส โลกได้ค้นพบจอมถุยตัวจริง.......ในนัดที่ยอมกันไม่ได้ของขุนพลด๊อยชท์และดัชท์ แมทช์ที่ไรจ์การ์ดตุ๋ยใส่โฟลเลอร์ ก่อนที่จะถูกไล่ออกทั้งคู่...... ความมหัศจรรย์ของมาราโดน่าช่วยฟ้าขาวที่เจ็บกว่าครึ่งทีมไม่ไหว...กระนั้นอินทรีเหล็กก็ทำได้เพียงเฉือนชนะจากจุดโทษ...ในเกมที่แฟนบอลชมไปหาวไป ชนะสักทีหลังจากเข้าชิง 3 ครั้งซ้อน โปสเตอร์ จากคุณ : กิมเฮง - [ 7 ส.ค. 48 08:16:20 ]

ความคิดเห็นที่ 35 น่าจะเป็นครั้งแรกที่มีเพลงประจำการแข่งขัน โลโก้ครับ จากคุณ : กิมเฮง - [ 7 ส.ค. 48 08:17:03 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ... จากคุณ : กิมเฮง - [ 7 ส.ค. 48 08:17:25 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ครั้งที่ 15 - สหรัฐอเมริกา  : 1994 สำหรับบอลโลกครั้งนี้ คุณ Doraemyung ได้กรุณาให้ข้อมูลแทนผมไว้เรียบร้อยใน คห. ที่ 28 สบายไปผม....ประหยัดไปอีก 1 ทัวร์นาเม้นท์ นัดชิง....เตะจุดโทษ แซมบ้าเริงร่า อัซซูรี่ ฝันร้าย โปสเตอร์ จากคุณ : กิมเฮง - [ 7 ส.ค. 48 08:20:10 ]

ความคิดเห็นที่ 38 .โลโก้ จากคุณ : กิมเฮง - [ 7 ส.ค. 48 08:21:54 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ครั้งที่ 16 - ฝรั่งเศส  : 1998 โกล์...โกล์..โกล์...อัลเหล่ อัลเล้ อัลเล...คุ้นไม๊ครับ กับบทเพลงคุณท่านริกกี้ พร้อมกับเปลี่ยนหน้า(แฉล้ม)ทีมแชมป์เสียที....(หลังจากที่ทีมเคยได้แชมป์เป็นทีมที่ได้แชมป์มาแล้วมากกว่า 1 ครั้ง ยกเว้นอังกฤษ) ซีดาน แอนด์ โค พาลูกทีม สอย บราซิล ไปขาดลอย 3 - 0 ในนัดที่พ่อเหยินใหญ่ ต้องลุกจากเตียงผู้ป่วยมาลงสนามให้ครบ 11 คน (ด้วยเหตุผลด้านธุรกิจของไนกี้) โปสเตอร์ จากคุณ : กิมเฮง - [ 7 ส.ค. 48 08:22:47 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ..โลโก้ จากคุณ : กิมเฮง - [ 7 ส.ค. 48 08:23:49 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ครั้งที่ 17 - เกาหลีใต้ และ ญีปุ่น  : 2002 ครั้งแรกของฟุตบอลโลกที่มีเจ้าภาพร่วมและจัดในเอเซีย...กับแชมป์หน้าเดิม (อีกแล้ว) และอีกครั้งที่ได้แชมป์ต่างทวีป เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของทัวร์นาเม้นท์นี้คงไม่ต้องสาธยายนะครับ....คงจะได้ดูทันกันทุกท่าน บราซิลงาบนิ่มๆ 2 - 0 กับอินทรีเหล็ก ที่บัลลัคไม่มาตามนัดในแมทช์ชิง.. โปสเตอร์ จากคุณ : กิมเฮง - [ 7 ส.ค. 48 08:26:07 ]

ความคิดเห็นที่ 42 logo จากคุณ : กิมเฮง - [ 7 ส.ค. 48 08:26:51 ]

ความคิดเห็นที่ 43 และ...แท๊น...แท๊น..แท๊น...แถ่น (นึกเพลง ซิมโฟนี่นัมเบอร์ 5 ของเบโทเฟ่น ไปด้วยนะครับ) เจ้าภาพครั้งต่อไป โปสเตอร์อารมณ์ดีน่าหยิกชะมัดเลยครับ จากคุณ : กิมเฮง - [ 7 ส.ค. 48 08:28:39 ]

ความคิดเห็นที่ 44 พอดีวันนี้ตื่นเช้าครับ ว่างๆเลยรีบมาอัพเดท..... อย่างที่เรียนไว้ตอนแรก...ใครมีอะไรจะเสริมก็ตามสบายของทุกท่านเลยนะครับ.......ขอบคุณที่เข้ามาติดตามครับ ขอตัว(และหัว)ไปนอนต่อครับ..... จากคุณ : กิมเฮง - [ 7 ส.ค. 48 08:29:28 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เรื่อง DVD ชุด FIFA Fever นั้น ผมมีอยู่ตามที่บอกแหละครับ แต่ ถ้าจำไม่ผิด มันเป็น DVD-9 (~9 GB dual layer) ไม่ใช่ DVD-5 (~4.7 GB single layer) การจะแปลงภาพออกมาให้ไรท์ได้นี่ ก็จะต้องลดความคมชัดลง จาก D9 ---> D5 เพราะปัจจุบัน แม้เราจะไรท์ D9 ได้บ้างแล้ว แต่ มันยังทำได้ยาก ใช้เวลานาน รวมถึง แผ่น DVD-9 เปล่าๆๆ นี่ เท่าที่ทราบ ราคาก็ยังหลักร้อยบาทต่อแผ่น ครับ เรื่องยินดีที่จะให้ยืมไปแบ่งปันกันนี่ คงทราบว่า ผมไม่มีปัญหาดอกครับ ยิง่ดูกันเยอะๆๆ เรายิ่งคุยกันสนุกขึ้นครับ... แต่ปัญหา มันก็คือ อย่างที่บอกข้างต้นนะครับ นี่ถ้ายอดมีเยอะๆๆก็ดีไปอย่าง เผื่อจะไปติดต่อโรงงานปั๊มแผ่น D-9 ขอให้เขาทำมันทั้งแผ่นไปเลย ได้เป็น D-9 และสกรียแผ่นมาด้วย 5555 แหม.. สงสัย ผมจะตั้งตัวได้ก็งานนี้แหละครับ... จากคุณ : Liverpool Forever - [ 7 ส.ค. 48 12:45:34 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เรื่อง ถุย บันลือโลกนั่น มันต่อเนื่องมาจากเหตุการณ์ Euro 1988 ครับ ที่เยอรมันตะวันตก เป็นเจ้าภาพ และแพ้ฮอลแลนด์ในนัดชิง (แต่.. จริงๆแบบเป็นทางการคือ รอบรองชนะเลิศ) ไปแบบสุดมันส์หยด ด้วยความเป็นบ้านใกล้ เรือนเคียง ที่เยอรมัน ในฐานะประเทศที่ใหญ่กว่า ก็ย่อมมีประวัติศาสตร์การกดขี่ เอาเปรียบในอดีตมายาวนาน.. มันก็ย่อมจะไม่ใคร่ถูกกันนัก เป็นธรรมดา นอกจากนี้ 3 ทหารเสือดัทซ์ (กุลลิต แวน บาสเท่น และ ริจท์การ์ด --> ขออ่านแบบ retro หน่อย)กับ 3 ทหารเสือด๊อยช์  (มัธเธอุส คบลิ้นส์มันส์ และ เบรเม่ห์) ในช่วงปลายทศวรรษที่ 80 ก็ยังไปร่วมสมรภูมิรบกันอีกที่  กัลโช่ แถมยังเป็นมิลาน กับ อินเตอร์ อีกด้วย ไปแย่งชิงบัลลังค์กับ นาโปลี ที่ต่อให้ชาวบ้าน เพราะ ส่งมาแค่ มาราโดน่า คนเดียว (ยุคนั้น จูเวนตัส กรุณาหลบออกไปก่อนครับ..) มันแค้นกันมานาน และเกมส์ นัด ถุย ในบอลโลก 90 มันก็เครียดมาก และจบลงแบบที่เยอรมันเอาคืนได้ และ ก้าวไปคว้าแชมป์ในที่สุด (ปี 90 นั้น ก่อนแข่ง เยอรมันเป็นเต็ง 1 คู่กับบราซิล ตามมาด้วย อิตาลี) อิตาลีเอง ในปี 90 ก็หวังมาก.. และเต็มไปด้วยผู้เล่นดาวรุ่ง ไม่ว่าจะเป้น มัลดินี่ หรือ คอสดาคูต้า... โดยมี บาเรซี่ เป็นจอมทัพคุมแนวหลังของทีม ผมว่า โอกาสา + วาสนาของอิตาลี คงจะคว้าแชมป์โลกในอนาคต ได้ลำบากมากขึ้นเรื่อ่ยๆครับ หากยังคงสไตล์การเล่นในแบบเดิมๆๆนี้ จริงๆๆ แล้ว ในบอลโลก 1982 ที่อิตาลีคว้าแชมป์ครั้งที่ 3 ได้ ผมว่า งวดนั้น มันก็ออกเชิงๆ มีโชคมาผสมด้วย.. เยอรมันเอง ที่ยึด 3-5-2 มานาน ก็ได้ปรับตัว เปลี่ยนแปลง และคงความน่ากลัวและฟอร์มมาตรฐานได้ดีมาโดยตลอด อังกฤษ ที่ดูด้อยที่สุดในบรรดาทีมใหญ่ๆของ ยุโรป (เทียบกับ เยอรมัน อิตาลี ฝรั่งเศส) ก็ยังมีการปรับเกมส์การเล่นที่ชัดเจนมากขึ้น ในขณะที่ อิตาลี ในปัจจุบัน ผมมองอนาคตไม่ออกเลยครับ เกิดมาพลิกคว้าแชมป์โลกได้ ในปีหน้านี่ ผมคงแปลกใจมากๆๆๆ ปล. 1 อิตาเลีย 90 เป็นบอลโลกครั้งแรก ที่ไทย ถ้ายทอดสด "ทุกนัด" ครับ จากนั้นมาก ไม่ว่าจะเป็น ยูโร หรือ บอลดลก เราถ่ายทอดสด ทุกนัดมาโดยตลอด และผลการแข่ง ทุกนัด ได้กลายมาเป็นข่าวพาดหัวตัวไม้ของ นสพ.ไทยรัฐ และอื่นๆ นับแต่นั้นเป็นต้นมา... จากคุณ : Liverpool Forever - [ 7 ส.ค. 48 12:57:58 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เพลงประจำยูโร 96 นี่ บ้านเรานี่ ฮิตกัน 2 เพลงครับ 1. เพลงประจำทีมชาติอังกฤษ ในการแข่งครั้งนั้น ตอนนั้น ทีวีเอามาออกบ่อยมาก จนคนดูคิดว่า อังกฤษคือเต็งหนึ่ง ชื่อเพลง Three Lions  ครับ เพลงนี้ โด่งดังมาก ขายไปกว่า ล้านชุด ร้องโดย Baddiel/Skinner/Lightning Seeds ที่หลังจากนั้น ตามมาร้องอีกเพลง ใน Three Lions 98 ในบอลโลก 98 ในอีก 2 ปีต่อมาครับ (แต่ ก็ทีมชาติก็ แห้วอีก... ตามเคย) 2. เพลงทางการของการแข่ง น่าจะชื่อ We Are in This Together ของ Simply Red ครับ ส่วน Football came home นั่น น่าจะเป็นชื่อ concept ที่อังกฤษคิดขึ้นประจำการแข่งขันคราวนั้นครับ (หรืออาจมีเพลงชื่อนี้ ด้วย แต่ผมไม่แน่ใจครับ..) ที่แน่ๆๆ งวดนั้น เพลง Three lions ดังมากๆๆ แต่ เยอรมันเป็นแชมป์ครับ โดยเอาชนะอังกฤษ ในแบบเดิมๆๆ ในรอบรอง.. แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 48 13:24:37 จากคุณ : Liverpool Forever - [ 7 ส.ค. 48 13:14:42 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ขอบคุณอีกครั้งครับคุณ Liv. ...... คงจะสมบูรณ์เสียทีนะครับด้วย 3 คห. ข้างล่าง 45 - 46 - 47 (เผื่อจะนำไปคุยกันสนุกๆ เกี่ยวกับเกร็ดบอลโลกก็สามารถอ้างอิงด้วยความถูกต้องแน่นอนครับ) ยังมีเด็กขี้แยร้องไห้ขี้มูกโป่งในสนามปี 90 เป็นไฮไลท์อีก 1 เรื่องด้วยครับ... ...มาแก้ไขนิดหน่อยครับ ส่งข้อความผิดกล่อง...แหะๆ แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 48 14:21:27 จากคุณ : กิมเฮง - [ 7 ส.ค. 48 13:56:37 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ขอบคุณมากนะครับ ทุกท่าน อ่านแล้วเพลินดีจริงๆ สำหรับผม บอลโลกที่ได้ดูจริงๆ ก็คงเป็นปี 90 ซึ่งจริงๆก็ยังเด็กๆ อยู่เลย จำได้ว่าตอนนั้น อิตาลีมีดาวดังอยู่คนหนึ่ง รู้สึกว่าจะชื่อ โตโต้ สคิลลาชี่ ซึ่งได้ยินชื่อบ่อยๆ ในช่วงบอลโลก ปี90 แต่หลังจากนั้นก็ดูจะหายๆ ไปเลย อยากรู้เหมือนกันว่าทำไม หลังบอลโลกถึงหายไปล่ะครับ จากคุณ : Mr. Ko-Note - [ 7 ส.ค. 48 16:49:01 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ฟุตบอลโลกปี 86 เป็นปีแรกที่เริ่มดูเพราะเกิดทัน มีตัวปีเก้เป็นมาสค๊อต หลังจากเกือบไม่ได้จัดที่เม็กซิโกเนื่องจากเกิดแผ่นดินไหวไป เป็นครั้งที่ 2 ที่มีการแข่งขัน 24 ทีม แต่เป็นครั้งแรกที่นำผู้เข้ารอบ 16 ทีมมาเตะน๊อกเอาท์ ทำให้ที่สามแต่ละสายยังพอมีลุ้นถ้าไม่ทำอันดับแย่เกินไป (ขนาดอุรุกวัย ไม่ชนะเลย เสมอ เยอรมัน 1-1 แพ้ เดนมาร์ค 1-6 เสมอ สก๊อตแลนด์ 0-0 มี 2 คะแนนยังเข้ารอบ เพราะที่สามที่แย่ที่สุด คือ แคนาดาซึ่งมีเพียง 2 แต้มจากการชนะ 1 นัดแต่แพ้เยอะประตูได้เสียสู้ไม่ได้ และ ไอร์แลนด์เหนือที่มีเพียงแต้มเดียว) นัดเปิดสนาม ถ่ายทอดตอน ห้าทุ่มบ้านเรา สาย เอ อิตาลี่ เสมอ บัลแกเรีย 1-1 โดยอิตตาลี่ยิงได้ตั้งแต่ กลางๆ ครึ่งแรก แต่แล้วก็ไปอุด เลยไปโดนบัลแกเรีย เบียดโหม่งเข้าไปก่อนหมดเวลาเพียง 5 นาที นัดต่อมา อาร์เจน ชนะ เกาหลีใต้ 3 -1 โดยมีลูกหนึ่งที่โดนมือผู้เล่นเกาหลีใต้เข้าไป นัดนี้ มาโรโดน่ายังไม่ได้ยิง นัดต่อมา อิตตาลี่ เสมอ อาเจน 1 – 1 โดยหลังจากเริ่มเล่นไม่นาน อาเจนไปทำแฮนบอลในเขตโทษเลยโดนจุดโทษ แล้วอิตตาลี่ก็ไปอุดตามเคย แต่ก็โดนลูกดีดมหัศจรรย์ของมาราโดน่าเข้าจนได้ บัลแกเรีย เสมอ เกมหลีใต้ 1-1 เป็นเพียงแต้มเดียวของทีมจากเอเชีย สองทีม อาร์เจนติน่าสอยบัลแกเรียสบาย ๆ 2-0 พร้อมเป็นที่หนึ่งของสาย มีห้า คะแนน อิตาลี่ ชนะ เกาหลีใต้แบบ หืดจับ 3-2 โดยโดนเกาหลีใต้ไล่มาจาก 3-1 เป็น 3-2 เกือบทัน ข้ามมาสาย F สายสุดท้าย (สายนี้ทีมวางเป็น โปแลนด์) อังกฤษทีมขวัญใจคนไทย ประเดิมสนามนัดแรก พ่ายไป 0-1 ต่อโปรตุเกส ช๊อคแฟนบอลชาวไทย ส่วนอีกคู่ โมรอคโค เสมอ โปแลนด์ 0 – 0 ต่อมาอาการอังกฤษก็ยังไม่ดีขึ้น เสมอโมรอคโคอีก 0-0 โดยอังกฤษโดนไล่ออกไปหนึ่งคน รู้สึกจะเป็น เร วิลกิล รึเป่า(ไม่แน่ใจ) อีกคู่โปแลนด์ เอาชนะ โปตุเกส 1-0 นัดสุดท้ายอังกฤษคืนฟอร์ม กลับมาเอาชนะ โปแลนด์ไป 3-0 จากแฮททริกของ ลินิเกอร์ ในเวลาเพียง 36 นาที ทั้งหมดเกิดจากการเข้าฮอสไม่เกินหกหลา และพักอกยิงจากโกลรับหลุด 1 ลูก ส่วนโมรอคโคเอาชนะ โปรตุเกสไป 3-1 ทำให้ โมรอคโค มี 4 แต้มเข้ารอบเป็นที่ 1 ส่วนอังกฤษมี 3 แต้ม โปแลนด์ 3 แต้มเท่ากัน เป็นที่สาม แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 48 19:39:30 แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 48 19:38:09 จากคุณ : ข้าวโพด (ข้าวโพดต้มหวาน) - [ วันรพี 19:36:06 ]

ความคิดเห็นที่ 51 พูดถึงสายซี ฝรั่งเศส อัดแคนาดามา 1-0 นัดแรก ส่วน รัสเซียเล่นบทโหดอัด ฮังการี่ ไป 6-0 นัดสองฝรั่งเศสมาด้วยแทคติคและการวางแผนหลอกล่อจนรัสเซียทียิงไปก่อนหมดแรง และจึงตามตีเสมอได้ 1-1 แบ่งกันไปคนละแต้ม ฮังการี่ แก้ตัวไปอัดบ๊วย แคนาดา 2-0 นัดสุดท้ายฝรั่งเศสสอนเชิง ฮังการี่ไป 3-0 ส่วนรัสเซียไปอัดแคนาดา 2-0 ทำให้รัสเซียฟอร์มแรงมากเข้ารอบไปเป็นที่หนึ่งไปเจอ เบลเยี่ยมทีมม้ามืด ส่วนฝรั่งเศสเป็นที่สองไปพบ อิตตาลี่ ฮังการี่ตกรอบไปจากประตูที่เสียถึง เก้าลูกส่วนแคนาดาเป็นทีมบ๊วยสุดใน 24 ทีมของการแข่งขันทัวร์นาเม้นท์นี้จากการจัดอันดับ เอาสาย อี อีกสาย เยอรมัน ตต  เป็นทีมวาง นัดแรกพบ อุรุกวัย แบ่งกันไปคนละ แต้มจากการเสมอ 1 -1 ส่วนโคนมเดนมาร์ดชนะ สก๊อตแลนด์ไปนิ่ม 1-0 นัดสอง โคนมฟอร์มแรงมากอัดอุรุกวัยไปถึง 6-1 เป็นความพ่ายแพ้ยับเยินสุดของอุรุกวัยในบอลโลก ส่วนเยอรมันเชือดสก๊อตแลนด์นิ่ม ๆ 2-1 นัดสุดท้าย เดนมาร์คชนะเยอรมันไปสบาย ๆ  2- 0 นัดนี้มีสื่อหลายคนบอกเยอรมันล้มบอลเพราะไม่ต้องการไปเจอสเปนในรอบสอง ส่วนอุรุกวัยยังไม่ฟื้นทำได้เพียง เสมอ สก๊อตแลนด์ไป 0-0 แต่ก็เพียงพอต่อการเข้ารอบอย่างเหลือเชื่อเป็นทีมที่ 16 ไปพบกับอาร์เจนติน่า ส่วนเดนมาร์คอันดับหนึ่งไปพบ สเปน เยอรมัน ตต ที่ได้อันดับสองสมใจไปพบกับโมร็อคโคม้ามืดอีกทีม(การได้เข้ารอบสองของโมร็อคโคนี้เองทำให้กษัตริย์ประทับใจและเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดบอลโลกมาหลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จซักครั้งเดียว) แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 48 21:27:59 จากคุณ : ข้าวโพดต้มหวาน - [ 7 ส.ค. 48 19:50:20 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณ คุณ ข้าวโพด (ข้าวโพดต้มหวาน) (ปี 86 นี่มีหลากเรื่องที่ไม่สามารถสลัดไปจากความทรงจำได้ครับ) และ Mr. Ko-Note มากครับ... อย่างที่บอกฟุตบอลโลกแต่ละครั้งเนี่ยเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเล่ากันไม่รู้จบ....เรื่องเก่าๆเล่าไปแล้ว...แต่พอฟุตบอลโลกเวียนมาถึงเอามาเล่าใหม่ก็ไม่รู้สึกเบื่อ...เผอิญกระทู้นี้ผมเน้นเรื่องโปสเตอร์มากกว่า....ไว้ปิดฤดูกาลซีซั่นหน้า...ถ้ายังสนุกกันผมจะมาหาข้อมูลให้เข้ามาอ่านกันเพลินๆครับ ถ้าจำไม่ผิด...ปี 86 นี่ บิ๊กจิ๋วหวานเจี๊ยบสั่งถ่ายทอดสดตั้งแต่รอบ 2 จนถึงรอบชิงทุกนัดครับ...... ส่วนพิธีเปิดปี 90 นี่เพิ่งจะประมาณ 4 ทุ่มเมืองไทย...ไม่ต้องเป็นอันลุกไปไหนครับ...จัดในประเทศแฟชั่นทั้งที เอานางแบบใส่ชุดซีทรู มาเดินในสนาม หัวใจวัยรุ่นจะวายครับ......... จากคุณ : กิมเฮง - [ 7 ส.ค. 48 19:50:28 ]

ความคิดเห็นที่ 53 อีกสองสาย ขี้เกียจพิมละ เอาเป็นว่า สายบี ที่หนึ่ง เม็กซิโก ที่สอง ปารากวัย ที่สาม เบลเยี่ยม สายดี ที่หนึ่ง บราซิล ที่สอง สเปน รอบสองคู่แรก  อาเจนติน่า ชนะ อุรุกวัยไป 1-0 มีลูกที่มาราโดน่ายิงเข้าแต่ไม่ได้ประตูเนื่องจากทำฟาล์วอุรุกวัยก่อน เม็กซิโกอัดบัลแกเรีย นิ่ม ๆ 2-0 เยอรมัน ตต เชือด โมร็อคโคอย่างหวุดหวิด 1-0 จากลูกยิงฟรีคิกซ์มหัศจรรย์ของมัธธาอุส(ใช่รึเป่า)ในนาทีที่ 88 มีคนนำลูกนี้มาเปรียบเทียบกับ วิทูรย์ กิจมงคลศักดิ์ที่ยิงให้นครสวรรค์ในยามาฮ่าไทยแลนด์คัพ ปรากฎว่าลูกวิทูรย์ไซค์กว่า 55 บราซิลอัด โปรแลนด์ 4 – 0 จากการพาเรดกันยิงของ โจซินโฮ โซคาตีส . อังกฤษอัดปารากวัย 3-0 จาก ลินิเกอร์ สองลูก และ เบียดลีย์ อีกหนึ่งลูก ฝรั่งเศสเชือด อิตาลี่ นิ่ม ๆ 2-0 นัดนี้พลาตินี่ยิงได้ 1 ประตูนับเป็นประตูแรกของเค้าในจำนวนสองประตูในทัวรนาเม้นนี้ สเปนอัดเดนมาร์คทีมม้ามืดที่เข้ารอบมาเป็นอันดับหนึ่งไปถึง 5-1 หมดลายโคนมหลังจากนั้นเดนมาร์คก็แพ้ทางบอลสเปนมาอีกหลายปี เบลเยี่ยมพลิกล๊อกคว่ำรัสเซีย ไป 4-3 ในช่วงต่อเวลาจากการเสมอ 2-2 จากคุณ : ข้าวโพดต้มหวาน - [ 7 ส.ค. 48 20:00:26 ]

ความคิดเห็นที่ 54 รอบแปดทีมเกิดนัดประวัติศาสตร์ขึ้นหลายคู่ โดยเริ่มจากตำนานหัตถ์พระเจ้า ก่อนการแข่งขันมีการเถียงกันเรื่องกรรมการผู้ตัดสินจนต้องเปลี่ยนสมใจทีมอังกฤษ มาราโดน่าใช้มือปัดบอลข้ามหัวชิลตัน เข้าในหลังจากเริ่มครึ่งหลัง 3 นาทีหลังจากนั้นอีกสามนาทีก็ลากหลบกองหลังอังกฤษเข้าไปยิงอีกเป็นสุดยอดประตู ส่วนอังกฤษดองจอห์น บารน์ไว้นานมาก กว่าจะเปลี่ยนลงมานาที่ 75(ถ้าจำไม่ผิด)แล้วเกมก็เปลี่ยนโดยบาร์นโยนเข้าไปให้ลินิเกอร์โหม่งเข้าไป แต่ก็ไล่ไม่ทัน (ทำให้ผมเชียร์ลิเวอร์พูลยิ่งขึ้นเพราะผมชอบ จอห์น บาร์น มาก) ฝรั่งเศส บราซิลสุดยอดแมทซ์คลาสสิคไม่ต้องพูดถึงใครก็คงรู้ ทั้งเกมไหลลื่นมากลูกแทบไม่ออกจากสนามเล่นกันไม่หยุดต่อบอลจากเท้าต่อเท้า พลาตินี่มาตีเสมอให้ฝรั่งเศส 1-1 ต่อจากนั้น โจแอล บาตไปรวบกองหน้าบราซิล ซิโก้ ที่เพิ่งเปลี่ยนลงมาไม่ถึงนาที ยิงไม่เข้าและฝรั่งเศสชนะไปจาก เตะจุดโทษตัดสิน อีกคู่เบลเยี่ยมพลิกล็อคอีกแล้วเอาชนะสเปนไปได้ไปเจออาร์เจนตินา สุดท้าย คู่น่าเบื่อสุดเยอรมันตต เสมอ เจ้าภาพ เม็กซิโก 0-0 เตะจุดโทษ เยอรมัน ตต ชนะไป 4-1 แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 48 20:33:40 จากคุณ : ข้าวโพดต้มหวาน - [ 7 ส.ค. 48 20:13:01 ]

ความคิดเห็นที่ 55 รอบสี่ทีม อาร์เจนอัดเบลเยียมไป 2-0 จากมาราโดน่าทั้งสองประตู ญอง มารี ฟัฟผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดของเบลเยียม ยอมซูฮกมาราโดน่าโดยยกย่องว่าเป็นสุดยอดลูกหนังของโลกที่ตนเคยเห็นมาและคงไม่มีใครสุดยอดกว่านี้อีกแล้ว อีกคู่ผมเจ็บช้ำมาก เพราะฝรั่งเศสทีมที่อยากให้เข้าชิงกับ อาร์เจนโดนเยอรมันอัดไป 2-0 ก่อนหน้านี้สื่อหลายแขนงยกว่าฝรั่งเศสน่าจะได้แชมป์แบบที่อิตตาลี่เก็บบราซิลได้และคว้าแชมป์ไปแต่ฝรั่งเศสก็แพ้เยอรมันไป 2-0 จากการยิงลูกโทษนอกเขตซึ่งโดน โจแอล บาตเข้าไปและเป็นการโดนบอลครั้งแรก หลังจากนั้นฝรั่งเศสบุกเท่าไหร่ก็ไม่เข้าและโดนกระดกบอลข้ามหัวเข้าไปยิงในนาทีสุดท้าย กรรมการนัดนี้เป็นชาวอิตตาลี่ ตามความเห็นผมเหมือนจะลำเอียงเข้าข้างเยอรมัน ตต นะ ฝรั่งเศสก็อดชิง อกหักพ่ายเยอรมันไปอีกครั้งในรอบเดียวกันหลังจากที่เคยแพ้มาในปี 82 จากคุณ : ข้าวโพดต้มหวาน - [ 7 ส.ค. 48 20:20:34 ]

ความคิดเห็นที่ 56 นัดชิงที่ สาม ฝรั่งเศสชนะเบลเยี่ยมไป 4-2 จากการต่อเวลาหลังเสมอ 2-2 คว้ารางวัลที่สามปลอบใจ หลังจากนั้นก็นัดชิง อาร์เจน นำเยอรมัน ตต ไป 2-0 ในครึ่งแรกซึ่งใคร ๆ ก็ว่าแบเบอร์ แต่ อะไรก็เกิดขึ้นได้ครึ่งหลัง เยอรมัน ตต ไล่มา 2-2 (หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนมาแฉว่า เยอรมัน ตต โด๊ปยา ระหว่างพักครึ่งแต่ก็ยังไม่ได้พิสูจน์กัน) จากการโหม่งทั้งสองลูก แต่สุดท้ายแล้ว มาราโดน่าก็ส่งให้ บรูเชก้า ยิง 3-2 ผ่านมือชูมัคเกอร์ซึ่งเล่นผิดฟอร์มนัดนี้คว้าแชมป์ไป มาราโดน่าได้เป็นเทพเจ้าการแข่งขันในครั้งนี้ ทั้งหมดเกิดขึ้นตอนเด็กมาก แต่ก็ประทับใจและก็ตามดูมาตลอดเป็นแฟนพันธ์แท้ จริง ๆ ปี 90 ก็ประทับใจเพราะอังกฤษทีมที่เชียร์มาไกลที่สุดตั้งแต่ได้ดู แต่ก็รบกวนเนื้อที่กระทู้คุณ กิมเฮงเพียงเท่านี้ดีกว่าครับ (ขี้เกียจพิมพ์แล้วด้วย 555) ระหว่างรอดูบอลคืนนี้ ไม่ได้เชียร์ทั้งสองทีม แต่ถ้าเลือกอยากให้เชลซีชนะ เพราะอาถรรพ์ อิอิ จากคุณ : ข้าวโพดต้มหวาน - [ 7 ส.ค. 48 20:29:03 ]

ความคิดเห็นที่ 57 นี่ถ้าไม่ได้คุณ ข้าวโพดต้มหวาน เข้ามาย้อนกลับอีกที...ผมต้องหน้าแตกครั้งใหญ่แน่................. เนื่องจากตอนที่พลาตินี่มาไทยครั้งนั้นหลังจากชิงที่ 3 กับเบลเยี่ยม...(ไม่ใช่จากการแพ้จุดโทษบราซิล...ผมจำสลับกันครับ) ซึ่งเป็นอะไรทีพลาตินี่เซ็งมากที่แพ้ เยอรมันตกรอบในฟุตบอลโลก 2 ครั้งติดต่อกัน......งั้นขอแก้ข้อมูลข้างบนให้เป็นในทิศทางถูกต้องที่คุณข้าวโพดต้มหวาน  กรุณานำมาให้อ่านกันอีกทีครับ........ ขอบคุณอีกครั้งครับ... จากคุณ : กิมเฮง - [ 7 ส.ค. 48 20:37:39 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ครับ ผม จริง ๆ แล้วผมยังไม่ได้อ่านละเอียดข้างบนเลยผมดูแต่รูปโปสเตอร์อ่ะครับผมชอบสะสมพวกโปสเตอร์พวกนี้เดี๋ยวผมย้อนขึ้นไปอ่านข้างบนอีกที ขอบคุณครับสำหรับโปสเตอร์ด้วย จากคุณ : ข้าวโพดต้มหวาน - [ 7 ส.ค. 48 20:40:49 ]

ความคิดเห็นที่ 59 สำหรับคห. 47 ของคุณ Liv. ผมมีเพื่อนไปเรียน art ที่อังกฤษ...ซึ่งปีการศึกษาสุดท้ายของเค้าตรงกับฟุตบอลยูโรปีนั้นพอดี...เมื่อก่อนเค้าก็แฟนเยอรมัน พอไปเรียนที่โน่น 4-5ปี กลายเป็นแฟนสิงโตคำรามเสียนี่....รอบรองนัดนั้นที่แพ้จุดโทษเยอรมัน..เค้าเป็น 1 ในเวมบลีย์...ที่ต้องเช็ดน้ำตากับผ้าพันคอที่ระลึกของทัวร์นาเม้นท์นั้น.....ปัจจุบันผ้าพันคอผืนนั้นอยู่ที่ผมเองด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นของฝากจากความผิดหวังครั้งนั้น...(เพื่อนคนนี้ยังมีโอกาสได้ดูวงควีนแสดงสดในเวมบลีย์ก่อนที่เฟรดดี้จะเสียชีวิต...ด้วยครับ...อิจฉามันจริงๆ) จากคุณ : กิมเฮง - [ 7 ส.ค. 48 22:16:03 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ช่วงที่ พลาตินี่มาพักที่ภูเก็ต ทางคนจังหวัดภูเก็ตกำลังเดินขบวนประท้วงเรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่จะมาสร้างที่นั่น เพราะโรงไฟฟ้าชลโนบิลที่รัสเซียก็เพิ่งระเบิดไปด้วย แต่พลาตินี่ก็ให้สัมภาษณ์ว่าไม่เป็นไรเป็นเรื่องธรรมดา  เพราะเรื่องเดินขบวนประท้วงก็มีอยู่กันทุกประเทศอยู่แล้ว แต่จนป่านนี้เราก็ยังไม่มีโรงงานไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์แฮะ จากคุณ : ข้าวโพดต้มหวาน - [ 7 ส.ค. 48 22:53:15 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ยังไงก็ขอบคุณ คุณข้าวโพดต้มหวาน ในคห. 60 อีกครั้ง.. เป็นข้อมูลที่ผมก็ไม่ทราบเช่นกัน จากคุณ : กิมเฮง - [ 7 ส.ค. 48 23:09:28 ]

ความคิดเห็นที่ 62 :D ครับ ผมแค่มีข้อมูลอะไรเกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็มาแบ่งปันกัน พอดีมีอีกอันเป็นสโลแกนของประเทศหนึ่งกิ๊บเก๋มากคือ อุรุกวัย สโลแกนคือ "ประเทศอื่นมีประวัติศาสตร์ อุรุกวัยมีฟุตบอล" เป็นสโลแกนที่คนอุรุกวัยภูมิใจมากครับ จากคุณ : ข้าวโพดต้มหวาน - [ 7 ส.ค. 48 23:33:01 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ไม่น่าใช่ นิวเคลียร์ ดอกครับ ตอนนั้น เขาประท้วงการตั้งโรงงาน ไทยแลนด์ แทนทาลัม ครับ เป็นช่วงเดือนสิงหาคม 86 พอดีครับ พวกเล่น เผาแหลก เลย.. จากคุณ : Liverpool Forever - [ 8 ส.ค. 48 02:34:47 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ส่วนสโลแกน ของทีมไทย เลียนแบบตามที่ คุณ ข้าวโพดต้มหวาน.. ขอตั้งว่า "ประเทศอื่นมีประวัติศาสตร์ อุรุกวัยมีฟุตบอล แต่ ประเทศไทยมี V.J.".... จากคุณ : Liverpool Forever - [ 8 ส.ค. 48 02:36:04 ]

ความคิดเห็นที่ 65 อ้อ ขอบคุณครับ ผมจำผิด เป็น แทนทาลัม จริง ๆ ด้วยแต่ตอนนั้นส่วนหนึ่งก็เกิดมาจากการผลกระทบของโรงไฟฟ้าชลโนบิลที่ระเบิด พูดถึงแทนทาลัมหน่อยดีกว่า เผื่อคนอ่านแล้วสงสัย แทนทาลัมเป็น วัสดุชิ้นสำคํญที่ต้องใช้ในการผลิต ไมโครชิฟและจากการวิเคราะห์ก็พบว่า ดีบุกในประเทศไทยทางใต้จะประกอบด้วยดีบุกบริสุทธิ์ 73.4 เปอร์เซ็นต์ แทนทาลัมเพนต็อกไซด์ 1.1 เปอร์เซ็นต์ เหล็ก 0.5 เปอร์เซ็นต์ นอกนั้นเป็นมลทินอื่นๆ ประมาณการว่าแทนทาลัมชนิดที่เกิดขึ้นในแหล่งแร่ดีบุกของไทยนี้มีปริมาณถึง 16 ล้านปอนด์ (หมายถึงเนื้อของแทนทาลัม) ซึ่งมากที่สุดในโลก (คิดเป็นประมาณ 27 % ของบนโลกนี้) การสกัดเอาแทนทาลัมออกมาแน่นอนก็ต้องเกิดสิ่งตกค้างและสารปนเปื้อนทำให้คนในภูเก็ตเดินขบวนประท้วงอย่างรุนแรง..... จากคุณ : ข้าวโพด (ข้าวโพดต้มหวาน) - [ 8 ส.ค. 48 08:02:40 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ขอบคุณทุกๆ ข้อมูลมากเลยนะคะ อ่านแล้วได้ความรู้มากเลย จากคุณ : Monik - [ 18 ส.ค. 48 23:14:52 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ขออนุญาตแก้ไขนะครับ Official Poster ของ World Cup 2006 เป็นภาพนี้ครับ The FIFA World Cup 2006 Official Poster seen in Stuttgart, Germany, Thursday, Sept. 30, 2004. The poster, designed by Gregor C. Blach from Berlin, won the design contest and will promote the soccer World Cup finals in Germany 2006. Copyright: OC 2006 FIFA World Cup มีรายละเอียดของอีก 4 รูปที่เข้ารอบสุดท้ายด้วยนะครับ ลองไปดูได้ที่  http://fifaworldcup.yahoo.com/06/en/o/poster/info.html ส่วนที่โพสไปด้านบนเป็น Official emblem หรือ Logo นั่นเอง แก้ไขเมื่อ 22 ส.ค. 48 09:54:20 จากคุณ : เอก ฟุตบอล (เอก ฟุตบอล) - [ 22 ส.ค. 48 09:53:14 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ขออนุญาตแก้ไขนะครับ Official Poster ของ World Cup 2006 เป็นภาพนี้ครับ The FIFA World Cup 2006 Official Poster seen in Stuttgart, Germany, Thursday, Sept. 30, 2004. The poster, designed by Gregor C. Blach from Berlin, won the design contest and will promote the soccer World Cup finals in Germany 2006. Copyright: OC 2006 FIFA World Cup มีรายละเอียดของอีก 4 รูปที่เข้ารอบสุดท้ายด้วยนะครับ ลองไปดูได้ที่ http://fifaworldcup.yahoo.com/06/en/o/poster/info.html ส่วนที่โพสไปด้านบนเป็น Official emblem หรือ Logo นั่นเอง ไฟล์รูปภาพ จากคุณ : เอก ฟุตบอล - [ 22 ส.ค. 48 09:56:18 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ขอโพสรูปอีกทีครับ จากคุณ : เอก ฟุตบอล (เอก ฟุตบอล) - [ 22 ส.ค. 48 10:07:25 ]

ความคิดเห็นที่ 70 แวะเข้ามาอ่านอีกที.... ต้องขอขอบคุณคุณเอก ฟุตบอล มากๆครับ ทั้งเรื่องข้อมูลที่ถูกต้องและโปสเตอร์ที่สวยงามมากๆครับ.. รบกวนเพื่อนๆ รับทราบตามข้อมมูลของคุณเอก ฟุตบอล นะครับ จากคุณ : กิมเฮง - [ 22 ส.ค. 48 10:34:21 ]