ความคิดเห็นที่ 1 คุณจะเรียกเขาว่า เซซ่าร์ หรือ กลาดิเอเตอร์ หรือราชาแห่งฝูงหมาป่า ก็ได้   นักเตะที่ชื่อฟรานเชสโก้ ต๊อตติก้าวขึ้นมาเป็นกัปตันทีมฟุตบอลแห่งโรม  หลังจากหมดยุคของจูเซ็ปเป้ จิอันนินี่  เจ้าชายหมาป่าคนก่อน  บัดนี้เขาได้ก้าวขึ้นมากุมหัวใจแฟนบอลโรม่าทั้งปวงไปหมดแล้ว  คงจะไม่เป็นการเว่อร์ หากจะบอกว่าเขาคือ ทุกสิ่งทุกอย่างของโรม่า  การก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้นับว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากทีเดียวถึงจุดเริ่มต้นของยอดนักเตะคนนี้ จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 07:36:37 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ชีวิตที่มีฟุตบอลในวัยเด็ก  ...........         ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ เกิดเมื่อวันที่ 27 กันยายน 1976 (วันนี้เมื่อ 29 ปีก่อน) ในย่านซาน โจวานนี่ กรุงโรม  เขามีชีวิตในวัยเด็กต่างจากเด็กคนอื่นๆทั่วๆไป  วัยแค่ 9 เดือน  ก็ได้สัมผัสลูกฟุตบอลแล้ว  มันเหมือนเป็นของเล่นของเขาที่คุณพ่อลอเร็นโซ่ และคุณแม่ฟิออเรลล่า หยิบยื่นให้  แม้กระทั่งในเวลาหลับก็ยังกอดลูกฟุตบอลไว้ในอ้อมแขน  เหตุผลอย่างหนึ่งที่คุณแม่เค้าสนับสนุนให้หนูน้อยต๊อตติเล่นฟุตบอล  เพราะเธอต้องการให้เขาอยู่ห่างจากบริเวณบ้าน  หลีกหนีการที่จะต้องเห็นคุณปู่ คุณย่า ซึ่งต้องทนทรมานกับอาการเจ็บป่วยอย่างหนัก  (เศร้าพอสมควร)  วัยเด็กของเขาคือดูฟุตบอลครับ  ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายทอดสด หรือไฮไลต์เขาดูหมด ขณะที่เด็กคนอื่นๆเลือกที่จะดูการ์ตูน  และเมื่อถึงวัย 5 ขวบ  เขาก็ได้ลงสนามเป็นครั้งแรก  โดยการเข้าไปร่วมเล่นบอลกับนักเตะรุ่นพี่  ในทัวร์นาเมนต์ฤดูร้อน  เค้าขออนุญาตลงสนามท่ามกลางเสียงคัดค้านของเด็กที่โตกว่า  ผลคือ ต๊อตติได้ลงสนามไป 2-3  นาที  และยิงได้ 2 ประตู  จากนั้นมาก็ไม่มีใครปฏิเสธการลงสนามของเค้าอีกเลย         ต๊อตติผ่านการลงเล่นกับสโมสรฟอร์ติตูโต้  ทีมเยาวชนแรกในชีวิตของเขา  จากเด็กที่อายุน้อยที่สุด  ตัวเล็กที่สุดในทีม  แต่กลับกลายเป็นนักเตะที่เก่งที่สุด  ทั้งการลากเลื้อย  ครองบอล  เทคนิคในการควบคุมลูกแสดงให้เห็นว่าเขาคืออัจฉริยะโดยกำเนิด จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 07:37:15 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ย่างก้าวสู่นักฟุตบอลอาชีพเต็มตัว .........         การเดินทางไปฝึกซ้อมกับทีมโลดิจานี่ ทีมสมัครเล่นในโรม สร้างประตูบานใหญ่ในการส่งต๊อตติเข้าสู่ความเป็นนักเตะเต็มตัว  ต้องขอบคุณเทรนเนอร์คนแรกของเขา มาสโตรปิเอโตร  ก่อนจะมาเป็น เอมิดิโอ เนโรนี่  โค้ชผู้เปรียบเสมือนผู้ปลุกปั้น และสั่งสอนต๊อตติมาตลอด    หลังจากซ้อมกับที่นี่ได้เพียง 2 ปี  ในปี 1989  แมวมองของโรม่า และลาซิโอ ก็มารุมตอมเซ็นสัญญาเป็นนักเตะฝึกหัด  และต๊อตติก็ไม่ลังเลเลยที่จะเลือกใส่ยูนิฟอร์มโรม่า  ก็เพราะจูเซ็ปเป้ จานนินี่ และรูดี้ โฟลเลอร์ขวัญใจในวัยเด็กของเขานั่นเอง  อ้อ และในเวลานั้นต๊อตติมีอายุแค่ 13 ปีเองครับ         การเซ็นสัญญาร่วมทีมโปรดอย่างโรม่า เป็นเหมือนความฝันที่ต๊อตติได้รับ  หลังจากเซ็นสัญญา  ต๊อตติอยู่ในทีมเยาวชนรุ่นเล็กกับเทรนเนอร์คาร์เนวาเล่  ก่อนขยับขึ้นไประดับนักเรียนทั่วประเทศ  กับอัลโด้ มัลเดร่า  แล้วจึงก้าวขึ้นสู่ระดับทีมเยาวชนกับเทรนเนอร์ ลูชาโน่ สปิโนซี่  และเอซิโอ เซลล่า  ช่วงแรกๆก็ฝึกซ้อมที่สนาม เตร ฟอนตาเน่  ก่อนย้ายมาฝึกยัง ตริกอเรีย สนามซ้อมของทีมชุดใหญ่         เวลาล่วงเลยมาถึงปี 1990  ต๊อตติผ่านปีแรกในการใช้ชีวิตอยู่กับทีมจัลโล่รอสซี่  เป็นครั้งแรกที่เขาคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ  ในเกมสุดท้ายของลีกเยาวชนที่พบกับโตริโน่    คุณพ่อลอเร็นโซ่ และพี่ชายริคคาร์โด้  ได้นำธงโรม่าไปโบกในสนามทีเดียว   เพื่อนสนิทในทีมเวลานั้นก็มีปาสเซรี่, อาเรลลี่ และ ริเมดิโอ ซึ่งรายหลังนี่ อยู่ด้วยกันมาตลอด  ตั้งแต่ทีมเยาวชนรุ่นแรก  ก่อนจะย้ายไปคาสเตล ดิ ซานโกร  แต่ต๊อตติกับริเมดิโอ ก็กลับมาพบกันอีกหนในช่วงฝึกทหาร         ต๊อตติกลายเป็นเด็กหนุ่มดาวรุ่งที่ได้รับการจับตามองมากที่สุด  รวมถึง ดิโน่ วิโอล่า  ประธานสโมสรโรม่าในขณะนั้น  เขาจัดงานฉลองให้กับทีมเยาวชนของโรม่าในเดือนธันวาคม 1990  และในงานฉลองนี้เองทำให้ต๊อตติได้สัมผัสมือกับท่านประธานเป็นครั้งแรก   ด้วยวัยเพียง 14 ปี ขณะที่ประธานสโมสรหมาป่าเดินทางมาทักทายกับบรรดาเด็กฝึกหัดของทีม ต๊อตติกลับได้รับการต้อนรับ และพูดคุยด้วยเป็นพิเศษ “ฉันได้ยินว่าเธอเล่นได้ดีอย่างสม่ำเสมอ ขอให้ทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริงนะ” นี่คือประโยคที่ต๊อตติได้ยินจากปากบุรุษหมายเลข 1 ในถิ่นโอลิมปิก สเตเดี้ยม ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก และในปีเดียวกันนั้นได้ถูกเรียกตัวเข้าสู่ทีมชาติอิตาลีชุดยู –14  ปี  ของเทรนเนอร์คอร์ราดินี่  ในทัวร์นาเมนต์ที่ญี่ปุ่น  และต๊อตติ คือผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำรายการนั้น จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 07:38:00 ]

ความคิดเห็นที่ 4 การบาดเจ็บหนักครั้งแรก  ............         ขณะเดียวกัน ในทีมโรม่า  ได้เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ UEFA Cup กับอินเตอร์ เมื่อปี 1991  ต๊อตติในวัย 14 ก็มีชื่ออยู่ในม้านั่งข้างสนามด้วย  ไม่รู้จะเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์นัดชิง UEFA Cup รึเปล่า  น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ลงสนาม   และถึงแม้โรม่าจะเอาชนะอินเตอร์ได้ในเกมที่สองที่กรุงโรม  แต่ก็ไม่เพียงพอกับสกอร์รวม  เลยชวดแชมป์ระดับอาชีพรายการแรกในชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย  สำหรับต๊อตติเองซึ่งมีโอกาสได้รับเหรียญเงินในวันนั้นก็พอใจแล้วกับการก้าวไปไกลของเขาได้ขนาดนั้น  กลับมาเล่นในทีมชุดเยาวชน  ต๊อตติยังคงลงทำหน้าที่ตามปกติ  แต่เขาก็ต้องประสบปัญหาการบาดเจ็บหนักเป็นครั้งแรก  ในดาร์บี้แมตช์เยาวชนกับลาซิโอ  ถึงขนาดต้องเข้ารับการผ่าตัดในอีก 2-3 เดือนถัดมา  และเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องยาวนานถึงเกือบ 1 ปีเต็มเลยทีเดียว   อย่างไรก็ตาม  หลังจากหายเจ็บ  ต๊อตติก็โชว์ฟอร์มมหัศจรรย์ได้อีกครั้ง  กระทั่งช่วยให้ทีมเยาวชนของลูชาโน่ สปิโนซี่คว้าแชมป์โคปปา อิตาเลียได้สำเร็จ  รวมทั้งเป็นดาวเด่นที่ทำให้ทีมระดับนักเรียนทั่วประเทศของ เอซิโอ เซลล่า  คว้าสคูเด็ตโต้ทีมเยาวชนฤดูกาล 1992/93 อีกด้วย         และแล้วก็มาถึงเวลาก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่  เพราะปีต่อมา ประธานสโมสร ดิโน่ วิโอล่า  ได้ใส่ชื่อต๊อตติลงในขุนพลด้วย  ไม่กี่เดือนให้หลังมิลานติดต่อมาทันที  เพื่อหวังดึงดาวรุ่งรายนี้ไปร่วมทัพ  แต่คำตอบที่ได้คือเสียงหัวเราะของวิโอล่า และต๊อตติ   “ผมจะอยู่กับโรม่าแห่งเดียวเท่านั้น” จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 07:38:48 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ฤดูกาลแรกในเซเรีย อา  ............         หลังจากการจากไปของดิโน่ วิโอล่า  ตำแหน่งประธานตกเป็นของจูเซ็ปเป้ ซาร์ราปิโก้  และในการคุมทีมของวูจาดิน บอสคอฟ   ต๊อตติได้รับการฝึกร่วมกับนักเตะรุ่นพี่ชื่อดังในทีมอย่างริซซิเตลลี่, คานิกเกีย, คาร์เนวาเล่ และมุซซี่  ขณะเดียวกันก็ลงเล่นในทีมเยาวชนพร้อมกันไป   ไม่กี่เดือนต่อมา  ต๊อตติได้ลงเล่นในเสื้อจัลโล่รอสซี่ชุดใหญ่เป็นเกมแรก  ในการอุ่นเครื่องกับทีมออสเตรีย ของเทรนเนอร์แฮร์เบิร์ต  โปรฮาสก้า ที่สนามฟลูมินิโอ         เมื่อถึงเวลาที่ต๊อตติจะตัดสินใจอนาคตของตัวเอง  แน่นอนว่าเขาเลือกทางนักเตะอาชีพ  ซึ่งทางครอบครัวก็ให้การตอบรับ สนับสนุน เพราะรู้ดีว่าต๊อตติเกิดมาเพื่อเป็นนักฟุตบอล  และเขาก็เป็นคนเปลี่ยนชีวิตในบ้านให้ดีขึ้น  พร้อมกับซื้อบ้านหลังใหม่  ย้ายจากถนน เวตูโลเนีย  ไปอยู่ที่ คาซาล ปาลอคโค่ในปัจจุบัน         สำหรับการลงสนามในเซเรีย อา นัดแรก  คือวันที่ 28 มีนาคม 1993  ในเกมเบรสชา – โรม่า  โดยนัดนี้ คานิกเกีย กับมิไฮโลวิชช่วยกันยิงให้โรม่านำ 2-0  จากนั้นเหลืออีก 2 นาทีจะหมดเวลา  บอสคอฟเลือกต๊อตติลงสนามแทนที่จะเป็น มุซซี่  และนั่นก็คือเกมแรกในเซเรีย อา ของต๊อตติกับวัย 17 ปี         แม้ว่าต๊อตติจะอยู่ในทีมชุดใหญ่แล้ว  แต่ก็ยังต้องลงเล่นให้กับทีมระดับต่างๆของโรม่า  ทั้งทีมเยาวชน และทีมระดับนักเรียน   ซึ่งผลงานของเขานั้นทำได้สุดยอดทุกรายการ  และแม้ว่าอาชีพหลักของต๊อตติคือฟุตบอล  แต่เขาก็เลือกที่จะศึกษาต่อเพื่อเป็นหลักฐานอันมั่นคงของชีวิตให้พ่อแม่ภูมิใจ  การไปสมัครเรียนด้านการบัญชีที่ มาร์โคนี่  ก่อนไปเรียนต่อที่ โปลิเซียโน่  ในปี 3  เขาเลือกเรียนด้านกฎหมายและเศรษฐศาสตร์         ผู้จัดการส่วนตัวของต๊อตติในขณะนั้นคือ ฟรังโก้ ซาวาญ่า  เป็นเอเย่นต์คนแรกของเขา  ซาวาญ่าติดตาม และทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ต๊อตติอายุได้ 16 ปี  กับซาวาญ่า ทำให้ต๊อตติได้เป็นนักเตะอาชีพเมื่อปี 94  และได้รับค่าจ้างครั้งแรก 60,000 ล้านลีร์  ในการเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพกับโรม่า จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 07:39:25 ]

ความคิดเห็นที่ 6 Grazie .. Mazzone ..         ในช่วงหน้าร้อนปี 1993  โรม่าเปลี่ยนเทรนเนอร์จากบอสคอฟ เป็น คาร์โล มัซโซเน่  นี่อาจเป็นเทรนเนอร์ผู้นำพาเขาสู่เวทีระดับโลกก็เป็นได้   การมีมัซโซเน่ทำให้เส้นทางค้าแข้งของต๊อตติสดใสเรื่องรองขึ้นมาตามลำดับ  เขาถูกเรียกตัวไปเล่นทีมชาติชุดยู – 17 ปี ของโค้ชวัตตา รวมทั้งทีมชุดยู – 21 ปี ของเซซาเร่ มัลดินี่ เทรนเนอร์ผู้มีความคิดจะดึงตัวต๊อตติไปเล่นฟุตบอลโลกที่ฝรั่งเศสในเวลาต่อมา โดยเรียกตัวเข้าสู่ชุดใหญ่ในเกมอุ่นเครื่องก่อนหน้านั้นด้วย          นับถึงปัจจุบันเป็นเวลานานมากกว่า 1 ทศวรรษแล้วที่ ต๊อตติ ประเดิมสนามให้โรม่าเป็นนัดแรกตอนอายุ 16 ปี ชีวิตของเด็กหนุ่มที่เหมือนเทพนิยายซึ่งเริ่มต้นจากการเป็นเด็กที่เฝ้าติดตามเชียร์ทีมรักจากบนอัฒจันทร์มายืนบนสนามหญ้าของ โอลิมปิก สเตเดี้ยม โดยเปิดตัวด้วยชัยชนะเหนือ เบรสชา 2-1 ในเดือนมีนาคมปี 1993 ในยุคของบอสคอฟ เวลานี้เขาอยู่ภายใต้การประคบประหงมจาก คาร์โล มัซโซเน่ ขรัวเฒ่าของวงการลูกหนังอิตาลีที่ใช้เจ้าหนูมหัศจรรย์เล่นเป็นตัวสนับสนุนกองหน้าตัวเป้า          "ผมติดหนี้ มัซโซเน่ มากมายสำหรับความเชื่อมั่นที่เขามีในตัวผมครั้งยังเป็นเด็กหนุ่ม เขาช่วยพัฒนาผมทั้งใน และนอกสนาม เขายังสอนผมมากมายเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ในโลกฟุตบอล เขาเป็นคนที่อนุรักษ์นิยม และเน้นพื้นฐานเพียง 2-3 จุดในการคุมทีม เช่นการปรับเปลี่ยนแท็กติกตามการเล่นของคู่แข่ง, ลุยให้เต็มที่ และแสดงเทคนิคที่ดี ผมเป็นหนี้เขา และพ่อแม่จากความสำเร็จที่ได้รับ" ฟรานเชสโก้ กล่าวขอบคุณมัซโซเน่ ตำนานปรมาจารย์กุนซือของวงการฟุตบอลอิตาลี         เทรนเนอร์มัซโซเน่ส่งลูกทีมคนโปรดลงเล่นเกมโคปปา อิตาเลีย เมื่อ 16 ธันวาคม 1993  ในเกมเจอกับซามพ์โดเรีย  ความจริงต๊อตติเคยเล่นในถ้วยใบนี้มาแล้วในเกมกับปาโดว่า  แต่ครั้งนี้ต่างกันตรงที่ ริซซิเตลลี่เจ็บ  บัลโบ้ก็ลงสนามไม่ได้  โรม่าไม่มีกองหน้าคนใดอีก  ในที่สุดเขาจึงได้มีชื่อเป็นตัวจริงครั้งแรก  โดยลงสนาม 83 นาที  มันเป็นจุดเริ่มต้นที่สวยสดงดงามไม่น้อย         ทางด้านเทรนเนอร์สปิโนซี่ยังคงให้ต๊อตติช่วยลงเล่นในทีมเยาวชนต่อ  ซึ่งต๊อตติก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง  เมื่อจัดการซัลโวคนเดียว 5 ประตู  ในเกมกับคาสเตล ดิ ซานโกร   แต่สถานการณ์ในทีมชุดใหญ่ไม่ค่อยดีนัก  เพราะทีมหมาป่าของมัซโซเน่ไม่ชนะใครติดต่อกันถึง 14 นัด  ทำให้ประธานสโมสรฟรังโก้ เซนซี่  เกือบต้องเปลี่ยนเทรนเนอร์ใหม่  แต่แล้ว 6 กุมภาพันธ์ 1994  มัซโซเน่ตัดสินใจส่งต๊อตติลงเล่นในเซเรีย อา เป็นแมตช์แรกในซีซั่นนั้น  ในเกมที่พบกับมิลาน  โดยส่งลงไปแทนลุยจิ การ์เซีย ในครึ่งหลัง  สรุปฤดูกาล 1993/94  ต๊อตติลงเล่นให้กับโรม่าไป 8 เกม  และช่วยให้โรม่าพ้นช่วงหายนะมาได้ในท้ายที่สุด     เริ่มต้นฤดูกาล 1994/95 เป็นเหมือนฤดูกาลเริ่มต้นอะไรใหม่ๆสำหรับชาวอิตาเลียน หลังจากทีมอัซซูรี่แพ้ให้กับบราซิล พลาดโอกาสเป็นแชมป์โลกสมัยที่ 4 ไปอย่างน่าเสียดาย ต๊อตติเองก็เช่นกัน เขาเฝ้ามองดูการแข่งขัน และตั้งเป้าหมายฝึกปรือฝีเท้าให้แกร่งที่สุดเพื่อติดทีมชาติอิตาลีชุดใหญ่ให้ได้ โดยเขาหวังว่าจะก้าวขึ้นมาช่วยรุ่นพี่ให้ได้ในอนาคต เด็กวัย 18 ปีคิดเช่นนั้น เขากลายเป็นผู้เล่นตัวจริงของโรม่าอย่างถาวรในฤดูกาลนี้ มีโอกาสได้ลงเล่นร่วมกับสตาร์ของทีมอย่างจานนินี่, อเบล บัลโบ้ และดาเนียล ฟอนเซก้า เขาคิดว่าไม่มีโค้ชคนไหนจะให้โอกาสเขาได้มากกว่ามัซโซเน่อีกแล้ว          หลังจากที่เขายิงประตูแรกในเซเรีย อา ให้กับโรม่าได้สำเร็จ ต๊อตติก็แสดงความรู้สึกภายหลังประตูประวัติศาสตร์ในชีวิตของเขาไว้ว่า “ตอนกลับถึงบ้าน ผมรู้สึกว่าตัวเองหิวเป็นพิเศษ ก็เลยชวนน้องชายออกไปหาไอศกรีมกินกัน ผมยังแทบไม่เชื่อเลยว่ายิงประตูแรกให้กับตัวเองได้ด้วยซ้ำ”         และด้วยความโดดเด่นของต๊อตติ ทำให้โรม่าไม่ลังเลที่จะเสนอสัญญาฉบับใหม่ พร้อมด้วยค่าเหนื่อยก้อนโตให้เขาหลังจบฤดูกาลนั้น สัญญาที่ว่านี้มีอายุยาวนานถึง 6 ปี และจะไปสิ้นสุดในปี 2000 โน่นเลย สรุปฤดูกาล 1994/95 ต๊อตติลงสนามในเซเรีย อา 21 นัด ยิงได้ 4 ประตู จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 07:40:28 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผลงานยอดเยี่ยมในทีมอัซซูรินี่ .................... หลังจบฤดูกาล 1994/95 ต๊อตติถูกเรียกติดทีมชาติอิตาลีชุดยู – 18 ปี ในการทำศึกชิงแชมป์ยุโรป และแม้ว่าอิตาลีจะแพ้ให้กับสเปนในรอบชิง 4-1 แต่เกมนั้นต๊อตติโชว์ฟอร์มได้ดี และประตูเดียวที่อิตาลีทำได้นั้นก็มาจากต๊อตตินั่นเอง ส่วนในคัมปิโอนาโต้ ฤดูกาล 1995/96 ถือเป็นปีที่ต๊อตติลงเล่นในตำแหน่งริมเส้นค่อนข้างมาก เลยทำให้ยิงประตูได้น้อยแค่ 2 ประตูเท่านั้น จากการเล่น 28 นัด โดยจะหนักไปที่จ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีมทำประตูมากกว่า ซึ่งคุณสมบัติตรงนี้นี่เอง ที่ทำให้เขาได้เลื่อนระดับจากทีมชุดยู – 18 ปี ไปอยู่กับทีมชุดยู – 21 ปีอย่างรวดเร็ว         ช่วงปิดฤดูกาลปี 1996  เซซาเร่ มัลดินี่  นำทัพทีมชาติอิตาลีชุดยู – 21 ปี  คว้าแชมป์ยุโรปเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน  แน่นอนว่า ต๊อตติอยู่ในสมาชิกชุดนั้นด้วย  เขาเป็นยิงประตูแรกให้อิตาลีขึ้นนำสเปนในนัดชิงชนะเลิศ ก่อนที่เกมจะจบลงด้วยการเสมอ 1-1 และอิตาลีดวลจุดโทษเอาชนะไป ซึ่งทัวร์นาเมนต์นั้น ต๊อตติคือผู้เล่นยอดเยี่ยม ฟอร์มร้อนแรงของต๊อตติทำให้ เทรนเนอร์ทีมชุดใหญ่ อาร์ริโก้ ซ้าคคี่  เรียกตัวเขาเข้าร่วมกับทีมชุดใหญ่ที่ศูนย์เทคนิคบอร์เกเซียน่า  กรุงโรม  เมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 1996  ฟอร์มอันโดดเด่นของต๊อตติ  ต้องขอบคุณมัซโซเน่  เทรนเนอร์ผู้เปิดทางสว่างให้เขาโดยแท้ น่าเสียดายที่เรื่องราวของต๊อตติกับมัซโซเน่ต้องยุติลงแค่สิ้นฤดูกาลนี้เท่านั้น เช่นเดียวกับ “เจ้าชายหมาป่า” จูเซ็ปเป้ จานนินี่ ที่อำลาทีมไปเล่นในลีกประเทศออสเตรีย หรือนี่จะเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของโรม่า ว่าผู้นำทีมคนใหม่ได้แสดงตัวออกมาแล้ว จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 07:41:11 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เกือบย้ายจากโรม่าเพราะเบียงคี่ .........         ในอิตาลีนั้น ความคาดหวังของสโมสรและแฟนบอลมีสูงมาก ต่อให้เทรนเนอร์เป็นที่รักในหมู่แฟนบอลแค่ไหน ก็มีโอกาสถูกเด้งออกได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งกุนซือผู้เป็นที่รักของชาวโรมันทั้งปวงอย่างคาร์โล มัซโซเน่ .......          เมื่อความสำเร็จไม่ได้เข้ามาสู่โรม่าทำให้ มัซโซเน่ ต้องถูกแทนที่โดย คาร์ลอส เบียงคี่ ในช่วงเริ่มฤดูกาล 1996/97 โดยเทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์เริ่มต้นงัดข้อกับ ต๊อตติ ทันที ด้วยการปฏิเสธที่จะให้เขาสวมหมายเลข 20 ที่ใส่ประจำอยู่ ไม่มีมัซโซเน่ ไม่มีจานนินี่ที่อำลาทีมไปแล้ว ต๊อตติเองเสียใจจากการอำลาทีมของมัซโซเน่ และจานนินี่ไม่พอ ยังถูกเทรนเนอร์เล่นสงครามประสาทใส่           "เบียงคี่ ไม่พอใจทัศนคติของผม มันเป็นเรื่องที่น่าเสียใจจริงๆ" จอมทัพโรม่า กล่าวหลังจากต้องทนฝืนใจใส่เสื้อเบอร์ 17 และด้วยวัยเพียง 18 ปี เขาถูกจับให้เล่นเป็นศูนย์หน้าตัวเป้าของทีม ทั้งที่ตำแหน่งของเขาคือเพลย์เมคเกอร์ ทำให้เขาประสบปัญหาในฟอร์มการเล่นจนถูกดร็อป และเกือบทำให้คิดย้ายออกไปหลังมิลานยื่นข้อเสนอเข้ามา แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเขาไม่อาจถอดเสื้อแดงเหลืองตัวนี้ ไปใส่ยูนิฟอร์มทีมอื่นได้ แน่นอนว่า เบียงคี่อาจเป็นกุนซือที่ห่วยแตกที่สุดตั้งแต่โรม่าก่อตั้งสโมสรมา   เขาเป็นคนที่มองไม่เห็นความสามารถของต๊อตติ           ในท้ายที่สุด เบียงคี่ ต้องเป็นฝ่ายถูกไล่ออกไป และ ต๊อตติ มีโอกาสกลับมาสู่ตำแหน่งเดิมอีกครั้งเมื่อเทรนเนอร์ยอดฝีมือชาวเช็ก ซเดเน็ก ซีแมน เข้ามากุมบังเหียนต่อจาก นีลส์ ลีดโฮล์ม ตำนานแข้งสวีดิชผู้เคยพาทีมคว้าสคูเด็ตโต้เมื่อปี 1982 ที่เข้ามาดูแลทีมเป็นการชั่วคราว จบฤดูกาล 1996/97 อันเจ็บปวดของต๊อตติ เขาลงสนาม 26 นัด ทำได้ 5 ประตู เขาเริ่มตั้งต้นความตั้งใจใหม่อีกครั้ง กับเทรนเนอร์จอมวางแผนอย่างซีแมน          "ผมลงเล่นทางริมเส้นฝั่งซ้ายภายใต้การคุมทีมของซีแมน และได้เรียนรู้มากขึ้นในตำแหน่งที่แตกต่างจากเดิม ผมต้องใช้เวลาปรับตัวพอสมควร แม้ผมจะรู้ว่าเป็นตำแหน่งที่ไม่อาจแสดงการเล่นที่ดีที่สุดออกมาเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับทีม แต่ผมก็ต้องเล่นเพราะต้องการช่วยเหลือทีม" ต๊อตติกล่าว จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 07:42:38 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ประดับปลอกแขนกัปตันหมาป่า ฟอร์มเด่นสุดๆ แต่เจ็บเลยชวดฟุตบอลโลก  ...........         จากนั้นไม่นานดิโน่ ซอฟฟ์ เทรนเนอร์อัซซูรี่ในขณะนั้น  ก็ได้เรียกตัวต๊อตติลงสนามในเกมอุ่นเครื่องกับ  สวิตเซอร์แลนด์ ที่อูดิเน่   ในเกมที่อิตาลีเอาชนะไปสบายๆ 2-0  และนั่นคือบทบาทก้าวแรกของต๊อตติในทีมชาติชุดใหญ่    ทีมชาติอิตาลีนั้นเต็มไปด้วยนักเตะชั้นยอด  มันยากที่นักเตะอายุน้อยๆจะเข้าไปแทรกอยู่กับรุ่นพี่ได้  นอกจากฝีเท้าจะโดดเด่นมากจริงๆ  ขณะเดียวกันในช่วงที่ว่านี้  ผลงานของต๊อตติกับโรม่า ในฤดูกาล 1997/98 ก็กำลังดีวันดีคืน  ต๊อตติได้รับการไว้วางใจจากเพื่อนร่วมทีมให้เป็นกัปตันทีมคนใหม่ของสโมสรอย่างเป็นทางการ หลังจากที่ตำแหน่งนี้ว่างเว้นมา 1 ปีเต็มๆ จากการที่จานนินี่อำลาทีมไปเมื่อปี 1996 ทำให้เขากลายเป็นกัปตันทีมที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของโรม่า ด้วยวัยเพียง 20 ปีเท่านั้น            ทีมในฤดูกาลนี้นั้นได้นักเตะต่างชาติเข้ามาสร้างสีสันมากมาย  ไม่ว่าจะเป็นคาฟู,  แว็งซ็องต์ ก็องเดอล่า หรือเปาโล แซร์จิโอ้ บวกกับเพชฌฆาตเจ้าประจำอย่างอเบล บัลโบ้  ช่วยให้โรม่าได้เข้าไปเล่นฟุตบอลยุโรปได้ทุกปี  แต่ก็ยังไม่ถึงเป้าหมายสูงสุด คือสคูเด็ดโต้ซักที โดยในปีนี้โรม่าจบได้อันดับ 4 เหนือทีมยักษ์ใหญ่อย่างมิลาน, ลาซิโอ, ปาร์ม่า และฟิออเรนติน่า และต๊อตติเองยิงประตูได้ถึง 13 ประตู จากการลงเล่น 30 นัด ซึ่งถือว่าค่อนข้างมากในตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์ เขาโดดเด่นทั้งในและนอกสนาม ด้วยการเข้าร่วมองค์กรการกุศลที่สหพันธ์ฟุตบอลอิตาลีจัดขึ้น โดยเป็นตัวแทนนักเตะไปเยี่ยมเด็กกำพร้าอย่างใกล้ชิด แต่แล้วก็เกิดข่าวร้ายที่ไม่คาดฝันกับสุดยอดนักเตะดาวรุ่งคนนี้           ตัวต๊อตติเองโชคร้ายมีอาการบาดเจ็บรบกวนในช่วงก่อนปิดฤดูกาล  และแม้ว่าจะเร่งฟิตร่างกาย แต่ก็ฝืนสังขารตัวเองไม่ไหว ประกอบกับที่ทีมมีนักเตะซูเปอร์สตาร์ในตำแหน่งเดียวกับเขาอยู่แล้ว คืออเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ โกลเด้น บอยของทีมชาติอิตาลีในขณะนั้น รวมทั้งตำนานอย่างโรแบร์โต้ บาจโจ้ก็ติดทีมไปด้วย หลังจากซัดถึง 22 ประตูให้กับต้นสังกัดโบโลญญ่า แม้ว่าเซซาเร่ มัลดินี่จะอยากให้ต๊อตติร่วมทีมไปด้วย แต่ก็ทำไม่ได้ สุดท้ายมัลดินี่ซีเนียร์เองต้องตัดใจ  และนั่นทำให้ต๊อตติ ชวดไปสร้างสีสันในฟุตบอลโลกที่ฝรั่งเศสอย่างน่าเสียดาย  แต่คิเอซ่าที่เบียดกับเขาในตอนนั้นก็มีอันหลุดโผในเวลาต่อมาเช่นกัน เนื่องจากเจ็บกระทันหัน  โอกาสเลยหลุดไปเป็นของราวาเนลลี่แทน  ต๊อตติยอมรับว่าเขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย  ที่นักเตะวัยรุ่นอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขาสร้างชื่อในเวทีนี้มากมาย  ทั้งโรนัลโด้, ราอูล กอนซาเลซ, แพทริค ไคลเวิร์ต  หรือไมเคิ่ล โอเว่น  แต่กลับไม่มีชื่อของฟรานเชสโก้ ต๊อตติไปร่วมด้วย  นั่นอาจเป็นสาเหตุใหญ่ที่ชื่อของเขาแจ้งเกิดในเวทีระดับโลกได้ช้ากว่าคนอื่นๆในบรรดาดาวรุ่งด้วยกัน  อย่างไรก็ตาม  ต๊อตติตั้งความหวังกับตัวเองในทัวร์นาเมนต์ต่อไป  นั่นคือ ยูโร 2000  และการเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ 1998/99  ดูจะเป็นที่น่าสนใจไม่น้อย และไม่น่าแปลกใจครับ หลังจากฟุตบอลโลกที่ฝรั่งเศสจบลง ต๊อตติถูกเรียกเข้าสู่ทีมชาติอย่างสม่ำเสมอ และไม่เคยหลุดออกจากทีมอีกเลยนับจากนั้น จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 07:43:30 ]

ความคิดเห็นที่ 10 การมาของคาเปลโล่ .............          ฤดูกาล 1998/99 นี้นับเป็นปีที่ต๊อตติต้องเผชิญหน้ากับการแบกทีมด้วยตนเองอย่างแท้จริง   เพราะโรม่าออกสตาร์ตได้ค่อนข้างฝืดกว่าทุกปี  แม้จะแรงในช่วงกลาง แต่ก็มาแผ่วแบบหมดลุ้นแชมป์ ในตอนปลาย  ตอนช่วงต๊อตติบาดเจ็บไป 1-2 สัปดาห์  แต่หลังจากต๊อตติกลับมาก็ช่วยพาทีมคว้าพื้นที่ UEFA Cup ได้สำเร็จ เขาลงสนาม 31 นัด ยิงได้ 12 ประตู พาโรม่าจบที่ 5 ของตาราง เหนือทีมยูเวนตุส และอินเตอร์ แต่ดูเหมือนจะยังไม่ถูกใจท่านประธานเซนซี่เท่าใดนัก  หลังจบฤดูกาลเลยมีการเปลี่ยนเทรนเนอร์อีกครั้ง โดยซีแมนถูกยกเลิกสัญญาต้องระเห็จไปคุมเฟเนร์บาห์เช่ในตุรกี และก็เหมือนฟ้าประทานให้ได้ตัวยอดกุนซืออย่าง ฟาบิโอ คาเปลโล่ เข้ามาให้คำแนะนำ  ควบคุมฝูงหมาป่าได้สำเร็จ หลังจากว่างงานมา 1 ปีเต็ม  หลังลาออกจากมิลาน  แม้ว่าทีมจะต้องสูญเสียแกนหลักอย่าง ลุยจิ ดิ เบียโจ้  ไปให้อินเตอร์ และเปาโล แซร์จิโอ้ไปบาเยิร์น  แต่ทีมก็ได้ดาวดังอย่างวินเชนโซ่ มอนเตลล่าเข้ามา  รวมทั้งอันโตนิโอลี่, มาร์กอส อัสซุนเซา และคริสเตียโน่ ซาเน็ตติ   ขณะที่ตัวต๊อตติเองคาดหวังกับฤดูกาลนี้ไม่แพ้เซนซี่  แต่กับคาเปลโล่แล้ว  เขายอมรับว่าต้องใช้เวลาสร้างทีมๆนี้อีกซักระยะ จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 07:44:11 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ฟอร์มอันเหลือเชื่อของต๊อตติ .............         หมาป่ากรุงโรมออกสตาร์ทฤดูกาล 1999/2000 อย่างร้อนแรงมาก  ขึ้นไปอยู่บนหัวตาราง  ขนาดที่บริษัทรับพนันบอล  ต้องรีบปรับอัตราแชมป์ให้เป็นท็อปไฟฟ์ที่จะคว้าแชมป์ในปีนี้ทีเดียว  และส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมผงาดได้ก็หนีไม่พ้นตัวต๊อตติอีกนั่นแหละ  คอยจ่ายบอลงามๆให้คู่ศูนย์หน้ามอนเตลล่า – เดลเว็คคิโอ ซัลโวประตูกันเป็นว่าเล่น   ถึงขนาดนีล ลีดส์โฮล์ม อดีตเทรนเนอร์ชุดแชมป์สคูเด็ตโต้ปี 82  ยังออกมากล่าวว่า  “แฟนบอลยอมเสียค่าตั๋ว  เพื่อเข้ามาชมลีลาของต๊อตติ”  เลยทีเดียว   ว่ากันว่ามีนักเตะชื่อดังในอดีตอย่างเปเล่ , มาราโดน่า, พลาตินี่ หรือฟาน บาสเท่น  เข้ามาชมลีลาของเขาด้วยแทบไม่เว้นทุกเกม และจากฟอร์มสุดยอดในปีนี้ทำให้ประตูของเขาในทีมชาติอิตาลีกลับมาเปิดกว้างอีกครั้ง  ถึงแม้ว่าจะยังเป็นแค่ตัวสำรองของเดล ปิเอโร่ก็ตาม แต่เมื่อเขาได้รับโอกาส ก็ไม่ทำให้เทรนเนอร์ผิดหวัง เมื่อจัดการซัดประตูแรกในนามทีมชาติได้สำเร็จในเกมกับทีมชาติโปรตุเกส เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2000 ซึ่งเกมนั้นอิตาลีเอาชนะไป 2-0 โอกาสของเขาโดดเด่นมากกว่าดาวรุ่งอิตาเลียนคนอื่นๆในรุ่นเดียวกัน        อย่างไรก็ดี  มีโชค มันก็ต้องมีเรื่องอับโชคเป็นของคู่กัน  ปัญหาอาการบาดเจ็บในช่วงท้ายฤดูกาล  ทำให้ต๊อตติไม่ได้ลงสนามราวเดือนกว่าๆ  และในช่วงนั้นเอง  คาเปลโล่ได้คว้าตัวฮิเดโตชิ นากาตะมาจากเปรูจา แบบสายฟ้าแลบ  หวังจะเข้ามาเสริมทีมในเวลาที่ต๊อตติไม่อยู่    นากาตะเองฟอร์มดี  แต่ช่วยโรม่าแทบไม่ได้เลยในการเก็บชัยชนะในช่วง 10 เกมสุดท้าย  และพอต๊อตติกลับมา  โค้ชเริ่มประสบกับปัญหาตำแหน่งของนากาตะ  โดยจับเขาไปเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรับซึ่งไม่ถนัด  และไม่อาจดร็อปนากาตะได้ อาจเป็นเพราะเนื่องจากเหตุผลทางธุรกิจ กับสปอนเซอร์ของนากาตะ  ยังผลส่งโดยตรงถึงทีมโรม่า  โชว์ผลงานผิดฟอร์มจากเมื่อช่วงต้นฤดูกาลไปในทันที   มีการกล่าวว่า  มันเป็นความผิดพลาดหรือเปล่าในการคว้านากาตะมาในตอนนั้น? ก็สุดแล้วแต่จะตีความกันไป  แต่ต๊อตติเองก็ไม่ได้รังเกียจนากาตะอย่างที่เป็นข่าวแต่อย่างใด  เพียงแต่ไม่เข้าใจเล็กน้อย  ที่ทำไมยังจับนากาตะลงพร้อมกับเขา ทั้งๆที่น่าจะใส่มิดฟิลด์ตัวรับลงมากกว่า   ใครจะทราบล่ะครับว่า 2 คนนี้จะช่วยกันพาโรม่าไปสู่สคูเด็ตโต้ในปีถัดมา  สรุปฤดูกาลนี้ต๊อตติลงสนาม 27 นัด ยิงได้ 7 ประตู จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 07:44:55 ]

ความคิดเห็นที่ 12 โชว์ฟอร์มประชันซีดานในยูโร 2000  ..............         จากฟอร์มอันร้อนแรงของต๊อตติ แน่นอนว่ามันทำให้เขากลายเป็นตัวหลักในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ครั้งแรกในชีวิต  นั่นก็คือ ยูโร 2000  ที่เบลเยี่ยม  กับฮอลแลนด์เป็นเจ้าภาพ  และต๊อตติก็ไม่ทำให้ดิโน่ ซอฟฟ์ที่กลับมาเป็นเทรนเนอร์อัซซูรี่อีกครั้งต้องผิดหวัง  เมื่อฉายฟอร์มเด่นกว่ารุ่นพี่อย่างเดล ปิเอโร่แบบกลบสนิท  สร้างความกระจ่างให้บรรดานักข่าวอิตาเลียน  ว่าทำไมถึงไม่ต้องใช้บริการของโรแบร์โต้ บาจโจ้อีกต่อไป  ต๊อตติเองได้เล่นในตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์ที่ตัวเองถนัด และยังวอลเล่ย์ประตูสุดสวยให้ทีมได้ในเกมเจอโรมาเนียอีกด้วย  จากนั้นเขาก็โดนดร็อปบ้างในเกมตัดเชือก ที่เจอเจ้าถิ่นฮอลแลนด์  เพราะซอฟฟ์ต้องการเน้นเกมรับ  และต๊อตติก็ได้ลงสนามลงมาเปิดเกม  หลังจากอิตาลีทำเกมไม่ขึ้น  จวนเจียนจะเสร็จรอมร่อ  อาศัยฟอร์มโคตรเซฟของตอลโด้ช่วยไว้หลายครั้ง  กระทั่งเกมจบลงเสมอกัน  และต้องดวลจุดโทษ  ต๊อตติก็ได้รับมอบหมายให้ได้ทำหน้าที่ที่แสนกดดันอันนี้ด้วย  และแล้วเขาก็จัดการชิพบอลข้ามหัวฟาน เดอ ซาร์ นายทวารดัตช์เข้าไปอย่างคลาสสิค  ช่วยให้อิตาลีผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ กับแชมป์โลก อย่างฝรั่งเศส            และในเกมนัดชิงชนะเลิศนั้นเอง  ต๊อตติก็ได้โชว์ผลงานระดับมาสเตอร์พีซให้ทั่วโลกได้ประจักษ์  กับลูกเล่นเหนือชั้นของเขาทั้งเกม  การตอกส้นกลับหลังอย่างรุนแรงทะลุแผงหลังฝรั่งเศส ทำให้เปสซ็อตโต้ หลุดไปเปิดบอลให้เดลเว็คคิโอ โหม่งทำประตูให้กับอิตาลีขึ้นนำไปก่อน   นิตยสารเวิลด์ ซ็อคเกอร์ของอังกฤษ ถึงกลับกล่าวว่า   “นั่นเป็นความมั่นใจ ที่แสดงให้เห็นว่าศิลปินลูกหนังคนใหม่แห่งอิตาลีได้ก้าวสู่เวทีฟุตบอลระดับนานาชาติเต็มตัวแล้ว”              แต่อย่างไรก็ตาม  ต๊อตติยังคงชวดแชมป์แรกของเขาต่อไป  ฝันของเขาต้องสลายเมื่ออิตาลีไม่สามารถต้านทานฝรั่งเศสได้  เจอประตูของวิลตอร์ และเทรเซเก้ต์  ทำให้อิตาลีต้องเศร้าอีกครั้ง  เมื่อได้แค่ตำแหน่งรองแชมป์ (อีกแล้ว)  หลายคนคงลืมไปแล้ว ว่าเกมนัดชิงชนะเลิศเกมนั้น ต๊อตติเป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ทั้งๆที่อิตาลีได้แค่รองแชมป์ แม้ว่าต๊อตติจะโชว์ฟอร์มได้ดีแค่ไหนก็ตาม  อาจดีกว่าซีดานด้วยซ้ำ  แต่เมื่อคุณยังไม่ได้แชมป์  ก็ย่อมจะยังไม่ได้รับการยอมรับความสามารถอย่างเต็มปากเต็มคำกับทุกๆคน  หน้าที่ต่อไปของต๊อตติคือกลับไปซ้อมกับโรม่าเตรียมสู้ศึกในฤดูกาลใหม่ จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 07:45:49 ]

ความคิดเห็นที่ 13 การเสริมทีมที่ยิ่งใหญ่  นำพาไปสู่สคูเด็ตโต้   ...........         การคว้าตัวกาเบรียล บาติสตูต้า, เอเมอร์สัน และวอลเตอร์ ซามูเอล  3 นักเตะชั้นยอดมาร่วมทีม  สร้างความยิ่งใหญ่ในพาวเวอร์ของประธานเซนซี่ไม่น้อย  พวกเขาได้ทีมที่สุดยอด  กับนักเตะชั้นยอดที่มีอยู่แล้ว  ต๊อตติเองปลื้มมากกับการตัดสินใจของเซนซี่  เขารู้ดีว่าพร้อมแล้วที่จะพาทีมโรม่าขึ้นไปทาบกับยอดทีมอีกหลายๆทีมได้อย่างไร  การออกสตาร์ทที่สุดยอดของตัวเขา และทีม  มันบ่งบอกทุกอย่างอยู่แล้ว  แน่นอนว่าแทบจะทุกประตู  รูปเกม  แบบแผนในการเก็บชัยชนะ  ล้วนมาจากการบงการอันชาญฉลาดของต๊อตติทั้งสิ้น  การได้ลงเล่นต่อกรกับนักเตะระดับโลกทุกสัปดาห์สั่งสมประสบการณ์ของเขาจนก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะระดับเวิลด์คลาสไปแบบไร้คนคัดค้าน จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 07:46:38 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อารมณ์รุนแรงของต๊อตติ ก่อนกลับมานำทัพหมาป่าเป็นแชมป์อิตาลี ...............          อย่างไรก็ตาม  ต๊อตติเองก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกัน  คือ เขาจะเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก เป็นคนที่มีอารมณ์ และความกระหายในชัยชนะสูงมากๆ  บางครั้งเมื่ออะไรไม่เป็นอย่างที่ใจคิด เรื่องที่ไม่น่าดูชมก็เกิดขึ้นเหมือนกัน  ไฮไลต์ที่สำคัญอีกเรื่องของปีนี้คือ ต๊อตติโดนเปลี่ยนออกในเกมที่ไปเยือนยูเวนตุส  บอกตามตรง ผมคิดว่าฟอร์มของต๊อตติเองไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น  เพียงแต่วันนั้น  เขาไม่มีสมาธิกับเกมเอาเสียเลย  ทำเกมช่วยโรม่าไม่ได้  คาเปลโล่ตัดสินใจเปลี่ยนเขาออกมานั่งพัก  และส่งนากาตะลงไปแทน ต๊อตติเองไม่ได้ซีเรียส  และยังเข้าไปแสดงความยินดีกับนากาตะหลังจากโชว์ผลงานยิง 1 จ่าย 1 ด้วยซ้ำไป            เหตุการณ์มันมาเกิดในเกมถัดไปครับ  ในการลงสนามรับมืออตาลันต้าในบ้าน   และเป็นนัดที่สองติดต่อกัน  ที่ต๊อตติยังไม่สามารถคืนฟอร์มตัวเองได้  และถูกคาเปลโล่เปลี่ยนตัวออกกลางเกมอีกครั้ง   คราวนี้เขาระเบิดอารมณ์ออกมา  เตะขวดน้ำข้างม้านั่งสำรองกระจายเลย   รวมทั้งเดินออกจากอัฒจันทร์ ไปเลยในตอนนั้น   แฟนบอลทั่วไปอาจคิดว่านั่นเป็นพฤติกรรมที่ก้าวร้าว  และไม่เหมาะสมที่กัปตันทีมอย่างเขาจะทำแบบนั้นต่อหน้าเทรนเนอร์  แต่ใครจะรู้บ้างว่า  ที่เขาเตะขวดน้ำกระจายนั้น  ไม่ได้มาจากความโกรธอะไรในตัวคาเปลโล่เลย   เขาโกรธตัวเอง  โมโหตัวเอง  ที่ไม่สามารถเรียกฟอร์มที่ดีที่สุดช่วยทีมรักได้ต่างหาก              แน่นอนครับ  ว่าทั้งคาเปลโล่ แฟนบอลโรม่า  รวมทั้งเพื่อนร่วมทีมเข้าใจเขาเสมอ   และนั่นก็เป็นเพียง 2 เกม ที่ต๊อตติได้เรียนรู้อะไรบางอย่างกับตัวเอง  เขากลับมาอีกครั้งในเกมไปเยือนบารี่  โชว์ลีลาการจ่ายบอลให้บาติโกล์ และคาฟู ช่วยกันซัดเจ้าถิ่นขาดลอย 4-1  ขยับเข้าใกล้แชมป์มากขึ้นทุกขณะ  และเมื่อเอาตัวรอดจากมิลานมาได้   ต๊อตติก็มีส่วนในการช่วยยิงประตูสุดสวยเมื่อไปเยือนนาโปลี  ก่อนจะมายิงประตูเบิกร่องในเกมสุดท้ายกับปาร์ม่า ในโอลิมปิโก้  พาทีมชนะไป 3-1  คว้าแชมป์สคูเด็ตโต้แรกในชีวิตได้อย่างยิ่งใหญ่  เหนือคำบรรยาย   หลังเกมกับปาร์ม่าจบลง  ต๊อตติออกมาให้สัมภาษณ์ว่า  นี่คือเกมที่ดีที่สุดในชีวิตของเขาอย่างแท้จริง  แม้ว่าอิตาลีจะเป็นแชมป์ยูโรก็เถอะ  มันเทียบไม่ได้เลยกับสคูเด็ตโต้ครั้งแรก    สคูเด็ตโต้มันเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของต๊อตติจริงๆ  ต๊อตติคว้ารางวัลผู้เล่นอิตาเลียนดีเด่นประจำปีไปครอง ด้วยผลงานลงสนาม 30 เกม ยิงได้ 13 ประตู             หลังจากจบฤดูกาลนี้  ต๊อตติตั้งเป้าหมายต่อไปของเขาคือ คว้าแชมป์ยุโรป รวมทั้งป้องกันแชมป์ให้ได้  จากนั้นก็เดินทางสู่เอเชียเพื่อเติมความฝันคว้าแชมป์โลกกับทีมชาติอิตาลี เรื่องน่าเสียดายในปีนี้มีอยู่เพียงเรื่องเดียว คือต๊อตติต้องแยกทางกับเอเย่นต์คู่ใจอย่างฟรังโก้ ซาวาญ่าเท่านั้น หลังจากที่มีปัญหากันในเรื่องของผลประโยชน์ที่ต๊อตติมองว่าเขาได้รับอย่างไม่เป็นธรรม จึงทำให้เขาตัดสินใจแยกทางกับซาวาญ่าที่ร่วมงานกับเขามานับ 10 ปีตั้งแต่ยังเป็นนักเตะเยาวชน โดยต๊อตติเลือกที่จะใช้บริการของวินเชนโซ่ โมราบิโต้แทนนับจากนั้น จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 07:47:39 ]

ความคิดเห็นที่ 15 การสั่งสมฝีเท้าที่ดูเหมือนจะเพิ่มอย่างไม่หยุดยั้ง  ..........         เริ่มต้นซีซั่นใหม่กับการติดตราสคูเด็ตโต้อันทรงเกียรติไว้บนหน้าอก  ต๊อตติเองฟอร์มยังเยี่ยม  แต่ดูเหมือนเพื่อนร่วมทีมหลายๆคนจะฟอร์มตกลงไป  อย่างบาติสตูต้า หรือตอมมาซี่  ทำให้ผลงานดูไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนปีที่แล้ว  แต่ต๊อตติก็ยังแบกโรม่าขึ้นไปคว้าแชมป์หน้าหนาว (ครึ่งฤดูกาลแรก)  ได้สำเร็จ   และต้องยอมรับเลยจริงๆ ว่าการป้องกันแชมป์นั้น  มันยากกว่าไขว่คว้าหาแชมป์ปีก่อนหลายเท่าตัว  หลายทีมพยายามสร้างทีมเพื่อโค่นโรม่าให้ได้   ดังนั้นต๊อตติและเพื่อนร่วมทีมก็ต้องรวมแรงรวมใจกันต่อสู้ให้ถึงที่สุดให้ได้  ซึ่งดูเหมือนเขาจะทำได้ดีพอตัว  การเปิดบ้านต้อนบาร์เซโลน่า  3-0  การวิ่งไล่บอลแบบไม่ถอย  ในนัดนั้น ทำให้ต๊อตติได้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยม  รวมทั้งในทีมชาติอิตาลีรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกในเกมสุดท้ายกับฮังการี    ต๊อตติโชว์ลูกจ่ายเหนือชั้นมากมายนับ 10 ลูก  แต่กองหน้าแต่ละคนกลับยิงทิ้งๆขว้างๆไปหมด  สุดท้ายลงเอยด้วยการสังหารฟรีคิกของเดล ปิเอโร่เป็นประตูชัยให้อิตาลี  ทุกคนอาจจะคิดว่าเดล ปิเอโร่เป็นฮีโร่  (ผมก็คิดเช่นนั้น)  แต่ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นคือ  เดล ปิเอโร่แทบทั้งเกมโชว์ฟอร์มไม่ออกเลย  และเป็นต๊อตติที่ได้แมน ออฟ เดอะ แมตช์ในเกมนั้นไป         เท่านั้นยังไม่พอ  ต๊อตติโชว์ผลงานดีที่สุดในชีวิตก็ว่าได้  ในเกมแห่งความทรงจำกับลาซิโอ  ดาร์บี้แมตช์กรุงโรมเกมที่ 148  เมื่อวันที่  10 มีนาคม 2002  ต๊อตติโชว์ความสุดยอดออกมาทั้งการทำเกม  การครองบอล  การตัดทำลายเกม  รวมทั้งการยิงประตูอันสุดเหนือชั้น  ยังไม่นับกลเม็ดเด็ดพราย  ทั้งลูกส้น ลูกไขว้  การกระชากแผงหลังลาซิโอ  3-4  คนกระจุย ฯลฯ   สุดท้ายพาทีมชนะถึง 5-1  เล่นเอาเนสต้า ถึงกับเพ้อไม่อยากลงสู้หน้าแฟนบอลตัวเองอีกต่อไป   และถ้าหากมอนเตลล่าไม่ได้ผีเข้าทำคนเดียวถึง 4 ประตู  ต๊อตติก็คงจะได้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมของเกมนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย  ถึงกับมีคำถามตามมาว่า ใครจะหยุดต๊อตติ และโรม่าได้ !!!?         อย่างไรก็ตาม  โรม่าของต๊อตติก็ไปไม่ถึงฝั่งฝัน  เพราะต้องประสบกับปัญหาบาดเจ็บช่วงท้ายฤดูกาล ทำให้ได้ลงสนามน้อยกว่าที่ควรจะเป็น แถมทีมยังดันไปเล่นประมาทในเกมกับลิเวอร์พูล เลยตกรอบแชมเปี้ยนส์ลีกแบบน่าเจ็บปวด ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ในเฟสเดียวกัน สามารถต้อนยอดทีมอย่างบาร์เซโลน่าได้ถึง 3-0  และทีมกำลังนำเป็นจ่าฝูงของกลุ่มก่อนเกมสุดท้ายแท้ๆ แต่กลับแพ้ให้ยอดทีมจากอังกฤษในเกมสุดท้าย เลยร่วงจากจ่าฝูง ตกไปเป็นที่ 3 ปล่อยให้บาร์เซโลน่า กับลิเวอร์พูลควงแขนกันเข้ารอบแบบเจ็บปวดสุดๆ           หนำซ้ำในคัมปิโอนาโต้ ที่ทีมเป็นแชมป์เก่า ยังมิอาจต้านทานความคงเส้นคงวาของยูเวนตุสได้  เลยเสียแชมป์ไปให้ยูเว่ในเกมสุดท้ายของฤดูกาล  แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าเสียใจเลย  เพราะนักเตะโรม่าทุกคนได้ทุ่มเทกันจนถึงที่สุดแล้ว  และแฟนบอลจัลโล่รอสซี่ทุกคน  เชื่อว่าราชาของพวกเขาจะนำทีมๆนี้กลับมาคว้าสคูเด็ตโต้ได้อีกครั้ง  จบฤดูกาล 2001/2002 ต๊อตติลงสนาม 24 เกม ยิงได้ 8 ประตู ส่วนต้นสังกัดโรม่าได้รองแชมป์อิตาลี จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 07:48:43 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมทีมก่อนทำศึกฟุตบอลโลก...............           ในทีมโรม่านั้น ต๊อตติเองเคยพูดเสมอว่า เขารู้สึกยินดีที่เพื่อนร่วมทีมหมาป่ามีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน และไม่เคยมีข้อขัดแย้งใดๆที่จะกระทบกับผลงาน หรือการลงสนามของทีม        “ในทีมโรม่า ทุกคนเป็นมืออาชีพ ผมรู้สึกดีเสมอเวลาอยู่ในห้องแต่งตัว ถึงแม้จะเป็นเกมที่เราพ่ายแพ้ เราจะช่วยกันแก้ปัญหา โดยมีคาเปลโล่เป็นผู้ชี้แนะ”       “ผมสนิทกับก็องเดอล่า เขาตลกดี เขาเป็นคนฝรั่งเศส แต่กลับรู้เรื่องอิตาลีนอกกรุงโรม มากกว่าผมซะอีก”             ในส่วนของทีมชาติ ซึ่งในขณะนั้น ต๊อตติถูกคาดหมายว่าจะได้รับการการันตีเป็นเพลย์เมคเกอร์ตัวจริงของทีมสู้ศึกฟุตบอลโลกที่เอเชีย โดยหลายฝ่ายมองว่าต๊อตติเหมือนเป็นลูกรักของตราปัตโตนี่  เขาถูกสื่อมวลชนพยายามนำไปเปรียบเทียบกับโรแบร์โต้ บาจโจ้ และอเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ ดาวเตะรุ่นพี่ในทีมชาติอยู่เสมอ แต่ต๊อตติไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาคิดแต่อย่างใด หนำซ้ำเขายังให้ความเคารพผู้เล่นรุ่นพี่ทุกคนในทีมชาติเสมอ           “ผมสนิทกับเดล ปิเอโร่ในทีมชาติ เขาช่วยเหลือผมทุกๆเรื่อง ผมเคารพเขาเสมอ มันไม่สำคัญว่าใครจะได้เป็นตัวจริงเกมไหน ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเทรนเนอร์ในการตัดสินใจเลือกผู้เล่น แต่ที่ผมสามารถบอกได้คือ เราทั้งสองคนสามารถเล่นร่วมกันได้แน่นอน”           “สำหรับบาจโจ้ก็เช่นกัน เขาเป็นผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ เขาเคยได้ลูกบอลทองคำ พวกคุณคงไม่สงสัยในความสามารถเขาอยู่แล้ว ผมก็เช่นกัน แต่อย่างที่ผมบอก ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเทรนเนอร์ คุณควรจะไปถามเขามากกว่า” ต๊อตติกล่าวกับผู้สื่อข่าว La Gazzetta ที่ถามเขาในเรื่องเกี่ยวกับเดล ปิเอโร่ และบาจโจ้ในทีมชาติอิตาลี จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 07:50:07 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เพลย์เมคเกอร์  ผู้หวังจะนำอัซซูรี่เถลิงบัลลังก์แชมป์โลก .............         ความเก่งกาจของต๊อตตินั้นได้รับการยอมรับจากทุกคนในวงการฟุตบอลอิตาลี  โจวานนี่ อันเญลลี่  เจ้าของสโมสรยูเวนตุส  อาจเคยกล่าวว่า เดล ปิเอโร่  เปรียบเหมือนศิลปินที่สร้างผลงานระดับมาสเตอร์พีซในสนาม  แต่หากถาม “อิล แทร็ป” โจวานนี่ ตราปัตโตนี่  เทรนเนอร์ทีมชาติอิตาลีในขณะนั้น เขาเชื่อว่ากัปตันทีมหมาป่ารายนี้มีค่าเกินกว่าจะหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบได้ “นักเตะชั้นยอดทุกคนย่อมมีอัจฉริยภาพแฝงอยู่ในตัว  แต่บนโลกก็มีคนอย่างวินเซนต์ แวน โกห์ เพียงผู้เดียว  เช่นเดียวกับที่ไม่มี ต๊อตติ คนที่สองบนโลกนี้”         แน่นอนว่าต๊อตติเป็นหนึ่งในนักเตะที่ได้รับการจับตามองว่าจะเป็นฟันเฟืองสำคัญในการช่วยทีมชาติอิตาลีประสบความสำเร็จตามเป้าที่วางไว้  นั่นคือ แชมป์โลก ซึ่งทีมนั้นได้ห่างเหินมานานเป็นเวลากว่า 20 ปี  และถ้าทำได้สำเร็จ  ก็จะเป็นชาติแรกในยุโรปที่คว้าแชมป์โลกได้มากที่สุดถึง 4 สมัย  เทียบเท่าบราซิลของอเมริกาใต้   ก่อนหน้านั้นต๊อตติได้รับคำชมเปรียบเปรยกับนักเตะซูเปอร์สตาร์ในอดีตมากมาย   อิล แทร็ป ถึงกับยกให้เทียบชั้นยูเซบิโอ  ตำนานบอลโปรตุเกสเลยทีเดียว  และยังบอกอีกว่า  เขาเป็นผู้เล่นตัวหลักของทีมไม่ต่างอะไรไปจาก  ซีดานของฝรั่งเศส หรือ เวรอนของอาร์เจนติน่า    ซึ่งดูเหมือนตัวต๊อตติจะไม่ค่อยสนใจคำชมนั้นๆนัก  เขามุ่งมั่นที่จะทำผลงานที่ได้รับมอบหมายจากโค้ช  รวมทั้งความตั้งใจสานฝันของตัวเองให้สำเร็จมากกว่า จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 07:50:50 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ฟุตบอลโลกครั้งแรกในชีวิตของต๊อตติ .............        ศึกฟุตบอลโลก 2002 ที่ประเทศเกาหลีใต้ และญี่ปุ่นร่วมกันเป็นเจ้าภาพ อิตาลีลงสนามแข่งในฐานะทีมเต็งแชมป์ทีมหนึ่ง เพราะมีนักฟุตบอลระดับซูเปอร์สตาร์ร่วมทีมเต็มไปหมด และต๊อตติก็กลายเป็นผู้เล่นที่แฟนบอล และสื่อมวลชนทั่วโลกให้การจับตามองมากที่สุดไม่ต่างกับซูเปอร์สตาร์คนอื่นๆเช่น ซีดาน, โรนัลโด้, เบ็คแฮม หรือเวรอน เขาได้ใส่เสื้อหมายเลข 10 ซึ่งเป็นหมายเลขของเพลย์เมคเกอร์ในระดับทัวร์นาเมนต์ใหญ่ครั้งแรก โดยเดล ปิเอโร่ต้องยอมไปใช้เสื้อหมายเลข 7 แทน ทั้งที่เขาเคยเป็นเจ้าของเลขนี้มาก่อน         เกมถ่ายทอดสดที่อิตาลีลงแข่งทุกเกม ช่างภาพทุกสำนัก รวมถึงตากล้องโฟกัสไปที่ต๊อตติมากที่สุด ตั้งแต่เกมนัดเปิดสนามของอิตาลีที่พบกับเอกวาดอร์ ซึ่งเกมนั้นต๊อตติโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอด เขาจ่ายบอลให้คริสเตียน วิเอรี่ ซัลโว 2 ประตู เอาชนะคู่แข่งจากอเมริกาใต้ได้ 2-0 ซึ่งเกมที่ว่านี้ ต๊อตติลงเล่นเป็นศูนย์หน้าตัวต่ำ หลังตัวเป้าอย่างวิเอรี่ ในระบบ 4-4-2 อิตาลีเริ่มต้นได้อย่างสวยงามในฟุตบอลโลก        มาถึงเกมที่ 2 ในรอบแรก เกิดเรื่องช็อคขึ้น เมื่ออิตาลีต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับโครเอเชียแบบค้านสายตา 1-2  ทั้งๆที่คริสเตียน วิเอรี่ ยิงประตูให้อิตาลีขึ้นนำก่อน แต่มาโดนโครเอเชียยิงแซง 2 ประตู ขึ้นไปนำเฉยเลย บ้างก็ว่าเพราะเกมนี้เนสต้าเจ็บตั้งแต่ช่วงต้นเกม ไปโทษมาเตราสซี่ว่าเป็นบ่อน้ำมัน ไฮไลต์ที่น่าจับตามองมากที่สุด คือ วิเอรี่ยิงประตูตีเสมอได้ แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินจากเดนมาร์ค เยนส์ ลาร์เซ่นยกธงว่าล้ำหน้า ทั้งที่ไม่ล้ำ ส่วนต๊อตติเอง เขาก็ช็อคไม่น้อยไปกว่าคนอื่นๆ เขามีโอกาสยิงประตูตีเสมอให้ทีมได้ แต่เหมือนฟ้าไม่เป็นใจ ลูกฟรีคิกอันหนักหน่วงของเขาในช่วงท้ายเกมไปชนเสาเต็มๆ จบเกม อิตาลีแพ้โครเอเชียอย่างเจ็บปวด      เกมสุดท้ายของรอบแรก เจอกับเม็กซิโก เกมนี้ถือเป็นเกมชี้ชะตา เพราะอิตาลีจะแพ้ไม่ได้ หรือถ้าหากเสมอ ก็ต้องไปลุ้นให้เอกวาดอร์ทีมบ๊วยของกลุ่มพลิกล็อคชนะโครเอเชีย ซึ่งถือว่ายากมากๆและแทบจะเป็นไปไม่ได้  เกมนี้ฮาเวียร์ อากิร์เร่ เทรนเนอร์ทีมชาติเม็กซิโก ยอมเสียผู้เล่นจากระบบทีมไป 1 คน ให้เคราร์โด้ ตอร์ราโด้ ตามมาร์กตายต๊อตติ ตลอดทั้งเกมต๊อตติแทบไม่เจอบอล เขาโชว์ฟอร์มไม่ออกในเกมนี้ และถูกเปลี่ยนตัวออกให้เดล ปิเอโร่ ลงสนามมาแทน และก็เป็นเดล ปิเอโร่ที่เป็นฮีโร่ เมื่อเขาซัดประตูตีเสมอได้ก่อนหมดเวลาแค่ 5 นาที ประตูนั้นมีค่ามากจริงๆ เพราะโครเอเชียดันบ้าจี้แพ้เอกวาดอร์หน้าตาเฉยซะงั้น สุดท้ายอิตาลีผ่านเข้าสู่รอบสองแบบหืดจับที่สุด เหมือนโกงความตาย ทั้งๆที่น่าจะตกรอบไปแล้ว จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 07:51:26 ]

ความคิดเห็นที่ 19 จากความฝันแชมป์โลก กลายเป็นฝันร้ายเมื่อต้องถูกไล่ออกอย่างไม่เป็นธรรม .............        เกมรอบสอง เหมือนเป็นเกมฟุตบอลนัดประวัติศาสตร์ที่วงการฟุตบอลอิตาลีจะต้องจดจำไว้ไม่มีวันลืมเลือนแน่ๆ พวกเขาเข้าไปพบกับเจ้าภาพร่วม เกาหลีใต้ ที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความโกง ยามที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพ ตั้งแต่โอลิมปิกปี 1988 เคยทำให้รอย โจนส์ จูเนียร์ แพ้นักชกเกาหลีใต้มาแล้ว ทั้งที่โดนถลุงจนไม่ต่างอะไรกับคนเมา         เกมนี้อิตาลีไม่มี 2 เซนเตอร์ตัวจริงอย่างเนสต้า และคันนาวาโร่ รายแรกเจ็บ ส่วนรายหลังติดโทษแบน ต้องให้เปาโล มัลดินี่ หุบมายืนเซ็นเตอร์คู่กับยูเลียโน่แทน แต่เกมรุกนั้น เทรนเนอร์ตราปัตโตนี่ใช้ 3 ประสาน วิเอรี่, ต๊อตติ และเดล ปิเอโร่ ลงครบครัน และอิตาลีก็เล่นได้ดีกว่าเห็นได้ชัดในช่วงต้นเกม จนได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจากลูกเตะมุมของต๊อตติ ที่เปิดได้อย่างแม่นยำให้วิเอรี่เข้าฮอสหน้าประตู วิเอรี่พุ่งโขกบอลตุงตาข่าย เพื่อนร่วมทีมต่างเข้ามารุมล้อมเพื่อให้กำลังใจต๊อตติ หลังจากเกมก่อนเขาโชว์ฟอร์มไม่ออก         แต่หลังจากนั้นเหมือนเป็นวิบากกรรมที่อิตาลีไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะประสบพบเจอ เมื่อพวกเขาได้โอกาสในการทำประตูมากมาย แต่กลับทำประตูเพิ่มเพื่อฝังเจ้าถิ่นไม่ได้ (เหมือนรอย โจนส์ที่น็อกนักชกเกาหลีไม่ได้) วิเอรี่มีโอกาสยิงจ่อๆไม่ถึง 5 หลาโล่งๆ กลับยิงไม่เข้ากรอบ เกมนี้ผมมองว่าตราปัตโตนี่พลาดมหันต์ที่ปรับแท็กติกเน้นเกมรับกับทีมอย่างเกาหลีใต้ ด้วยการถอดเดล ปิเอโร่ออก แล้วเน้นรับเต็มที่ เลยกลายเป็นโดนเกาหลีล่อเป้าเป็นชุดในช่วง 10 นาทีสุดท้าย และจนได้ครับ ก่อนหมดเวลา 2 นาที โซล คี เฮือน ซัดประตูตีเสมอเป็น 1-1          ในเกมช่วงต่อเวลาพิเศษ เป็นการสำแดงฤทธิ์เดช การโกงของเกาหลีได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด เมื่อดาเมียโน่ ตอมมาซี่ ได้บอลจากครึ่งสนาม แล้วลากมายิงเข้าประตู แต่ผู้ตัดสินไบรอน โมเรโน่ ชาวเอกวาดอร์ ไม่ให้ประตู โดยบอกว่าล้ำหน้า ทั้งๆที่ไม่ล้ำ โมเรโน่ไม่ได้เป่าตั้งแต่ครึ่งสนาม แต่รอให้ตอมมาซี่ลากเข้าไปยิงประตูก่อน แล้วค่อยเป่าครับ คุณเคยเห็นเรื่องแบบนี้ไหม?          เท่านั้นยังไม่พอ เหยื่อของโมเรโน่ และต้องกลายเป็นผู้โชคร้ายถูกไล่ออก คือต๊อตติ เมื่อก่อนหมดครึ่งแรกของช่วงต่อเวลาไม่นาน เขากระชากบอลเข้าไปถึงในเขตโทษของเกาหลีใต้ ก่อนเตรียมจะง้างเท้ายิง จังหวะนั้นกองหลังเกาหลีใต้พุ่งเข้ามาสกัด และเฟเรนซ์ เซเคลี่ ไลน์แมนชาวฮังกาเรียน ซึ่งอยู่ใกล้เหตุการณ์ สะบัดธงเป็นลูกฟาล์วไปแล้ว อิตาลีกำลังจะได้ลูกที่จุดโทษ แต่โมเรโน่ซึ่งจังหวะนั้นอยู่กลางสนาม ย้ำครับ ว่ากลางสนาม วิ่งเข้ามาบอกว่าต๊อตติพุ่งล้ม และชูใบเหลืองที่สองข้อหาตบตาผู้ตัดสิน กลายเป็นใบแดงไล่ออกแบบช็อคคนดูทั่วโลก          อิตาลีต้องเหลือผู้เล่นแค่ 10 คนในสนาม จึงต้องตั้งรับ รอไปยิงจุดโทษอย่างไม่มีทางเลือกอื่น แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล เมื่อพลพรรคอัซซูรี่ซึ่งส่วนใหญ่อายุมากแล้ว ต้านทานความอึดของพลังหนุ่มโสมไม่ไหว โดนลูกโหม่งประตูชัยของอาห์น จุง ฮวาน เข้าไปในนาทีที่ 117 ครับ มันเป็นโกลเด้นโกล อิตาลีไม่มีโอกาสที่จะแก้ตัวเอาคืนได้ มันเป็นค่ำคืนที่แสนจะโหดร้ายสำหรับชาวอิตาเลียน และแฟนบอลอัซซูรี่ทั่วโลก จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 07:52:29 ]

ความคิดเห็นที่ 20 กรรมสนองพวกชอบโกง ................           หลังจากนั้น เกาหลีใต้เข้ารอบไปโกงทีมชาติสเปนต่อ ด้วยการปฏิเสธประตู โดยบอกว่าลูกออกเส้นหลังไปก่อนแล้วอีก สุดท้ายดวลจุดโทษเอาชนะสเปนเข้ารอบไปหน้าตาเฉย ก่อนที่จะไปร่วงในเกมที่เจอทีมชาติเยอรมัน ซึ่งเกมนั้นไม่มีโอกาสเนียนในการโกง เลยตกรอบไปอย่างสะใจแฟนบอล และเหมือนกรรมตามทัน เมื่อเกมนัดชิงที่สามกับตุรกี ฮอง เมียง โบ ทำเรื่องน่าขายหน้าเมื่อปล่อยให้ฮาคาน ซูเคอร์ ฉกบอลเข้าไปยิงประตูเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกตั้งแต่นาทีแรก            ส่วนผู้ตัดสินจอมฉาว โมเรโน่ ยังคงตระเวนรับเงินพิเศษระดับสโมสรต่อ ในลีกบ้านเกิด ด้วยการทดเวลาบาดเจ็บนานถึง 12 นาที ย้ำครับ 12 นาที ให้ทีมที่เป็นฝ่ายตามหลัง กลับมายิงแซงชนะได้สำเร็จ ทำไปได้นะพี่ สุดท้ายถูกสอบสวน และ FIFA สั่งถอดเขาออกจากรายชื่อผู้ตัดสิน ประกาศเป็นผู้ตัดสินทุพพลภาพ ทุจริตต่อหน้าที่ และห้ามไม่ให้เขาตัดสินเกมระดับทางการอีกต่อไป             ขณะที่ผู้ทำประตูชัยให้เกาหลีใต้ อาห์น จุง ฮวาน หลังจบเกมดันไปปากดีให้สัมภาษณ์ ดูถูกทีมชาติอิตาลี ว่าวงการฟุตบอลด้อยกว่าเกาหลีใต้ และสามารถเอาชนะได้สบายๆ เลยถูกประธานสโมสรเปรูจา ลูชาโน่ กาอุชชี่ ขับไล่ออกจากทีมต้นสังกัด โดยบอกว่า      “อาห์นลืมกำพืดตัวเอง ผมรับไม่ได้ที่เขาพูดแบบนั้น เขาไม่ให้เกียรติวงการฟุตบอลอิตาลี พวกเราเป็นแชมป์โลก 3 สมัย แล้วเขายิ่งใหญ่ขนาดไหนกันเชียว เขาเคยโชว์ฟอร์มอะไรได้ดีสักนัดมั้ยในเปรูจา จากนี้ไปขอให้เขาไปหาสังกัดใหม่ได้เลย เขาจะไม่มีวันกลับมาเหยียบเปรูจาได้อีก ผมไม่รับประกันความปลอดภัย” กาอุชชี่กล่าวอย่างโกรธแค้น           หลายคนอาจลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ผมเลยนำมาลงให้ดูอีกครั้ง สำหรับคนที่ยังเข้าใจผิดเรื่องต่างๆในฟุตบอลโลกที่ผ่านมา ทั้งเรื่องการถูกไล่ออกของต๊อตติ รวมไปถึงการถูกยกเลิกสัญญาของอาห์น จุง ฮวาน ที่อิตาลีรับได้เสมอครับไม่ว่าใครจะยิงประตูอิตาลีได้ แต่ขอร้อง อย่าปากดี พวกคุณเห็นแฟนบอลยูเว่เทิดทูนดาวิด เทรเซเก้ต์ และซลาตัน อิบราฮิโมวิช แล้ว พวกเขาเป็นคนยิงประตูอิตาลีทั้งสิ้น แฟนอัซซูรี่ไม่มีใครโกรธเขาหรอกครับ จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 07:53:36 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ลืมความผิดหวัง แล้วศึกษาความผิดพลาด ..................           หลังความล้มเหลวของทีมเต็งแชมป์อิตาลี นอกจากสื่ออิตาเลียนจะหมายหัวผู้ตัดสินจอมฉาวอย่างโมเรโน่แล้ว ทั้งเทรนเนอร์ และนักเตะทีมชาติตัวเองก็โดนหมายหัวเช่นกัน สื่อทุกฉบับให้ความเห็นตรงกันว่าความล้มเหลวครั้งนี้ เทรนเนอร์อย่างตราปัตโตนี่ต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ โทษฐานที่วางแท็กติกเน้นเกมรับแบบไม่จำเป็นมากเกินไป แต่สุดท้ายแล้ว สหพันธ์ฟุตบอลอิตาลีตัดสินใจให้อิล แทร็ปทำทีมต่อ            "เวิลด์ คัพ เป็นความรับผิดชอบของทุกคน ไม่มีทางที่จะไปโทษตราปัตโตนี่คนเดียว" ฟรานเชสโก้ เอ่ยปากเล่าพร้อมกับส่ายหัวด้วยความผิดหวัง "กรรมการตัดสินตรงข้ามเราหลายครั้งระหว่างการแข่งขัน จากนั้นเราก็เริ่มทำผิดพลาด และเริ่มขาดความสามัคคี แต่มันก็ย่อมมีช่วงเวลาที่ต้องจดจำในชีวิตการเล่นของคุณ และเหตุการณ์นั้นก็ถูกรวมอยู่ด้วย ผมได้เรียนรู้ตัวเองมากขึ้น และทำให้ผมมีสายตากว้างไกลสำหรับการเผชิญสถานการณ์อื่นๆ"             "หลังจบทัวร์นาเมนต์ผมได้ทบทวนอยู่หลายครั้งในสิ่งที่เกิดขึ้น และผมก็ได้ข้อสรุปเดียวกับ วิเอรี่ ซึ่งออกมาพูดว่าเราควรจะเล่นเกมรุกมากกว่านี้ เราคือทีมชาติอิตาลีซึ่งควรจะมีการเล่นที่ใกล้เคียงกับ รีล มาดริด หรือ บราซิล คู่แข่งควรจะเป็นฝ่ายกังวลเมื่อต้องเจอกับเรา ไม่ใช่เราเป็นฝ่ายกลัวพวกเขาเหมือนที่เป็นอยู่"             "พอเรามีโอกาสเจอ ตราปัตโตนี่ เป็นครั้งแรก หลังศึกฟุตบอลโลก พวกเราได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับแท็กติกของทีม และสามารถหาข้อตกลงร่วมกัน เขาอธิบายว่าเราไม่อาจจะเล่นด้วยแผนการเล่นอื่นที่เกาหลีใต้ เพราะสภาพร่างกายของผู้เล่นไม่ได้อยู่ในระดับที่สมบูรณ์เต็มที่ แต่ตอนนี้เราก็มีการเล่นที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และมีความสนุกมากขึ้น"              สุดท้าย ต๊อตติ สามารถหาตำแหน่งที่ลงตัวในทีมชาติได้สำเร็จ หลังจากประสบปัญหาในการที่ถูกสลับตำแหน่งในเกมรุกอยู่ตลอดเวลา แต่สถานการณ์ของเขาผิดกับอดีตจอมทัพคนอื่นๆ ในอดีตไม่ว่าจะเป็น โรแบร์โต้ มันชินี่, จานฟรังโก้ โซล่า หรือแม้กระทั่ง โรแบร์โต้ บาจโจ ซึ่งตำแหน่งในการเล่นให้อิตาลีของพวกเขาไม่เคยต้องตกเป็นที่ถกเถียงในระดับชาติมาก่อนเลย             2 เหตุผลที่ทำให้เกิดการโต้เถียงในตำแหน่งของ ต๊อตติ เหตุผลแรกมาจากสถิติตลอด 7 ฤดูกาลหลังสุดกับ โรม่า เขายิงประตูเป็นตัวเลขเกิน 2 หลักมาตลอด ยกเว้นเพียง 2 ฤดูกาลเท่านั้น โดยหนึ่งในนั้นมาจากการที่เขาได้รับบาดเจ็บจนต้องพักยาวถึง 15 เกม            ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งเพลย์เมกเกอร์สายเลือดโรมานิสต้าแตกต่างจาก มันชินี่, โซล่า และ บาจโจ ตรงที่ความเร็วไม่ใช่กุญแจสำคัญในการเล่นของ ต๊อตติ เขาสามารถเล่นงานกองหลังคู่แข่งด้วยการใช้ร่างกายท่อนบนที่แข็งแกร่งในการพาบอลฝ่าไป บวกกับชั้นเชิงลูกหนังระดับสูง และพรสวรรค์ในการสร้างสรรค์เกม          ความจริงการได้ลงเล่นในหลายๆ ตำแหน่งช่วยยกระดับการเล่นของ ต๊อตติ ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว          "ผมมักจะใช้เขาเป็นศูนย์หน้าตัวที่ 2 เพราะเขาเป็นนักเตะที่มีความเร็วสูง" อดีตโค้ชทีมชาติชุดยู-21 เชซาเร่ มัลดินี่ ให้ความเห็น          "เขายังพัฒนาขึ้นอีกมากนับตั้งแต่ได้ฝึกซ้อมร่วมกับผม เวลานี้เขากลายเป็นผู้เล่นตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์อย่างแท้จริงแล้ว ผู้ที่สามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้แก่ทีม และบรรยากาศรอบตัว เขาจะมอบความสามารถที่มีอยู่ให้กับทีม เขาคือแชมป์ตัวจริง"             ตราปัตโตนี่ ยอมที่จะเดินตามแนวทางของ คาเปลโล่ ในการสร้างทีมชาติอิตาลีโดยมี ต๊อตติ เป็นแกนหลัก โดยมีการดัดแปลงแผนการเล่นเล็กน้อยออกมาเป็นระบบ 4-2-3-1 ซึ่งสร้างความพอใจให้จอมทัพผู้นี้เป็นอย่างมาก "เราเล่นโดยมีแผงกองหลัง 4 คนที่แข็งแกร่ง และมิดฟิลด์ตัวรับอีก 2 คน ผมจะยืนตรงกลางโดยมีผู้เล่นปีก 2 คนขนาบอยู่ด้านข้าง และกองหน้าตัวเป้าอยู่เหนือขึ้นไป เมื่อผมยืนต่ำลงมาเล็กน้อย ผมสามารถเห็นเกมได้ชัดเจนขึ้น ถ้าหากเลือกได้ผมอยากจะเล่นอยู่ด้านหลังศูนย์หน้าในระบบ 4-2-3-1"            ขณะที่ ตราปัตโตนี่ ไม่ได้ขัดข้องที่จะให้อิสระในการเล่นแก่ซูเปอร์สตาร์หนุ่มจากโรม่า "ต๊อตติพร้อมเสมอสำหรับเกมใหญ่ๆ ในระดับชาติ ผมคิดว่าเขาจะอันตรายขึ้นหากยืนอยู่ใกล้ประตู แต่มันไม่สำคัญว่ามีกองหน้ากี่คนที่เขาจะต้องร่วมเล่นด้วย ผมต้องการเพียงให้เขาบุกขึ้นไป และลองเสี่ยงเล่นดู"          "ผมชอบตราปัตโตนี่" ต๊อตติ เอ่ยถึงอิลชิทีด้วยรอยยิ้ม "ในอิตาลีทุกคนชื่นชมแทร็ปเสมอ เขาเป็นนักสู้ ผู้ชนะ เส้นทางในอาชีพที่ผ่านมาของเขาพูดแทนทุกสิ่งได้ดีอยู่แล้ว เขามุ่งมั่นที่จะได้รับผลการแข่งขันที่ดีอยู่เสมอ แน่นอนว่าผลการแข่งขันในเวิลด์ คัพ ที่ผ่านมาเลวร้ายกว่าที่คาดคิด แต่ด้วยประสบการณ์ และวิธีการสื่อสารกับผู้คนของเขาทำให้ทีมมีความแข็งแกร่งอย่างไม่เคยมีมาก่อน" จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 07:55:41 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เผชิญฤดูกาลยากลำบากในคัมปิโอนาโต้ ...................           เมื่อต๊อตติเดินทางกลับกรุงโรม เขาได้รับรู้ข่าวที่ไม่สู้จะดีนักในเรื่องสถานการณ์เงินของสโมสร เมื่อผลประกอบการของโรม่าอยู่ในขั้นเลวร้าย จากการใช้จ่ายที่ไม่ประมาณตนในเรื่องการจ่ายเงินค่าเหนื่อยนักเตะ รวมไปถึงความผิดพลาดในการบริหารด้านการเงินอื่นๆ ต๊อตติช่วยเหลือทีมด้วยการนำเงินส่วนตัวเข้าซื้อหุ้นจำนวนหนึ่งของสโมสร รวมทั้งยอมให้สโมสรลดโบนัสการทำประตูของเขาลงครึ่งหนึ่ง          “การที่ผมยิงประตูให้โรม่าได้ มันเป็นความสุขที่สุดยอดแล้ว พวกเขาไม่ต้องจ่ายอะไรให้ผมมากหรอก เรื่องสถานการณ์เงินของทีมเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นปัจจัยหลักในการดึงตัวนักเตะระดับโลกมาร่วมทีม อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อมั่นในตัวเทรนเนอร์คาเปลโล่ เขาสามารถสร้างทีมได้โดยไม่ต้องใช้เงินมาก และคิดว่าเขาคงไม่ทำให้ผมและแฟนบอลผิดหวัง”            ผลงานในลีกของโรม่าฤดูกาล 2002/2003 นี้ไม่ดีเอาเสียเลย เมื่อนักเตะในทีมประสบปัญหาฟอร์มตก เช่นบาติสตูต้า, ตอมมาซี่ และเดลเว็คคิโอ รวมไปถึงอาการบาดเจ็บรบกวนพลพรรคหมาป่าอีกครั้ง ซึ่งนั่นก็รวมไปถึงต๊อตติด้วย แต่อาการบาดเจ็บของเขาก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคกับฟอร์มส่วนตัวแต่อย่างใด เขาได้ลงสนามแค่ 23 นัดในเซเรีย อา แต่กลับยิงได้ถึง 14 ประตู น่าเสียดายที่โรม่าจบแค่อันดับ 8 ในตารางหมดโอกาสที่จะไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรก ตั้งแต่ได้สคูเด็ตโต้ ทั้งที่มีผู้เล่นระดับซูเปอร์สตาร์อยู่เต็มทีม เล่นเอาฟาบิโอ คาเปลโล่ถึงกับเครียดจัด เพราะต้นฤดูกาล เขาซื้ออันโตนิโอ คาสซาโน่มาจากบารี่ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 19 ล้านปอนด์ แต่ยังไม่สามารถช่วยเหลือทีมได้มาก ยังดีที่ดวงยังแข็งอยู่บ้างเมื่อสามารถเข้าไปชิงชนะเลิศกับมิลาน ในศึกโคปปา อิตาเลียได้ เลยทำให้สามารถคว้าตั๋วไปเล่นฟุตบอล UEFA Cup ได้สำเร็จ เพราะมิลานนั้น ได้สิทธิ์ไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีกก่อนหน้านั้นแล้ว           อย่างไรก็ตาม ทั่วโลกได้เห็นฟอร์มของต๊อตติ ผ่านเวทีแชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อเขาระเบิดฟอร์มได้ถูกเวลา จากการนำทัพหมาป่าบุกไปเชือด เรอัล มาดริดถึงรังซานติอาโก้ เบอร์นาบิว 1-0 ทั้งๆที่ตัวผู้เล่นเป็นรอง มาดริดชุดนั้น 11 ตัวจริงมี กาซิยาส, ซัลกาโด้, เอียร์โร่, เอลเกร่า, โรแบร์โต้ คาร์ลอส, มาเกเลเล่, กัมบิอาสโซ่, ฟิโก้, ซีดาน, ราอูล และโรนัลโด้ ซึ่งถือเป็นทีมชุดที่ดีที่สุดของแชมป์เก่าในปีนั้น แต่ต๊อตติโชว์ฟอร์มกลบรัศมีสตาร์มาดริดทั้งหมดในสนาม และเป็นผู้ซัดประตูชัยให้โรม่าบุกไปเอาชนะแชมป์ 9 สมัยจากสเปน ผู้ยังไม่เคยแพ้ใครในบ้านทั้งในลีก และบอลยุโรปแบบหักปากกาเซียน              หลังจบเกมนั้น ฟลอเรนติโน่ เปเรซ กล่าวชื่นชมฟอร์มการเล่นของราชาหมาป่าเป็นพิเศษ ถึงกับคุยกับฟรังโก้ เซนซี่ เพื่อถามไถ่เรื่องการซื้อตัว แต่กลายเป็นว่าทุกอย่างเงียบไป หลังจากเซนซี่ได้ออกมาแสดงเจตนารมณ์ไม่มีความคิดจะปล่อยตัวกัปตันทีมผู้เป็นสัญลักษณ์ของสโมสรออกไป “ต๊อตติไม่ได้มีไว้ขาย เขาเป็นผู้เล่นที่ไม่มีใครสามารถแทนที่ได้ ไม่ต่างจากเปาโล มัลดินี่ที่มิลาน หรือราอูล ที่มาดริด ผมจะไม่พิจารณาข้อเสนอใดๆเกี่ยวกับต๊อตติ และตราบใดที่ผมยังเป็นประธานทีมอยู่ ต๊อตติจะไม่มีทางย้ายไปสวมเสื้อทีมอื่น” ฟรังโก้ เซนซี่กล่าวที่ที่ทำการสโมสรหลังจากถูกผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์            โรม่าได้ผ่านเข้าสู่เฟส 2 ของรอบแบ่งกลุ่ม ไปเจอบาเลนเซีย, อาแจ๊กซ์ และอาร์เซน่อล ซึ่งพวกเขาไม่สามารถเข้ารอบตัดเชือกได้ เพราะไปแพ้คู่แข่งถึง 3 นัด จากทั้งหมด 6 เกม แต่ชื่อของต๊อตติก็ถูกกล่าวขานไปทั่วสเปน เมื่อเขาซัลโวคนเดียว 2 ประตู บุกไปยำใหญ่บาเลนเซีย ถึงรังเมสตาย่า 3-0 ซึ่งบาเลนเซียในขณะนั้น เป็นแชมป์เก่าลา ลีก้า ที่ยังไม่เคยแพ้ใครในบ้าน และเกมยุโรปก็ยังไม่เคยแพ้แม้แต่เกมเดียว ทั้งรอบแบ่งกลุ่มเฟสแรก และเฟสสอง           “ต๊อตติเหมือนไม่ใช่คน เขามหัศจรรย์มาก วันนี้ผู้เล่นบาเลนเซียทุกคนไม่สามารถหยุดอะไรเขาได้” มิเกล อังเคล อังกูโล่ กล่าวหลังจบเกมช็อกวงการฟุตบอลสเปน           หลังจบฤดูกาล 2002/2003 ชื่อของต๊อตติเข้ามาพัวพันถึงตลาดนักเตะอีกครั้ง เมื่อมีข่าวว่าทีมในสเปน ต้องการจะดึงตัวเขาไปร่วมทีม โดยอาศัยโอกาสที่โรม่าได้แค่อันดับที่ 8 ในลีก มาเป็นตัวยุให้ต๊อตติอำลาทีม แต่สุดท้ายทั้งหมดก็เป็นเพียงข่าวโคมลอย เมื่อต๊อตติประกาศว่าจะจงรักภักดีกับโรม่าต่อไป จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 07:56:56 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ฟ้าหลังฝนงดงามเสมอ 20 ประตูในคัมปิโอนาโต้ส่งโรม่าสู่รองแชมป์อิตาลี ............          ไม่มีใครคิดว่าโรม่าที่ประสบกับปัญหาการเงิน ถึงขั้นต้องดิ้นสุดชีวิตเพื่อให้สามารถลงทะเบียนแข่งขันในเซเรีย อา นาทีสุดท้าย แถมยังจบแค่อันดับ 8 ในตารางปีก่อน จะสามารถกลับมาเป็นทีมลุ้นสคูเด็ตโต้กับยูเวนตุส, มิลาน และอินเตอร์ ได้อย่างถึงพริกถึงขิง จุดเปลี่ยนน่าจะเป็นการเซ็นสัญญากับคริสเตียน คิวู กัปตันทีมอาแจ๊กซ์ และทีมชาติโรมาเนีย ซึ่งถือว่าเป็นการเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ทีม เพราะในตอนนั้น คิวูถือเป็นกองหลังดาวรุ่งที่เก่งที่สุดของยุโรป และเขาก็เข้ามาประสานงานกับวอลเตอร์ ซามูเอลได้อย่างลงตัวจริงๆ           โรม่าทำผลงานได้ร้อนแรงในช่วงต้นฤดูกาล เมื่อสามารถเอาชนะคู่แข่งได้มากถึง 7 นัด จาก 10 เกมแรก ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงเซเรีย อาอย่างสุดยอด และยังนำเป็นจ่าฝูงมาตลอด จนกระทั่งถึงเกมที่ 15 ที่เปิดบ้านเจอ มิลาน เกมนั้นต้องยอมรับว่าโรม่าสู้มิลานไม่ได้ ทั้งที่เล่นในบ้านตัวเอง แพ้ไป 1-2 และหลังจากนั้นเป็นต้นมา มิลานก็ทำผลงานได้อย่างสุดยอด และไม่เคยหล่นจากจ่าฝูงอีกเลยจนจบฤดูกาล ทำให้โรม่าได้แค่รองแชมป์โดยมีแต้มตามหลังมิลานมากถึง 11 คะแนน ส่วนใน UEFA Cup โรม่าเข้าได้ถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยไปพ่ายให้กับบียาร์เรียล จากสเปน ด้วยสกอร์รวม 2-3 นับว่าน่าผิดหวังไม่น้อยสำหรับถ้วยนี้ ที่ไม่สามารถเข้าถึงรอบตัดเชือกได้ จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 07:57:37 ]

ความคิดเห็นที่ 24 จุดสูงสุดของต๊อตติ?.................          อย่างไรก็ตาม ผลงานส่วนตัวของต๊อตติในฤดูกาลนี้ ถือว่าดีที่สุดตั้งแต่เล่นให้โรม่ามาก็ว่าได้  ฝีเท้าของเขา ก้าวสู่ความเป็นผู้เล่นระดับสุดยอดของโลก ด้วยการทำผลงานประสานกับอันโตนิโอ คาสซาโน่ สร้างความปั่นป่วนให้กับแผงหลังทุกทีมในอิตาลี เขาลงสนาม 31 เกม ซัดไปมากถึง 20 ประตู ซึ่งแต่ละประตูที่ทำได้นั้นงามหยดย้อยทั้งสิ้น และหนึ่งในเหยื่อของต๊อตติ และคาสซาโน่นั้น ก็คือยูเวนตุส แชมป์สคูเด็ตโต้ เมื่อโรม่าจัดการถลุงทีมม้าลายเละเทะ 4-0 ถึงกับทำให้มาร์เชลโล่ ลิปปี้ เทรนเนอร์ทีมเบียงโคเนรี่ คิดที่จะอำลาทีมหลังจบฤดูกาลทีเดียว จบฤดูกาล 2003/2004 ต๊อตติถูกคาดหวังถึงการเป็นผู้นำทีมชาติอิตาลีลุยศึกยูโร 2004 และหลายคนเชื่อว่า วินาทีนี้คือจุดสูงสุดของต๊อตติในชีวิตการค้าแข้ง จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 07:58:17 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ชื่อเสียงความโด่งดังระดับโลก ............          ทุกวันนี้ ต๊อตติ เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของวงการฟุตบอลอิตาลีเฉกเช่นเดียวกับที่ เดวิด เบ็คแฮม เป็นของวงการฟุตบอลอังกฤษ ด้วยบุคลิกที่น่าเข้มแข็ง, มีพรสวรรค์ในระดับซูเปอร์สตาร์ และการเป็นจุดศูนย์รวมของทีมชาติอิตาลี จากคำชมเชยที่ได้รับจากความสามารถในสนาม และพร้อมหัวเราะไปกับการถูกล้อเลียนเกี่ยวกับการไม่ทันคนด้วยการออกหนังสือรวมเรื่องตลกที่ชื่อว่า "ตูเต้ เล บาร์เซลเลตเต้ ซู ต๊อตติ" (เรื่องตลกของต๊อตติ) ซึ่งขายดิบขายดีจนต้องพิมพ์ซ้ำมากกว่า 10 ครั้ง มียอดขายทะลุ 1 ล้านเล่มไปแล้ว และที่สำคัญรายได้ทั้งหมดจะถูกนำเข้าการกุศลอีกด้วย (ต่อมาหนังสือเล่มนี้ได้ถูกบรรจุเป็นหนึ่งในตำราเรียนของนักเรียนระดับประถมต้นในอิตาลี)         เขาได้รับการแต่งตั้งจาก UNICEF ให้เป็นทูตกีฬา และได้รับการคัดเลือกจากเปเล่ ตำนานนักเตะบราซิเลียน ให้เป็นผู้เล่นยิ่งใหญ่ที่สุด 100 คนของโลก ที่ยังมีชีวิตอยู่ (ก่อนที่จะมีการเพิ่มรายชื่อภายหลังเป็น 125 คน) และได้มีโอกาสเป็นพรีเซนเตอร์แบรนด์กีฬาดังระดับโลกอย่างไนกี้ ร่วมกับนักเตะอย่างโรนัลโด้ และอองรี ในขณะที่วงการน้ำอัดลมชื่อดัง PEPSI ก็ไม่พลาดที่จะคว้าตัวเขาไปร่วมโปรโมตสินค้ากับเบ็คแฮม, โรนัลดินโญ่, ราอูล และโรแบร์โต้ คาร์ลอส ในโฆษณาชุดนักรบโรมัน กลาดิเอเตอร์ ซึ่งต๊อตติภูมิใจมากที่ได้สวมมัน         “ผมเล่าให้เพื่อนนักฟุตบอล PEPSI ด้วยกันฟังถึงตำนานของนักรบโรมัน พวกเขาดูตื่นเต้นมาก และต้องให้ผมสวมชุดแสดงท่าทางก่อน ที่พวกเขาจะลองสวมมัน ผมรู้สึกภูมิใจมากที่นักเตะระดับสุดยอดอย่างพวกเขาให้การยอมรับ พวกเขาเป็นคนดีทั้งในและนอกสนามจริงๆ” ต๊อตติกล่าวยอเพื่อนร่วมงานทั้ง 4 ด้วยรอยยิ้ม         ทั้งฟอร์มการเล่นอันโดดเด่น ทั้งยอดขายหนังสือ และการปรากฏตัวทางโทรทัศน์เป็นการแสดงให้เห็นว่าความนิยมของ ต๊อตติ ขยายออกจากโรมเมืองที่เขาเปรียบเสมือนเป็นพระเจ้าออกไปเป็นวงกว้างมากขึ้น แม้จะยังไม่ถูกยอมรับในฐานะหมายเลข 10 ของทีมอัซซูรี่อย่างเต็มตัวเท่าไรนักจากบางฝ่ายก็ตาม         โดย ต๊อตติ เชื่อว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาตกเป็นเป้าโจมตีอยู่บ่อยครั้งมาจากการเป็นชาวโรมของตัวเขา "สื่อมวลชนทั้งหมดมาจากทางตอนเหนือ และพวกเขาก็ให้คำจำกัดความคุณโดยที่คุณไม่ได้เป็นอย่างนั้น เช่นว่า มันยากที่จะคว้าแชมป์หากคุณไม่ได้เล่นให้ยูเวนตุส หรือ เอซี มิลาน ทำให้บางครั้งยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับความเคารพในตัวบุคคล ผมเชื่อว่าในอิตาลีมีมุมมองที่ผิดๆ เกี่ยวกับผมอยู่มาก"         ในสนาม ต๊อตติ แสดงให้เห็นความทุ่มเทต่อสู้เพื่อชัยชนะมาเสมอ จากฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมอย่างต่อเนื่องเหมือนที่ได้เห็นในเกมที่ขุนพลจัลโล่รอสซี่ไล่ถล่ม ยูเวนตุส 4-0 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และทำคะแนนลุ้นแชมป์สคูเด็ตโต้กับ เอซี มิลาน อย่างดุเดือดตลอดฤดูกาลนี้          ฝีเท้าอันเลิศเลอของเพลย์เมกเกอร์หนุ่มผู้นี้ ได้รับการยกย่องจากนักข่าวคนหนึ่งของคอร์ริเอเร่ เดลโล่ สปอร์ต หนังสือพิมพ์กีฬาของอิตาลีว่า "ต๊อตติเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดของอิตาลีเวลานี้ และฟอร์มของเขาเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เราเข้าร่วมยูโร 2004 ด้วยความมั่นใจ โค้ชของเขาทั้งในสโมสร และทีมชาติ ฟาบิโอ คาเปลโล่ กับ โจวานนี่ ตราปัตโตนี่ ได้ให้ความเชื่อใจในตัวเขา และเขาก็กำลังขึ้นสู่จุดสูงสุดของการเล่น ซัมเมอร์นี้จะเป็นโอกาสของเขา"        บ่ายของเดือนกุมภาพันธ์ในวันที่สภาพอากาศเย็น ก่อนเกมกระชับมิตรกับสาธารณรัฐเช็กจะมาถึง ต๊อตติ ในชุดวอร์มสีน้ำเงินของทีมชาติอิตาลีที่รูดซิปมาจนถึงคาง สวมรองเท้าผ้าใบที่ผูกเชือกไม่เรียบร้อย และผมที่ถูกปล่อยยาวปะบ่า เขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมาระหว่างพูดคุยอยู่บนเก้าอี้เก่าๆ เหมือนเป็นการแสดงให้เห็นตัวตนที่แท้จริงของชายที่ชื่อ ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ        "ฤดูกาลนี้ผมมีการเล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมี" กัปตันทีม "หมาป่าแห่งกรุงโรม" กล่าวถึงผลงานของตัวเอง         "ผมยังคงคิดว่าทุกอย่างที่เกี่ยวกับการเล่นของผมยังสามารถพัฒนาขึ้นมาได้อีก ตอนนี้ผมอายุ 27 และนักฟุตบอลส่วนใหญ่จะขึ้นสู่ระดับสูงสุดในอายุราว 29 หรือ 30 ปี แต่ผมก็คิดว่าวงการฟุตบอลจะตกอยู่ภายใต้ความตื่นเต้นระหว่างศึกยูโร 2004 มันเป็นโอกาสที่ผมจะแสดงผลงานออกมา" จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 07:59:47 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ต๊อตติกับข่าวลืมเรื่องการย้ายทีม .............         ฤดูร้อนปี 2004 ต๊อตติ จะต้องนำทีมชาติอิตาลีเดินทางสู่โปรตุเกส ด้วยความคาดหวังที่จะต้องประสบความสำเร็จสูงขึ้นกว่าเมื่อ 2 ปีก่อน "ด้านจิตใจ ในตอนนี้ผมกลายเป็นคนใหม่แล้ว ผมประสบปัญหาพอสมควรหลังจบเวิลด์ คัพ และทำให้ผมต้องใช้เวลาระยะหนึ่งเพื่อกลับมา ผมได้พูดคุยกับเพื่อนร่วมทีม และเราก็ได้เคลียร์ข้อข้องใจหลายๆ อย่างที่มีอยู่จนหมดไป"        "ผมพร้อมแล้วที่จะรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเอง และช่วยอิตาลีคว้าแชมป์ในศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ผมภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติอิตาลี นับเป็นเกียรติที่ได้เป็นตัวแทนของประเทศ และผมก็คิดว่าเราสามารถคว้าแชมป์ยูโร 2004 เรามีทีมที่ยอดเยี่ยม และผมก็ฝันที่จะมีโอกาสชูถ้วยแชมป์ด้วยมือ 2 ข้างนี้"          แต่ก็ยังมีคำวิจารณ์อยู่บ้างว่า ต๊อตติ ยังไม่อาจทำผลงานได้ดีในยามที่ต้องลงเล่นในเกมสำคัญ ความผิดพลาดในศึกฟุตบอลโลกที่ เกาหลีใต้ เป็นตัวอย่างหนึ่งที่หลายคนจดจำได้ดี รวมถึงการโดนไล่ออกในรอบ 2 ของศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก กับ อาร์เซน่อล ที่ไปเสียท่าให้มาร์ติน คีโอว์น เมื่อฤดูกาลก่อน แต่ก็ดูเหมือนหลายคนจะเจตนาทำเป็นลืมผลงานในศึกยูโร 2000 และฟอร์มที่น่าประทับใจในชัยชนะ 3-0 เหนือ บาเลนเซีย และการทำ 2 ประตู ใน 2 เกมที่พบ รีล มาดริด ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลเดียวกันไปอย่างสิ้นเชิง         เป็นเรื่องที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่าการที่โรม่าไม่ประสบความสำเร็จในถ้วยสโมสรอันดับหนึ่งของทวีปยุโรป ส่งผลกระทบกับสถานะของ ต๊อตติ ในเวทีลูกหนังโลก จนทำให้ได้รับเสียงโหวตเพียง 3 คะแนนในการคัดเลือกนักเตะยอดเยี่ยมยุโรปหรือบัลลังดอร์ของนิตยสารฟร้องซ์ ฟุตบอล เมื่อปีก่อน แม้ว่าสื่อบางส่วนจะยอมรับว่าเขาสมควรจะได้รับรางวัลนี้ก็ตาม เรื่องนี้เล่นเอาคุณเอกราช เก่งทุกทาง นักพากษ์ฟุตบอลอันดับ 1 ของไทยในปัจจุบันถึงกับงงกับคะแนนที่ต๊อตติได้รับ เพราะเขาเชื่อว่าฝีเท้าของต๊อตตินั้นไม่เป็นสองรองใครในโลก          จนทำให้ "นโปเลียนลูกหนัง" มิเชล พลาตินี่ ต้องออกมาเชียร์ให้ ต๊อตติ ย้ายออกจากถิ่น โอลิมปิก สเตเดี้ยม เพื่อพัฒนาตัวเองให้กลายเป็นนักเตะที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง          "เขาเป็นคนที่ดูซื่อๆ และเป็นชาวโรมันขนานแท้ ผมอยากเห็นเขาลงเล่นให้ทีมอื่น การเล่นกับโรม่าสำหรับเขามันเป็นเรื่องง่ายมาก ที่นั่นไม่มีความท้าทายใดๆ เหลืออยู่อีกแล้ว และเขาก็จำเป็นต้องตอกย้ำให้เห็นถึงพรสวรรค์ของตัวเองสำหรับทีมชาติอิตาลี" พลาตินี่กล่าวอย่างไม่เกรงใจแฟนบอลหมาป่า         คำพูดของอดีตจอมทัพยูเวนตุส อาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ศึกยูโร 2004 มีความสำคัญมากสำหรับ ต๊อตติ "ผมเคยได้ยินที่ พลาตินี่ ให้สัมภาษณ์ถึงผมในการก้าวไปสู่นักเตะระดับชาติ มันเป็นเรื่องน่ายินดีเสมอที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม ไม่ได้เพียงแค่ประเทศของคุณ แต่รวมไปถึงทั่วโลก แต่ผมก็ไม่จำเป็นต้องไปอิจฉาผู้เล่นคนอื่นๆ อะไรที่ เดวิด เบ็คแฮม แตกต่างจากที่ผมมีล่ะ? ไม่มีเลยใช่ไหม ผมอาศัยอยู่ในเมืองที่ดีที่สุดในโลก ผมมีแฟนสาวที่น่ารัก ผมได้เล่นให้ทีมที่ตัวเองติดตามเชียร์มาตั้งแต่เด็ก แค่นี้ผมก็มีความสุขมากแล้ว"         เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ในขณะนั้น พาเวล เนดเวด และ ฟาบิโอ คันนาวาโร่ กัปตันทีมชาติอิตาลี ต่างพร้อมใจออกมายกย่องว่า ต๊อตติ สมควรที่จะได้รับรางวัลนี้ในปีหน้า ขณะที่ โรนัลโด้ ยอดดาวยิงทีมชาติบราซิลของ รีล มาดริด กล่าวถึงเพลย์เมกเกอร์ผู้นี้ว่า "ถ้าหาก ต๊อตติ รักษาฟอร์มการเล่นของเขาตอนนี้เอาไว้ เขาจะต้องได้รับรางวัลแน่นอน"         จากการประสบปัญหาทางการเงินของโรม่า ทำให้ฤดูกาลนี้มีข่าวลือออกมาอยู่ตลอดว่า ต๊อตติ จะต้องถูกขายออกไปเพื่อพยุงสโมสรเอาไว้ และ รีล มาดริด เป็นสโมสรที่ถูกโยงเข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งถูกตอกย้ำด้วยการให้สัมภาษณ์ของ ฮอร์เก้ บัลดาโน่ ผู้อำนวยการกีฬา ที่เคยให้สัมภาษณ์เมื่อไม่นานนี้ว่า "ต๊อตติถอดแบบการเล่นมาจาก ซีดาน เขาเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม แต่มีการขึ้นเติมเกมรุกที่มากกว่า ซีดาน ราว 10 เมตร ทั้งคู่สามารถเล่นในทีมเดียวกัน มันคงจะเป็นความรู้สึกที่น่าตื่นเต้นมากทีเดียว"         สื่อแดนกระทิงดุเคยรายงานว่าผู้บริหาร "ราชันชุดขาว" ได้ทำการตกลงสัญญากับ ต๊อตติ ล่วงหน้า โดยไม่ว่าผลงานในศึกยูโร 2004 จะออกมาอย่างไรเขาจะต้องย้ายมาสู่ ซานติอาโก เบอร์นาบิว ทำให้กัปตันทีมโรม่าต้องออกมาเบรกเรื่องนี้ แม้จะไม่ปฏิเสธเสียทีเดียวก็ตาม "ผมไม่อาจบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับอนาคตของตัวเอง ผมจะได้เล่นกับโรม่าต่อไปหรือไม่ ในอดีตผมอาจจะเคยพูดว่า "ผมจะอยู่ที่นี่ตลอดไป" แต่ตอนนี้ผมไม่อาจมั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์อีกแล้ว ผมได้เรียนรู้ว่าไม่ควรจะพูดคำว่า "ไม่มีทาง" ความหวังของผมคือการสิ้นสุดการเล่นให้ทีมรัก และตอนนี้มันก็เป็นเพียงแค่ความหวังเท่านั้น"          ถ้าหาก ต๊อตติ ย้ายออกไปกรุงโรมจะต้องปกคลุมไปด้วยความเศร้า สถานีวิทยุท้องถิ่น 23 แห่ง และสถานีโทรทัศน์อีก 9 ช่อง จะต้องประสบปัญหาในการหาข่าวมานำเสนอแก่ประชาชน โดย แวงซ็องต์ ก็องเดอล่า มิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศสยอมรับว่านักเตะจัลโล่รอสซี่ทุกคนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบายเมื่อความสนใจทั้งหมดตกอยู่กับเจ้าของเสื้อเบอร์ 10 มาตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา         "จะมีคนกลุ่มใหญ่คอยติดตามเขาไม่ว่าจะไปที่ไหน การเล่นที่โรมมีความยากลำบากมากพออยู่แล้วทั้งแฟนบอล ความกดดัน และอีกหลายสิ่งที่ไม่เชื่อ การที่เป็นเลือดเนื้อชาวโรมันยิ่งทำให้เขาไม่มีโอกาสหยุดพักหายใจ และตำแหน่งการเล่นในสนามของเขาก็ยิ่งทำให้ตกเป็นเป้ามากขึ้นไปอีก" จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 08:04:29 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ความมั่นใจก่อนทำศึกยูโร 2004 ที่โปรตุเกส ..............         อย่างไรก็ตาม ต๊อตติ มีเหตุผลที่จะเข้าร่วมศึกยูโร 2004 ด้วยความมั่นใจ         "นับจากเวิลด์ คัพ ที่ผ่านมา เรายังคงมีแผงหลังที่แข็งแกร่งที่นำโดย ฟาบิโอ คันนาวาโร่ และ อเลสซานโดร เนสต้า หน้าปากประตูเรามีนายทวารที่ดีที่สุดของโลก จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน ทำหน้าที่อยู่ ข้อแตกต่างที่สำคัญตอนนี้คือเรามีเปิดเกมรุกมากขึ้น วงการฟุตบอลอิตาเลียนยุคนี้ทำให้เรามีกองหน้าชั้นยอดอยู่มากมายทั้ง วิเอรี่, อินซากี้, เดล ปิเอโร่, คาสซาโน่, ดิ วาโญ่, คอร์ราดี้, บาสซานี่, มิคโคลี่, มอนเตลล่า, เดลเว็คคิโอ...ผมคิดว่าคงพอแล้วนะ หรือคุณว่าไง?"         เวลานี้เกือบจะแน่นอนแล้วว่า วิเอรี่, ต๊อตติ และ เดล ปิเอโร่ จะได้ลงเล่นพร้อมกันในเกมแรกของศึกยูโร 2004 กับ เดนมาร์ก ซึ่งจะช่วยให้ทัพอัซซูรี่มีความน่าเกรงขามยิ่งขึ้นไปอีก         "เมื่อมีพวกเขาทั้ง 3 คนอยู่ในทีม เราสามารถมีความหวังสำหรับการเล่นที่โปรตุเกส" ตราปัตโตนี่ กล่าวยกย่องลูกทีม         "เมื่อเรามีแชมเปี้ยนเหล่านี้อยู่ในทีมด้วยสภาพที่สมบูรณ์พร้อม พวกเขาจะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของเรา และช่วยให้ทีมชนะในเกมสำคัญ"          ก่อนหน้านี้ ในศึกยูโร 2000 วิเอรี่ ต้องพลาดโอกาสร่วมทีมจากปัญหาอาการบาดเจ็บ และสถิติที่ผ่านมา 3 ประสานกลุ่มนี้มีโอกาสลงเล่นตัวจริงพร้อมกันเพียง 4 เกมเท่านั้น นับตั้งแต่นัดแรกในเกมกับ สวีเดน เมื่อปี 1998 แต่พวกเขาก็แสดงให้เห็นความยอดเยี่ยมออกมาในชัยชนะ 1-0 กับ เยอรมัน เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และอีกครั้งในเกมเสมอ สาธารณรัฐเช็ก 2-2         คู่แข่งทั้งสองทีมถือเป็นกระดูกชิ้นโตสำหรับทัวร์นาเมนต์ในซัมเมอร์นี้จากความเห็นของ ต๊อตติ "ทั้งสองทีมถือเป็นตัวเต็งสำหรับผมหากไม่นับ อิตาลี แน่นอนว่ายังมีฝรั่งเศสรวมอยู่ด้วย หากคุณได้เห็นสถิติการเล่นในรอบคัดเลือกของพวกเขาก็จะเห็นได้ว่าเหนือชั้นขนาดไหน ฝรั่งเศส เคยคว้าแชมป์โลกปี 1998 และแชมป์ยูโร 2000 แต่ครั้งนี้จะเป็นงานที่หนักขึ้นสำหรับพวกเขาที่จะป้องกันแชมป์ หลังจากศึกฟุตบอลโลก 2002 ความกดดันของพวกเขายังคงสูงอยู่"          "ผมยังรู้สึกว่า สเวน โกรัน อีริคส์สัน กับทีมชาติอังกฤษของเขา และ ฮอลแลนด์ จะเป็นทีมที่ยากจะเอาชนะ แม้ว่าพวกเขาจะประสบความยากลำบากในรอบคัดเลือก แต่ก็มีทีมที่ดีอยู่ แต่ผมก็ไม่กังวลกับทีมอื่นๆ ที่เราต้องเจอ มันไม่สำคัญเลยเพราะไม่ช้าก็เร็วเราจะต้องพบทีมที่แข็งแกร่งที่สุด ความหวังของผมอยู่ที่เราเดินลงสู่สนามทุกเกมด้วยความเชื่อมั่นว่าจะต้องเอาชนะ มันเป็นสิ่งสำคัญหากเราต้องการทุ่มเทอย่างเต็มที่ เราควรจะเชื่อมั่นในตัวเองไว้ก่อน"           นอกจาก เดนมาร์ก คู่แข่งในกลุ่มซี ของ อิตาลี ยังมี สวีเดน และ บัลแกเรีย 2 ทีมระดับกลางของทวีปที่ไม่อาจจะประมาทได้เลย          "ทุกทีมมีความอันตราย" ต๊อตติ ยอมรับ          "เรารู้จักทีมจากสแกนดิเนเวียเป็นอย่างดี พวกเขาเป็นทีมที่แข็งแกร่ง บัลแกเรีย มีโอกาสจะสร้างเซอร์ไพรส์เช่นกัน โดยเฉพาะถ้าพวกเขาเลือก วาเลรี่ โบยินอฟ (กองหน้าวัย 18 ปีของเลชเช่ในขณะนั้น) ร่วมทีมไปด้วย ผมประทับใจการเล่นของเขามาก และเป็นนักเตะที่ต้องจับตามองในอนาคต"          สุดท้าย ต๊อตติ ในวัย 27 ปี ตั้งเป้าหมายที่จะมีโอกาสแสดงให้เห็นพรสวรรค์ในการเล่น 6 เกม ที่โปรตุเกส เพื่อให้คนทั้งโลกได้เห็นว่าเขาสามารถพาอิตาลีประสบความสำเร็จในทัวร์นาเมนต์สำคัญระดับศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปได้           "ผมต้องการทะลุขึ้นมาสู่การเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับชาติ และเป็น บันดิเอร่า (สัญลักษณ์ของทีม) สำหรับทีมชาติอิตาลีเหมือนที่ผมเป็นกับโรม่า ผมรู้ว่าตัวเองมีทักษะมากพอที่จะทำ สิ่งเดียวที่ผมขาดไปคือถ้วยรางวัล และอิตาลีมีโอกาสจะทำสำเร็จในครั้งนี้" จอมทัพหมายเลขหนึ่งของทัพอัซซูรี่ ประกาศจองถ้วยอองรี เดอโลเนย์ ล่วงหน้า จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 08:05:41 ]

ความคิดเห็นที่ 28 จุดตกต่ำที่สุดในชีวิต เมื่อถูกแบนเพราะไปถ่มน้ำลายใส่โพลเซ่น .................           ความกดดันทั้งมวลที่สื่อมวลชน และแฟนบอลโถมกระหน่ำเข้าใส่ต๊อตติเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว เมื่อราชาหมาป่าคนปัจจุบันแสดงความมั่นใจมาโดยตลอด เกี่ยวกับศักยภาพของอิตาลีในการคว้าแชมป์ที่โปรตุเกส และถ้ามองกันโดยรวมทั้งตัวผู้เล่น บวกกับบารมีเทรนเนอร์ แน่นอนว่าอิตาลียังคงเป็นทีมชั้นนำของยุโรปที่คู่แข่งเกรงขามเสมอ          เกมนัดแรกของอิตาลี ที่พบกับเดนมาร์ค ตราปัตโตนี่ใช้แนวรุกที่ดีที่สุด วิเอรี่, ต๊อตติ และเดล ปิเอโร่ ลงเล่นพร้อมกัน เพื่อเน้นเกมรุก หวังจะเอาประตูให้ได้เร็วที่สุด แต่วันนั้นเกมรับเดนมาร์คเหนียวแน่นมาก โดยเฉพาะนายทวารโธมัส โซเรนเซ่น เล่นได้อย่างกับผีเข้า เซฟลูกยิงของผู้เล่นอิตาลีมากมายนับไม่ถ้วน หนึ่งในจำนวนนั้นคือลูกฟรีคิกอันหนักหน่วงของต๊อตติ ซึ่งเกมนี้ได้โอกาสยิงไม่มาก เนื่องจากถูกคริสเตียน โพสเซ่นประกบตลอดทั้งเกม สุดท้ายเกมจบลงด้วยการเสมอกัน 0-0 ท่ามกลางความหวาดวิตกของแฟนบอลอัซซูรี่ เพราะอีกสนามหนึ่งในกลุ่มเดียวกัน สวีเดนไล่ต้อนบัลแกเรียยับเยิน 5-0 และเกมนัดต่อไป อิตาลีต้องไปเจอสวีเดนที่ร้อนแรงนี่ด้วยสิ         และแล้วหลังจบเกมวันนั้น ข่าวช็อกของวงการฟุตบอลยุโรปได้เกิดขึ้น เมื่อสื่อเดนมาร์คได้ตีพิมพ์ภาพถ่าย เป็นรูปของฟรานเชสโก้ ต๊อตติ ถ่มน้ำลายใส่หน้าคริสเตียน โพลเซ่นได้อย่างชัดเจน การกระทำที่น่ารังเกียจของต๊อตติเช่นนี้ทำให้ UEFA ตัดสินใจสั่งลงโทษต๊อตติทันที ด้วยการแบน 3 นัด ยังผลให้เขาหมดโอกาสลงเล่น 2 เกมที่เหลือในรอบแรก กับสวีเดน และบัลแกเรีย รวมไปถึงเกมรอบ 8 ทีมสุดท้าย ถ้าอิตาลีได้เขารอบ          การถ่มน้ำลายใส่เพื่อนร่วมอาชีพนั้น ผมก็รับไม่ได้ครับ และเห็นด้วยว่าต๊อตติสมควรถูกลงโทษกับสิ่งที่เขาได้ทำลงไป เพราะมันไม่ใช่แค่ตัวเขาเท่านั้น แต่มีผลไปถึงทีมชาติอิตาลี ที่เขาเป็นผู้เล่นอันดับ 1 ที่ทุกคนตั้งความหวังไว้ แม้ทุกคนจะทราบดีว่า ต๊อตติถูกโพลเซ่นเตะทั้งเกม แต่การที่ผู้เล่นระดับซูเปอร์สตาร์อย่างเขาควบคุมอารมณ์ตนเองไม่อยู่แบบนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลยจริงๆ          การถ่มน้ำลายใส่คู่แข่งในเกมฟุตบอลไม่ใช่เพิ่งจะมีครั้งแรก แต่มีมาแล้วหลายครั้ง แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด เคยถ่มน้ำลายใส่รูดี้ โฟลเลอร์ ตอนฟุตบอลโลก 1990 ที่อิตาลี  ซินิซ่า มิไฮโลวิชเคยถ่มน้ำลายใส่อาเดียน มูตู เมื่อแชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2003/2004 อเล็กซานเดอร์ เฟรย์ ที่เพิ่งถ่มน้ำลายใส่ผู้เล่นทีมชาติอังกฤษในทัวร์นาเมนต์เดียวกัน แต่ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้มากเท่าต๊อตติ และสุดท้ายเขาโดนถล่มอย่างหนักจากทุกสำนัก หลังอิตาลีไปไม่รอด ร่วงตกรอบแรกทั้งๆที่ไม่เคยแพ้ใคร          2 เกมที่เหลือในรอบแรก อิตาลีถูกสวีเดนตีเสมอในช่วง 5 นาทีสุดท้าย ทั้งที่ขึ้นนำไปก่อนตั้งแต่ครึ่งแรก และเกมที่สอง พวกเขาเอาชนะบัลแกเรียได้ 2-1 แต่ก็ไม่เพียงพอต่อการเข้ารอบ เพราะสวีเดน และเดนมาร์ก เสมอกันด้วยสกอร์ต้องห้าม 2-2 เหมือนล็อกสกอร์ แต่มันก็คือความจริง เวลานี้ต๊อตติอยู่ในช่วงตกต่ำที่สุด แทบไม่อยากเจอหน้าใคร เพื่อนร่วมทีมได้แต่ปลอบใจต๊อตติ รวมทั้งตราปัตโตนี่ ทั้งๆที่ชะตาตัวเองกำลังจะขาดเพราะลูกรักแท้ๆ “ฟรานเชสโก้เสียใจมากกับการกระทำที่เขาทำลงไป” “เวลานี้ เขารู้สึกว่าตัวเองผิดมหันต์ และเขาคงต้องใช้เวลาฟื้นฟูสภาพจิตใจซักระยะ ตอนนี้คงยังให้สัมภาษณ์ไม่ได้” “แน่นอนว่าผมผิดหวังที่เราต้องตกรอบโดยไม่มีเขา แต่เขาเปรียบเสมือนลูกชายของผม เมื่อลูกคุณได้มาขอโทษจากสิ่งที่ทำผิดไป คนเป็นพ่อไม่สามารถจะปฏิเสธการให้อภัยได้ พวกคุณก็คงคิดเช่นนั้น” อิล แทร็ป กล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย เขากล้าพูดอย่างไม่อายใครว่าเห็นต๊อตติเป็นลูกรักอย่างที่สื่อมวลชนว่าไว้จริงๆ ..... จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 08:07:06 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ความหายนะเริ่มมาเยือน เมื่อคาเปลโล่ทรยศโรม่า ............           ต๊อตติได้กำลังใจจากครอบครัว และแฟนสาวอิลารี่ บลาซี่ ตลอดการเดินทางจากโปรตุเกส กลับกรุงโรม และในส่วนของต้นสังกัด  ฟรังโก้ เซนซี่ประธานสโมสร รุดเข้าไปหาต๊อตติถึงบ้านพัก เพื่อให้กำลังใจเช่นกัน แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันสำหรับแฟนบอลทีมหมาป่าก็เกิดขึ้น เมื่อฟาบิโอ คาเปลโล่ เทรนเนอร์ของทีม ตัดสินใจลาออก เพื่อคุมยูเวนตุสทีมคู่แข่ง แบบสายฟ้าแลบ มันเป็นกระทำที่ไม่มีแฟนบอลโรม่าคนไหนรับได้ ย้ายไปคุมทีมไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่ยูเว่ หรือลาซิโอ แต่คาเปลโล่ไม่สนใจ เพราะเขาไม่ได้มีความทะเยอทะยานอะไรกับโรม่าอีกต่อไป แฟนบอลโรม่าส่วนใหญ่เชื่อว่าคาเปลโล่มีส่วนในการย้ายทีมของวอลเตอร์ ซามูเอล และเอเมอร์สัน หลังจากนั้นไม่นาน อีกทั้งยังเชื่อว่าเขามีส่วนรู้เห็นกับการซื้อขายแบบผิดกฎของฟิลลิปป์ เม็กแซส ที่ทำให้โรม่าถูกลงโทษจาก FIFA ในเวลาต่อมา           ทางฝั่งโรม่าที่ยังช็อคไม่หาย พวกเขาเสียทั้งเทรนเนอร์ฝีมือดี และ 2 นักเตะชุดแชมป์อย่างซามูเอล และเอเมอร์สัน โดยเฉพาะรายหลังนั้น ถึงกับประกาศว่าจะหนีกลับไปอยู่บราซิล โดยไม่ลงเล่นทั้งฤดูกาล หากโรม่าไม่ยอมให้ย้ายไปยูเวนตุส นี่หรือคือการตอบแทนสำหรับการไว้เนื้อเชื่อใจของแฟนบอลที่มีให้เขา สุดท้ายโรม่าจำยอมต้องปล่อยเอเมอร์สันไปให้ยูเว่จนได้ นี่คือนักเตะที่ผมเกลียดที่สุดตั้งแต่ดูฟุตบอลมา         “มันน่าผิดหวังมากกับกรณีของคาเปลโล่ เขาไม่เคยบอกเราเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อนเลย เมื่อเดือนก่อนเขายังพูดถึงเรื่องแผนการในฤดูกาลหน้าอยู่แท้ๆ ผมไม่เคยคิดว่าเขาจะเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอกแบบนี้” ต๊อตติกล่าวถึงอดีตเทรนเนอร์อย่างมีอารมณ์          “ส่วนเอเมอร์สัน เขาเคยบอกว่ารักโรม่าสุดหัวใจ ผมคงไม่แปลกใจถ้าเขาจะพูดคำนี้อีกกับยูเวนตุสในเดือนหน้า เขาเป็นคนสับปลับ เชื่อถือไม่ได้ ผมคงจะปัดมือเขาออกไป เมื่อเขายื่นมือมาทักทายในสีเสื้อยูเวนตุส” กัปตันหมาป่ากล่าวเพิ่มโดยคำพูดนี้เหมือนเป็นการตัดเพื่อนกับมิดฟิลด์ทีมชาติบราซิลอย่างสิ้นเชิง           จากนั้นโรม่าได้เข้าทาบทามเซซาเร่ ปรันเดลลี่ ที่มีผลงานโดดเด่น สามารถพาปาร์ม่า ที่ดูเหมือนจะไร้อนาคตไปแล้ว คว้าอันดับ 5 ได้อย่างน่าชื่นชม แต่กลับกลายเป็นว่าปรันเดลลี่กลายเป็นกุนซือประวัติศาสตร์ของทีมที่ยังไม่เคยคุมทีมลงเล่นเลยแม้แต่เกมเดียว และลาออกไปอย่างงงกันทุกฝ่าย เมื่อเขาปฏิเสธจะคุมทีมไปทำศึก World Series ที่สหรัฐอเมริกา ก่อนจะประกาศลาออกจากตำแหน่ง โดยให้เหตุผลว่าต้องกลับไปดูแลภรรยาที่ป่วยหนักอย่างใกล้ชิด ตัวเลือกที่ดีที่สุดหายไป เดล เนรี่เองก็ไปคุมปอร์โต้เรียบร้อยแล้ว          โรม่าเหมือนถึงทางตัน มองไปทุกทิศมีอยู่คนเดียวที่อยู่ตรงหน้าคือ ตำนานของทีมอย่างรูดี้ โฟลเลอร์ เขาเคยลงเล่นให้โรม่าในช่วงปี 1987-1992 เขามีผลงานที่น่าสนใจคือการพาทีมชาติเยอรมันล้มทีมจอมโกงอย่างเกาหลีใต้ได้สำเร็จ ก่อนจะพาทีมอินทรีเหล็กเข้ารอบชิงดวลกับบราซิล แม้ว่าจบเกมจะได้แค่รองแชมป์ แต่โฟลเลอร์ได้รับเครดิตจากสื่อมวลชน และแฟนบอลเยอรมันล้มหลาม และเมื่อสโมสรสุดรักอย่างโรม่าติดต่อทาบทามให้เขามาคุมทีม โฟลเลอร์ไม่ลังเลที่จะย้ายกลับมาพำนักในกรุงโรม หลังช่วงเวลาอันมีความสุข กับการนั่งชมเกมที่ไบอารีน่า ในฐานะผู้อำนวยการฟุตบอลของเลเวอร์คูเซ่น        “ผมตัดสินใจคุมโรม่าโดยใช้ใจมากกว่าสมอง มันเป็นความตื่นเต้นที่จะได้พบกับแฟนบอลที่ผมรักอีกครั้ง ข้อเสนอของโรม่านี้ ผมไม่อาจปฏิเสธได้ เมื่อโรม่าต้องการความช่วยเหลือจากผม ผมต้องมา” โฟลเลอร์กล่าวหลังได้รับการแต่งตั้งเป็นกุนซือคนใหม่ของโรม่า ด้วยสัญญาระยะสั้นเพียง 1 ปี ท่ามกลางความดีใจของต๊อตติ ผู้ที่ชื่นชอบในตัวโฟลเลอร์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 08:08:47 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ฟอร์มการเล่นอันสุดแสนเลวร้ายของทีมหมาป่า .................          แต่แล้วอะไรๆที่มันดูเหมือนจะง่าย แต่กลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อเกมแชมเปี้ยนส์ ลีกนัดแรก กับดินาโม เคียฟถูกยกเลิกตอนพักครึ่ง หลังผู้ตัดสินอันเดอร์ส ฟริสค์ ถูกแฟนบอลโรม่าขว้างเหรียญลงมาถูกศีรษะ และเขาสั่งยกเลิกเกมนั้นทันที หลังจากวันนั้นไม่นาน โรม่าถูกปรับแพ้ 0-3 และโดนลงโทษ ห้ามให้แฟนบอลเข้าสนาม 3 นัด จากนั้นไม่นาน โรม่าก็ต้องตกรอบไปอย่างชอกช้ำ มีการกล่าวถึงเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก กับเลเวอร์คูเซ่น ที่สื่อเยอรมันไม่พอใจการกระทำของต๊อตติ ที่ดูเหมือนจะเจตนาจงใจย่ำตัวคาร์สเท่น ราเมโลว์ แบบน่าเกลียดหลังจากนั้น “ผมเสียใจนะ กับเรื่องของราเมโลว์ แต่จังหวะนั้นทุกคนก็เห็นว่าเขาพุ่งเสียบผมยังไง ผมก็แค่กระโดดหลบเขาเท่านั้น บังเอิญจริงๆที่เขาดันเสียบผมซะลึกจนน่าเกลียด เลยทำให้ผมไปอยู่กลางลำตัวเขาพอดี” ต๊อตติพูดพลางชี้ให้สื่อมวลชนดูภาพช้า “ผมว่านี่มันยังน้อยไป กับการเข้าเสียบแบบไม่สนใจใครแบบนั้น”          เรื่องราวหายนะของโรม่ายังคงมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อโฟลเลอร์มีปัญหากับอันโตนิโอ คาสซาโน่ ลูกทีมตัวแสบในสนามซ้อม โดยศูนย์หน้าดาวรุ่งทีมชาติอิตาลีเดินออกจากสนามซ้อมดื้อๆ หลังจากโฟลเลอร์สั่งให้เขาเล่นในทีมชุดสอง เพื่อทดสอบระบบทีม จนถึงกับต้องมาคุยเป็นการส่วนตัวอยู่นาน เมื่อผลงานของทีมไม่เป็นไปตามที่หวังไว้ สุดท้ายกลายเป็นโฟลเลอร์เอง ที่ต้องมาซวยรับกรรมกับผลงานของทีมไปด้วย เพียงแค่นัดที่ 4 ของฤดูกาล หลังพ่ายแพ้ต่อโบโลญญ่า 1-3 เขาตัดสินใจลาออกหลังจากรับตำแหน่งได้เพียง 26 วันเท่านั้น มันเป็นเรื่องเศร้าจริงๆกับตำนานของทีม กับฮีโร่ที่ต๊อตติชื่นชอบเสมอมา ช่วงเวลานั้นตัวของต๊อตติเองตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์อันยาวนานนับ 10 ปีกับไนกี้หลังจากหมดสัญญา เพื่อไปสวมรองเท้าคู่ใหม่ยี่ห้อ เดียดอร่า ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของอิตาลีเอง โดยรองเท้าคู่ใหม่ของต๊อตติเป็นแบรนด์ของเขาเอง ไม่ซ้ำกับใคร มีชื่อว่าต๊อตติ 10 pro           เทรนเนอร์คนที่สามในฤดูกาล 2004/2005 ของโรม่า กลับกลายเป็นลุยจิ เดล เนรี่หน้าตาเฉย หลังจากเขาถูกปอร์โต้ปลด เพราะไปพักร้อนนานเกินกำหนด  แฟนบอลเชื่อว่าคนคนนี้แหล่ะ ที่จะพาโรม่าพ้นจากความวิกฤตได้ แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้น ที่ผ่านมาในฤดูกาลนี้ โรม่าทำผลงานได้น่าประทับใจแค่ 3 เกมเท่านั้น ในเกมตีเสมออินเตอร์ 3-3 และเกมที่ถล่มกายารี่ กับปาร์ม่าด้วยสกอร์เดียวกัน 5-1 ต๊อตติเองเป็นตัวหลักในทีมตลอด เขายิงประตูที่ 107 ในเกมกับปาร์ม่าทำสถิติแซงหน้าโรแบร์โต้ ปรุซโซ่ ในการเป็นดาวซัลโวตลอดกาลของโรม่า แต่หลังจากนั้น โรม่ากลับแพ้ให้กับคู่แข่งหมายเลข 1 อย่างลาซิโอยับเยินถึง 3-1 ทำให้ประธานเซนซี่ถึงกับโกรธจัดกับเหตุการณ์วันนั้น            “เราไม่ได้แพ้ให้ลาซิโอมานานหลายปีแล้ว ผมจำไม่ได้แล้วว่าเราแพ้ครั้งล่าสุดตอนไหน บอกตามตรงว่าผมโกรธมาก ที่เราสู้ทีมที่เคยแพ้ทางเรามาตลอดไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทีมๆนี้คือลาซิโอ” เซนซี่กล่าว           หลังจากโรม่าแพ้ติดต่อกัน 3 นัด โดยเป็นความพ่ายแพ้ 4 จาก 5 นัดหลังสุด เดล เนรี่ก็ประกาศลาออกไปอีกคน ทำให้ทีมหมาป่า ต้องแต่งตั้งให้บรูโน่ คอนติ เทรนเนอร์ทีมเยาวชนขึ้นมาเป็นกุนซือชั่วคราว และความเลวร้ายมันยังไม่จบแค่นั้น เกมถัดมากับมิลานที่โอลิมปิก สเตเดี้ยม โรม่าเป็นฝ่ายแพ้  และต๊อตติไปเตะคู่แข่งช้าแบบไม่จำเป็น ทำให้เขาถูกไล่ออกจากสนาม และจะโดนแบนในเกมออกไปเยือนทีมแกร่งอย่างอูดิเนเซ่ ซึ่งเกมนั้นโรม่ารอดพ้นการแพ้ 5 เกมติดมาได้อย่างหวุดหวิดจริงๆ          ต๊อตติกลับมาอีกครั้งในเกมกับเรจจิน่า แต่ดูเหมือนฟอร์มของเขาจะยังไม่กลับมาเป็นคนเดิม เขาไม่สามารถช่วยให้โรม่าเก็บคะแนนได้ และต้องแพ้ให้กับทีมเยือนไปอย่างช็อคแฟนบอลอีกครั้ง 1-2 ตามมาด้วยความเลวร้ายแบบสุดๆ เมื่อได้ลงเล่นในบ้านตัวเองต่ออีกนัด แต่กลับแพ้ให้กับทีมหนีตกชั้นอย่างเซียน่าคาบ้าน 0-2 โดยที่ต๊อตติปิดฉากฤดูกาลอันแสนเลวร้ายด้วยการถูกไล่ออกอีกครั้ง เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เกม  เมื่อไปเตะโคลอนเนเซ่นอกเกม นี่เขากลายร่างจากเทพเจ้าเป็นซาตานได้รวดเร็วขนาดนี้เชียวหรือ หลายฝ่ายจับตามองต๊อตติถึงฟอร์มการเล่น และปัญหาการควบคุมอารมณ์ที่ดูเหมือนว่ามันกำลังจะเข้ามาทำลายชีวิตนักฟุตบอลของต๊อตติให้ย่อยยับพังพินาศ จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 08:10:28 ]

ความคิดเห็นที่ 31 โดนเลก้า กัลโช่แบน 5 เกม ปิดฉากฤดูกาลวิปโยคของต๊อตติและโรม่า .............          ต๊อตติในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับผู้ร้ายฆ่าคนตายในสายตาแฟนบอลทั่วไป เขาถูกลงโทษด้วยกฎใหม่ของเลก้า กัลโช่ ด้วยการแบนถึง 5 เกม ซึ่งถือว่ารุนแรงที่สุดเท่าที่นักเตะคนหนึ่งได้รับจากการเล่นแบบนี้ ต๊อตติรู้สึกช็อคพอสมควร แต่ก็ยอมรับกับการกระทำที่ได้ทำลงไปว่าผิดจริง “ผมเป็นคนผิดเองที่ทำแบบนั้น ผมไม่ควรจะไปเตะโคลอนเนเซ่นอกเกม แม้ว่าเขาจะเล่นงานผมหนักแค่ไหนก็ตาม ผมเสียใจที่ต้องถูกห้ามลงสนามถึง 5 เกม มันเป็นบทลงโทษที่รุนแรงมากที่สุดเท่าที่ผมเคยได้รับมา”          ฤดูกาลนี้เขาเละจริงๆ ตั้งแต่ไปถ่มน้ำลายในยูโร ต่อด้วยฤดูกาลวิปโยคกับโรม่า ที่ต้องมาดิ้นรนหนีตกชั้นในช่วงท้ายฤดูกาล แถมตัวเองยังโดนไล่ออก และโดนแบนอีก 5 เกม ไม่มีอะไรจะแย่ไปมากกว่านี้อีกแล้ว โรม่าปิดฤดูกาลด้วยความซวยสุดท้าย เมื่อถูก FIFA ประกาศห้ามทีมหมาป่าซื้อขายผู้เล่นเป็นเวลา 1 ปี หลังจากแอบไปติดต่อดึงฟิลลิปป์ เม็กแซส กองหลังดาวรุ่งชาวฝรั่งเศสของโอแซร์ มาร่วมทีมแบบผิดกฏ จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 08:11:16 ]

ความคิดเห็นที่ 32 แต่งงานกับแฟนสาว อิลารี บลาซี่ .............           ต๊อตติลืมความปวดร้ายทั้งหลายด้วยการตัดสินใจเข้าพิธีแต่งงาน แล้วบินไปฮันนีมูนเพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจอีกครั้ง          เขาเคยกล่าวไว้ตั้งแต่เลิกกับมาเรีย มาสซ่า ดาราดังอิตาลี เมื่อหลายปีก่อนว่า  เขาคงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะคิดเรื่องแต่งงาน (เพราะตอนนั้นยังหาแฟนไม่ได้)  บางทีอาจจะอายุราวๆ 28-29 แล้วค่อยร่วมหอกับสาวไหนสักคน  แล้วก็แม่นจริงๆ ด้วยวัย 28 ตอนนี้  แล้วเจ้าสาวของเขาก็เป็นนางแบบ และพิธีกรรายการโทรทัศน์ชื่อดังของแดนพิซซ่า อย่างอิลารี่ บลาซี่  เรียกว่าดังด้วยกันทั้งคู่ในอิตาลี             โดยพิธีจัดขึ้นที่โบสถ์ซานตา มาเรีย เดลลาราโคเอลี่ ในกรุงโรม เห็นว่าต้องปิดถนนในบริเวณนั้นกันตั้งแต่เช้า  ทั้งๆที่งานน่ะเริ่มบ่ายสี่ และคุณพ่อที่ทำพิธีก็ต้องยกเลิกงานอื่นๆที่มีคิวในวันนั้นทั้งหมด  เห็นภาพต๊อตติเป็นฝั่งเป็นฝา  เห็นภาพสาวกหมาป่าเป็นพันร่วมเป็นสักขีพยาน ผมก็ดีใจกับต๊อตติไปด้วยครับ ได้แต่หวังว่าการแต่งงาน และกำลังจะมีลูก น่าจะทำให้ต๊อตติมีวุฒิภาวะในการควบคุมอารมณ์ตัวเองมากขึ้น จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 08:12:01 ]

ความคิดเห็นที่ 33 โรม่าฟ้าใหม่ ได้สปัลเล็ตติมาคุมทีม  ต๊อตติต่อสัญญาด้วยค่าเหนื่อยแพงอันดับ 5 ของโลก................          ฤดูกาลใหม่ 2005/2006 มาถึง สโมสรได้แต่งตั้งลูชาโน่ สปัลเล็ตติ เป็นเทรนเนอร์คนใหม่ หลังจากปีก่อน เขาสร้างผลงานพาอูดิเนเซ่ จบอันดับที่ 4 ในตาราง  และไม่นานหลังจากโรม่าได้รับการยกเลิกโทษแบนการซื้อขายผู้เล่น และสามารถดึงตัวผู้เล่นที่เซ็นสัญญาไปแล้วอย่างซามูเอล คูฟฟูร์, ชาบานี่ นงด้า และโรดริโก้ ทัดเด กลับมาร่วมทีมได้ ดูเหมือนระบบอะไรหลายๆอย่างในทีมโรม่าเริ่มจะลงตัว จะมีก็เพียงแต่ปัญหาของอันโตนิโอ คาสซาโน่เท่านั้น ที่ยังไม่ต่อสัญญาฉบับใหม่กับทีมออกไป และจากกระแสข่าวลือว่าเขาต้องการไปร่วมงานกับคาเปลโล่ที่ยูเวนตุส ยิ่งทำให้เขากลายเป็นเป้าโจมตีของแฟนบอลตัวเองไปในทันที           ทางด้านต๊อตติเอง หลังจากผ่านฤดูกาลวิปโยคของตัวเอง และต้นสังกัดมาได้ เขาได้รับการต่อสัญญาฉบับใหม่ออกไปถึงเดือนมิถุนายน ปี 2010 ด้วยค่าเหนื่อยสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของสโมสรด้วยตัวเลขถึง 10.4 ล้านยูโรต่อปี (7.5 ล้านปอนด์ต่อปี) คิดเป็นรายสัปดาห์ได้เงินมากถึง 144,230 ปอนด์ต่อสัปดาห์ กลายเป็นนักเตะค่าเหนื่อยแพงที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลก เป็นรองเพียงแค่เบ็คแฮม, ซีดาน, โรนัลโด้ และวิเอรี่เท่านั้น โดยตัวเขาเองยังรู้สึกตกใจกับตัวเลขจำนวนมหาศาลนี่ไม่หาย “คงจะมีเพียงโรนัลดินโญ่เท่านั้น ที่จะได้ข้อเสนอแบบนี้ถ้าเขาย้ายมาโรม่า” ต๊อตติกล่าวติดตลก จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 08:13:59 ]

ความคิดเห็นที่ 34 โอกาสสุดท้ายกับการแก้ตัว ....................           ผมเชื่อว่าหลายคนคงจะหมดความศรัทธากับต๊อตติไปไม่น้อย จากเหตุการณ์หลายๆอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเขาในรอบปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ค่อยอยู่ เป็นผลให้ตนเองต้องได้รับบทเรียน รวมไปถึงต้นสังกัดที่ต้องลำบากยามขาดผู้นำซึ่งเป็นผู้เล่นที่เก่งที่สุดของทีมในยามที่คับขัน สื่อมวลชนบางประเทศตัดชื่อเขาออกจากรายชื่อนักเตะที่มีลุ้นรางวัลออกเป็นครั้งแรก ทั้งที่เขาเคยอยู่ในสารบบนี้มาโดยตลอด           ไม่น่าเชื่อว่าแค่ปีเดียว ต๊อตติถูกลดเครดิตลงไปมากจนน่าตกใจ แม้กระทั่งแฟนบอลในเมืองไทยเอง พวกเขามองข้ามฝีเท้าของต๊อตติไป เพราะความประพฤติที่น่าผิดหวัง ดูจากกระทู้ว่าใครเป็นเพลย์เมคเกอร์ที่ดีที่สุด มีรายชื่อนักเตะมากมายนับ 10 ราย แต่ไม่มีใครกล่าวถึงต๊อตติ ผมแปลกใจ เพราะเขาไม่ใช่ผู้เล่นที่เพิ่งโผล่มาดัง 2-3 ปีหลังมานี้ แต่เขาดังมานานมากแล้ว ตั้งแต่ก่อนรอบชิงยูโร 2000 และคว้าสคูเด็ตโต้เมื่อปี 2001 เสียอีก          เรื่องนี้โทษใครไม่ได้จริงๆ ต๊อตติต้องกลับมาพิสูจน์ตัวเองให้เป็นที่ยอมรับกับแฟนบอลอีกครั้งด้วยตนเอง และดูเหมือนว่า ฟุตบอลโลกปีหน้าที่เยอรมัน น่าจะเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่ต๊อตติจะกลับมากู้ศรัทธาแฟนบอล ที่มองข้ามเขาไปเพราะภาพลักษณ์อันมัวหมองที่เขาได้กระทำลงไปแท้ๆ จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 08:14:29 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ เจ้าชายของผม ...................         สำหรับแฟนโรม่าคนหนึ่งแล้ว ไม่มีอะไรที่จะมีค่ามากไปกว่าการได้เห็นขวัญใจอย่างต๊อตติลงเล่นในยูนิฟอร์มโรม่า เขาทำให้ผมต้องนั่งเชียร์โรม่าทุกเกมตั้งแต่ปี 1995 ทันทีที่ได้เห็นเขาลงสนาม และผ่านไปทุกๆปี ยิ่งเขาเล่นให้กับโรม่ามากขึ้นเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งชื่นชอบเขามากขึ้นเท่านั้น มันหาได้น้อยแล้วครับในปัจจุบันนี้ สำหรับนักฟุตบอลที่เกิดเมืองๆหนึ่ง เล่นฟุตบอลที่นี่เป็นทีมเดียว มากกว่า 10 ปีจนกลายเป็นสัญลักษณ์ทีมนี่ นอกจากเปาโล มัลดินี่, ราอูล กอนซาเลซ และ ลาร์ส ริคเค่นแล้ว ผมนึกชื่อคนอื่นไม่ออกจริงๆ          ต๊อตติยังคงมีเป้าหมายเดิม คือสคูเดตโต้ และแชมป์กับทีมชาติอิตาลี เขาไม่เคยละทิ้งความตั้งใจนี้จนกว่าจะเลิกเล่น และแน่นอนครับ ว่าเป็นกับสีเสื้อโรม่า ผมอาจใช้ความรู้สึกส่วนตัวตัดสินใจเรื่องนี้เร็วไปหน่อย แต่เพราะผมไม่ใช่คนโรมัน ถ้าผมเป็นต๊อตติ ผมคงพูดแทนเขาได้เลยว่าไม่มีวันย้ายไปจากโรม่า ผมเชื่อว่าสายเลือดโรมันขนานแท้อย่างต๊อตติคงไม่มีทางลบรอยสักกลาดิเอเตอร์ออกจากแขนขวาตัวเองแน่ๆ          ไม่ว่าเขาจะเป็นเทพเจ้า หรือซาตาน ผมพร้อมยืนหยัดให้กำลังใจเขาเสมอ ฤดูกาล 2005/2006 นี้ ผมได้เห็นความตั้งใจของต๊อตติกลับมาอีกครั้ง เขากลับมาคืนฟอร์มได้เหมือนคนเดิมที่ผมรู้จัก และผมยังเชื่อมั่นในตัวเขาเสมอ และหวังว่าในวัย 29 ปีนี้ จะเป็นเลขมงคลเพื่อพิสูจน์ว่าจุดสูงสุดของต๊อตติไม่ได้ผ่านพ้นไปอย่างที่ใครหลายคนคิด สุขสันต์วันเกิดครับ ราชาหมาป่า .................. จากคุณ : il giallorossi - [ 27 ก.ย. 48 08:16:02 ]

ความคิดเห็นที่ 36 โหวววววววววววว.......O  _  O อึ้ง ทึ่ง มาก ต้น ขอยกนิ้วโป้งให้1000นิ้วเลยเอ้า! สุดยอดมากกกกก ขอแปะรูปก่อนละกันนะ ไม่พูดพร่ำทำเพลง จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 27 ก.ย. 48 08:29:51 ]

ความคิดเห็นที่ 37 giorno felice di nascita al totti จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 27 ก.ย. 48 08:33:08 ]

ความคิดเห็นที่ 38 แปลว่า " Happy Birth Day To Totti " แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 48 08:48:57 จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 27 ก.ย. 48 08:47:34 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ชุดใหม่กับฤดูกาลใหม่ จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 27 ก.ย. 48 08:52:29 ]

ความคิดเห็นที่ 40 กับเพื่อนร่วมทีม จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 27 ก.ย. 48 08:58:38 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ข้อมูลแน่นจริงๆ อ่านแล้วนึกความหลังออกเลย จากคุณ : BaLL182 - [ 27 ก.ย. 48 08:59:31 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เจ้าชายหมาป่า ... นายเยี่ยมมาก!! จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 27 ก.ย. 48 09:01:16 ]

ความคิดเห็นที่ 43 โอ้ว พระเจ้าจอร์จ ข้ายิงได้แล้วโว้ยยยยยยย จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 27 ก.ย. 48 09:04:10 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ต๊อต :  "ครับ ผมสัญญาครับ ต่อไปนี้ผมจะใจเย็นลง" [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 27 ก.ย. 48 09:07:31 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เจ้าชายกับเจ้าหญิง จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 27 ก.ย. 48 09:15:30 ]

ความคิดเห็นที่ 46 จุ๊บๆๆๆๆ แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 48 09:23:57 จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 27 ก.ย. 48 09:18:43 ]

ความคิดเห็นที่ 47 . จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 27 ก.ย. 48 09:26:05 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ส่งสายตาหวานซึ้ง จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 27 ก.ย. 48 09:28:45 ]

ความคิดเห็นที่ 49 หวานซึ้งอีก อิจฉาวุ้ย จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 27 ก.ย. 48 09:31:27 ]

ความคิดเห็นที่ 50 คาสซี่  :  "ยินดีด้วยนะลูกเพ่!!" ป๋าต๊อต  :  "ขอบใจมากเว๊ย ไอ้น้องรัก" จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 27 ก.ย. 48 09:35:16 ]

ความคิดเห็นที่ 51 "เดินดีๆนะจ๊ะ ... ดาลิ๊ง" จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 27 ก.ย. 48 09:37:51 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ผลิตต๊อตติน้อยเรียบร้อยแล้ว แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 48 09:47:09 จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 27 ก.ย. 48 09:40:33 ]

ความคิดเห็นที่ 53 จะออกมาหน้าตาเหมือนต๊อตใหญ่ตอนนี้รึเปล่าน๊า??? จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 27 ก.ย. 48 09:42:25 ]

ความคิดเห็นที่ 54 สุขสันต์วันเกิดราชาหมาป่าจ้า มีความสุขมากๆ จากคุณ : keyzer - [ 27 ก.ย. 48 09:44:49 ]

ความคิดเห็นที่ 55 "คงหน้าตาเหมือนเราทั้ง 2 คนนี่แหล่ะ" จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 27 ก.ย. 48 09:49:17 ]

ความคิดเห็นที่ 56 อาบแดดริมหาด จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 27 ก.ย. 48 09:52:06 ]

ความคิดเห็นที่ 57 .. จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 27 ก.ย. 48 09:53:48 ]

ความคิดเห็นที่ 58 อิลลารี่ : แฟนชั้น เก็กหล่ออีกแล้ว  -__- " จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 27 ก.ย. 48 10:03:56 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอโชว์ความเก๋าหน่อยเหอะ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 27 ก.ย. 48 10:06:40 ]

ความคิดเห็นที่ 60 จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 27 ก.ย. 48 10:12:35 ]

ความคิดเห็นที่ 61 กรี๊ดดดดด อิจฉาๆๆๆ จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 27 ก.ย. 48 10:17:39 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ขวัญใจแฟนๆ จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 27 ก.ย. 48 10:20:10 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ยืนเคียงข้างกับคนที่พระเจ้าส่งมาเกิด จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 27 ก.ย. 48 10:24:28 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เหอๆ จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 27 ก.ย. 48 10:26:00 ]

ความคิดเห็นที่ 65 สมัยยังเล่นให้กับทีมเยาวชน จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 27 ก.ย. 48 10:27:21 ]

ความคิดเห็นที่ 66 [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 27 ก.ย. 48 10:32:13 ]

ความคิดเห็นที่ 67 number 1 จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 27 ก.ย. 48 10:34:40 ]

ความคิดเห็นที่ 68 เมื่อผันตัวมาเป็นนายแบบกะเค้าบ้าง จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 27 ก.ย. 48 10:37:07 ]

ความคิดเห็นที่ 69 อีก1 จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 27 ก.ย. 48 10:40:02 ]

ความคิดเห็นที่ 70 สุขสันต์วันเกิดปีที่ 29 แด่ "เจ้าชายหมาป่า" ขวัญใจตลอดกาลของเรา ขอให้มีความสุขมากๆกับครอบครัวหมาป่า รวมถึงหมาป่าตัวน้อยๆที่กำลังจะเกิดมาด้วยนะจ้ะ หวังว่าฤดูกาลนี้จะเป็นฤดูกาลแห่งความสุขสมหวังของกัปตันทีมโรม่า รวมถึงการนำทัพอัซซูรี่ให้คว้าแชมป์โลกให้ได้ ฝันให้ไกลไปให้ถึง ... สู้ๆ สู้ตาย อ้อ! วันนี้เป็นคล้ายวันเกิดของคุณ "สับขา...ตามหารัก" ที่เป็นแฟนบอลของต๊อตติอีกคน สาเหตุก็เนื่องมาจากเกิดวันเดียวกันเนี่ยแหล่ะ  HBD คุณสับขาฯด้วยนะคะ   จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 27 ก.ย. 48 10:50:07 ]

ความคิดเห็นที่ 71 สุขสันต์วันเกิดปีที่ 29 ฟรานเชสโก้ ต๊อตติครับ ... ขอบคุณสำหรับกระทู้ครับ คุณต้นและฝ้าย ... จากคุณ : lonely boy - [ 27 ก.ย. 48 11:29:36 ]

ความคิดเห็นที่ 72 โดยศักยภาพแล้ว ต๊อตติมีความสามารถที่จะไปยืนจุดเดียวกับที่ซีดาน ฟิโก้ โรนัลโด้ ริวัลโด้ เนดเวดเคยยืน นั่นคือการคว้ารางวัลลัลลงดอร์   ผมมีความเชื่อว่าถ้าเจ้าตัวเล่นให้ทีมที่มีลุ้นแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกทุกๆปี ต๊อตติก็น่าจะได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแบบไม่ขาดตกบกพร่อง   ความด่างพร้อยในอาชีพนักเตะของเขาก็คงเป็นพฤติกรรมในสนามซึ่งหวังว่าต่อไปนี้คงจะไม่ได้เห็นกันอีก ครั้งหนึ่งผมเคยเห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ เพลย์เมกเกอร์อันดับ1ของโลกคนต่อจากซีดานจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากต๊อตติ   สองสามปีที่ผ่านมา ความคิดเหล่านั้นมลายหายไปหมดแล้ว วันคล้ายวันเกิดปีนี้ขออวยพรให้ต๊อตติประสบความสำเร็จในอาชีพนักเตะและฉายแววว่าที่เพลย์เมกเกอร์อันดับ1ของโลกให้ประจักษ์เสียที   ป.ล. ถ้าอยากย้ายทีมก็บอกนะ แมนยูยินดีต้อนรับ555 จากคุณ : maezono_no7 - [ 27 ก.ย. 48 11:39:40 ]

ความคิดเห็นที่ 73 โอ้ยาวสะใจจริง ได้ความรู้มากมายเลยครับ จากคุณ : etorys (etorys) - [ 27 ก.ย. 48 12:26:32 ]

ความคิดเห็นที่ 74 Buon Compleanno a El Capitano! Lucky in love and in games เด้อ โดยเฉพาะอย่างหลัง อิอิ จากคุณ : ตะเกียบไม้ข้างซ้ายกะข้างขวา - [ 27 ก.ย. 48 12:40:01 ]

ความคิดเห็นที่ 75 หลายคนพูดได้ครับว่าถ้าต๊อตตี้ ไปเล่นกับทีมใหญ่ทุกปีอาจจะได้รางวัลอะไรสักอย่างไปแล้ว แต่ที่น่าชื่นชมคือถึงต๊อตตี้ยังไม่ไปไหน ยังคงอยู่กับโรม่าครับ ถึงแม้จะต้องล้มลุกคลุกคลานอยู่กับทีมก็ตาม ตรงนี้แหละครับที่น่าชื่นชม จากคุณ : เทรเซเกต์ 17 - [ 27 ก.ย. 48 13:30:58 A:203.146.6.9 X: TicketID:045767 ]

ความคิดเห็นที่ 76 เคยเห็นรูปตีอตติรูปนึง เป็นภาพวาดสไตล์กรีก-โรมัน อ่ะครับ ในภาพจะเป็นรูปต๊อตติแต่งตัวคล้าย ๆ เทพเจ้า นั่งอยู่บนบัลลังค์ เท่ห์มาก ใครมาภาพนี้ช่วยอัพให้ผมทีจิ จากคุณ : Marinos - [ 27 ก.ย. 48 16:27:16 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ปีหน้าพาทีมอิตาลี่คว้าแชมป์โลกเลย... ขอบคุณกับบทความยาวที่ยาวมากๆครับ จากคุณ : ห้องนี้มีรักให้พักพิง - [ 27 ก.ย. 48 17:21:54 ]

ความคิดเห็นที่ 78 H B D จากคุณ : Luz' - [ 27 ก.ย. 48 22:19:19 ]

ความคิดเห็นที่ 79 เข้ามาช้าไปหน่อยคับ งานเยอะ กลับถึงบ้าน หลับเป็นตายเลย =_=" Buon Compleanno! HBD เจ้าชายหมาป่า คับ โหวตกระทู้คับ แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 48 00:42:20 จากคุณ : Anduril - [ 28 ก.ย. 48 00:37:45 ]

ความคิดเห็นที่ 80 คุณ Marinos เรานึกออกคะว่าเป็นรูปไหน แต่รูปต๊อตติทั้งหมดที่เรามีมันเยอะมากๆๆๆๆๆๆ เก็บไว้ในซีดี1แผ่นยังไม่พอเลย และมีบางส่วนที่เปิดไม่ได้ด้วยจิคะ จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 28 ก.ย. 48 09:27:54 ]

ความคิดเห็นที่ 81 เอารูปนี้ไปแทนล่ะกันนะคะ ขำๆ จากคุณ : SeNtiErO no.7 - [ 28 ก.ย. 48 09:44:50 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ข้อมูลสุดยอดเลยค่ะ คุณ il giallorossi ^^ น้องเดียวดายฯ รูปเยอะจริง ๆ เลยนะ ขอเก็บ ๆ ^^ Happy Birthday ต๊อตติ ค่ะ ขอให้โรม่าได้ไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกด้วยเถิ๊ด [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : iLHaNLiSM - [ 28 ก.ย. 48 11:01:17 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมครับ ขอบคุณมากฝ้าย สำหรับรูปสวยๆ และกำลังใจที่มีให้ต๊อตติเสมอ สำหรับประวัติต๊อตติผมจะโพสเก็บไว้ในบล็อก จะพยายามอัพเดตเรื่อยๆถ้ามีโอกาสครับ ... จากคุณ : il giallorossi - [ 28 ก.ย. 48 23:36:36 ]

ความคิดเห็นที่ 84 S3734584-10 จากคุณ : Marinos - [ 17 ต.ค. 48 15:37:22 ]