ความคิดเห็นที่ 1 1. อิตาลี 3 - 2 บราซิล (1982) บาร์เซโลน่า, สเปน เกมนี้เป็นเกมแจ้งเกิดของ เปาโล รอสซี่ อย่างชัดเจน และก็กลายเป็นตำนานของฟุตบอลโลกมาหลังจากที่เขาทำแฮตทริกได้ในนัดนี้ เพราะ บราซิล ชุดนี้นั้นเปี่ยมด้วยนักเตะชั้นยอดอยู่เกือบทั้งทีม และก็ได้รับการคาดการณ์อย่างแพร่หลายว่า จะคว้าแชมป์โลกในการแข่งขันครั้งนี้ หลังจากที่ รอสซี่ ยิงไป 3 ประตูในศึก อาร์เจนติน่า 1978 แต่หลังจากนั้นเขาก็โดนแบนยาวไปถึง 2 ปี จากข้อหาเรื่องการล้มบอลในการเล่นให้กับ เปรูจา และพ้นโทษแบนก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 1982 เพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น ดังนั้นการที่ เอนโซ แบร์ซ็อต เอาเขาไปเล่นฟุตบอลโลกในครั้งนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่เสี่ยงเอามากๆ อิตาลี นั้นเริ่มต้นรอบแรกได้ไม่ดีเท่าไร เพราะเสมอมาหมดทั้ง 3 นัด ก่อนที่จะมาชนะ อาร์เจนติน่า ในรอบสอง และเกมกับ บราซิล ที่เล่นในระบบแบ่งกลุ่มของรอบสองนั้น ทีมแซมบ้าต้องการเพียงแค่เสมอก็จะเข้ารอบชนะเลิศทันที ขณะที่อัซซูรี่ นั้นต้องชนะเพียงสถานเดียวเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมา บราซิล ยิงประตูไปแล้วถึง 12 ประตู ขณะที่ อิตาลี ทำประตูได้เพียงแค่ 4 ประตูเท่านั้น แต่เมื่อเริ่มเกมการแข่งขันขึ้นมาจริง รอสซี่ โหม่งบอลจากการโยนของ อันโตนิโอ คาบรินี เข้าไปให้ทีมนำ 1-0 แต่อีกแค่ 7 นาทีต่อมา บราซิล ก็ตามตีเสมอได้เมื่อ ซิโก้ จ่ายให้ โซคราเตส ไปยิงเป็น 1-1 จากนั้นแผงหลังของ บราซิล ก็เกิดความผิดพลาดกันอีกครั้งในนาทีที่ 25 เมื่อจ่ายบอลกันไม่ดีเอง และถูก รอสซี่ ฉกไปยิงเป็น 2-1 ครึ่งหลัง บราซิล มาตามตีเสมอได้เมื่อถึงนาทีที่ 68 จากความสามารถที่ยอดเยี่ยมของ ฟัลเกา นักเตะของโรม่าในอิตาลี ที่ลากตัดขวางกรอบเขตโทษ และยิงจากระยะ 18 หลาเป็น 2-2 อย่างสวยงาม ก่อนที่ อิตาลี จะมาได้ประตูชัยในนาทีที่ 75 หลังจากที่ จูเนียร์ เคลียร์บอลจากลูกเตะมุมทางซ้ายไม่ขาดโดน รอสซี่ ยิงเข้าไปอีกประตู ทำให้ อิตาลี ชนะไป 3-2 และได้ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ขณะที่ บราซิลกลายเป็นทีมที่ดีที่สุดของทัวร์นาเม้นท์ที่ไม่ได้แชมป์โลกครับ โฉมหน้าเจ้าของคดีครับ..... แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 48 21:32:23 จากคุณ : กิมเฮง - [ 13 ต.ค. 48 21:30:58 ]

ความคิดเห็นที่ 2 2. สก็อตแลนด์ 3 - 2 ฮอลแลนด์ (1978) เมนโดซ่า, อาร์เจนติน่า ในเกมนี้ สก็อตแลนด์ จำเป็นจะต้องเอาชนะ ฮอลแลนด์ รองแชมป์เมื่อปี 1974 ให้ได้ถึง 3 ประตูเพื่อที่จะได้เข้ารอบ แต่ถึงแม้ว่าจะทำไม่สำเร็จ แต่เกมนี้ก็อาจจะเป็นเกมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกของทีมวิสกี้เลยทีว่าได้ และประตูที่ อาร์ชี่ เกมมิลล์ ทำได้ก็เป็นประตูที่สวยงามทีมหนึ่งของฟุตบอลโลก ก่อนไปเล่นฟุตบอลโลกที่ อาร์เจนติน่า นั้น อัลลี่ แม็คลาวด์ ผู้จัดการทีมประกาศตัวอย่างเต็มที่ว่า สก็อตแลนด์ จะเป็นแชมป์โลกในการแข่งขัน แต่ก็ต้องมีเสียงหัวเราะตามมาอย่างแน่นอนเพราะเมื่อไปทำการแข่งขันจริงแล้วก็ปรากฏว่าแพ้ เปรู แล้วไปเสมอ อิหร่าน ทางเดียวที่จะเข้ารอบก็ต้องยำดัตช์อย่างเดียวเท่านั้น เริ่มเกมขึ้นมากำลังใจของ สก็อตแลนด์ คงหายไปไม่น้อยเมื่อเสียจุดโทษก่อน และ ร็อบ เรนเซนบริงค์ ส่องเป็น 1-0 แต่ก็พลิกกลับมานำเป็น 2-1 ได้เมื่อจบครึ่งแรกจากประตูของ เคนนี่ ดัลกลิช กับ อาร์ชี่ เกมมิลล์ ก่อนที่ในช่วง 20 นาทีสุดท้าย เกมมิลล์ จะมายิงหนีให้เป็น 3-1 ถึงตอนนั้นฝันที่จะเข้ารอบ 2 อาจจะเป็นจริงขึ้นมาได้หากว่าได้มาอีกสัก 1 ประตู แต่ความหวังของชาว วิสกี้ ก็ต้องพังทลายลงไปในอีกแค่ 3 นาทีต่อมาเท่านั้นหลังจากที่ จอนนี่ เรป ยิง 25 หลาสู่ก้นตาข่าย สก็อตแลนด์ ต้องเก็บข้าวของกลับบ้านไปตาระเบียบ และถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่เคยผ่านรอบแรกของฟุตบอลโลกเลยแม้แต่ครั้งเดียว ภาพจากจอทีวีของแท้ครับ..น่าจะยี่ห้อ RCA เสียด้วย 55+ จากคุณ : กิมเฮง - [ 13 ต.ค. 48 21:37:51 ]

ความคิดเห็นที่ 3 3. อังกฤษ 1 - 1 เยอรมันตะวันตก (1990) ตูริน, อิตาลีเยอร์มันตะวันตกชนะลูกโทษ 4-3 เกมนี้เป็นเกมแห่งน้ำตาของ "เจ้าอ้วนซ่า" พอล แกสคอยน์ หลังจากที่ทีมต้องตกรอบไปเพราะ สจ๊วร์ต เพียร์ช กับ คริส ว็อดเดิ้ล ยิงจุดโทษพลาด ทำให้ความหวังในทีมของ บ็อบบี้ ร็อบสัน ที่จะเป็นแชมป์โลกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1966 ต้องพังทลายลงไป ทั้งที่ในเกมที่ตูรินนัดนั้น "สิงโตคำราม" อังกฤษ ดูจะสร้างโอกาสในการลุ้นประตูได้มากกว่าด้วยซ้ำ แต่ก็ต้องมาตัดสินกันที่การยิงบอลจากระยะ 12 หลา อังกฤษ นั้นเป็นทีมที่ทำได้ดีกว่าในครึ่งแรก และก็เกือบจะได้ประตูออกนำไปก่อนจากการยิงของ คริส ว็อดเดิ้ล แต่ในครึ่งหลัง กลับกลายเป็น เยอร์มันตะวันตก ที่ได้ประตูขึ้นนำก่อนแบบโชคช่วย เมื่อ อันเดรียส์ เบรห์เม่ ยิงฟรีชิกไปแฉลบ พอล ปาร์คเกอร์ แล้วบอลลอยข้ามหัว ปีเตอร์ ชิลตัน เข้าไปในนาทีที่ 59 แต่อังกฤษก็มาตามตีเสมอได้จาก แกรี่ ลินิเกอร์ ดาวยิงสูงสุดเมื่อปี 1986 ก็มาช่วยยิงตีเสมอให้ทีมได้ก่อนหมดเวลาการแข่งขัน 10 นาที ทั้งๆที่อยู่ในวงล้อมของนักเตะเมืองเบียร์ถึง 3 คน คู่นี้จึงต้องมีการต่อเวลาพิเศษ และ ว็อดเดิ้ล กับ กีโด บุ๊ควัลด์ ยิงชนเสากันไปคนละครั้ง ก่อนจะมาตัดสินด้วยจุดโทษ ซึ่ง เพียร์ช นั้นยิงไปติดขา โบโด อิ๊ล์กเนอร์ ส่วน ว็อดเดิ้ล นั้นยิงข้ามคานออกไป คนนี้ขี้แยครับ...ปี่แตก แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 48 21:43:07 จากคุณ : กิมเฮง - [ 13 ต.ค. 48 21:42:42 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ฮังการี 4 -2 อุรุกวัย (1954) ที่โลซานน์, สวิตเซอร์แลนด์ ฮังการี เกือบจะเอาตัวไม่รอดเหมือนกันกับสถานการณ์ในรอบรองชนะเลิศของปี 1954 แต่ก็ยังสามารถเอาชนะได้โดยที่ไม่มี เฟเรนซ์ ปุสกัส ดาวเด่นของทีมด้วยซ้ำ แต่ในตอนแรกนั้น แม็กยาร์ ทำท่าว่าจะเก็บชัยชนะได้อย่างง่ายๆ เมื่อนำไปก่อน 2-0 แต่แชมป์โลก 2 สมัย ไม่ได้ยอมแพ้ง่ายๆ เริ่มเกมมานั้นทางค่อนข้างสะดวกสำหรับ ฮังการี เมื่อ โซลตัน ซิบอร์ ที่ยิงให้ทีมขึ้นนำไปตั้งแต่นาทีที่ 12 จากนั้นเกมก็ออกมาแบบวันเวย์ จนกระทั่งต้นครึ่งหลังก็หนีห่างออกไปอีก จากการโหม่งของ นันดอร์ ฮิเดกูติ ที่เด่นในเรื่องของลูกกลางอากาศ และทำประตูให้ทีมชาติได้ถึง 75 ประตูในการลงสนาม 68 นัด ถึงตรงนี้ดูเหมือนว่า ฮังการี จะได้เข้ารอบแบบสบายๆแล้ว แต่ก่อนหมดเวลา 15 นาที ฮวน โฮห์เบิร์ก ยิงไล่ให้ อุรุกวัย มา 1 ประตู ก่อนที่ โฮห์เบิร์ก จะใส่พานให้ ชีฟฟิโน่ ยิงตีเสมอ เป็น 2-2 และต้องมีการต่อเวลาพิเศษออกไป ในช่วงของการต่อเวลา โฮห์เบิร์ก เกือบจะพลิกเกมได้แต่ยิงไปชนเสา และเป็น ซานดอร์ คอชซิซ ที่โหม่งอีก 2 ประตูให้ แม็กยาร์ ชนะไป 4-2 ได้เข้าชิงชนะเลิศต่อไป ปุสกัส นักเตะที่ดีที่สุดในโลกของฮังการี พ.ศ. นั้นครับ จากคุณ : กิมเฮง - [ 13 ต.ค. 48 21:50:58 ]

ความคิดเห็นที่ 5 5. โปรตุเกส 5 - 3 เกาหลีเหนือ (1966) ที่ลิเวอร์พูล, อังกฤษ ใครก็มองกันว่าการที่ เกาหลีเหนือ พลิกล็อกเอาชนะ อิตาลี ได้ในรอบแรกนั้นเป็นเรื่องฟลุก แต่ก็ต้องมาคิดกันใหม่เมื่อเห็นนักเตะพลังโสมออกนำทีมอย่าง โปรตุเกส ทีมที่ทักษะดีที่สุดในทัวร์นาเม้นต์ไปก่อนถึง 3-0 ตัวแทนจากทวีปเอเชีย ได้ประตูนำ 1-0 ไปตั้งแต่นาทีแรกของเกมจาก ปาร์ค ซุงจิน ก่อนที่จะเป็น 2-0 ในนาทีที่ 20 จาก ลี ดองวุน และอีก 3 นาทีต่อมา ยัง ซุงกุ๊ค ก็มายิงเพิ่มเป็น 3-0 ซึ่งตอนนั้นหากว่า โปรตุเกส ที่มี ยูเซบิโอ เป็นตัวชูโรงไม่สามารถกลับมาได้แล้วก็จะถือว่าเป็นเกมที่พลิกล็อกขนาดใหญ่ยิ่งกว่าที่ อิตาลี แพ้ต่อ โสมแดงซะอีก แต่การที่ถูกนำห่างไปนั้นก็เหมือนกับว่าเป็นการปลุกให้ เสือดำแห่งโมซัมบิค อย่าง ยูเซบิโอ ตื่นขึ้นมาได้ โดยในช่วงครึ่งแรกนั้นเขาอัดประตูคืนมาได้ 2 ประตู และมาทำแฮตทริก ตีเสมอเป็น 3-3 ในช่วง 10 นาทีของครึ่งหลัง จากนั้นก็ไม่มีใครมาหยุด ยูเซบิโอ ได้อีกแล้วเมื่อเขาลากบอลลุยเข้ากรอบเขตโทษ และโดนหวดล้มลงไปจึงกดจุดโทษเป็น 4-3 และประตูปิดท้ายของ โปรตุเกส นั้นก็เกิดขึ้นก่อนหมดเวลาการแข่งขัน 12 นาที แต่ก็มาจากฝีเท้าของ ออกุสโต้ จบเกม โปรตุเกส ชนะไป 5-3 และเกมนี้ก็ถูกจดจำไปตลอดกาล โสมแดงได้เฮก่อน...(ถ้าผมจำไม่ผิดน่าคู่นี้จะเตะกันที่กูดิสัน ปาร์คนะครับ....กิมเฮง) จากคุณ : กิมเฮง - [ 13 ต.ค. 48 22:02:30 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ออสเตรีย 7 - 5 สวิตเซอร์แลนด์ (1954) โลซานน์, สวิตเซอร์แลนด์ หลังจากจบเกมนัดนี้แล้ว มิสเตอร์ เฟาลท์ส ผู้ตัดสินในเกมนี้ถึงกับบอกเลยว่าเกมรับของทั้งสองทีมนั้นแย่จริงๆ กับการที่มีการทำประตูกันถึง 12 ประตู ในการแข่งขันรอบ 8 ทีมสุดท้าย ของฟุตบอลโลกเมื่อปี 1954 ซึ่งเฉลี่ยแล้วจะมีการทำประตูกันทุกๆ 5 นาที โดยเริ่มกันตั้งแต่นาทีที่ 16 ของเกม สวิตเซอร์แลนด์ ทีมเจ้าภาพนั้นหวังเต็มที่ว่าจะผ่าน ออสเตรีย เข้ารอบได้อย่างไม่ลำบากนัก และเมื่อทำการแข่งขันจริงๆ ก็เป็นฝ่ายที่ออกนำไปก่อนถึง 3-0 ด้วยกันเมื่อ โรเบิร์ต บัลลามัน ยิงประตูแรกให้ทีม และ โจเซฟ ฮูจี ยิงอีก 2 ประตู ด้วยกันแต่สิ่งแปลกๆ ในเกมนี้ก็เกิดขึ้นเมื่อ ออสเตรีย ยิงตีเสมอ 3 ประตู ในเวลาเพียงแค่ 3 นาที เท่านั้น จาก ธีโอ วากเนอร์ 2 ประตู และ อัลเฟรด คอร์เนอร์ อีก 1 ประตู แต่เท่านั้นยังไม่พอสำหรับ ออสเตรีย เมื่อได้เพิ่มมาอีก 2 ประตู จาก เออร์เนสต์ อ็อคเวียร์ค กับ คอร์เนอร์ อีกคนละประตู ทำให้ขึ้นนำ 5-3 ในระยะเวลาเพียงแค่ 10 นาที นับตั้งแต่ที่โดนประตู 0-3 ไป อย่างไรก็ตามเกมในครึ่งแรกยังไม่ได้จบด้วยสกอร์นี้ เมื่อ บัลลามัน ยิงไล่ให้เจ้าถิ่นมาได้เป็น 5-4 ครึ่งหลังกลับมาเล่นกันใหม่ทั้งสองทีมก็ประเดิมกันอีกทีมละประตูโดย วากเนอร์ ยิงหนีเป็น 6-4 นาทีที่ 52 และ ฮูจี ทำแฮตทริกไล่มาเป็น 5-6 ในอีก 6 นาทีต่อมา แต่หลังจากนั้นแม้ว่าจะเหลือเวลากว่าครึ่งชั่วโมง แต่เจ้าภาพก็ตามตีเสมอไม่ได้ และก็ถูก เอริก พรอบส์ท ยิงชี้ขาดให้ ออสเตรีย ชนะไป 7-5 ยังหาภาพแมทช์ไม่ได้เลยครับ จากคุณ : กิมเฮง - [ 13 ต.ค. 48 22:07:08 ]

ความคิดเห็นที่ 7 7. อังกฤษ 2 -2 อาร์เจนตินา (1998) แซงต์ เอเตียน, ฝรั่งเศส อาร์เจนตินาชนะจุดโทษ 4-3 เกมรอบ 16 ทีม สุดท้ายที่ ฟรองซ์ 98 นัดนี้ยังเป็นที่คุ้นเคยกันอยู่จนถึงปัจจุบัน แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเกือบ 4 ปีเต็มแล้ว เมื่อเกมนี้มีทุกสิ่งทุกอย่างที่น่าจดจำตั้งแต่การแจ้งเกิดของ ไมเคิล โอเว่น, การโดนใบแดงของ เดวิด เบ็คแฮม, ประตูที่ยิงได้แล้วไม่ได้ของ โซล แคมป์เบลล์ รวมไปถึงความเจ้าเล่ห์ของทีมฟ้าขาว เกมนัดนี้ "สิงโตคำราม" อังกฤษ เริ่มต้นกันได้ไม่ดีนัก เมื่อ ดิเอโก ซิเมโอเน ถูก เดวิด ซีแมน รวบในกรอบเขตโทษ ซึ่ง กาเบรียล บาติสตูตา สังหารเข้าไปหลังจากที่เวลาผ่านไปเพียงแค่ 5 นาที แต่เพียงนาทีที่ 10 อังกฤษ ก็ได้จุดโทษคืนบ้าง โดยเป็นรายของ โอเว่น โดน โรแบร์โต อยาลา และ อลัน เชียเรอร์ ก็ส่องไม่พลาดเช่นกัน จากนั้นก็เป็นงาน "โอเว่นโชว์" ที่ เบ็คแฮม แทงบอลให้กระชากกองหลังของฟ้าขาวขาดเป็นวิ่นทั้ง โฮเซ ชาร์มอต และ อยาลา ก่อนจะยิงให้ทีมออกนำเป็นครั้งแรกในเกม ตอนนั้นอังกฤษดูเหมือนว่าจะดีกว่าชัดขึ้นเรื่อยๆ พอล สโคลส์ เกือบจะทำประตูให้ทีมหนีห่างออกไปอีก แต่แล้วด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์โดนลูกสูตรที่ ฮวน เซบาสเตียน เวรอน ไหลให้ ฮาเวียร์ ซาเนตติ ซึ่งหลบอยู่หลังกำแพงฉีกตัวไปยิงง่ายๆ ทำให้สกอร์อยู่ที่ 2-2 ในครึ่งแรก ครึ่งหลัง อาร์เจนตินา รู้ถึงความอ่อนเล่ห์เหลี่ยมของ อังกฤษ มากขึ้น และ ซิเมโอเน ก็สามารถหลอกเอาใบแดงจาก เดวิด เบ็คแฮม ด้วยการพยายามตุกติกให้เอาคืน และก็ได้ผลทำให้สิงโตคำรามเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน แต่ก็ยังยืนหยัดจนจบ 90 นาที ด้วยสกอร์เดิมได้ ก่อนที่ในช่วงต่อเวลา โซล แคมป์เบลล์ จะขึ้นมาทำประตูได้ แต่ผู้ตัดสินไม่ให้ เกมจึงต้องตัดสินกันด้วยการดวลจุดโทษ และ พอล อินซ์ กับ เดวิด แบ็ตตี ก็พลาด อังกฤษจึงตกรอบไปตามระเบียบ ภาพคุ้นตาครับ.... จากคุณ : กิมเฮง - [ 13 ต.ค. 48 22:09:36 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าผมจัดเองคงไม่มีหลายๆ แมทช์ที่เอามาลงล่ะครับ ผมว่ามันเป็นแค่แมทช์ธรรมดาๆ จากคุณ : เล็กเรียว - [ 13 ต.ค. 48 22:15:38 ]

ความคิดเห็นที่ 9 8. อิตาลี 4 - 3 เยอรมันตะวันตก (1970) เม็กซิโก ซิตี, เม็กซิโก เกมนี้แม้ว่าจะอยู่อันดับที่ 8 ในการจัดอันดับ แต่ใครหลายคนที่ได้มีโอกาสชมเกมนัดนี้นั้นมักจะบอกเสมอว่าเป็นทีมที่ดีที่สุดตลอดกาล ไม่ว่าจะเป็นในการแข่งขันฟุตบอลโลกหรือไม่ก็ตาม เพราะทั้งสองทีมเป็นยอดทีมจากยุโรปในยุคนั้น ที่โคจรมาพบกันในรอบรองชนะเลิศ ถึงแม้ว่าฝีเท้าอาจจะเทียบไม่เท่าบราซิลทีมแชมป์โลกในคราวนั้น แต่การที่มีฝีเท้าใกล้เคียงกันเองทำให้นัดนี้เป็นการต่อสู้ที่ออกรสชาติเป็นอย่างยิ่ง ท่ามกลางความร้อนในกรุงเม็กซิโก ซิตี ความคลาสสิก ก็อยู่ที่ "คาเตนัชโช -ยุทธการตีหัวเข้าบ้าน" ของอิตาลี และความมุ่งมั่นของอินทรีเหล็ก โดยพลพรรคอัซซูรี่นั้นได้ประตูออกนำไปก่อนจาก โรแบร์โต โบนินเซญา เพียงแค่ 7 นาทีแรกของเกม จากนั้น อิตาลี ก็ตั้งกำแพงรับของตัวเองตามถนัด เพราะคิดว่า 1 ประตู ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พวกเขาได้เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1938 แต่พวกดอยช์แสดงให้เห็นถึงการเป็นชนชาติที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ พยายามเดินเกมรุกกดดันไปเรื่อย และในที่สุดก็ประสบความสำเร็จในช่วงที่ไม่สายไปนัก เมื่อ คาร์ลไฮนซ์ ชเนลลิงเกอร์ ที่ลงเล่นฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่ 4 ยิงตีเสมอให้ทีมได้ในช่วงที่ทดเวลาบาดเจ็บไปแล้ว 2 นาที ทำให้ต้องมีการต่อเวลากันออกไป ในช่วงของการต่อเวลาที่ยังไม่ใช้กฎโกลเด้นโกล์ เหมือนในสมัยนี้ เยอรมันตะวันตกมาได้ประตูออกนำหลังเริ่มเล่นกันใหม่ได้ 5 นาที จาก "ไอ้ลูกระเบิด" แกร์ด มุลเลอร์ แต่พอเขี่ยบอลได้เพียงอึดใจ ทาร์ซิสโช บูร์กนิช ก็ตีเสมอให้อิตาลีได้เป็น 2-2 และก็มาถึงคราวที่ อิตาลี นำไปอีกครั้งจาก จีจี้ ริวา ในนาทีที่ 113 ซึ่งก่อนหมดเวลาการแข่งขัน 10 นาที มุลเลอร์ ยิงประตูที่ 2 ของตัวเองในเกมนี้เป็น 3-3 บทสรุปของเกมที่แท้จริงอยู่ในอีก 1 นาทีต่อมา เมื่อ อิตาลี มี จิอันนี ริเวรา มายิงประตูชัยให้ทีมชนะไป 4-3 ซึ่งความคลาสสิกของเกมนี้เค้าว่ากันว่าเริ่มขึ้นในช่วง 30 นาทีของการต่อเวลา ซึ่งคนที่ได้เห็นนั้นลืมไม่ได้จริงๆ Bomber หลังยิงประตู......... จากคุณ : กิมเฮง - [ 13 ต.ค. 48 22:16:40 ]

ความคิดเห็นที่ 10 9. โรมาเนีย 3 - อาร์เจนตินา 2 (1994) ลอส แองเจลิส, สหรัฐ "ผีดิบ" โรมาเนีย นั้นโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในรอบแรกจนสามารถเข้ารอบได้เป็นอันดับที่ 1 ของกลุ่ม และมีโอกาสได้เข้าไปพบกับทีมอันดับ 3 ของกลุ่มอื่นที่เข้ารอบมา แต่บังเอิญเหลือเกินที่อันดับ 3 ทีมนั้นกลับกลายเป็น อาร์เจนตินา ที่ร่วงมาเป็นอันดับ 3 ทั้งที่ตัวเองก็ชนะ 2 นัด ในรอบแรก ซึ่งดีกรีก็คือแชมป์โลกจากปี 1986 และรองแชมป์โลกจากปี 1990 อย่างไรก็ตาม อาร์เจนตินา ชุดนี้ไม่มี ดิเอโก มาราโดนา เนื่องจากถูกตรวจพบว่าใช้สารกระตุ้นตั้งแต่รอบแรก แต่ทาง โรมาเนีย นั้นมี "มาราโดนาแห่งคาร์เปเธียนส์" อย่าง จอร์จี ฮาจี อยู่ในทีม และเกมนี้ฮาจีก็ใช้เท้าซ้ายของเขาได้สะเด็ดดีเหลือเกิน นอกจากจะมีฮาจีแล้วนักเตะคนอื่นของ โรมาเนีย ก็เล่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ และก็ได้ประตูออกนำไปก่อนเพียงแค่นาทีที่ 11 ของเกม จากลูกฟรีคิกทางซ้ายของ อิลี ดูมิเตรสคู ที่หลอกจะโยนเข้ากลาง แล้วปั่นเข้าเสาไกลไปหน้าตาเฉยจากระยะ 30 หลา ลูกนี้สวยงามหมดจดจริงๆ แต่ อาร์เจนตินา ก็มาทวงประตูคืนได้จากลูกจุดโทษของ กาเบรียล บาติสตูตา ในนาทีที่ 16 อีกเพียงแค่ 2 นาที ต่อมาทีมจากแดนละตินอเมริกาก็ต้องช็อกกับเท้าขวาของ ดูมิเตรสคู อีกครั้ง แต่จุดเริ่มก็ต้องชมความยอดเยี่ยมของ ฮาจีที่ขึ้นบอลมาทางขวาและลากหนีผู้เล่น อาร์เจนตินา ไป 3 คน และจ่ายให้ ดูมิเตรสคู ยิงที่เสาใกล้เป็น 2-1 และสกอร์ก็หยุดนิ่งอยู่จนจบครึ่งแรก ครึ่งหลังเกมที่เคยเน้นเกมรับและโต้กลับอย่าง โรมาเนีย กลับลงมาเล่นเกมรุกกันได้อย่างสนุกสนามต่อบอลกันได้สวยงามหลายครั้งจนมาได้ประตูเพิ่มอีกในนาทีที่ 58 คราวนี้เป็น ดูมิเตรสคู ที่พาบอลขึ้นหน้าและรอจนฮาจีเติมขึ้นมาก่อนจะใส่พานให้กัปตันทีมซัดด้วยเท้าขวาเป็น 3-1 ในช่วง 15 นาทีสุดท้าย อาเบล บัลโบ มาสร้างความหวังให้ฟ้าขาวได้ จากประตูที่ยิงไล่มา แต่ก็ไล่ไม่ทัน โรมาเนีย ชนะ 3-2 จากผลการแข่งขันที่เหมือนว่าจะพลิกล็อก แต่ตามรูปเกมแล้วเป็นสิ่งที่สมควรเกิดขึ้นอย่างยิ่ง จอร์จี้ ฮาจี้ จากคุณ : กิมเฮง - [ 13 ต.ค. 48 22:20:11 ]

ความคิดเห็นที่ 11 10. ฝรั่งเศส 1 - 1 บราซิล (1986) กัวดาลาฮารา เม็กซิโกฝรั่งเศสชนะลูกโทษ 4-3 เกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายของปี 1986 นัดนี้จัดว่าเป็นเกมที่ดีที่สุดของการแข่งขันในครั้งนั้นอย่างที่ใครก็เถียงไม่ได้ เพราะเป็นการสู้กันของสองทีมที่เล่นฟุตบอลที่สวยงาม และเปี่ยมด้วยเทคนิค หลังจากที่ทั้งคู่เคยแสดงฝีเท้าให้เห็นมาแล้วตั้งแต่คราวที่ สเปน เมื่อปี 1982 และแม้ว่าเกมจะจบลงแบบตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ แต่แค่ดาราในเกมนี้อย่าง ซิโก้, คุณหมอโซคราเตส ของบราซิล รวมทั้ง มิเชล พลาตินี, ฌอน ติกานา, อแลง ชิแรส และหลุยส์ แฟร์นองเดซ ของฝรั่งเศส บราซิลเริ่มเกมกดดันฝรั่งเศสตั้งแต่ต้น และก็ได้ประตูนำจากการยิงของ กาเรกา ในนาที 18 และอีก 12 นาทีต่อมา มุลเลอร์ น่าจะเพิ่มสกอร์ได้อีกแต่ยิงไปชนเสา แต่ 4 นาทีก่อนหมดครึ่งแรก ฝรั่งเศส มาตีเสมอได้จาก มิเชล พลาตินี หลังจากที่ โดมินิ โรโชตู ผ่านบอลจากทางขวามาให้ชาร์จที่เสาไกล จบครึ่งแรกจึงเสมอกันอยู่ 1-1 มาถึงครึ่งหลัง บราซิล มีการเปลี่ยนเอา ซิโก้ ลงมาแทน มุลเลอร์ ในนาทีที่ 71 และเมื่อลงสนามมาได้เพียง 4 นาที เขาก็มีโอกาสที่จะทำให้เกมนี้จบลงด้วยชัยชนะของทีมแซมบ้า จากการที่มีโอกาสได้ยิงจุดโทษ แต่กลับยิงไปถูก โจแอล บาตส์ เซฟไว้ได้ นัดนี้จึงต้องมีการต่อเวลาพิเศษออกไปอีก ในช่วงของการต่อเวลา ฝรั่งเศส ต้องเสียประโยชน์อย่างที่เคยเสียในการแข่งขันเมื่อปี 82 อีกครั้ง จากการที่ ฮาราลด์ ชูมัคเกอร์ นายทวารของเยอรมันตะวันตกออกมาอัด แพทริค บาติสตอง โดยที่ไม่เสียฟาวล์ใดๆ มาคราวนี้เป็น คาร์ลอส นายทวารของบราซิล ที่ออกอัด บรูโน เบลลอง นอกกรอบเขตโทษ ซึ่งก็เป็นอีกครั้งที่ผู้ตัดสินไม่ว่าอะไร แต่อย่างไรก็ตามในการดวลจุดโทษหลังเสมอ 1-1 ใน 120 นาที นั้น ฝรั่งเศส ไม่ได้โชคร้ายเหมือนกับคราวนั้น แม้ว่า มิเชล พลาตินี ที่ยิงเป็นคนที่ 3 จะยิงข้ามคานไป แต่สุดท้ายก็ยังชนะ 4-3 และเข้ารอบรองชนะเลิศไปพบกับ เยอรมันตะวันตกได้สำเร็จ action ในแมทช์ จากคุณ : กิมเฮง - [ 13 ต.ค. 48 22:23:45 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณคร๊าบบบบ...ข้อมูลดีจริงๆเลยเนี่ย... (ว่าแต่ว่า...พี่กิมฯ พร้อมยังๆตั้งวงรอแล้วนะ..555) จากคุณ : Mr.Waterloo - [ 13 ต.ค. 48 22:27:51 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อย่างที่คุณเล็กเรียวบอกน่ะครับว่า น่าจะยังมีอีกหลายๆแมทช์ที่น่าสนใจกว่านี้ (ส่วนตัวผมเองก็ยังเห็นว่านัด มาราโดน่า VS อังกฤษในปี 1986 ก็ยังขาดไป) แต่แมทช์ที่นำมาลงก็คิดน่าสนใจพอให้เพื่อนๆ ห้องศุภฯ อ่านประดับความรู้เล็กๆน้อยๆ ก่อนฟุตบอลโลกมาถึง หวังว่าคงไม่เบียดเบียนเนื้อที่ห้องศุภฯ จนเกินไป.... จากคุณ : กิมเฮง - [ 13 ต.ค. 48 22:29:05 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คิดว่าเค้าคงเอาแมทช์ที่มีเหตุการน่าประทับใจ หรือน่าจะจำนะ เพราะสองสามแมทช์ที่เกิดทันดู ก็ไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่จริง ๆ ปล. สำหรับฮาจี้ ปกติได้ยินคนไทยเรียก มาราโดน่าแห่งคาบสมุทรบอลข่านอะ... จากคุณ : Thirdwave - [ 13 ต.ค. 48 22:29:37 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เห็นด้วยกับ # 13 นัดที่มาราโดน่ายิงอังกฤษที่เมกซิโกน่าจะติดด้วย จากคุณ : supporter - [ 13 ต.ค. 48 22:32:04 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ยังมึนกะการชงของคุณ Mr.Waterloo อยู่เลยครับ....55 จากคุณ : กิมเฮง - [ 13 ต.ค. 48 22:32:40 ]

ความคิดเห็นที่ 17 บราซิล ฮอลแลนด์ ปี 1994 ด้วยครับ ท่าอุ้มลูกของเบเบโต้ กับ ฟรีคิกสุดยอด ของบรังโก้ จากคุณ : derik - [ 13 ต.ค. 48 22:36:26 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้าเพื่อนๆ พอจะหาแมทช์ในความทรงจำของตัวเอง ในฟุตบอลโลกครั้งไหนก็ได้ครับ.... กรุณานำมาถ่ายทอดไว้ด้วยก็คงจะดี..ถือว่าแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ขอบคุณล่วงหน้าครับ จากคุณ : กิมเฮง - [ 13 ต.ค. 48 22:45:51 ]

ความคิดเห็นที่ 19 อาคุณ กิมเฮง ผมไม่เคยดูสักกะแมทซ์ บางนัดยังไม่ได้เกิดเลย ถ้าเหตุการณ์บอลโลกที่จำได้ คือ บัจโจ้ยิงลูกจุดโทษไม่เข้าแล้วแพ้อ่ะ น่าสงสารมากมาก  แค่นั้นแหละ จากคุณ : แมวเหลือง - [ 13 ต.ค. 48 22:56:51 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ถ้าเป็นแมชท์แห่งความทรงจำ (น่าจะมีเพิ่ม) ปี 86 อาเจน 2 อังกฤษ 1 อาเจน 3 เยอรมันตต 2 ปี 90 อาเจน 0 แคเมอรูน 1 อิตตาลี 1 อาเจน 1 เยอรมัน 2 ฮอลแลนด์ 1 ปี 94 อิตตาลี 0 บราซิล 0 อิตตาลี 2 ไนจีเรีย 1 บราซิล 3 ฮอลแลนด์ 2 สเปน 2 ไนจีเรีย 3 บัลแกเรีย 2 เยอรมัน 1 ปี 98 อาเจน 1 ฮอลแลนด์ 2 ปี 02 หายากมาก จากคุณ : ข้าวโพด (ข้าวโพดต้มหวาน) - [ 13 ต.ค. 48 23:05:54 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ผมจำนัดชิงปี90ได้แม่นเลยอะ อาร์เจน กับ เยอรมันตะวันตก โดยเฉพาะจุดโทษของเบรเม่ห์ที่ตัดสินแชมป์ในเกมส์นั้น  ทำให้มาราโดน่าและพรรคพวกคอตกกลับไป   ลูกโทษลูกนั้นก็ว่ายิงได้เยี่ยมแล้ว  แต่สิ่งที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าคือหัวใจของเบรเม่ห์  คนอะไรถนัดซ้ายแต่ใช้ขวายิง สุดยอดเลยครับ จากคุณ : papos - [ 13 ต.ค. 48 23:13:03 ]

ความคิดเห็นที่ 23 คุณกิมเฮงเนี้ย ขยันจริงครับ จากคุณ : อามากิง (ton021) - [ 13 ต.ค. 48 23:20:23 ]

ความคิดเห็นที่ 24 คงยังมีหลายนัดอย่างที่คุณข้าวโพดต้มหวานว่าล่ะครับที่น่าสนใจ แต่บังเอิญผมไปเจอบทความนี้มาเกรงว่าจะถูกลบไปเสียก่อนน่ะครับ เลยนำมาลงไว้ก่อน... #21..คุณแมว55++ งั้นนัดอังกฤษเจอบราซิล ที่คุณแมวดูกับแฟนที่ร้าน A&W ต้องเป็นแมทช์แห่งความทรงจำของคุณแมว(คนเดียว)แน่ๆครับ... นัดที่คุณ  papos บอกไว้ผมก็ดูเช่นกันครับ...อาร์เจนกว่าจะมาถึงนัดชิงก็หมดสภาพแล้วครับ...แต่ก็ยังเก่งครับที่เข้ามาถึงได้... บอกตรงๆ นัดนั้นดูไปหลับไปครับ หงุดหงิดด้วยซ้ำที่เยอรมันทำประตูไม่ได้...ด้วยเหตุว่าอาร์เจนแทบไม่เหลือตัวหลักๆอยู่เลย.... แต่ก็เห็นด้วยครับ เบรเม่ห์นี่ยิงลูกนั้นสุดยอดครับ...โกลอาร์เจนนัดนั้นน่าจะเป็น กอยโคเชียที่เป็นตัวสำรอง แต่โกล์ตัวจริงเจ็บตั้งแต่รอบแรก เลยได้แจ้งเกิด ....ผมดันจำไม่ได้ว่าโกล์ตัวจริงอาร์เจนชื่ออะไร... จากคุณ : กิมเฮง - [ 13 ต.ค. 48 23:23:33 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ปี 2002 ก็คงให้นัดชิงอะครับ สองทีมใหญ่เจอกันเป็นครั้งแรก แถมยังทำลายสถิติ 6 ประตูได้ด้วย จากคุณ : Jacare - [ 13 ต.ค. 48 23:35:27 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ปี02 ผมให้นัดที่อิตาลี แพ้เกาหลีใต้น่ะครับ แบบว่ากรรมการน่ะ จำไว้เลย ปี98 ก็นัดชิงแหละครับ 3-0  จำไม่ได้ว่าเหตุการณ์มีอะไรบ้าง แต่วันรุ่งขึ้น จำได้ว่าไปหลับในหอประชุมตอนวันรับปริญญา ปี94 เป็นรอบแรก สหรัฐเล่นกับทีมอะไรไม่ทราบ แข่งตอนเช้ามืด พอบอลจบก็เข้าไปนอน เพื่อนผมมันโดนผีหลอก แต่ผมไม่โดน ยังจำที่มันเล่าให้ฟังได้อยู่เลย ปี90 ไอร์แลนด์ กับ ฮอลแลนด์ ไม่ได้ดูเพราะเชียร์อังกฤษ แต่ตอนเช้าแม่มาปลุกไปโรงเรียน บอกว่าเมื่อคืน ละเมอออกมาเปิดทีวีแล้วก็หลับ เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น สรุปก็คือ ผมละเมอมาดูบอลโลกครับ ปี86 รอบ 8ทีม บราซิลกับฝรั่งเศส จำได้แต่ลูกโทษที่ยิงไปชนเสาแล้วกระเด้งไปโดนหัวผู้รักษาประตูเข้าไป ส่วนใหญ่สำหรับจะเป็นเรื่องที่พูดถึงบอลโลกปีนั้น แล้วผมจะนึกถึงเรื่องเหล่านี้น่ะครับ ไม่ได้หมายถึงความสุดยอดมันส์หยดติ๋งในเรื่องของเกมซักเท่าไหร่ จากคุณ : ยุง บิน ชุม - [ 14 ต.ค. 48 00:25:42 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เขาว่ากันว่า ฟุตบอลโลกที่ดีที่สุด คือปี 1986 ที่จัดที่แม็กซิโก จากคุณ : ::Sholl:: - [ 14 ต.ค. 48 00:29:35 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ก่อนไปนอนครับ... นัดชิงปี 98 ต้องลากโรนัลโด้จากโรงหมอมายืนให้ครบ 11 คน ด้วยเหตุผลทางธุรกิจของไนกี้ครับ... จากคุณ : กิมเฮง - [ 14 ต.ค. 48 00:35:35 ]

ความคิดเห็นที่ 29 มาช่วยพี่กิมเฮง คร้าบ โกล์ตัวจริงอาร์เจน'90 คือ เนรี่ ปุมปิโด ครับ จากคุณ : 123 ปลาฉลามขึ้นบก - [ 14 ต.ค. 48 00:39:26 ]

ความคิดเห็นที่ 30 หวัดดีคร๊าบ พี่กิมเฮง มาตามชมเช่นเคย จากคุณ : ช - [ 14 ต.ค. 48 00:48:55 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ความรู้เยอะจิงๆครับ ช่วยกันโหวตกระทู้ดีๆมีสาระเอากระทู้ผมเชียร์ตั้งแต่โซล่าเล่นออกดีกว่าครับ เฮ่อ ตรูเคยดูแต่อังกฤษ-อาเจนเองแฮะ จากคุณ : รักเธออยู่แต่ก็รู้ว่าไม่ได้ - [ 14 ต.ค. 48 00:58:01 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ผมแอบลบไปล่ะครับ อับอาย ประจานตัวเองอีกรอบ นัด บราซิลกับอังกฤษ บอลโลกที่ผ่านมาครับ    ผมไปนั่งกินไอติมกับแฟนที่ร้านใน MBK  นั่งให้แฟนป้อน ตาก็ดูบอล แฟนผมก็กรี้ด กรี้ด เบ็กแฮมกับโอเว่นอยู่นั้นแหละ น่าเบื่อชะมัด    หลังจากนั้นไม่นาน เราก็เลิกกัน T - T   คู่บราชิลกับเยอรมัน ผมก็เลยเมากับเพื่อนแถวสยามนั้นเอง และปฏิญาณว่าจะเป็นโสดตลอดไป  พอใจยังครับ นัดบอลโลกที่ประทับใจของผม   หือ หือ  ผ้าเช็ดหน้าอยู่ไหน จากคุณ : แมวเหลือง - [ 14 ต.ค. 48 01:00:15 ]

ความคิดเห็นที่ 33 คุณแมวครับฟังแล้วมันเศร้าจริงๆ นี่ครับผ้าเช็ดหน้า แต่ผมสั่งนํามูกแล้วนะครับ ถ้าไม่รังเกียจ เชิญตามบาย จากคุณ : rudy - [ 14 ต.ค. 48 01:10:19 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ด้วยเหตุผลนี้เองเลยทำให้ผมฝั่งใจกับอังกฤษ โดยเฉพาะแมนยู โดยเฉพาะเบ็กแฮม  อ้ายโอเว่นอีกตัว เห็นทีไรเจ็บจี้ดทุกที่ ถ้าปีนี้อังกฤษเจอบราซิลอีก ผมคงเอารูปเธอมาตั้งข้างข้าง นั่งดูบอลคู่หยุดโลกด้วยความเหงาหงอย อยู่ตามลำพังในซอกห้องนอนที่มืดสลัวพร้อมกับเบียร์กระป๋องหนึ่ง   ช่างต่างกับครั้งที่แล้วเสียนี้กระไร  เห้อ เห้อ  เรื่องมันเศร้า แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 48 01:36:36 จากคุณ : แมวเหลือง - [ 14 ต.ค. 48 01:35:08 ]

ความคิดเห็นที่ 35 แก่นี่หว่า 55555555..... ป.ล.ผมว่ายุคหลังๆมันไม่ขลังยังไงไม่รู้ อย่าง 2002 เนี่ยจะมีแมทช์คุณภาพสักกี่แมทช์กัน... จากคุณ : แม่เจ้าโว้ย - [ 14 ต.ค. 48 02:17:35 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ผู้คนมักจะลืมทีมเล็ก ๆเสมอถึงแม้จะสร้างผลงานได้ดีก็จะไม่ถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์  อืมผมขอแชร์แมทช์ที่ใครดูซาอุดิอาระเบีย - เบลเยี่ยม ปี 94ลูกโซโลเดี่ยวผ่านผู้เล่นเบลเยี่ยม 6 คนจากฝั่งสนามตัวส่งบอลเข้าตุงตาข่ายพร้อมกับส่งตัวเองเข้ารอบ 2 อย่างส่งสง่าผ่าเผยจากฝีเท้าปีกขวาไวโอลัน  มันยังติดตาตรึงใจมันคลาสสิคกว่ามาราโดนาลากผ่านกองหลังอังกฤษไม่กี่คน  หรือโอเวนลากเฉียง ๆไปยิงอาร์เจนตินาเยอะ มันเป็นความทรงจำของผมเพราะในช่วงชิวิตผมเพิ่งเคยเห็นทีมจากเอเชียได้เข้ารอบ 2 และเป็นเกมส์ที่ทีมจากเอเชียเล่นได้อย่างสนุกสู้กับทีมยุโรบได้ไม่เป็นรอง จากคุณ : ห้องพักที่ 4 - [ 14 ต.ค. 48 07:01:49 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ปี 2002 ผม ประทับใจแมทช์ ที่ อาร์เจนติน่า-สวีเดน ครับ อาร์เจนติน่าบุกแหลกแต่เจอลูกฟรีคิกของสวีเดนเข้าไป ถึงตอนท้ายอาร์เจนติน่าจะได้ประตูตีเสมอ แต่ก็ตกรอบอยู่ดี   สุดท้ายได้เห็น น้ำตาของ บาติสตูต้าที่ได้เล่นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายเนี่ย ผมแทบร้องไห้ตามเลย (นัดนั้นเซ็งออเต้กาจริงๆ เลี้ยงมันทั้งวัน) จากคุณ : kicub2 - [ 14 ต.ค. 48 09:27:23 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ดูบอลมาตั่งแต่ถ่ายทอดฟุตบอลโลกครั้งแรกๆ ปี 1978 ที่อาร์เจน ก็จัดตั่งแต่ 1978 นะ เห็นด้วยกับผู้จัดว่าแมทซ์ซุปเปอร์คลาสสิกจริงๆ มันจริงๆสำหรับคนดูฟุตบอลแม้ว่าไม่เชียร์ทีมใดเลยดังนี้ 1. อิตาลี 3 - 2 บราซิล (1982) บาร์เซโลน่า, สเปน - มหัศจรรย์รอสซี่ 2. ฝรั่งเศส 1 - 1 บราซิล (1986) กัวดาลาฮารา เม็กซิโกฝรั่งเศสชนะลูกโทษ 4-3 เป็นเกมส์ที่ดีที่สุดในปีนั้นจริงๆ จำได้ว่า พลานี่ยิงเบริด์ เกือบแย่แล้ว แต่โซเครติดแย่กว่า มากพร้อมสูง หลอกยิง แต่วืด ฝรั่งเศสสุดท้ายแพ้เยอรมันง่ายๆในรอบรอง 3 เยอรมัน-ฮอลแลนด์ 2-1 (หรือ 2-0 นะ) ปี 1990 8ครั้งสุดท้ายที่ 3 ทหารฮอลแลนด์เจอ 3 ประสานเยอรมันที่เล่นในอิตาลี ลูกเป็ดโดนถุยน้ำลายจากแฟรงไลการด์ สุดท้ายลูก curve สุดสวยจากเบรเมก็กระสวกฮอลแลนด์ตกรอบ 16 ทีม 4. ซุปเปอร์มาราโดน่า 1986 มีหลายแมทซ์ที่ดี ทั้งที่แข่งกับอังกฤษ แต่ที่มันน่าจะรอบชิงที่ยิงนำเยอรมันไป 2 -0 แล้วเยอรมันมาโม่งตีเสมอจากคอนเนอร์ติดกันครึ่งหลัง สุดท้าย สุดยอดมาราโดน่าก็หลอกใส่พานให้เพื่อนหลุดเดี่ยวไปยิง 5. อังกฤษ 1 - 1 เยอรมันตะวันตก (1990) ตูริน, อิตาลีเยอร์มันตะวันตกชนะลูกโทษ 4-3 พอดูได้เฉพาะคอบอลอังกฤษ แต่รูปบอลงั้นๆ น่าจะสู้ คู่อาเยนกับอิตาลีรอบรองปี 1990 ไม่ได้นะ ที่อาร์เยนอุดตลอดและยิงเสมอจากการหลอกของมาราโดน่ส่งให้คาเนกี่ยิง สุดท้ายก็เป็นฮี่โร่ของโกลอาร์เยนรับได้ 2-3 ลูกซ้อน ส่งเจ้าภาพเต็ง 1 ลงลุม ปีหลังๆไม่ค่อยมีประทับใจนะ จำไม่ค่อยได้ นัดชิงที่ฝรั่งเศสก็ดี สะใจบราซิล นานๆมันจะแพ้ขาดซะที จากคุณ : เมืองไทย - [ 14 ต.ค. 48 10:32:11 A:172.16.13.9 X:203.155.51.89 TicketID:108614 ]

ความคิดเห็นที่ 39 บอลโลก 2002 ที่ไม่มีแมตช์ประทับใจคงเพราะไม่ค่อยมีทีมใหญ่ๆมาเจอกันนะครับ เพราะอะไรก็รู้ๆกันอยู่ จากคุณ : Jacare - [ 14 ต.ค. 48 10:43:12 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณครับ จากคุณ : iron bridge - [ 14 ต.ค. 48 10:56:40 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เซเนกัล - ฝรั่งเศส ปี ๒๐๐๐ ครับ ตอนนั้นเชียร์เซเนกัล ลุ้นมาก ดูจบแล้วออกไปเลี้ยงบอลเล่นเลย อารมณ์ค้าง จากคุณ : ๗๖ - [ 14 ต.ค. 48 11:02:23 A:24.2.67.160 X: TicketID:105451 ]

ความคิดเห็นที่ 42 - Brazil 4 -1 Italy 1970 the best team ever in world cup imo, - Croatia the 3rd place from France 1998 - Wonderful Baggio in italia 1990 and more.. แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 48 11:17:24 จากคุณ : RockCafe - [ 14 ต.ค. 48 11:12:53 ]

ความคิดเห็นที่ 43 1. บราซิล 1 -0 อังกฤษ 1970 2. Brazil 2 -3 Italy 1982 จากคุณ : ล่องแม่ปิง - [ 14 ต.ค. 48 11:54:40 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ของผม เอาที่ดูทัน แล้วพยายามไม่ให้ซ้ำนะคร๊าบ 94 - บราซิล - ฮอลแลนด์ - สุดยอดแห่งความมันส์แล้วครับ 98 - ฝรั่งเศส - อิตาลี - สุดยอดแห่งเกมส์รับมาเจอกัน สุดท้ายก็ต้องยิงเป้า 02 - ฝรั่งเศส - เซเนกัล -จนถึงวันนี้ น้อยคนแล้วครับที่ไม่รู้จัก ปาป้า บูบ้า ดิยอฟ จากคุณ : Doraemyung - [ 14 ต.ค. 48 12:31:46 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ไม่เห็นด้วย ในฐานะแฟนฮอลแลนด์ ทำไมไม่นับ ฮอลแลนด์ 2 - เยอรมัน 2 ปี 1978 ฮอลแลนด์ 2 - บราซิล 3 ปี 1994 ฮอลแลนด์ 2 - อาเจนติน่า 1 ปี 1998 ฮอลแลนด์ 1 - บราซิล 1 ปี 1998 ผมว่าสนุกและเกมส์มีคุณภาพมากกว่า หลายเกมส์ที่คุณยกมาน่ะ จากคุณ : เบื่อบอลอุด - [ 14 ต.ค. 48 12:33:55 A:10.87.100.13 X:202.12.97.120 TicketID:075819 ]

ความคิดเห็นที่ 46 โปรตุเกส กับ เกาหลีเหนือ จากคุณ : โคก - [ 14 ต.ค. 48 15:05:59 ]

ความคิดเห็นที่ 47 สุดยอดที่สุดในสายตาแฟนทีมชาติโรมาเนียอย่างผมก็คือแมทช์ในรอบสองฟุตบอลโลกปี 1994 ที่สหรัฐอเมริกา โรมาเนีย ชนะ อาร์เจนติน่า 3-2 ลองไปหาดูครับเป็นแมทช์ที่สนุกที่สุดในชีวิตอย่างแท้จริง แล้วคุณจะเห็นมาราโดน่า ในชุดเสื้อเหลือง จอร์จี้ ฮาจี้ คือมาราโดน่าแห่งคาร์เปเธียน ถูกต้องแล้วครับเพราะคาร์เปเธียนเป็นเทือกเขาในโรมาเนีย ส่วนมาราโดน่าแห่งคาบสมุทรบอลข่านคือ ดาร์กัน สตอยโควิช แห่งยูโกสลาเวียครับ (ปัจจุบันเป็นประธานสมาคมฟุตบอลเซอร์เบียกับมอนเตเนโกรอยู่) ประตูตัวจริงฟุตบอลโลกปี 1990 ของอาร์เจนติน่าคือ เนรี่ ปุมปิโด้ ครับ จากคุณ : dacia - [ 15 ต.ค. 48 00:56:11 ]