CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ผลงานยอดเยี่ยมของจอร์จ เบสท์

    วันที่ 9 มีนาคม 1966 แมนยูชนะเบนฟิก้า 5-1 ในการแข่งขันยูโรเปียนคัพรอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 ที่กรุงลิสบอน โดยที่นัดแรกแมนยูชนะ 3-2 ในบ้าน อาจจะพูดได้ว่าการแข่งขันนัดนี้เป็นการเกิดของจอร์จ เบสท์ในฐานะนักฟุตบอลซุปเปอร์สตาร์คนใหม่ของวงการฟุตบอลโลก เบสท์ได้นิกเนม เอล บีตเติ้ล หลังการแข่งนัดนี้ ซึ่งหมายถึงทรงผมที่เบสท์ไว้ยาวเหมือนนักร้องวงเดอะบีตเติ้ล ตอนนั้นเบสท์อายุเพียง 19 ปี

    ต่อไปนี้เป็นคำพูดของเบสท์เองถึงค่ำคืนประวัติศาสตร์นั้น

    เนื่องจากผลการแข่งขัน คำสั่งของแมท (เซอร์ แมท บัสบี้ ผู้จัดการทีมแมนยูในขณะนั้น) ที่ให้พวกเราเล่นตั้งรับอย่างรัดกุมในช่วง 20 นาทีแรก กลายเป็นตำนานฟุตบอลที่เล่าต่อๆกันมา

    ความจริงการที่เขาสั่งให้พวกเราเล่นตั้งรับอย่างรัดกุมก็เป็นคำแนะนำที่สมเหตุสมผล เบนฟิก้าชนะเลิศยูโรเปียนคัพในปี 1961 และ 1962 และเข้าชิงชนะเลิศในปี 1964/65 และเบนฟิก้าไม่เคยแพ้ใครในการแข่งยูโรเปียนคัพที่สนามสเตเดี้ยมออฟไล้ท์ (19 นัดติดต่อกัน) และเมื่อคุณสัมผัสบรรยากาศของสนามนั้น คุณก็จะเข้าใจว่าทำไมนักสังเกตการณ์ที่เป็นกลางส่วนใหญ่จะบอกว่าแมนยูไม่ต้องคิดเรื่องชนะเบนฟิก้าเลย แม้แต่โอกาสจะเสมอยังแทบเป็นศูนย์

    เบนฟิก้าปลุกใจผู้ชม 75000 คนในสนามด้วยพิธีมอบรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของยุโรปแก่ยูเซบิโอก่อนการแข่งขันจะเริ่ม คงเพื่อบอกเราเป็นนัยว่าเรากำลังจะเผชิญกับอะไร ตอนที่ผมเดินในอุโมงค์เพื่อไปที่สนามและผมได้ยินเสียงผู้ชมในสนาม ขนที่ต้นคอผมลุกชัน แต่ผมไม่รู้สึกกลัวอะไรเลย ผมรู้ว่าผมพร้อมแล้ว ไม่ว่าผลการแข่งขันจะเป็นอย่างไร นี่คือเวทีที่ผมจะต้องใช้แสดง และมันเป็นเวทีการแสดงที่สมบูรณ์แบบ

    พวกเราทำตามคำสั่งของแมทที่ให้เล่นตั้งรับอย่างรัดกุม อย่างน้อยก็ในช่วง 6 นาทีแรกแหละ บ็อบบี้ ชาร์ลตันถูกทำฟาวล์ และเป็นโอกาสดีที่โทนี่ ดันน์ กองหลังของเรา จะเปิดลูกฟรีคิกเข้าไปในเขตโทษ ผมยึดตำแหน่งริมกรอบเขตโทษ และขณะที่ผมกระโดดขึ้นไปหาลูกฟุตบอล ผู้เล่นกองหลังของเบนฟิก้า 2 คนก็กระโดดขึ้นพร้อมกัน ผมรู้สึกว่าผู้รักษาประตูกำลังออกมา แต่ผมกระโดดได้สูงเป็นพิเศษและสัมผัสลูกฟุตบอลก่อนใคร

    ตอนที่หัวผมสัมผัสลูกฟุตบอล ผมรู้ว่าผมโหม่งได้ถนัด แต่กว่าที่ผมจะเห็นว่าลูกฟุตบอลเข้าประตูไปก็หลังจากที่ผมตกถึงพื้นและเอี้ยวตัวไปดูแล้วเท่านั้น มันเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมที่รู้ว่าผมทำประตูได้ต่อหน้าผู้ชมในสนามแบบนั้น ประตูนั้นทำให้พวกเราหายใจโล่งขึ้นเยอะ พวกเราเริ่มรู้สึกว่ามีความหวัง

    อีก 6 นาทีต่อมา ผมได้บอลในฝั่งของเบนฟิก้าใกล้เส้นครึ่งสนาม ผมไม่เห็นเหตุผลที่จะคิดอะไรในแง่ลบ ผมเอียงไหล่ข้างนึงแล้วหลบกองหลังได้คนนึง ตอนนั้นผมรู้เลยว่าผมจะทำประตูได้ กองหลังอีกคนเข้ามาหาผมแต่ผมก็เลี้ยงลูกบอลผ่านเขาไป ผมมองขึ้นและเห็นผู้รักษาประตูกำลังเข้ามาหาผม ปกติในสถานการณ์แบบนี้ผมชอบรอให้ผู้รักษาประตูบอกผมก่อนว่าเขาจะมุ่งไปทางไหนก่อนผมตัดสินใจทำอะไร แต่ผมมองตาผู้รักษาประตูและเห็นว่าเขากำลังลังเล แทนที่จะคอยผมยิงลูกฟุตบอลผ่านตัวเขาไปก่อนที่เขาจะตัดสินใจเสร็จ

    ถ้าพิจารณาถึงสถานการณ์ตอนนั้นและความสำคัญของการแข่งขันนัดนั้น ประตูนี้ต้องถือว่าเป็นประตูโปรดที่สุดประตูหนึ่งของผม

    การแข่งขันดำเนินต่อไป ทั้งสนามเงียบกริบ ผมมีโอกาสเลี้ยงลูกฟุตบอลยาวๆอีกครั้ง ผมได้ลูกฟุตบอลทางฝั่งซ้ายแล้วก็เลี้ยงผ่านกองหลังคนแล้วคนเล่า 4 หรือ 5 คนเห็นจะได้ ผมจำได้ว่าบ็อบบี้ (ชาร์ลตัน) ตะโกนว่า จอร์จทางนี้จอร์จ เขาอยากให้ผมส่งลูกฟุตบอลให้เขา แต่ตอนนั้นผมไม่อยากส่งลูกฟุตบอลให้ใครเลย

    ขาผมเริ่มหมดแรง เหมือนตอนคุณฝันว่ากำลังพยายามหนีใครสักคน แต่ผมก็เลี้ยงลูกฟุตบอลผ่านกองหลังคนแล้วคนเล่า ท้ายที่สุดมีคนเตะลูกฟุตบอลให้ห่างเท้าผมได้ แต่ผมก็รู้ว่าการเลี้ยงลูกฟุตบอลครั้งนั้นมันน่าทึ่ง

    ในสถานการณ์แบบนี้แหละ ที่นักฟุตบอลที่เก่งกลายเป็นนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ และนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่กลายเป็นพระเจ้า ความรู้สึกแบบนั้นแพร่ไปทั่วทีมแมนยู บิล โฟกส์ กองหลังตัวโตของเรา ที่ปกติชอบหวดลูกฟุตบอลไปไกลๆแบบปลอดภัยไว้ก่อน วันนั้นเขาวางท่ายังกับว่าเขาคือฟรานซ์ เบ็คเคนบาวร์ และยังกล้าเผชิญหน้ากับผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามซะอีก

    ประสบการณ์วันนั้นเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อมาก ผมเคยเห็นทีมที่ยิ่งใหญ่อื่นเล่นแบบนั้น แต่การที่ผมเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์นั้นเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อ

    แปลกจัง ผมสามารถเล่าการเล่นทั้ง 90 นาทีของการแข่งขันครั้งนั้นจากหัวผมได้ แต่ผมจำอะไรไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นหลังกรรมการเป่านกหวีดจบการแข่งขัน ผมจำไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องแต่งตัว ในโรงแรมที่เราพัก และการต้อนรับของแฟนบอลโปรตุเกสหลังจากนั้น

    บางทีอาจเป็นเพราะผมมัวแต่คิดถึงผลงานของผม ผมจำเหตุการณ์ตอนพักครึ่งแทบไม่ได้เลย จำได้แต่ว่าพวกเราฉลองกันและแมทบอกพวกเราว่าเรายังต้องเล่นอย่างรัดกุมเพราะการแข่งขันยังไม่จบ เพื่อให้แน่ใจว่าการแข่งขันจบลงแน่ๆผมผ่านลูกไปให้จอห์น คอนเนลลี่ทำประตูได้ในครึ่งหลัง และหลังจากเชย์ เบรนแนนทำลูกเข้าประตูตัวเอง แพท ครีแรนด์และบ็อบบี้ ชาร์ลตันก็ทำประตูได้ด้วย เราชนะ 5-1 อย่างไม่น่าเชื่อว่าจะทำได้

    จากคุณ : นายชัย - [ 4 ธ.ค. 48 13:39:01 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป