ความคิดเห็นที่ 1 ตั้งผิดห้องแล้วครับ แต่ ความรักในศาสนาพุทธถือว่าทำลายกิเลส  ในศาสนาคริสต์หรือตะวันตกกลับเป็นสิ่งที่ดีครับ เมตตา  คือ   ความรัก  อย่าง  แม่  ที่มีต่อบุตร   ไงครับ  รักแบบนี้  ทำลายกิเลส แต่รักแบบหนุ่มสาว   ไม่ว่าศาสนาไหน  ก็ยิ่งทำให้มารโตวันโตคืนครับ สาธุ จากคุณ : SpiritWithin - [ 19 ม.ค. 49 16:50:03 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เริ่มจากง่ายๆ พรหมวิหาร4 เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ผมว่าละเอียดกว่านักจิตวิทยาอีกนะ สิ่งที่ว่าเป็นกิเลสท่านแยกเป็น กามราคะ พวกหลงในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส จากคุณ : Dr.slump - [ 19 ม.ค. 49 16:59:10 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สงสัยพระคุณเจ้าระเห็จมาจากโต๊ะข้างๆเพราะเขาไม่ให้บัตรผ่านตั้งหรือตอบกระทู้แล้ว -*- ความรักมันมีหลายรูปแบบครับ แม่-ลูก พี่-น้อง เพื่อน-เพื่อน เจ้านาย-ลูกน้อง และไม่มีคำสอนใดในศาสนาพุทธที่ว่าความรักคือกิเลส ศีล 5 ก็ไม่ได้มีว่าไว้ ไปสมัครอมยิ้มแล้วเข้าไปเล่นห้องศาสนาดีกว่าครับ จากคุณ : lazy (lazy dragon) - [ 19 ม.ค. 49 17:01:16 ]

ความคิดเห็นที่ 4 "ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความรักเป็นความร้าย ความรักเป็นสิ่งทารุณ และเป็นเครื่องทำลายความสุขของปวงชน ทุกคนต้องการความสมหวังในชีวิตรัก แต่ความรักไม่เคยให้ความสมหวังแก่ใครถึงครึ่งหนึ่งแห่งความต้องการ ยิ่งความรักที่ฉาบทาด้วยความเสน่หาด้วยแล้ว ก็เป็นพิษแก่จิตใจ ทำให้ทุรนทุรายดิ้นรนไม่รู้จักจบสิ้น ความสุขที่เกิดจากความรักนั้น เหมือนความสบายของคนป่วยที่ได้กินของแสลง เธอทั้งหลายอย่าพอใจในความรักเลย เมื่อหัวใจยึดไว้ด้วยความรัก หัวใจนั้นจะสร้างความหวังอย่างเจิดจ้า แต่ทุกครั้งที่เราหวัง ความผิดหวังก็จะรอเราอยู่ " ยิ่งรักมากยิ่งเป็นเหตุให้ต้องทุกข์มากด้วยประการต่างๆ ก็เพราะยึด ก็เพราะหลง พระพุทธองค์ตรัสว่าทุกข์อันเป็นยอดสุดคือทุกข์จากการพลัดพรากสิ่งหรือบุคคลอันเป็นที่รัก แต่ทั้งนี้เป็นคนละเรื่องกันกับการมีเมตตา เพราะเมตตานั้น เรียกว่าเป็นความรักโดยอาการที่จิตปราศจากพยาบาทและปรารถนาเกื้อกูล แต่โดยพฤติของจิตแล้วไม่มีความยึดมั่นถือมั่น คิดครอบครองเป็นเจ้าของ หรือหวงไว้เป็นของตัว ามรักของทางศาสนาคริสต์น่าจัตรงกับเมตตาในศาสนาพุทธอ่ะ จากคุณ : น้ำชา (@นางมารน้อย@) - [ 19 ม.ค. 49 17:34:25 ]

ความคิดเห็นที่ 5 รักแบบพุทธ เริ่มจาก เมตตา ทำให้เค้า มีความสุข กรุณา เห็นเค้าทุกข์ เราก็ช่วยบรรทุกข์ ให้กับเค้า มุทิตา เห็นเค้า มีความสุข แล้วเราก็มีความสุขด้วย อุเบกขา รู้จักวางเฉย ถ้าทำอะไรต่อเค้า ถึงที่สุดแล้ว มันไม่ได้อย่างที่คิด มันก็เท่านั้น สงบใจไว้เถิด จะเห้นได้ว่า เป็นความรักที่สร้างสรรค์ และจะมีแต่ความสุข ----- ลองมาดูรัก ที่เต็มไปด้วยกิเลส ขัดกับหลักศาสนาพุทธ คือ ไปยึดเป็นเจ้าของ ไปยึดในตัวตนของเค้า ไปอยากจะให้มันหยุดอยู่วินาทีนี้ตลอดไป ก็ต้องเป็นทุกข์ ผิดหวัง เสียใจ เพราะเวลามันเดินไปข้างหน้า ทุกอย่างมันก็เปลี่ยนแปรไป แม้แต่ร่างกาย จิตใจของเราเอง เราก็ยังไม่สามารถบังคับมันได้ บอกมันให้ ไม่ต้อง กิน ไม่ต้อง นอน ไม่แก่ ไม่เจ็บ ได้ไหม ถ้าเราไปยึดติด ไม่รู้ว่ามันจะเสื่อม เราก็ต้อง หงุดหงิด ทุกข์ เสียใจ สลายตัวไปพร้อมกับมัน แล้วหมายความว่า เราจะปล่อยมันให้มันเป็นไป ไม่สร้างอะไรขึ้นมาเลยหรือ ไม่ใช่ เราสามารถที่จะสร้าง และบำรุงรักษา ให้มันคงอยู่นานขึ้นได้ ตามปัจจัยพลังงานเท่าที่เราจะมี และที่เราจะให้กับมันไปได้ แต่ก็ต้องไม่เผลอ ประมาท มีสติระลึกว่า เดี๋ยวมันก็ต้องดับไป ไม่ประมาท ก็คือ พึงรักษาอยู่เสมอ (อย่างไม่อยากให้เธอไว้ใจ) ไม่ประมาท ก็คือ พึงระวัง อย่าไปยึดติด (เพราะโลกไม่ใช่ของเรา) คุณหละ ถ้าเริ่มรักผมขึ้นมาบ้าง ก็แผ่เมตตามา อย่าให้ผมต้องรออย่างไร้ความหมาย จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day - [ 19 ม.ค. 49 17:35:26 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ความรักแบบ คริสต์ ท่ไมเป็นกิเลส คือ คามรักแบบพี่น้อง และ พ่อแม่ลูก เท่านั้นนะครับ ส่วนความรักแบบ ชายหญิง คุณห้ามแม้แต่แสดงออกให้อีกฝ่ายรู้เด็จขาดครับ จนกว่าคุณจะพร้อมจริงๆ แบบสุดๆๆๆ ( มีบ้าน มีงานทำ มีฐานะพอที่จะรับผิดชอีกฝ่ายได้ ) จากคุณ : โบโซ่จำแลง - [ 19 ม.ค. 49 18:06:23 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ความรักมันก็ยังมีอีกหลายแบบ และแก่นของศาสนาก็ลึกซึ้งกว่านั้น การที่คุณจะด่วนสรุปเช่นนั้น ถือว่า ตื้นเขิน เกินไปหน่อย จากคุณ : ช่างไฟ - [ 19 ม.ค. 49 18:35:01 ]

ความคิดเห็นที่ 8 รักแบบพ่อแม่ลูกพี่น้อง เป็นกิเลศทั้งนั้นนิครับ จากคุณ : cdchd - [ 19 ม.ค. 49 18:36:40 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ความรักในภาษากรีก รู้สึแบบมี 4-5 แบบนี่แหล่ะ แต่ภาษาไทยอังกฤษ มันมี "รัก" คำเดียว ต้องมาอธิบายเพิ่ม จากคุณ : Saeros - [ 19 ม.ค. 49 19:21:30 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขณะที่ฉันกำลังเดินกับเพื่อน 2-3 คนในทางโล่งแห่งหนึ่งที่ดูเป็นทางโค้ง แล้วสายน้ำก็พัดฉันวูบเข้ามาในถ้ำมืด และมาโผล่ที่รูน้ำซึ่งเป็นช่องเปิด ฉันได้เกาะท่อนไม้ไว้ และมีเสียงจากท้องฟ้า ดั่งกับพระเจ้าตรัสว่า "วันนี้ฉันได้เอานิ้วมาจิ้มสกปรกเพื่อช่วยเจ้าไว้" แล้วฉันก็เกาะติดนิ้วของพระเจ้ามาที่ทางขรุขระเปียกแห่งหนึ่ง ภายนอก คนหนึ่งได้ใช้นิ้วเขี่ยก้อนอุจจาระในโถส้วม เพื่อช่วยมดตัวหนึ่งออกไปวางไว้ที่พื้นห้องน้ำ ****** เวลาผมอ่านหนังสือ ผมจะปล่อยใจไปถึงสิ่งที่เป็นนิรันดร์กาล ซึ่งคือความรัก อิสรภาพ และมีความตายอยู่ด้วย ยามค่ำคืนผมจะให้ความเงียบผ่าตัดมันสมอง สิ่งนี้เองที่มนุษย์แสวงหามาตลอดในรูปศาสนา ศิลปะ วิทยาศาสตร์ และความสุขในรูปแบบของยาเสพติด สิ่งนี้คือพระเจ้าและความเป็นที่สุด ซึ่งจิตมนุษย์ต้องปลดปล่อยตัวเองออกไปหาสิ่งที่ไม่อาจรู้ได้ด้วยความคิด ****** จากคุณ : ตาสี - [ 19 ม.ค. 49 19:44:14 A:221.128.78.115 X:221.128.78.122 TicketID:112758 ]

ความคิดเห็นที่ 11 จขกท. คงไม่เข้าใจ ทั้งความรัก ศาสนาทั้งสองศาสนาเลย จากคุณ : firstini chemistani - [ 19 ม.ค. 49 20:31:17 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ความรักในอุดมคติของคริสต์ก็คือพรมวิหาร4ของพุทธ นั่นคือความรักของพระเจ้าและพระอริยเจ้าทั้งหลาย เป็นความรักที่บริสุทธ์แต่ความรักของปุตุชนจะแฝงไปด้วย โลภ โกรธ หลง ล้วนๆ เคยอ่านเจอในหนังสือศาสนาเปรียบเทียบของท่านพุทธทาส ท่านว่าไว้ประมาณนี้ จากคุณ : mangnoon - [ 19 ม.ค. 49 20:44:33 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ไปศึกษาหลักธรรมให้ดีๆก่อนแล้วค่อยวิจารณ์นะครับ จากคุณ : ขยันๆคิดหน่อยแล้วจะรุ่ง (หนุ่มเทคนิค) - [ 19 ม.ค. 49 21:11:39 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ถึงอย่างไร รัก ก็คือรัก จากคุณ : iamnana - [ 19 ม.ค. 49 21:38:02 A:203.188.47.211 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 ความรักไม่ได้เป็นกิเลสนะคะ แต่ที่ใดมีรัก  ที่นั่นมีทุกข์แน่นอนค่ะ รักพ่อรักแม่  สักวัน  ก็ต้องพลัดพราก รักเงินรักทอง  สักวัน  ก็ต้องเสียมันไป รักแฟน รักสามีภรรยา  สักวัน  ก็ต้องจากกัน พระพุทธเจ้า  ไม่ได้บอกว่า  "ความรักเป็นความทุกข์" แต่พระองค์  มองการณ์ไกลกว่านั้น  คือ  ความรักจะนำมาซึ่งความทุกข์อย่างแน่นอน  ไม่ช้าก็เร็ว   ยังไงก็ต้องไม่สมหวัง  พลัดพราก  คิดถึง  คร่ำครวญหา   พระองค์ทรงเสนอแนวทางพรหมวิหารไว้ใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ เอาง่าย ๆ  เมื่อมีคน ๆ  หนึ่งจากไป   มีบุคคลอยู่ 3  กลุ่ม 1.  กลุ่มรัก   ก็ต้องเสียใจเป็นธรรมดา 2.  กลุ่มเกลียด  ก็สมน้ำหน้า ด่าทอ  ชิงชัง  เต็มไปด้วยความน่าสมเพช 3.  กลุ่มวางเฉย  ไม่ยินดีไม่ยินร้าย  ธรรมดาโลก   พระองค์จึงเสนอ  อุเบกขา  ครอบไว้เป็นอันดับสุดท้าย  ไว้ใช้ในเวลาคับขันจริงๆ  นั่นเอง จากคุณ : ไจโรสโคป - [ 19 ม.ค. 49 22:04:16 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ใช่ เห็นด้วยกับความเห็นล่าสุด คือ 14 สมมติ คุณเลี้ยงหมา 4 ตัว ต้องมีตัวหนึ่งที่คุณรักมาที่สุด ในครอบครัว ต้องมีลูกคนหนึ่งที่พ่อหรือแม่รักมากที่สุด พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า วิสา สา ปารามา ราภา : ความคุ้นเคยเป็นยิ่งกว่าญาติสนิท มนุษย์เกิดมาจากสิ่งสกปรกคือน้ำครำ เกิดมาแล้วก็ดูดสิ่งสกปรกคือน้ำนม ตายไปก็กลายเป็นสิ่งสกปรกคือความเน่า แต่ความรัก โลภ โกรธ หลงทำให้โลกมนุษย์หมุนไปตามบทละครในโลกนี้ สุดท้ายก็มีแต่น้ำตา แล้วความรักก็เป็นเพียงความทรงจำ แต่มนุษย์ต้องมีความรักเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตบนโลกใบนี้ 70-80 ปีสำหรับคนส่วนใหญ่ที่โชคดี ไม่มีรักยิ่งมีทุกข์ อย่างน้อยก็มีหมาเป็นเพื่อนรักครับ จากคุณ : ตาสี - [ 19 ม.ค. 49 22:10:04 A:221.128.78.115 X:221.128.78.122 TicketID:112758 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ความรักลอยๆ มันเป็น ideal ถึงจะดีแต่ความรักจริงๆมันมีแรงโมหะจริตปนด้วย มันเลยไม่ดี แต่ทางพุทธ มีพรหมวิหาร 4 ที่แยกแยะรายละเอียดมากกว่าคำว่ารักเฉยๆครับ จากคุณ : ....4จุด - [ 19 ม.ค. 49 22:18:23 ]

ความคิดเห็นที่ 18 พระพุทธเจ้า  ไม่ได้ห้ามไม่ให้รัก   รักได้  และพระองค์สนับสนุนความรัก   แต่ให้รักแบบพรหม คือ  เลี้ยงหมา  ด้วยความปรารถนาดีต่อมัน   ไม่อยากให้มันมีทุกข์  เจ็บป่วยพาไปหาหมอ    ยินดีเมื่อมันแข็งแรงโตวัย  และวางเฉยเมื่อถึงคราวต้องจากกัน ไม่ใช่รักแบบกิเลส เช่น 1.  รักเพราะน่ารัก  ขนฟูดี   เพราะ  ถ้าเกิดสักวันมันเกิดเป็นเรื้อนขนร่วง  ก็หมดรักหรือไง 2.  รักตามแฟชัน   เห็นคนเขาเลี้ยง  เลยเลี้ยงบ้างรักบ้าง 3.  รักแบบเห็นแก่ตัว    ตอบสนองต่อความสุขเจ้าของความรักเพียงฝ่ายเดียว 4.  รักแบบคลั่ง   จะเป็นจะตาย  ถ้าไม่ได้เห็น  ไม่เป็นอันกินอันนอน 5.  รักแบบใคร่ หลงรูปกาย  หลงในกามเพียงอย่างเดียว ปล. ในทางวิทยาศาสตร์  น้ำคร่ำ  ไม่ได้สกปรก  อย่างที่เข้าใจกัน   ใสสะอาดปราศจากเชื้อโรค  อากาศที่หายใจอยู่เนีย  สกปรกกว่าน้ำคร่ำมหาศาล แต่ถ้าทางศาสนา  ร่างกายมนุษย์เป็นป่าช้าทิ้งซากศพ  จะพิจารณาส่วนไหนล้วนสกปรก  ไม่เที่ยงแท้ทั้งนั้น จากคุณ : ไจโรสโคป - [ 19 ม.ค. 49 22:25:57 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ความรักในศาสนาพุทธถือว่าเป็นกิเลส << นั่นมัน"ราคะ" แล้ว"ราคะ"ในคติคริสต์ก็ไม่ได้ถือเป็นสิ่งดีนี่??? Lust ใน 7 Deadly Sins ไง.. หึหึหึ จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 19 ม.ค. 49 22:56:19 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ซ้าทุ...ว่านน้ำบรรลุแล้ว..... จากคุณ : เด็กน้อยขี่ม้าก้านกล้วย - [ 20 ม.ค. 49 00:48:28 ]

ความคิดเห็นที่ 21 แล้วใน Declaration of Independence ของรัฐธรรมนูญอเมริกัน ในปลายคริสตศตวรรษที่ 18 ที่เขียนเริ่มต้นว่า All men are created equal in birth, life, and pirsuit of happiness. (มาจากท้ายหนังสือชื่อ American Democracy) น่าสงสัยว่า อารยธรรมอเมริกันและตะวันตกสมัยใหม่ น่าจะมีความรักเป็นแรงบันดาลใจดังเช่น quote ที่เขียนนำในบทดังกล่าวของรัฐธรรมนูญอเมริกันน่ะครับ จากคุณ : ตาสี - [ 20 ม.ค. 49 01:12:48 A:221.128.78.115 X:221.128.78.122 TicketID:112758 ]

ความคิดเห็นที่ 22 การ"ยึดติด"กับความรักเป็นกิเลส ที่มีความ"ละเอียดอ่อน"กว่ากิเลสชนิดอื่นๆ เช่นอะไรก็ตามที่เป็นการแหกกฏศิลห้า การ"ยึดติด"ทุกอย่างในศาสนาพูทธถือว่าเป็นกิเลสหมด  ถ้าจะตรัสรู้ได้ (จุดหมายสูงสุดของศาสนาพูทธ) จะต้องตัดออกจากทุกสิ่ง คือ อยู่เหนือสุข ทุกข์ ดี ชั่ว และกิเลสทุกๆอย่าง ถ้าสำเร็จคนๆนั้นก็คงจะมีชีวิตอยู่ต่อไป โดยไม่ต่างกับหุ่นยนต์... แต่เขาก็ว่ากันว่ามันมีความสุขสบายแบบสุดยอด ส่วนที่บอกว่า ศาสนาพูทธสอนให้คนมีความรักนั้น .. ยกตัวอย่างเช่น "เมตตา กรุณา มุทิตา และ อุเบกขา" --- มันเป็นแนวทางที่สามารถทำให้คนละกิเลสชนิดที่ "หยาบ" ลงไปได้... สังเกตุคำว่ายังมีคำว่า "อุเบกขา" ในนี้อยู่ ซึ่งสะท้อนการสอนให้คนไม่ยึดติดของศาสนาพูทธ ป ล สำหรับผมหัวใจของศาสนาพูทธนั้นคือ อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัดตา จากคุณ : ตามที่เข้าใจ (Solow) - [ 20 ม.ค. 49 01:45:54 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ความรักของพระเจ้า คือ ความเมตตาในศาสนาพุทธ นะครับ จากคุณ : ... - [ 20 ม.ค. 49 03:20:31 A:61.91.126.31 X: TicketID:087386 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ผมมองงี้นะ... ได้ดู Passion of The Christ มีจังหวะหนึ่ง พอจะเข้าใจได้ว่า ความรักของคริสตศาสนาคืออะไร ลองพยายามนึกดูสิครับ ว่าคนประเภทไหน ที่มีความรักมากพอที่จะ ไม่รู้สึกอะไร เวลาที่คนตบหน้า ก็ยืนหน้าอีกข้างให้เขาตบ... ผมว่า คนประเภทนั้น ก็คือคนที่ไม่มีอัตตาแล้ว คนที่ ปลดเปลื้องอารมณ์ไปหมดแล้ว และพิจารณาได้ว่า ถูกตบหน้า นั่นก็คือ การที่มีคนคนหนึ่ง เอามือมากระแทกที่ใบหน้าใบหนึ่ง (เหนือจากการเป็นตัวเราของเราหน้าเรา มือของเขาด้วย) แล้วก่อให้เกิดความเจ็บปวดทางกายแก่ร่างที่มีใบหน้านั้นอยู่ เป็นคนประเภทที่ ตัดวงจรที่ก่อให้เกิด ความโกรธ ได้ (วงจรนี้ในทางพุทธได้แก่ อวิชชา ผัสสะ วิญญาณ สัญญา ฯลฯ จำไม่ได้อ่ะ...) และจะเห็นว่า คนคนนั้นไม่มีตัวตนปรากฏอยู่เลย ไม่มีเขา ไม่มีเรา ไม่มีโกรธ ผมจึงมองว่า ความรักสุดยอดแท้จริงในคริสตศาสนา (รักจนไม่เหลือตัวคน ตัวกูของกู ตัวเขาของเขา) ก็คือสิ่งเดียวกับ อนัตตา ในศาสนาพุทธ ครับ จากคุณ : กบสายตาสั้น - [ 20 ม.ค. 49 09:07:19 A:203.107.217.61 X: TicketID:091836 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เมื่อรักแล้วย่อมคาดหวัง การคาดหวังคืออัตตา กิเลสก็คืออัตตา ความรักก็คืออัตตาอย่างหนึ่ง ...ทุกอย่างคือ อัตตา จากคุณ : จุ๊บยางเป็ดน้อย - [ 20 ม.ค. 49 11:16:50 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ผมก็อยากให้คนไทยเมตตากันมากขึ้น อยากให้อเมริกันเลิกทำสงครามเข่นฆ่าชาวอิรัก ถ้าอยากรู้เรื่องความรัก อ่านเพิ่มเติมที่นี่ สาระแห่งชีวิต คือรักและเมตตา พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก: วัดสุนันทวนาราม http://larndham.net/index.php?showtopic=15104 จากคุณ : มังกรใจเย็น - [ 20 ม.ค. 49 12:24:14 ]

ความคิดเห็นที่ 27 #21 quote ผิดนะครับ ที่ถูกคือ all men are created equal, that they are endowed by their Creator with certain unalienable Rights, that among these are "Life, Liberty and the Pursuit of Happiness". รักอยู่ตรงไหนหรือครับ ผมมองไม่ออก แต่ถ้าคุณคิดว่าอารยธรรมอเมริกามีความรักเป็นพื้นฐาน ลองหาอ่านเป้าหมายของอเมริกาหรือที่เรืยกว่า Manifest Destiny ดูนะครับ จะได้เข้าใจว่า "all men" หมายถึงอะไร จากคุณ : HotChoc - [ 20 ม.ค. 49 13:13:01 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ผมคิดว่า ความรัก ในคริสตศาสนา เป็นมากกว่า "รักแล้วคาดหวัง" ครับ แบบนั้นมันตื้นเขินเกินไป และไม่ใช่ปรัชญา "ยื่นหน้าให้เขาตบ" แบบคริสตศาสนาด้วย สุดยอดของแต่ละศาสนา ไม่ใช่สิ่งที่เข้าใจกันได้ง่ายๆ ตีความกันสะดวกๆ อย่างที่เป็น รักแล้วต้องคาดหวัง...คิดได้ยังไง ไม่ได้เข้าประเด็นกระทู้นี้เลย ไม่ใช่วิธีคิดแบบศาสนาเลย (ไม่ว่าจะพุทธหรือคริสต์...) จากคุณ : กบสายตาสั้น - [ 20 ม.ค. 49 13:19:06 A:203.107.217.61 X: TicketID:091836 ]

ความคิดเห็นที่ 29 อ่านแล้วงง ไม่รู้เรื่องเลยแหะ ไม่เข้าใจเลยสักอย่าง แต่ที่แน่ใจ คือผมรักคุณ จากคุณ : กามล สถิตคาน - [ 20 ม.ค. 49 13:23:46 A:210.86.216.56 X: TicketID:113657 ]

ความคิดเห็นที่ 30 "จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเอง" มันเป็นกิเลศตรงไหน นี่มันเหมือนกับการลดอัตตา ตัวกูของกูเลยนะครับ อ๊ะ ล่อเป้าได้ผล - -' จากคุณ : cookiecompany - [ 20 ม.ค. 49 18:18:07 ]

ความคิดเห็นที่ 31 "พระเจ้าไม่ได้รักท่าน อย่างที่ท่านรักหญิงสาวบางคนแล้วอยากจะปี้" มีท่านผู้หนึ่งเป็นคริสตังเขาเล่าให้ฟังว่าอย่างนี้ครับ ความรักในศาสนาคริสต์ก็ละเอียดอ่อน ไม่ใช่เห็นดีเห็นงามกับกิเลสไปซะหมด แต่ความรักในศาสนาพุทธจำแนกไว้ได้ลึกซึ้งกว่าเท่านั้น ผมเข้าใจว่าวิธีของพุทธ(ที่ไม่ใช่ZEN)การจะละอะไรสักอย่างที่ลึกซึ้งก็ต้องศึกษาเข้าใจมันก่อนอย่างลึกซึ้ง จนคนบางคนที่ไม่ศึกษาก็ไม่เข้าใจ แล้วก็มั่วส่งเดชกลายเป็นคำถามที่ไม่ค่อยใช้สติล่ะนะ ป.ล.ที่ผมละ(ZEN)ไว้เพราะจากที่ศึกษาZENคือความลึกซึ้งในทุกสิ่งครับ บรืนๆๆ~ จากคุณ : Jinx D Wednesday - [ 21 ม.ค. 49 00:00:21 ]

ความคิดเห็นที่ 32 คท29 แต่ที่แน่กว่า ก ไม่รัก ม 555 จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day - [ 21 ม.ค. 49 03:21:01 ]

ความคิดเห็นที่ 33 Just like heaven หนังใหม่ฉายอยู่ ดูช่อง 3 ตัวอย่างหนัง เป็นเรื่องหญิงสาวกลับมาที่อพาร์ทเมนท์ พบชายหนุ่มมาอยู่ในห้องเธอ ชายหนุ่มก็บอกว่าเขาอยู่อย่างถูกต้องมีสัญญาด้วย และหญิงสาวก็เดินทะลุประตู และโผล่หัวในตู้เย็นได้ ชายหนุ่มและหญิงสาวจึงสืบหาความจริงว่า เธอคือใคร จึงเป็นเรื่องของหญิงสาวที่ตายไปแล้ว แต่ไม่เชื่อว่าตนเองตาย ดูเป็นหนังรักที่ไม่มีเลิฟซีน ไม่ได้ไปดู แต่อารยธรรมตะวันตกกล้าแสดงออก และมีอารยธรรมที่เปิดเผย จึงผลิตหนังมาตรงใจคนทั่วโลก และคนเอเชียด้วย ในขณะที่อารยธรรมเอเชียค่อนข้างเก็บ ดูพม่าสิ ผู้หญิงพม่าเอาไม้กวาดไปกวาดพื้นวัด ทั้ง ๆ ที่สะอาดอยู่แล้ว มีพุทธสถานสวยงามมากมายในพุกาม ฯลฯ แต่ชนกลุ่มน้อยมากมายกลับเข้ากันไม่ได้ ขอวิจารณ์เอเชียหน่อย สจ๊วดสายการบินใหญ่มาก ๆ ของไทยบอกผมว่า พวกหัวดำนี่โกงหมด (เขาบินไปทั่วโลกประจำ) จากคุณ : ตาสา - [ 21 ม.ค. 49 19:09:11 A:221.128.78.115 X:221.128.78.124 TicketID:112758 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ขอตอบแบบสั้นๆ -  ราคะ -  ความหลง จากคุณ : อั๋น ทรงวุฒิ - [ 21 ม.ค. 49 19:20:33 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ความรัก มันคืออะไรผมไม่แน่ใจขอความกระจ่างด้วยครัย จากคุณ : suks (suks) - [ 22 ม.ค. 49 23:17:55 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ความรักคือพระเจ้า คือความเป็นที่สุด คุณอยู่คนเดียว ฟังเสียงความเงียบยามค่ำคืน ให้ความเงียบผ่าตัดมันสมอง หากมีความคิดหรือถ้อยคำพูดดังขึ้น ก็อย่าไปติดยึด นี่คืออิสรภาพจากทุกสิ่งที่มนุษย์คิดสร้างขึ้น ในความรักนี้มีความตายอยู่ด้วย คืออิสรภาพจากความคิดและความรู้ของมนุษย์ ดังนั้นจึงปลดปล่อยจากความกลัวและพบกับความเป็นนิรันดร์คือพระเจ้านั่นเอง www.kfa.org จากคุณ : ตาสี - [ 23 ม.ค. 49 07:47:48 A:221.128.78.115 X:221.128.78.122 TicketID:112758 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ไม่ได้นับถือศาสนา แต่เชื่อในความรัก all you need is love :) แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 49 15:53:16 จากคุณ : มะเขือเทศน้อย - [ 23 ม.ค. 49 15:52:54 ]

ความคิดเห็นที่ 38 จขกท. สับสน ระหว่าง ความรัก กับ ความใคร่ หรือครับ รัก = เมตตา ใคร่ = หลง (กิเลส) จากคุณ : Prof.Sirius - [ 4 ก.พ. 49 05:19:34 ]