ความคิดเห็นที่ 18
เนื่องจากมีคน ได้หลังไมค์สอบถามเข้ามาเรื่อง มุข-มุก ... จึงนำหลักฐานมาชี้แจง ...
ปธ.ราชบัณฑิต"แจง"มติชน มุกตลก"ใช้"ก.ไก่
อ้างหลักฐานประวัติศาสตร์ เป็นคำไทยสะกดแบบไทย
จำนงค์ ทองประเสริฐ ประธานกรรมการชำระพจนานุกรมแห่งราชบัณฑิตยสถาน ยกหลักฐานประวัติศาสตร์ ยืนยันคำ"มุกตลก"ต้องใช้ "ก-ไก่"สะกด ไม่ใช่"ข-ไข่" อ้างเป็นคำไทย และถูกต้องตามหลักภาษาศาสตร์เรื่องการกลมกลืนเสียง ส่วน"มุข" แปลว่า"หน้า ปาก ประธาน" มั่นใจในเหตุผลอันรอบคอบของคณะกรรมการที่ได้จากเอกสาร การวิเคราะห์
จากกรณีที่มีข้อถกเถียงกันในคำว่า "มุขตลก" และ "มุกตลก" ควรสะกดด้วย "ก" หรือ "ข" ทั้งนี้ ในพจนานุกรม ฉบับมติชน ตีพิมพ์เป็นครั้งแรกในปี 2547 ให้ความหมายคำว่า "มุขตลก" หมายถึง แง่มุมที่ยกขึ้นมาให้เป็นเรื่องขำขัน ขณะที่พจนานุกรมของราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 ให้ความหมายคำว่า "มุกตลก" หมายถึง วิธีทำให้ขบขัน
ล่าสุด ศาสตราจารย์พิเศษจำนงค์ ทองประเสริฐ กรรมการราชบัณฑิตยสถาน ในฐานะประธานคณะกรรมการชำระพจนานุกรมแห่งราชบัณฑิตยสถาน ยืนยันว่า "มุกตลก" เป็นคำที่ถูกต้อง โดยมีหลักฐานอ้างอิงทางประวัติศาสตร์ยืนยันคำ "มุก" ใช้กันมานานแล้ว เป็นคำไทยสะกดแบบไทย ส่วน "มุข" นั้นให้ความว่า หน้า ปาก แต่ไม่พบความหมายของมุขที่หมายถึงเจรจาหรือพูด
ศาสตราจารย์พิเศษจำนงค์ทำจดหมายมายังบรรณาธิการข่าวหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ชี้แจงเรื่องคำว่า "มุกตลก" ระบุว่า ตามที่มีผู้รู้สึกสับสนเรื่องการใช้คำ "มุกตลก" และ "มุขตลก" ว่าที่ถูกต้องควรสะกดด้วย "ก" หรือ "ข" นั้น
ราชบัณฑิตยสถานขอเรียนชี้แจงถึงเหตุผลที่เก็บคำ "มุกตลก" ไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 ด้วยเหตุผลรวม 5 ข้อ
1.คณะกรรมการชำระปทานุกรม ที่มีนายเกษม บุญศรี เป็นประธานกรรมการ ได้มีมติเก็บคำมุกตลก เพิ่มไว้ในรายงานการประชุมครั้งที่ 4669/54 เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ.2528 ในการประชุมวันนั้น มีการเก็บคำและให้บทนิยามของคำต่างๆ ไว้รวม 19 คำด้วยกันคือ มีดกรีดกล้วย มีดกรีดยาง มีดเจียนหนัง มีดต้องสู้ มีดตัดกระดาษ มีดหัวเสียม มีดเหน็บ มีดเหลียน มือต้น มือปลาย มุกตลก มุขกระสัน มุขเด็จ มุขโถง มุขลด มุขบาฐ มุขปาฐะ มุขยประโยค มุโขโลกนะ
ที่คำว่า "มุกตลก" ใช้ ก สะกด คณะกรรมการชำระปทานุกรมได้ให้บทนิยามไว้ว่า "น. วิธีทำให้ขบขัน" ซึ่งก็มิได้มีความหมายเกี่ยวกับ "หน้า" เลย
การประชุมคณะกรรมการชำระปทานุกรมครั้งต่อมา ครั้งที่ 4670/55 เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ.2528 คณะกรรมการชำระปทานุกรมที่มีนายเกษม บุญศรี ทำหน้าที่ประธานกรรมการ ไม่มีมติแก้ไขใดๆ เกี่ยวกับคำ "มุกตลก" ที่เก็บไว้
2.เมื่อราชบัณฑิตยสถานดำเนินงานจัดทำต้นฉบับพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน โดยการชำระพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525(พิมพ์ครั้งล่าสุด พ.ศ.2539) ให้เป็นพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 และพิมพ์เผยแพร่ได้ใน พ.ศ.2546 ในการจัดทำได้นำคำศัพท์ต่างๆ ทั้งที่เก็บเพิ่มไว้และพิจารณาแก้ไขไว้แล้ว แต่ยังมิได้มีโอกาสเพิ่มเติมเข้าให้สมบูรณ์ มาเพิ่มเติมในการจัดทำต้นฉบับครั้งนี้คำ "มุกตลก" จึงปรากฏอยู่ในต้นฉบับดังกล่าว
ช่วง พ.ศ.2544-2545 ได้ดำเนินการจัดพิมพ์และตรวจพิสูจน์อักษรจนแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคม 2546 จนกระทั่ง พ.ศ.2547 ผู้ใช้ภาษามีความสับสนว่าควรใช้คำ "มุกตลก" หรือ "มุขตลก"
คณะกรรมการชำระพจนานุกรมจึงได้พิจารณาทบทวนคำ "มุกตลก" รวม 4 ครั้ง คือมีมติยืนยันว่า "มุกตลก" สะกดด้วย ก
เนื่องจากมีเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวกับการใช้คำว่า "มุก" ดังนี้
กลอนไดเอรีซึมทราบกับตามเสด็จไทรโยค พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์ ซึ่งสมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสามาตุจฉาเจ้า โปรดให้พิมพ์ประทานช่วยพระเจ้าพี่นางเธอ พระองค์เจ้าหญิงผ่อง ในงานทรงบำเพ็ญพระกุศลฉลองพระชันษาครบ 60 ปีบริบูรณ์ เมื่อ พ.ศ.2470 มีความตอนหนึ่งว่า
แถมโลกย, ฤๅแถม เปล่าเขาก็ใช้ ลางทีโลกย, เปล่าก็ได้ ไม่รู้เรื่อง
ลางทีเหลือแต่ โลโก โอ๊น่าเคือง อีกอย่างเยื้อง ไปเปนหยอด, ก็ยังมี
บางครั้งว่า หยอดตาลงขลุ้กขลุ้ก จะเล่นกันมุกใดไฉนนี่
หฤๅว่าเราสูบกันชาเปนราคี ก็ใช่ที่ไม่มีเค้าเราไม่รับ
-ละครชุดเบิกโรง เรื่องรามเกียรติ์ ตอนอภิเษกสมรส พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว องค์การค้าของคุรุสภาจัดพิมพ์ครั้งที่หนึ่ง พ.ศ.2504 มีความตอนหนึ่งว่า
(ศรทะนง : พระรามและพระลักษมัณแผลงศร, มารีจตกจากรถแล้วเซหายเข้าโรงไป สุวาหุตกจากรถ ตายกลางโรง, และพวกพลยักษ์ตายโดยมาก เชิด :
สองกษัตริย์เข้าโรง, พวกยักษ์ที่รอดตายวิ่งหนี,
และพวกพราหมณ์ไล่ตามตีด้วยพลอง และขว้างด้วยก้อนหิน, เล่นกวนมุกพอสมควร, แล้วหายเข้าโรงหมด)
-ใน "ไวพจน์ประพันธ์" ของพระยาศรีสุนทรโวหาร(น้อย อาจารยาง?ร) อ้างถึงคำว่า "มุก"
เรือใครใช้บันทุก เปลือกหอยมุกเอามาขาย
ช่างมุกประดับลาย ตลุ้มมุกสุกแวววาม
พวงสร้อยย้อยระยับ ล้วนประดับไข่มุกงาม
ในสวนของขุนราม กล้วยหักมุกสุกคาหวี
มุก กอ สกดใช้ มุกคำไทยใช้พาที
ฝ่ายมุขคำบาฬี สกด ขอ ข้อสำคัญ
มุขะแลมุขา แปลว่าหน้าทุกสิ่งสรรพ์
ใช้ทั่วทุกสิ่งอัน อวิญญาณสวิญญาณ
หนึ่งมุขแปลว่าปาก อีกคำหลากว่าประธาน
มคธบทพิจารณ์ คำปาโมกษ์ประมุขมี
มุขที่แปลว่าหน้า เหมือนคำว่ามุขมนตรี
หัวหน้าหมู่เสนี คือเสนาธิปะไตย
บ่ายมุขะมณฑล คือว่าคนบ่ายหน้าไป
มุขลดคล้อยพาไล ลดเป็นหลั่งชั้นหลังคา
น่ามุขคือสฐาน ที่เป็นด้านยื่นออกมา
ดังมุขแห่งพลับพลา ที่ประทับเจ้าภูวดล
ตรีมุขว่าสามน่า เช่นศาลาสามมุขยล
เป็นอย่างอ้างยุบล แบบตรีมุขทุกสฐาน
น่ามุขทั้งสี่ทิศ งามไพจิตรเพียงวิมาน
สยามนามขนาน จัตุระมุขสีน่าบัน
คำเรียกแก้วมุกดา ใช้กันมามากครามครัน
มคธบทสำคัญ นั้นท่านว่ามุตตาตรง
คำแผลงสังสกฤษฎ์ ตัว ตอ บิดผันผ่อนลง
เป็น กอ สกดคง คำใช้ชุกเป็นมุกดา
เช่นคำว่าสัตติ เป็นศักดิโดยภาษา
กด กับ กก วาจา เปลี่ยนกันได้ในวิถี
มุขเขมรใช้เจรจา แปลว่าหน้าเหมือนบาลี
ชรอยแต่เดิมที มคธใช้ได้ติดมา
รวมมุกที่รำพัน หมดด้วยกันสิบวาจา
นักเรียนเพียรศึกษา ได้ปัญญาใหญ่กว้างขวาง
3.การสอบถามข้อมูลจากบุคคล เช่น ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร ศาสตราจารย์วิสุทธ์ บุษยกุล ศาสตราจารย์เรืองอุไร กุศลาสัย ดร.สวนิต ยมาภัย สรุปได้ความว่า คำ "มุก" เป็นคำที่ใช้กันมานานแล้ว เป็นคำไทย สะกดแบบไทย ทั้งนี้ ดร.สวนิต ยมาภัย ให้ข้อมูลว่า ประมาณ พ.ศ.2485 มีคำว่า มุก มุกกิ๊ก และโม้กิ๊ก ใช้ในภาษาพูด เป็นคำภาษาปากหรือคำคะนอง แปลว่า ปด หลอกให้คนมีอารมณ์ขัน คำว่า กิ๊ก เป็นคำที่ตัดมาจาก กิ๊กหน้าวุ้ย ซึ่งเป็นคำผวน มาจาก กุ๊ยหน้าวิก
4.เมื่อพิจารณาตามหลักทางภาษาศาสตร์ เรื่องการกลมกลืนเสียง(assimilation) จากคำมุกกิ๊ก ที่มีใช้กันมาเกิดการกลมกลืนเสียง ก "มุก" ก็ควรสะกดด้วย ก หรือพิจารณาตามหลักนิรุกติศาสตร์คำ โม้กิ๊ก กลายเสียงเป็น มกกิ๊ก แล้วเป็น มุกกิ๊ก ในที่สุด
ซึ่งการกลมกลืนเสียงลักษณะเช่นนี้ พบในคำไทยหลายคำ เช่น โท่ง เป็น ทุ่ง อ่อนไท้ เป็น อรไท
5.ในพจนานุกรมภาษาบาลีสันสกฤต ให้ความหมายคำ "มุข" ไว้ว่า หน้า ปาก ประธาน พจนานุกรมภาษาเขมร ให้ความหมาย "มุข" ไว้ว่า หน้า ปาก ประธาน ที่ หน้าที่ แผนก แบบอย่าง ทางสาธารณะไม่พบความหมายของ มุข ที่หมายถึง เจรจาหรือพูด
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว คำใดที่พอจะอนุโลมเข้ากับคำบาลีหรือสันสกฤตได้ ท่านก็มักจะ "จับบวช" หรือ "ลากเข้าวัด" เช่นคำว่า "เข้าสาน" ก็กลายเป็น "ข้าวสาร" คำว่า "สานหลวง" ก็กลายเป็น "ศาลหลวง" คำว่า "ปากใต้" ก็กลายเป็น "ปักษ์ใต้" ฯลฯ พระราชวรวงศ์เธอกรมหมื่นพิทยาลงกรณ(น.ม.ส.) ได้ทรงเขียนไว้ในคำนำหนังสือ "ปกีรณำพจนาดถ์" ของ พระยาศรีสุนทรโวหาร(น้อย อาจารยาง?ร) ตอนหนึ่งว่า นักปราชญ์ในสมัยก่อนท่านจะบัญญัติคำอะไรขึ้นมา ท่านมิได้บัญญัติจาก "ความไม่รู้"
ศาสตราจารย์พิเศษจำนงค์กล่าวว่า โดยเหตุผลดังที่กล่าวมาข้างต้น คณะกรรมการชำระพจนานุกรมได้พิจารณาด้วยความรอบคอบแล้วจากทั้งเอกสาร บุคคล และการวิเคราะห์ตามหลักภาษา มีมติยืนยันว่า ในคำว่า "มุกตลก" นั้น คำ "มุก" ต้องสะกดด้วย ก ไม่ใช่ ข
ข่าวจากมติชน
จากคุณ :
UPluto
- [
26 มี.ค. 49 13:44:54
]
|
|
|