ความคิดเห็นที่ 1 น่าจะเกิดจากการคำนวณในขั้นตอนการออกแบบแล้ว ผมไม่ทราบว่าเขาจะออกแบบเหมือนรถหรือเปล่าคือวาดแบบมาก่อนแล้วแก้ไขรายละเอียด ใช้สูตรคำนวณให้เกิดความสมดุล จากนั้นก็เอาไปสร้างแบบจำลองดินเหนียวเสมือนจริง สำหรับแบบจำลองเครื่องบินนั้นเขาก็เอาไปทดสอบในอุโมงค์ลมด้วย หาข้อบกพร่อง ปรับนู่นปรับนี่ ซึ่งถ้าผ่านขั้นตอนต่างๆออกมาเรียบร้อยแล้วก็จะสร้างของจริงตามสเกลเป๊ะๆ มันก็จะไม่มีปัญหาอะไร NP. ผมก็ว่ามันน่าจะเป็นยังงี้แล จากคุณ : Azureus - [ 27 เม.ย. 49 00:54:46 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คงจะแบบนี้ จากคุณ : Azureus - [ 27 เม.ย. 49 00:57:01 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ที่ผมสงสัยก็คือว่า ในบางเที่ยวบินที่มีน้ำหนักไม่เท่ากัน เช่น บางเที่ยวหนักไปทางหัว บางเที่ยวหนักไปทางหาง หรือบางเที่ยวหนักไปทางซ้ายหรือขวา   เพราะน้ำหนักในการบรรทุกคนและของในแต่ล่ะเที่ยวคงไม่เท่ากัน เพราะอย่างในเครื่องบินบังคับถ้ามีการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักของเครื่องเช่นเปลี่ยน BATT ที่หนักขึ้น จะต้องมีการ SET CG ใหม่ไม่งั้นมันจะบินไม่ดีเลยครับ เลยสงสัยว่าเครื่องบินโดยสารเค้าจะ Set จุด CG ได้อย่างไรครับ หา CG ยังไง และ ถ่วงน้ำหนักยังไงครับ หรือว่าไม่ต้อง SET CG เหมือนเครื่องบินบังคับ เพราะเครื่องบินโดยสารลำมันใหญ่ น้ำหนักเปลี่ยนแปลงก็ไม่ต้องทำอะไรสามารถบินได้เลยหรอครับ ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 49 01:42:49 จากคุณ : bank09 - [ 27 เม.ย. 49 01:41:07 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คือเครื่องบินแ่ต่ละลำจะมี weight and balance manual ครับ ถ้าสำหรับพวกเครื่องบินพาณิชย์ใหญ่ๆ(เล็กๆก็ต้องทำ) เค้าจะมี เจ้าหน้าที่สำหรับเชค weight and balance ก่อนที่จะใส่ของไปในเครื่องบินทุกๆครั้ง ว่าของชิ้นไหนจะต้องวางตรงไหน คนนี้จะทำหน้าที่ทั้งตรวจดูน้ำหนักว่าต้องวางตรงไหนให้ cg ถูกต้อง แล้วก็ดูว่าของชิ้นไหนควรวางตรงไหน เช่น ถ้าจะขนส่งวัตถุที่มีกัมมันตภาพรังสี ก็ไม่ควรเอามาไว้ใกล้ๆผู้โดยสาร เป็นต้น อีกเรื่องคือ จุด cg ของเครื่องบินมันไม่ตายตัวเป๊ะๆครับ มันมี range ที่สามารถเลื่อนไปมาได้ เรียกว่า static margin นี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ที่เวลาเราจะขึ้นเครื่องบินเค้าจะจำกัดน้ำหนักกระเป๋า แล้วก็ต้องชั่งน้ำหนักกระเป๋าไงครับ จากคุณ : Vagabundo - [ 27 เม.ย. 49 01:56:35 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เครื่องบินจะมีคอมพิวเตอรweight and balance computerเป้นตัวควบคุม แต่ละเทียวบินจะรุ้นำ้หนักและของและนำมัน ถ้าเครื่องบรรทุกไม่เต้มคอมจะบอกให้เอากะเป่าไปไวตามจุดทีพอดีCG จากคุณ : joe - [ 27 เม.ย. 49 02:27:28 A:199.64.0.252 X: TicketID:051689 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ของที่เข้าท้องเครื่องเค้าแพ๊คใส่ตู้แล้ววัดน้ำหนักก่อนโหลดเข้านิคับ ส่วน นน.ผู้โดยสารนี่คงไม่ต้องคำนวณเพราะโดยธรรมชาติก็นั่งกระจายกันไปอยู่แล้ว ส่วน CG ของเครื่องบินคงรู้ตั้งแต่ออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์แล้ว จากคุณ : catia (Regent) - [ 27 เม.ย. 49 02:46:53 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผมบอกคุณแล้วไงว่า จะมีตู้บางตู้ที่ใส่ใต้ท้องเครื่องบินเพื่อถ่วงน้ำหนัก จากคุณ : kimoro - [ 27 เม.ย. 49 03:21:38 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ที่เห็นตู้โหลดเข้าใต้ท้องบางตู้เป็นตู้สินค้าหรืออาจะเป็นกระเป๋าของผู้โดยสาร แต่บางตู้เป็นตู้ถ่วง จากคุณ : kimoro - [ 27 เม.ย. 49 03:24:47 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แสดงว่า เจ้าของกระทู้ ไม่ได้ดูกบนอกกะลา ใช้ตู้ถ่วงเอา ข้างในตู้ถ่วงจะเป็นถุงทราย จากคุณ : ^_^ - [ 27 เม.ย. 49 04:54:54 A:203.209.117.94 X: TicketID:117928 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เขาโหลดสัมภาระตามที่คู่มือกำหนดไว้ครับ แต่ที่สำคัญ น้ำหนักส่วนใหญ่คือ น้ำหนักของน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งอันนี้เขาสามารถบาลานซ์ได้ง่าย เพราะมันไหลไปไหลมาได้ จากคุณ : ช่างไฟ - [ 27 เม.ย. 49 07:53:28 ]

ความคิดเห็นที่ 11 #10 ส่วนใหญ่แล้วผมว่าเครื่องบินไม่ได้ใช้น้ำมันบาลานซ์นะครับ เพราะน้ำมัน ไหลไปมาได้ง่ายจริง แ่ต่ถังน้ำมันก็อยู่ในปีกนี่ครับซึ่งมันก็น่าจะอยู่ในช่วง static margin ไม่น่าจะให้ผลอะไรมากต่อบาลานซ์ของเครื่องบิน แต่ตัวอย่างของเครื่องบินที่ใช้น้ำมันบาลานซ์ตัวเองก็มี คือ คองคอร์ด(ที่เลิกใช้ไปแล้ว)ครับ คองคอร์ดมีถังน้ำมันกระจายตามส่วนต่างๆทั่วปีก แล้วก็มีระบบปั๊มน้ำมันไปมาระหว่างถังต่างๆ เพื่อรักษาบาลานซ์เครื่องบิน จากคุณ : Vagabundo - [ 27 เม.ย. 49 08:14:26 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เรื่อง CG ต้องคำนวนใหม่ทุกเที่ยวบินครับ ถ้าไม่พอดีก็ถ่วงด้วยโหลดที่เป็นถุงทราย อย่างที่ว่าไว้ จากคุณ : ไก่กระดูกนิ่ม - [ 27 เม.ย. 49 10:39:42 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ลองไปดูกบนอกกะลาย้อนหลังดูครับ www.mcot.net หรือ http://hiptv.mcot.net อย่างการบินไทยเค้าจะมีหน่วยที่เรียกว่า Red Cap ครับ คอยจัดการเรื่องนี้ จากคุณ : Bird (Bird_Tiger) - [ 27 เม.ย. 49 11:04:42 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เคยได้ยินว่า มีการอัพเกรดให้ผู้โดยสารผู้โชคดีบางราย ได้ไปนั่งชั้นบิสิเนส เพื่อการถ่วงน้ำหนักด้วย ไม่รู้เป็นเหตุผลจริงๆหรือเปล่า ใครเคยโชคดีแบบนี้มั๊ง พี่ที่ผมรู้จักคนนึงเคยได้ครั้งนึง จากคุณ : ksk - [ 27 เม.ย. 49 12:08:36 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เขาอัพให้เพราะชั้นปกติมันเต็มมั้งครับ จากคุณ : MaSaChi - [ 27 เม.ย. 49 12:37:47 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เครื่องแอร์บัสทั้งหลายก็ใช้น้ำหนักของน้ำมันบาลานซ์เครื่องได้ครับ เพราะมีถังน้ำมันสำหรับ APU อยู่ที่ท้ายเครื่อง และนักบินสามารถควบคุมน้ำหนักส่วนนี้ได้(นิดหน่อย แต่ก็มีผลเพราะอยูไกลจาก CG มาก) จากคุณ : Ontjung - [ 27 เม.ย. 49 13:10:46 ]

ความคิดเห็นที่ 17 แล้วอย่างนี้เครื่องรุ่น MD11 จะบาลานซ์ลำบากมั๊ยเนี่ยถ่วงข้างหน้ามากหน่อย เพราะข้างหลังหนักเครื่อง จากคุณ : kimoro - [ 27 เม.ย. 49 13:30:01 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณทุก ๆ ท่านครับผม จากคุณ : bank09 - [ 27 เม.ย. 49 23:33:44 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ยืนยัน คคห 4 , 11,12 ,14 ครับ เครื่องบินจะมี range ให้ว่า cg  ต้องอยู่ระหว่างเท่านั้นเท่านี้ load conroller(red cap) ก็จะจัดมาให้อยู่ช่วงนั้น แล้วจะมีคอมคำนวนว่าน้ำหนักแต่ละตู้สินค้าเท่านี้ อยู่ตำแหน่งนี้ เที่ยวบินนี้ cg รวมจะเป็นเท่าไหร่ เอามาเสนอนักบินอีกที นักบินก็ดูว่าอยู่ใน normal range จริงมั้ย เรื่องอัพเกรดผู้โดยสารมีทั้งสองกรณีคือ balance ไม่ได้ และที่นั่ง economy เต็ม ถ้าย้ายท่านผู้โดยก็แล้ว cg ยังout of range ก็เอา หิน ทราย ไปถ่วงตามตำแหน่งต่างๆ แต่ก็เปลืองน้ำมันเพิ่ม น้ำมันในท้ายเครื่องเรียกว่า trim tank ครับ ไม่ได้เอาไว้ให้ apu โดยเฉพาะแต่เอาไว้เก็บน้ำมันเพิ่ม และคอย ปรับให้ cg เครื่องบินอยู่ในช่วงประหยัดที่สุด โดยถ่ายเทน้ำมันเข้าไปที่ trim tank ซึ่งอยู่ที่แพนหางระดับ ระหว่างบินระดับนะครับ ย้ำว่าระหว่างบินระดับหรือไต่ขึ้นไปสูงๆแล้ว ตอนวิ่งขึ้นกับร่อนลงไม่มีการถ่ายน้ำมันเด็ดขาด อันตรายมาก จะมีisolate valve ซึ่งคอยปิดเวลาใกล้ๆพื้น เอ๊ะ ขาดผู้เชี่ยวชาญทุกเรื่อง อีกท่านที่เก่งๆไปนี่นา เห็นท่านเป็นอะไรอีกหลายๆอย่างเลยด้วย คนอะไร เก่งไปหมด ทู้นี้ไม่เห็นมาตอบ ผมจะได้มาอ่านเอาความรู้ ไว้รอท่านมายืนยันอีกครั้งนะครับ จากคุณ : ผมมันมั่วครับ น่าเชื่อมั้ย? (Pratt&Whitney) - [ 28 เม.ย. 49 09:02:31 ]

ความคิดเห็นที่ 20 หลัก ๆ เลยนะ เครื่องบินแต่ละลำจะมีค่า Basic Index (BI)อยู่ค่าหนึ่งมาจากโรงงาน คอยบอกว่า CG ของตัวเครื่องเปล่า ๆ ไม่มีน้ำมัน ไม่มีอะไรเลยเป็นเท่าไหร่ จากนั้น บวก/ลบ Index ของ ลูกเรือ, Catering เข้าไป เรียกว่า Dry Operating Index (DOI) ต่อไปถึงคิวของ dead load  คือกระเป๋า สินค้า และ ไปรษณีย์ภัณฑ์ ที่อยู่ใต้ท้องเครื่องบิน (Cargo Compartment) ที่แบ่งเป็น Zone หรือ Compartment ปกติจะมี 4 หรือ 5 Compartment ว่าในแต่ละ Compartment มีน้ำหนักของ Dead Load กี่กิโลกรัม คิดเป็น Compartment ละกี่ Index ก็ บวก หรือ ลบ เข้าไป จะได้เป็น Dead Load Index (DLI) จากนั้นเอา Index ของผู้โดยสารทั้งลำใส่ลงไป บน Cabin จะแบ่งเป็น Zone แต่ละ Zone มีผู้โดยสารนั่งกี่คน คิดเป็นกี่ Index ก็บวก/ลบ ไป ก็จะได้ Load Index Zero Fuel Weight (LIZFW) มาถึงขั้นนี้จะมาเปรียบเทียบดูกับ Trim Chart ของเครื่องบินแต่ละแบบ แต่ละ Cabin Configuration ว่าอยู่ในกรอบ Zero Fuel Weight Limit หรือไม่ ต้องดูว่าเกิน Max Take Off หรือไม่ Forward และ Aft limit เป็นเท่าไหร่ LIZFW อยู่ในกรอบ ดังกล่าวหรือไม่ นี่คือ CG ของเครื่องบินที่พร้อมปฏิบัติการบิน จากนั้นบวก Index ของน้ำมันเข้าไปจะได้ Load Index Take Off Weight (LITOW) แล้วก็มาเช็คกับ Trim Chart อีกทีว่าค่า CG อยู่ในกรอบ Take Off Limit (คนละกรอบกันกับ Zero Fuel Weight ) หรือเปล่าถ้าอยู่ในกรอบก็ออกบินได้ ถ้านอกกรอบต้องมีการโยกย้าย ทั้งบน Cabin และ/หรือ Compartment หรือ ตัดของบางอย่างออกเพื่อให้ CG อยู่ในกรอบที่กำหนดไว้ แต่โดยปกติจะเลือกจัดการกับของใน Compartment ก่อน ส่วนทรายถ่วงเรียกว่า Ballast มีทั้งเป็นถุงทรายบรรจุอยู่ในตู้ Container และวางบน Pallet โดยปกติถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ จะไม่ใช้เพราะต้องแบกไป แบกกลับ Burn น้ำมันเปล่า ๆ จากนั้นนักบินก็จะนำค่า CG ที่ได้ ไปใส่ลงในคอมพิวเตอร์ของเครื่องบินอีกที่เพื่อเซ็ตค่าต่าง ๆ ให้เหมาะสมต่อไป ส่วนคอมพิวเตอร์ของเครื่องบินที่รู้น้ำหนัก และ คำนวน CG เองได้นี่ ตอนนี้เท่าที่ทราบ ยังไม่มีเครื่องบินแบบใดทำได้ ครับ คร่าว ๆ คงพอเข้าใจนะครับ แก้ไขเมื่อ 28 เม.ย. 49 09:56:25 แก้ไขเมื่อ 28 เม.ย. 49 09:55:16 จากคุณ : satcom - [ 28 เม.ย. 49 09:39:48 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณทุก ๆ ท่านอีกทีครับ แก้ไขเมื่อ 28 เม.ย. 49 22:47:39 จากคุณ : bank09 - [ 28 เม.ย. 49 22:39:55 ]