ความคิดเห็นที่ 1 มันมา ด้วย อัตราไหล เท่ากับ C.I.A ไม่ได้มาป่วนนะ วิชาการ เต็มๆ 100% จากคุณ : polar bear sushi (The Polar Bear) - [ 25 พ.ค. 49 22:38:33 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ^ อย่างข้างบนว่ามาล่ะครับ Q=CIA พื้นที่ภูเขาสูงชัน แถมโดนตัดไม้ถ่งป่า ขาดการอุ้มน้ำ C สูง มีเนื้อที่บรเวณออกกว้างขวาง A ก็มาก ฝนตกหนัก ๆ ขนาดนั้น I สูง ๆ จากคุณ : NooM_Suphan - [ 25 พ.ค. 49 22:44:47 ]

ความคิดเห็นที่ 3 น้ำมา ป่าหมด กลายเป็น ซุง มาแทน จากคุณ : กุมารทอง - [ 25 พ.ค. 49 22:51:45 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้ามีป่าไม้อยู่บนภูเขาช่วยชะลอน้ำฝน น้ำก็สามารถซึมลงดินได้เรื่อย ๆ จนถึงขีดความจุสนาม มันก็ยังลดปริมาณน้ำไปได้เยอะ แต่พอไม่มีป่า อัตราน้ำฝนที่ตก > อัตราน้ำที่ซึมลงดิน = Run off ถ้าเป็นที่สูงอาจมี land slide แถมอีก ระดับความรุนแรงก็ข้นอยู่กับปัจจัยตาม คห. บน จากคุณ : Conan-dum - [ 25 พ.ค. 49 23:05:30 ]

ความคิดเห็นที่ 5 บวกกับฝายกั้นน้ำแตกด้วยครับ จากคุณ : Love is Blue - [ 25 พ.ค. 49 23:29:34 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มาจากทะเลครับ ที่ไหล ทะลัก อย่างนั้น ไม่ได้เกิดจาก การตัดไม้ทำลายป่า เพราะ บริเวณ ที่โดนน้ำป่านั้น มีแต่ ป่าไม้อุดมไปทั้งหมด แต่เกิดน้ำป่าเพราะ ปริมาณ น้ำฟ้า มีมาก ในเวลาสั้นๆ และเกิดจากการมีฝนตกสะสม มาก่อน ล่วงหน้า 7 วันแล้ว วันที่น้ำมานั้น ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน มีปริมาณ ฝน ประมาณ 100 ม.ม. วันที่โดนน้ำนั้นมีปริมาณฝน 200 มม. สองวันติดกัน ย่อม ไม่มีอะไรที่จะต้านทานแล้วครับ ตำบลแม่พูนนี่ คือตำบลที่ดินดำน้ำชุ่มจริงๆ แต่สภาพภูมิประเทศ เป็น ชายของหุบเขา เป็นตำแหน่ง ของ รอยต่อระหว่าง ร่องเขา สองข้าง แคบๆ แล้ว ต่อมา ก็เป็นที่ราบ แบบที่มี slope ประมาณ 5 - 10 % พอดินบนเขา หญ้าบนเขา ต้นไม้บนเขา รับน้ำไม่ได้ จึงค่อยๆ ปล่อยมาทีละสาย สองสาย ต่อเนื่องกันมา เป็นวันๆ น้ำสองสาย เป็น สิบสายยี่สิบสาย สุดท้าย ก็ไม่มีอะไรมาต้าน หากจะว่าไปแล้ว  การพังทะลายของดิน ของหน้าดินในป่านั้น มีมาตลอด แต่เป็น ความรุนแรงที่ต่างกัน ปัจจัยหลักคือ ปริมาณ น้ำฝน ที่มาจาก ทะเล ที่เทลงมามากๆ ในเวลาสั้นๆ  ครับ   การตัดไม้ทำลายป่า มีผลน้อยมาก ต่อการ หลากของน้ำฝน เพียงแต่ ไม่มีต้นไม้ ใหญ่ มาชะลอเท่านั้นเอง แม้มีต้นไม้ใหญ่ ก็ยังไม่อาจลดความรุนแรงได้ ดูคลื่นสินามิเป็นตัวอย่างครับ  คลื่นสูงกว่า ต้นมะพร้าว สูงกว่าต้นสน สุดท้าย ต้นไม้ใหญ่ ที่หาญมาขวางทางน้ำ  ก็ต้องล้มลงไป แต่ต้นอ้อต้นแขม ที่คอยลู่ตามน้ำตะหาก ที่ยังอยู่ จากคุณ : น้าพร - [ 25 พ.ค. 49 23:39:24 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ต้นไม้มีส่วนช่วยมากการดักน้ำในช่วงแรกและชะลอความเร็วน้ำให้น้ำไหลเบา นอกจากนั้นยังทำให้มีเวลาในการซึมลงดินมากขึ้น ทำให้มีน้ำใต้ดินด้วยซึ่งก้อจะไหลออกสู่แม่น้ำทำให้ไม่ขาดแคลนเวลาหน้าแล้ง คห5. ฝายก้อกั้นไม่อยู่ครับ ถึงเวลาแตกมันก้อแตกควบคุมไม่ได้ครับ จากคุณ : แฮมหล่อ - [ 26 พ.ค. 49 00:18:17 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ดูจากคม ชัด ลึกเมื่อคืนนี้ ทางเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรธรณีมาอธิบายให้ฟังไว้ (เหมือน ๆ กับที่ข้างบนอธิบาย) น้ำฝนที่ตกลงมาจะซึมลงในเนื้อดินของภูเขา แต่เนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่มีมากจนดินอิ่มตัวไปด้วยน้ำ น้ำฝนที่ยังตกลงมาก็จะอยู่ที่ผิวดินและไหลลงมา ส่วนดินที่ชุ่มไปด้วยน้ำก็เลยถูกชะลงมาด้วยเพราะความชันของลาดเขาที่ชันมาก  และเนื้อดินก็ไหลลงมาจนลาดเขาเหลือแต่ชั้นหิน จากคุณ : Mr. SJ - [ 26 พ.ค. 49 06:31:32 ]

ความคิดเห็นที่ 9 มีความเห็นเช่นเดียวกับ น้าพร ครับ น้ำป่ามีมาแต่โบราณ การไหลหลากเกิดจากน้ำฝนที่ตกหนักติดต่อกันเป็นเวลานาน ปริมาณน้ำฝนมีมากไป พื้นดินซึมซับไม่ไหวจึงไหลนองไปทั่ว  อีกทั้งเป็นพื้นที่ป่ากว้างใหญ่ แต่สภาพถูกกำหนดให้น้ำไหลไปทิศทางเดียกัน บริเวณที่ไหลรุนแรง จะมีลักษณะเป็นรอยต่อระหว่างร่องเขาหรือเนินสูง เมื่อทางน้ำถูกบีบให้แคบ (คล้ายเขื่อน) การไหลจึงรุนแรงครับ จากคุณ : บุญถิ่น - [ 26 พ.ค. 49 06:34:26 ]

ความคิดเห็นที่ 10 บ้านผมไม่เป็นไรครับเพราะบ้านผมชอบ "ตามน้ำ" จากคุณ : debud (ไปบวชมา 3 เดือน) (debud) - [ 26 พ.ค. 49 06:40:16 ]

ความคิดเห็นที่ 11 กระทู้นี้ได้ความรู้ดีค่ะ สงสารชาวบ้านแถว จว.ที่ประสบอุทกภัยจัง นี่ชาวบ้านแถวบ้านอิชั้นก็เตรียมตัวกันแล้ว เพราะปกติ น้ำที่มาจากทางเหนือ ไม่ว่าจะเป็นอุตรดิษถ์ แพร่ พะเยา น่านนี่ เกือบทุกปีจะไหลมาท่วมแถบที่ลุ่มในอำเภอที่อยู่(แถบแม่น้ำยม) ชาวไร่ชาวนางอมพระรามอีกตามเคยค่ะ.. เฮ้อ~ จากคุณ : i'm not superman - [ 26 พ.ค. 49 07:17:25 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ลับแลทำสวนผลไม้ตามลาดเขามานานมากแล้ว ไม่ได้มีการตัดไม้ ทำลายป่า มีแต่ปลูกไม้ผลเพิ่มเติมขึ้นเรื่อยๆ แต่อย่างที่ น้าพร ได้กล่าวไว้ ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาในสามวันนั้นมากจริงๆ ผืนดินอุ้มน้ำไว้ไม่ไหว ก็เลยเกิดการถล่มและคายน้ำปริมาณมหาศาลตามมา จาก น้ำตกแม่พูล ซึ่งเป็นเขา แต่พื้นที่เป็นดิน แยกออกมาที่ ผามูบ นานกกก น้ำริด สรุปว่า น้ำได้ถล่มเข้ามาสี่ทิศทาง รวมทั้งทางอำเภอท่าปลาด้วย ระยะทางจากอำเภอลับแลเข้ามาตัวเมือง น้ำเดินทางประมาณ 20 กม. สะสมกันมาเรื่อยๆ เมืองทั้งเมืองก็เลยจมน้ำ น้ำท่วมครั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับฝายกั้นน้ำ หรือเขื่อน ก้อนน้ำ ใหญ่กว่าฝาย มันโจนข้ามฝายมาเลย เขื่อนสิริกิตติ์ มีน้ำอยู่ในตัวเขื่อนประมาณ 40% เท่านั้น ยังมีน้ำเข้าเขื่อนน้อยมาก ภาพของต้นไม้ที่มองเห็นเกะกะในข่าว คือ ต้นทุเรียน ต้นลางสาด ทั้งนั้น อาจจะมีต้นไม้ที่ไม่ใช่ผลไม้ปะปนอยู่บ้าง น่าสงสารชาวลับแล สวนล่มหมด ถ้าจะฟื้นตัวใหม่ จะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 8 - 10 ปี ถ้าจะทำสวนผลไม้ต่อไป ฉะนั้น ปีนี้เตรียมกินผลไม้ลับแลราคาแพง หรือไม่มีกิน เลยแหละ น่าเป็นห่วงบริเวณอื่นๆ ที่อาจจะมีอาการเหมือนลับแล ที่ฝนตกลงมาในปริมาณมากติดต่อกันหลายวัน แล้วพื้นที่ไม่สามารถอุ้มน้ำไว้ได้ จากคุณ : Jacky Andersen - [ 26 พ.ค. 49 10:25:18 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ป่าที่มีแต่ไม้ผล ทำให้ไม่มีพืชเล็กคลุมดินหน้าดินจึงพังง่าย และยิ่งมีความลาดชันยิ่งพังง่ายขึ้นอีก จากคุณ : Love is Blue - [ 26 พ.ค. 49 12:58:50 ]

ความคิดเห็นที่ 14 พรุ่งนี้ผมว่าจะไปช่วยชาวบ้านที่อุตรดิตถ์ครับ  ช่วยกันคนละม้ายละมือ สงสารเค้า จากคุณ : spirit (pooktoon) - [ 26 พ.ค. 49 14:45:16 ]

ความคิดเห็นที่ 15 "หลงลับแล" คือทุเรียนที่ ถือว่าเป็น 1 ในสุดยอดของทุเรียนไทย คงไม่เหลือเพียงแต่ชื่อ นะ จากคุณ : น้าพร - [ 26 พ.ค. 49 20:48:07 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คำว่า  น้ำป่า  มีมานานมากแล้ว  คนที่เคยเดินป่าหรือชาวบ้านป่า ก็ล้วนตระหนัก ว่าไมได้มาแต่น้ำ แต่มีต้นไม้พร้อมรากและกอไผ่ เป็นกองหน้าบุกทลวงมา ถิ่นที่อยู่อาศัยแต่ก่อน(ครั้งยังเลือกได้) ก็จะหาทำเลที่ค่อนข้างปลอดภัย แต่เมื่อคนมากเข้า ทางเลือกน้อยลง ความเสี่ยงหรือกล้าเสี่ยงก็มากขึ้น   เรื่องตัดไม้ทำลายป่าอาจเป็นเพียงปัจจัยเสริมเท่านั้น ถึงไม่มีการตัดไม้เลย ก็มีน้ำป่าและดินถล่มได้ เป็นเรื่องธรรมชาติ สิ่งควรทำคือจัดดูแลวางผังเรื่องถิ่นที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน ให้ปลอดภัยและเหมาะกับสภาพแวดล้อมมากกว่า จากคุณ : ส (สารส้ม) - [ 26 พ.ค. 49 22:20:17 ]

ความคิดเห็นที่ 17 สำหรับคนที่สนใจ บริจาคแรงกาย ไปเป็นอาสาสมัคร ช่วยเคลียร์ซากปรักหักพัง และ ขุดขี้โคนออกจากบ้าน เชิญสมัครได้ที่ http://www.siamvolunteer.com ฝากบอกต่อ ๆ กันด้วยครับ จากคุณ : บก.ลายจุด - [ 27 พ.ค. 49 22:40:50 ]