ความคิดเห็นที่ 1 ผมงงกับ ผู้ชนะ คือ ผู้ที่เสนอราคาต่ำสุด โดยผู้ชนะ จะได้สิทธิในการซื้อของที่ประมูล นี่แหละ ประมูลนี่มันต้องเอาราคาสูงได้ไม่ใช่เหรอครับ ถ้าเป็นประมูลงานก็ว่าไปอย่าง จากคุณ : kjingjo - [ 7 มิ.ย. 49 13:32:04 ]

ความคิดเห็นที่ 2 น่าจะหมายถึงราคาต่ำที่สุดที่ประมูลแล้วได้ของรึเปล่า? ( จ่ายน้อยที่สุดแต่ชนะประมูลอะ ) จากคุณ : craftman - [ 7 มิ.ย. 49 13:50:26 ]

ความคิดเห็นที่ 3 งงเป็นไก่ตาแตกเลย จากคุณ : สยึมกึ๋ย - [ 7 มิ.ย. 49 13:53:00 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ประมูล 0 เหรียญครับ แบบเดียวกับทัวร์ 0 เหรียญไหมเนี่ย จากคุณ : Ice-man - [ 7 มิ.ย. 49 14:18:12 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอโจทย์เพิ่มหน่อย แต่ละครั้ง จะเสนอ ที่เวลาเท่าไหร่ก็ได้ใช่ป่าว แล้วถ้าเสนอพร้อมคนอื่นหละ ได้อย่างแน่นอนนี่ ไม่มีแน่นอนคับ นอกจะได้เสนอคนแรกที่ราคา ต่ำสุด (คือ 5c) (ถ้าโจทย์ให้เสนอ แบบไม่ต้องไล่ราคา) แต่ถ้ากำหนดสเต็บตายตัว3-4แบบ เฉพาะ ครั้งละ5c 10c 15c อาจจะต้องเล่นแค่2คน ซึ่งจะรู้ผู้ชนะอยู่แล้ว ถ้ามากว่า2เจ้า ก็จะมั่วๆ เจ้าที่3จะเลือกให้เจ้าที่1หรือ2ชนะได้ คนจะชนะ ก็เล่นไปง่ายๆให้ชนะ คนจะแพ้ เล่นให้ยุ่ง ซับซ้อนที่สุด ให้คนจะชนะทำพลาดเอง จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day - [ 7 มิ.ย. 49 14:24:03 ]

ความคิดเห็นที่ 6 จะใช้คำอื่นที่ไม่ใช่ประมูลก็ได้ครับ จะเรียกว่าเล่นเกมหรืออะไรก็ได้ครับ แต่ต่างประเทศ ผมก็เห็นเค้าใช้คำว่า auction โจทย์แบบนี้ มีจริงๆ เช่น ที่ผมเคยเห็นในเวป liverpoolfc.tv ซึ่งเป็นเวป official site ของทีม Liverpool ก็จะมีการประมูลกัน ใครให้ราคาต่ำสุด ที่ไม่มีใครซ้ำ ก็ได้สิทธิซื้อของนั้นๆไปครับ โจทย์ที่ว่า ไม่มีการไล่ราคา ไม่มีการกำหนด ใครจะเสนอราคาที่เท่าไหร่ก็ได้ ในช่วงระยะ 5c และจะเสนอตอนไหนของการประมูลก็ได้ ถ้ามีคนเสนอซ้ำ ก็อดทั้งหมดสำหรับราคานั้นๆไงครับ เพราะต้องไม่มีคนซ้ำเท่านั้น ถ้าเราเสนอก่อน แล้วได้ผลออกมาว่าไม่ซ้ำ (เพราะมันส่งผลการเสนอกลับมาให้เราดู) แต่ก่อนหมดเวลามีคนเสนอมา แล้วซ้ำกับของเรา ก็กลายเป็นว่าเราอดได้อยู่ดีครับ คนชนะคือ คนที่เสนอราคาต่ำที่สุด ที่ไม่ซ้ำ เท่านั้น ยกตัวอย่าง A ประมูลที่ 0.25 B ประมูลที่ 0.25 C ประมูลที่ 3.50 D ประมูลที่ 7.50 คนชนะก็คือ C ครับ จากคุณ : mini - [ 7 มิ.ย. 49 14:55:13 A:58.64.104.215 X: TicketID:093900 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ประมูลงานจัดซื้อจัดจ้างหรือเปล่า จากคุณ : oro - [ 7 มิ.ย. 49 15:27:24 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่ใช่ประมูลงานจัดซื้อครับ ประมูลเพื่อที่จะซื้อของครับ ผมอธิบายไม่เข้าใจตรงไหนเหรอครับ งงจริงๆ ว่าทำไมไม่ค่อยเข้าใจกัน เอาอย่างนี้ละกันครับ ถ้างงว่าทำไม คนที่เอาของออกมาให้ประมูล ถึงต้องการได้ราคาต่ำสุด มันง่ายๆ ก็เพราะว่า เค้าต้องการ จะได้เงินจากค่าใช้จ่ายในการประมูลแต่ละครั้งมากกว่า น่ะสิครับ (40c) ซึ่งนั่น ถ้ามีคนร่วมประมูลมากๆ เท่ากับว่า เค้าได้กำไรมากกว่าปกติด้วยซ้ำ เช่น ของราคา 1000$ อาจถูกประมูลในราคา 80c แต่ว่า มีคนประมูล 5000 ครั้ง ก็เป็นเงิน 2000$ แล้วนะครับ จากคุณ : mini - [ 7 มิ.ย. 49 15:38:15 A:58.64.104.215 X: TicketID:093900 ]

ความคิดเห็นที่ 9 is it a private value or common value game? private value = the value is unique to the individual entering bidding.. a bidder will not know the private value of other bidders.. but they may have some ideas over how the private value is distributed in the market.. common value = the value of the things in the auction is the same to everyone. แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 49 15:48:37 จากคุณ : Solow - [ 7 มิ.ย. 49 15:44:43 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เห็น#8และ แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 49 15:50:19 จากคุณ : ผักขมอบชีส - [ 7 มิ.ย. 49 15:46:24 ]

ความคิดเห็นที่ 11 #9 --- ผมไม่แน่ใจว่าแปลถูกรึป่าวนะครับ ราคาของ เป็นราคาที่มีในท้องตลาดครับ เช่น อาจจะเป็น คอมพิวเตอร์ ราคา 1000$ เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ หรือ แพกเกจไปท่องเที่ยวครับ เพิ่มเติมครับ เพื่อความเข้าใจอันตรงกัน (ผมอาจจะสื่อสารไม่ค่อยเก่งครับ) ไม่มีใครรู้ราคาเสนอของคนอื่นครับ ทุกคนจะรู้แต่ของตัวเอง ว่าที่เสนอไปซ้ำหรือไม่ ณ เวลาที่เสนอไป เพราะจะมีการตอบกลับมา ว่าได้เข้าร่วมประมูล และราคานั้น ซ้ำหรือไม่ซ้ำ แต่ถ้าหลังจากเสนอไปแล้ว มีคนมาเสนอซ้ำ เราก็จะไม่รู้ว่ามันซ้ำครับ ทุกคนจะเสนอที่ราคาเท่าไหร่ก็ได้ เริ่มต้นที่ 5c ครับ และแต่ละช่วงของการเสนอ ห่างกัน 5c จากคุณ : mini - [ 7 มิ.ย. 49 16:03:08 A:58.64.104.215 X: TicketID:093900 ]

ความคิดเห็นที่ 12 มันสำคัญตรงที่ต้องต่ำที่สุด และต้องไม่ซ้ำนี่แหละ ถ้ามีคนประมูลซัก 1000คนจะมีรายได้จาก 1. เสนออย่างน้อยคนละ 1ที 40c*1000 ได้ 400$ 2. ไม่รู้ว่ามีราคาไหนเสนอไปแล้ว จนกว่าจะได้เสนอราคาไปแล้วระบบตอบกลับมาบอกว่า "ซ้ำ" จะมีการเสนราคาซ้ำๆช่วงปลายๆที่ราคาน้อยๆ ทำให้มีการเสนอราคาซ้ำๆๆๆหลายๆรอบ 3. จากข้อ2 เมื่อมีการไล่ราคามาสูงๆ เงินที่ได้จากการเสนอซื้อแต่ละครั้ง+ค่าสินค้าราคาสูงขึ้น ยิ่งได้กำไรหลายต่อ 4.ถ้าราคาเสนอคนละหลายๆครั้งจนราคาซ้ำกันทุกช่วง ก็จะไม่ต้องขายและได้ตังฟรี กฎคือยิ่งมีคนสนใจมาก คนขายยิ่งได้กำไรมาก และโอกาสที่ผู้ซื้อจะได้ของยิ่งน้อยลงเป็นทวีคูณ กฎในการซื้อของคืออย่าซื้อของที่มีคนสนใจ และถ้าไม่อยากเสียตังฟรีก็ไปซื้อของราคาเต็มซะ ดูๆเหมือนจะให้โอกาสซื้อของในราคาถูก แต่จริงๆมันโกงยิ่งกว่าประมูลซื้อในราคาสูงๆ แต่ไม่เสียค่าใช้จ่ายอีกนะ จากคุณ : เดฟา - [ 7 มิ.ย. 49 17:32:47 A:203.188.33.44 X: TicketID:118993 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ผมลองเสนอกลยุทธ์เบื้องต้นโดยใช้ผลกำไรเป็นตัวตั้ง สินค้ามีราคา 1000 เหรียญ ในการที่จะไม่ให้ขาดทุน คุณต้องเสนอราคา รวมกับต้นทุนการเสนอราคาให้ต่ำกว่า ราคาสินค้านั้น เช่น เสนอราคาครั้งเดียว 999.6 กับค่าเสนอ .4 ครั้งเดียว การเสนอสองครั้ง มีค่าใช้จ่าย .8 ดังนั้น ราคาที่เสนอสองครั้งต้องรวมกัน ไม่เกิน 999.2 หากเราเสนอราคาสองครั้งใกล้เคียงกัน ต่างกันเล็กน้อย ถ้าได้ เราก็จะกำไรประมาณครึ่งหนึ่ง ถ้าไม่ได้ เราก็จะเสียค่าใช้จ่าย .8 หรือ .4*2 ถามว่า ทำอย่างไรถึงจะประมูลได้แน่นอน ขอคิดต่ออีกครับ จากคุณ : สามวาฯ - [ 7 มิ.ย. 49 17:46:25 ]

ความคิดเห็นที่ 14 โอย....    ตั้งโจทย์ได้งงมากๆ จากหัวข้อกระทู้"สมมติว่า มีการประมูลกัน โดยผู้ชนะ จะได้สิทธิในการซื้อของที่ประมูล ราคา 1000$ โดยมีข้อแม้ดังนี้" ไอ้ตรง"ได้สิทธิ์ในการซื้อของที่ประมูล ราคา 1000$"ตรงนี้ทำให้คนอ่านเข้าใจว่า หลังจากประมูลชนะแล้ว จะต้องซื้อสินค้านั้นด้วยราคา 1000$  ซึ่งจริงๆแล้วผู้ชนะจะสามารถซื้อสินค้านั้นได้ในราคาที่ยื่นประมูลแล้วต่ำสุดใช่มั๊ยครับ และจากคคห.ที่11 "แต่ถ้าหลังจากเสนอไปแล้ว มีคนมาเสนอซ้ำ เราก็จะไม่รู้ว่ามันซ้ำครับ" อย่างนี้เราก็ต้องเสนอราคาใหม่ต่อไปอีกเหรอ แม้ว่าตอนนี้เราเป็นผู้ที่เสนอราคาที่ถูกและไม่ซ้ำใคร อย่างนี้ผมไม่เอาด้วยคนหล่ะ ใครอยากเล่นก็เล่นไปเหอะ ผมรู้เรื่องทฤษฏีเกม  อยู่บ้าง อยากบอกว่า หากเป็นการเล่นเกมแค่ครั้งเดียวแล้วเลิก วิธีที่ดีที่สุดคือ การโกงครับ  อาจเป็นการติดสินบน การแกล้งร่วมมือกับผู้เข้าร่วมประมูลคนอื่นแล้วหักหลัง การปล่อยข่าวลือ   และผมคิดว่าอาจนำเอาทฤษฏีเกมมาใช้ไม่ได้ เพราะกรณีนี้ไม่เข้าลักษณะของการเป็นเกม ในทฤษฏีเกมครับ (แต่ผมอาจคิดผิดครับ )เพราะเรารับรู้ข้อมูลเพื่อใช้ตัดสินใจน้อยเกินไป และเป็นแค่การคาดเดา ไม่ใช่ข้อเท็จจริง จากคุณ : Ultrame - [ 7 มิ.ย. 49 18:04:12 ]

ความคิดเห็นที่ 15 หากทำการไล่ราคาจากล่างขึ้นบน ราคาช่วงละ .5 ค่าใช้จ่าย .4 1000 เหรียญ จะเสนอได้ทั้งหมด 0.5 + 0.4 = 0.9 1.0 + 0.4 = 1.4 ..... ..... (1+n)*n/2 *0.5 + 0.4n = 1000 n เป็นจำนวนครั้งที่ประมูล n ประมาณ 61 ครั้ง เอ...  แล้วถ้ามีการซ้ำกันของทุกช่วงราคา ใครจะได้ไปหรือ? ขออภัยครับ คิดผิดวิธี (ไม่แก้หรือลบนะนะ) แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 49 18:34:14 แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 49 18:17:01 จากคุณ : สามวาฯ - [ 7 มิ.ย. 49 18:04:16 ]

ความคิดเห็นที่ 16 จะเป็นคน หรือเครื่องก็ตาม จะเอาอะไรมาเป็นเกณฑ์ ในการตัดสินใจหยุด ในเมื่อเราไม่สามารถรู้ได้ ว่าคนอื่นมาซ้ำเราแล้ว การเสนอเรานั้นล้มเหลว และจะต้องเสนอใหม่ จากคุณ : nerdster - [ 7 มิ.ย. 49 19:18:12 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ต้องดูว่าประมูลงานหรือประมูลวื้อสินค้าอ่ะ ถ้าเป็นการประมูลซื้อสินค้า  แล้วมีคนเสนอมาเป็นพันนี่   เลิกคิดได้เลย โดยธรรมชาติแล้ว  สินค้าประมูลมีความเสี่ยง แม้ว่าจะสภาพดีแค่ไหน  ผมก็ไม่ซื้อ  ถ้าราคามันไม่ต่ำกว่าครึ่งของราคาของใหม่ จากคุณ : นางสเตนเลส - [ 7 มิ.ย. 49 19:48:41 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ยังไง ช่วยอ่านที่ผมอธิบายไปแล้วนะครับ ถ้างงกับโจทย์ #12 --- เพราะเหตุนี้ มันถึงเป็นคำถามที่น่าสนใจ ว่าเราจะมีกลยุทธ์ในการเล่มเกมอย่างไร ให้ชนะ หรืออย่างน้อย มีโอกาสชนะมากที่สุด #14 --- มูลค่าของ คือ 1000$ แต่คนประมูลได้ ก็จ่ายในราคาที่ประมูลได้ ส่วนค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วม (40c ต่อครั้ง) ก็จ่ายต่างหาก ...... และผมไม่แน่ใจ ว่าถ้าเราจะได้รับข้อมูลน้อยเกินไป มันจะไม่เกี่ยวกับทฤษฏีเกมส์นะครับ ถ้าไม่ใช่ก็ข้อโทษกับหัวข้อด้วย แต่ทฤษฏีเกมส์ ก็ขึ้นอยู่กับการคาดเดาไม่ใช่เหรอครับ ถ้าฝ่ายนู้นทำแบบนี้ เราจะทำอย่างไร ประมาณนี้น่ะครับ #15 --- ผมงงวิธีคุณนิดหน่อย ถ้าผมคิดคร่าวๆ ว่าผมอยากจ่ายเงิน ในงบไม่เกิน 200$ (รวมค่าของและค่าใช้จ่ายในการเข้าประมูลแล้ว) ผมอาจจะลองไล่ทุกราคา ตั้งแต่ 5c - 20$ ทั้งหมด 400 ช่วงราคา เสียค่าใช้จ่าย 160$ บวกค่าของที่ต้องจ่ายในกรณีที่ต้องจ่ายมากที่สุด ที่ 20$ ก็อยู่ในงบ 200$ #16 --- ประมูลผ่านระบบคอมพิวเตอร์ครับ มีเวลาประมูล 7 ชั่วโมงไงครับ ตามโจทย์ ..... แต่คุณไม่ได้หมายถึงระบบของการประมูลใช่ไหมครับ ถ้าหมายถึงคำตอบ ผมก็ไม่รู้หรอกครับ แค่หาวิธีที่น่าจะได้ก็พอ ผมไม่มีเกณฑ์อะไรเหมือนกัน แต่นั่น ทำให้เราต้องเสนอหลายครั้ง เราจะมีกลวิธีในการเสนอหลายครั้งอย่างไรดีหล่ะครับ #17 --- ผมบอกไปแล้วว่าเป็นการประมูลเพื่อซื้อสินค้าครับ อย่างใน ebay มีเยอะแยะครับที่มาประมูลกัน แต่อย่างไรก็ตาม มันเป็นแค่โจทย์ครับ คุณอาจจะไม่อยากซื้อ แต่ถ้าคุณอยากชนะเกมนี้ คุณจะทำอย่างไร จากคุณ : mini - [ 7 มิ.ย. 49 21:57:59 A:58.64.83.81 X: TicketID:093900 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ลืมนิดนึงครับ #15 --- ในกรณีที่ซ้ำกันของทุกช่วงราคาเลย (ไม่มีคนได้ซื้อสินค้า เพราะซ้ำทุกช่วงราคาที่มีคนเสนอ แต่อาจจะมีช่วงราคาที่ไม่ซ้ำ แต่ไม่มีคนเสนอเหลืออยู่) จริงๆ โจทย์นี้ สามารถแบ่งเป็น 2 กรณี คือ 1 ไม่มีใครได้สินค้าเลย 2 คนที่จะได้ คือ คนที่ได้เข้าร่วมประมูล แ้ล้วได้รับ ข้อความว่าไม่ซ้ำ เป็นคนสุดท้ายครับ ซึ่ง ทั้ง 2 กรณี ผมไม่รู้เหมือนกันว่า จะทำให้กลยุทธ์ในการเล่น แตกต่างกันมากน้อยแค่ไหนครับ จากคุณ : mini - [ 7 มิ.ย. 49 22:04:54 A:58.64.83.81 X: TicketID:093900 ]

ความคิดเห็นที่ 20 Combinatorial and optimization มะไหวหง่ะ จากคุณ : เซียนแห่งmath - [ 7 มิ.ย. 49 22:35:36 A:192.168.3.32 X:58.10.9.79 TicketID:107476 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คนชนะคือคนขายนะผมว่า คนซื้อยังไงก็แพ้ เพราะคนตั้งกฤเป็นผู้ขาย ถ้าจะให้คนซื้อชนะ ต้องให้คนซื้อมีส่วนในการตั้งกฤในการประมูลด้วย เช่น ต้องถ้าประมูลเกินราคาจริงให้เริ่มใหม่ แต่ถ้าผู้ประมูลคนสุดท้าย เสนอไม่เกินราคาจริง ก็ให้คนที่ให้ราคาสูงเป็นอันดับสองได้ไป... ถ้าเป็นไปตามนี้ได้แล้วค่อยมาหาวิธีแข่งกันเองในระหว่างผู้ประมูล ถ้าให้ชัวร์ต้องโทรถามโปรเฟสเซอร์ แนช นะผมว่า ... ไม่รู้มาทำงานยัง แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 49 22:48:58 จากคุณ : root :-D - [ 7 มิ.ย. 49 22:46:38 ]

ความคิดเห็นที่ 22 arr..  i should study rather than thinking about this. :(  anyway, this is my guess: 1) everyone is identical; therefore, we should focus on symmetric equilibrium.. that is everyone is playing the same strategy. 2) we are finding nash equilibrium aren't we?  Pure strategy is impossible..  player will always make loss if they play pure strategy..  this is .. say if everyone bids 3 dollars (symmetric equilibrium)..  then someone will have the incentive to deviate and bid 2.50 dollars.  and everyone who bid 3 dollars will make loss.. nash equilibrium with pure strategy is not possible. 3) the possible nash equilibrium solution should be mixed strategy.  Player randomize their bidding among different set of possible actions.. For the players to randomize their actions, the expected return for player from all actions must be equal.. and here we should be able to derive nash equilibrium.  My guess is that there will be a point that players will decide not to play this game.. perhaps determine by the number of players. 4) this strategy is historically independent and players choose the same strategy in all repeated game. Possibility to have trigger strategy (folk theorem) ?! - this is a repeated game.. and therefore some historically dependent outcomes might be sustainable as the equilibrium. - check this. แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 49 23:06:22 จากคุณ : Solow - [ 7 มิ.ย. 49 23:05:54 ]

ความคิดเห็นที่ 23 คำถามคือมีกลยุทธ์ไหน ที่จะทำให้เราสามารถประมูลของได้อย่างแน่นอน มีครับ แต่ราคาไม่ต่ำแน่นอน วิธีการคือ คุณต้องเสนอในราคาทุกราคาที่เป็นไปได้ ไล่จากต่ำมาหาสูง คุณจะได้ของแน่นอน แต่ค่าใช้จ่ายต้องยอมรับว่าบานปลายแน่ๆ การเสนอราคาในทุกช่วงราคาที่เป็นไปได้ คุณจะสามารถกำจัดราคาของคนอื่นๆออกไปได้ และคุณจะเป็นคนที่ได้ราคาต่ำสุดแน่ๆ แต่งบไม่ต่ำ ถ้าต้องการงบต่ำด้วย ผมว่าคุณไม่ควรเล่นเกมส์นี้ แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 49 23:14:08 จากคุณ : Wizard. - [ 7 มิ.ย. 49 23:12:01 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ต้องมีข้อมูลจากการเล่นครั้งก่อนๆมาประกอบครับ ถ้าจะให้ตอบตอนนี้ มืดครับ -*- เวลา 420นาที เสนอราคา 1.5นาทีต่อครั้ง จะมีโอกาสเสนอราคา 280ครั้ง ค่าลอง 280*0.4=96$+(5+10+15..+ทำจนครบ280ครั้ง) คิดว่า 1000$ ก็ไม่พอค่าลองวิชานะ TT จากคุณ : mairu - [ 8 มิ.ย. 49 01:27:13 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ฮั้ว จิ ไม่ก้อ อุ้ม คนประมูล คนอื่น จากคุณ : ด.ญ.แก้มใส - [ 8 มิ.ย. 49 02:52:36 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ตอบไปแล้วครับ วิธีที่จะชนะเกมคือไปซื้อของราคาเต็มซะ เพราะถ้าเราเล่นเมื่อไหร่คือแพ้ทันที กฎอย่างนี้คนชนะคือคนขายคนเดียวครับ จากคุณ : เดฟา - [ 8 มิ.ย. 49 09:05:18 A:203.188.4.218 X: TicketID:118993 ]

ความคิดเห็นที่ 27 อืมม์.......รู้แล้วว่าทำไม John Forbes Nash ถึงเป็นบ้า จากคุณ : Jammer - [ 8 มิ.ย. 49 11:39:43 ]

ความคิดเห็นที่ 28 #18  ตอบจขกท.      ที่คุณว่า"แต่ทฤษฏีเกมส์ ก็ขึ้นอยู่กับการคาดเดาไม่ใช่เหรอครับ ถ้าฝ่ายนู้นทำแบบนี้ เราจะทำอย่างไร ประมาณนี้น่ะครับ " ผมก็เข้าใจประมาณนั้นครับ แต่ที่บอกก็เพราะเราไม่รู้นี่สิครับว่า"ฝ่ายนู้นทำแบบนี้"  หน่ะเขาทำอะไรเพราะคุณบอกว่าเราไม่รู้ว่าคนอื่นเสนอราคาเท่าใด เราไม่รู้พฤติกรรมของคนอื่น แล้วเราจะมีกลยุทธ์ได้อย่างไร ลองดู การยกตัวอย่างนี้ประกอบ -การเล่น เป่า ยิ้ง ฉุบ กันครั้งเดียว ทฤษฏีเกมช่วยไม่ได้ เพราะเราทำได้แค่การสุ่ม(แต่ทฤษฏีเกม ก็มีทฤษฏีการสุ่มนะ ไม่ใช่ไม่มี ) -การเล่นเป่า ยิ้ง ฉุบ หลายๆครั้ง ทฤษฏีเกมจะเข้ามาช่วยได้ โดยอาศัยการเก็บข้อมูลจากการเล่นครั้งก่อนๆ แล้วจึงนำข้อมูลที่ได้มาใช้เป็นกลยุทธ์ในการตัดสินใจเล่นใน ตาต่อๆไป ในหนังสือทฤษฏีเกม แม้แต่โมเดลที่ซับซ้อนน้อยกว่านี้มาก ก็ยังแสดงให้เห็นว่าเป็นเกมที่ไม่มี กลยุทธ์เด่น ต้องใช้การสุ่มกลยุทธ์ เพื่อเป็นการเริ่มต้นไปสู่ จุดดุลยภาพแนช ในท้ายสุด สำหรับโจทย์นี้คงแสดงความคิดเห็นว่า ไม่มีกลยุทธ์เด่นและต้องใช้การสุ่มเช่นเดียวกัน  แต่ถ้าจะนำเอาข้อมูลที่ได้จากการคาดเดา นำมาคาดเดาหากลยุทธ์ อันนี้เท่าที่อ่านมายังไม่เคยเจอ และคิดว่าไม่น่าจะสามารถนำมาใช้ได้ผลอันใด สรุปว่าทั้ง คคห.ที่11 และคคห.นี้ ไม่ได้แย้งความคิดของจขกท.แต่อย่างใด แค่แลกเปลี่ยนคคห.เท่านั้น ส่วนคำแนะนำที่ว่าให้ใช้กลยุทธ์ที่ก้าวร้าว โดยการโกงนั้นมีจริงในตำรา เป็นการแนะนำตามตำรา  และขอออกตัวด้วยว่าไม่ได้เก่งพอจะมาสอนคนอื่นได้ ผมแค่รู้ไว้พอประมาณเป็นแนวทางสำหรับตัวเองเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเองครับ จากคุณ : Ultrame - [ 8 มิ.ย. 49 13:50:47 ]

ความคิดเห็นที่ 29 #22 --- พยายามจะคิดตามที่คุณแนะนำ แต่ไม่แน่ใจครับ ว่าแปลถูกรึป่าว เดี๋ยวอาจจะต้องไปเปิดดิกเพิ่มเติมก่อน ตามที่คุณบอก ที่สำคัญคือ เรารู้แต่ว่า มีจำนวนคนกี่คนที่สามารถเล่นได้ แต่เราไม่รู้ว่ามีกี่คนที่เล่น และแต่ละคนที่เล่น เล่นคนละกี่ครั้ง แต่ผมเข้าใจว่า คุณน่าจะศึกษามาทางนี้มากพอสมควร ถ้าพอมีเวลาว่างคิดอะไรได้ ก็กรุณาชี้แนะด้วยนะครับ -------------------------------------------------------- #23 --- จาก "คำถามคือมีกลยุทธ์ไหน ที่จะทำให้เราสามารถประมูลของได้อย่างแน่นอน มีครับ แต่ราคาไม่ต่ำแน่นอน" เปลี่ยนคำถามเป็น "ให้มีโอกาสได้ของมากที่สุด โดยใช้งบต่ำสุด" หรือ "มีงบอยู่ xx ทำอย่างไรให้มีโอกาสมากที่สุด" ถ้าเปลี่ยนแบบนี้ พอจะหาได้ไหมครับ -------------------------------------------------------- #24 --- สมมติว่ามีข้อมูลประกอบ คุณจะคิดอย่างไรครับ ลองยกตัวอย่าง ผมการประมูลครั้งก่อนๆก็ได้ครับ เช่น 3 ครั้งที่ประมูลมา มีคนประมูลได้ที่ 12.25, 1.85, 6.20 คุณจะเอาไปทำอะไรได้บ้าง -------------------------------------------------------- #26 --- นั่นเป็นกลยุทธ์หนึ่งครับ จริงๆเป็นผม ผมไม่ได้อยากซื้อของถูกหรอก แต่อยากชนะเกมส์มากกว่า ท้าทายดี ที่สำคัญ ถ้าทุกคนใช้วิธีไม่เล่น แล้วมีใครซักคนเข้ามาเล่น ก็จะประมูลได้ในราคา 5c ด้วยน่ะ บวกค่าใช้จ่าย 40c ก้อเป็น 45c -------------------------------------------------------- #28 --- จริงๆแล้ว ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่ามันควรจะเรียกว่าทฤษฎีเกมส์รึป่าว แต่ผมคิดว่ามันน่าจะคล้ายๆ โดยเฉพาะ ถ้าเรามีการประูมูลหลายๆครั้ง กลยุทธ์แต่ละคน ก็อาจจะเริ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพราะสามารถดูได้จากผลการประมูลครั้งก่อนๆได้อีกด้วย แต่ผมก็ไม่รู้ว่า มันจะมีจุดดุลยภาพได้อย่างไร อีกอย่าง ถ้าการประมูลนี้ มีการประมูลหลายๆครั้ง คุณจะทำอย่างไรครับ คือ ยังไงมันก็ไม่ใช่การเล่นในผู้เล่นแค่ไม่กี่คน เพราะคนอาจจะเล่นกี่คนก็ได้ คนละกี่ครั้งก็ได้ คนเล่นครั้งที่แล้วอาจจะเล่นครั้งนี้ไม่ได้ ผมก็ไม่แน่ใจว่า ข้อมูลจริงๆ จะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน ส่วนเรื่องที่บอกว่า "ไม่ได้เก่งพอจะมาสอนคนอื่นได" ผมคิดว่า ไม่ต้องเก่งมาก แค่แนะนำได้ว่าน่าจะเป็นยังไง หรือแนะนำหนังสือได้ก็จะเป็นพระคุณมาก เพราะผมคงรู้น้อยยิ่งกว่าอีกครับ -------------------------------------------------------- ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบนะครับ ใครมีข้อเสนออะไรก็กรุณาด้วย เพราะผมเองยังคิดไม่ได้ว่า อะไรคือกลยุทธ์ที่ผมพอใจที่สุด จากคุณ : mini - [ 8 มิ.ย. 49 14:59:10 A:58.64.101.229 X: TicketID:093900 ]

ความคิดเห็นที่ 30 1. สงสัยครับว่าข้อมูลในอดีตมีประโยชน์อะไร ?   ถ้ารอบนี้ที่ราคานี้ซ้ำ...ไม่มีทางรู้ว่ารอบหน้าราคานี้จะซ้ำหรือไม่!! ?? ดังนั้น ผลลัพธ์ของเกมนี้จึงไม่ต่างอะไรกับ ...การสุ่ม   ผู้เล่นจะรู้สึกว่า...แต่ละรอบเป็นอิสระจากกัน... >>ดังนั้น!! ผู้เล่นที่มองเกมนี้ออกจะประมูลรอบสุดท้ายเท่านั้น !! เพราะการเล่นรอบก่อนสุดท้าย...ไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อะไร ***เพื่อ ความดึงดูดใจยิ่งขึ้น ควรทำให้เมื่อเวลา ผ่านไป ผู้เล่นรู้สึกว่าตัวเองมีโอกาส หรือ มีรางวัลมากขึ้น        A รางวัลมากขึ้น....มีการสะสมรางวัลเพิ่มในแต่ละรอบ เช่น เอาช่วงเงินค่าประมูลช่วงราคาต่ำสุดที่ซ้ำแถมเป็นรางวัลสะสม        B. โอกาสมากขึ้น...หากผลออกมาราคาไหนซ้ำตัดช่วงนั้นออกไปเลยครับ        ผู้เล่นที่ทายซ้ำ(ถูก) ..ก็จะรู้ข้อมูลนี้และมีโอกาสมากขึ้น            ผู้เล่นที่ทายไม่ซ้ำ...ก็ไม่รู้ข้อมูลนี้ ....แต่ถ้าอยากรู้ก็จ่ายเงินซื้อได้ 2. สงสัยว่า ในการประมูลแต่ละ ครั้งผู้เข้าประมูล 1 คน เสนอได้เพียงราคาเดียวหรือเปล่า  ?  หากไม่กำหนด ..เจ้ามือ .มีโอกาสได้เงินมากขึ้น ...คนเล่นก็มีโอกาสชนะมากขึ้น  โดยเฉพาะยิ่งเมื่อเล่นรอบสุดท้าย....ผู้เล่นที่อยากได้จะได้มีโอกาสมากขึ้น   3.ผลกำไร/โอกาสของเจ้ามือ /ผู้เล่น ...ถ้าเกมเป็นแบบเดิม       เจ้ามือ     - รายจ่าย  $ 1000 (โอกาสเสียดูเหมือนค่อนข้างมาก )        + รายรับ               1.ค่าประมูล สมมติผู้เล่น 1000 คน ประมูลทุกครั้ง แต่ละครั้ง เล่นแค่ 1 ช่วงราคา = 1000 *0.4*280 = $ 112,000             2. ราคาสินค้าที่ประมูลได้  =X     ผู้เล่นแต่ละคน   - รายจ่าย 1.ค่าประมูล = 0.4*280 = $112 2.ราคาสินค้าที่ประมูลได้  =X + รายรับ  =  มูลค่าสินค้าที่ประมูล =$ 1000 แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 49 17:50:37 จากคุณ : Hannibal-Lecter-Psych - [ 8 มิ.ย. 49 17:42:22 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ผมพิมพิ์ไทยได้แล้วครับ.. สอบเสร็จแล้ว.. :) เหมือนข้างบนครับ มันจะมี nash equilibrium ที่ผู้เล่นใช้ pure strategy ไม่ได้ pure strategy คือ strategy ที่จะบอกว่าจะเล่นสิ่งๆหนึ่ง 100% เลย ทำไม? - การเช็คว่ามี nash equilbrium ใหม คือการเช็คว่ามีคนอยากจะ deviate ไปจาก equilibrium หรือไม่ - เราควรจะดูที่ symmetric equlibrium คือ ผู้เล่นทุกคนจะกระทำเหมือนๆกันหมด เพราะว่าผู้เล่นทุกคนมีลักษณะที่เหมือนกันทุกอย่าง.. (บางเกมอาจจะไม่ใช่อย่างนี้.. ยกตัวอย่างเช่นเกมที่ผู้เล่นแต่ละคน มี private value ของๆที่จะได้ไม่เหมือนกัน.. valuation ของของที่ถูกประมูลของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน) - auction เกมนี้เป็น common value.. มุลค่าของ ของๆทุกๆคนอยู่เท่ากันที่ 1000 dollars - equilibrium ที่ไม่ symmetric สามารถมีได้เหมือนกันครับ แต่ไม่พูดถึงดีกว่า เพราะผมคิดว่ามันแปลก - ให้ทุกคนเล่น symmetric strategy... ที่เป็นลักษณะ pure strategy..  สมมุติว่าทุกคน bid ที่ 3 dollars.. จะเห็นว่ามี incentive ที่ผู้เล่นจะ deviate เต็มเลย.. ถ้าเล่น 2.5 ก็ชนะแล้ว  แล้วคนที่เล่น 3 dollars ก็จะเสียเงินไปหมด... แต่ตาม nash theorem บอกว่า.. ถ้าเรามีเกมในลักษณะที่เป็น finite game.. ซึ่งเกมนี้เป็นแบบนี้ เราจะสามารถที่จะหา equilibrium ได้เสมอ.. ดั้งนั้นเกมนี้จะต้องมี equilibrium.. ถ้าไม่มี pure strategy ก็ต้องมี mix strategy.. mix strategy คือการที่ผู้เล่นจะไม่เลือกการะกระทำใหนแบบ 100%.. แต่จะเลือกแบบทำแบบนี้ด้วยครับน่าจะเป็นเท่านี้ ทำแบบนี้ด้วยความน่าจะเป็นเท่านั้น... การที่ผู้เล่นจะ randomize บนการกระทำต่างๆได้.. payoff สำหรับผู้เล่นที่จะเล่นการกระทำต่างๆนั้นจะต้องเท่ากัน.. แต่ตรงนี้ละทำให้เราสามารถหา equilibrium ได้..  แต่ equilibrium ที่หาได้นั้นจะมีความ unique หรือเปล่านั้นเราไม่สามารถที่จะบอกได้.. หาไงนี้ผมไม่รู้เหมือนกัน.. เพราะไม่รู้ว่าจะหาจุดที่แต่ละคนจะไม่ deviate อย่างไร แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 49 21:29:53 จากคุณ : Solow - [ 8 มิ.ย. 49 21:28:28 ]

ความคิดเห็นที่ 32 อีกหนึ่งอย่างคือเกมนี้เป็น repeated game.. มันจะมี sub-game อยู่  แล้วเอา sub-game นี้มาเล่นซำๆ เกมลักษณะนี้ทำให้เรามารถขา equilibrium ได้สองแบบ: 1) แบบข้างบน คือ nash equilibrium ในแต่ละ subgame แบบแยกออกจากกัน.. อดีตไม่สำคัญ 2) อีกอย่างหนึ่งคือ equilibrium แบบอดีตสำคัญ  ไม่แต่ใจว่าเกมนี้จะมีเหมือนเปล่า แต่โดยเท่าไปแล้ว เกมที่มีลักษณะเล่นซำกันจะมี.. แบบเกม prisoner dilemma.. ถ้าเอามาเล่าซำไปเรื่อยๆ เราสามารถที่จะหา equilibrium ที่เป็นจุดที่ดีที่สุดมาได้.. strategy ที่ให้คือ trigger strategy... มันจะประมาณว่า ถ้าเราเห็นผู้เล่นคนอื่นเล่นต่างออกไป เราจะลงโทษผู้เล่นคนนั้นในตาถัดๆ.. ผู้เล่นคนนี้เชื่อว่าเราจะลงโทษ .. เขาก็เลยไม่กระทำอะไรที่ชักนำไปสู่ pay-off ที่ตำสำหรับทั้งสองคน.... (Folk thoerem).. ที่ได้ nobel prize ครั้งล่าสุด (Auman) ก็เรื่อง repeated game ครับ จากคุณ : Solow - [ 8 มิ.ย. 49 21:37:20 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เห็นมีข้างบนพูดถึงข้อมูลอยู่.. เกมนี้ไม่มี incomplete information ครับ.. ทุกคนเหมือนกันหมดเลย เกมที่มี incomplete information นั้นแต่ละคนจะมีข้อมูลไม่เหมือนกัน เช่น แต่ละคนจะมี type ที่ไม่เหมือนกัน..  แล้วแต่ละคนก็ไม่รู้ว่าคนอื่นเป็น type อะไร.. เกมแบบนี้เรียกว่า Baynesian Nash Equilibrium ครับ ถ้าเอาเกมที่มี incomplete information แล้วเอามาทำให้มันเป็นเกมที่เล่นต่อกันไป  จะสามารถทำให้ผู้เล่น infer ข้อมูลของ type ของผู้เล่นของคนอื่นจากการกระทำของคนอื่นได้ครับ.. เกมแบบนี้เรียกว่า perfect baynesian.. พวก baynesian เป็นอะไรที่นรกมาก  แก้ยากมาก ต้องมั่วไปเรื่อยๆ แล้วพยายามหา contradiction.. ไม่มี algorithm ที่แน่นอน ที่นำพาไปสู่ equilibrium.. จากคุณ : Solow - [ 9 มิ.ย. 49 01:35:34 ]

ความคิดเห็นที่ 34 #30 --- ไม่คิดเหรอครับ ว่าถ้าทุกคนมองเกมนี้ออก แล้วไม่ยอมเล่นในรอบก่อนสุดท้ายกันเลย จะเป็นว่า ในรอบก่อนสุดท้ายทั้งหลายคนเล่นจะน้อยมาก แล้วทำให้มีโอกาสชนะได้มากในราคาต่ำ ทำไมการเล่นแต่ละครั้ง ถ้าเสนอได้คนละ 1 ราคา เจ้ามือมีโอกาสได้เงินเยอะกว่าหล่ะครับ ตรงนี้หาคำตอบมาจากไหนเหรอครับ ผมไม่่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ -------------------------------------------------------- คุณ Solow --- อธิบายได้ชัดเจนดีมากครับ สำหรับคนที่ไม่เคยเรียนมาอย่างผม ยังพอจะเข้าใจได้ ถ้าอย่างนั้น ผมอยากถามว่า ถ้าเป็นคุณเล่นเกมนี้ คุณจะมีกลยุทธ์ในการเล่นอย่างไรครับ ให้มีโอกาสชนะมากที่สุด และมีค่าใช้จ่ายต่ำสุด ไม่ต้องคำนวณมาเป็นสมการนะครับ เอาแค่ กลยุทธ์ที่คุณคิดจะใช้ก็พอ ขอบคุณมากครับ ที่ยังให้ความสนใจเข้ามาช่วยดู ใครมีกลยุทธ์แบบไหน ลองแนะนำหน่อยนะครับ จากคุณ : mini - [ 9 มิ.ย. 49 08:55:33 A:58.64.103.249 X: TicketID:093900 ]

ความคิดเห็นที่ 35 คุณ mini / # 34 ครับ 1. เรื่องคนไม่ยอมเล่นก่อนรอบสุดท้าย เพราะผมเข้าใจเงื่อนไขเกม ว่าเป็นดังนี้ คือ ++ มีของให้ประมูลอยู่ชิ้นเดียวเท่านั้น การตัดสินว่าใครประมูลได้ นั้นขึ้นอยู่กับ “รอบสุดท้าย”  เท่านั้น แปลว่า ..ต่อให้ ใคร “ชนะ”การประมูลในรอบก่อนๆก็ไม่มีสิทธิอะไร “ชนะในรอบสุดท้าย”เท่านั้น!! จึงจะได้สิทธิซื้อของตามราคาประมูล++ ตรงนี้ผมเข้าใจถูกไหมครับ ?? ดังนั้นผมจึงคิดว่าคนที่มองเงื่อนไขเกมเป็นแบบนี้ และคิดว่าอดีตไม่มีความสำคัญ...ข้อมูลจากการประมูลรอบก่อนไม่ช่วยอะไร.....นั่นคือมองเกมนี้ว่าเป็น >>  “การสุ่ม...ที่เป็นอิสระ ต่อกันในแต่ละรอบ!!”       จะไม่ยอมเล่นรอบก่อนๆ สุดท้าย (รอบที่ 1-279 ) เลยซักรอบ  เนื่องจาก ชนะ.......ก็ไม่ได้สิทธิซื้อของ...เสียค่าประมูล ฟรีๆ แพ้ ... ...แบบซ้ำ...ก็บอกไม่ได้ว่ารอบถัดไปราคานี้จะซ้ำ หรือไม่             แบบไม่ซ้ำ...ก็ไม่รู้อะไรเลย   ถ้าผู้เล่นทุกคนมองเกมแบบนี้ ก็จะไม่มีใครยอมเล่นจนกว่าจะรอบสุดท้าย ใน #34 ที่ว่า หากเป็นดังนั้นแล้ว... รอบ  ก่อนสุดท้าย  มีโอกาส “ชนะ” มากที่ราคาประมูลไม่สูง แต่ “ชนะ” ไปก็ “ไม่ได้ สิทธิ(หรือข้อมูลอะไร) ”ครับ.. ยังต้องแข่งรอบสุดท้าย...แบบสุ่มๆ...อยู่ดี 2. เรื่องการประมูลได้หลายราคา..ผมหมายความอย่างนี้ครับ มุมมองสำหรับผู้จัด  (สมมติว่ามี ผู้เล่น 1000 คน ) ถ้าผู้เล่นแต่ละคนประมูลได้แค่ คนละช่วงราคา..ในการประมูลแต่ละรอบ... ผู้จัด ...ในแต่ละรอบ..ก็ได้ค่าประมูลไม่เกิน 1000 *0.40 = $ 400 ถ้าประมูลได้มากกว่า ช่วงราคา..สมมติกำหนดว่าไม่เกิน 4 ช่วง ผู้จัด ...ในแต่ละรอบ..ก็ได้ค่าประมูลไม่เกิน 4*1000 *0.40 = $ 1600 มุมมองสำหรับผู้เล่นเอง ผมคิดว่าน่าจะมีช่วงราคาที่ผู้เล่นควรประมูลอยู่ เกือบ 4000 ช่วงห่างกันช่วงละ 5 c นั่นคือ ตั้งแต่ 5c ไปจนถึง 999.60 ...ให้ราคาสูงกว่านี้คงไม่สมเหตุผล ถ้าผู้เล่นแต่ละคนประมูลได้แค่ คนละ 1 ช่วงราคา.. ในการประมูลแต่ละรอบ...เขาจะมีโอกาสชนะเพียง(ประมาณ)   1/ 4000   นั่นคือ มี Expected Value ประมาณ  $ 0.25  (1000*1/4000)   แต่ต้องเสียค่าประมูลอยู่ที่ $0.4 ถ้าผู้เล่นแต่ละคนประมูลได้ คนละ 4 ช่วงราคา.. ในการประมูลแต่ละรอบ...เขาจะมีโอกาสชนะ(ประมาณ)   1/ 1000 (4*1/4000)     นั่นคือ มี Expected Value ประมาณ $ 1 (1000*4*1/4000)   แต่ต้องเสียค่าประมูลอยู่ที่ $1.6 แม้ว่าอัตราส่วน ได้/เสีย  จะเป็น 5/8 เหมือนเดิม  (0.25/0.4) และ (1/1.6) แต่ในเชิงจิตวิทยา ..ผู้เล่นกลับรู้สึกว่า ..ตัวเองมีโอกาสมากขึ้นครับ แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 49 14:50:58 แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 49 14:49:10 จากคุณ : Hannibal-Lecter-Psych - [ 9 มิ.ย. 49 14:46:09 ]

ความคิดเห็นที่ 36 #35 --- ข้อแรกของคุณ ผมเพิ่งเข้าใจแล้วครับ คุณมองว่า มันมีโอกาส ที่จะส่งข้อมูลได้ 280 ครั้งต่อคนนี่เอง แต่การที่เล่นรอบอื่นๆด้วย ทำให้มีโอกาสประมูลได้หลายครั้งมากกว่าคนอื่นเฉยๆน่ะครับ (หมายถึง โอกาสที่จะส่งผลการประมูลน่ะครับ ไม่ใ่ช่โอกาสได้) ส่วนข้อ 2 คิดว่า คงคล้ายๆกับเหมือนซื้อหวยแหละครับ พวกเลขท้าย 2 ตัว โอกาสถูก 1 ใน 100 แต่ซื้อจริงๆ เข้าใจว่า น่าจะได้กลับมา 1 ต่อ 60-70 มั้งครับ คือ ยังไงๆ คนจัดก็ต้องกำไร (ไม่กำไรก็แย่แล้ว) แต่จริงๆ ผมงงกับโอกาสชนะหน่อยๆน่ะครับ ว่าโอกาสชนะในเกมนี้ ใช้วิธีคิดแบบที่คุณคิดออกมาได้รึป่าว เพราะมันแตกต่างกับซื้อหวยมากเลย (ถ้าถูกก็คือถูก) แต่นี่ มันต้องห้ามซ้ำด้วย ดังนั้น จริงๆแล้วโอกาสชนะนี่แหละ ที่ผมคิดไม่ออกว่า มันคือเท่าไหร่ ทำไมคุณถึงคิดแบบนี้หล่ะครับ (สมมุติซื้อหวย เลขท้าย 2 ตัว แทงเลขเดิมตลอด มันยังมีโอกาส 100 ครั้ง ถูกสักครั้งหนึ่ง แต่สำหรับเกมนี้ แทงเลขเดิมตลอด มันก็ไม่น่าจะคิดออกมาได้ ว่ามีโอกาสเท่าไหร่นะครับ) -------------------------------------------------------- คนที่เพิ่งอ่าน ถ้าใครมี idea อะไร ช่วยชี้แนะผมด้วยนะครับ ผมคิดไปคิดมาเริ่มงงกับตัวเองมากเกิน ขอบคุณทุกคนครับ จากคุณ : mini - [ 9 มิ.ย. 49 18:15:30 A:58.64.103.249 X:61.90.250.31 TicketID:093900 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ทฤษฏีเกมในทางคณิตศาสตร์หมายถึงการแข่งขันอย่างมีแบบแผนซึ่งตอ้งมีคุณสมบัติดังนี้ 1 ผู้แข่งขันมีจำนวนจำกัด 2กลยุทธของผู้แข่งขันมีจำนวนจำกัด ไม่จำเป็นต้องเท่ากัน 3ผู้แข่งขันจะต้องเลือกมา1กลยุทธ์โดยไม่รู้ว่าฝ่ายอื่นเลือกยุทธวิธีใด 4ผลลัพธ์จะเกิดขึ้นเมื่อแต่ละฝ่ายเปิดเผยกลยุทธ์ที่เลือก สรุปได้ว่าเป็นการใช้ศาสตร์แบบศิลป์เพื่อการตัดสินใจ(ไม่ได้เรียนด้านนี้ครับงิงิกางตำราเอา) จากคุณ : เซียนแห่งmath - [ 9 มิ.ย. 49 21:43:01 A:192.168.3.32 X:58.10.9.107 TicketID:107476 ]

ความคิดเห็นที่ 38 #23, #29 โกง เป็นกลยุทธที่ดีที่สุดของเกมส์แหงๆ เช่น ฮั้วกะเจ้าของ ให้สินบนเจ้าของ เพื่อรับรู้ข้อมูลในการประมูล แต่ถ้าโกงไม่ได้ สิ่งที่เพิ่มโอกาสในการชนะคือ เริ่มประมูลเมื่อใกล้หมดเวลา เช่น เริ่มที่ชั่วโมงที่ 6 ตามวิธีที่ใช้ใน #23 เพื่อให้ได้ข้อมูลว่าค่าที่เราประมูลไปซ้ำหรือไม่ เพราะถ้าเริ่มแต่ช่วงแรกๆ เราจะไม่ได้ข้อมูลตรงนี้ เพราะถ้าคุณเริ่มช่วงท้ายๆ โอกาสที่ราคาที่คุณประมูลไปจะถูกเสนอซ้ำก็จะลดลง แต่ถ้าทุกคนรู้กลไกและวิเคราะห์อย่างลึกซึ้งทุกคน เค้าก็จะไม่เล่นด้วยจนกว่าใกล้หมดเวลา และจะมาเสนอกันช่วงใกล้หมดเวลาทั้งหมด วิธีนี้ก็จะไม่ได้ผล วิธีนี้ ถ้าทุกคนรู้หมด เหตุการณ์จะกลายเป็น เวลาที่ 6 ชั่วโมง 59 นาที ทุกคนจะเสนอราคาที่ 5c หมดแน่ๆ ดังนั้นคนที่ชนะ จะต้องเป็นคนที่เสนอราคา 10c ในเวลา 6 ชั่วโมง 59 นาที จะได้ของไป... แต่ใครจะเชื่อว่าทุกคนจะรู้และทำตามวิธีนี้หมด คิดมาก ปวดหัว... แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 49 16:14:34 จากคุณ : Wizard. - [ 10 มิ.ย. 49 16:13:52 ]

ความคิดเห็นที่ 39 มั่วมั้ง หุๆ การที่ randomize ได้ผู้เล่นจะต้องได้ expected payoff เท่ากันในทุกๆ action ที่เขาเล่น ดังนั้นเราก็จะต้องแก้สมการนี้ expected pay-off if bid 0.5 = expected pay-off if bid 1 = expected pay-off if bid 1.5 dollar = แล้วก็ ต่อไปๆๆๆๆๆ  ในทุกๆระดับของมูลค่าที่จะสามาระ bid ได้.. ดังนั้นก็จะเป็น (1000 - 0.5) * (Probability that the bidder will win f bid 0.5) - 0.4 = (1000 - 1) * (Probability that the bidder will win if bid 1) - 0.4 = (1000 - 1.5) * (Probability that the bidder will win if bid 1.5) - 0.4  = .. ต่อไป ๆๆๆๆ... ผมว่าที่ยากคือการหาความน่าจะเป็นที่จะชนะในการ bid ในแต่ละละดับ เพราะว่าต้องใช้พวก premutation comutation อะไรนี่อย่างระมัดระวังมากๆ ทำไมสมการข้างบนถึงเป็น nash equilibrium ได้ - สามารถข้างบนหมายความว่าการที่ผู้เล่นแต่ละคนเล่น mix strategy นั้น.. ผู้เล่นแต่ละคนจะรู้สึก indifferent ในการเล่น action ต่างๆในตัวมันเองเคย เพราะการ randomize ของผู้เล่นแต่ละคนจะทำให้ pay-off ต่างๆในการเล่น action เดียวๆออกมาเหมือนกันหมด - ดังนั้นจึงสามารถที่จะมี nash equilibrium ได้.. - และทุกคนก็จะไม่มี incentive ที่จะ deviate .. เพราะว่า ไม่ว่าจะ deviate อย่างไร ก็จะได้ payoff เหมือนเดิมการที่เขาไม่ deviate.. จากคุณ : Solow - [ 10 มิ.ย. 49 17:09:46 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ผมเจอเกมส์แบบนี้ที่มีเปิดเล่นอยู่ในไทยครับ หลังจากเอาไปถามเืพื่อน แล้วมีเพื่อนบอกมา เพราะนึกว่าผมลอกคำถามแบบนั้นเอามาถามในนี้ กฎเกือบทุกอย่างเหมือนกันเกือบหมดเลย (อาจจะลอกเวปนอกเวปเดียวกันมากกว่า) แต่ผมไม่มีสิทธิเล่นเกมส์นี้น่ะครับ ลองไปดูได้ครับ มีประวัติผู้ชนะครั้งก่อนๆด้วย ซึ่งชนะได้ในราคาแตกต่างกันมากพอสมควร คำถามคือ ถ้าคุณจะเล่น คุณจะมีกลยุทธ์ในการเล่นเกมส์นี้ยังไงครับ ไปดูได้ที่ http://www.hutch.co.th/planethutch/auction/index_th.htm จากคุณ : mini - [ 11 มิ.ย. 49 22:58:50 A:58.64.123.139 X: TicketID:093900 ]