PANTIP.COM : X4602219 จำได้ว่าเคยดูส่องโลกแล้ว........... [วิทยาศาสตร์]

ความคิดเห็นที่ 2

กระทู้เดจาวูเหรอเนี่ย???
.
X509984 เหล็กไหล___ มหัศจรรย์อย่างไรล่ะคะ.htm
เหล็กไหล... มหัศจรรย์อย่างไรล่ะคะ???
วันนี้ดูทีวี รายการส่องโลกน่ะค่ะ เค้านำเสนอเรื่อง"เหล็กไหล"
เข้าไปดูตอนจะจบแล้ว ดูท่าทางผู้ร่วมพิสูจน์หลายๆคน ทั้งดารา นักธรณีวิทยา ฯลฯ0
ที่เดินทางเข้าไปในถ้ำอะไรสักถ้ำนึง พร้อมทั้งผู้บรรยาย
ดูจะตื่นเต้นกะความมหัศจรรย์ของเหล็กไหล จนไม่สามารถพูดให้ดิฉันเข้าใจได้ในเวลาอันสั้น

ตอนเด็กๆก็เคยได้ยินถึงความมหัศจรรย์ อภินิหาร ของวิเศษสิ่งนี้มาบ้าง
แต่ก็ยังไม่ลึกซึ้ง... วานผู้รู้ช่วยบอกสรรพคุณ วิธีใช้ ความเชื่อของกลุ่มต่างๆ ด้วยสิคะ
*^^*

จากคุณ : กิ๊กนรก - [2 ม.ค. 19:42:11]

--------------------------------------------------------------------------------

ความคิดเห็นที่ 1

เค้าบอกว่า มันกินไฟเป็นอาหาร
ร้องเจี๊ยบๆ
หนูก็ดูนะ เห็นมันยืดๆหดๆ ออกจากรู
เหมือนจะเป็นสัตว์
แต่พอตัดออกมา ทำไมเป็นหินนะ

จากคุณ : หนูเบญฯ - [2 ม.ค. 20:09:21]

ความคิดเห็นที่ 2

ลองไปดูที่ Thaishock.com

จากคุณ : โอ้ - [2 ม.ค. 22:07:38]

ความคิดเห็นที่ 3

สิ่งที่เรียกว่า "เหล็กไหล" นี้เป็นโลหะธาตุแปลกประหลาดที่เหมือนมีชีวิต เพราะเหล็กไหลเคลื่อนไหวได้ เสพบริโภคน้ำผึ้งได้ ขับถ่ายได้เรียกว่าขี้เหล็กไหล เสพกามได้ เพราะมีเหล็กไหลตัวผู้และตัวเมีย แต่เป็นการเสพกามกันทางกระแสจิตวิญญาณ เพียงแต่รู้สึกความใคร่กามารมณ์เกิดขึ้นก็บรรลุจุดสุดยอดแล้ว โดยไม่ต้องถูกสัมผัสกัน ส่วนการนอนนั้นเหล็กไหลชอบในสถานที่สงบตามถ้ำ คล้ายเข้าฌาน ดังนั้นจึงถือว่าเหล็กไหลเป็น "สัตว์มีชีวิต" เผ่าหนึ่งในโลก แต่เป็นสัตว์ประเสริฐอยู่ในจำพวกเทพ เป็นเทพที่มาใช้วิบากกรรมในโลกนี้ จึงเป็นเทพจำพวกยักษ์ คอยรักษาเหล็กไหลอยู่ตลอดเวลา เหล็กไหลจึงหลายเผ่า หลายวรรณะ คุณสมบัติแตกต่างกันออกไป เรามาทำความรู้จักเหล็กไหลกันก่อนว่าเป็นเช่นใดบ้าง

1. เหล็กไหลโกษฐ์ปี มีวรรณะสีเขียวปีกแมลงทับ ชอบอยู่ในที่ลี้ลับอันสงบวิเวก ชอบความวิเวกเพื่อบำเพ็ญฌาน เหมือนฤาษีที่มีอายุยืนหมื่นๆปี ดังนั้นเหล็กไหลชนิดนี้จึงมีอายุยืนนานนับหมื่นๆปีทีเดียว เกจิอาจารย์บางท่านกล่าวว่า เหล็กไหลโกษฐ์ปีนี้ สร้างจากฤาษีกไลโกษฐ์ผู้สำเร็จฌานสมาบัติ ในศาสนาพราหมณ์ ในสมัยใกล้เคียงกับยุคสมัยทวีปแอตแลนติสเจริญรุ่งเรืองสูงสุด เหล็กไหลชนิดนี้ไม่ชอบเผือกมันแต่ชอบน้ำผึ้ง

2. เหล็กไหลเจ้าป่า มีวรรณะสีดำนิลเป็นมันเมื่อกระทบแสงสว่าง ผิวค่อนข้างหยาบ ไม่เนียนเหมือนเหล็กไหลโกษฐ์ปี แต่แปลกตรงที่ถ้าทำหลุดจากมือ หล่นลงดินจะหายวับไปทันที เพราะถูกพวกยักษ์คนธรรพ์ที่ตามจ้องจะแย่งชิง ถือโอกาสหยิบฉวยไปนั่นเอง
เหล็กไหลสีปีกแมลงทับของคุณประสิทธิ์ ไชยทองพันธ์
3. เหล็กไหลย้อย เป็นเหล็กไหลที่พบได้ง่ายที่สุด แต่ต้องมีวิชาพอสมควรจึงจะได้มา เหล็กไหลย้อยนี้จะไม่มียักษ์คนธรรพ์คอยรักษา แต่จะมีมายาหลอนในตัวเอง คือกำบังตาแบบเสือไม่ทิ้งลาย แม้เสือจะตายแล้วเมื่อมีใครไปเห็นเข้าก็ยังสดุ้งผวาหลายตลบฉันใดก็ฉันนั้น เหล็กไหลย้อยเป็นเหล็กไหลที่ตายซากแล้ว มีลักษณะไหลย้อยอยู่ในซอกหลืบถ้ำที่ลี้ลับ พันธุ์วรรณะแข็งกรอบยาวเป็นศอกเป็นคืบ สีเขียวปนดำด้านไม่มีแวว ไม่กินน้ำผึ้ง แต่มีพวกผีป่าประเภทอสูรกายชอบถือโอกาสแอบแฝงอาศัยอยู่ เหล็กไหลย้อยไม่ยืดไม่หด ถูกไฟจะเฉยลูกเดียว แม่เหล็กไม่ดูด มีอานุภาพเล็กน้อยคือทำให้แคล้วคลาดยิงไม่ถูก ฟันไม่เข้า เพราะมีมายาหลอนในตัวมันเอง หรือเรียกเหล็กไหลย้อยว่า "พญาเหล็ก" เกจิทางพม่าชอบเอาเหล็กไหลย้อยไปสร้างพระพุทธรูป หลอมให้ละลายด้วยไฟอาคมจะกลายเป็นของเหลวสีดำมันวาว เมื่อสร้างพระพุทธรูปแล้วจะได้ สีดำมันวาวเหมือนนิลที่สวยงามมาก มีอานุภาพทางด้านแคล้วคลาด สามารถทำลายอาถรรพ์ทุกชนิด มีมายาภาพในตัวเองทำให้หายตัวได้ชั่วครั้งชั่วคราว คล้ายพวกลับแลหรือบังบด

4. เหล็กไหลชีปะขาว มีวรรณะขาวมันเป็นเลื่อมคล้ายเกล็ดงู หรือเรียกว่า "พญางูเผือก" พวกลามะธิเบตชอบมีไว้ประจำตัว เพราะมีมากในแถบภูเขา ประเทศธิเบต ส่วนในเมืองไทยจะมีอยู่บ้างตามถ้ำทางภาคเหนือ และลึกเข้าไปในแคว้นเชียงตุงทางลาวเหนือ เพราะเหล็กไหลชีปะขาวชอบอากาศหนาวจัด มีอานุภาพทางแคล้วคลาด ล่องหนหายตัวได้ขั่วคราว ถูกไฟไม่ยืด แต่ถ้าใช้อาคมจะยืดได้มีมายาในตัว งอกขึ้นได้และเล็กลงได้ ถ้าจะนำไปผสมสร้างพระเครื่อง จะต้องใช้วิชาเล่นแร่แปรธาตุบังคับ เหล็กไหลชีปะขาวนี้ใช้แทนเพรชได้ในกรณีต้องการตัดกระจก เพราะมีความแข็งพอๆกับเพรช แต่ต่างกันตรงที่ เหล็กไหลชีปะขาวทุบไม่แตก ตัดไม่ขาด แต่เพรชทุบด้วยของแข็งแตกได้ง่ายๆ เหล็กไหลชีปะขาวสามารถรู้ล่วงหน้าว่าผู้ครอบครองจะหมดอายุขัยมีเคราะห์ร้าย เหล็กไหลจะถือโอกาสล่องหนอันตรธานหายไป ผู้ครอบครองคนใด เมื่อรู้ว่าเหล็กไหลหายไปอย่าตกใจจนขวัญเสีย จงมีสติปลงตกในชีวิตเตรียมตัวตายได้เลย ด้วยการทำบุญสุนทาน แผ่เมตตาทำสมาธิให้จิตใจสงบไม่ฟุ้งซ่าน เมื่อจิตสงบแล้ว เวลาตายจะได้ไปสู่สุขติภูมิที่ดี

5. เหล็กไหลงอก ( เหล็กทรหด ) มีพรรณสัณฐานสีดำเป็นมันเนื้อละเอียด มีน้ำหนักเบามาก ประมาณฟองน้ำเลยล่ะ แตกหักง่าย มีมายาการในตัวเองคือ ถ้านำ มารวมกันเข้าจะมีน้ำหนักมาก สามารถแยกตัวได้หลายก้อน และงอกได้จากก้อนเล็กเป็นก้อนใหญ่ แม่เหล็กไม่ดูด แหล่งที่อยู่จะเป็นสถานที่กลางแจ้งในป่าที่ชุ่มชื้น ด้วยม่านหมอก ลักษณะคล้ายขี้วัวที่ถ่ายไว้บนพื้นดิน จะปรากฎในตอนหมอกจัดๆ ในยามรุ่งอรุณจนกว่าแสงแดดจะสาดลงมากระทบพื้นจึงจะลองหนหายไป ผู้พบเห็นจะต้องเป็นคนมีบุณบารมี เมื่อพบแล้วถ้าไม่รีบเก็บไว้ พอเราหันไปมองทางอื่นเมื่อหันกลับมาอีก เหล็กไหลงอกจะหายไปอย่างอัศจรรย์

6. เหล็กไหลเพลิง ( เหล็กประสานกาย ) มีพรรณสัณฐานคล้ายสีอิฐมอญเป็นประกายสดใส ถ้าหมุนเหล็กไหลเพลิงในห้องที่สว่างหรือกลางแจ้ง จะเกิดภาพหลอน บิดเบี้ยว หรือบางทีคล้ายฉีกขาดเป็นแผลลึกเกือบขาดออกจากกัน แต่ความจริงเป็นภาพมายาเท่านั้น ถ้าจับเหล็กไหลเพลิงฟาดลงบนฝ่ามือเบาๆ เหล็กไหล เพลิงจะแตกกระจายออกจากกันเป็นก้อนเล็กๆ มือของเราจะขาด เลือดไหลทะลักแดงฉาน แต่อย่าตกใจเป็นเพียงภาพหลอนมายาของเหล็กไหลเพลิงเท่านั้น ถ้าเราเอาวางลงบนผืนผ้าแล้วใช้ฆ้อนทุบเต็มแรง ก็จะแตกกระจายออกมาเป็นก้อนเล็กก้อนน้อยมากมายหลายก้อน และในก้อนๆ นั้น จะมีเม็ดละเอียดขนาดเม็ดทรายเกาะ ติดกันคล้ายไข่ปลาดุก แต่ละเม็ดเคลื่อนไหวกลิ้งไปมาอยู่ตลอดเวลา และเมื่อเราเอาเหล็กไหลเพลิงที่ถูกทุบแตกมาห่อรวมกันไว้จะกลิ้งเข้าหากันรวมตัวเป็นก้อนเดียวกันเหมือนเดิม เกจิบางท่านจึงตั้งชื่อว่าเหล็กประสานกาย มีอานุภาพทางอยู่ยงคงกระพัน ยามตกอยู่ท่ามกลางหมู่ศัตรูจะทำอันตรายเราไม่ได้เลยเพียงแต่เราฟาดฝ่ามือทั้งสองข้างออกไป เหมือนฟันลม ก็ทำให้คนเหล่านั้นตื่นตระหนกเห็นเป็นว่า เราฟันพวกมันแขนขาด คอขาด ซึ่งเป็นมายาของเหล็กไหลทำให้ศัตรูทั้งหลายแตกพ่ายหลีกทางให้เราหลบหนีได้สบาย
เหล็กไหลเพลิงชอบกินน้ำผึ้ง เอาลนไฟยืดออกได้เหมือนตังเมแต่เมื่อออกจากไฟจะหดตัวเหมือนเดิมเหมือนเหล็กไหลโกษฐ์ปี แต่ถ้าเป็นชู้กับเมียเขาเหล็กไหลจะอันตรธานหายไป ถ้าเข้าป่าเหล็กไหลจะช่วยป้องกันไข้ป่า ป้องกันอันตรายจากทุกสิ่งในป่า ถ้าหลงป่าจะเกิดมายาภาพเห็นชาวบ้านเดินอยู่ ถ้าเดินตามไป จะออกจากป่าได้ในที่สุด เหล็กไหลเพลิงนี้มีน้อยไม่ค่อยปรากฏให้คนเห็น จึงหาได้ยากอย่างยิ่ง

7. เหล็กไหลน้ำ มีพรรณสัณฐานสีเขียวปนดำเป็นมันด้านๆ ไม่แวววาวเท่าไหร่ ลักษณะย้อยเป็นรูปหยดน้ำ ชอบเกาะอยู่ตามตามน้ำในซอกหินตามถ้ำที่ลี้ลับ การค้นหานอกจากต้งมีวิชาอาคมแล้วยังต้องสังเกตุตรงตาน้ำที่ไหลผ่านบริเวณหินผาที่มีตะไคร่น้ำสีเขียวเกาะอยู่
มากๆ ให้ค่อยๆ เอามือแหวกหาดูก็จะพบ เหล็กไหลน้ำหมกตัวซ่อนอยู่ในตะไคร่น้ำ ถ้าเห็นยังก้อนเล็กอยู่ให้ใช้อาคมผูกล้อมเอาไว้ บอกเจ้าถ้ำเจ้าป่าให้ช่วยรักษาไว้ด้วย แล้วอีก 3-7 วันค่อยกลับมาจะพบว่า งอกขึ้นได้เหมือนเห็ดโคนที่ยังตูม ถ้าเอาไฟลนจะยืดออกไม่มาก แต่ไม่หดกลับอีกเลย กินน้ำผึ้งไม่มาก แต่ชอบอยู่ในมะพร้าวอ่อนน้ำหวาน ถ้าเอาลงไปแช่จะ เปล่งรังสีให้เห็นได้ในเงามืดเป็นคล้ายสีแดงเรื่อๆยามรุ่งอรุณ แปลกมาก เหล็กไหลน้ำมีอานุภาพทางคงกะพันชาตรี กำบังตาลองหน และเป็นมหาอำนาจ คนเกรงขาม เมื่อไม่กี่ปีมานี้มีการขุดค้นพบตามกรุร้างปรางค์ขอม หลายแห่งในภาคอีสาน เป็นพวกพระเครื่อง

8. แก่นเหล็กหรือไม้หิน ( พวกฝรั่งเรียก "ฟอสซิล" ) จัดอยู่ในตระกูลพญาเหล็กหรือเหล็กไหล มีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ฤทธิ์ขลังทางตบะเดชะมหาอำนาจ เกจิอาจารย์ผู้รู้ด้วยตากล่าวว่า เป็นที่สถิตย์อาศัยสิงอยู่ของอสูรเทพดุร้ายที่ถูกลงทัณฑ์ให้มา "เข้ากรรม" หรือเสวยกรรมในโลกมนุษย์เพื่อไถ่บาปเป็นเวลา 1 พุทธธันดร ไม้หินหรือแก่นเหล็กมีทั้งพันธุ์ไม้แก่นหรือไม้เสี้ยนเป็นต้นว่า ไม้หินต้นมะพร้าวอายุ 160 ล้านปี ขุดค้นพบที่คูบัว ราชบุรี และที่เพรชบุรี มีลักษณะเป็นหินแก้วมองเห็นเสี้ยนต้นมะพร้าว ได้ชัดเจนสวยงามมาก ทดลองยิงด้วยปืนเอ็ม. 16 กระสุนด้านหมดทุกนัดยิงไม่ออกเลย

9. ขี้เหล็กไหล ( โครตเหล็กไหล ) รูปพรรณสัณฐานมีสีดำแข็งกระด้าง เป็นสีดำด้านๆ ไม่มีแวววาว มักจะตกลงมาจากเพดานถ้ำและหน้าผาชะโงกสูง เมื่อตกลงมาจากซอกหลืบเพดานถ้ำแล้วก็จะมีลักษณะคล้ายจอมปลวกขนาดต่างๆ ตั้งแต่ขนาดลูกมะนาวจนถึงลูกมะพร้าว แต่ขี้เหล็กไหลนี้ไม่มีอานุภาพในตัวมันเอง ใช้ป้องกันตัวไม่ได้ ต้องมีการปลุกเสกด้วยอำนาจฌานสมาบัติซะก่อน ซึ่งเกจิจะนิยมเอาไปหลอมผสมกับโลหะธาตุต่างๆ ที่ขลัง ซึ่งจะเกิดความขลังมากมายคล้ายๆ เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา แต่ถ้ายังไม่ได้ปลุกเสกใดๆ ก็เหมือนหินดีๆ นี่เอง

10. เหล็กเปียก มีลักษณะเนื้อเปียกชุ่มตลอดเวลาคล้ายๆ ถูกน้ำค้างจับเกาะ ถ้าพกพาไว้ที่ตัวเข้าไปในสถานที่ร้อนอบอ้าวจะเปลี่ยนเป็นเย็นชุ่มฉ่ำได้ ถ้าใส่ไว้ในถ้วยหรือแก้ว จะมีไอน้ำมาเกาะรอบๆ ถ้วยคล้าย ๆ กับนำอัดลมแช่เย็นที่มีไอจับ ถ้าเอาไว้ใกล้ๆ ปืน จะทำให้กระสุนด้านหมดเพราะเหล็กเปียกแผ่รังสีทำให้ดินปืนในกระสุนเปียกนั่นเอง คณาจารย์โบราณท่านนิยมเอามาประดับไว้บนยอดเจดีย์ ป้องกันฟ้าผ่า เช่นที่ พระธาตุเชิงชุม พระธาตุพนม พระพุทธบาทบัวบก เป็นต้น เหล็กหลบยังมีอานุภาพที่สำคัญอีกคือทำให้หนังเหนียว ฟันแทงไม่เข้า แต่ถ้าโดนหนักๆ จะช้ำในต้องระวังให้ดี

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สรุปแล้ววัตถุที่ชื่อว่าเหล็กไหลมีจริง แต่ก็เป็นเพียงชื่อที่ใช้เรียกสิ่งของอย่างหนึ่ง
ว่านสังกรณีตรีชวาอย่างในเรื่องรามเกียรติ์ หรือ มะงั่วหาวมะนาวโห่อย่างในเรื่องนางสิบสองพระรถเมรี ก็มีจริงๆ แต่ไม่ได้มีสรรพคุณอย่างที่ปรากฏในนิทาน สรรพคุณของสิ่งเหล่านี้ในชีวิตจริงเป็นเพียง "ความเชื่อ" "ความศรัทธา" หรือ "อุปาทาน" ของคนที่มีไว้ในครอบครองหรือใช้เท่านั้น อานุภาพหรือคุณสมบัติของเหล็กไหลที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้นก็เช่นเดียวกัน.

จากคุณ : ปรัมปรา - [3 ม.ค. 00:45:55]

จากคุณ : ว่านน้ำ - [ วันแม่แห่งชาติ 10:11:52 ]