ความคิดเห็นที่ 1 แสดงว่า ศาสตราจารย์ด๊อกเตอร์ประสบความสำเร็จในชีวิตน้อยกว่าคุณเจริญเพราะเรียนสูงกว่าแต่กลับจนกว่า จากคุณ : ูู^_^ - [ 30 ต.ค. 49 15:01:15 A:58.64.104.125 X: TicketID:129428 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผมว่าคุณควรจะเอาคำถามนี้ไปถามศาสตราจารย์ด็อกเตอร์ที่มหาวิทยาลัยของคุณเป็นอย่างยิ่ง แล้วกลับมาเล่าให้ฟังด้วยนะ อิอิ จากคุณ : Sleeprunner - [ 30 ต.ค. 49 15:12:47 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่จริงครับ เพราะว่าความสามารถในการหาเงินของคนเราไม่จำเป็นต้องดูจากการศึกษาครับ อันนี้เป้นลักษณะเฉพาะตัวมากกว่า ดูอย่างตาบิลเกตต์สิครับ ตอนแกออกมาเปิดบริษัท จบแค่ ระดับ 12 เอง ถ้าดูตามตรรกะที่คุณว่ามา โลกนี้ทั้งโลกก็น่าจะมีแค่ ตาบิลเกตต์คนเดียวที่ประสบความสำเร็จครับ เพราะคนอื่นจนกว่าแกหมด จากคุณ : Ice-man - [ 30 ต.ค. 49 15:12:48 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ปัจจัยมันไม่ได้มีแค่เรื่องของการศึกษาครับ (บางคน ท่องจำไปสอบ + มีเงินเรียน ก็เรียนดีได้ แต่ปฏิบัติไม่ได้เรื่อง ถมไป) มันมีทั้งเรื่องของ - ตัวบุคคลนั้นๆ - จังหวะและโอกาส - สภาพแวดล้อม และคนรู้จัก - ดวง ดังนั้น มันวัดที่การศึกษาอย่างเดียวไม่ได้ครับ จากคุณ : QDora - [ 30 ต.ค. 49 15:12:54 ]

ความคิดเห็นที่ 5 จบ ดร. ประสบความสำเร็จด้านการศึกษาสูงกว่าครับ และคนจบ ป. 4 ป.6 ไม่ใช่ทุกคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต จากคุณ : false - [ 30 ต.ค. 49 15:14:45 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ลองหา % ของคนที่ประสบความสำเร็จของทั้งสองกลุ่ม และหาสาเหตุที่เค้าทำสำเร็จดูสิครับ จากคุณ : TheShadow - [ 30 ต.ค. 49 15:21:38 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เพื่อนผม จบ ม. 3 มีลูก ตอนนี้ปัญหาชีวิตมีมากมาย เพราะ แฟนก็การศึกษาไม่สูง มีลูกเงินเดือนพ่อแม่ก็ไม่พอเลี้ยง แต่สำหรับเพื่อนที่เรียนจบ ป.ตรีด้วยกัน ความรู้ สังคมก็แตกต่างกันออกไป หรือแม้กระทั่งเพื่อนที่เรียนต่างคณะกันยังแตกต่างกันเลยครับ ใช่ครับ...คนที่จบ ป.4 กี่คนที่ประสบความสำเร็จ แล้วถ้าอาจารย์คุณจบปริญญาเอกแล้วไปทำงานธุรกิจคุณจะมีอาจารย์เก่ง ๆมาสอนคุณหรอครับ จากคุณ : @Server ! maN@ - [ 30 ต.ค. 49 15:38:42 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คนที่สามารถเอาตัวรอดได้ไม่จำเป็นต้องจบปริญญา ดังนั้นคนที่จบปริญญาต้องทำประโยชน์ต่อสังคมให้มากกว่าคนอื่นๆ ถ้ามองเงินเป็นเกณฑ์อย่างเดียว มันก็เหมือนมองโลกเพียงหนึ่งมิติ มิติที่ว่าทำยังไงจะทำให้ได้เงินมากขึ้น ซึ่งการได้เงินมาอาจจะเป็นโทษให้กับสังคมก็ได้ อย่างเช่นที่ จขกท. ยกตัวอย่างมา เขาอาจจะทำเงินได้ดี แต่เขาทำอะไรให้กับสังคมบ้าง เกิดการมอมเมาทำให้ติดสุรา ครอบครัวบางครอบครัวต้องแตกแยกก็เพราะพิษสุรา คนเราเกิดมาแต่ละส่วนก็เชื่อมโยงไปสู่สังคม ทั้งสัตว์ และสิ่งแวดล้อม รู้รึไม่ว่าสังคมเราที่มันเป็นแบบนี้็้เพราะมองโลกแค่มิติเดียวกันนี้แหละ แล้วคุณชอบไหมล่ะที่เห็นประเทศไม่พัฒนาคนรวยก็หาากินกับคนจน คนจนก็จนแล้วจนอีกไม่รู้กลของคนรวยบางคน ดูง่ายๆก้อย่างรัฐบาลชุดที่แล้ว ไม่ขอยกตัวอย่างก็แล้วกัน จากคุณ : ทะเลคราม (blueocynia) - [ 30 ต.ค. 49 15:53:54 ]

ความคิดเห็นที่ 9 นักวิชาการคือผู้สร้างองค์ความรู้ให้ผู้อื่นนำไปใช้ส่วนเอกชนเป็นผู้นำความรู้ของนักวิชาการที่ตกผลึกแล้วไปใช้ให้เกิดประโยชน์ บทบาทหน้าที่ต่างกันชัดเจนครับ เอกชนจึงเหมือนผู้ทำหน้าที่ตรวจสอบความสมบูรณ์ของความรู้ สูตรในการคำนวณสั้นๆที่เราใช้ในการทำงานทุกวันนี้หลายสูตรอาจต้องใช้เวลาหลายชั่วอายุคนกว่าความคิดจะสั่งสมมากพอจนตกผลึกออกมาเป็นสูตรที่สมบูรณ์ให้พวกเราได้นำไปประยุกต์ใช้กัน การแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างแวดวงนักวิชาการกับแวดวงเอกชนจำเป็นมากเพื่อให้เกิดการพัฒนาความรู้ที่สมบูรณ์ต่อไป จากคุณ : = - [ 30 ต.ค. 49 16:10:57 A:58.8.159.204 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 เป็นไปได้ไหมครับ ว่าคนเราได้ถูกธรรมชาติวางโปรแกรมมาก่อนแล้ว จึงมีความถนัดไปคนละอย่าง เก่งกันไปคนละด้าน บางคนก็หาเงินเก่ง บางคนเรียนเก่ง บางคนพูดเก่ง บางคนเขียนเก่ง บางคนแสดงเก่ง ฯลฯ  ซึ่งเป็นธรรมชาติของแต่ละคนครับ บางคนถูกวางโปรแกรมให้มีหลายอย่าง บางคนก็ได้อย่างเดียว อีกทั้งความมากน้อยของแต่ละอย่างก็ต่างกัน จากคุณ : บุญถิ่น - [ 30 ต.ค. 49 16:39:20 ]

ความคิดเห็นที่ 11 นั่นสิครับ เรียนแทบตายแต่ถ้าไม่มองเรื่องเงินก็ถือว่าประสบความสำเร็จด้านกหารศึกษาน่ะครับ จากคุณ : Dr.Eagle - [ 30 ต.ค. 49 16:46:57 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คนเรามีโอกาสรวยเสมอๆล่ะครับ แม้แต่คนที่ซื้อหวยก็ยังมีโอกาสรวย แต่ก็น้อย จุดประสงค์ของการศึกษาจึงไม่ได้อยู่ที่ทำให้คนรวย แต่อยู่ที่การสร้างและถ่ายทอดความรู้ จากรุ่นสู่รุ่นทำให้สังคมเจริญงอกงามพัฒนาขึ้นแบบยั่งยืน เป็นกระบวนการที่ทำซ้ำได้ ถ้ามองแค่ความร่ำรวยมนุษย์สมัยโบราณที่ไม่ได้เรียนแม้กระทั่งป.4แต่ได้เรียนรู้แบบอื่นๆบางคน ยังอาจร่ำรวยกว่าด๊อกเตอร์สมัยนี้นะครับ จากคุณ : มังกรใจเย็น - [ 30 ต.ค. 49 17:01:20 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คุณว่าการประสบความสำเร็จในชีวิตคืออะไร -หาเงินเก่งจนฐานะร่ำรวย -หรือไม่มีความทุกข์กายและใจ -หรือได้ในสิ่งที่ตั้งความหวังไว้เช่นอยากมีฐานะดี อยากมีครอบครัวดี อยากมีความรู้ดี ฯลฯ หมายเหตุ- ไม่มีใครได้อะไรโดยไม่เสียอะไรหรอกครับตามหลัก action=reaction จากคุณ : kibkarb - [ 30 ต.ค. 49 17:15:16 ]

ความคิดเห็นที่ 14 การทำธุรกิจ จังหวะและโอกาสสำคัญมาก ถ้าโอกาสมา แต่ไม่รีบฉวย มัวแต่ไปเรียน ดร. จบออกมา โอกาสนั้นอาจจะไม่อยู่แล้ว ถ้าคุณเจริญไม่ทำอาชีพขายเหล้า ณ ตอนนั้น มัวแต่ไปเรียน ดร. จบออกมา ผมว่าแกทำไม่ได้เท่านี้หรอก เพราะโอกาสนั้น คนอื่นคว้าไปรับประทานเรียบร้อยแล้ว จากคุณ : MaSaChi - [ 30 ต.ค. 49 17:28:44 ]

ความคิดเห็นที่ 15 มันขึ้นกับ คุณมองว่า การประสพความสำเร็จในชีวิต อยู่ที่ตรงไหน  คนที่รวยหมื่นล้าน เราคงไม่อาจปฎิเสธได้ว่าเค้าประสพความสำเร็จ  แต่คนที่จบดอกเตอร์ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะประสพความสำเร็จในชีวิตน้อยกว่านี่ครับ  หรือชาวนาสักคนที่ไม่จบอะไรสักอย่างแต่เลี้ยงตัวได้อย่างพออยู่พอกิน จวบจนสิ้นอายุขัยของแก โดยไม่ต้องไปพึ่งพาใครนั้น คุณจะเอาบรรทัดฐานที่ไหนวัดว่า แกไม่ประสพความสำเร็จในชีวิตละครับ  คนทุกคนประสพความสำเร็จชีวิตได้เหมือนๆกันครับ คนที่ประสพความสำเร็จในชีวิตสูงสุด มีแค่หนึ่งเดียวครับ  คือ   คนที่รู้จัก พอ จากคุณ : ARMS STRONG - [ 30 ต.ค. 49 17:32:49 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ทรัพย์สมบัติของครูอาจารย์คือลูกศิษย์ครับ ความสุขจากการได้มีโอกาสให้ความรู้แก่ศิษย์เพื่อ นำไปใช้ก่อประโยชน์แก่สังคมเป็นสิ่งที่หาซื้อไม่ได้ครับ แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 49 17:35:23 จากคุณ : Practical x 2 - [ 30 ต.ค. 49 17:33:28 ]

ความคิดเห็นที่ 17 การประสพความสำเร็จในธุรกิจ ประกอบด้วยหลายอย่างในสัดส่วนต่างกันไป ความรู้ ความสามารถ โอกาส การสนับสนุนจากคนรอบข้าง จังหวะ ความกล้าได้กล้าเสีย(มีทั้งผลดีและเสีย ซึ่งมันก็ขึ้นกับอีกอย่างคือ) ดวง อิๆ จากคุณ : -=Jfk=- - [ 30 ต.ค. 49 17:49:22 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ผม คนนึง หล่ะที่ไม่จบ ป.ตรี เรียน ป.ตรี มา 4 ปีไม่จบเซ็งชีวิตมากๆ แต่ ผมมาคิดๆ ดูแล้ว อย่างน้อยเรื่องคอมพิวเตอร์ผมก็ฉลาดกว่าพวก ป.ตรีบางคน หุหุ ฟันธง!!! ส่วนเรื่องเงิน ผม เฉยๆ นะ เงินมากเงินน้อยผมไม่สนใจผมสนแค่ว่าเงินที่ได้ได้มาอย่างไงและใช้อะไรไปอย่างไรมากว่า   เงินมากก็ใช้ว่าจะมีความสุข มี 73,000 ล้าน ยังอยู่ประเทศไทยไม่ได้เลย จ๊าก!!! พล่ามไรว่ะตู ไปแล้ว.... //55 แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 49 17:51:12 จากคุณ : Aonly - [ 30 ต.ค. 49 17:50:21 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่ได้วัดที่เศษกระดาษที่เรียกว่าปริญญา แต่วัดที่ความรู้ความสามารถ และที่สำคัญสุดคือโอกาสกับโชค ที่สำคัญตอนนี้เศรษฐกิจไม่เฟื่องฟูเหมือนก่อนด้วย จากคุณ : << trepXe << - [ 30 ต.ค. 49 18:07:04 ]

ความคิดเห็นที่ 20 โอกาสที่คนฐานะปานกลาง-ยากจน จะรวยขึ้นมาได้ในยุคสมัยและสังคมแบบนี้ บอกได้คำเดียวว่า ยากส์ โอกาสที่คนรวยอยู่แล้วในปัจจุบัน จะขัดสนยากจน ก็ยากส์อีกเช่นกัน จนอาจจะพูดได้เลยว่า ถ้าความสวยความหล่อคือพรสวรคค์ ความรวยก็เป็นพรสวรรค์เช่นเดียวกัน จากคุณ : (-_-") - [ 30 ต.ค. 49 18:08:43 ]

ความคิดเห็นที่ 21 มันขึ้นอยู่กับว่า คุณพอใจในชีวิตแล้วหรือยัง บางคนไม่ได้ร่ำรวยอะไร มีกินมีใช้ไปวันๆ เค้าพอใจ มีความสุขในชีวิตได้ นั่นก็ น่าจะเพียงพอแล้วม่ใช่หรอ การเรียนกับการทำธุรกิจ ไม่ได้แปรผันตรงกันนี่ครับ เรียนสูงไม่จำเป็นต้องประสบในธุรกิจ คุณสมบัติของสองสายงานนี่ต่างกันพอสมควรครับ จากคุณ : คุณปลาทอง - [ 30 ต.ค. 49 18:09:11 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ประสบ เขียนแบบนี้ครับ จากคุณ : เชื่อผมเหอะ แล้วดีเอง - [ 30 ต.ค. 49 18:16:27 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เพราะเงินไม่ใช่สิ่งที่บ่งบอกถึงการประสบความสำเร็จครับ มันขึ้นอยู่แค่ว่า คุณตั้งเป้าหมายของชีวิตคุณคืออะไร ? จากคุณ : ปลาวาฬทราย (Ampmification) - [ 30 ต.ค. 49 18:22:41 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ถูกต้องครับ ปล.ให้คนที่จบ ป6. ไปเรียนถึง Dr. จากคุณ : NBA - [ 30 ต.ค. 49 18:30:54 A:125.25.32.231 X: TicketID:107130 ]

ความคิดเห็นที่ 25 คนที่จะรวยเป็น 100 ล้านได้  สำคัญที่สุดคือ จะต้องทำตัวเป็นถ้วยชาที่ว่างเปล่า ซึ่งคนจบด็อคเตอร์  ส่วนใหญ่ทำไม่ได้  เพราะติดอยู่กับความเป้นด็อคเตอร์นี่แหละ(ยกเว้นบางคน) จากคุณ : นางสเตนเลส - [ 30 ต.ค. 49 18:38:01 ]

ความคิดเห็นที่ 26 มีคนจนกี่คนที่จบ ป.4 แล้วรวยเท่าเสี่ยเจริญล่ะครับ คิดเป็นสัดส่วนกี่เปอร์เซนต์ครับ จากคุณ : ช่างไฟ - [ 30 ต.ค. 49 19:33:45 ]

ความคิดเห็นที่ 27 อ้าวงั้น..ถ้าคุณเจ้าของกระทู้เรียนจบ ป.ตรีมา..ก็คงมีเงินเก็บประมาณ 400ล้าน ใช่มั้ยคะ..?? เอ้อ...คิดไปได้คนเรา.. จากคุณ : คิมมี่ (*CriMy*) - [ 30 ต.ค. 49 19:46:09 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 30 ต.ค. 49 20:06:56 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เงิน ไม่ได้แปรผันตาม วุฒิการศึกษา ซะขนาดนั้นหรอกนะครับ จากคุณ : Oi Ngi - [ 30 ต.ค. 49 20:44:40 ]

ความคิดเห็นที่ 30 มีด๊อกเตอร์ที่ไหนไม่มีเงิน มีปัญหาครอบครัว หายากนะครับ จากคุณ : tHeNuT - [ 30 ต.ค. 49 21:03:46 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ซื้อหวยดิ จากคุณ : unrebirth - [ 30 ต.ค. 49 21:10:17 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ดอกเตอร์ที่ผมเห็น ก็มีหลายคนมีปัญหาครอบครัวครับ บางคนแตกฉานในตำราและวิชาการ แต่อ่อนต่อโลกแห่งความเป็นจริงก็มีให้เห็นพอสมควรครับ บางคนแต่งงานมีลูกแล้ว ไปนั่งหึงหมอนวดที่อาบอบนวด บางคนคบกับแฟนมา 7-8 ปี แต่งงานไปได้ 6 เดือน ก็หย่ากันเพราะไปชอบเด็กฝึกงานที่รู้จักกันมาเพียงปีเดียว (แล้วจะแต่งงานกับแฟนคนนั้นไปทำไมเนี่ย) จากคุณ : TheShadow - [ 30 ต.ค. 49 21:27:35 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ปรัชญาการศึกษาคือการศึกษาหาองค์ความรู้เพื่อ ให้มีปัญญาและสร้างวิจารณญาณ คิดวิเคราะห์เหตุผลได้ดี ไม่ใช่เพื่อความร่ำรวย  มีคนจบการศึกษาน้อยหลายคนประสบความสำเร็จในชีวิตและก็มีอีกหลายคนที่ลำบากยากแค้น คนจบดร.หลายคนมีชื่อเสียง มีฐานะที่ดีขึ้นจากวัยเยาว์ก็มาก และล้มเหลวในการดำเนินชีวิตก็มีค่ะ ช่วงนี้รู้สึกว่ากระทู้เกี่ยวกับดร.มันมีบ่อย ก็เลยคิดว่าคนที่จบดร.เขาก็ได้แสดงความสามารถได้ในระดับหนึ่ง ดีเสียด้วยที่มีคนมีการศึกษามากมายขึ้น โดยส่วนตัวไม่เคยคิดริษยาดร.หรือใครเลย เพราะพอในและมั่นใจในสิ่งที่ตนมี คนไม่จบก็ต้องบอกว่าตัวเองไม่โง่ คนจบดร.ก็จะโมโหหากใครมาว่าว่าไม่เก่ง เถียงกันให้ตายเรื่องก็ไม่จบ บางอย่างมันวัดกันที่ตัวเงินไม่ได้ ดิฉันเห็นด้วยกับอ.prac ที่บอกว่าสมบัติของครูอาจารย์คือลูกศิษย์  คนที่เป็นครูจะดีใจเสมอเมื่อรุ้ข่าวว่าลูกศิษย์มีชื่อเสียงเจริญก้าวหน้า  เงินทองไม่ต้องมากมายเป็นร้อยล้านแค่มีพอใช้จ่ายซื้ออะไรให้ตัวเองเพื่อเป็นรางวัลแก่ชีวิตได้บ้าง มีเงินเก็บรักษาตัวยามป่วยไม่เดือดร้อนใคร แค่นี้ก็พอแล้วค่ะ ใครมีทรพย์มากก็ยินดีด้วย ใครจบดร.มาก็ยินดีด้วย ไม่ว่าใครอย่าลืมให้อะไรแก่สังคมบ้างพอแล้วค่ะเกิดมาชีวิตหนึ่ง จากคุณ : c'est bon - [ 30 ต.ค. 49 21:41:33 ]

ความคิดเห็นที่ 34 แนะนำหนังสือ ตรรกวิทยาเบื้องต้น  ของสำนักพิมพ์รามคำแหงง่ะครับ เป็นวิชาพื้นฐานที่นักศึกษาต้องผ่านเล่มละไม่เกิน50น่ะครับไม่แพงเท่าไหร่ จากคุณ : usa return - [ 30 ต.ค. 49 21:47:33 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ง่าๆๆๆๆๆ คุณคห.34 คนเดียวกะที่ตั้งกระทู้ดมกกน.เปล่าคะ ฮี่ๆๆๆๆเอาไปซักยังคะหรือคืนเจ้าของไปแย้ว จากคุณ : c'est bon - [ 30 ต.ค. 49 22:06:10 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ดร.ต้องเป็นลูกจ้างคนจบป.4 จากคุณ : mamao - [ 30 ต.ค. 49 22:54:45 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ^ ^ ^ โอ้...เย....คุณก็...55+ จำแม่นจริงๆ...55+ edit...ผมชี้ 35 นะครับ... แก้ไขเมื่อ 31 ต.ค. 49 04:12:40 จากคุณ : Mrexlzg - [ 30 ต.ค. 49 22:59:19 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เออ...คห.#34 คือมนุษย์กางเกงในจริง ๆ ด้วย โจทย์ชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดัชนีที่ใช้วัดความสำเร็จของชีวิตก็ต้องต่างกัน ใช้เงินเป็นตัววัดอย่างเดียวไม่ได้หรอก แต่ที่แน่ ๆ คือมีเงินเยอะ ๆ น่ะดีที่สุด จากคุณ : redistuO - [ 30 ต.ค. 49 23:05:49 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ยังไม่เคยจบด็อกเตอร์ เลยไม่รู้ว่าจบด็อกเตอร์แล้วจะรู้สึกยังไง จะเป็นยังไง กิกิ จากคุณ : Quiescent - [ 31 ต.ค. 49 00:33:20 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ชอบชื่อมนุษย์กางเกงในค่ะ ฮา ดี คิดได้ไง ปล. ไม่เกี่ยวกับกระทู้นะคะขออภัย เคยทำงานกับคุณเจริญ ยอมรับว่า แกเป็นคนที่เก่งมาก มาก แม้จะเรียนไม่สูง ความคิดแกแต่ละอย่าง โอโห้ หัวทางธุรกิจ แกสุดยอดจริงๆ บางทีก็แอบขำภาษาไทยที่ไม่แข็งแรงของแกนะคะ แต่ไม่กล้าแสดงออก กลัวโดนไล่ออกค่ะ บางคนจบดอกเตอร์ด้านบริหารมา ยังมีความคิดสู้แกไม่ได้เลยค่ะ แกทำธุกิจแบบแยกได้ เช่น บางบริษัทของแก ต้องเช่าที่ของแก เพื่อทำเป็นที่จอดรถ งง มั้ยคะ แบบว่า ย้ายเงินจากกระเป๋าซ้าย ไปกระเป๋าขวา พนักงานบางคนไม่เข้าใจก็มี บางธุรกิจแกขาดทุนก็มี บางคนที่ทำงานกับธุรกิจที่ขาดทุนของแก ก็โวยว่า ทำไมไม่เอากำไรจากธุรกิจเหล้าหรือเบียร์มาโปะธุรกิจที่ขาดทุน เวลาจ่ายโบนัสพวกทำเหล้าจะได้มากกว่า ธุรกิจอื่นๆ อ้าวหว้ากอนี่หว่า ตอบเป็นวิทยาศาสตร์ไม่ได้ ไปดีกว่า จากคุณ : ahoy - [ 31 ต.ค. 49 01:24:18 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขอเล่าครับ อาจจะเกี่ยวข้องกับกระทู้(มั้ง) บางท่านอาจเคยได้ยินมาแล้วก็ผ่านไปแล้วกันนะครับ มีเด็กชายอายุประมาณ8 - 10 ขวบ 3คนกำลังเล่นกองทรายอยู่หน้าสถานที่ก่อสร้างอาคารอันมโหฬารมโหระทึก และเกิดการสนทนาเกิดขึ้น เด็กคนที่ 1 - พวกนายรู้มั๊ย พ่อเราจบดอกเตอร์จาก MIT และเป็นคนควบคุมการก่อสร้างที่นี่ด้วย เด็กคนที่ 2 - เหรอ ส่วนพ่อเราก็จบดอกเตอร์จาก HAVARD และเป็นคนออกแบบอาคารนี้ด้วยจะบอกให้ เด็กคนที่ 3 - ส่วนพ่อเราจบแค่ ป.4 เอง แต่ว่าพ่อเราเป็นเจ้าของตึกนี้อะ !!!!!!!!!!!!!!!!!! จากคุณ : 123 - [ 31 ต.ค. 49 06:08:00 A:61.19.184.213 X:61.19.184.213 TicketID:129854 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ความสำเร็จสูงสุดของนักธุรกิจคือผลกำไร ความสำเร็จสูงสุดของนักวิชาการคือการได้ค้นพบความรู้ใหม่ของมนุษยชาติเป็นคนแรก(รางวัลโนเบล) จากคุณ : = - [ 31 ต.ค. 49 06:59:19 A:203.188.43.74 X: ]

ความคิดเห็นที่ 43 นักวิชาการระดับรางวัลโนเบิลเปรียบเหมือนผู้ค้นพบกุญแจที่จะเปิดไปสู่โลกใหม่ ส่วนเอกชนหรือรัฐที่นำความรู้ของนักวิชาการระดับรางวัลโนเบลไปใช้เปรียบเหมือนผู้ไขประตูสู่โลกใหม่ จากคุณ : = - [ 31 ต.ค. 49 07:34:44 A:203.188.43.74 X: ]

ความคิดเห็นที่ 44 ในเมืองไทย จบด็อกเตอร์ส่วนมาก ก็กลับมาเป็นอาจารย์ ใช้ทุนอย่างเดียวก็หมดไปครึ่งค่อนชีวิต ขอแค่มีเงินเก็บบ้างตอนเกษียณก็พอแล้ว คนเรียนด็อกเตอร์ทุกคนมีแต่แสวงหาความรู้ ไม่ใช่แสวงหาความรวย  อยากรวยต้องไปทำการค้า ทำธุรกิจ แต่ด็อกเตอร์รวยๆ ก็มีนะ พวกฉลาดๆ นี่อาจขายหุ้นเจ็ดหมื่นกว่าล้านได้โดยไม่ต้องเสียภาษีสักสตางค์ จากคุณ : คาเมะจัง - [ 31 ต.ค. 49 08:23:14 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ผมว่าคนที่จบป.6 บางคนที่เค้ารวยถึง 100 ล้าน 10000 ล้านได้ เพราะเค้าจ้างพวก doctor เนี่ยแหละมาทำงาน ฉลาดแค่สองอย่างก็รวยได้ ไม่ต้องจบสูงๆ ฉลาดใช้เงิน กับ ฉลาดใช้คน จากคุณ : ดุก - [ 31 ต.ค. 49 08:30:42 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ด๊อกเตอร์และเศรษฐีไม่เหมือนกัน คนจะเป็นด๊อกเตอร์ ก็มีคุณสมบัติอย่างหนึ่ง คนรวยจากการทำมาหากินก็มีคุณสมบัติอีกอย่างหนึ่ง จึงทำให้มนุษย์นั้น unique ไม่เหมือนกัน มีเอกลักษณ์ของตนเอง จึงเอาเรื่องเงินมาเป็นปัจจัยวัดความสำเร็จของคนทั้งสองไม่ได้ แต่คนมีความรู้มากจะหาเงินได้มากนั้นเป็นค่าเฉลี่ยทั่วๆไป เหมือน รูปกราฟ สำหรับคนรับประทานเงินเดือน และคนที่มีความรู้แบบทำมาหากินในระดับต้น แต่ถ้าเลยไปถึงจุดสูงสุดแล้วเราว่ามันจะแปรผัน พวกรวยมากไม่จำเป็นต้องมีความรู้ (knowledge)มากแต่ มี intelligent ดีเหมือนพวกเรียนมาก(ด็อก) กว่า จากรูป B=  ป.ตรี M= ป.โท Dr.= ป.เอก E= ประสบการณ์ O= โอกาส(opportunities) F= ครอบครัว = อื่นอีกมากมาย เช่น ประเทศที่เกิด ประเทศที่ทำงาน อาชีพ การค้นคว้านวัตกรรม การแพร่ระบาดของโรค                                                      ^^                                       ^^                             ^^ ถ้าคุณคิดยารักษาเอดส์ได้  คุณเป็นคนแรกๆที่คิดคอมพ์ได้แช่นสตีฟจอบส์ อีตา เกตต์ คุณก็ต้องรวยอยู่แล้วใช่แมะ จากคุณ : ป้ามหาภัย - [ 31 ต.ค. 49 09:51:31 ]

ความคิดเห็นที่ 47 หมายเหตุกราฟข้างบน เขียนเองใช้อ้างอิงเชิงวิชาการยังไม่ได้น้ะจ้ะ จากคุณ : ป้ามหาภัย - [ 31 ต.ค. 49 09:54:24 ]

ความคิดเห็นที่ 48 โทษครับ ดูกราฟไม่เข้าใจครับ ขออธิบายเพิ่มเติมได้ไหมครับ ผมปัญญาอ่อนด้อย แต่อยากเข้าใจครับ จากคุณ : ความรู้น้อย (pxus555) - [ 31 ต.ค. 49 11:11:46 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เห็นด้วยกับความเห็นที่ 17 คิดเหมือนกัน กล้าได้กล้าเสีย นอกจาก ดวง ก็ขึ้น อยู่กับ ความอยู่รอด แรงผลัก บางคนไม่มีอะไรจะเสีย เพราะถ้าไม่ทำก็อดตาย เลยต้องกล้าได้กล้าเสีย ทำธุรกิจ นอกจากความรู้และทุน ดวงก็มีส่วน จากคุณ : พระจันทร์สีฟ้า - [ 31 ต.ค. 49 11:56:18 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เงินไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต จากคุณ : อยากเห็นคนไทยบินได้ - [ 31 ต.ค. 49 12:12:30 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ปริญญาชีวิต ..   เรียนจากประสพการ์ณตนเอง  ทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นครู.. จากคุณ : tenno - [ 31 ต.ค. 49 12:23:36 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ทำไมด๊อกเตอร์ทั้งหลายไม่เปิดสอนคอร์สเอนทรานซ์เหมือน อ.ปิง อ.ลิลลี่ อ.อุ๊ ฯลฯ ล่ะครับ ทั้งๆที่ความรู้ก็สูงกว่าอาจารย์เหล่านั้น แถมรวยมากๆด้วยนะ เปิดคอร์สเดียว(เปิดวีดีโอให้ดู)ก็ได้เงินมาหลายล้านแล้ว แถมยังมีหลายสาขาทั่งประเทศอีกต่างหาก จากคุณ : ^_^ - [ 31 ต.ค. 49 13:08:22 A:58.64.100.35 X: TicketID:129428 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ต้องดูก่อนว่าจุดมุ่งหมายในชีวิตของคุณคืออะไรครับ เพราะถ้าต้องการทำธุรกิจ คนจีนจะไม่ค่อยให้เรียนมาก ออกมาทำเลยดีกว่า (เรียนจากประสบการณ์ตรง) แต่พวก ดร. ศต. แบบนี้เขาไฝ่เรียนครับ จากคุณ : beer2nd - [ 31 ต.ค. 49 14:36:39 ]

ความคิดเห็นที่ 54 คห.48 จากกราฟแกนy เป็นความรู้ แกนx เป็นรายได้ ถ้าโดยทั่วไปคนที่เรียนสูง ก็มักมีรายได้สูง ถ้าจบปตรี ที่ความรู้B รายได้ก็อยู่ที่ประมาณ แปดพันเป็นต้นไป เมื่อความรู้สูงไปที่M คือป.โท รายได้ก็สูงอยูระหว่างหนึ่งหมื่นถึงสองหมื่น เมื่อความรู้สูงต่อไปที่DR คือด๊อกเตอร์ รายได้แนวนอนก็อยู่ระหว่าง 20,000-40,000 แต่ถ้าเลยจากนั้นไป เพิ่มประสบการณ์คนที่จบมานาน ป.ตรีก็สูงกว่า คนจบป.โทรก็สูงกว่า คนจบป.เอกก็สูงกว่าตามลำดับ ขั้นสุดท้ายไม่ว่าคุณจะจบ ปตรี หรือ ป.โท หรือป.เอก ถ้าคุณมีประสบการณ์ (E)มีโอกาส(O)(ในที่นี้คือโอกาสที่จะทำอะไรมากกว่าอย่างอื่น เช่นไม่เป็นอาจารย์หมอคุณไปเป็นหมอผ่าตัดได้เงินมากกว่า) มีครอบครัวนามสกุลดังที่มีคอนเน็คชั่น(F) คุณก็มีเงินเดือนสูงที่สุด บวกกับ 3จุด (...) คือ = อื่นอีกมากมาย เช่น ประเทศที่เกิด ประเทศที่ทำงาน อาชีพ การค้นคว้านวัตกรรม การแพร่ระบาดของโรค ถ้าคุณเกิดในอเมริกา กับเกิดในไทยรายได้ก็ต่างกัน อาชีพที่คนต้องการมากก็ต่างกันเช่นวิศวกรได้เงินเดือนมากกว่าคนจบเลขา การค้นคว้านวัตกรรมใหม่ถ้าคุณคิดได้เป็นคนแรกคุณก็ได้เงินมากมายค่าลิขสิทธิ์ และสุดท้ายถ้าคุณคิดยาต้านเอดส์ได้ไม่ว่าจะจบอะไร คุณก็มีรายได้มากไง ...จบคะ จากคุณ : ป้ามหาภัย - [ 31 ต.ค. 49 16:17:51 ]

ความคิดเห็นที่ 55 นั่นมันเมื่อก่อน จากคุณ : น้องหมาตัวนั้น - [ 1 พ.ย. 49 00:46:25 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ชัดเจนดีครับ ขอบคุณครับ คุณป้ามหาภัย จากคุณ : ความรู้น้อย (pxus555) - [ 1 พ.ย. 49 09:20:52 ]