รื้อโมเดิร์นไนน์ออก นโยบายใหม่ กลับลำ 180 องศา เป็น โอลดี้ไนน์ เลิกบันเทิงเชิงวิชาการ โละ คุยคุ้ยข่าว-กบนอกกะลา รื้อ Met 107 ไม่เอาเพลงฮอตฮิตเปลี่ยนเป็นเพลงคลาสสิก
แหล่งข่าวจากบริษัท อสมท เปิดเผยว่า หลังจาก นายพงษ์ศักดิ์ พยัคฆวิเชียร เข้าทำหน้าที่รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ นายพงษ์ศักดิ์ได้เรียกประชุมฝ่ายขายของ อสมท เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เพื่อแจ้งถึงแนวนโยบายการบริหารงาน ซึ่งคำประกาศนโยบายของนายพงษ์ศักดิ์นั้น ได้สร้างความตะลึงให้กับบรรดาพนักงาน อสมท อย่างมาก เพราะเป็นนโยบายใหม่ที่สวนทิศทางเดิมในยุค นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ เป็น ผอ.อสมท โดยสิ้นเชิง เช่น ประกาศเลิกนโยบายเดิมที่จะทำให้สื่อของ อสมท ทำงานในลักษณะบันเทิง เชิงวิชาการ หรือ Edutainment ภายใต้แนวคิดสังคมอุดมปัญญา เป็นเชิงวิชาการ หรือ Education เพียงอย่างเดียว
นอกจากนี้ นายพงษ์ศักดิ์ได้สั่งให้ลดเวลารายการต่างๆ ของบริษัท ไร่ส้ม ของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พร้อมถอด รายการคุยคุ้ยข่าว และรายการดังของกลุ่มทีวีบูรพา คือ รายการกบนอกกะลา ออกจากผังรายการ นอกจากนี้ ยังสั่งให้เปลี่ยนแนวคิดการทำคลื่นรายการวิทยุเอฟเอ็ม 107 จากแนวคิด Met 107 ซึ่งเป็นคลื่นเพลงฮิตฮอตที่ขึ้นชาร์ตทุก มุมโลก มาเป็นสถานีเพลงคลาสสิก
“รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ประกาศชัดเลยว่า อสมท ต้องเป็นสถานีเพื่อการศึกษา เพื่อประชาชน ฉะนั้น ไม่ต้องคำนึงถึงกำไรให้มากนัก ซึ่งคำประกาศนี้ สร้างความแตกตื่นให้กับพนักงาน อสมท มาก” แหล่งข่าวระบุ
แหล่งข่าวระบุด้วยว่า นายพงษ์ศักดิ์ยังมีคำสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ชั้น 6 ซึ่งเป็นสำนักงานของผู้อำนวยการเดิมออก ทั้งหมดภายในวันเดียว โดยเลขานุการนายมิ่งขวัญ ถูกย้ายไปเป็นพนักงานฝ่ายขาย และเรียกประชุมฝ่ายข่าวให้นโยบายว่า ต้องปรับการทำงานข่าวให้เข้มข้นมากขึ้น ซึ่งจะทำให้มีการปรับเปลี่ยนการทำงานด้านข่าวครั้งใหญ่
สำหรับการปรับผังรายการใหม่ที่มีข่าวว่าจะเปิดทางให้นายสนธิ ลิ้มทองกุล จากค่ายผู้จัดการ นายสุทธิชัย หยุ่น จากค่ายเนชั่น นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีตวุฒิสมาชิก และนายสมเกียรติ อ่อนวิมล สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เข้ามาทำรายการแทนกลุ่มนายสรยุทธนั้น เมื่อไม่กี่วันมานี้ นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เชิญ ผู้บริหาร อสมท ไปหารือเรื่องนี้ โดยมี ตัวแทนของฝ่ายที่มีข่าวว่าจะได้เข้ามาทำรายการใหม่บางคนเข้าหารือด้วย
เมื่อสอบถามเรื่องดังกล่าวไปยังบอร์ดคนหนึ่งก็ได้รับการชี้แจงว่า บอร์ดได้ตกลงกันแล้วว่า จะไม่คำนึงถึงกำไรเป็นที่ตั้ง หากจะมีกำไร ก็ต้องมาจากการทำหน้าที่สร้างให้สังคมเป็นสังคมที่เป็นสุข
“เพราะต้องการสร้างสังคมที่เป็นสุข และสังคมแห่งการเรียนรู้ที่แท้จริง จึงต้องเลิกเอาบันเทิงมาปนกับความรู้ เอ็มทีวีก็มีแล้ว อสมท ไม่ต้องไปแข่ง เราต้องต่อ ท่อน้ำดีให้คนไม่ใช่ให้น้ำเน่า” บอร์ดกล่าว
สำหรับการปรับผังรายการนั้น บอร์ดมีมติชัดเจนว่า เมื่อเลิก Edutainment แล้วจะต้องเจาะจงว่าต้องเลิกรายการของบริษัท ทีวีบูรพา หรือรายการของบริษัท ไร่ส้ม แต่จะต้องมีการเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอเพื่อให้มีคุณภาพที่ดีขึ้น
“เราเลิก Edutainment แต่จะทำให้เป็นสัมมาปัญญา คือ ก่อให้เกิดความรู้ ความคิดและสำนึกที่ดี” บอร์ดผู้นี้ระบุ
ด้านนายบุญปลูก ชายเกตุ ประธานกรรมการ บมจ.อสมท เปิดเผยว่า บอร์ด อสมท ได้มอบให้นายพงษ์ศักดิ์ พิจารณาการปรับปรุงผังรายการ ตามแนวทางที่บอร์ดชุดใหม่กำหนด คือ เปิดกว้างให้ประชาชนได้รับข้อมูลอย่างครบถ้วน ไม่ใช่แค่เฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่ง ทั้งนี้ จะ เปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกเข้ามาจัดรายการ เพื่อให้ได้สาระที่หลากหลาย แต่ยังไม่มีการพิจารณาเรื่องตัวบุคคล
“เป้าหมายสำคัญของการปรับผัง รายการใหม่ทั้งวิทยุและโทรทัศน์นั้น อยู่ที่ ไม่ต้องการให้รายการวิทยุและโทรทัศน์ของ อสมท เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง หรือนำเสนอข้อมูลข้างเดียว” นาย บุญปลูก กล่าว
http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=news&id=129349
------------------------------------------------------------------------------------------------------
update ข่าว
MCOT เน้นสถานี"สัมมาปัญญา"มากกว่ากำไร เชื่อผู้ถือหุ้นรายย่อยรับได้
นายพงษ์ศักดิ์ พยัคฆวิเชียร กรรมการ และรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท (MCOT) เปิดเผยว่า อสมท.ยังคงยึดแนวทาง"สังคมอุดมปัญญา" แต่คงปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เป็นแบบ"สัมมาปัญญา" คือเน้นการสร้างปัญญาที่ดีอย่างแท้จริง ไม่เคลือบแฝงการหลอกลวงประชาชนภายใต้การเป็นสังคมอุดมปัญญา
"ที่ผ่านมารูปแบบรายการถูกบิดเบือน โดยใช้คำว่าสังคมอุดมปัญญา แต่มีการเคลือบน้ำตาล หลอกลวงชาวบ้าน ซึ่งเราจะต้องปรับเปลี่ยนให้เกิดคุณภาพแท้จริง และรับผิดชอบต่อประชาชน ที่บริโภคสื่อ" นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว
แม้ว่า MCOT อาจจะไม่ได้มุ่งเน้นการสร้างกำไรเป็นหลักสำคัญ แต่จะเน้นการสร้างคุณค่าให้กับสังคม โดยไม่คำนึงถึงผลเสียของการนำเสนอรายการต่างๆ เชื่อว่าผู้ถือหุ้นที่กระจายอยู่ประมาณ 23% โดยเฉพาะรายย่อยที่ถืออยู่ 8-9% จะสามารถทำใจยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ เพราะจะเป็นกำไรของผู้ถือหุ้นและคนทั้งชาติ หากสถานีนำเสนอรายการที่ดีมีคุณภาพและเป็นประโยชน์ มีสาระอย่างแท้จริง
"วันนี้ยังเชื่อว่า อสมท.ยังคงมีรายได้เลี้ยงตัวเองเพื่อให้องค์กรขับเคลื่อนไปได้ เรายังมี Asset คือสถานีวิทยุกว่า 60 สถานี มีสัมปทานคือ ยูบีซี และช่อง3 และยังมีบุคคลากรที่มีศักดิ์ศรีและมีความสามารถ พร้อมที่จะเป็นสื่อมวลชนที่ดี"นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว
สำหรับการปรับผังรายการสถานีโทรทัศน์ ขณะนี้เป็นเรื่องที่ต้องศึกษาร่วมกันในคณะกรรมการบริษัท และบุคคลากรของ MCOT จะร่วมพิจารณาว่าจะปรับเปลี่ยนรายการอย่างไร โดยจะตัดรายได้ใดที่ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ แต่คงต้องใช้เวลาในการพิจารณา เนื่องจากอีก 1-2 เดือนมีผู้ผลิตรายการส่วนใหญ่จะหมดสัญญา ดังนั้น จึงคาดว่าภายใน 1-2 เดือนหรือภายในสิ้นปีนี้จะได้ข้อสรุปการปรับผังรายการใหม่
อย่างไรก็ตาม MCOT มีทั้งรายการที่ขายเวลาให้ผู้ผลิตรายการอื่น และรายการที่อสมท.เป็นเจ้าของเวลาเอง ซึ่งรายการที่ขายเวลาให้ผู้ผลิตรายอื่นยากต่อการปรับเปลี่ยน เพราะจะผิดสัญญาได้
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า สิ่งที่คณะกรรมการจะเร่งดำเนินการในขณะนี้คือการสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่โดยเร็วที่สุด ซึ่งคณะกรรมการยินดีที่จะพิจารณาใบสมัครทั้งคนในและนอกองค์กรที่มีความรู้ความสามารถ และทำงานได้ตามเจตนารมณ์ของคณะกรรมการบริษัทที่ต้องการเน้นให้ MCOT เป็นสถานีโทรทัศน์ของรัฐที่เป็นสถานีแห่งปัญญาและความรู้ให้กับประชาชนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมทั้งประเทศ
http://www.posttoday.com/breakingnews.php?sec=breaking&id=129528
ผมว่ากระทู้นี้สามารถคุยในหว้ากอได้นะ เพราะเกี่ยวกับเรื่องแหล่งความรู้ที่มีอิทธิพลต่อคนทั้งประเทศ
แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 49 00:26:50
จากคุณ :
ไม่มีสมาชิกชื่อนี้
- [
2 พ.ย. 49 17:13:35
]