ความคิดเห็นที่ 1 ฝรั่ง ทอดเบอร์เกอร์ ทำ part time เงินเท่ากับ คนทำงานปริญญาตรี บ้านเราครับ ค่าครองชีพต่างกันครับ ที่นั้น คุณจบ high school คุณทำงานได้ ลอง คุณจบ ม.6 แล้วไป สมัคร การบินไทย สมัครธนาคาร สมัครบริษัทน้ำมัน เขาจะรับคุณไหม ขนาดผู้จัดการร้านฝึกหัดยัง ป ตรี เลย เอวัง จากคุณ : moojiw - [ 22 พ.ย. 49 20:21:20 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ค่านิยมต่างกันครับ.. สำหรับคนไทยถ้าไม่จบป.ตรีเขาไม่ยอมรับ ฝรั่งเขาดูที่ประสบการณ์และความรู้ที่ตรงกับสายอาชีพมากกว่า.. แล้วก็ฝรั่งที่จบม.6 มาเขาไปเรียน short course เอาใบรับรองสาขาต่างๆได้ ใบรับรองพวกนี้เอาไปสมัครงานได้สบายๆ เพราะถือว่า specialise ในด้านนั้นแล้ว ผมเห็นพนักงานแบงก์ฝรั่งไม่จบ ม.6 ก็มี ของไทยเราเอะอะก็จะให้จบป.ตรีอย่างเดียว ไอ้เด็กที่อยากเล่นดนตรีอยากเล่นกีฬาส่วนมากก็พลอยโดนบังคับให้อ่านหนังสือไปด้วย จากคุณ : k3v1n - [ 22 พ.ย. 49 20:35:49 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เพราะความห่างระหว่างชนชั้นอาชีพเค้าน้อยกว่าบ้านเราน่ะสิ คนขับรถเมล์บ้านเค้า มีอันจะกิน เหมือนพนักงานบริษัท พนักงานรายวันเมืองนอก มีบ้านรถทุกอย่างเหมือนที่คนมีฐานะมี บ้านเราคนขับรถเมล์กับสาวโรงงาน ได้ค่าแรงถูกต่างกับชนชั้นอาชีพอื่น ฟ้ากับเหว คุณภาพชีวิตและหลายๆ อย่างทำให้เราทำได้ไม่เหมือนเค้า เปรียบเทียบกันไม่ได้หรอกครับ จากคุณ : heck - [ 22 พ.ย. 49 20:37:56 A:203.155.125.178 X: TicketID:119117 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เห็นด้วยกะคุณ k3v1n โดยเฉพาะประโยคสุดท้าย : ซวยไปนะน้อง : เพราะพี่ก็โดนเหมือนกัน จากคุณ : หวานใจนายโหด - [ 22 พ.ย. 49 20:38:40 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คุณอยู่เมืองนอกคุณทำงานพนักงานเสิร์ฟอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ แต่ในทางกลับกัน มาทำอย่างนี้ที่เมืองไทย "ใครเห็นเข้าอายเค้าตาย" คุณค่าของงานในเมืองไทยมันวัดกันที่เงินตอบแทน เมื่อก่อนใครทำงานราชการ จะถูกยกย่องมากว่าเป็นเจ้าคนนายคน แต่เดี๋ยวนี้ยุคทุนนิยม มันเลยเปลี่ยนไป ต้องขับรถคันงาม มีบัตรเครดิต ถือโทรศัพท์smartphone ทุกคนเลยต้องตะกายเรียนสูงๆ เพื่อจะได้มาทำงานบริษัทดีๆ จะได้เงินเยอะๆ จากคุณ : แมวเหมียวตัวลาย - [ 22 พ.ย. 49 20:43:02 ]

ความคิดเห็นที่ 6 สมมุติว่า รายได้ประชาชาติคือ เค๊กหนึ่งก้อนที่ประชากร10คนต้องแบ่งกัน ในประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งสิบคนจะช่วยกันขยายก้อนเค๊กให้ใหญ่ขึ้นเพื่อทุกคนจะได้รับส่วนแบ่งที่เท่้ากันแต่ใหญ่ขึ้น แต่ในประเทศด้อยพัฒนาทั้งสิบคนจะพยายามอวดศักดาว่าข้าเก่งกว่าคนอื่นเพื่อที่แย่งชิงเอาชิ้นเค๊กที่ใหญ่กว่าขอคนอื่นแทนที่จะช่วยกันทำให้ทั้งก้อนใหญ่ขึ้น จากคุณ : Cyber Sage - [ 22 พ.ย. 49 20:44:27 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เคยคุยกะพวกฝรั่งที่จบม.หก แล้วมาเที่ยวเมืองไทยเหมือนกัน พี่แกบอกว่า คนไทยติดที่ไม่มีเงินไปเที่ยว ทำงานหาเงินไปด้วยเรียนไปด้วยไม่ได้ ต้องเรียนให้จบก่อนแล้วค่อยทำงาน ยังแอบบอกว่า medical student เมืองไทยจบตั้งแต่อายุยังน้อยเมื่อเทียบกับเมืองเขา แถมมีชื่อเสียงทีเดียว ชวนให้นึกถึงใครคนหนึ่งในหว้ากอที่มีแววจบหมอเร็วที่สุดในโลก และก็เห็นด้วยกับที่บอกว่า ผู้จัดการร้านฝึกหัด รับเฉพาะปริญญาตรี ทุกสาขา จากคุณ : Elrond - [ 22 พ.ย. 49 21:00:34 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ของฝรั่งจบม.6 พ่อแม่ส่วนใหญ่เขาไม่ค่อยส่งเสีย ยกเว้นมีตังค์จริงๆ ของคนไทยส่งเสียยันดร. จากคุณ : พระจันทร์สีฟ้า - [ 22 พ.ย. 49 21:30:08 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เคยเจอนักศึกษาชาวยุโรปมาเที่ยวบ้านเรา ตอนนั้นอยู่บนรถไฟไปสงขลา (งานกิจกรรมของมหาวิทยาลัย) ก็เลยนั่งคุยกันไปเรื่อย ๆ เขาบอกว่า เขากำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีหนึ่ง แล้วตอนนี้เป็นช่วงหยุดพักระหว่างภาค ก็เลยมาเที่ยวหาความเพลิดเพลินแล้วก็ประสบการณ์ด้วย จากคุณ : Mr. SJ - [ 22 พ.ย. 49 21:30:27 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะเรียนไปทำไมตั้งเยอะตั้งแยะ เพราะการทำงานกะความรู้มันน่าจะมีแยกเป็นวิชาๆไปเลย ไม่ต้องมานั่งเรียนมั่ว และที่สำคัญคือรายได้ของอาชีพต่างๆ มันห่างกันมากเลย ผมอยากให้มันเท่าๆกันทำไมครูจน พวกช่างศิลปก็จน แปลกชิบเป๋งบ้านเรา จากคุณ : ateens108 - [ 22 พ.ย. 49 21:39:48 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ^ ^ ^ ครูสมัยนี้ก็ไม่จนเท่าไรหรอกครับ ผมว่า จากคุณ : นายปะหลาด (yuttchai) - [ 22 พ.ย. 49 22:08:26 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ^ ^ แต่ไม่ได้ร่ำรวยมีเงินเหลือเก็บมากมายนี่ครับ จากคุณ : Elrond - [ 22 พ.ย. 49 22:16:39 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าเมืองไทย ต้องดูว่าจบปริญญาก่อน อย่างอื่นว่ากันที่หลัง เผลอๆต้องจบมหา'ลัยดังๆเกรดสูงๆถึงจะรับทำงานค่ะ.. จากคุณ : นักฆ่า...น่ารัก - [ 22 พ.ย. 49 22:21:48 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ทำไมผมรู้สึกว่า คนรอบๆข้างผมเที่ยวเยอะมากเลย  แบบ แบคแพ๊คนะ พวกปีหนึ่ง สองสาม เนี่ย ไปลาว เวียดนาม กัมพูชาเป็นว่าเล่น บางคนก็ไปถึงโน่น จีนครับ  หลายประเทศเรื่อยๆ  ส่วนผมเหรอ ในประเทศครับ ต่างประเทศเนี่ย  เก็บตังทัวร์ยุโรปทีเดียวเลยตอนเรียนจบ จริงๆแล้วจะบอกว่า  ตอนนี้วัยรุ่นไทย นิยมเที่ยวหาประสบการณ์เยอะขึ้นนะครับ จากคุณ : perspeceviT - [ 22 พ.ย. 49 22:22:56 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เพราะภาษีบ้านเรามันหายไปไหนหมดไม่รู้ เลยมีไม่พอจะพัฒนาประเทศ จากคุณ : บอนตะคุง - [ 22 พ.ย. 49 22:31:28 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เพราะที่นี่ประเทศไทย จากคุณ : ไม่มีสมาชิกชื่อนี้ - [ 22 พ.ย. 49 22:34:57 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เงิน เงิน เงิน ถ้าเสิร์ฟอาหารแล้วมีตังค์ไปเที่ยวต่างประเทศ ผมก็ไปครับ ผมทำงานเซลล์ รายได้จัดว่าอยู่ในอันดับต้นๆ ของคนจบปริญญาตรี ยังไม่มีปัญญาซื้อตั๋วเครื่องบินเลยครับ จากคุณ : อะธีลาส - [ 22 พ.ย. 49 22:51:38 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อย่าเอาปัจจัย เดียว มาวัด จากคุณ : อ้ายหนุ่มพลังม้า - [ 22 พ.ย. 49 22:56:27 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ผมเองเคยไปสมัตรงานเป็นพนักงานจัดตู้ Display ให้กับห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เพราะมั่นใจว่าตัวเองทำได้และมีพรสวรรค์ด้านนี้ แต่เขาไม่รับเพราะว่าผมจบแค่ ม.6 เหตุผลที่เขาให้มาคือเขารับวุฒิขั้นต่ำคือ ปริญญาตรี เนื่องจากต้องมีความรู้ในเรื่ององค์ประกอบศิลป์ แต่เวลาผมเดินไปตามห้างและมองเข้าไปในตู้ผมนึกในใจ "องค์ประกอบศิลป์มันใช้ตรงไหนกันวะ จัดตามรูปแบบที่ทาง สนง.ใหญ่ ส่งแปลนมาให้ อุปกรณ์ตกแต่งเขาก็เซ็ทมาให้หมด นี่เหรอต้องอาศัยวุฒิ ป.ตรี สอนให้ลิงทำยังได้" จากคุณ : Blink (Heg765) - [ 22 พ.ย. 49 22:58:45 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เหอๆๆ ครูสอนภาษาปะกิตให้ผมเคยไปอยู่มาแล้ว 12 ประเทศ คาดว่าครูเขาน่าจะ "ถึง" มาแล้วทุกประเทศ เหอๆๆ จากคุณ : Alien From Mars - [ 22 พ.ย. 49 23:02:17 ]

ความคิดเห็นที่ 21 แต่จากการที่ชอบท่องเที่ยวนี้เอง ทำให้รัฐบาลฝรั่งเขาเริ่มกังวลว่าประชาชนของเขา ไม่คำนึงถึงเงินเก็บเงินออมเลย จากคุณ : Practical x 2 - [ 22 พ.ย. 49 23:12:17 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 22 พ.ย. 49 23:17:28 ]

ความคิดเห็นที่ 23 จริงๆนะคะ คนไทยเรียนมากเกินไปแล้ว... อยากเชี่ยวชาญสาขาวิชาไหนก็เรียนอันนั้น ไม่ต้องมากวาดทุกวิชาในโลกแบบนี้ - -" จากคุณ : ลูกสาวอีฟ - [ 22 พ.ย. 49 23:29:15 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ฝรั่ง เรียนโพลีเทคนิค จบมา มีทักษะอาชีพ ไทย เรียน ปวช ตอนเรียน ตีกัน จบมา ตกงาน อังกิด เป็นเด็กเสิร์ฟร้านอาหารไทย สัปดานึง ทำ 15 ชม ได้เกือบแสนละคับ กินอยู่ประหยัดหน่อย อยู่ได้สบาย เมืองไทย ทำงานแค่นั้นก็กินแกลบ จากคุณ : ~มาม่า5บาท~ - [ 22 พ.ย. 49 23:30:07 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ตอนไปเรียนที่ต่างประเทศ แทกซี่ถามมาจากไหน บอกมาจากไทย เขาบอกว่า "เมืองไทยหรือ ชอบมาเลย มาหลายครั้งแล้ว" ขนาดคนกวาดถนนยังได้เงินดีเลย ชอบความคิดเขาตรงที่ไม่ดูถูกเรื่องอาชีพกันคะ แล้วเพื่อนๆ พอไม่มีเรียนก็ได้ไปเที่ยวประเทศรอบๆ หมดเลยเห็นแล้วอิจฉาคะ อย่างข้างบนว่าแหละคะ ป.โทมีไว้สำหรับคนที่ต้องการความรู้ที่ใช้เฉพาะทางคะ  บ้านเราเรียนแทบตาย จากคุณ : peterito - [ 22 พ.ย. 49 23:30:26 ]

ความคิดเห็นที่ 26 คนไทยนอกจากยึดติดกับ ป.ตรี แล้ว ยังยึดติดกับ สถาบัน ด้วยครับ ผมขอยืนยันครับ ------------------------------------------------ ประสบการณ์ตรง ช่วงผมสมัคร  ผมไปงาน job fair ครับ ซึ่งงานนี้จัดขึ้นในสถาบันการศึกษาของผมครับ แน่นอนมันไม่ใช่จุฬา  ธรรมศาสตร์ ผมจะเข้าไปสอบถามรายละเอียดกับบริษัทชั้นนำทางปิโตรเคมีแห่งหนึ่งครับ ที่ซึ่งคุณๆก็รู้ว่าข้างในน่ะ  มันเลือดสีอะไร เจ้าหน้าที่บู้ทแทบไม่พูดกับผมซักคำเลยครับ ถามไปแทบจะไม่ตอบ  ต้องถามซ้ำ 2-3 รอบ หน่ำซ้ำยังไม่ชายตาแลดูผมเลยครับ --------------------------------------------------------- ผมสงสัยจริงๆเลยครับว่า สถาบันของผม  มันน่าเกียจขนาดนั้นเลยเหรอ เจ้าหน้าที่ จากคุณ : lets_kick_off - [ 22 พ.ย. 49 23:34:46 ]

ความคิดเห็นที่ 27 การศึกษาบ้านเราน้ันผิดตั้งแต่ต้นครับ เราไปเรียนรู้กันผิดๆว่า ความรู้อยู่ที่สถาบันการศึกษา เพราะฉะน้ันการเรียนสูงๆจะทำให้ฉลาด การจะพัฒนาประเทศต้องมีคนจบปริญญาเอกเยอะๆ เรื่องจริงคือว่า ความรู้เกิดจากการผิดพลาดในการทำงานครับ เมื่อคุณทำผิดคุณหาทางแก้ คุณก็มีความรู้ แต่บ้านเรามันไปติดว่าความรู้คือใบปริญญา ในหว้ากอหลายคนก็เป็นเช่นน้ัน ผมสะกิดเรื่องนี้แล้วจะร้อนมีองค์ลงประทับทันที แต่นี่คือเรื่องจริง ผมเคยถกกับหลายคนเรื่องการสร้างเทคโนโลยีว่าทำไมประเทศอย่างอเมริกาน้ันถึงสร้างเทคโนโลยีได้มากมาย ความเป็นจริงแล้วเทคโนโลยีต่างๆน้ันไม่ได้เกิดจากบริษัทใหญ่หรือสถาบันชั้นนำ แต่เกิดจากการทดลองหลังบ้าน ในโรงรถ ใน Workshop เล็กๆ โกโรโกโส ไม่ต้องได้ปริญญาเอก ก็ทำได้ แต่หลายคนเขาไม่เชื่อเพราะไปติดค่านิยมเรื่องใบปริญญานะครับ อีกเรื่องที่อยากจะบอกก็คือ เด็กอเมริกันวัยที่จบ ป. 6 เมื่อเทียบกับเด็กไทยวัยเดียวกันแล้วมีความเป็นผู้ใหญ่สูงกว่ามาก เพราะสังคมอเมริกันใครที่จบมัธยมปลายแล้วยังขอเงินพ่อแม่ หรืออาศัยบ้านพ่อแม่อยู่ เขาจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า Loser หรือภาษาบ้านเราเรียก ไอ้ขี้แพ้ ดังน้ันเขาก็ต้องออกทำงานหาเงินเอง อยากเรียนก็ต้องไปกู้เงินมาเรียน ชีวิตมันต้องพึ่งตัวเอง เขาเลยโตกว่าเด็กไทยในแง่ความคิด ลองมองกลับไปดูได้ครับ บางคนจบปริญญาเอกแล้วยังต้องอาศัยบ้านพ่อแม่ตัวเองอยู่ บางคนจะแต่งงานยังต้องไปขอเงินพ่อแม่ไปขอเจ้าสาวกันอยู่เลยครับ แล้้วมันจะให้โตทันฝรั่งเขาได้อย่างไร เพราะบางคนอายุจะ 30 แล้วยังไม่รู้จักรับผิดชอบชีวิตตัวเองเลยครับ จากคุณ : BoydKansasCity - [ 22 พ.ย. 49 23:52:14 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เรื่องนี้เราว่าอะไรที่พูดกันยากนะคะเพราะผู้สังเกตยืนกันคนละมุมแล้วก็น้อยครั้งที่จะเอามุมมองตัวเองมาแชร์กันแบบเป็นเรื่องเป็นราว เราเชื่อว่ามันคือค่านิยมของคนในสังคมไทยมันเป็นลักษณะของคนไทย สังคมไทยเป็นระบบอุปถัมภ์ ระบบที่แยกไม่ออกระหว่าง"บุญคุณ" กับ "หน้าที่"  ทำให้ทุกอย่างออกมาในรูปเล่นสีเล่นพวกกันอย่างที่หลายองค์กรระดับชาติเป็นอยู่ทุกวันนี้ กับคำถามจขกท. มันคือผลที่เกิดเนื่องจากเหตุในเนื้อความดังกล่าว  ทำให้ทุกคนต้องรีบพาตัวเองให้ก้าวไปโดยเร็วที่สุดเพราะเชื่อว่ามันจะทำให้ชีวิตดีขึ้นทั้งๆที่ยังไม่เคยคิดแม้สักครั้งในการตั้งเป้าหมายให้ชีวิต เราคิดว่าเราก็เป็นคนหนึ่งในสังคมไทยที่เดินตามค่านิยมเหล่านั้นอย่างตรงไปตรงมามากที่สุดคนนึงค่ะ  เคยเหมือนกันที่ตั้งคำถามเหล่านี้แบบนี้เลยกับพ่อแม่  แต่ท่านค่อนข้างหัวสมัยใหม่ไม่ว่าอะไรเราเองต่างหากที่ตัดสินใจเลือกเรียนแทนที่จะเรียนรู้ชีวิตซะก่อน.......มาถึงวันนี้เราก็ไม่เคยคิดว่าสิ่งที่เลือกนั้นมันผิด  เพราะเราอยู่ในสังคมไทย เราเป็นคนไทย เราก็น่าจะเลือกทางเดินให้กับตัวเองที่ทำให้เราอยู่ได้ในสังคมอย่างมีความสุขที่สุด เราเชื่อว่าสิ่งที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้มันพอแล้วล่ะ แค่เกิดมาครบ 32 เดินได้ถ่ายคล่อง ก็โอเคที่จะให้ชีวิตเดินต่อไปได้แล้วล่ะ บางทีอาจจะพวกฝรั่งเค้าอาจจะกำลังอิจฉาในความเรื่อยๆเอื่อยๆอลุ้มอล่วยต่อกัน ของเราก็ได้นะ เพราะบ้านเค้าต่างคนก็ก้มหน้างุดๆๆๆเดินไปให้ถึงที่ทำงานอย่างเร็วที่สุด เราเคยไปเมืองหลวงมาก็หลายประเทศนะ  เราว่ากรุงเทพก็เป็น  เมืองหลวงที่คุณภาพชีวิตห่วยพอๆกับประเทศที่เรียกตัวเองว่าเจริญแล้วเหมือนกันนะ จากคุณ : ยิ้มสู้ - [ 23 พ.ย. 49 00:14:25 ]

ความคิดเห็นที่ 29 กรรมกรฟรั่งสร้างตึกนะอยากจะบอก ทำงานเสร็จแล้วพักโรงแรม ส่วนกรรมกรไทย สร้างบ้านสังกะสีในไซท์งานแหละ จากคุณ : hydrophobia - [ 23 พ.ย. 49 00:32:02 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ^ ^ จริงด้วย ดูในรายการ Think Tank ตอนที่มันมีงานก่อสร้างอ่ะ กรรมกรอยู่กินโครตสบาย มีรถคันงามขับอีกตะหาก จากคุณ : Naruse_X - [ 23 พ.ย. 49 00:34:39 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ผมว่านะ... ประเทศไทยเรายึดติดกับ "ใบปริญญา" "สถาบัน" และ "เกรด" แต่.. "ประสบการณ์" "ความสามารถ" ยังไงก็ได้ - -" ปล. ขอเอาไปลิงค์ในบลอคนะครับ http://ipats.exteen.com/20061122/entry แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 49 00:38:28 จากคุณ : iPAtS - [ 23 พ.ย. 49 00:37:42 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ความคิดเห็นที่ 27 "ผมเคยถกกับหลายคนเรื่องการสร้างเทคโนโลยีว่าทำไมประเทศอย่างอเมริกาน้ันถึงสร้างเทคโนโลยีได้มากมาย ความเป็นจริงแล้วเทคโนโลยีต่างๆน้ันไม่ได้เกิดจากบริษัทใหญ่หรือสถาบันชั้นนำ แต่เกิดจากการทดลองหลังบ้าน ในโรงรถ ใน Workshop เล็กๆ โกโรโกโส ไม่ต้องได้ปริญญาเอก ก็ทำได้ แต่หลายคนเขาไม่เชื่อเพราะไปติดค่านิยมเรื่องใบปริญญานะครับ" ผมว่าคุณเข้าใจผิดอย่างร้ายแรงนะครับ ผมมั่นใจว่าเทคโนโลยีส่วนใหญ่มาจากบริษัทใหญ่หรือสถาบันชั้นนำครับ และส่วนใหญ่มาจากคนที่จบปริญญาเอกด้วยครับ จากคุณ : rp - [ 23 พ.ย. 49 01:23:12 A:125.25.152.52 X: TicketID:102443 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ฝรั่งที่เรียนสูงกว่าชั้นม.ปลาย ส่วนมากเลือกแล้วว่าจะเรียน ใจต้องรัก เพราะต้องขวนขวายเองเสียส่วนมาก (ทำงานไปเรียนไป เยอะแยะ แทบไม่มีใครเนียนอย่างเดียว) พอหลังจากจบแล้ว ก็หางานทำ หลังจากนั้นจึงเรียนเพิ่มเติมในสิ่งที่ต้องการใช่ในหน้าที่การงาน คนไทย ส่วนมาก เรียนก่อน ได้ใช้หรือไม่ ไม่รู้ แต่จ้องจบสูงๆไว้ก่อน เรียนจบแล้วจึงค่อยหางาน จากคุณ : {P}a{T}t{Y} - [ 23 พ.ย. 49 01:23:36 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เนื่องจาก ม.6ของไทยเรียนจบได้ง่ายเกินไป หลับหูหลับตาเรียนก็จบ อ่านภาษาอังกฤษไม่ออกซักตัวก็จบ บางคนคูณเลขไม่เป็นยังจบเลยครับ ผมในฐานะผู้จ้างงาน มีรึจะกล้า"เสี่ยง"รับคนที่ความสามารถน้อยนิดมาทำงาน ทั้งที่ตัวเลือก(ป.ตรี)มีถมเถ สรุปว่าคนไทยไม่เชื่อใจระบบการศึกษาไทยที่ว่าจบม.6แล้วมีความสามารถพอจะทำงานได้"ทุกคน" ต่างกับฝรั่งที่ของเขาไม่จบง่ายๆ จบมาความสามรถพื้นฐานต้องครบ ผู้จ้างเลยสามารถวางใจจ้างได้ไงครับ แรงไปมั้ย? แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 49 01:41:27 จากคุณ : BonaPart - [ 23 พ.ย. 49 01:38:42 ]

ความคิดเห็นที่ 35 จขกท "เมืองไทยมีด๊อกเตอร์เต็มเมืองแต่กลับพัฒนาชาติบ้านเมืองไม่ได้ดีเท่าที่ควร" เอาใหม่ซิครับ ผมดูสถิติจาก NSF ซึ่งเป็นองค์กรของรัฐบาลสหรัฐที่ทำเรื่องพวกนี้ ในปี 2005 ประเทศสหรัฐอเมริกาผลิตบัณฑิตระดับปริญญาเอกในกลุ่มสาขา science and engineering ในปีเดียวได้เป็นจำนวน 27,974 คน http://www.nsf.gov/statistics/infbrief/nsf07301/ จากจำนวนนี้เป็น non-US citizen 11,516 คน และหลายๆคนในจำนวนนี้ทำงานต่ออยู่ในประเทศสหรัฐ สหรัฐอเมริกามีประชากรประมาณ 300 ล้านคน ประมาณ 5 เท่าของประเทศไทย ผมไม่ทราบว่าคุณหมายความว่าอย่างไรกับวลี "เมืองไทยมีด๊อกเตอร์เต็มเมือง" แต่ถ้าคุณหมายความว่าเรามีด๊อกเตอร์ในระดับปริมาณที่ทัดเทียมกับ USA แล้วล่ะก็ ประเทศไทยก็ควรที่จะผลิตบัณฑิตระดับปริญญาเอกได้เองประมาณ 5,000 คนในปีเดียว ซึ่งผมค่อนข้างมั่นใจว่าเราไม่สามารถทำได้ขนาดนั้น จากคุณ : rp - [ 23 พ.ย. 49 01:49:38 A:125.25.152.52 X: TicketID:102443 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เพราะในไทย ค่าแรงมันน้อยครับ จบ ม.6 ทำอะไรได้ เราใช้การศึกษาเฟ้อเกินไป ผู้จัดการร้าน7-11 ปริญญาตรี โห กะอีแค่ร้านแค่นี้ ไม่ต้องคิดอะไรเลย แค่ทำงานตาม work instruction ก็แค่นั้น และเด็ก ม. ปลาย ทำงานอะไรได้บ้างระหว่างเรียน ล้างชามรึ กี่บาทกัน ชั่วโมงละ20บาท แล้วที่รายได้มากๆหละ เด็กเชียร์เบียร์ ให้มานุ่งสั้นๆ พี่คะพี่ขา ยี่ห้อหนูดีนะค่ะ อีกเหยือกมั๊ยคะ แล้วโดนลวนลามทางสายตาหรือยิ่งกว่านั้นเนี่ยนะ ถ้าเป็นผม ผมจ่ายให้ลุกผมเลย20บาท พ่อจ้างลูกไปอ่านหนังสือ ทำคะแนนให้สูงๆ เพื่อให้อยู่สูงกว่าคนอื่น ในสังคมมันแบบนี้ ก็ต้องเล่นตามเกม ถ้าคุณไม่สามารถเปลี่ยนสังคมได้ จากคุณ : โลหการ4 - [ 23 พ.ย. 49 02:24:49 ]

ความคิดเห็นที่ 37 มีปัจจัยมากมายเป็นล้านๆครับที่ทำให้เขาเป็นประเทศพัฒนาแล้ว และเราขาดเพียงล้านๆสิ่งจำเป็นที่จะขยับไปสู่ประเทศพัฒนาแล้วเช่นกัน จากคุณ : quadspiner - [ 23 พ.ย. 49 02:27:10 ]

ความคิดเห็นที่ 38 K. rp I agree with you that lots of high tech, mostly, came from Phd’s research and development. I believe that the point that they try to convey is that do we, as Thai Society, put too much emphasis on degree. Personally, I believe "เมืองไทยมีด๊อกเตอร์เต็มเมือง" is not a fair comment. We just don’t have enough of them. To be fair, it wasn’t just the number of Phd that dictated the development of our country. Perhaps, it the current system Is the current system allowing those Phds to live up to their potential? Of course, I refer to most of Phds that work as a professor in Thai University. However, I do agree that Thai Society puts too much emphasis on degree. จากคุณ : Sman - [ 23 พ.ย. 49 02:36:16 A:192.133.192.1 X: TicketID:116218 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เรื่องจริงไม่อิงนิยายครับ ว่า Innovation ไม่ได้มาจากบริษัทใหญ่ๆครับ แต่มันมาจากบริษัทเล็กๆ หรือบางครั้งมาจากทำกันในโรงรถเลยทีเดียว เหตุผลที่หลายคนเห็นว่ามันมาจากบริษัทใหญ่และเห็นว่ามีคนจบด็อกเตอร์เป็นคนทำเพราะมันไม่ได้อยู่ในระดับ R&D แต่มันอยู่ข้ันที่เป็น Commerical Developement แล้วครับ หากให้ยกตัวอย่างง่ายๆ นาซ่า ที่เห็นกันน้ัน Sub-contract ท้ังนั้นครับ และแต่ละส่วนที่เห็นมาจากบริษัทเล็กๆต่างๆมากมาย แต่ละที่ก็จะชำนาญในแต่ละส่วน สิ่งที่นาซ่าทำ คือการวางแผนและควบคุมครับ อย่างวัสดุที่เป็น Seal ป้องกันการรั่วซึมของเชื้อเพลิงจากจรวดน้ัน มาจากบริษัทเล็กๆที่ผมรู้จักในเมืองที่ผมอยู่นี่แหละครับ หากคุณเห็นอาจจะไม่เชื่อสายตาว่ามันเป็นบริษัทเล็กๆอย่างนี้หรือ ผมไม่ได้บอกว่าบริษัทใหญ่ๆไม่มีเทคโนโลยี บริษัทเล็กมีความคล่องตัวสูง จึงเหมาะกับการพัฒนาเทคโนโลยี แต่บริษัทเหล่านี้ไม่มีกำลังทุนที่จะพัฒนาออกมาสู่ตลาดได้เหมือนกับบริษัทใหญ่ๆ ดังน้ันมันจึงกลายเป็นเหมือนน้ำพึ่งเรือเสือพื่งป่า บริษัทใหญ่อาศัยบริษัทเล็กๆ บ้านนอกบ้านนาพัฒนาเทคโนโลยีต้นแบบ แล้วบริษัทใหญ่นำสิ่งน้ันมาประกอบและเข้าสู่ระบบการผลิตครับ ผมเพิ่งอ่านข่าวมาพอดี ระบบ Suspension ในรถแข่งแบบใหม่น้ันพัฒนามาจากช่างซ่อมรถครับ ลายสักเต็มตัว หวยไม่ออกว่าจะเป็นเจ้าของเทคโนโลยีได้ จากคุณ : BoydKansasCity - [ 23 พ.ย. 49 04:53:42 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ม 6 เมกาจบง่าย กว่าไทยมากๆ ผมว่ามัน เจริญ เพราะ รัฐบาล มันวางแผนดี คือว่างแผนเป็ยเจ้าโลกนั่นแหละ คนเมกาส่วนใหญ่ ไม่เคยเดินทาง ออกนอก รัฐที่ตัวเองอยู่ จากคุณ : E-Boat - [ 23 พ.ย. 49 05:12:12 ]

ความคิดเห็นที่ 41 อาจจะเป็นเพราะระบบการศึกษาไทยยังไม่ถึงขั้นนั้นค่ะ ค่านิยมเรื่องเรียนก็รู้ๆกันอยู่ เรียนเยอะมากๆ เนื้อหาวิชาครอบคลุมมากมาย เรียนไปก็ลืมอีกด้วย ทำงานไม่ได้ใช้ ยังตะบันเรียนตลอดเพื่อเอนท์มหาลัยดีๆ ตามค่านิยม แต่คิดไม่เป็น และ่รู้จักตัวเองน้อยมาก หรือเรียกได้ว่า 'แทบไม่มีเวลาให้ตัวเองทำอย่างอื่น' วันหยุดเรียนพิเศษ หรือไม่ก็ผ่อนคลายเที่ยวลุยไปเลย เพราะทุกวันเรียนๆกลับบ้านกินข้าวอาบน้ำเวลาก็แทบไม่เหลือ ไหนจะการบ้านรายงานซึ่งสมัยนี้สั่งงานมากมายพอสมควร เดินตามสังคม เดินตามค่านิยมกันอยู่ ไม่รู้คำว่า 'พอดี' หายไปไหนในเรื่องนี้ เสียเวลาทุกวันไปอย่างน่าเสียดายกับการเรียนเพื่อเอนท์ และยังไงก็ต้องลืมวิชาเหล่านั้นไปอยู่ดี ในขณะเดียวกันฝรั่งทำงานพิเศษ พักผ่อน เรียนไม่มาก คิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ มีเวลาว่างก็ทำอะไรที่ชอบ รู้จักตัวเอง ชอบอะไร ถนัดอะไร มีเวลาให้ตัวเองพอสมควร ทำงานก็ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ความชอบความถนัด ผลิตอะไรใหม่ๆ ทำกิจการส่วนตัว ไทยเราพอทำงานก็พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ ต้องเดินด้วยตัวเอง บางคนโหวงไปเลย ทำอะไรไม่ถูกตั้งแต่เลืือกคณะ ชอบแน่รึเปล่าไม่แน่ใจ ที่เลือกคณะตามอันดับ แค่ขอให้ติดมหาลัยดีๆก็พอ อันที่ชอบไม่ติดก็เลือกอันที่เฉยๆก็ยังดี มาทำงานไม่มีเส้นขีดให้เดินตาม ไม่มีอะไรมาบังคับแนะนำ จะเรียนทุกวันก็ไม่ใช่แล้ว ต้องทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนทุกวัน ขาดความคิด ความสร้างสรรค์ ความคิดริเริ่มส่วนตัว และประสบการณ์ชีวิตไปพอสมควร ไปทำงานเช้าๆกลับค่ำๆ มีครอบครัว ผ่อนบ้าน รถ ซื้อสิ่งของเครื่องใช้ วนไปแบบนี้เรื่อยๆ ถ้ามีการใช้จ่ายที่ผิดๆก็ยิ่งแย่ไปใหญ่ *..อาจจะไม่ใช่ทุกส่วนในสังคมที่เป็นแบบนี้ แต่นี่เป็นมุมมองรอบๆตัวจากคนรอบๆข้างที่เป็นอยู่เกือบทุกคนที่รู้จัก อาจจะไม่ตรงกับใครทั้งหมด * จากคุณ : milkchoco - [ 23 พ.ย. 49 05:44:21 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เราว่ามันเป็นมุมมองการใช้ชีวิตของคนไทยมากกว่าค่ะ จากที่เราเจอนะคะ ไปถึงไหน มีเงินเข้าหน่อย ก็ต้องอยู่อย่างสุขสบาย บ้านกับมหาลัยห่างกันแค่ 1 - 2 กม. ก้อต้องซื้อรถขับ ทั้งๆ ที่ตัวเองจ่ายค่ารถเมล์รายเทอมไปแล้ว ทำไมต้องมาเสียค่าซื้อรถ ค่าประกันรถ ค่าน้ำมันเองอีก ??? ถ้าจะบอกว่า "รอรถเมล์มันช้า เสียเวลา" มันก็ไม่น่าใช่อีกแหละ เพราะรถเมล์ที่นี่มาตรงเวลามาก ขนาดที่ว่าคุณมาสายไปนาทีเดียวเค้าก็ไม่รอ บางคนก็เซ้าซี้ถามเราว่า "มากันเป็นครอบครัว ทำไมไม่ยอมซื้อรถ ไปไหนมาไหนจะได้สบาย เวลาอยากไปต่างเมืองจะได้ไปได้" คิดแบบอย่างมากเลยนะ ไปต่างเมืองเดือนละครั้งก็มากแล้ว เพราะในเมืองมีแทบทุกอย่างที่อยากได้ แถมภาระค่าใช้จ่ายที่ตามมาคือ ค่าประกันรถรายเดือน 300 เหรียญ + ค่าน้ำมันต่างหาก แถมบ้านติดซูเปอมาร์เกตอีก จะต้องขับรถไปไหนให้เปลืองน้ำมัน ต่างชาติยังหอบหิ้วขึ้นรถเมล์กันเลย บางคนยิ่งไปกันใหญ่ อยากกินติ่มซำมากขนาดต้องขับรถไป 3 ชม. เพื่อกินให้ได้ (แบบแช่แข็งกินไม่ได้ มันไม่ถูกปาก) แถมยังต้องขับกลับอีก 3 ชม. บางคนไปกินข้าวที่ร้านอาหาร กินไม่หมด ก็ทิ้งไว้แบบนั้น เพราะอายที่จะไปหยิบกล่องโฟมมาใส่กลับบ้าน ส่วนต่างชาติที่นี่ พี่ท่านห่อเรียบ แถมบางทียังจะขอข้าวเพิ่มอีกต่างหาก (อันนี้เข้าข่ายงก) บ้านช่องที่เช่า ก็ต้องดูโมเดิร์น ดูหรูหรา ทั้งๆ ที่แค่สะอาด ปลอดภัย มีสาธารณูปโภคที่ดีก็น่าจะพอแล้ว พอใครไม่ทำตามกัน ก็กลายเป็นว่า "งกไม่เข้าท่า / ไม่รู้จักใช้ชีวิตให้เป็น" ปล. พวกฝรั่งขี้เมา ไม่เอาไหนก็มีเยอะเหมือนกัน ปล2. ฝรั่งในที่นี่หมายถึงนักเรียนต่างชาติที่มาเรียนที่นี่นะ จากคุณ : Living Extreme - [ 23 พ.ย. 49 05:53:12 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เพราะฝรั่งมันปล้นคนประเทศอื่นๆ ไปถึงไหนถึงไหนแล้วครับ วิจัยอาวุธไปถล่ม ปล้นน้ำมันไปขาย เราก็ทำงานซื้อน้ำมัน มันไป ของ USA คนทั้งประเทศหยุดทำงาน 20 ปี แล้วขายเทคโนโลยีอวกาศอย่างเดียว ยังอยู่ได้เลย จะมาเทียบอะไรกับคนไทย ผู้ซึ่ง ถูกเขาปล้นไปวันๆ จากคุณ : Just Comment - [ 23 พ.ย. 49 06:31:03 ]

ความคิดเห็นที่ 44 อีกอย่าง คุณอาจจะเห็นเฉพาะฝรั่งที่มาไทย (หรือเปล่า) ผมมาเรียนป.เอกที่เยอรมัน คนไทยเก่งกว่า จบแล้วได้งานดีกว่านะครับ (เพราะคัดคนไทยมาสู้กับฝรั่งปกติ) แต่คนไทยส่วนใหญ่ที่มาก็ติดทุนต้องกลับบ้าน มันเลยเป็นแบบนี้ไง อิอิ จากคุณ : Just Comment - [ 23 พ.ย. 49 06:32:24 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ค่านิยม สังคม ประเพณี ความเชื่อ ต่างกันครับ อย่าบูชาฝรั่งนักเลยครับ  ฝรั่งเก่งๆก็เยอะ ฝรั่งขี้นกก็แยะ ฝรั่งโง่ๆก็มีมากพอๆกับคนไทยโง่ๆนั่นแหละครับ จากคุณ : ช่างไฟ - [ 23 พ.ย. 49 07:49:29 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เห็นด้วยกับคุณช่างไฟใน #45 ครับ พวกฝรั่งหลายคน ขี้เกียจมาก เห็นว่ารัฐบาลเลี้ยงอยู่แล้ว มีเงิน dole ให้ วันๆ กินเหล้าเมายา แล้วก็แบมือขอเงิน dole ที่รัฐบาล มีสวัสดิการให้เยอะอยู่ไปวันๆ พวกเหยียดผิวก็มีไม่น้อย ส่วนที่อยู่สุขสบายกันทุกวันนี้ สมัยก่อนก็ไปแย่งดินแดน เขามา อินเดียนแดง, ชาวเมารี, ชาวอะบอริจิน พวกนี้โดน ยึดที่ ถูกนโยบายกลืนชาติ หรือ assimilation policy เอาผู้หญิงมาเป็นคนรับใช้ในบ้านฝรั่ง ปลูกฝังว่าคนชาติ เดียวกันแสนต่ำต้อยไร้ความเจริญ เป็นบุญเป็นคุณแล้ว ที่ให้มาเป็นคนรับใช้ แล้วให้นายฝรั่งเอาเป็นเมียน้อยได้ เพื่อเจือจางเชื้อสายให้เจือจางลง ส่วนผู้ชายก็ทำงานหนัก ไปตลอดชีวิตจนตาย นโยบายนี้ในออสเตรเลียเพิ่งยกเลิก ไปเมื่อ 40 กว่าปีมานี้เท่านั้น สมัยฮิตเลอร์พวก white supremacist ตีพิมพ์หนังสือยกย่องความบริสุทธิ์ของ ชาติพันธุ์ชนเผ่าอารยัน ขายดิบขายดีในอเมริกา แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 49 09:08:09 จากคุณ : Practical x 2 - [ 23 พ.ย. 49 09:07:52 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ความต่างของรายได้ในสาขาอาชีพต่างๆ ในประเทศที่เจริญแล้ว ความแตกต่างจุดนี้น้อยมากจริงๆ ที่ออสเตเรีย แค่ล้างจานชามในร้านอาหารก็ได้ค่าแรง ชม ละ 15 เหรียญ พวกทำงานออฟฟิช ราชการ ตำรวจ ก็ได้ค่าแรงพอๆกันหมด แต่พวกที่ใช้แรงงานหนักอย่างทำถนนยิ่งได้เยอะเข้าไปใหญ่ ตำรวจที่ต่างโน่นเขาค่อนข้างจะไม่กินทุกงานเหมือนบ้านเรา ก็เพราะเรื่องค่าจ้างนี้แหละ ที่มันสูงจนเขาอยู่ได้จริงๆ แต่เมืองไทยงานโดนแบ่งเลยว่าอย่างไหนสูงอย่างไหนต่ำ พวกที่ทำงานร้านอาหารหรือทำถนน ก็โดนมองว่าเป็นพวกชนชั้นล่างของประเทศหมด ตำรวจ พตต เงินเดือนที่ต่างจังหวัดไม่ถึง 1.5 หมื่นซะด้วยซ้ำ ในงานเขาก็ต้องมีการใช้เงินตามสมควร แต่เงินไม่พอใช้อยู่แล้ว แล้วจะให้เขาทำยังไงนอกจากส่วย ทีนี้อยากถามเหมือนกันว่า ข้อแตกต่างจุดนี้ของประเทศที่พัฒนาแล้วกับด้อยพัฒนา มันมาจากตรงไหน เท่าที่ได้ทราบมาเขาวางระบบนี้กันมานานแล้ว ไม่ใช่ว่ารอให้ประเทศเจริญก่อนแล้วค่อยทำ ผมว่า ประเทศไทยก็คงเป็นประเทศด้อยพัฒนาไปตลอดกาลแหละ จากคุณ : (-_-") - [ 23 พ.ย. 49 09:11:14 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ลองไปดูประกาศหางานในหนังสือพิมพ์ไทยนะครับ แทบทุกตำแหน่งอายุจะต้องไม่เกิน 30 ประสบการณ์แค่ไหนไม่เกี่ยว เงินเดือนเริ่มต้นเท่ากัน ไม่มีต่อรอง ดังนั้น ถ้าใครคิดจะทำแบบฝรั่ง คือ จบ ม.6 หรือปริญญาตรีแล้วเที่ยวหาประสบการณ์ คุณก็อาจจะอดตายได้ แต่สำหรับเมืองนอกที่เจริญแล้ว จะดูที่ประสบการณ์ ปริญญาไม่ค่อยมีความหมาย ฝรั่งจึงสามารถทำงานซักพัก ก้ลาออกเอาเงินเก็บมาเล่นหุ้น ถ้าโชคไม่ดีก็กลับมาหางานใหม่ได้ อีกทั้งงานทั่วๆไปจบที่ไหนก็ไม่สำคัญ (ยกเว้นบางแห่งก็บ้าสถาบัน)   เคยเจอฝรั่งหลายคน บางคนทำงานเป็นแคชเชียร์อยู่เป็นสิบปี มาเรียนวิทยาลัยชุมชน ตอนอายุเกือบ 40 ตอนนี้มันเป็น ไอทีแมเนเจอร์ บริษัทใหญ่ไปแล้ว   เมืองไทยไม่เปิดโอกาสให้ทำอย่างนี้หรอกครับ จากคุณ : เฒ่าอ่ำ - [ 23 พ.ย. 49 09:11:56 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เมื่อก่อนระบบฝรั่งก็ให้ค่าจ้างน้อย แบ่งแยกชนชั้นเช่นกัน แต่คนที่นั่นเขาประท้วง มีความรุนแรง มีสหภาพที่แข็งแกร่ง นัดหยุดงาน กระทั่งได้ในสิ่งที่ต้องการมา ส่วนคนไทย คนเอเซีย มีนิสัยอลุ่มอล่วย ทนได้ทนไป บางคนยังเห็นใจนายจ้าง เสียด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่ตัวเองได้นิดเดียว สมัยนี้เมืองฝรั่งก็ยัง นัดหยุดงานกันขึ้นค่าแรง เช่น รถบัสและรถไฟหยุดเดิน ครูและอาจารย์มหาวิทยาลัยหยุดสอนเพื่อขอขึ้นเงินเดือน สมัยผมเรียนเขาหยุดปีละ 5 ครั้งได้มั้ง แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 49 09:21:57 จากคุณ : Practical x 2 - [ 23 พ.ย. 49 09:18:39 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ความคิดเห็นที่ 39 ผมก็ยังไม่เห็นด้วยอยู่ดี ประการที่หนึ่ง สหรัฐผลิตนักวิจัยระดับ Ph.D. ออกมาเป็นจำนวนมากครับตามที่ผมได้อ้างอิงจาก NSF และนักวิจัยใหม่ๆเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ได้เปิดบริษัทเองในโรงรถครับ แต่ไปเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเพื่อที่จะผลิตคนต่อไป รวมทั้งทำวิจัยในมหาลัยหรือสถาบันเอกชนอื่นๆ ถ้าเขาชำนาญแล้วเขาจึงออกมาเปิดบริษัทเองครับ เพราะการเปิดบริษัทเองมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ประการที่สอง ผมกับเห็นตรงกันข้ามกับคุณครับ บริษัทเล็กๆไม่มีทุนที่จะทำ research ครับ เพราะเขาสายป่านไม่ยาวพอจึงต้องทำการพัฒนา engineering และ development เพื่อที่จะผลิตผลงานออกมาเป็นรูปธรรมขาย งานวิจัยที่เป็น basic research จริงๆทำในมหาวิทยาลัยครับ ซึ่งในกระบวนการจะผลิตได้ทั้งผลงานและผลิตได้ทั้งคน และเป็นวิธีการที่ได้ผลดีมากครับ สถาบันเอกชนที่มี Ph.D. อยู่เยอะก็ทำวิจัยด้วย แต่คุณจะไม่ค่อยเห็นงานของพวกเขาเหล่านี้อย่างชัดเจน เพราะมันเป็นงานต่อยอดทางทฤษฎี ไม่ใช่งาน development เหมือนที่คุณยกตัวอย่างมา นักวิจัยเหล่านี้เขาี target งานของเขาให้เป็นรูปธรรม 10 ปีข้างหน้าในอนาคตครับ ไม่ใช่ target เพื่อที่จะขายปีหน้า บริษัทเล็กๆที่คุณว่าเป็นเจ้าของเทคโนโลยีก็จริงครับ แต่มีจำนวนน้อยมาก และจริงๆเป็นงาน commercial development ครับ ไม่ใช่ scientific research จากคุณ : rp - [ 23 พ.ย. 49 09:28:31 A:125.25.152.52 X: TicketID:102443 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ค่อนข้างจะเห็นด้วยกับคุณ rp นอกจากนี้พวกบริษัทใหญ่ๆ มักมาจ้างอาจารย์มหาวิทยาลัยให้ทำงานวิจัยให้ ส่วนพวก ที่ลงมือทำจริงๆ ก็นักศึกษาปริญญาเอก ผมรู้ได้อย่างไร เพราะเคยทำวิจัยให้เขาแล้ว บริษัทนั้นงบวิจัยต่อปีประมาณ 40,000 ล้านบาท  เงินค่าจ้างก็ไม่ได้เพราะถือว่าทำงาน เพื่อให้ได้ใบปริญญา สิ่งสำคัญในการทำการค้า คุณภาพ แต่เพียงอย่างเดียวก็ไม่เพียงพอครับ แต่อยู่ที่อำนาจเงินใน การโฆษณา พวกบริษัทเล็กๆ ต่อให้ทำของดี แต่งบ โฆษณาไม่ค่อยมี ในที่สุดก็หมุนเงินไม่ทัน และถูกบริษัท ใหญ่ซื้อเทคโนโลยีไปทำต่อในราคาถูก จากคุณ : Practical x 2 - [ 23 พ.ย. 49 09:38:00 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เป็นครั้งแรกๆ ที่ผมเห็นด้วยกับคุณช่างไฟครับ จากคุณ : xnone - [ 23 พ.ย. 49 09:38:11 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ต่อจากความคิดเห็นที่ 50 เอาง่ายๆ คุณยกตัวอย่าง "วัสดุที่เป็น Seal ป้องกันการรั่วซึมของเชื้อเพลิงจากจรวด" กับ "ระบบ Suspension ในรถแข่ง" แล้วตัวจรวดเองล่ะครับ บริษัทเล็กๆใหนเป็นคนทำครับ แล้วเครื่องยนต์ในรถแข่งล่ะครับ บริษัทเล็กๆใหนเป็นคนทำครับ โทรศัพท์มือถือ จอ LCD ดาวเทียม GPS คุณคิดว่าบริษัทเล็กๆใหนในโรงรถจะสามารถพัฒนาของพวกนี้ได้ โดยไม่อาศัยทฤษฎีความรู้ที่ผลิตจากพวก Ph.D. ครับ จากคุณ : rp - [ 23 พ.ย. 49 09:52:54 A:125.25.152.52 X: TicketID:102443 ]

ความคิดเห็นที่ 54 คุณไปเห็นแค่ฝรั่งแค่กลุ่มนึงมาเที่ยวเมืองไทยหรือเปล่าครับ อย่างเพื่อนบางคนว่าน่ะ คนอเมริกันส่วนใหญ่ไม่เคยแม้กระทั่งออกนอกเมืองที่ตัวเองอาศัยอยุ่เลย อีกอย่างที่เขามาเที่ยวเมืองไทยได้ เพราะค่าใช้จ่ายบางทีน่ะถูกกว่าไปเที่ยวในประเทศเขาอีก แล้วอย่าคิดว่าเขาสบายนะครับกว่าจะได้มาเที่ยวแบบนี้ได้ เขาต้องทำงานล่วงเวลาเองเก็บเงินเป็นปีๆกว่าจะได้มาแบบนี้ แล้วที่บอกว่าเขาเรียนสุงกว่าตรีน้อยมาก... คิดผิดแล้วครับ เขาจะเรียนทันทีที่มีโอกาสที่จะเรียน และเขาก็เรียนในสิ่งที่เขาคิดว่าเอามาใช้งานได้เช่น พวกที่เรียน MBA ก็จะเป็นพวกที่ทำงานงานจนถึงระดับนึงแล้วถึงจะมาเรียนต่อ ไม่เหมือนพวกเราๆที่พอฮิตเรียน MBA กัน ก็เรียนกันจนล้นตลาด จริงๆแล้วน่ะ อย่าไปอิจฉาเขาเลยครับที่เขาออกมาเที่ยวต่างประเทศตั้งแต่จบม. 6 เขาทำได้เพราะบ้านเรามันถูกกว่าบ้านเขา จริงๆพวกเราก็ทำได้ แต่เราไม่ทำเอง ไปเที่ยวลาว เที่ยวเขมรไงครับ อย่าคิดแต่ว่าไปเที่ยวต่างประเทศต้องไปอเมริกา ยุโรป หรือช๊อปปิ้งที่ฮ่องกงซิครับ concept การเที่ยวต่างประเทศของฝรั่งกับของคนไทย มันค่อนข้างต่างกันครับ จากคุณ : ดอนนี่ - [ 23 พ.ย. 49 10:19:15 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ออกนอกเรื่องกันไปเยอะนะ ผมว่าบ้านเรามันต่างกันตรงที่ แทนที่จะดูคนที่ความสามารถ กับดูคนที่ใบประกาศมากกว่า ตรงนี้น่าจะชัดเจนที่สุด เป็นสิ่งที่ผมข้องใจมากที่สุดเช่นกัน มันเป็นผลที่ทำไห้เด็กๆ ต้องเรียน และ เรียน ผมอยุ่บ้านนอกเรียนสบายๆ แต่มาเห็นเด็กในกรุงแล้วสงสารมาก วันๆ ก็มีแต่เรียนๆ  เรียนมาเพื่ออะไร เรียนมาเพื่อสอบ สอบได้ก็จบ ถามว่า เราเคบสอนใหม เรียนมาเพื่อให้เข้าใจ คิดเป็นทำเป็น แต่เมืองไทย ทุกคนมุ่งหวังทมี่จะเรียนเพื่อสอบ จะได้จบสูงๆ ได้งานดีๆ กันทั้งนั้น ทุกวันนี้ผมเองก็มองใบปริญญาเป็นแค่กระดาษใบเดียวเท่านั้น หากเราดูคนที่ความสามารถมากกว่าที่จะตั้งเกณฑ์ไว้ว่าต้องจบนั่นจบนี่ การศึกษาก็จะเปลียนไปทันทีครับ แต่คงทำไม่ได้เพราะบ้านเรามันค่านิยม ผมเคยไปงานรับปริญญา เห็นพ่อแม่หอบลูกจูงหลานมา ปิดหมู่บ้านเลี้ยงกันก็มี ก็เข้าใจว่าเขาดีใจ แต่ มันต้องถึงขนาดนั้นด้วยเหรอ ค่าของคนวัดกันแค่นี้เหรอ อ้อ ตัวอย่างของผลงานจากคนที่คิดค้นของในโรงรถ ก็ PC นี่ใงละ ประกอบขายในโรงรถ จำกันได้ใหม ผมเข้าใจว่าฝรั่งเค้าเน้นที่ความสามารถมากกว่าวุฒิการศึกษา แต่คนไทยไม่ใช่ ในบ้านเราคนที่เรียน มหาลัยจะได้รับการยกย่อง แต่คนที่เรียนทางด้านช่างจะโดนดูถูก ค่อนข้างมาก จากคุณ : เด็กนอกบ้าน - [ 23 พ.ย. 49 10:20:27 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ผมว่าระบบการศึกษาของโลกนี้ ถ้าแบ่งหลักๆก็มีของฝรั่งกับของเอเซีย ผมก็เห็นทุกคนเอาแต่ระบบของเราไปเทียบกับฝรั่ง แต่ทำไมไม่ลองเทียบกับทางเอเซียด้วยกันเลย ทั้งญีุ่่ปุ่น เกาหลี จีน ไต้หวัน สิงคโปร์ ซึ่งใช้ระบบการศึกษาเดียวกับเรา เขากลับพัฒนาไปได้ไกลมาก ทุกระบบก็มีข้อดีข้อเสียของมัน ผมว่าปัญหาของเมืองไทยคือไม่สามารถใช้ประโยชน์จากระบบของตัวเองได้มากพอ ถึงจะเปลียนเป็นระบบฝรั่งเดี็๋่ยวก็เกิดปัญหาอีกอยุ่ดีครับ จากคุณ : BSKCN - [ 23 พ.ย. 49 10:40:14 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เดินตามฝรั่งก็ดมตูดฝรั่งต่อไป รู้สึกเหม็นเมื่อไหร่ ก็หาทางเดินของตัวเองซะ..... จากคุณ : Sitporn - [ 23 พ.ย. 49 10:58:26 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ผมว่าระบบการศึกษาของฝรั่งเน้นให้รู้จักคิดแก้ปัญหาได้และทำงานได้จริง ไม่ว่าจะจบระดับไหน ระบบการทำงานและค่าตอบแทนเขาก็ไม่เหมือนเรา ของไทยยังมีอยู่ว่าบางทีก็เรียนไปเพียงแค่ปรับวุฒิ ถ้าไม่มีวุฒิไม่ได้เลื่อนขั้น ทำนองนั้น จากคุณ : มังกรใจเย็น - [ 23 พ.ย. 49 11:24:31 ]

ความคิดเห็นที่ 59 สังคมไทยผักชีโรยหน้า ส่วนมากที่ว่าจบ ม.6 ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับ จบ ม.3 แต่ละวิชาก็จำๆไปสอบ พอจบสูงๆ ก็ต้องมีเส้นสายถึงไปได้เร็ว สรุปคือสังคมไทยชอบผักชีโรยหน้าสวยๆ จากคุณ : Dr.slump - [ 23 พ.ย. 49 11:26:34 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ผมว่าค่านิยมเรื่องป.ตรีมีส่วนน้อยมากๆนะครับ แต่ปัญหาหลักมาจากรายได้ตะหาก หากกรรมกรบ้านเรารายได้เท่ากรรมกรเมกา เชื่อว่าคงมีคนไทยเรียนต่อม.6หรือป.ตรีลดลงไปไม่ต่ำกว่า 50% เพราะไม่รู้จะเรียนสูงๆมากไปทำไม ทำงานแรงงานก็อยู่กินสบายๆแล้ว(ต่อให้ของแพงเท่าเมกาก็เถอะ)ส่วนที่ต้องขวนขวายเรียนสูงๆก็เพื่อสร้างโอกาสให้ได้รา่ยได้ดีเท่ากรรมกรเมกาไงครับ(-_-") เรื่องงานพิเศษอีก เมืองไทยงานพิเศษเลเบอร์ทั่วไปได้ชั่วโมงละ30บาท ของเมกาเท่าไร เขาทำไม่กี่เดือนก็เก็บเงินไปเที่ยวเมืองนอกได้ ของไทยทำสิบปีก็ยังไปไหนไม่ได้ ปัจจัยมีมาก มองแค่ปัจจัยเดียวเทียบกันไม่ได้หรอกครับ จากคุณ : ....4จุด - [ 23 พ.ย. 49 11:39:48 ]

ความคิดเห็นที่ 61 แก้ข้อกล่าวหานิดหนึ่งครับ ผมว่าคุณ rp นั้นไม่เคยเห็นการพัฒนาเทคโนโลยีจริงๆ เลยไม่รู้ว่าทำกันอย่างไร เรื่องจริง Innovation เกิดจากบริษัทเล็กๆครับ และบริษัทใหญ่นั้นใช้ Innovation เหล่าน้ันมาพัฒนาเป็น Commercial phase ครับ ผมยกตัวอย่างให้ได้เลยว่าเรื่องเครื่องยนต์รถแข่งนี้ ในอเมริกาบริษัทเล็กๆเขาก็ทำได้ครับ ไม่ต้องถึง GM, Ford หรือ Toyata ถึงจะทำได้หรอกครับ ตัว Cutting edge น้ันมาจากบริษัทเล็กๆ หรือคนไม่จบปริญญาด้วยซ้ำไปครับ คนเหล่านี้เขาไม่ค่อยมีความรู้วิชาการมากมายหรอกครับ แต่พวกนี้เป็นพวกที่ทำงานของเขามาท้ังชีวิต เรียกว่ามีชีวิตเพื่อทำรถแข่งครับ ความรู้ความสามารถของพวกนี้มากกว่าพวกอยู่ศูนย์วิจัยด้วยซ้ำไปครับ อย่างเรื่องจรวดที่ถาม คนประกอบจรวดตัวขับเคลื่อนยานอวกาศก็ไม่ใช่นาซ่าทำครับ เขาจ้างคนอื่นทำอีกที และคนที่ทำเขาก็ Subcontract ชิ้นส่วนไปให้แต่ละบริษัทเล็กๆ ที่ชำนาญในการทำแต่ละชิ้นส่วนไปรับผิดชอบ ตัวเขาเป็นคนประกอบมันเข้ากันอีกที มันหมดสมัยไปแล้วครับทีี่หนึ่งบริษัททำทุกอย่าง เดี๋ยวนี้เขาจะยึดจุดที่เป็นความชำนาญของตนแล้วส่วนที่เหลือก็อาศัยความชำนาญของคนอื่นครับ เรียกว่า Lean on vendors ครับ เมืองไทยเราไม่ค่อยมีการพัฒนาพวกนี้เลยนึกภาพกันไม่ออก แม้กระทั่ง Ford นะครับ ความชำนาญของเขาคือการประกอบชิ้นส่วนให้เป็นตัวรถ Innovation บางส่วนเขายังต้องไปซื้อหรือพึ่งความรู้ของ Vendors ต่างๆเลยครับ ประเทศเรามันไปติดกันอยู่ที่ว่าต้องเป็นปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยดังๆนะ ต้องมี Lab พันล้าน ต้องมีเงินงบประมาณวิจัยเยอะๆนะ มันถึงจะพัฒนาเทคโนโลยีได้ มันถึงกลายเป็นเส้นผมบังภูเขาครับ ขนาดบริษัทใหญ่ๆอย่างที่คุณกล่าวถึง ผมยกตัวอย่างให้ได้เลยว่า แม้กระทั่ง Microsolf หรือ Apple โปรแกรมบางอย่างยังซื้อมาจากคนเขียนโปรแกรมที่เป็นนักเขียนโปรแกรมอิสระเลยครับ อีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะให้ข้อมูลไว้คือ เรื่องจริงคนอเมริกันน้ันเดินทางบ่อยมาก หาได้ยากครับกับคนที่ไม่เคยออกจากรัฐที่ตัวเองอยู่เลย อเมริกาเลยยุคตื่นทองมานานเป็นร้อยปีแล้วครับ คนอเมริกันนี่ย้ายบ้านบ่อยมากๆครับ ดังน้ันที่บอกว่าคนอเมริกันส่วนใหญ่ไม่เคยออกจากรัฐตัวเอง เป็นเรื่องที่เข้าใจคลาดเคลื่อนนะครับ ต่อมาคือเรื่องที่เปรียบเทียบค่าแรงคนอเมริกันกับคนไทย มันมีเหตุผลครับว่าทำไมเขาถึงมีรายได้ดีกว่าเรา มันไม่ใช่เพราะว่าเขามีค่าครองชีพสูงกว่าเราอย่างเดียว แต่ในความเป็นจริงคือในระดับตำแหน่งที่เท่ากันเขาต้องทำงานให้บริษัทได้ประสิทธิผล (Productivity) มากกว่า เขาถึงได้เงินมากกว่าครับ ประเทศไทยเราขาด Time Concept คือเราไม่รู้จักการบริหารเวลา เวลาเราทำงานเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับเวลาที่ใช้ไป ทำให้เราทำงานโดยไม่มีประสิทธิภาพ อยากให้งานเร็วเราก็เพิ่มคน แต่แนวคิดอเมริกันมันต่างกันครับ อเมริกันเวลามีงานมากเขาไม่่เพิ่มคน แต่เขาจะหาวิธีที่จะใช้คนเท่าเดิม เปลี่ยนวิธีทำงาน เปลี่ยนเครื่องมือ ที่จะสามารถทำงานที่ต้องใช้คนสองคนทำ แต่ให้คนๆเดียวทำแทนได้ นี่คือที่มาของ Productivity อเมริกันไม่ได้จ่ายค่าแรงที่แรงงาน แต่เขาจ่ายค่าแรงให้กับ Productivity ครับ จากคุณ : BoydKansasCity - [ 23 พ.ย. 49 12:06:52 ]

ความคิดเห็นที่ 62 มีกระทู้ประเด็นแบบนี้ทีไร คนเพียบทุกทีสิน่า ต้องบอกว่าของเราเมื่อจบ ม.3 แล้ว จะมีทางเลือก 2 ทาง 1. คนที่อยากไปทำงานเลย ก็จะไปสายอาชีพ 2. คนที่อยากเรียนให้สูงถึงขั้นปริญญาก่อน ก็จะไปสายสามัญ นั่นคือ ม. 4-6 บ้านเรา เป็นหลักสูตร "เตรียมเข้ามหาวิทยาลัย" นั่นเอง แต่สังคมเราก็มีค่านิยมที่กำกับไว้อีกทีว่า: 1. สายอาชีพ ด้อยกว่าสายสามัญ 2. ในสายสามัญเอง ก็มีการวัดเทียบจัดระดับชั้นด้วยสถาบันและ GPA 3. สมัยก่อนเรายกย่องอาชีพข้าราชการเพราะเป็น "เจ้าคนนายคน" พยายามเคี่ยวเข็ญให้ลูกหลานเป็นกันให้ได้ จนถึงบัดนี้ในยุคเงินทุนเป็นใหญ่ เราก็เปลี่ยนกระแสมาเป็นบรรษัทนิยม มุ่งไปสู่สูตรสำเร็จของความเป็นมนุษย์เงินเดือนในองค์กรที่มั่นคงต่างๆ แต่ก็ยังแบ่งแยกตำแหน่งงานตามระบบคุณค่าเดิมๆ จึงยกย่องอาชีพที่ดูลักษณะมีอำนาจ ดูเป็น "นายคน" เช่น ผู้บริหาร-ผู้จัดการ หมอ วิศว(นายช่าง) มากกว่าอาชีพแบบผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ ฯลฯ อยู่ดี 4. เราทำให้ระบบการศึกษาและเส้นทางชีวิตของคนเป็น Pipeline ยาวๆ แคบๆ ที่ต้องบีบให้เด็กเข้าไป แล้วผ่านไปทีละขั้นตอน เรียนก็เรียนอย่างเดียว พอจบสูงๆ แล้วค่อยออกไปทำงานตาม pipeline ของความเป็นมนุษย์เงินเดือนต่อไป เด็กที่เรียนไปด้วยทำงานพิเศษไปด้วย ในบ้านเรามักจะถูกมองว่า ทางบ้านส่งเสียได้ไม่เต็มที่ มากกว่าจะมองว่าเขาพยายามหาประสบการณ์ชีวิตให้พึ่งพาตัวเองได้เร็ว เรื่องนี้จริงๆ ลากและแตกประเด็นไปได้อีกยาวครับ เฮ้อ... จากคุณ : QuaOs - [ 23 พ.ย. 49 12:44:57 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ผมว่าคุณ BoydKansasCity ยังแยกไม่ออกระหว่าง Basic Research กับ Engineering & Development นะครับ นักวิชาการเขาไม่ค่อยจะสนใจว่าจะออกแบบและผลิตเครื่องยนต์ให้ไปได้เร็วขึ้นกว่าเดิม 5% อย่างไร แต่เขาสนใจว่าจะทำให้เครื่องยนต์ใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงได้อย่างไร เขาไม่ค่อยจะสนใจว่าจรวดจะถูกผลิตและประกอบอย่างไรจึงจะทำงานได้ดีตามที่ออกแบบ แต่เขาสนใจว่าจะออกแบบจรวดอย่างไรจึงจะสามารถนำยานอวกาศออกนอกโลกได้ คุณทราบใหมครับว่า Microsoft กับ Apple มี Ph.D. ทำงานวิจัยอยู่เป็นจำนวนมาก นักวิจัยใน Microsoft เขาไม่สนใจว่าใครจะเขียนโปรแกรม C++ สำหรับทำ Word Processor ได้เก่ง แต่เขาสนใจว่ามีแนวคิดของภาษาคอมพิวเตอร์ใหม่ๆที่จะทำให้ความเสถียรของระบบปฏิบัติการในยุกหน้ามันดีขึ้น ของพวกนี้มัน long term มากๆครับ และเป็นทฤษฎีเกือบจะทั้งนั้น พอมีทฤษฎีเขาจึงนำไปพัฒนาต่อเป็นรูปธรรมครับ จากคุณ : rp - [ 23 พ.ย. 49 13:08:34 A:61.91.208.2 X: TicketID:102443 ]

ความคิดเห็นที่ 64 Positive and constructive attitudes จากคุณ : bj - [ 23 พ.ย. 49 14:14:00 A:65.101.167.195 X: TicketID:038839 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ความคิดเห็นที่ 56   ผมว่าระบบการศึกษาของโลกนี้ ถ้าแบ่งหลักๆก็มีของฝรั่งกับของเอเซีย ผมก็เห็นทุกคนเอาแต่ระบบของเราไปเทียบกับฝรั่ง แต่ทำไมไม่ลองเทียบกับทางเอเซียด้วยกันเลย ทั้งญีุ่่ปุ่น เกาหลี จีน ไต้หวัน สิงคโปร์ ซึ่งใช้ระบบการศึกษาเดียวกับเรา เขากลับพัฒนาไปได้ไกลมาก ทุกระบบก็มีข้อดีข้อเสียของมัน ผมว่าปัญหาของเมืองไทยคือไม่สามารถใช้ประโยชน์จากระบบของตัวเองได้มากพอ ถึงจะเปลียนเป็นระบบฝรั่งเดี็๋่ยวก็เกิดปัญหาอีกอยุ่ดีครับ -------------------------------------------------------- จริงของคุณครับ เราล้าหลังกว่าประเทศในเอเชียเหล่านี้มาก ( ยกเว้นจีน )  ส่วนตัวผมชอบระบบฝรั่ง ที่สอนให้เรารู้จักการดำเนินชีวิตด้วยลำแข้งตัวเอง คนอเมริกาจบ ม.ปลายก็ออกมาหาเงินเองได้แล้ว ใช้ชีวิตลองผิดถูกสองสามปี แล้วก็เข้าเรียนมหาลัย เรียนไปทำงานไป ซัมเมอร์ทีก็ไปเที่ยว บางคนว่างก็แบ็คแพ็คยุโรป หรือทั่วอเมริกา ตอนเรียนก็ทำงานทำกิจกรรม ตลอดเวลา  สมองเลยเปิดรับหลายๆสิ่ง  การเดินทางทำให้คนเราเติบโตขึ้นมองโลกกว้างขึ้น การหัดทำแต่เด็กทำให้เราโตเร็ว..... ปล. ผมมีเพื่อนเกาหลี และญี่ปุ่นที่อายุเลขสามนำหน้ากันแล้ว ยังไม่แต่งงานและกินอยู่กับพ่อแม่ ( เหมือนคนไทยเลย ) แต่อย่างไรประเทศเขาก็เจริญกว่าเรามากครับ  ....... จากคุณ : supercc - [ 23 พ.ย. 49 14:32:34 ]

ความคิดเห็นที่ 66 http://www.trekkingthai.com/board/webboard.php?Category=trekking&forum=2&picfolder=trekking&#top ก็ไปกันเยอะนิ่ครับ ผมก็เคย ไปคนเดียวเจอเด็กไทยไปคนเดียวเหมือนกันระหว่างทางเต็มเลย จากคุณ : luk_Nutt - [ 23 พ.ย. 49 15:08:06 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ต้องเรียนคุณ rp ครับว่าที่คุณคิดน้ัน ไม่ใช่เฉพาะนักวิจัยหรอกครับที่จะทำ Cutting edge technologies กัน อย่างพวกเครื่องยนต์ไฮโตรเจน หรือจรวดนอกโลกครับ ที่นี่มันเป็นสมาคมกันเลยครับ เครื่องไฮโตรเจนนี่เขาทำกันแล้วครับ ทำกันแบบในโรงรถด้วยครับไม่ต้องรอบริษัทรถใหญ่ๆ แต่ปัญหาคือมันไม่สามารถทำต่อเป็น Commercial phase ได้ครับ และในความเป็นจริงในการพัฒนาเทคโนโลยีน้ันมัน Work backward ครับผม มันเกิดจากการต้ังสมมุติฐาน การทดลอง การสรุปผล แล้วมันถึงไปสร้างทฤษฎีครับ เรื่องนี้พวกที่สร้างเทคโนโลยีจริงๆจะรู้ครับว่าการวิจัยมันเกิดแบบนี้ เราไป Focus กันที่ทฤษฎีกันมากเกินกว่าการให้ความสำคัญในการลงมือทำจริง การวิจัยไทยเลยลอยในอากาศแล้วลงเอยบนกระดาษ นักวิจัยไทยหลายคนไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานจริงๆมาก่อน เมื่อทำออกมามันเลยกลายเป็นกระดาษไปกินที่ในห้องสมุดครับ อีกอย่างพวก Microsolf กับ Apple นั้นรู้ไหมครับว่าบางโปรแกรมที่เขาขายน้ันมาจากพวกนักพัฒนาอิสระ อย่าง Apple นี่เพิ่มออก Macbook ที่ run ได้ท้ัง PC และ Mac ในตัวเดียวกัน แต่โปรแกรมที่สามารถทำให้ท้ังสองระบบทำงานพร้อมกันได้น้ันซื้อมาจากนักพัฒนาโปรแกรมอิสระครับ กลับมาว่าเรื่องทฤษฏีต่อครับ อย่างที่ผมกล่าวไปทฤษฏีน้ันมันเป็นการที่เราได้ทดลอง สรุปผล แล้วเอามาเรียบเรียงเป็นรูปแบบเชิงวิทยาศาสตร์ให้คนอื่นเข้าใจได้ครับ พวกนักวิจัยในอเมริกาไม่ได้อาศัยแต่ Lab อย่างเดียว แต่ต้องอาศัยความรู้ภาคปฏิบัติควบคู่กันไปด้วย ดังน้ันมันจึงมีงานวิจัยพัฒนาหลายงานสุดท้ายออกมาไม่ได้เรื่อง เพราะมันถูกต้องตามทฤษฎีแต่ทำจริงไม่ได้ เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแต่ในประเทศไทยเท่าน้ันที่นี่ก็มีครับ มันเกิดจากการที่นักวิจัยไม่มีความรู้แบบองค์รวม ไม่เข้าใจตลาด ไม่เข้าใจผู้บริโภค สุดท้ายมันก็เลยกลายเป็นของไร้ค่าครับ ลองไปดูได้ครับพวกที่จดสิทธิบัตรในอเมริกาน้ัน อาจไม่ถึง 50% ด้วยซ้ำครับที่สามารถพิสูจน์ว่าใช้ได้จริง หรือใช้ได้แบบมีประสิทธิภาพครับ งานวิจัยพัฒนามันก็อย่างนี้แหละครับ ทำร้อยครั้งออกมาสำเร็จสักครั้งก็ถือว่าโชคดีมากแล้วครับ จากคุณ : BoydKansasCity - [ 23 พ.ย. 49 15:17:16 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ประเด็นเรื่อง ฝรั่งทำงานเป็นทีม เก่งกว่าคนไทย เกี่ยวหรือเปล่าหว่า จากคุณ : Elrond - [ 23 พ.ย. 49 15:25:33 ]

ความคิดเห็นที่ 69 เทียบเป็น %  คุณภาพคนเราต่ำ.. กว่า     ผมเชื่ออย่างนั้น .. จากคุณ : tenno - [ 23 พ.ย. 49 15:48:17 ]

ความคิดเห็นที่ 70 เราก็เที่ยวได้ครับ ถ้าเด็กที่เรียน ม.ปลาย ทำงานนอกเวลา และ เก็บเงินได้ และ ไปเที่ยวประเทศที่ค่าครองชีพต่ำกว่าเรา ผมว่า เราก็ทำได้ครับ อยู่ที่ว่าจะทำหรือเปล่า วิถีชีวิตมันต่างกันครับ คนไทยเลี้ยงลูกแบบลูกบังเกิดเกล้า ฝรั่งเลี้ยงลูกแบบที่สัตว์โลกทั่วไปทำกัน คือ ให้ช่วยเหลือตัวเองได้ โตขึ้นก็ปล่อย จากคุณ : วิธีคิดต่างกัน - [ 23 พ.ย. 49 16:02:10 A:61.47.105.85 X: TicketID:038237 ]

ความคิดเห็นที่ 72 อาจารย์เขาเล่าให้ฟังว่า...    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว สมัยที่พระเจ้ากำลังก่อสร้างโลก เขาก็ได้คิดว่า จะทำยังไง ให้ทุก ๆ พื้นที่มีความเจริญเท่า ๆ กัน    พระเจ้าคิดอยู่นาน จนผู้ช่วยของพระเจ้าเข้ามาให้ความเห็นว่า เราก็ควรที่จะเอาป่าไม้ ลำธาร ธรรมชาติแร่ธาตุ และอย่างอื่น ๆ อีก ไปรวมกันในถุง แล้วก็โปรย ๆ ลงไปซิ ไม่ต้องคิดมากด้วย    ดังนั้น พระเจ้าก็ได้ตัดสินใจโปรยสิ่งเหล่านั้นลงมาเรื่อย ๆ จนมาถึงบริเวณหนึ่ง พระเจ้าได้ทำถุงหล่น จนทำให้ธรรมชาติ ป่าไม้ พืชพันธุ์ ธัญญาหาร ภูเขา สัตว์ต่าง ๆ รวมกันมากองอยู่ที่บริเวณนี้ พระเจ้าก็เลยกลัวว่า จะทำให้บริเวณนี้เจริญรุ่งเรื่องกว่าที่อื่น ๆ จึงได้ไปปรึกษากับผู้ช่วย    ผู้ช่วยก็บอกว่า ง่ายนิดเดียว !@!  เขาบอกว่า ให้พระเจ้า ส่งคนไทยลงไป เท่านี้เอง ก็แก้ปัญหาได้แล้ว ...    ( คงเข้าใจ ) :::::::::::::::::::::::::::::::::::::    พวก ดร. เคยคิดจะทำอะไรให้ประเทศหรือเปล่า หรือคิดแต่จะสร้างอะไรให้แต่ชาติอื่น ๆ เพื่อเงิน ๆๆๆๆๆ อย่างเดียว หรือเปล่า    ค่านิยมคนไทยส่วนใหญ่ ... ตามเขาดีกว่า เห็นได้ดีหนิ ไม่ก็ จำ ๆ ไปใช้เถอะ ได้เหมือนกัน จากคุณ : [:Rexagon:] - [ 23 พ.ย. 49 18:33:25 ]

ความคิดเห็นที่ 73 เรียนคุณ  [:Rexagon:] เรื่องความเห็นคุณก็มีส่วนถูก แต่ผม "เกลียด" นิทานเรื่องนี้มากที่สุดในชีวิตผมเลย  หวังว่าคงเข้าใจว่าเพราะอะไร จากคุณ : maninbox - [ 23 พ.ย. 49 19:18:37 ]

ความคิดเห็นที่ 74 คห.72 เรื่องจริงๆรายละเอียดมีมากกว่านี้ ที่แปลมาจาก Engเลยน่ะ เซ็งค่านิยมๆๆๆๆ จากคุณ : Headless Horseman - [ 23 พ.ย. 49 20:08:57 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ... จากคุณ : quadspiner - [ 23 พ.ย. 49 21:00:59 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ....... จากคุณ : quadspiner - [ 23 พ.ย. 49 21:02:25 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ........ จากคุณ : quadspiner - [ 23 พ.ย. 49 21:02:52 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ^_^" จากคุณ : NungFon - [ 24 พ.ย. 49 01:52:31 ]

ความคิดเห็นที่ 80 กรี๊ดดดด คุณข้างบน อิชั้นเพิ่งอ่านกระทู้คุณที่เหลิมไทยมา เรื่องเขาชนไก่อ่ะ หยดหยองมากเลยค้า (จากกระทู้เนี้ย++ใครเคย ปู้ยี่ปู้ยำ กระเทย ที่"เขาชนไก่" มั่ง ยอมรับมาซ่ะดีๆ+++) แก้ไขเมื่อ 24 พ.ย. 49 10:52:03 จากคุณ : แมวเหมียวตัวลาย - [ 24 พ.ย. 49 10:50:15 ]

ความคิดเห็นที่ 81 #65 ผมไม่คิดว่าจีนจะล้าหลังกว่าเรานะครับ เขาพัฒนาไปมาก (อย่างน้อยก็ส่งนักบินอวกาศไปนอกโลกได้) เพียงแต่จะเปิดเผยหรือไม่เท่านั้น พันธุ์กรรมข้าว เขาก็ถอดได้ตั้งนานนมแล้ว เพียงแต่ไม่เปิดเผย ---------------------------------------------------- อย่าไปบูชาฝรั่งนักเลยครับ คนเหมือนกัน พวกฝรั่งรอแบมือขอเงินจากรัฐอย่างเดียวก็มี นอกจากนี้ยังหาเรื่องคนเอเชียอพยพ เหยียดผิวด้วยซ้ำ เพราะเขาเข้าใจว่าไปแย่งเงินรัฐจากเขา (เงินที่รัฐบาลช่วยผู้อพยพ) ---------------------------------------------- ที่เมืองไทยไม่เจริญ โดยส่วนตัวเชื่อว่าเกิดจาก ทัศนคติในการใช้ชีวิตมากกว่า ใช้ชีวิตแบบวันต่อวัน ไม่มีการวางแผน กินเหล้าเมายา บ้าพนัน ผู้ที่มีอำนาจก็รักตัวเองมากกว่าชาติ ค่าโง่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากคุณ : Lazy Genius - [ 24 พ.ย. 49 13:00:44 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ...ที่แน่ๆ ผมเห็นคนที่ไม่ยอมแพ้ 2 คนในกระท้นี้ จากคุณ : high_voltage_x - [ 25 พ.ย. 49 04:27:32 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ฝรั่งทำงานเก็บขยะ ฝรั่งทำงานก่อสร้าง ทาสี ช่างไม้ ช่างปูน ..รายได้มากกว่าทำงานวิศวะบ้านเราเสียอีก.. งานสกปรก งานหนัก ฝรั่งจ่ายดีนะจ้ะ (ไม่ใช่ประเภทร้านอาหารไทยจ่ายเงินให้เด็กล้างจาน ถูกกว่าเด็กเสิร์พหน้าร้านอีก) แต่ที่ไหนจะสุขใจเท่าบ้านเรา จากคุณ : เพลงz - [ 25 พ.ย. 49 15:43:05 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ถึงมันจะเป็นยังไง แต่ผมก็มีความสุขดีนะ จากคุณ : tHeNuT - [ 25 พ.ย. 49 16:42:26 ]

ความคิดเห็นที่ 85 อ่านแล้วก็ท้อ ผมทำงานได้ ซม. ละ 17 บาท ทำงาน 9 ซมก็ 160 ตื่นแต่เช้า เลิกงาน 5 โมงเย็น พอตกเย็นก็ไปเรียน เหนื่อยน่ะ อย่างว่าแหละ คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้ ผมท้อน่ะ บอกตรงๆ ทำงานตั้งแต่ อายุ 14 ตอนนี้ก็ 22 แล้ว แต่ก็ดีใจได้เรียนในคณะที่ตัวเองชอบ ตอนนี้พวกเราทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะครับ ก็ปล่อยมันไปตามนั้น แต่สิ่งที่เราภูมิใจ ในประเทศไทยของเรา ซึ่งประเทศอื่นๆในโลก ไม่มีเหมือนเรา ก็คือพ่อหลวงของเราไงครับ ถ้าวันนี้ไม่ทำเพื่อตัวเองน่ะ ก็ทำเพื่อพ่อของเรา ให้พ่อของเรายิ้มและมีความสุข ไม่ว่าโลกนี้จะเป็นยังไง แต่ประเทศไทยของเราก็มีสิ่งที่สวยงามอยู่เสมอ จากคุณ : น้ำก้นแก้ว - [ 25 พ.ย. 49 23:25:21 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ผมเคยเจอในหนังสือสมัครงานด้วยว่า มีบริษัทนึง บอกว่ารับทำงานตำแหน่ง R&D รับนักศึกษจบปริญญาตรีใหม่ๆ เกรดเฉลี่ย 3.75 อายุไม่เกิน 25 ประสปการณ์ 5 - 10 ปี ห้ามทำงานและเรียนพร้อมกัน ________________________ โอ้แม่เจ้า สเปคในอุดมคติแบบนี้ไม่มีในโลกหรอกครับ เพราะตรรกะขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง เพราะเน้นว่าประสปการณ์ 5 - 10 ปี และห้ามทำงานและเรียนพร้อมกัน แบบนี้ถึงจะเรียนอย่างเดียวก็อายุ 22 แล้ว และถ้าต้องมีประสปการณ์ 5-10ปีขึ้นไป ก็ต้องทำงานไปเรียนไป เวลาจบปริญาตรีอาจเกือบ 25 ได้ แต่บอกว่าห้ามทำงานและเรียนพร้อมกัน ผมเลยสงสัยว่าให้ใบสมัครแบบสะใจในตัวเองหรืออย่างไร และก็สงสัยว่าใครจะทำตามตรรกะที่ขัดแย้งกันเองแบบนี้ได้ (ตอนแรกๆผมก็คิดว่าเขาแกล้งเรับสมัครแบบนั้นเป็นพิธี แต่รู้ทีหลังว่าเขาต้องการคนแบบนั้นจริงๆ ซึ่งผ่านมาสีถึงห้าปีแล้วก็ไม่มีคนทำงานแผนก R&D เลย จนบริษัทนั้นเจ็งในที่สุด เพราะคู่แข่งเขารุดหน้ากว่ามาก เนื่องจากคู่แข่งรับสมัครในเงื่อนไขปกติแบบที่บริษัทมาตรฐานเขาทำกัน) ซึ่งบริษัทเอกชนหลายแห่ง ไม่เน้นเกรด ไม่เน้นสี ไม่เน้นสถาบันจนเกินไปเหมือนพวกวิสาหกิจ แก้ไขเมื่อ 26 พ.ย. 49 00:49:37 จากคุณ : visanu_crab - [ 26 พ.ย. 49 00:47:43 ]

ความคิดเห็นที่ 87 จุดแข็งของจีนคือประชากร พื้นที่ ค่าแรง เขาก็จับจุดแข็งของเขา ทุกวันนี้จีนเป็นไงครับ ? ไทยเรา จุดแข็งคือทรัพยากร การเกษตร แต่ดันไปบ้าแข่งเทคโนโลยี ไปแข่งในเรื่องที่ตัวเองไม่ถนัด คงสู้เขาได้หรอก.... หวังว่ารัฐบาลใหม่ และต่อๆไป จะดีขึ้นครับ.... จากคุณ : PJSOFT - [ 26 พ.ย. 49 15:39:24 A:124.120.138.11 X: TicketID:118397 ]

ความคิดเห็นที่ 88 รายได้คนจบม. 6 + สายอาชีพบ้านเราค่อนข้างต่ำด้วยครับ เลยทำให้เด็กแห่กันไปเรียนระดับอุดมศึกษากันมาก สถาบันการศึกษาหลายแห่งเห็นช่องทางทำมาหากิน เลยเปิดสอนเด็กระดับอุดมศึกษามาก บางแห่งพยายามลดต้นทุนทางการศึกษา ทำให้อาจารย์ขาดจิตสำนึกการเป็นครูด้วยซ้ำ พอแรงงานที่จบป.ตรีมีมากกว่าความต้องการในตลาด ค่าแรงก็ถูกกดลงเป็นธรรมดา แน่นอนว่ารวมถึงวุฒิการศึกษาที่ต่ำกว่าอย่างม. 6 ด้วย คนเลยแห่เข้าไปเรียนในอุดมศึกษามากขึ้นไปอีก แล้วก็กลับย้อนขึ้นไปอ่านบรรทัดแรกครับ จากคุณ : TheShadow - [ 26 พ.ย. 49 15:47:03 ]

ความคิดเห็นที่ 89 อืม จากคุณ : bus-makong - [ 26 พ.ย. 49 15:48:55 ]

ความคิดเห็นที่ 90 เอาเป็นว่าคนที่สนับสนุนบริษัทเล็ก ๆ ก็ไม่ต้องเรียนดอกเตอร์ ส่วนคนที่สนับสนุน phd ก็เรียนดอกเตอร์ คนที่คิดว่าฝรั่งดีก็ไปอยู่กะฝรั่ง ส่วนคนที่คิดว่าคนไทยดีก็อยู่ที่นี่แหละ จบข่าว จากคุณ : หุหุ - [ 26 พ.ย. 49 18:12:43 A:203.154.52.102 X: TicketID:117715 ]

ความคิดเห็นที่ 91 . เป็นที่มุมมอง ค่านิยมของคนไทย(มักยกย่องว่าฝรั่งมีดีกว่าเรา) ผมอยู่เมืองชายทะเล เจอฝรั่งขี้นกก็มากมายครับ(ฝรั่งคุณภาพมีอยู่แล้ว) เป็นคนไทยอย่างผมยังมีคุณค่ากว่าพวก"มัน" เยอะ อย่าไปยกย่องอะไรมากมายเลย  บางคนอยู่ประเทศตัวเองก็อยู่ในจำพวกสวะ  มาเมืองไทยได้ค่าเงินช่วยให้ดูดีขึ้น หลายรายที่มาตกอับเมืองไทย . จากคุณ : เต้าหู้หิมะ - [ 26 พ.ย. 49 19:49:50 ]

ความคิดเห็นที่ 92 เรื่องกวดวิชา จขกท ก็พูดไว้เช่นกัน เห็นด้วยอย่างแรง ไอ้เรื่องที่บอกว่า เรียนไป เพื่อสอบ เนี่ย จำๆ สอบๆ บางทีสอบแล้วก็ไม่ได้ใช้อะไรเล๊ยยย จริงๆนะ การที่ทำให้เราเกิดความรู้ได้จริงๆคือความผิดพลาด ในการลงมือทำ จากนั้น คนที่จะมาสอนการแก้ปัญหา ก็คือ อาจารย์ สอนว่า คุณทำแบบนี้ผิดน๊า ต้องทำแบบนี้ถึงจะถูก เวลาเราทำผิด แล้วเราได้ถูกสอนในสิ่งที่ถูกต้อง มันจะช่วยได้เยอะจริงๆ ทำให้เรามีความรู้มากกว่า ไม่เหมือนกับการไปเรียน กวดวิชา เก็งๆ ๆ เพื่อ เอนท์เข้า คณะ หรือ ม ที่ดังๆ เคมี อ. อุ๊ ก็มานั่งดูวีดีโอ กัน นร แห่กันไปเรียนเพียบ เพราะว่า ปากต่อปาก บอกกันมา กวดวิชาไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดี แต่คนที่คิดขึ้นมา เค้าก็ทำไปตามเกมของสังคม  สังคมไทยมันเป็นแบบนี้ มันก็ต้องเอาแบบนี้ เห็นด้วยจริงๆ เรื่อง ลักษณะการทำงานแบบ "รู้จริงเฉพาะด้าน" หรือพวก สเปเชียลลิส ของไทยเรียนช่างนะลองไปถามได้เลย เรียนช่างอิเล็กทรอนิกส์ จบมา ปวช ซ่อมโทรทัศน์ได้มั้ย บอกได้เลย ถ้าเป็น วิทยาลัยเทคนิคของรัฐ 80% โดยประมาณจะบอกว่า ซ่อมไม่ได้ แต่ที่เมืองนอกผมไม่รู้นะ แต่ผมว่าเค้าทำอะไรต่อมิอะไรได้ดีมาก ถ้าหากไปเรียนพวกสายอาชีพ อ. ผมเค้าเคยบอกว่า สายอาชีพในบ้านเรา กับ สาย สามัญ มันต่างกัน ม 4 5 6 ( บ้านเรา 90% ให้ความสำคัญมาก เพราะต่อยอดปริญญาตรีได้ง่าย) ปวช ( 10% ที่เหลือ เพราะอะไรก็รู้กันอยู่ ) ณ วันนี้ ถึงเราจะออกมาพูดกันในกระทู้มากมายก็ตาม เราทำอะไรไม่ได้หรอก ถึงเราจะมีความคิดที่แหวกแนว แล้วได้พิจารณาแล้วว่ามันดีต่อประเทศ เราก็ทำอะไรไม่ได้จริงๆ เพราะฉะนั้น เราต้องมองประเทศเรา ในด้านดี ให้สุขภาพจิตเราดีบ้าง ในกระทู้นี้ก็มีแต่ส่วนไม่ดีของประเทศไทย ใช่แล้วมันเป็นเรื่องจริง แต่เรืองที่ดีมันก็มี เราก็อย่าเอามาคิดเลย เล่นตามเกมของสังคมมันไปเหอะ อุดมการณ์ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าเอามาใช้กับสังคมไทยเลย มันกินไม่ได้หรอก เราเปลี่ยนสังคมไทยได้ยากแล้วตอนนี้ คิดอะไรที่มันดีๆของประเทศเราเถอะ อย่างน้อย ประเทศเรา ก็มีคนที่มีน้ำใจช่วยเหลือกันมากกว่าฝรั่ง อย่างน้อย ประเทศเรา มีประเพณีวัฒนธรรมอันดีงาม ที่ไม่มีที่ไหนเทียบเท่าเลยในโลก อย่างน้อย ประเทศเราก็เป็นเอกราชครับ อย่างน้อย ถ้าเราไม่บ่น เราไม่ท้อ เราก็คงทำให้อะไรๆหลายๆอย่างรอบตัวเรา มันดีขึ้นได้ และสุดท้ายอย่างน้อย เรามีพระมหากษัติริย์ ที่เป็นที่สุดของประเทศ และของโลก อยู่ในหัวใจคนไทยทุกคน ที่ไม่มีใครจะเข้าใจความสุขที่มากล้นเช่นนี้ได้เท่ากับคนไทยทั้งประเทศอีกแล้ว แก้คำผิดครับ แก้ไขเมื่อ 26 พ.ย. 49 20:52:23 จากคุณ : sillygang - [ 26 พ.ย. 49 20:49:55 ]

ความคิดเห็นที่ 93 เห็นด้วยกับทุก ๆ ความคิดเห็นครับ จากคุณ : อิฐมอญ - [ 26 พ.ย. 49 22:51:55 ]

ความคิดเห็นที่ 94 เท่าที่รู้มาฝรั่งอเมริกันเค้าจะให้ลูกตัวเองหัดหางานทำตั้งแต่อายุ12ปี พออายุสัก 15-16ปีกจะเริ่มให้ย้ายออกไปหาที่อยู่เองแล้วหรือไม่ก็หาเงินมาใช้เองได้อยู่ในบ้านพ่อแม่เท่านั้น ฝรั่งจึงมีความคิดอ่านและประสบการณ์ในการอยู่รอดมากมายนักในขณะที่คนไทยเรียนปริญญาตรีแล้วยังขอเงินพ่อแม่กันอยู่เลย อีกอย่างประเทศนั้นเค้าให้ความสำคัญที่คุณค่าความสามารถของคนมากกว่าการศึกษาครับ เห็นคนอายุมากแล้วมาเริ่มเรียนปริญญาตรีทั้งที่มีการงานดีๆทำอยู่เยอะและเลย   จากคุณ : kk (องครักษ์พิทักษ์อุลตร้าหมี) - [ 26 พ.ย. 49 23:26:55 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ผมว่า ผมขอพูดเรื่องระบบการซึกษานะครับ ระดับ มัธยม ควรจะเลือกลงวิชาเองได้แล้วนะครับ ลงแบบ root tree อะครับ เพราะทำให้ มีความแตกต่างกันกันระหว่างนักเรียนชัดขึ้น วิชาหลังๆก็ให้ยังคงอยู่อย่าง ไทย1 ไทย2 Eng1 Eng2 หรือ Jp หรือ อาราย อื่นๆไปอีก จะทำให้ได้ นักเรียนเฉพาะด้านมากขึ้น และทำให้พวกเค้าสามารถเข้ามหาลัยได้ง่าย และมีคุณภาพมากขึ้นนะ ***ความคิดเห็นส่วนบุคคล จากคุณ : Thedew - [ 26 พ.ย. 49 23:34:23 ]

ความคิดเห็นที่ 96 เค้าเรียก gap year นะครับ จะเรียกว่าประเพณี ค่้านิยม หรือธรรมเนียมก็ได้นะครับ ที่ก่อนจะเข้ามหาลัยต้องไปเที่ยวหาประสบการณ์กันก่อน บางคนถึงกับเที่ยวรอบโลกเลยก็มี เป็นเรื่องที่ดีนะครับ เพราะชีวิตการทำงานมีมากกว่าวิชาการ จากคุณ : sillysoulagency - [ 27 พ.ย. 49 00:30:08 A:81.100.194.214 X: TicketID:118694 ]

ความคิดเห็นที่ 97 เท่าที่อ่านมาปัญหาที่ทุกคนคิดเหมือนกันคือเงินใช่ใหม่ครับแต่ป่าวเลยเรื่องจริงที่เคยถามเพื่อนที่ทำงานชาวนิวซีแลนด์เค้าบอกว่า ประเทศเค้าทำวีซ่าไปประเทศต่างๆง่ายคุณไม่ต้องมีรายได้อะไรคุณอยากไปใหนก็ไปเค้าไปอยู่ออสเตรีย เยอรมัน เค้าบอกว่ายิ่งพวกกลุ่มอียูการเดินทางแทบไม่ต้องทำอะไรมากเลย แต่คนไทย 1.เงินเดือนคุณถึงรึเปล่า 2.ไปเพื่ออะไรไม่ใช่ไปเป็นโรบินฮูดนะ ฯลฯ เหตุผลที่กูไม่ออกวีซ่าให้จะทำไม นี่คือสาเหตุที่แท้จริงที่เราไปใหนไม่ได้มากกว่า เอาง่ายๆตั๋วไปฮ่องกงแค่ 7000 ไปกลับด้วยนะแต่กว่าจะไปได้ละยื่นเรื่องนานเท่าไหร่เอกสารบ้าบออีกละ...เฮ้อ การศึกษาเราดีครับแต่เราไปใหนไม่ได้เพราะมันไม่ให้เราไปประเทศมันก็เท่านั้น...จบข่าว จากคุณ : babu_radio - [ 27 พ.ย. 49 01:24:19 ]

ความคิดเห็นที่ 98 เราโตที่ต่างประเทศมาตั้งแต่เรายังไม่เป็นวัยรุ่น เราจบ ม.6 ก็ออกเที่ยว ใช้ชีวิตวัยรุ่น เรียนบ้าง ดรอปบ้าง เรียนๆ ดรอปๆ  สรุปแล้ว ก็ยังไม่จบ ฮ่าๆ แต่สำเนียงภาษาเราถือว่าพอๆกะภาษาไทย เรากลับไปเที่ยวเมืองไทย เบื่อขอเงินแม่ เลยไปสมัครงานที่โรงแรม อยากเป็นรีเซฟชั่น เพราะเราก็มีพื้นฐานมานิดหน่อย คำถามแรกที่เค้าถามเรา น้องมีวุฒิอะไร เราบอกว่า ม.6 ค่ะ เค้าบอกเลย ทั้งๆที่ยังไม่เห็นความสามารถของเรา "ที่นี่รับ ป ตรี ขั้นต่ำ" !!!!! แล้วฟังเสียงที่ยัยรีเซฟชั่นพูดนะ หู้ยยย ฝรั่งไม่อยากจะเข้าใจ มันพูดอะไรมันฟะนั่น จากคุณ : cashmamamia - [ 27 พ.ย. 49 01:59:33 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ผมว่าต่อให้เด็กมัธยมของเราอยากจะทำงานไป เรียนไปด้วยขนาดไหน ก็คงเป็นไปได้ยากคับ เพราะก็เอาเวลาไป "เรียนๆๆๆ" เพื่อให้ได้เกรด ที่ต้องใช้แข่งขันกับคนอื่นๆ เพื่อให้ได้เข้ามหาวิทยาลัยได้ เมื่อทำงานเองไม่ได้ ก็ต้องให้ทางบ้างส่ง แล้วมันก็จะไปเข้าทางกับ rep บนๆนั่นหละคับ ว่าเพราะอะไรเด็กเราถึงต้องขวนขวายเรียนกันแบบบ้าดีเดือดขนาดนั้น.... จากคุณ : tiewz - [ 27 พ.ย. 49 02:49:06 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ก็สังเกตดี ๆสิ เวลาอาจารย์แต่ละคนบรรยาย "หัวข้อนี้เน้นนะ ข้อสองทั้งนั้น ถ้าไม่ตั้งใจฟังก็ออกไป" พูดอะไรก็มีแต่ข้อสอบ ๆ ถ้าไม่ให้เรียนเพื่อสอบแล้วเด็กจะเรียนเพื่ออะไร แก้ที่ผู้ใหญ่ก่อนเหอะครับ จากคุณ : หุหุ - [ 27 พ.ย. 49 06:45:01 A:203.154.52.102 X: TicketID:117715 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ไม่เกี่ยวกับเงินเดือนหรอก แค่ นักการเมือง นักการศึกษา นักเศรษฐศาสตร์ บ้านเรา ถูกหลอก เรื่องค่าของเงินเท่านั้นแหละ ทำไมเราต้องซื้ออาหารที่ต่างประเทศ ในราคาจานละสามร้อยบาท นี้คือคำตอบครับ เฮ้อครับ จากคุณ : ช้างยิ้ม - [ 27 พ.ย. 49 09:11:51 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ลองมองกลับกันนะครับ --> ทำไมฝรั่งถึงไปเที่ยวรอบโลกหลังจากจบม.6 แต่คนไทยกลัีบกวดวิชาสอบเอนทรานซ์ แต่ฝรั่งก็ยังเจริญกว่าเรา -->  เพราะฝรั่งเจริญกว่าเรา ถึงไปเที่ยวรอบโลกได้ตั้งแต่ จบ ม.6 ก้อได้นะ ถ้าเงินเราแข็งกว่าทุกที่ในโลก เด็กเราก้ออาจทำแบบนั้นเหมือนกัน  เหมือนพวกญี่ปุ่นนั่นละ  มาเมืองไทยที ยังกะเทวดา จากคุณ : ARMS STRONG - [ 27 พ.ย. 49 10:26:22 ]

ความคิดเห็นที่ 103 เขาเจริญกว่าทางด้านของเล่นใหม่ ๆ (เปลืองพลังงาน ทำลายสิ่งแวดล้อม extreame มักๆ) แต่ความสุข ผมว่าไทยเราเจริญกว่าหลายช่วงตึกครับ จากคุณ : อีคิวศูนย์ - [ 27 พ.ย. 49 10:51:20 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ส่วนใหญ่คนไทยจะคิดว่า ระดับการศึกษาแปรผันตรงกับความรับผิดชอบ การทำงานในระดับสูง ที่มีรายได้สูง การจะรับคนมากหน้าหลายตา เข้ามาทำงานก็ต้องดูที่การศึกษาเป็นหลัก การทำงานหารายได้ยังไม่เปิดกว้างสำหรับคนที่การศึกษาไม่สูง อัตราการแลกเปลี่ยนเงินตรา ของไทยยังน้อยมาก ถ้าเทียบกับ ตปท. และสังคมไทยเป็นสังคมแบบอุ้มชูมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว การจะเปลี่ยนระบบนี้ ต้องอาศัยเวลาพอควร กล้าคิด กล้าทำ กล้าที่จะลอง มันคือประสบการณ์สุดวิเศษ ขอบคุณครับ จากคุณ : ผู้หวังร้าย - [ 27 พ.ย. 49 11:02:35 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ทำใมเราถึงได้ชอบมองคนอื่นว่าเหนือกว่าตัวเองกันจัง? บางทีถึงมันจะจริง แต่ถ้าเราคิดว่าเราเหนือกว่า ซักวันมันก็จะเหนือกว่าจริงๆบ้างล่ะ... จากคุณ : เฮียมี่ - [ 27 พ.ย. 49 11:26:38 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ไปเที่ยวรอบโลกได้ก็เพราะเค้ามีตังค์น่ะค่ะ.. แต่เรื่องเจริญกว่าเราหรือไม่..อันนี้ไม่อยาก เปรียบเทียบด้วยประการทั้งปวง.. จบข่าว.- จากคุณ : kwancheewaa - [ 27 พ.ย. 49 13:35:24 ]

ความคิดเห็นที่ 107 จากกระทู้แนะนำห้องไกลบ้าน http://www.pantip.com/cafe/klaibann/topic/H4872509/H4872509.html เอาด็อกเตอร์มาชงกาแฟ  ยกกระเป๋า  ไม่นำทรัพยากรบุคคลมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างที่สุด  มันก็เอวังด้วยประการฉะนี้ จากคุณ : หมูหยี+หมูอ้วน - [ 27 พ.ย. 49 13:35:30 ]

ความคิดเห็นที่ 108 แต่จากประสบการณ์ส่วนตัว ม.6 ต่างประเทศ จบง่ายกว่าเมืองไทยมั่กมาก จากคุณ : จริงครับ (Mr.Terran) - [ 27 พ.ย. 49 15:13:56 ]

ความคิดเห็นที่ 109 นี่แหละคือคนไทย วิถีชีวิตสอนให้กล้วไปหมด จะเดินทางไปไหนก็กลัวจะไม่มีที่นอน จะไปไหนก็กลัวว่าไม่รู้จักทาง วิถีไทยเป็นอย่างนี้มาแต่เกิด ในเอเซียที่ผมเคยเจอะเจอในต่างประเทศที่ทุระกันดารก็ เห็นจะมี ญี่ปุ่นและเกาหลีเท่านั้นที่จะเดินท่อมๆไปทั่วโลก ทัดเทียมกับฝรั่ง และคนเหล่านี้ได้ไปมาก เห็นมากจึงนำความเจริญกลับไปพัฒนาบ้านของตนเองครับ จากคุณ : คนไทยขี้กลัว (chongcob) - [ 27 พ.ย. 49 19:46:26 ]

ความคิดเห็นที่ 110 เอางี้นะ ผม จะ แสดงให้เห็นง่ายๆ เลย เงินเดือนพวกคุณ ประมาณ 15000 - 50000 บาท ถาม คุณจบอะไร ป.ตรี - เอก ถามว่า คุณทำงานครั้งแรก ป.อะไร ป ตรี - โท เคยเห็น เขารับ ม.6 ใน สาขาต่อไปนี้หรือไม่ - ช่าง - บัญชี - ผู้จัดการฝึหัด - นายแบงค์ - ผู้สอบบัญชี คำตอบ คือ  "ไม่" ถามไปเที่ยว เมืองนอกแบบ ไม่ใช่ไปกับทัวร์  ค่า ตั๋ว "15000 - 50000 บาท ต่อ 1 เที่ยว ค่ากินเท่าไหร่ วันละ 40 $ ใช่ไหม ที่พัก 100 - 300$ เฉลี่ยประมาณ 5000 - 6000 บาทต่อวัน แต่ คนขาย burger ได้ค่าจ้าง ชั่วโมงละ 9 $ 8 ชั่วโมง 72 $ 20 วัน 1440 $ ปีนึงตก 17280 หรือ 691,200 บาทต่อปี หรือ คนขาย เบอร์เกอร์ จะมีรายได้ ประมาณ 57600 บาทต่อเดือน กล้าพูดได้เลยว่า เงินเดือน คนจบ ม.6 ไม่มีทางได้ 57600 บาทต่อเดือน นอกจากจะทำค้าขาย ครับ ถามว่า เงินเดือนคนไทย 57600 ต่อเดือน เขาก็ไปเที่ยวนอกเป็นว่าเล่นเหมือนกัน ตรรกะเปรียบให้ดีหน่อย เจ้าของกระทู้ value of money ไม่เหมือนกัน ครับพี่ อย่า ริเอาของไทยไปเปรียบกับ US+ EU และก็ต้องคิดกลับกันด้วยว่า เมืองไทย กิน บุฟเฟต์ อาหารญี่ปุ่น ภูกที่สุดในโลก OISHI ราคา 299 นั้น ถ้าคุณกินปริมาณเท่ากันที่ญี่ปุ่นคุณจะเสีย 9000 บาท เยรมัน 11000 บาท และ us 6000 บาท เงิน 200 บาทในเมืองไทย คุณสามารถกินอาหารได้ อรรรถ ขณะ ถ้าคุณเป็น ฝรั่ง อยู่เมืองนอก คุณต้องจ่ายมากกว่าอยู่เมืองไทย 11 เท่า ---------------------------------------------------- ได้อย่างเสียอย่าง จากคุณ : moojiw - [ 27 พ.ย. 49 19:56:14 ]

ความคิดเห็นที่ 111   จากคุณ : lohchan - [ 27 พ.ย. 49 20:20:26 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ผมเรียนอยู่ม.4 เรียนอยู่โรงเรียนรัฐบาลชื่อดังแห่งหนึ่งในย่านลาดพร้าว ถึงตอนนี้กำลังจะซิ่วเพื่อไปสอบเข้าโรงเรียนใหม่ !!! ด้วยอุดมการณ์ทางความคิดของผมที่แตกต่างในระบบโรงเรียนปิดทำให้ผมถูกต่อต้านจากกลุ่มครูอาจารย์และนักเรียนหัว nerd ส่วนใหญ่ เพราะประสบการณ์ภายนอกไม่สอดคล้องกับผลการเรียน มันเป็นเรื่องที่น่าละอายมากในสายตาผม ผมมองกลุ่มเพื่อนที่พยายามจะเรียนเพื่อให้ได้เกรดดีๆหวังไว้เพียงมหาลัยและอาชีพในอนาคต เพื่อนๆผมกำลังอยู่ในรังมดงานที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับต้นๆของประเทศ !!!! ผมเริ่มเดินเรื่องฝึกงานตั้งแต่ม.4 และได้ทำที่สำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง มีรายได้ประจำจากการทำเว็บไซต์เกี่ยวกับเกม และอีกหลายๆอย่างที่ครอบครัวปลูกฝังมาให้หาเลี้ยงชีพตั้งแต่เล็กๆ แต่สิ่งเหล่านี้ มันไม่ได้ช่วยให้ชีวิตผมในสังคมโรงเรียนงี่เง่านี้ดีขึ้นเลย ผมกำลังถูกค่านิยมของคนไทยกดขี่ ถูกค่านิยมงี่เง่าเหล่านี้ข่มเหง กดหัวผมไม่ให้เงยขึ้นโดยไม่มีปริญญาบัตร และนั่นยิ่งน่าละอาย!!!! เคยมีหนังสือเล่มหนึ่งกล่าวไว้ว่า การศึุกษาไทยเิดิมที่เป็นองค์การที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสร้างอัีตลักษณ์ให้คนในชาติมีความคิดและความเชื่อไปในทิศทางเดียวกันเพื่อความง่ายต่อการปกครองประเทศ ไม่ได้วางระบบมาีเพื่อการศึกษาอย่างแท้จริง หากเป็นเช่นนั้น...... ผมจะเรียนไปเพื่ออะไรกัน !?! หลักการผ่านหลักสูตรของการศึกษาไทยรูปแบบใหม่ทุกออกแบบมาง่ายๆว่านักเรียนทุกคนต้อง "ขยัน" เช่นดั่งมดงาน ผลการสอบมีผลจากทั้งหมดนั่นมีค่าไม่ถึง 30% เท่านั้น บางคนแม้จะเรียนไม่รู้เรื่อง แต่มีผลงานโครงงานตกแต่งสวยๆมูลค่ามากๆก็ได้เกรด 4 ได้โดยไม่ต้องทำอะไร นี่ละหนอก้นลึกของการศึกษาไทยสมัยใหม่ ที่สร้างบุคลากรให้เป็นเสมียน ?!?!? ผมเข้ามาโรงเรียนเพื่อหาความรู้ และใช้ความรู้ในการจบหลักสูตร  ไม่ใช่ความขยัน นี่แหละที่น่าละอายที่สุด !!!!! ถึงคราวที่ผมจะต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ สุดท้ายเราจะเรียนไปเพื่ออะไรกัน !!!! จากคุณ : เลอสรวง (prab1991) - [ 27 พ.ย. 49 20:50:39 ]

ความคิดเห็นที่ 113 #100 เหตุผลก็เพราะว่าถ้าไม่บอกว่าเน้น ก็ทำข้อสอบกัน ไม่ได้ ขนาดบอกว่าจะออกสอบแล้วยังทำกันไม่ค่อยจะได้ เล้ย -_-" จากคุณ : Practical x 2 - [ 27 พ.ย. 49 20:59:46 ]

ความคิดเห็นที่ 114 #112 ไอ้ความขยัน มันจะมีประโยชน์ตอนทำงานนะ ตอนเรียนถ้าเราขยัน มันก็จะฝึกเราไง มองโลกในแง่ดีนิด ทำงานใครจะเอาคนที่เก่งโคตรๆ แต่ขี้เกียจโคตรๆละ เคยนั่งคิดไปเยอะมากๆเหมือนกันเรื่องนี้ จนนั่งกลับมาคิดพื้นฐาน เรากินข้าวไข่เจียว ซักผ้าหยอดเหรียญ รีดผ้าไปเรียน กลับมาก็นั่งเล่นคอม คุยกับเพื่อน นอน มันคงจะมีปัญญา เปลี่ยนระบบการศึกษาได้นะ คิดดูดิ ไม่เคยจะอาจเอื้อมไปทำเพราะรู้ว่าทำไม่ได้ เคยคิดจะหาคนที่ "มีอุดมการณ์เหมือนกัน เพื่อแก้ระบบการศึกษา"  แต่ลองคิดดูแล้ว ผู้ใหญ่ก็คือผู้ใหญ่ เอางี้คิดกันเล่นๆ ถ้าคุณเป็น รมต ศึกษาธิการ คุณจะทำอะไรกับระบบการศึกษาไทย ? คห 112 พี่เห็นด้วยกับน้องนะตรง --- เคยมีหนังสือเล่มหนึ่งกล่าวไว้ว่า การศึุกษาไทยเิดิมที่เป็นองค์การที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสร้างอัีตลักษณ์ให้คนในชาติมีความคิดและความเชื่อไปในทิศทางเดียวกันเพื่อความง่ายต่อการปกครองประเทศ ไม่ได้วางระบบมาีเพื่อการศึกษาอย่างแท้จริง หากเป็นเช่นนั้น...... ผมจะเรียนไปเพื่ออะไรกัน !?! ---- คำตอบที่มีให้น้องคือ ให้น้องอยู่ในความปกครองของเค้าโดยเค้าจะปกครองให้ง่ายขึ้นไง คำตอบมีอยู่ในคำถามแล้ว จะลอง FWD Mail หาคนอุดมการณ์เรื่องล้มระบบการศึกษาไทยดีมั้ยวะเนี่ย ? ไม่อยากพูดเยอะกว่านี้เดี๋ยวเป็นขี้ปาก จากคุณ : sillygang - [ 28 พ.ย. 49 00:03:39 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ทำไมต้องตามฝรั่งเค้าด้วยล่ะคะ เค้าเรียนก็เรียนตาม เค้าเที่ยวก็เที่ยวตาม จากคุณ : Lady Chocolate - [ 28 พ.ย. 49 03:31:40 ]

ความคิดเห็นที่ 116 กระทู้ดี ต้องโหวต... จากคุณ : Nai EiGht - [ 28 พ.ย. 49 05:19:22 ]

ความคิดเห็นที่ 117 เป็นที่ค่านิยมของสังคมไทย ที่ยูเอสเค้าจะดูประสบการณ์ หรือวุฒิที่เทียบเท่ากัน เอาความสามารถเข้าว่า ที่เมืองไทย สิ่งแรกที่นายจ้างดูคือวุฒิ ถ้าคุณวุฒิไม่ถึง เค้าก็ไม่ดูต่อแล้ว ไม่ดูประสบการณ์ หรือความสามารถอื่นๆ ประกอบ จะดูก็ต่อเมื่อวุฒิคุณผ่าน บางครั้ง เราคิดว่าเราทำได้ เรามีความสามารถ แต่ถ้าไม่มีวุฒิ ก็หมดสิทธิ ต้องไปเรียนมาก่อน โอกาสสำคัญมาก ถ้าไม่มีโอกาส ถึงคุณมีความสามารถ ก็ไม่ได้โชว์   ไม่อยากจะคิดนะ แต่มันเหมือนสังคมศักดินา คือต้องมีฐานมาก่อน ไม่งั้นพวกข้างล่างจะขึ้นมาเหนือ มันเป็นค่านิยมตัดโอกาส ชนชั้นล่าง ยังไงไม่รู้ ค่านิยมสังคมคงไปเปลี่ยนมันยาก แต่ถ้าเริ่มได้ คงบอกได้แต่ว่าทุกอย่างเริ่มต้นที่ตัวเรา จากคุณ : blossom - [ 28 พ.ย. 49 06:36:14 ]

ความคิดเห็นที่ 118 เครือข่ายนักเรียน หรือนักศึกษา ที่ถูกผูกมัดไว้ในฐานะ "ผู้อยู่ใต้ระบบ" คงยากที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้ แต่ถ้าเป็นเครือข่ายพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่อยากเห็นอนาคตลูกหลานของตนและอนาคตของชาติดีขึ้นกว่าที่เคยเป็นๆ มาแล้วล่ะก็ ...เป็นไปได้ จากคุณ : QuaOs - [ 28 พ.ย. 49 10:29:21 ]

ความคิดเห็นที่ 119 บางคนเรียนจบปริญญาตรี โท จบมาได้เกียรตินิยม เพราะเกรดสูง แต่ความสามารถน้อยกว่าคนจบ ปวส ด้วยซ้ำ ขอย้ำว่าบางคนนะคะ อันนี้เรื่องจริงค่ะ พี่ที่ทำงานเพื่อนไม่จบปริญญาตรี แต่เป็นโปรแกรมเมอร์ ทำงานรับจ๊อบหลายบริษัทมาก แต่ละที่ก็เงินเดือนสูงมาก แต่พี่เขาไม่ได้เป็นพนักงานประจำ เพราะไม่ได้จบปริญญา และเขาก็ไม่ทำงานประจำ เพราะทำหลายที่รวยกว่าเห็นๆ บางทีประเทศเราลองเปลี่ยนความคิดเก่าๆ อะไรให้มันดีขึ้นมาบ้างก็ดีนะคะ อย่ายึดติดกับเกรดเฉลี่ย ชื่อมหาวิทยาลัย หรือปริญญาเลย มาดูกันที่ความสามารถดีกว่า ประเทศไทยจะได้มีอะไรพัฒนามากกว่านี้ จากคุณ : คนจบปริญญาตรี - [ 28 พ.ย. 49 12:24:36 A:202.93.56.4 X: ]

ความคิดเห็นที่ 120 ไม่นึกว่ากระทู้นี้จะมีชีวิตอยู่ แต่เห็นแล้วก็อยากเข้ามาตอบครับ อันแรกขอตอบคุณ moojiw ความเห็นที่ 110 ก่อนครับ เรื่องคนขาย Burger ส่วนใหญ่ที่อเมริกาพวกนี้ได้ค่าแรงข้ันต่ำครับ เป็นงานขั้นต่ำสุดที่เด็กเกือบทุกคนจะเริ่มจากจุดนี้ ผมไม่รู้ว่าชั่วโมงละ 9 เหรียญนี่เอามาจากไหน ถ้าได้จริงก็ต้องเมืองที่เป็นเมืองใหญ่จริงๆอย่างนิวยอร์ค หรือชิคาโก รัฐที่ผมอยู่นี่ได้ชั่วโมงหนึ่งไม่ถึง 6 เหรียญครับ และจริงๆแล้วคุณจะคำนวณเฉพาะรายได้ไม่ได้นะครับ ต้องดูรายจ่ายเขาด้วย เด็กอเมริกันส่วนใหญ่ที่เริ่มทำงานหารายได้ ทางบ้านเขาจะหยุดให้เงินครับ ส่วนใหญ่จะเริ่มทำงานได้เมื่ออายุครบ 16 ปี แต่ส่วนใหญ่จะจ้างที่อายุประมาณ 18 ขึ้นไป เหตุผลเนื่องจากเขาต้องการเด็กที่มีความคิดโตหน่อยไปทำงานครับ กลับมาเรื่องพ่อแม่หยุดให้เงินต่อ เด็กวัยขนาดนี้เร่ิมมีสังคม เริ่มอยากมีคนรัก เริ่มอยากได้นู่นได้นี่ พอพ่อแม่ไม่ให้เงินก็ต้องหาเงินเอง ไม่ทุกคนหรอกครับที่จะถลุงเงินรายได้ไปกับการเที่ยวเล่น หลายคนอยากจะเรียนต่อมหาวิทยาลัย โดยปกติทั่วไปพ่อแม่อเมริกันเขาไม่ส่งเสีย เขาถือว่าพออายุ 18 ก็ออกไปเผชิญชีวิตเองได้แล้ว เด็กอเมริกันรู้กันตั้งแต่เด็กแล้วว่าพอจบ ม. ปลาย แล้วต้องออกจากบ้านไปใช้ชีวิตเอง ใครยังอยู่บ้านพ่อแม่หรือขอเงินใช้อยู่ คนอเมริกันเรียก Loser ครับ (โดนเรียกอย่างนี้ถือว่าเป็นการดูถูกมากนะครับ) เนื่องด้วยการที่ต้องอยู่ด้วยตัวเองให้ได้เมื่อจบ ม.ปลาย เด็กอเมริกันจะเริ่มทำงานเล็กๆน้อยๆ ตั้งแต่เด็ก พอโตหน่อยก็ไปทำงานในร้านอาหารบ้าง ไปเป็นกรรมกรรับจ้างบ้าง เก็บเงินเพื่อใช้เรียนต่อ หรือบางคนไม่อยากเรียนต่อก็เอาไปเที่ยวหาประสบการณ์ จริงๆแล้วเงินมันไม่เหลือมากมายอย่างที่คิดหรอกครับ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วเด็กทีี่นี่มีความเป็นผู้ใหญ่กว่าเด็กไทยเยอะเมื่อเทียบกับอายุเท่าๆกันครับ และไม่ต้องสงสัยว่าทำไมที่นี่มันถึงเจริญกว่าประเทศไทย เพราะคนที่นี่มันอายุ 20 แต่อายุสมองมันเท่ากับ 30 บ้านเราครับ เอากันง่ายๆ มีเด็กอายุ 20 บ้านเรากี่คนครับ ที่คิดถึงเรื่องเก็บเงิน Retirement บางคนอาจจะยังขอเงินพ่อแม่ไปดูหนังกับคนรักเลยด้วยซ้ำครับ แต่ที่นี่พออยู่ ม.ต้น เขาก็เรียนเรื่องการเก็บเงิน Retirement กันแล้วครับ ส่วนที่คิดว่าหากเด็กไทยหากมีเงินเยอะขนาดน้ันแล้วก็ทำอย่างเด็กอเมริกันได้ ผมตอบได้เลยว่ามีน้อยมากที่จะทำได้แม้มีเงินเยอะก็ตาม เพราะบ้านเราเลี้ยงลูกแบบกลัวลูกลำบาก เห็นมันเป็นเด็กเสมอ ทำทุกอย่างกันให้หมด เด็กไทยเลยไม่โต และขาดความมั่นใจในตัวเองอย่างรุนแรง เพราะท้ังชีวิตไม่เคยทำผิดพลาด เนื่องจากไม่เคยตัดสินใจเอง ทางเลือกในชีวิตพ่อแม่ตัดสินใจให้หมด เพราะกลัวว่าลูกจะทำผิดพลาด อันนี้เป็นความเข้าใจผิดของสังคมไทยเลยครับ ความเป็นจริงแล้วเด็กจะโตได้ต้องทำผิด และเรียนรู้จากความผิดพลาดน้ันครับ ผู้ใหญ่มีหน้าที่ประคับประคองให้เดินไปในแนวที่ไม่ได้ผิดพลาดถึงข้ันผิดกฏหมายเท่าน้ัน การตัดสินใจต้องให้เด็กเป็นคนตัดสินใจเอง ไม่อย่างน้ันก็จะได้เห็นคนอายุ 35 จะแต่งงานต้องไปให้แม่ขายนามาขอเมียให้ คราวนี้มาตอบคุณเลอสรวง ความเห็น 112 บ้าง ผมตอบได้เลยว่าคุณคิดถูกทางแล้ว แต่คุณอยู่ไม่ถูกประเทศเท่าน้ันเอง เลยทำให้คุณรู้สึกว่าเป็นตัวประหลาด ผมบอกได้เลยว่าหากบรรทัดฐานของอเมริกันแล้ว เขาเรียกคุณว่า Winner ครับ การเรียนที่ดีคือเรียนเพื่ออยากจะรู้ ไม่ใช่เรียนเพื่อจะเอาเกรด อย่างที่ค่านิยมเมืองไทยเขาเรียนกัน ที่พูดนี่ไม่ได้ประชดเพราะผมเคยเป็นอย่างน้ันมาก่อน ผมเรียนเก็บเกรดประเภทมี C นี่น่าอาย ต้อง A กับ ฺB เท่าน้ัน แต่ในโลกความเป็นจริงแล้ว เราใช้ปริญญาแค่ตอนที่สมัครงานแรกเท่าน้ันเองครับ พอทำงานแล้วมันก็อีกเรื่องหนึ่ง ผมเล่าเรื่องจริงที่ผมทำงานให้คุณเลอสรวงฟังแล้วกันนะครับ ผมจบมาด้วยคะแนนติด Top 10 ของคณะ  คิดว่าตัวเองแน่มากแล้ว พอไปทำงานวันแรกรู้สึกโง่ถนัดตา มีนกเอี้ยงมาเกาะก็หลายตัวนะครับ เพราะการทำงานมันไม่ได้วัดกันที่เกรด มันวัดว่าทำผิดพลาดมาแค่ไหน เราเรียนรู้จากความผิดพลาดแค่ไหน พอทำงานไปสักพักรู้สึกว่าตัวเองชักรู้มาก ชักเก่งคับแผนก ความโง่เริ่มมาเยือนอีกครั้ง ต่อมาผมมาทำงานต่างประเทศ ที่ว่าเราเก่งจากเมืองไทยแล้ว มาแข่งกับวิศวกรต่างประเทศแล้ว ผมไม่ติดฝุ่นเลยครับ อย่าเทียบกับระดับวิศวกรเลย ผมเทียบตัวเองได้เลยว่าเท่ากับเด็กฝึกงานเป็นช่างซ่อมบำรุง ได้แค่น้ันจริงๆ สุดท้ายก็ต้องเรียนกันใหม่หมดครับ ใช้เวลา 3 ปีกว่าที่ผมจะเริ่มกลับมาเท่ากับระดับวิศวกรทั่วไป แต่ก็ยังห่างจากระดับโปรที่นี่ ยังอีกหลายปี ต้องผ่านความผิดพลาดมากกว่านี้อีกเยอะ สุดท้ายที่อยากจะบอกไว้คือ เมื่่อจบการศึกษาระดับปริญญาตรีแล้วน้ันไม่ได้หมายความว่าเรารู้ในสาขาที่เราเรียนมา เราแค่รู้วิิธีที่จะเรียนรู้เท่าน้ันเอง ความรู้จริงๆเกิดจากการทำงานครับ ดังน้ันผมอยากเสริมความมั่นใจกับคุณเลอสรวงว่า คุณมาไม่ผิดทางหรอกครับ และผมก็นับถืือด้วยว่าครอบครัวคุณสอนลูกได้ดีมากครับ นั่นคือวิถีที่สอนลูกเป็นคนที่ต่อสู้ หากไปทำงานเป็นลูกน้อง ด้วยความคิดอย่างนี้สุดท้ายก็จะกลายเป็นคนงานที่เป็นกำลังหลักของบริษัท แต่เชื่อผมเถิดครับคนที่เติบโตมาทำงานต้ังแต่เด็กอย่างคุณ ลึกๆแล้วไม่คิดที่จะจบอยู่แค่เป็นลูกจ้างหรอกครับ อย่างคุณมันต้องจับเงินเอง จากคุณ : BoydKansasCity - [ 28 พ.ย. 49 14:04:17 ]

ความคิดเห็นที่ 121 คุณต้องดูที่  Result ไม่ใช่ดูที่ Activity ..... คนไทยชอบวางท่าว่าขยัน นอนดึก อ่านหนังสือเยอะ อย่างโง้นอย่างงี้ ... แต่ผลที่ได้มันไม่ตรงกับที่วางท่าไว้ ฟรั่งมันไม่สร้างภาพพวกนั้น แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็รู้ๆกันอยู่ ว่าคนไทยสู้เขาไม่ได้ จากคุณ : root :-D - [ 28 พ.ย. 49 20:12:58 ]

ความคิดเห็นที่ 122 ผมว่าถ้าเรียนจบแล้วกะจะไปหางานทำที่ญี่ปุ่นครับ จากคุณ : Galuf - [ 28 พ.ย. 49 21:20:19 ]

ความคิดเห็นที่ 123 ระบบการศึกษาไทย มันบังคับไว้ครับว่า ขั้นต่ำต้องเรียนจบ ม.3 และการเรียนการสอนในห้องเรียนก็มีการจับแยกเด็กให้เรียนในสายต่างๆตามความสามารถของเด็ก เพื่อปูทางให้กับเด็กที่มีความสามารถทางนั้น จะสอนก็สอนมันอย่างเดียวนั่นล่ะ ส่วนเรื่องประสบการณ์นี่ ต้องไปขวนขวายหากันเอาเอง และจะมีบ้างไหมที่ เด็กอายุประมาณ 16-18 ม.ปลายเนี่ย จะไปหางานทำชั่วโมงละ120กว่าบาทต่อวันเพื่อมาเลี้ยงปากท้องตนเองกันได้ แล้วจะมีงานแบบไหนบ้างที่ให้เด็กวุฒิ ม.3 เข้าไปทำงาน หายากนะ แต่ก็มีเยอะอยู่เหมือนกัน โดยงานที่วุฒิ ม.3ทำได้ก็จะเป็นพวก พนักงานขายของธรรมดาทั่วไป ( มีอะไรเพิ่มเติมก็เติมได้ครับเพราะผมก็ไม่ได้เป็นพนักงานจัดหางานเลยไม่ค่อยทราบว่ามีงานเยอะไหม ) ละทีนี้ การเรียนบ้านเราก็เรียนหนักกันจริงๆ มีค่านิยมหนุนหัวอีกต่างหากว่า ต้องเรียน จบ ม.6และเข้ามหาวิทยาลัยดังๆให้ได้ และยิ่งมาเจอระบบรับเลือดสีเดียวกันของ บริษัทหลายๆบริษัทอีก ก็เลยกลายเป็นว่า ถ้าไม่ได้เรียนมหาลัยดังๆที่มีรุ่นพี่หนุนอยู่ในบริษัทที่อยากเข้า ก็จะไม่สามารถเข้าทำงานในที่นั่นแบบง่ายๆได้ ( ระบบอุบาทที่ป้องกันคนกลุ่มอื่นเข้ามายึดอำนาจภายใน โดยรับแต่คนกลุ่มเดียวกันซึ่งสามารถคุยกันง่ายกว่า ทำงานง่ายกว่า ใช้งานง่ายกว่า โดยใช้ระบบพี่น้อง ผู้อวุโส ) สภาพสังคมบ้านเรามันไม่เหมือนต่างชาติเขา อาจารย์เคยสอนว่า เด็กญี่ปุ่น พอเริ่มโตเขาก็เข้าไปรับจ้างทำงานในโรงงานกันแล้ว จริงรึเปล่าไม่รู้ อะไรจะเว่อร์ขนาดนั้น พูดเหมือนกับว่า มันทำกันจริงๆนะ เพื่อให้เด็กไทยเรากระตือรือร้นเอาเป็นตัวอย่าง ลองบอกลูกคุณดูว่า ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ค่าขนมหาเองนะ เด็กคงอึ้งครับแล้วก็จะเริ่มคิดว่า จะทำยังไงถึงจะได้เงินค่าขนม ถ้าสภาพแวดล้อมดีหน่อยคงคิดไปหางานทำ ถ้าสภาพสังคมไม่ค่อยดี ก็แน่นอนครับ ขายยาเสพติด ปล้นขโมยชิงทรัพย์ ละยิ่งค่าครองชีพเป็นแบบนี้ เงินขั้นต่ำที่หามาได้ก็เลือดตาแทบกระเด็น ถ้าคิดจะทำก็คงทำได้ แต่เรื่องหางานนี่สิครับ ยากส์จัง แล้วก็น้อยมากที่เด็กจะคิดทำงานหาเงินเพื่อค่าขนมแค่วันละไม่กี่100บาท อีกอย่าง บริษัทต่างๆ เขาก็เน้น วุฒิการศึกษามากกว่าที่จะมาดู ใบรับรองความสามารถในการทำงานนั้นๆเพราะ พอดูวุฒิว่าสูงพอ ก็รับเข้าไปทำงาน โดยถ้าไม่มีความสามารถหรือความรู้ในงานนั้นก็จะถูกส่งไปฝึกอบรมสักกี่เดือนก็ว่าไป ฝึกเสร็จกลับมาทำงาน ก็ได้งานเลย ถ้าอยู่ๆลองเปลี่ยนให้บ้านเราใช้ระบบฝรั่งล่ะก็ คงต้องยกระบบตั้งแต่ ค่านิยมทางการศึกษาและรูปแบบการทำงานในบริษัท และการรับเข้าทำงานโดยดูจากวุฒิหรือประสบการณ์ ในการที่จะทำอย่างนั้นเพื่อให้้เด็กไทยกระตือรือร้น คงอีกนานมากครับ ทางที่ง่ายที่สุดคงจะเป็นแนวทางง่ายๆที่ว่า ส่งเสริมให้เด็กทำงานสุจริต เพื่อหาเงินเลี้ยงปากท้องตนเองได้แบบง่ายๆโดยไม่ต้องพึ่งพาพ่อแม่เสมอไป อาจจะไปรับจ้างทำงานง่ายๆในชนบท ในตัวเมืองก็.......ไม่รู้หวะมีงานอะไรให้เด็กม.6 ม.ต้นทำบ้างอ่ะ อย่างที่คนข้างบนนุ้นว่ามาก็คงมีส่วน ให้เด็กไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟ คนเขาก็จะมาดูถูกอีกว่างานต่ำ ( สรุปว่า ตูจะเอาเงินอ่ะ ต่ำก็ต่ำละกัน ดูถูกคนอื่นก็ต้องดูตัวเองด้วยว่า ไปดูถูกคนอื่นแล้วงานที่ตนเองทำอยู่นั้นสูงรึเปล่า ถ้าไม่สูงก็ไม่มีสิทธิไปดูถูกคนอื่น งานอะไรมันก็เท่าเทียมกันหมดแหละ เพราะได้เงินเหมือนกัน ถ้าบอกว่า ลูกคนรวยไปทำงานกวาดถนน น่าบัดสีนัก มันก็จริงแฮะ จริงๆแล้ว ตนเองรึเปล่าที่อายเพราะตนรวยแตู่ลูกกลับไปทำงานต่ำ สรุปก็คือ อาย นั่นแหละ ) มันต้องสร้างความภูมิใจให้เด็กสิว่า เนี่ยผมทำงานหาเงินเองได้แล้ว แม้ว่ามันจะได้น้อย แต่ต่อไป จะหางานที่ดีเงินดีขึ้นให้ได้ นั่นเขาเรียกว่าการพัฒนา ก็ยังดีกว่าเรียนสูงจบสูงแต่กลับต้องมาขายข้าวมันไก่ล่ะว้า ไม่ต่างอะไรกับเด็กจบ ม.3 ทำงานเป็นผู้ช่วยผู้กำกับหนังเลย เป็นต้น วุฒิการศึกษาไม่ได้ช่วยอะไรเลย ถ้าคุณ " หางานไม่ได้ " ประสบการณ์ ความสามารถ ความตั้งใจจริง อาจทำให้คุณ หางานอะไรก็ได้ง่ายกว่ากันเยอะ ( ขนาดวุฒิสูงแต่เลือดคนละสีกับคนในบริษัทก็ อดได้งานก็เยอะไป แต่อย่างน้อยบริษัทอื่นก็ยังมีนะหาเข้าเดี๋ยวก็ได้งานเอง ) จบ ด็อคเตอร์ ไปเป็นอะไรต่อครับ รองคณบดี , คณบดี , อาจารย์มหาลัย , ที่ปรึกษาบริษัทใหญ่ , หัวหน้าหน่วยนั่นนี่ , บลาๆๆๆๆเยอะแยะ ได้เงินเดือนเพิ่มมาอีกหลายหมื่น -.-" อืมมมม ยังไงก็ช่างเถอะ มีงานทำก็OKแล้ว วุฒิสูงก็ได้เงินเดือนเพิ่มอีกในงานบริษัท ( คงไม่มีแบบว่า คนขายข้าวมันไก่จบ ม.3 กับ จบ ด๊อคเตอร์ ใครขายข้าวมันไก่ได้กำไรกว่ากัน มันอยู่ที่ใครมีความสามารถขายได้ดีกว่า อันนี้ล้อเล่นครับ ฮาๆๆๆ งานเล็กๆวุฒิสูงขึ้นคงไม่ทำให้ได้เงินเพิ่มขึ้นหรอกมั้ง แต่งานสูงๆไป วุฒิการศึกษามีส่วนได้ส่วนเสียในเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นจริงๆ ) หากข้อมูลส่วนใดผิดไปก็ขออภัยครับ จากคุณ : Cputer1 - [ 28 พ.ย. 49 21:59:42 A:61.7.174.194 X:61.7.174.194 ]

ความคิดเห็นที่ 124 เห็นด้วยกับคห. 45  เต็มๆ  ฝรั่งมีดีมีแย่เหมือนเรานี่แหละ ค่ะ.. เห็นมาเยอะแล้วเหมือนกัน.. อีกอย่างนึง.. ฝรั่งเมกาเยอะแยะที่ไม่เคยออกนอกประเทศ เค้าอ้างว่า เที่ยวในเมกาก็ยังไม่หมดเลย.. จะไปเที่ยวนอก ประเทศทำไม หรือไม่ก็ตังค์ไม่พอ.. ส่วนฝรั่งประเทศอื่น ไม่ทราบค่ะ.. อย่างสุดท้ายล่ะ.. แล้วถ้าลองเช็คพวกที่ทำงานวิจัยทั้งหลาย แหล่หรือพวกด๊อกเตอร์ในเมืองฝรั่งหน่ะ..  ถ้าเจอตัวเลข อาจจะอึ้งก็ได้นะ.. ว่าเป็นชาวต่างชาติไม่น้อยทีเดียว.. อย่า ประมาทไป.. แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 49 22:20:34 จากคุณ : ขวัญณิตา - [ 28 พ.ย. 49 22:05:58 ]

ความคิดเห็นที่ 125 #123 บังเอิญเพื่อนผมบ้านเขาขายข้าวมันไก่ ไม่ใช่ใน กรุงเทพ กิจการดีมาก ไปที่ร้านทีไรก็คนเต็มร้านทุกที มี สองร้านติดกัน วันหนึ่งคงได้ไม่ต่ำกว่าหลายหมื่นบาท แถม ยังถูกรางวัลที่หนึ่งอีก ตอนนี้ทำปริญญาเอกอยู่ที่อังกฤษ จากคุณ : Practical x 2 - [ 28 พ.ย. 49 23:03:35 ]

ความคิดเห็นที่ 126 เคยไปดูถิ่นไอ้มืดบ้างไหม  วันๆ มันเดินไร้จุดหมาย ผมทำงานในร้านขายเบอร์เกอร์  ต้องขายผ่านช่องลูกกรงเหล็ก  สิ้นเดือนมันไปรับ Food Stamp จากรัฐบาล เอามาขายต่อ ผมก็รับซื้อกันในอัตรา 60%(ดูซ้ายขวาดีๆ ก่อนด้วยเน้อ แต่ก็ไม่เห็นโดนซะที) เอาไปซื้อของได้เต็มราคา ขนาดซุปเปอร์มาเก็ตใหญ่มันยังรับแบบไม่ขอดู Id เลย  เงินดีนะทั้งขายทั้งแลกแสตมป์ แต่ต้องทะเลาะกับพวกมัน แบบพวกมันต้องให้โดนด่าถึงจะสบายใจหัวเราะแหะๆได้  ให้กลับไปอยู่ใหม่ก็ไม่เอาแล้ว เสียสุขภาพจิต จากคุณ : หมูน่ารักจริงๆ - [ 28 พ.ย. 49 23:09:55 ]

ความคิดเห็นที่ 127 ผมคิดว่าหลายๆ ท่านในห้องนี้ไปอยู่ต่างประเทศกันมาก็ นานกันพอสมควร พอจะเห็นว่าสังคมและวัฒนธรรมเขา เป็นอย่างไร และเห็นในมุมมองที่ไม่เหมือนกัน ทุกสิ่งขึ้น กับแต่ละบุคคล และสังคมของเขาก็ไม่ได้วิเศษวิโสอะไร นโยบายบางอย่างก็ไม่ได้เรื่อง คนประเทศเขาเองก็บ่นอุบ อิบให้ฟัง เรื่องความสามารถในการพึ่งพาตัวเองได้ก็ไม่ได้ หมายความว่าจะเป็นผู้มีคุณธรรมจริยธรรมแต่อย่างใด เพียงแต่พิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถอยู่ในสภาวะปากกัดตีนถีบ ได้ แข่งขันได้ แสวงหามาซึ่งสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ จากความทะเยอทะยานและความมั่นใจที่สูง หลายคน จึงขาดความเคารพต่อผู้อื่น ขาดความนอบน้อม ความเกรง ใจ และความกตัญญูกตเวที ตัวอย่างเช่น ครั้งหนึ่งผมนั่ง รถบัสของเขา แล้วมีกลุ่มเด็กวัยรุ่นฝรั่ง ทำตัวกร่างพูดด่า ทอคนในรถด้วยถ้อยคำหยาบคาย และพูดว่าไม่มีใครกล้า ทำอะไรหรอก แล้วก็หัวเราะ  ส่วนเรื่องอายุ 18 แล้ว ต้องออกมาอยู่เอง เหตุผลก็ไม่ใช่อะไรอื่น นอกจากที่บ้าน ขอเก็บเงินค่าเช่า ขอให้ช่วยจ่ายค่านั่นค่านี่ แบบนี้ย้ายมา อยู่เองกับเพื่อนกับแฟนย่อมดีกว่า พอปีกกล้าขาแข็งก็ไม่ สนคนที่เลี้ยงดูมาแล้ว ส่วนคนที่เป็นพ่อแม่ก็ไม่ได้เสียใจ อะไร เพราะเขาก็ทำแบบเดียวกันกับพ่อแม่ของเขานั่นเอง แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 49 23:28:01 จากคุณ : Practical x 2 - [ 28 พ.ย. 49 23:27:37 ]

ความคิดเห็นที่ 128 เรื่อง winner กับ loser เอาสิ่งใดมาชี้วัดครับ? จากหนัง, sitcom (situation comedy) ประเภท seinfeld, หรือ south park ที่มีคนดูเยอะๆ ชอบ ล้อเลียนและดูถูกคนอื่นคงจะเอามาเป็นบรรทัดฐาน ไม่ไหวนะครับ พวกฝรั่งรุ่นใหม่ๆ หลายคนน่ะชอบ มากเลย style นี้ จากคุณ : Practical x 2 - [ 28 พ.ย. 49 23:38:04 ]

ความคิดเห็นที่ 129 ขอนอกเรื่องนะคะ.. คห. 61 'แม้กระทั่ง Ford นะครับ ความชำนาญของเขาคือการประกอบชิ้นส่วนให้เป็นตัวรถ Innovation บางส่วนเขายังต้องไปซื้อหรือพึ่งความรู้ของ Vendors ต่างๆเลยครับ' โดยทั่วไป โรงงานรถยนต์ (รวมทั้ง Ford) ในเมกา ประกอบ ด้วยโรงงานสี่ประเภทค่ะ - Assembly, Engine, Transmission & Stamping ไม่ใช่ประกอบชิ้นส่วนให้เป็นตัวรถเพียงอย่าง เดียว.. แต่ในไทยมีแต่โรงงานประกอบรถยนต์ค่ะ.. @^^@ จากคุณ : ขวัญณิตา - [ 28 พ.ย. 49 23:41:37 ]

ความคิดเห็นที่ 130 ถามว่าเราวัดความเจริญจากที่ไหน? ฝรั่งทำงานมี productivity สูงขึ้นจริงหรือ? การคิดถึง retirement ตั้งแต่สมัยมัธยมต้นดีหรือไม่? พวกเหตุการณ์ล่มสลายของ Enron, Worldcom ตลอดจน OneTel และ Ansett รวมถึงบรรษัทยักษ์ใหญ่ อื่นๆ ในสังคมตะวันตก และคดีความเกี่ยวกับ insider trading นี่แสดงถึงความรับผิดชอบ หรือความเห็นแก่ได้ กันแน่ ผมไม่แปลกใจหรอกถ้าผู้บริหารบริษัทพวกนี้คิดถึง retirement ตั้งแต่สมัยมัธยม เพราะคิดแต่ให้ตัวเองสบาย คนอื่นเป็นอย่างไรช่างมัน เราจะเรียกสังคมที่เด็กมัธยมกลุ่ม trench coat ควงปืนไป ยิงเพื่อนนักเรียนมัธยมที่ Columbine และกรณีเดียวกันนี้ อีกมากมาย ที่เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า วิธีแก้ง่ายที่สุดที่จะทำ amendment ไม่ให้ประชาชนมีอาวุธในครอบครอง ยัง ทำไม่ได้เลยแล้วอ้างเหตุผลต่างๆ  ว่าเป็นสังคมที่เจริญแล้ว งั้นหรือ? ส่วนเรื่องนโยบายประหยัดพลังงานที่สถานที่ราชการของไทย พยายามดำเนินการทำคงจะช่วยประหยัดทรัพยากรโลกไม่ได้ มากเท่าไร เพราะตามเมืองใหญ่ต่างๆ ของฝรั่ง ตอนกลางคืน ตึกสูงๆ เขาให้เปิดไฟกันสว่างโร่เต็มที่ทั้งๆ ที่ไม่มีใครทำงาน เพราะเพียงเหตุผลว่า ถ้าปิดไฟ skyline ของเราก็ไม่สวยน่ะซิ แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 49 00:12:14 จากคุณ : Practical x 2 - [ 29 พ.ย. 49 00:09:12 ]

ความคิดเห็นที่ 131 คำว่าฝรั่งนี่มันดูเหมารวมเกินไปรึเปล่าครับ ประเทศตะวันตกมีตั้งไม่รู้กี่สิบประเทศ จากคุณ : hj - [ 29 พ.ย. 49 10:55:48 A:161.200.255.162 X: TicketID:125225 ]

ความคิดเห็นที่ 132 อะไรที่มีระเบียบ มันก็ดูว่าเจริญแล้วทั้งนั้น จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า - [ 29 พ.ย. 49 12:04:33 ]

ความคิดเห็นที่ 133 # 125  อาจารย์ Practical x 2 ครับ ใช่ร้านที่อยู่แถว อนุสาวรีย์สามกษัตริย์หรือเปล่าครับ จากคุณ : supat48 - [ 29 พ.ย. 49 12:45:54 ]

ความคิดเห็นที่ 134 เราว่าการศึกษาคนไทยคล้ายกับญี่ปุ่นมากกว่าฝรั่งเลยทำให้ค่านิยมต่างกัน   (รวมทั้งวัฒนธรรม & ค่าครองชีพ & เงินเดือนของแต่ละอาชีพด้วย) จากคุณ : bubblebaba - [ 29 พ.ย. 49 14:00:45 ]

ความคิดเห็นที่ 135 เรียนคุณ Prac. จาก #130 การดิ้นรนให้พึ่งตัวเองได้ การมุ่งไปสู่การแข่งขัน อันที่จริงแล้วก็ถือว่าเป็น "ศักยภาพ" ของสิ่งมีชีวิตที่มีพลังในการปรับตัวทั้งนั้น ซึ่งโดยตัวของมันเองไม่ได้เป็นสิ่งที่ดีหรือเลว ไม่จำเป็นเลย ที่คนที่มีความทะเยอทะยาน อยากจะพึ่งตัวเอง อยากจะแข่งขันกับคนอื่นๆ จะต้องไปทำในสิ่งที่เอาเปรียบผู้อื่นเช่นกรณีต่างๆ ที่คุณยกมา และถ้าจะพูดถึงการแข่งขัน ค่านิยมของสังคมไทยทุกวันนี้ที่เคี่ยวเข็ญให้ลูกหลานเรียนหนักๆ ตามสูตร เพื่อจะได้เข้าคณะยอดนิยมในสถาบันดีๆ เป็นที่เชิดหน้าชูตา แล้วจบไปแสวงหาความก้าวหน้าในองค์กรบริษัทต่างๆ ...สิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่เป็นไปเพื่อการแข่งขัน หรือการเอาตัวเองให้รอดงั้นหรือ? ...และในขณะที่พวกเขามีการแข่งขันกันในลานกว้าง แต่ของเราเป็นการแข่งขันในทางแคบ สำหรับผมค่านิยมแบบไทยๆ ชนิดนี้ (ซึ่งอาจจะเทียบเคียงได้กับแบบญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฯลฯ อยู่ส่วนหนึ่ง) จะนำไปสู่การดูถูก เหยียดหยามกันอย่างไม่มีเหตุอันสมควร และการไม่ใส่ใจความรู้สึกผู้อื่น ได้มากกว่าคุณค่าแบบปัจเจก-เสรีของตะวันตกอีกด้วยซ้ำ ที่นี่หว้ากอ เราควรคุยกันด้วยหลักเหตุผลเป็นใหญ่ โดยไม่ใช้อารมณ์หรืออคติ หรือระบบคุณค่าที่เคยชินมาตัดสิน จากคุณ : QuaOs - [ 29 พ.ย. 49 14:42:18 ]

ความคิดเห็นที่ 136 #135 ดังที่ผมได้กล่าวใน #127 แล้วว่าหลายคน ที่มีความทะเยอทะยานทำในสิ่งที่เอาเปรียบผู้อื่น และมี ตัวอย่างให้เห็นชัดเจน แต่บางคนอาจไม่ทำก็ได้ตามที่คุณ QuaOs กล่าว ทั้งนี้ขึ้นกับแต่ละบุคคล เช่นเดียวกันกับ กรณีค่านิยมไทยดังที่ว่ามาใน #135 สิ่งที่ผมกล่าวมา เป็นสิ่งที่ได้สังเกตและประสบพบเจอมาจริงตลอดระยะ เวลา 10 ปีกว่าที่ศึกษาอยู่ในประเทศตะวันตก จึงได้เล่า ตามที่เห็นนั้นครับ จากคุณ : Practical x 2 - [ 29 พ.ย. 49 16:00:49 ]

ความคิดเห็นที่ 137 ชอบ คคห ที่ 98 ค่ะ เรื่องจริงนะ ตอนเราจบพาณิชใหม่ ๆ ก็เริ่มเที่ยว ไปหมดหลายประเทศแหละ ไม่ใช่ว่ามีตังค์ แต่เพื่อนเป็นชาวต่างชาติเยอะ ช่วยเรื่องวีซ่าบ้าง ที่พักบ้าง เวลาผ่านไปหลายปี เบื่อแล้วอยากหางานประจำทำ ไม่อยากอยู่เมืองนอก กลับมาหางานที่เมืองไทย คุณเอ๋ยถ้าคุณไม่จบปริญญาหางานที่อยากทำมากขอบอก ทั้งที่เราพูดภาษา มีประสบการณ์ เด็กเสริฟ พามทามที่คุณเคยทำตอนอยู่เมืองนอกน่ะ ลืมไปได้เลยถ้าคุณจะสมัคกับโรงแรมห้าดาวในเมืองไทย เพราะความรักบ้านเกิดอยากทำงานอยู่ที่ ตอนนี้ก็เลยตัดสินในไปเรียนต่อปริญญาตรี ช่วงวันหยุด เสาร์ อาทิตย์ งานที่ทำได้กับบริษัทดำนำของฝรั่ง ไปสมัคเค้าไม่ดูวุฒิหรือ resume ด้วยซ้า เค้าแค่ถามว่า คุณมีเป้าหมายในชีวิตคุณอย่างไร แค่เนี๊ย ได้งานเลย เงินดีซะด้วย แต่ก็กะไว้ว่าจบปริญญาตรีเมื่อไหร่ คงจะเที่ยวอีกสักพักแล้วค่อยทำงาน เชื่อว่าคนไทยหลายคนอยากเที่ยว แต่เรามีหลายอย่างที่ไม่เหมือนเค้า ค่าครงชีพ ไหนจะเรื่องเอกสารการเดินทาง แค่จะไปอเมริกา ยังยากเย็นเลย ไม่งั้นคงไม่มีห้วข้อ วีซ่า ในห้องคนไกลบ้านหรอก จากคุณ : Nikelkiwi - [ 29 พ.ย. 49 20:00:39 ]

ความคิดเห็นที่ 138 ผมว่าง่ายๆ เลยครับ "คนไทย รักสบาย ขี้เกียจ และชอบหาข้ออ้างเข้าข้างตัวเอง (แทนที่จะหาข้อแก้ไขให้ตัวเอง)" จากคุณ : beer2nd - [ 29 พ.ย. 49 21:44:26 ]

ความคิดเห็นที่ 139 ข้อความบนถูกต้องเลยครับ จบปวช-ปวสมาทำงานได้เก่งโคตรๆสร้างสรรค์ผลงานมากมายก็ยังเป็นได้แค่โฟร์แมนอ่ะ ยังไงๆเงินเดือนก็ต้องได้น้อยกว่าจบอะไรที่มันหรูๆกว่าแน่นอน จากคุณ : lossman - [ 29 พ.ย. 49 22:52:14 ]

ความคิดเห็นที่ 140 สังคมไทยบ้าปริญญาครับ อะไรๆก็ปริญญาๆ เรียนโทเพื่อเงิน??? คงจะชาติหน้าครับที่ประเทศไทยจะเลิกบ้าปริญญา จากคุณ : phantomile (phantomile) - [ 30 พ.ย. 49 00:44:46 ]

ความคิดเห็นที่ 141 จบมาแล้ว... ทำงานไม่ตรงสาย...แต่... ได้เงินเยอะ...สบายกว่า... ขออย่างเดียว คิดเองเป็น เท่านั้นครับ... บ้านเราเอาแต่ลอกกันโดยไม่มองเหตุผล... มั่วกันทั้งเมือง... คุณครู สอนเด็กๆเรื่องนี้ด้วยแล้วกัน... จากคุณ : K-T-O - [ 30 พ.ย. 49 10:51:09 ]

ความคิดเห็นที่ 142 สนใจตรงที่มีคนบอกว่า "มาจากโรงรถ" อันนั้นเค้าพูดเท่ห์ๆครับ จริงๆแล้วไม่ใช่ เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ดูอย่าง นาซ่า สิต้องจ้างคนเก่งๆจบสูงๆมาทำทั้งนั้น โรงรถอาจเป็นที่สร้างไอเดีย แต่พอเอาเข้าจริงต้อง PhD จากคุณ : hs-r - [ 30 พ.ย. 49 11:59:41 A:58.8.186.31 X: TicketID:122079 ]

ความคิดเห็นที่ 143 เพราะค่าครองชีพเราต่ำกว่าฝรั่งครับ เลยไม่มีปัญญาไปเที่ยว เลยต้องเรียนสูงๆ หางานดีๆทำ จากคุณ : ร่มรำไร - [ 30 พ.ย. 49 14:17:39 ]

ความคิดเห็นที่ 144 ผมว่าจริงๆประเทศเรามีบุคลากรเก่งๆอยู่ก็เยอะนะ ผมเองมีเพื่อนชาวต่างชาติที่มาเรียนในสาขาวิชาเดียวกันกับผมอยู่พอสมควร สิ่งหนึ่งที่ต่างกันระหว่างนศ.ต่างชาติกับไทยคือ นศ.ต่างชาติจะมีความรู้เชิงลึกมากกว่าเราโขเลยครับ เปรียบเหมือนเป็นเสาวิทยุที่สูงเสียดฟ้า ส่วนของไทยเรามีความรู้ด้านกว้างมากกว่า เพราะเรียนหลายวิชากว่า เปรียบได้กับปิระมิด ฐานกว้าง ถึงแม้จะไม่สูงนักแต่ก็มั่นคง ผมว่าการเรียนหลายๆศาสตร์ควรมีอยู่ครับ อย่างน้อยเราก็จะได้เรียนรู้และเข้าใจหลักการของศาสตร์อื่นๆเบื้องต้นได้บ้าง แต่ที่ต้องเปลี่ยนคือเราควรดึงศักยภาพและจุดแข็งของเรามาใช้ให้มากกว่านี้ต่างหาก ถึงต่างชาติเค้าจะเจริญกว่าเราทางวัตถุ แต่เชื่อเถอะ ความสุขทางใจของเราเหนือกว่าเค้ามาก อันนี้แค่ความคิดผมคนเดียวนะครับ ผิดถูกยังไงก็ช่วยชี้แนะผู้น้อยด้วยครับ ขอบคุณ จากคุณ : Skalidis - [ 30 พ.ย. 49 16:51:30 ]

ความคิดเห็นที่ 145 ค่าครองชีพเราต่ำก็จริงๆครับ แต่ผมเชื่อว่าการทำงานตั้งแตเริ่มเป็นวัยรุ่นก็ทำให้เด็กไทยไปเที่ยวได้ มีอยู่ช่วงนี้ผมโร่ขายคลิปวีดีโอให้กับร้านทำโทรศัพท์ทั้งหลายๆ เพียงเหตุผลที่พวกเค้าต้องการของ update ให้กับลูกค้า ซึ่งมันเป็นช่องโหว่ที่คนใช้อินเตอร์เน็ทเก่งๆก็สามารถหาแหล่งโหลดได้และขายในราคา 50 บาทขึ้นไป ผมทำไปไม่ถึงเดือนแต่ก็ได้เงินมาประมาณ 3000 บาทครับ ถ้าสมมุติว่าผมทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนจบ ม.6 อย่างน้อยผมก็มีเงินไปเที่ยวฮ่องกงด้วยตัวเองแล้วหละครับ ในความคิดเห็นของผมแล้ว การทำงานช่วงม.ปลายนี้ เป็นเรื่องที่ดี แต่ระบบการศึกษาไทยไม่เปิดกว้างให้เยาวชนไทยได้ทำกันตั้งหากครับ ค่านิยมไทยในยุคสมัยปัจจุบันผมมีความเชื่อว่าเกิดจากการเพาะบ่มเป็นเวลานานกันตั้งแต่ยุคที่แล้ว ที่ส่วนใหญ่พ่อแม่เป็นข้าราชการ หรือค้าขาย ส่งเสียให้ลูกเรียนสูงๆเพื่อได้ทำงานดีๆโดยไม่สามารถหลุดกรอบพ้นจากการเป็นลูกจ้างได้ ที่นี้เมื่อประเทศไทยของเราใหญ่ขึ้น การแข่งขันก็สูงขึ้น จึงมีตลาดสถาบันกวดวิชามากมาย ที่รองรับผู้ที่ต้องการจะชนะในสงครามสอบเข้าในที่เรียนต่างๆ ซึ่งจุดมุ่งหมายเดียวกันนั้นก็ยังจะหนีคำว่า "ลูกจ้าง" ไม่ค่อยพ้นซักเท่าไหร่นัก ยิ่งระบอบการศึกษาไทยเข้าขั้นงมงายแล้วด้วยนั้น เด็กไทยในวัยเดียวกันของผมค่อนข้างจะเหลือกึ๋นใช้ทำงานน้อยลงทุกทีครับ ผมเคยโดนอาจารย์ด่าว่า "ตราบใดที่ยังมีความคิดกระด้างกระเดื่องอยู่แบบนี้ ต่อไปก็อยู่กับนายจ้างไม่ได้หรอก" แต่โชคดีที่ครอบครัวของผมสอนมาให้ ลงทุน ซื้อมาขายไป และเก็งกำไร ผมจึงไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้เท่าไหร่นัก ผมเคยได้อ่านนิตรสารฉบับที่พูดถึง ฝาหร่ายปรุงสำเร็จยี่ห้อ "เถ้าแก้น้อย"   ซึ่งเจ้าของบริษัทนั้นมีอายุเพียง 19 ปีแต่จ้างคนปริญญาเอกมาทำงานได้ ผมจึงอยากจะถามกับสังคมว่าการเรียนสูงๆนั้นสำคัญจริงหรือ? เจ้าของโรงรถ อาจจะจบแค่ป.4 แต่มีความสามารถในด้านค้าขาย ด้านจิตวิทยา และด้านกฎหมายเบื้องต้นเป็นอย่างดี ก็ประสบความสำเร็จด้วยด้วยการจ้างงาน โดยไม่ต้องทำงาน ครับ ลูกจ้างอาจจะประสบความสำเร็จจากการออกแบบรถหรูๆเทคโนโลยีล้ำสมัย ได้เงินเดือนสูง แต่สุดท้ายใครกันที่ประสบความสำเร็จที่สุด? นั่นคือนายจ้างครับ ---------------------------------------------------------------- ปัจจุบันผมมีความสุขกับการเขียนบทความเกี่ยวกับเกมลงเว็บแล้วได้รับเกมลิขสิทธิ์ฟรีๆจากผู้จัดจำหน่าย ผมยอมเสียเวลาที่เพื่อนผมใช้เรียนพิเศษ มาทำงานสิ่งนี้  เวลาเรียนที่ไม่รู้จะเรียนไปกันทำไมมากมาย ผมก็ใช้สิทธิในการหยุดเรียน 20% ของเวลาเรียนทั้งหมดอย่างคุ้มค่า จบ ม.6 เมื่อไหร่ ผมจะใช้ค่าเงินไทย เที่ยบรอบโลกให้ดูครับ!!! ขอบคุณสำหรับคำชมครับคุณ BoydKansasCity :D จากคุณ : เลอสรวง (prab1991) - [ 30 พ.ย. 49 19:34:21 ]

ความคิดเห็นที่ 146 “ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง ฉันจึงมาหาความหมาย ฉันหวัง เก็บอะไร ไปมากมาย สุดท้าย ให้กระดาษ ฉันแผ่นเดียว ”    โดย วิทยา เชียงกูล จากคุณ : enfahrung - [ 30 พ.ย. 49 22:47:12 ]

ความคิดเห็นที่ 147 ก็เด็กไทยมันโง่ มัวแต่เอาเงินไปเที่ยวกลางคืน ไปกินเหล้าเมายา ซื้อของใช้ฟุ่มเฟือย ฯลฯ มันเริ่มโง่กันตั้งแต่วันรับน้องแล้ว ไปดูสิ มีเข้าโรงพยาบาลทุกปี มีเพื่อนไปเผาเพื่อนทุกปี ลองไม่เที่ยวกลางคืน ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่ซื้อของฟุ่มเฟือย ฯลฯ ดูสักปี แค่ไปเที่ยวเมืองนอก ไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่โตอะไรเลย ถ้าบวกลบเลขเป็น ก็ลองคำนวนดูครับ ไม่ยากหรอก ผมไปเที่ยวเมืองนอกแต่ละปี แต่ไหนแต่ไรไม่เคยขอเงินพ่อแม่ ก็ทำงานเก็บเงินเอาเองมาตลอด ไม่เห็นจะลำบากตรงไหน จากคุณ : Piggie MM - [ 1 ธ.ค. 49 02:07:27 ]

ความคิดเห็นที่ 148 ฝรั่งเค้านับถือกันที่ความสามารถ คนไทยนับถือกันที่เงิน จากคุณ : น้ำมูก - [ 1 ธ.ค. 49 09:51:43 ]

ความคิดเห็นที่ 149 คนไทยวัดกันที่กระดาษแผ่นเดียว ฝรั่งวัดกันที่ประสบการณ์ จากคุณ : หลานยายจุล - [ 1 ธ.ค. 49 10:12:19 ]

ความคิดเห็นที่ 150 บ้านเราบ้าเรียนครับกว่าจะเรียนจบออกมาทำงานก็นู้นนนน แก่ ยิ่งบางที่จบยากกว่าจะจบก็นะ เผลอๆไม่ได้ทำงานในสายที่จบอีก เหมือนเอาเวลาไปทิ้ง แล้วมีเวลาในการทำงานกี่ปี เวลาหาเงินกี่ปี เมื่อเทียบกับเมืองนอก จากคุณ : Robonin S.knight - [ 1 ธ.ค. 49 10:51:55 ]

ความคิดเห็นที่ 151 คห. 110 ครับ ผม 20 ต้นๆ จบแค่ ม.6 แต่ทำงาน เป้นผู้จัดการฝ่ายการตลาด ของ บ. ส่งออกแห่งหนึ่ง แค่อยากจะบอกว่าเจ้าของกิจการคนไทยบางคน ก็ไม่ได้มองคนที่วุฒิการศึกษานะครับ (^^) จากคุณ : pz4n3 (pz4n3) - [ 1 ธ.ค. 49 15:22:25 ]

ความคิดเห็นที่ 152 ผมว่าที่เด็กไทยไม่มีโอกาสออกไปหาเงินไม่ใช่เพราะระบบการศึกษาซะทีเดียวหรอกครับ อยู่ที่เด็กไม่ได้ใช้นอกเวลาเรียนไปทำอะดิ วันนึงใช้เวลาที่โรงเรียนประมาณสิบชั่วโมงได้ เลิกเรียนประมาณ 5 โมงเย็น กว่าจะนอนเชื่อว่าไม่ต่ำกว่าสี่ทุ่ม ได้แล้ววันละ 6 ชั่วโมง เสาร์-อาทิตย์หยุดอีกตะหาก ผมว่ามีเด็กที่ใช้เวลาช่วงนี้หาเงินไม่น้อยเลยล่ะ แต่จะทำเพราะความจำเป็นมากกว่า น้อยนักที่จะอยากทำเอง แล้วที่เหลือล่ะ เรียนพิเศษล่ะสิ อันนี้ผมเห็นด้วยว่าทำไมระบบการศึกษาเมืองไทยถึงสอนเด็กให้รู้เรื่องไม่ได้ ไม่เข้าใจเค้าเหมือนกัน สุดท้าย เที่ยวเล่น เล่นเกม กิจกรรมบันเทิงต่างๆ ใช่ครับ คนเราต้องบังเทิงกันบ้าง วันละชั่วโมงสองชั่วโมง ถ้าจะทำจริงๆมันก้อทำได้ละคับแต่จะขนาดไปเที่ยวต่างประเทศนี่คงแล้วแต่ความสามารถ ถ้าจะเอาประสบการณ์นี่ได้ชัวร์ จากคุณ : yo_neg (yo_neg) - [ 1 ธ.ค. 49 19:20:54 ]

ความคิดเห็นที่ 153 ไม่ทราบชัดเจนครับ แต่ขอเดาว่า เป็นเทรนของโลกตามธรรมชาติ แต่ไม่ต้องน้อยใจครับ วิทยาการทุกวันนี้เกิดขึ้นมาจากความอยากต่างๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงโลก จากคุณ : k (kongp) - [ 1 ธ.ค. 49 20:24:04 ]

ความคิดเห็นที่ 154 แล้วแต่ตัวบุคคลครับ จากคุณ : นางสเตนเลส - [ 1 ธ.ค. 49 20:37:08 ]

ความคิดเห็นที่ 155 พ่อผม จบ ป.2 ทำงานกับฝรั่ง ตอนนี้เงินเดือน 40000 กว่าๆ เป็น โฟร์แมน -*- ถ้าทำกับคนไทย จะได้ป่ะ จากคุณ : Jackcozy - [ 2 ธ.ค. 49 00:16:11 ]

ความคิดเห็นที่ 156 #147ชอบค่ะ ฝรั่งมาเที่ยวเมืองไทย ก็เหมือนเด็กกรุงเทพฯพากันไปเที่ยวตจว เด็กตจว มาเที่ยวกรุงเทพฯ คงต้องรวยจริงๆ จากคุณ : jeji o - [ 2 ธ.ค. 49 16:34:49 ]

ความคิดเห็นที่ 157 ฝรั่งก็ดีคนไทยก็ดี ก็ต้องมีทั้งคนดีและไม่ดี มีความสามารถ และไม่ได้เรื่องปะปนกันไป เพียงแต่อย่างที่ความเห็นของหลายๆท่านข้างบน ที่ได้กล่าวมาแล้ว ระบบความคิดของประชากรส่วนใหญ่มันต่างกัน ทำให้ผลมันต่างกันด้วย เพราะการที่เค้าต้องรับผิดชอบตัวเองแต่เด็ก ทำให้เค้ามีวุฒิภาวะทางจิตใจ มีความรับผิดชอบสูงกว่าเด็กไทยส่วนมากมาก และสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่หล่อหลอมตัวบุคคล จนเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความแตกต่าง ความแตกต่างในระดับตัวบุคคลที่มีผลถึงระดับประเทศ! ฝรั่งมองที่ความสามารถของตัวบุคคล คนไทยมองที่ใบปริณญา ฝรั่งยกย่องคนที่ฝีมือและผลงาน คนไทยยกย่องคนที่ตำแหน่งและเงินตรา ในเมืองฝรั่งคนทีตั้งใจและทำงานเก่งจะไปได้ดี ในเมืองไทยคนที่มีเส้นสายและประจบเก่งถึงจะไปได้ดี ฝรั่งฟังผู้เชี่ยวชาญและแก่ประสบการณ์ คนไทยต้องฟังคนที่มีตำแหน่งสูงกว่าและแก่กว่าเพียงแค่อายุ ฝรั่งคนเก่งไปเป็นครู คนไทยเรียนอ่อนไปเป็นครู ฝรั่งกล้าที่จะทำเพื่อจะได้รู้สิ่งที่อาจจะผิดพลาด คนไทยไม่กล้าที่จะทำเพียงเพราะกลัวที่จะผิดพลาด ฝรั่งหากข้อเสียข้อผิดพลาดของตน จะพยายามที่จะแก้ไข  คนไทยหากรู้ข้อเสียข้อผิดพลาดของตน จะปฎิเสธไม่ยอมรับความจริง ใช่ว่าคนไทยไม่ดี ใช่ว่าฝรั่งหรือคนไทยเป็นอยากที่บอกทุกคน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเช่นนั่น สังคมหล่อหลอมให้เป็นเช่นนั่น อย่าหลอกตัวเองว่าจิตใจเราดีสบาย กว่าเค้า อยากหลอกตัวเองมีคนไทยมีน้ำใจกว่าเค้า สังคมไทยในปัจจุบันเป็นอย่างไร เรารู้ ท่านรู้ หลอกใครก็ได้ แต่อย่าหลอกตัวเอง รู้แล้วเป็นไร รู้ว่าตัวเองด้อยกว่าเขาหลายๆด้านแล้วจะทำอย่างไร แก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดสิ ทำให้เราดีขึ้นสิ สิ่งดีๆของเรามีหลายอย่างวัฒนธรรมที่ดี ค่านิยมที่ดีมี รักษาเอาไว้ อันไหนที่ไม่ดีก็แก้ไข สิ่งใดที่ฝรั่งมีดี เราก็เอามาพัฒนาตัวเองบ้าง สิ่งใดของเขาที่ไม่ดีเราก็ไม่ต้องไปยุ่ง รู้ว่าแก้ไขยากเพราะมันฝังรากลึกลงไปแล้ว รู้ว่าแค่คนไม่กี่คนในนี้คงไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงสังคมอันกว้างใหญ่ได้ หากแต่จำเป็นต้องทำ เป้นเรื่องสำคัญที่ต้องทำ สังคมที่เรียนรู้เพียงเพื่อใบปริณญา ชีวิตที่ต้องขึ้นอยู่กับกระดาษแผ่นเดียวมันสมควรจบลงไปซักที จากคุณ : หมาข้างถนนคนบ้าการ์ตูน - [ 3 ธ.ค. 49 01:48:01 ]

ความคิดเห็นที่ 158 เรื่องรับผิดชอบตัวเองตั้งแต่เด็กนั้น ผมว่าเมืองไทยเยอะ กว่าเสียอีก เพราะประชากรที่ยากจนมีเยอะมาก ประเภทที่พ่อแม่ spoil อย่างลูกเศรษฐีมีน้อยมากครับ เพราะประเทศนี้คนจนเยอะและอย่างที่เห็นตามภาพข่าว ทุกวัน ว่าเด็กเหล่านั้นพยายามช่วยเหลือและรับผิดชอบต่อ บุพการีหรือญาติมิตรอย่างไร  เพียงแต่สิ่งที่พวกเขาทำ มัน ไม่ได้เงินอย่างทำงานที่เมืองฝรั่ง มันจะยากสักแค่ไหน เชียวกับการเดินเข้าไปในทำงานในห้องแอร์อย่าง MacDonald, Pizza Hut, Wendy's, Domino Pizza หรือ ขับรถส่งหนังสือพิมพ์ แล้วได้เงินจะชั่วโมงละ $US 4-5 ก็ยังสบายกว่าเด็กไทยที่ไปเก็บผักบุ้ง ขุดดินเอา อะไรก็ได้ที่เจอไปเร่ขาย แล้วได้ทีละ 20-40 บาท แล้ว ต้องเอามาเลี้ยงดูคนในครอบครัว ซึ่งมันไม่มีทางพอ อยู่แล้ว จากคุณ : Practical x 2 - [ 3 ธ.ค. 49 11:54:19 ]

ความคิดเห็นที่ 159 คุณเลือกเอง หรือ สังคมเลือกให้คุณ... จากคุณ : ลิงนรก (ลิงนรก) - [ 3 ธ.ค. 49 14:31:18 ]

ความคิดเห็นที่ 160 ส่วนเรื่องที่ฝรั่งมองคุณค่าคนที่ผลงาน ไม่ใช่เงินตราหรือ ตำแหน่ง ก็ไม่จำเป็นเสมอไป จริงๆ ใครมีเงินเขาก็มองเป็น "ผู้มีคุณค่า" ทั้งนั้นไม่ว่าสังคมไหน ยิ่งในระบบทุนนิยมด้วย แล้ว ร้านอาหารในเมืองฝรั่งบางที่กำหนดเลยว่าต้องใส่ รองเท้าหนังเท่านั้นจึงเข้าไปกินได้ ใส่ Reebok คู่ใหม่ ราคา 6-7 พันบาท ยังโดนไล่ออกมาได้เลย นี่หรือครับไม่ ได้มองแต่เพียงภายนอก? จากคุณ : Practical x 2 - [ 3 ธ.ค. 49 15:00:40 ]

ความคิดเห็นที่ 161 ในเมืองไทยคนที่ทำงานเก่งและตั้งใจก็ไปได้ดีเช่นกันครับ และเช่นเดียวกันเรื่องเส้นสายก็มีแม้แต่ในมหาวิทยาลัย ในต่างประเทศบางท่านได้ขึ้นตำแหน่งบริหารเพราะเป็น ลูกรองอธิการฯ หรือ Vice Chancellor ก็มีให้เห็นด้วย จากคุณ : Practical x 2 - [ 3 ธ.ค. 49 15:04:54 ]

ความคิดเห็นที่ 162 คำถามจากนักศึกษา: อาจารย์คะทำไมเราต้องพูดภาษาอังกฤษให้ฝรั่งฟังด้วย http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X4931136/X4931136.html จากคุณ : Practical x 2 - [ 3 ธ.ค. 49 15:31:13 ]

ความคิดเห็นที่ 163 เด๋วนี้เมกันเขาฮิตเรียนภาษาจีนกันนะครับ..... คือฝรั่งมันเป็นพวกที่ถ้าจะทำอะไรมันจะจิงจัง ดูอย่างมันฝึกมวยไทย มันไม่ถือว่าเสียเกียรติอะไรที่ต้องยกย่องมวยจากประเทศโลกที่สาม ขอให้สิ่งนั้นเป็นประโยชน์กับมันๆก็ทำหมด ตอนนี้จีนมาแรง มันเลยสนใจภาษาจีนกันใหญ่ ส่วนภาษาไทยคงไม่มีประโยชน์สำหรับเขา เขาเลยไม่สนใจ ส่วนคนไทยถ้าคุณคิดว่าไม่อยากเรียนภาษาอื่นเพียงเพราะรู้สึกเสียเกียรติ บางคนถึงขั้นว่าเป็นทาสฝรั่งก็ตามสบายครับท่าน ความภูมิใจของคุณอาจเหมาะสมกับความเป็นตัวคุณที่สุดก็ได้.... จากคุณ : root :-D - [ 3 ธ.ค. 49 20:00:33 ]

ความคิดเห็นที่ 164 จบตรี จบโท จบเอกบางคนยังสะกด "สังเกต" มีสระอุ ไม่ก็ "อนุญาต" มีสระอิ เลยครับ ภาษาบ้านเกิดแท้ๆ ถ้าคนไทยเรียนแล้วรู้จักจำ (ก-ฮ มีซักกี่คนที่ท่องได้?) รู้จักนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน คงเกิดประโยชน์ไม่น้อย พวกเด็กๆ สมัยนี้แทนที่จะช่วยพ่อแม่นอกเวลาเรียน ดันเอาเวลาไปติดเกมออนไลน์ จากคุณ : yacht7 - [ 3 ธ.ค. 49 22:01:02 ]

ความคิดเห็นที่ 165 กระทู้นี้นี่มีความรู้มากจริงๆ อยากให้คนไทยหลายๆคนได้อ่านกระทู้นี้กันเยอะๆจังเล๊ยยยยย เฮ้อ ยกตัวอย่างง่ายๆเลย ทีกระทู้ไร้สาระ ปัญญาอ่อนแบบนี้อะ http://www.pantip.com/cafe/food/topic/D4854068/D4854068.html ดันมีคนเข้ามาสนใจเข้ามาตอบ เข้ามาดันเป็นกระทู้แนะนำ ทีกระทู้ดีๆ เช่นกระทู้นี้ดันไม่ค่อยจะมีใครสนใจสักเท่าไร นี่แหละที่เค้าเรียกว่า "คนไทย" แก้ไขเมื่อ 04 ธ.ค. 49 02:30:52 จากคุณ : NungFon - [ 4 ธ.ค. 49 02:23:22 ]

ความคิดเห็นที่ 166 ความคิดเห็นที่ 157   ฝรั่งก็ดีคนไทยก็ดี ก็ต้องมีทั้งคนดีและไม่ดี มีความสามารถ และไม่ได้เรื่องปะปนกันไป เพียงแต่อย่างที่ความเห็นของหลายๆท่านข้างบน ที่ได้กล่าวมาแล้ว ระบบความคิดของประชากรส่วนใหญ่มันต่างกัน ทำให้ผลมันต่างกันด้วย เพราะการที่เค้าต้องรับผิดชอบตัวเองแต่เด็ก ทำให้เค้ามีวุฒิภาวะทางจิตใจ มีความรับผิดชอบสูงกว่าเด็กไทยส่วนมากมาก และสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่หล่อหลอมตัวบุคคล จนเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความแตกต่าง ความแตกต่างในระดับตัวบุคคลที่มีผลถึงระดับประเทศ! ฝรั่งมองที่ความสามารถของตัวบุคคล คนไทยมองที่ใบปริณญา ฝรั่งยกย่องคนที่ฝีมือและผลงาน คนไทยยกย่องคนที่ตำแหน่งและเงินตรา ในเมืองฝรั่งคนทีตั้งใจและทำงานเก่งจะไปได้ดี ในเมืองไทยคนที่มีเส้นสายและประจบเก่งถึงจะไปได้ดี ฝรั่งฟังผู้เชี่ยวชาญและแก่ประสบการณ์ คนไทยต้องฟังคนที่มีตำแหน่งสูงกว่าและแก่กว่าเพียงแค่อายุ ฝรั่งคนเก่งไปเป็นครู คนไทยเรียนอ่อนไปเป็นครู ฝรั่งกล้าที่จะทำเพื่อจะได้รู้สิ่งที่อาจจะผิดพลาด คนไทยไม่กล้าที่จะทำเพียงเพราะกลัวที่จะผิดพลาด ฝรั่งหากข้อเสียข้อผิดพลาดของตน จะพยายามที่จะแก้ไข  คนไทยหากรู้ข้อเสียข้อผิดพลาดของตน จะปฎิเสธไม่ยอมรับความจริง ใช่ว่าคนไทยไม่ดี ใช่ว่าฝรั่งหรือคนไทยเป็นอยากที่บอกทุกคน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเช่นนั่น สังคมหล่อหลอมให้เป็นเช่นนั่น อย่าหลอกตัวเองว่าจิตใจเราดีสบาย กว่าเค้า อยากหลอกตัวเองมีคนไทยมีน้ำใจกว่าเค้า สังคมไทยในปัจจุบันเป็นอย่างไร เรารู้ ท่านรู้ หลอกใครก็ได้ แต่อย่าหลอกตัวเอง รู้แล้วเป็นไร รู้ว่าตัวเองด้อยกว่าเขาหลายๆด้านแล้วจะทำอย่างไร แก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดสิ ทำให้เราดีขึ้นสิ สิ่งดีๆของเรามีหลายอย่างวัฒนธรรมที่ดี ค่านิยมที่ดีมี รักษาเอาไว้ อันไหนที่ไม่ดีก็แก้ไข สิ่งใดที่ฝรั่งมีดี เราก็เอามาพัฒนาตัวเองบ้าง สิ่งใดของเขาที่ไม่ดีเราก็ไม่ต้องไปยุ่ง รู้ว่าแก้ไขยากเพราะมันฝังรากลึกลงไปแล้ว รู้ว่าแค่คนไม่กี่คนในนี้คงไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงสังคมอันกว้างใหญ่ได้ หากแต่จำเป็นต้องทำ เป้นเรื่องสำคัญที่ต้องทำ สังคมที่เรียนรู้เพียงเพื่อใบปริณญา ชีวิตที่ต้องขึ้นอยู่กับกระดาษแผ่นเดียวมันสมควรจบลงไปซักที จากคุณ : หมาข้างถนนคนบ้าการ์ตูน  - [ 3 ธ.ค. 49 01:48:01 ] ********************* เท่าที่อ่านมา ชอบความคิดเห็นของ คคหที่ 157 มากที่สุด จากคุณ : NungFon - [ 4 ธ.ค. 49 02:37:55 ]

ความคิดเห็นที่ 167 ค่านิยมที่ไม่เอาไหนของคนไทยบางกลุ่ม จำกัดอายุการทำงานงี้  ป้าๆ ที่เมืองนอกเห็นเขายังนั่งทำงานอยู่เลย ค่านิยมเรื่องสถาบัน ค่านิยมเรื่องนามสกุล ค่านิยมเรื่องของแบรนเนม เมืองนอก ปิดเทอม สามเดือน ให้เด็กๆ ทำงาน บ้านเราก็ส่งให้ลูก ติวอยู่นั่นแหละ เรียนเต็มวันแล้ว ต้องมาต่ออีกจนมืด เด็กบางคนอดใช้ชีวิตในวัยเด็ก เพราะมัวแต่ติวเข้าโรงเรียนชื่อดัง ถ้าคนไทยไม่ปลูกฝังค่านิยมแย่ๆ ให้กับคนไทยด้วยกันเอง เมื่อไหร่เราจะทัดเทียมประเทศอื่นเขา เวียดนามจะแซงเราแล้วนะ จากคุณ : Tigerish - [ 4 ธ.ค. 49 05:06:02 ]

ความคิดเห็นที่ 168 เด็กไทยมีความรับผิดชอบต่ำและขาดวุฒิภาวะทางจิตใจ? ไปเก็บผักบุ้งให้แม่สลด2หนูน้อยจมดับ จากการสอบสวนนางมาลี วัฒนเฉลิม อายุ 42 ปี อาชีพขายไก่ย่างอยู่ตรงข้ามที่เกิดเหตุ ทราบว่าก่อนเกิดเหตุ เห็นเด็ก 4 คน มีน้องแบงก์ น้องอาย และน้องเหมี่ยว พร้อมด้วยเด็กชายอีก 1 คน ชวนกันลงไปเก็บผักบุ้งบริเวณริมคลองที่เกิดเหตุ เพื่อจะเอาไปให้นางมลไสร มารดาขายที่ตลาดนัดตอนเย็นๆ ซึ่งน้องแบงก์จะมาหาเก็บอยู่เป็นประจำ แต่ตนไม่เห็นตอนเกิดเหตุ มาทราบก็ตอนที่เด็กวิ่งไปตามคนมาช่วย เลยวิ่งไปช่วยงมเด็กขึ้นจากน้ำและเรียกรถแท็กซี่พาส่งร.พ. เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่า ขณะที่กำลังลงไปเก็บผักอยู่ริมฝั่ง น่าจะมีใครคนหนึ่งเกิดพลัดตกลงไปในน้ำ ทำให้อีก 2 คนพยายามช่วยดึงขึ้นมา แต่ไม่สามารถช่วยได้ กลับพลัดตกลงไปอีก ประกอบกับเป็นช่วงที่น้ำลึกกว่าที่อื่น เพราะเมื่อ 2 วันก่อน มีรถมาขุดลอกดินขึ้นมาถมด้านบนฝั่งเพื่อเตรียมปรับพื้นที่ขยายถนน จึงทำให้ทั้ง 3 คนจมน้ำหายไป กว่าเด็กอีกคนจะวิ่งไปตามผู้ใหญ่มาช่วยก็เป็นเวลานานเกินไป หลังสอบสวนเจ้าหน้าที่ได้มอบศพให้เจ้าหน้าที่มูลนิธินำส่งชันสูตรที่ร.พ.ศิริราชต่อไป ที่มา: ข่าวมติชน 4 ธันวาคม 49 จากคุณ : Practical x 2 - [ 4 ธ.ค. 49 17:48:01 ]

ความคิดเห็นที่ 169 ************************ อย่า *เหมา* ว่าเป็นประเทศ *ฝรั่ง* แล้วเจริญหมดครับ เพราะในความเป็นจริงไม่ใช่แบบนั้น เข้าใจผิดแล้วละครับ เพราะว่ามีประเทศฝรั่งมากมาย ที่ยังด้อยความเจริญอยู่ นั่นก็คือประเทศฝรั่งแถบยุโรปตะวันออกมากมายนั่นละครับ ยังไม่เจริญเท่าที่ควร ประเทศแถบเอเชียเรามากมายที่เจริญกว่าประเทศฝรั่งแถบนี้หมดทุกประเทศเลย เวลาเรามองที่ประเทศฝรั่ง อย่าไปมองแค่ อเมริกา อังกฤษ เยอรมัน แถวสแกนดิฯ แล้วดันไปเหมาว่าประเทศฝรั่งทุกๆประเทศเจริญ (ทางวัตถุ) แบบนี้หมด ที่จริงไม่ใช่ครับ มีประเทศฝรั่งมากมายที่ยังไม่เจริญ และเดี๋ยวนี้เศรษฐกิจของประเทศแถบยุโรปตะวันตกก็มีแต่ถอยหลังลงครับ อัตราว่างงานนี่พุ่งขึ้นไปที่ 7-9% พวกบริษัทใหญ่ๆเป็นหนี้สินกันมากมาย ผมอยู่ที่ต่างประเทศก็รู้ดีครับ เพราะได้ข่าวประจำว่าบริษัทนั้นบริษัทนี้ขาดทุนกันมากมาย ค่อยๆล้มกันไปเรื่อยๆ ปลดคนออกเรื่อยๆ ทางรอดก็คือต้องไปเข้าร่วมกับอเมริกาในสงครามปล้นน้ำมันเพื่อขอแบ่งผลประโยชน์ให้ประเทศตัวเองอยู่รอด ที่ประเทศฝรั่งหลายๆประเทศเจริญ (ทางวัตถุ) มาก่อน เพราะว่าสมัยก่อน จนถึงปัจจุบัน พวกเค้าไปปล้น ขโมย ทำสงครามฆ่าคน เพื่อเอาทรัพยากรของประเทศอื่นๆมาพัฒนาประเทศตนเองให้มีพื้นฐานที่เข้มแข็งนะครับ ************************ จากคุณ : Start now - [ วันพ่อแห่งชาติ 04:02:38 ]

ความคิดเห็นที่ 170 ก่อนอื่น...  ขอย้ำอีกครั้งว่า ที่เราว่าไป ไม่ได้หมายถึงทุกคน เราบอกแล้วว่ามีทั้งดีและไม่ดี  แต่ที่สำคุญ คือคนส่วนใหญ่ คนหลายๆคนที่มีผลต่อการดูแลพัฒนาประเทศ เป็นเช่นนั้น ทำให้เมืองเขาเป็นแบบนั้น ทำให้เมืองเราเป็นแบบนี้... ไม่อยากมัวแต่มองข้อเสียของเขา แล้วพอใจอยู่แบบนี้ อยากให้มองสิ่งที่เขามีดีกว่าเรา แล้วเราจะปรับปรุงอย่างไรให้ดีกว่าเค้า ถ้ามัวไปมองแต่สิ่งที่ด้อยกว่า แล้วพอใจตรงนั้น จะเป็นปัญหาเรื้อรังต่อไป ประเทศไทยมีคนเก่ง มีคนมีความสามารถมาก แต่หลายๆคนไม่สามารถแสดงหรือใช้ความสามารถได้เพียงเพราะ ไม่มีใบปริณญา หลายๆคนถูกจำกัดความสามารถด้วยเหตผลหลายๆอย่าง ประเทศเลยไม่ก้าวหน้าอย่างที่ควรจะเป็น และเดินถอยหลังในหลายๆอย่าง โดยเฉพาะจิตใจ วัฒนธรรมอันดีงามบางประการ... อย่าหยุดเพียงแค่นี้เลย เราไม่ได้ดีกว่าใครทั้งนั้น อย่าไปมัวมองพอใจกับสิ่งที่ต่ำกว่า แย่กว่า แต่ควรมองสิ่งที่สูงขึ้นไป แล้วขอแย้งของคุณความเห็นที่ 167 เล็กน้อย เวียดนามไม่ใช่จะแซงเรา "แต่แซงไปเรียบร้อยแล้ว" พูดจริงไม่ใช่พูดเล่น เคยดูจากสถิติการใช้อินเตอร์เน็ตในปีที่ผ่านมาจากเวบไหนก็ลืมละแต่ค่อนข้างเชื่อถือได้ ว่าชาวเวียดนาม มีสถิติการอินเตอร์เน็ตใช้แซงประเทศเราไปเรียบร้อยแล้ว ภายในไม่กี่ปี จากที่มีคนใช้น้อยกว่าเรามาก จนแซงเราไปเยอะทีเดียว อย่างที่ทราบ จะใช้อินเตอร์เน็ต ต้องมีความรู้ในระดับหนึ่งเพื่อที่จะใช้ ไม่ใช่จากแค่สถิติตรงนี้ แต่จากอีกหลายๆอย่าง ระบบ โรงเรียน การศึกษา ถ้าคนไปเที่ยวคงจะพอรู้อยู่ แม้ไม่ชัดเจนนัก แต่ทำให้เชื่อว่าเวียดนามจะแซงเราในหลายๆด้านอย่างเห็นได้ชัด ในอนาคตอันใกล้นี้ เรานิ่งนอนใจไปรึเปล่า? จากคุณ : หมาข้างถนนคนบ้าการ์ตูน - [ วันพ่อแห่งชาติ 22:11:10 ]

ความคิดเห็นที่ 171 ผมกลับคิดตรงกันข้ามครับ เพราะถ้ามองแต่สิ่งที่คิดว่าของ เขาดี โดยที่ไม่ได้มองถึงผลเสียที่เกิดแฝงอยู่ด้วย จะเป็น การมองแต่เพียงด้านเดียว บางอย่างที่เข้ากันไม่ได้กับ วัฒนธรรมหรือผู้คนของเราย่อมทำให้เกิดความเสียหาย การพัฒนาอย่างรวดเร็วเกินไปเป็นสิ่งที่พึงระวัง เพราะทำ ให้เกิดผลลบต่อสังคมหลายครั้งแล้ว เริ่มตั้งแต่สมัยเปลี่ยน แปลงการปกครองสมัยปี พ.ศ. 2475 ทั้งๆ ที่ประชาชนยัง ไม่พร้อม แล้วเรื่องแย่ๆ ต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามมา หนึ่งใน สาเหตุเหล่านั้นก็เพราะพยายามเลียนแบบฝรั่งนั้นเอง (พวกนักเรียนนอกที่ไปเรียนกลับมา แล้วจะเอาอย่างเขา ให้ได้) และที่พยายามเลียนแบบเขาก็เพราะความคิดที่ว่า จะให้ดีต้องทำอย่างเขา โดยที่ไม่ได้มองถึงผลกระทบทาง สังคมหรือผู้คนเลย จากคุณ : Practical x 2 - [ วันพ่อแห่งชาติ 23:26:56 ]

ความคิดเห็นที่ 172 ส่วนเรื่องใบปริญญานั้น เจ้าของกิจการใหญ่ๆ ในเมืองไทย หลายคนก็ไม่ได้จบปริญญานี่ครับ จบ ป.2, ป.4 ก็มีให้เห็น กันเยอะแยะ และถ้าดูสัดส่วนอาจารย์มหาวิทยาลัยในเมือง นอกที่จบปริญญาเอกกันตั้งมากกว่า 90% แถมยังไปต่อ postdoc กันอีก แบบนี้ไม่ได้เรียกว่าบ้าปริญญาหรือครับ? หรือถ้าสำหรับฝรั่งต้องเรียกใหม่ว่าเขาให้ความสำคัญกับ การศึกษา จากคุณ : Practical x 2 - [ วันพ่อแห่งชาติ 23:44:39 ]

ความคิดเห็นที่ 173 ปัญหาหลักของบ้านเราคือความยากจนและความไม่เท่า เทียมกันในการศึกษาครับ ต่อให้เอาคนมีความสามารถมา จะจบหรือไม่จบปริญญาก็เถอะ ถ้าไม่มีเงิน ไม่มีทางเก่งได้ อย่างตอนอยู่เมืองนอกที่มีงบประมาณให้หรอกครับ จากคุณ : Practical x 2 - [ วันพ่อแห่งชาติ 23:52:14 ]

ความคิดเห็นที่ 174 ส่วนเรื่องที่จะปรับปรุงให้ได้ดีกว่าเขาคงจะเป็นเรื่องที่เพ้อ ฝันและ unrealistic ครับ ตัวอย่างได้แก่ สหรัฐอเมริกา ที่ปัจจุบันไม่ได้จัดว่าเป็น great power, superpower หากแต่เป็น hyperpower แล้ว โดยเป็นผู้นำทั้งในด้าน การทหาร, เศรษฐกิจ, เทคโนโลยีและวัฒนธรรม ส่วนจีน กับอินเดียคงมาเป็น superpower แทนมั้งครับ แก้ไขเมื่อ 06 ธ.ค. 49 07:42:28 จากคุณ : Practical x 2 - [ 6 ธ.ค. 49 00:08:11 ]

ความคิดเห็นที่ 175 เหตุผลหนึ่งของความรุ่งเรืองที่สหรัฐอเมริกามีอยู่ในปัจจุบัน เป็นเพราะในช่วงยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาไม่ได้สูญเสีย อะไรไปมากมายเท่ากับอังกฤษและประเทศทางเอเซีย อื่นๆ ที่เสียทั้งกำลังพลและโครงสร้างทางอุตสาหกรรม เงินจำนวนมหาศาลที่ได้มาจากการขายเทคโนโลยีทาง การทหาร เราไม่มีทางสู้ได้เลย ยิ่งช่วงที่ไต้หวันกลัวจีน จะรุกรานต้องขอติดตั้งระบบเตือนภัยหากจีนปล่อยมิสไซล์ มาหา ซึ่งสหรัฐก็ให้เครื่องรุ่นเก่าที่เขาจะโละทิ้งแล้วไป เพื่อนผมที่เป็นชาวไต้หวันเองยังรู้สึกว่าผิดหวังที่ประเทศ จ่ายเงินจำนวนมหาศาล คงในหลักหมื่นล้านดอลล่าร์ แต่กลับได้แค่นั้น อย่างไรก็ตามเขาก็เข้าใจว่ายังไงสหรัฐ ก็ไม่ขายของดีที่สุดให้หรอก เพราะต้องเอาไว้ป้องกัน ประเทศ ดังนั้นเรื่องที่จะพยายามปรับปรุงอะไรกิ๊กๆ ก๊อกๆ ให้ดูว่าฉันก็ดีเท่าเธอนะ คงจะไม่ได้ส่งผลกระทบอะไร ครับ และน่าจะเป็นผลเสียกับเรามากกว่า แค่นี้ก็แย่อยู่แล้ว จากคุณ : Practical x 2 - [ 6 ธ.ค. 49 00:18:32 ]

ความคิดเห็นที่ 176 อืมๆ จากคุณ : -->+:+โชยุ&วาซาบิจัง+:+<-- - [ 6 ธ.ค. 49 14:40:37 ]

ความคิดเห็นที่ 177 อ่านมาอีกรอบครับ รอบที่ 5 แล้ว ชอบ 157 มากๆ สุดยอด คุณเขียนนั่นคือเรื่องจริง และเขียนได้คลุมทั้งหมด เพราะคุณเขียนมาบอกว่า "ไม่ใช่ทั้งหมด" อยู่ในเนื้อความด้วย ใช่แล้วครับ มัน "ไม่ใช่ทั้งหมด" นั่นแหละครับไม่รู้จะพูดอะไรแล้วละครับ ปล. อยากฟัง คคห เรื่องการเรียน นายร้อย นร 4 เหล่าครับ คือผมไม่ได้เรียนหรอกนะ แต่ผมสงสัยว่าทำไมมันอะไรจะ ขนาดนั้นครับ (ผมขอนอกประเด็นนิดนะ เพราะสงสัยจริงๆ ย้ำนะแค่สงสัยเฉยๆ) - คนมาสมัครสอบเป็นหมื่น - จำนวนที่รับไม่กี่ร้อย - มีการติว กวดวิชา สุดยอด หลายหมื่นบาทเลย ยิ่งพวกที่ติวแล้วรับรองผล ว่าติวแล้วสอบติดชัวน์ ราคาค่าติวจะแพงมาก - จบมามีงานทำแน่นอน(คนแก่ๆพูดกันมากเหลือเกิน แล้วจบอย่างอื่นมันไม่มีงานทำเหรอ) - ถ้าเรียนนายร้อย จะต้องไปชายแดน - พ่อแม่มีหน้ามีตา ว่าลูกเป็นนายร้อย เป็นเกียรติ แก่ วงศ์ตระกูล คือ ไม่รู้จะสื่ออะไร แต่สงสัยว่า "มันต้องขนาดนี้เลยเหรอ" สงสัยผมคงต้องเป็นพ่อเป็นแม่ใช่มั้ย แล้วจะได้รู้ว่าการที่ลูกเราได้เป็นนายร้อยมันเจ๋งแค่ไหน( ผมสงสัยเฉยๆจริงๆนะ) จากคุณ : sillygang - [ 6 ธ.ค. 49 20:20:48 ]

ความคิดเห็นที่ 178 เพื่อนผมจบนายร้อยทหารเรือรับราชการมา 10 ปีได้แล้ว แต่ตอนนี้ลาราชการไปศึกษาต่อต่างประเทศ เป็นทหารไม่ ใช่งานง่ายๆ เขาเคยได้รับมอบหมายให้ออกตรวจเรือ ประมงที่ลักลอบน่านน้ำไทยเข้ามา บางลำมีอาวุธหนักด้วย เพื่อนเขาถูกยิงตายไปคนหนึ่งระหว่างเข้าตรวจ ตอนจะขึ้น ไปตรวจทีก็ต้องเตรียมปืนพกสองกระบอกแนบอกเสื้อขึ้น ไปด้วย จากคุณ : Practical x 2 - [ 6 ธ.ค. 49 21:29:36 ]

ความคิดเห็นที่ 179 ยืนยันครับว่าม.6ที่อเมริกาจบง่ายครับเพราะเพื่อนแม่ผมอยู่ที่นั่นครับ พอจบปุ๊บ เค้าก็จะหาอะไรทำไปก่อน ก่อนที่จะเริ่มเรียนเอาจริงในวิชาที่สนใจตอนป.ตรีครับ แล้วเรื่องค่านิยมของคนไทยผมว่ามันไม่ให้โอกาสคนเรียนปวช.ซักเท่าไหร่ครับ ตอนนี้ผมก็เรียนปวช.ครับเพราะกะว่าจะเรียนให้จบตรีเหมือนกันแต่กลัวว่า จะไม่มีใครรับเข้าทำงาน ส่วนเรื่องเรียนนี่เรียนแล้วก็ลืมนี่จริงครับสำหรับผม โดยเฉพาะเลขตอนเรียนเข้าใจแต่พอไม่ได้ไปซักเดือนเริ่มลืมแล้วครับ จากคุณ : ... - [ 7 ธ.ค. 49 06:12:56 A:125.24.41.21 X: TicketID:131254 ]

ความคิดเห็นที่ 180 อีกอย่างครับ งานสำหรับเด็กอายุ15-20ใช่ว่าจะหาง่ายนะครับ สำหรับคนไทย จากคุณ : ... - [ 7 ธ.ค. 49 06:16:26 A:125.24.41.21 X: TicketID:131254 ]

ความคิดเห็นที่ 181 อยากให้รัฐบาลเอางบส่วนหนึ่งมาพัฒนาบุคคลมากกว่าครับ ทำไปเรื่อยๆเปลี่ยนค่านิยมทีละนิดจน10ปีก็อาจช่วยอะไรได้บ้าง แต่คงไม่มีใครกล้า ตอนนี้อยากให้ถึงเลือกตั้งเต็มที จากคุณ : ... - [ 7 ธ.ค. 49 06:45:33 A:125.24.41.21 X: TicketID:131254 ]

ความคิดเห็นที่ 182 ตามที่คุณ Practical x 2 ว่ามาหมายความว่าปัจจุบันประเทศไทยเป็นประเทศที่ประชาชนมีคุณภาพ มีความรับผิดชอบ ใฝ่ดีมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก มีระบบการปกครองที่ยอดเยี่ยมที่ชาติตะวันตกไม่สามารถเทียบได้ ดังนั้นประเทศไทยจึงเป็นประเทศที่ยอดเยี่ยมที่สุดประเทศหนึ่งในโลก และจะมีอนาคตที่รุ่งเรืองอยู่ตรงหน้า ปัญหาของประเทศก็มีเพียงเรื่องความยากจนและการศึกษาเท่านั้น ถ้าแก้ปัญหาตรงนี้ได้ประเทศไทยก็จะเป็นประเทศมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ภาษาไทยจะกลายเป็นภาษากลางที่คนต่างชาติต้องหันมาเรียนกัน จากคุณ : hj - [ 7 ธ.ค. 49 09:50:27 A:161.200.62.153 X: TicketID:125225 ]

ความคิดเห็นที่ 183 เล่าให้ฟังเฉยๆ  เพื่อนผมมันเปิดร้านเน็ตเกมส์ เด็กไทยปัจจุบันบางส่วน ไม่พยายามทำความเข้าใจอะไรทั้งสิ้น  แม้กระทั่งเล่นเกมส์  อย่าหวังว่า ภาษาอังกฤษ มันจะอ่าน  ขนาดภาษาไทย เองมันยังไม่อ่านเลย ว่าอะไรใช้ทำอะไร มันใช้ถามเจ้าของร้านเอา ว่า พี่เล่นยังไง  กดอะไร คลิกตรงไหน  -_-'    เกมส์วางแผน ซับซ้อนหน่อยไม่ต้องพูดถึงคับ สมัยนี้ไม่นิยม จากคุณ : Triceratops - [ 7 ธ.ค. 49 19:26:40 ]

ความคิดเห็นที่ 184 # 182 ไม่ได้หมายความเช่นนั้นครับ จากคุณ : Practical x 2 - [ 7 ธ.ค. 49 19:30:24 ]

ความคิดเห็นที่ 185 อ่านโพสไม่ไหวตอบเลยแล้วกัน อิอิ เราคิดว่ามันไม่ได้อยู่ที่เที่ยวหรือไม่เที่ยว แล้วก็ไม่ค่อยอยู่ที่เงินมากเงินน้อยเท่าไหร่นัก แต่อยู่ที่ระบบการศึกษาไทยมากกว่า ระบบการศึกษามันเฟ้อ คนจบปริญญาตรีมาบางทีทำไรไม่เป็นเลย จริงๆหลังจากไปเรียนที่ต่างประเทศ เราคิดว่ามันเป็นที่ตัวคนและค่านิยมมากกว่าการสอน เพราะเราคิดว่าในต่างประเทศก็ไม่ได้สอนต่างจากบ้านเรานัก แต่เพียงแต่เค้าเข้มงวดกว่า เรื่องการจบมาด้วยการลอกข้อสอบในระดับสูง(ไม่พูดถึงพวกมัธยม เพราะไม่เคยเรียน)ก็ยากกว่าของไทยและโทษหนักกว่า เรื่องการลอกรายงานลอกวิทยานิพนธ์เรียกยอมรับไม่ได้เด็ดขาด(ตอนเราไปเรียนได้ยินว่ามีวิชานึงคนไทยโดนปรับตกไปทั้งชั้นเรื่องลอกรายงาน)บรรทัดเดียวก็ไม่ได้ ส่วนของคนไทยนี่ ลอกไปเปลี่ยนๆบ้างก็ไม่ค่อยโดนว่า แบบนั้นทำให้นักศึกษาไม่ค่อยต้องคิด จบมาเลยทำอะไรไม่ค่อยเป็น เราคิดว่านี่เป็นจุดนึงที่บริษัทตั้งrequirementในการรับพนักงานสูง ไม่ใด้บอกว่าคนจบสูงกว่าจะดีกว่านะคะ เพียงแต่ขนาดจบสูงยังทำไรไม่เป็นผู้จ้างเลยค่อยๆเลื่อนมาตราฐานขึ้น โดยคิดว่าทำแบบนั้นจะได้รับคนี่ดีกว่ามั๊ง จากคุณ : กระต่ายเมืองกรุง - [ 8 ธ.ค. 49 09:30:37 ]