ความคิดเห็นที่ 1 ปูเสื่อรอครับ จากคุณ : T-E-N-A - [ 13 ธ.ค. 49 21:31:46 ]

ความคิดเห็นที่ 2 รอฟังด้วยคนค่ะ แอบถามเพิ่มด้วยได้มั๊ยคะ ในกรณีที่เล่นพวก sky walk (เรียกงี้รึป่าวน๊า???) มีวิธีเล่นยังไงอะคะ  แล้วถ้าเล่นผิดวิธี จะทำให้ขาใหญ่ขึ้นจริงเหรอคะ ขอบคุณล่วงหน้าเลยค่ะ ^^ จากคุณ : นางมารร้าย update - [ 13 ธ.ค. 49 21:44:57 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ยังไงก็ชอบวิ่งบนถนนมากกว่าอ่ะครับ คุมจังหวะตัวเองง่ายกว่า จากคุณ : TheShadow - [ 13 ธ.ค. 49 22:01:06 ]

ความคิดเห็นที่ 4 พอดีเมื่อวาน (12 ธ.ค.) สนใจเรื่องการเดินของมนุษย์พอดี มีหลายอันแต่อันนี้อ่านง่าย เลยเอาไว้เลยเอามาฝาก http://biomechanics.bio.uci.edu/_html/nh_biomech/hill_climb/climb.htm ;) จากคุณ : pinkFloyd.ads - [ 13 ธ.ค. 49 22:20:17 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าความชันเพียง 12-15 องศา เดาเอาว่าไม่น่าจะกินแรงมากขึ้นเท่าไหร่ครับ ยิ่งวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้า ก็ไม่มีแรงเสียดทานมากเท่ากับการวิ่งที่พื้นปกติ (มั้งครับ) เรื่องเล่าจากภาพ เคยไปเล่นฟุตบอลบนดอยหลังเต่าที่เพชรบูรณ์ บุกทีก็วิ่งขึ้นเนินที รับทีก็วิ่งลงกลับ สลับไปสลับมา เล่นอยู่เกือบ 2 ช.ม. ยอมรับเลยว่าเป็นการเล่นฟุตบอลที่เหนื่อยแสนสาหัสที่สุดในชีวิต (ยังกับการ์ตูนกัปตันซึบาสะ ฉากวิ่งเหมือนวิ่งขึ้นเนิน) .. - -" จากคุณ : Silverstream - [ 13 ธ.ค. 49 22:26:49 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ก็เหนือยกว่าสิครับ คำตอบเดิมเลยคือ "เนื่องจากต้องทำงานเพิ่ม พามวล เราขึ้นที่สูง สู้กับแรงโน้มถ่วง" จากคุณ : Roninkung - [ 13 ธ.ค. 49 22:32:19 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ยังไงเราก้ต้องเหนื่อยกว่าอยู่แล้ว แต่ก่อนผมออกกำลังกายแบบนี้ เดินบนลู่ไปเรื่อยๆ ตั้งความเร็วคงที่ แล้วค่อยๆ ปรับ slope ให้สูงขึ้นเรื่อยๆ ปรับขึ้นนิดเดียวก็รู้ผลแล้วครับ ถ้าเดินเร็วๆ (ไม่ถึงกับวิ่งนะ) พอเหนื่อยๆ มากๆ ก็ปรับให้มันลดลงให้หายเหนื่อย จากคุณ : shinigami - [ 13 ธ.ค. 49 22:34:01 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 13 ธ.ค. 49 22:36:59 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เหนื่อยครับ ส่วนใหญ่เวลาวิ่งบนเครื่องวิ่งจะวิ่งที่ความชันปกติ แต่ถ้าเดิน จะปรับเพิ่มความชันขึ้น รุ้สึกได้เลยว่ากินแรงเพิ่มขึ้นมาก ตั้งความเร็วตอนเดินไว้ช่วง 6-7 กม./ชม. นี่ เดินได้ไม่เกิน 10 นาที น่องก็ล้าแล้ว จากคุณ : Buff_Power - [ 13 ธ.ค. 49 22:38:34 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ตามหลักยังไงก็ต้องเปลืองแรงมากขึ้น ถ้าปรับชันลงก็กินแรงน้อยลง จากคุณ : Dr.slump - [ 13 ธ.ค. 49 22:45:19 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ที่ถามนี่ตัวเอง ไม่แน่ใจครับ คือวันนี้ ลองปรับชันสูงสุดแล้วแต่วิ่งด้วยความเร็วเกือบเต็มที่มันก็เหมือนยังไม่ค่อยเหนื่อยมาก เหมือนการวิ่งขึ้นเนินปกติ และดูเหมือนไม่ค่อยต่างกับปรับราบมากนัก เลยมาลองนึกดูว่า การวิ่งแบบนี้ มันเหมือนกับการวิ่งกับที่แค่ก้าวเท้าไปข้างหน้า การออกแรง แค่ก้าว ไปตามสายพาน ที่วิ่งผ่านเท้าเรา ไม่ได้พาตัวเราสูงขึ้น ความชันที่ปรับขึ้น ทำให้เท้าหน้าเราสัมผัสพื้นเร็วขึ้นก่อนslide ลงมาที่เดิม ตามการหมุนของสายพาน ก่อนที่จะก้าวเท้าใหม่ขึ้นไปที่เดิม มันเหมอืนกับไม่ได้พามวลขึ้นสูงไปกว่ปกติเลย เลยชักสงสัย จากคุณ : -=Jfk=- - [ 13 ธ.ค. 49 22:51:07 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เเล้วถ้าอยู่บนลู่วิ่งความเร็วคงที่ มีเดินไวกับวิ่ง จะเผาผลาญพลังงานเท่ากันทั้ง2เเบบมั้ยครับ จากคุณ : Faked - [ 14 ธ.ค. 49 00:06:59 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เท่าที่รุ้ปรับให้ชันขึ้น มันเหนื่อยกว่า แบบปกติพอสมควรเลยคับ จากคุณ : Jet_XP - [ 14 ธ.ค. 49 01:50:02 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ต้องลดความเร็วของสายพานลงด้วยมั้งครับ อาม๋อ ไม่งั้นมันก็พอๆกะวิ่งอยุ่กะที่ .. มวลโดยรวมอยู่ที่เดิม.. อย่างที่ อาม๋อว่าแหละ ถ้าจับจักรยาน มายึดไว้แล้วปั่นเท่าความเร็วสานพานก็ไม่ต้องออกแรงอารายเลย.. ถ้าจะให้สมจริงต้องใช้ เพิ่มความฝืดของสายพานเอาไม่ใช่ให้มันวิ่งแทนเรา.. จากคุณ : . ไม่สามารถใช้การได้ชั่วคราว . - [ 14 ธ.ค. 49 03:03:55 A:124.120.10.18 X: TicketID:134070 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ลู่วิ่งไฟฟ้าถ้าปรับความชันขึ้น จะต้องใช้แรงเพิ่มขึ้น ทำให้เหนื่อยหรืออาจปวดน่องมากขึ้นครับ ที่ต้องใช้แรงมากขึ้นเป็นเพราะ จะต้องยกขาให้สูงขึ้น แล้วกดลงสายพานให้แรงขึ้น เพื่อยกตัวให้ลอยเพิ่มขึ้น ตามความชันของสายพานครับ ที่ทดลองตาม #11 แล้วไม่ค่อยรู้สึก เป็นเพราะคุณหมอแข็งแรงมากไป สามารถวิ่งได้เป็นร้อยๆกิโล ดังนั้นการปรับลู่วิ่งให้ชันขึ้นเพียงเล็กน้อย สำหรับคนที่แข็งแรงมากๆอย่างนี้ จึงไม่ค่อยรู้สึกครับ แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 49 08:17:42 จากคุณ : บุญถิ่น - [ 14 ธ.ค. 49 05:51:08 ]

ความคิดเห็นที่ 16 มากกว่าสิครับ แต่ด้วยความชันขนาดนั้น มันคงไม่มากพอ จนรู้สึกถึงความแตกต่าง จากคุณ : ช่างไฟ - [ 14 ธ.ค. 49 08:04:40 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ปรับความชันมากขึ้น แรงที่ใช้วิ่งหายไปไหน ???? หายไปช่วยฉุดมอเตอร์ เครื่องจะกินไฟน้อยลง ถ้าไม่เชื่อเอาวัตต์มิเตอร์มาจับดูสิ เหอๆๆๆ จากคุณ : NaCl - [ 14 ธ.ค. 49 08:45:03 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คิดว่าคงเหนื่อยขึ้น แต่ว่าไม่เท่ากับการวิ่งขึ้นเขาจริงๆ แน่นอน การวิ่งที่ลู่วิ่งชันขึ้น  เท้าหน้า ต้องอยู่ระดับที่สูงกว่าเท้าหลัง แต่ว่า แรงที่ใช้ไม่ได้ใช้ยกตัวเองขึ้นไปทั้งหมด  เพราะ ว่าลู่วิ่งมันวิ่งลงมาด้วย(ระยะยก ลดลงเรื่อยๆ)  ทำให้ไม่ต้องออกแรงยกมวลของร่างกายขึ้นไปทั้งหมดของระยะยก แต่การวิ่งขึ้นเขาจริง  ต้องยกมวลทั้งหมดขึ้นไปตามระยะยกของพื้น ที่ความชันเท่ากัน และ ระยะทางวิ่งเท่ากัน  ระยะยกของลู่วิ่งเอียง จะน้อยกว่าวิ่งจริงขึ้นเขา แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 49 11:01:24 จากคุณ : ยากจริงจริง - [ 14 ธ.ค. 49 08:53:17 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เข้ามาดู ระดับเทพ เขาคุยกัน...อิอิ จากคุณ : primjang - [ 14 ธ.ค. 49 08:57:36 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ... ยังไงก็มากกว่าครับ ลองมาแล้ว ตอนเราก้าวไปข้างหน้า ระดับความสูงมันไม่ได้อยู่ในแนวระดับนะครับ ถ้าจะมองในเรื่องการสัมพัทธ์ ผมคิดว่าลู่วิ่งแบบนี้ให้ความสัมพัทธ์ได้ไม่ต่างกับการวิ่งบนพื้นราบ หรือ การขึ้นเนินจริง บางทีประโยชน์ของลู่วิ่งที่ปรับความชันได้ใช้สำหรับคนที่ไม่อยากวิ่งเร็วมาก เพราะวิ่งไม่ค่อยจะไหว แต่อยากเผาผลาญพลังงานมากขึ้นกว่าระดับพื้นราบ ก็ปรับให้ชันมาก ๆ แต่ speed ไม่ต้องสูง ก็ช่วยให้เหมาะกับเค้าได้ จากคุณ : 73078 - [ 14 ธ.ค. 49 09:00:48 A:203.208.250.164 X: TicketID:073078 ]

ความคิดเห็นที่ 21 มากกว่าครับ แต่เพราะ อาหมอ แข็งแรง และออกกำลังบ่อย มนุษย์อู้อย่างผม ทดลองแล้วทราบเลยว่าเหนื่อยขึ้น จากคุณ : IRQ5 - [ 14 ธ.ค. 49 09:19:56 A:202.91.23.1 X: TicketID:129004 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เท่าที่ทดลองมาด้วยตัวเอง ปรับไปถึงราวๆ 8 ที่ความเร็ว 7. เหนื่อยขึ้นครับ และที่สำคัญขาล้าเร็วขึ้นมากเลยครับ วิ่งไปได้ซักแป๊บก็จะหมดแรงแล้ว ทั้งๆ ที่ปรกติวิ่งที่ 7 แบบเพียวๆซัก 30 นาทีก็ยังเฉยๆ ครับ จากคุณ : xnone - [ 14 ธ.ค. 49 09:26:01 ]

ความคิดเห็นที่ 23 คือก็เข้าใจหลักการเรื่องการปรับความชันเพื่อให้กินแรง เหมือนการวิ่งขึ้นที่สูง แต่ที่มาถาม นี่ ก็เพราะว่า เห็นว่ามันแค่ปรับตั้งสายพานชัน ส่งผลแค่ให้เรายกเท้าหน้าสูงขึ้นกว่าปกติหน่อยนึง (ก่อนที่จะSlide ลงมาตามสายพาน ที่หมุนด้วยมอเตอร์ เรื่องความฝืดของสายพาน และแรงดึงต่อมอร์เตอร์คงไม่ต้องไปคิด เพราะว่าลู่วิ่งไฟฟ้า นั้นสายพาน มันไม่ได้ Slide ไปด้วยแรงจากเท้าเรา เหมือนพวก เครื่องวิ่งแบบลูกกลิ้ง แต่ว่ามันใช้มอร์เตอร์หมุนสายพาน ให้วน มาคอยรับเท้าเราในตำแหน่ง ที่เราก้าว (อย่างเช่นถ้าก้าวไม่ทันSpeed ที่ตั้งไว้ ก็จะโดนดึงถอยหลังไปจนตก) หรือก้าวเร็วเกินไปก็เลยไปทางด้านหน้า ไม่ใช่ว่า จะไปปั่นสายพานให้เร็วขึ้นได้ ดังนั้นจึงคิดว่า แค่การยกเท้าหน้าสูงขึ้นเล็กน้อย หรือ เป็นแค่การปรับท่าวิ่ง มันอาจจะไม่ได้ ทำให้รู้สึกเหนื่อยมากได้ เท่าไร (อย่างที่บอกผมเองลองปรับสูงสุด 15 องศา ก็ยังไม่เหนื่อยเพิ่มจากทางราบมากนัก ) แต่ถ้าเป็นเนินปกติ นี่ 15 องศา นี่เอาเรื่องเลย ลองสังเกตุกันดูนะครับ จากคุณ : -=Jfk=- - [ 14 ธ.ค. 49 11:34:36 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เพราะว่าความเอียงที่มันเพิ่มนี่แหละครับ อาการล้ามันออกเพราะว่าเท้าต้องปรับระดับมุม และตัวผมก็ต้องปรับระดับร่างกายเปลี่ยนไปอีก ยิ่งการโถมตัววิ่งก็ต้องฝืนไปอีกเยอะครับ พุง ไหล่ ก้น คาง มันถ่วงไปหมด ขาก็ต้องเกร็งมากกว่าปกติด้วยครับ ด้วยแรง ที่พาเท้าเราลงมาตามทางลาดด้วยหละมังครับ ถ้าวิ่งราบ เราก็ยกเท้าขึ้นก้าวเลย แล้วมีมุมแบบนี้เท้าเราเหมือนเหวี่ยงลงพื้น เราก็ต้องสวิงมันขึ้นมาทุกครั้งครับ ของผม ปรับแบบ เสมือนวิ่งที่ความชันต่างๆกันได้สนุกดี เหนื่อยขึ้นแน่นอนครับ แต่เทียบกับภาวะแวดล้อมจริงไม่แน่ใจครับ เพราะอาการแต่ละครั้งมีหลายปัจจัย ทั้งเพื่อนร่วมวิ่ง เวลาวิ่ง บรรยากาศ ภาวะร่างกายตัวเองครับ จากคุณ : IRQ5 - [ 14 ธ.ค. 49 12:13:39 A:202.91.23.1 X: TicketID:129004 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ไม่เหนื่อยขึ้นเพราะความชันครับ เดินขึ้นเขาปกติมันต้องลากมวลทั้งตัวขึ้นไปในระดับที่สูงกว่า ที่ลู่วิ่งตัวเราอยู่ที่เดิม ไม่ได้ต้านแรงโน้มถ่วงแต่อย่างใด หลอกตัวเองครับ ขาที่มันล้ามากกว่าเพราะมุมที่เอียงทำให้การวางเท้าไม่ถนัด มันเลยล้าครับ จากคุณ : แสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยอมยิ้ม - [ 14 ธ.ค. 49 12:57:49 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ... #23 "ดังนั้นจึงคิดว่า แค่การยกเท้าหน้าสูงขึ้นเล็กน้อย หรือ เป็นแค่การปรับท่าวิ่ง มันอาจจะไม่ได้ ทำให้รู้สึกเหนื่อยมากได้ เท่าไร (อย่างที่บอกผมเองลองปรับสูงสุด 15 องศา ก็ยังไม่เหนื่อยเพิ่มจากทางราบมากนัก ) แต่ถ้าเป็นเนินปกติ นี่ 15 องศา นี่เอาเรื่องเลย" อย่างนั้นถ้าเป็นพื้นราบ วิ่งบนลู่วิ่ง กับ วิ่งจริง คุณหมอเจ คิดว่าเหนื่อยเท่ากันละเปล่าครับ ถ้าตอบว่าเท่า ทีนี้ลองมาดูลู่เมื่อปรับความเอียงแล้ว ถามว่าความชันของลู่นี่เท่ากันตลอดทั้งความยาวสายพานละเปล่า คำตอบคือความชันเท่ากันตลอดทั้งสายพาน ดังนั้นไม่ว่าในขณะใดที่เราก้าวเท้าบนลู่ที่ปรับมุมเอียง ความเอียงก็ยังคงเท่ากันตลอดทั้งแนวสายพาน ดังนั้นการที่จะมองว่าสายพานมันวิ่งลงมารับเท้าเรา แต่ในความเป็นจริง ความชันของลู่ก็ยังคงเท่าเดิมตลอด ดังนั้นถ้าคิดว่าวิ่งบนพื้นราบใช้แรงเท่ากับวิ่งบนถนนจริง ดังนั้นวิ่งบนลู่ปรับมุม ก็น่าจะใช้แรงเท่ากับวิ่งบนเนินจริงด้วย เนื่องจากมุมเอียงของลู่เท่ากันตลอดทั้งแนวสายพาน จากคุณ : 73078 - [ 14 ธ.ค. 49 12:58:49 A:203.208.250.164 X: TicketID:073078 ]

ความคิดเห็นที่ 27 อืมน่าคิดเด๋วกลับบ้านคืนนี้จะลองเอาทฤษฎีมาจับดูดีกว่า จากคุณ : tragodius - [ 14 ธ.ค. 49 14:44:37 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ถ้าคุณหมอวิ่งชัน 15 ด้วยความเร็วสัก 9-10 ได้ครึ่งชั่วโมง ผมคารวะเลย ผมไปฟิตเฟสมาปีนึงแล้ว ไม่เห็นใคนทำได้แบบนี้เลย จากคุณ : ผู้เฒ่าสายลม - [ 14 ธ.ค. 49 16:10:30 ]

ความคิดเห็นที่ 29 น่าจะกินแรงมากขึ้นนะครับ ผมมองที่ภาพรวมของการเคลื่อนที่ของคนนะครับ สมมติว่าที่แนวราบก่อน การที่สายพานพาเราย้อนไปข้างหลังด้วยแรง(ความเร็ว)ค่าๆนึง -V1 ทำให้เราต้องเคลื่อนที่ในแนวราบเพื่อรักษาระดับความเร็วไว้ (= V1) แต่พอปรับให้มีความลาดชัน สมมติว่าระดับความเร็วเท่าเดิม ผลคือแรงที่เกิดขึ้นจะมีสองแกนคือตามแนวราบ กับแรงแนวดิ่งที่เราต้องพยุงตัวขึ้นเพื่อรักษาระดับความสูงไว้ (ไมงั้นเราจะไหลลง) ดังนั้นแรงตามแนวเอียงเราใช้เท่าเดิมเพราะความเร็วเท่าเดิม แต่เราต้องเพิ่มแรงขึ้นในแนวดิ่งเพื่อรักษาระดับความสูงไว้ คิดว่ายังไงก็ต้องเพิ่มแรงขึ้นอ่ะครับ จากคุณ : เค้าเรียกผมว่าเด็กสร้างบ้าน - [ 14 ธ.ค. 49 16:21:24 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ชัน 15 ความเร็ว 9-10 ครึ่งชม.นี่น่าลองดูเหมือนกัน เมื่อคืนวิ่งชัน 10 ความเร็วช่วงต้นยืน 11 ไป 15 นาที ก่อนตที่จะเป็น 12 อีก 2 นาที แล้วก็ขยับเป็น 13 อีก 1 นาที ก่อนที่ จะ Cool ลงมา 12-11-10-9-8 อีกช่วงล่ะ 2 นาที รวม เกือบๆ ครึ่งชม. ก็เหนื่อยพอใช้ แต่ยังพอไหว ว่างๆจะลองดู ครับ :P สำหรับคนที่ถามว่าวิ่งสายพาน กับวิ่งถนนต่างกันมั้ย ต่างกันครับ วิ่งสายพาน น่าเบื่อกว่า แต่ว่าเข่ากระแทกบาดเจ็บน้อยกว่า ปกติ ผมวิ่งถนนเป็นหลัก วิ่งถนน ซ้อมยาววิ่ง 2 ชม.ยังไม่น่าเบื่อเท่ากับ วิ่งสายพานครึ่งชม. แต่วิ่งสายพานเอาไว้ใช้ตอนบาดเจ็บหลังแข่ง กับข้อดี ของวิ่งสายพานอีกอย่างคือ มันบังคับเราให้ห้ามขี้เกียจ ห้ามอู้ ห้ามดึงช้า แต่ถ้าต้องเลือกอย่างใดอย่างนึง เลือกวิ่งถนนแน่นอน จากคุณ : -=Jfk=- - [ 14 ธ.ค. 49 16:22:32 ]

ความคิดเห็นที่ 31 คุณหมอครับ วิ่งลู่วิ่งกับวิ่งแบบปกติ อย่างไหนทำให้หัวเข่าเสื่อมได้มากกว่ากันครับ จากคุณ : ฮา1 - [ 14 ธ.ค. 49 21:34:39 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ถ้าเอาเซฟเข่าอย่างเดียว วิ่งลู่ save เข่ากว่า ครับ เพราะว่าลู่วิ่งส่วนใหญ่ มีพื้นกระดาน ที่ยืดหยุ่นแถมบางรุ่นยังมีถุงลม ยืดหยุ่นรับแรงกระแทกด้วย แต่การวิ่งบนถนนแต่ใช้รองเท้าดีๆ และเสริมพวกวัสดุซับแรงกระแทก เช่นโฟม หรือGel หรือยางเสริมส้นเท้า ก็ช่วยถนอมเข่าได้ ครับ จากคุณ : -=Jfk=- - [ 14 ธ.ค. 49 23:37:06 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ผมว่าปรับชันที่ 15 แต่เวลาวิ่งจริงจุดที่เท้าลงต่ำสุดอาจไม่ถึง 15 องศาก็ได้นะ + ความฟิต เลยทำให้ความรู้สึกไม่ต่าง จากคุณ : Dr.slump - [ 15 ธ.ค. 49 01:56:51 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ที่บริษัทมีเครื่องหนึ่ง มันจะเจ๊งแล้ว วิ่งแนวราบไม่ได้ สายพานหลวม มอเตอร์ดึงไม่ไป พอเท้าลงพื้นสายพานจะติด พอยกเอียง แรงดึงดูดของโลก กับน้ำหนักเรามันก็ช่วยกันดึงสายพาน จะวิ่งได้โดยไม่ติดขัดอีก สายพานสามารถดึงตัวเราได้ตลอดโดยไม่ติดแล้ว ผมวิ่งไปคิดไปอยู่ ว่า เอ๊ะ แล้วเอียงแบบนี้ใช้แรงมากขึ้นรึ ? วิ่งไปพักนึงก็รู้ว่า เออ เหนื่อยกว่าง่ะ แล้วพลังงานเราที่ใช้หายไปไหน ???  ปัญหานี้สำคัญมาก แค่เอียง แล้วพลังงนที่ใช้มากขึ้นมันมีผลอะไร ที่ไหน งง คิดไปคิดมา  อ๋อ   ตอนวิ่งตรงๆ มอเตอร์ฉุดไม่ไป แต่พอวิ่งเอียง มอเตอร์ฉุดมันวิ่งไปได้โดยไม่ติดขัด แสดงว่าพลังงานที่เราใช้ ไปช่วยมอเตอร์ให้ใช้พลังงานน้อยลง อ้าว..ทำไมเราไม่สามารถวิ่งโดยไม่เปิดสวิทช์ได้ล่ะ ? ก็ระบบมอเตอร์มันมีการแดมปิ้ง แกนมันจะฝืดมาก เมื่อไม่จ่ายไฟให้มัน เหมือนมันมีเบรค ใครเคยเล่นรถกระป๋องจะรู้ดี ทำไมรถกระป๋องโมใส่รีเลย์แล้วมันหยุดทันทีที่ปล่อยคันบังคับ  ไม่ไหลต่อ ? เพราะวงจรมอเตอร์ถูกลัดวงจรที่ปลายสาย เกิดการแดมปิ้ง เหมือนล็อกแกนไว้ไม่ให้หมุนไปตามแรงกระทำภายนอก ถ้าเราจ่ายไฟเข้ามอเตอร์ด้วยแหล่งจ่ายแรงดัน มอเตอร์จะถูกล็อกแกน หรือ ถูกแรงกระทำภายนอกให้หมุนเร็วขึ้นไม่ได้ ตัวมอเตอร์จะรักษาความเร็วสมดุลของมันไว้ แต่เมื่อจ่ายไฟให้มันด้วยแหล่งจ่ายกระแส  เมื่อนั้น เราสามารถล็อกแกน หรือบังคับด้วยแรงภายนอกให้หมุนนเร็วขึ้นได้โดยไม่ถูกดึงไว้ เหมือนกันกับเครื่องลู่วิ่งไฟฟ้า เราไม่สามารถบังคบให้มันหมุนเร็วกว่าเดิมได้ แต่แรงที่เราใส่เข้าไปตอนวิ่งพื้นเอียง   จะทำให้มันใช้ไฟน้อยลงกว่าระนาบตรงเท่านั้น  แรงที่เราใช้มากขึ้นตรงนี้ ทำให้เหนื่อยมากกว่าเดิม จากคุณ : NaCl - [ 15 ธ.ค. 49 09:03:19 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ผมก็คิดว่าลู่วิ่งชันขึ้น น่าทำให้เหนื่อยขึ้นกว่าลู่วิ่งราบๆ แต่คงไม่มากเท่าวิ่งขึ้นเขาจริงๆหรอก ลองมาคำนวนดูเล่นๆดีกว่า เวลาวิ่งบนลู่ที่ราบ แต่ละครั้งที่เท้าสัมผัสพื้น เราออกแรง (S1) ตั้งฉากกับพื้นเพียงแค่พอให้ยกตัวขึ้น ไม่ต้องออกแรงดีดตัวในแนวนอน เพราะตัวเราไม่ได้เคลื่อนที่ แต่เวลาพื้นเอียงมันกินแรงเพิ่มขึ้น ตรงต้องออกแรงมากขึ้นเพื่อชดเชยกับแนวแรงที่เปลี่ยนเพราะพื้นเอียงขึ้น ดังในรูปขวามือ จะให้แรงยกแนวดิ่งเท่าเดิมคือ S1 ต้องออกแรงเท่ากับ S2+f จากรูปขวา f x cosq = S2 x sinq สองแรงต้องต้านกันพอดี เพราะตัวเราไม่ได้เคลื่อนที่ในแนวราบ จะได้ว่า f =S2 x sinq / cosq ถ้าจะให้แรงในแนวดิ่งเท่าเดิม คือ S1 จะได้ว่า S1 = [S2 x cosq] + [S2 x [sinq/cosq] x sinq] = S2 x { [cosq x cosq / cosq] + [sinq x sinq /cosq] } = S2 x {[cosq x cosq] + [sinq x sinq] } / cosq S1 = S2 / cosq เพราะฉะนั้น S2 = S1 x cosq และ f = S1 x cosq x sinq / cosq ถ้าลู่วิ่งเอียงทำมุม q ต้องออกแรง S2+f = S1 x cosq + S1 sinq = S1 x [sinq + cosq] แทนค่ามุมลงไป ถ้าลู่วิ่งเอียง 15 องศาก็จะต้องใช้แรงเพิ่มขึ้นประมาณ 22 เปอร์เซนต์ (5 องศา เพิ่ม 8 เปอร์เซนต์, 10 องศา เพิ่ม 16 เปอร์เซนต์ จากคุณ : Amygdala - [ 15 ธ.ค. 49 13:30:02 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ... แล้วไม่คำนวณเปรียบเทียบกับเนินจริงด้วยเหรอครับ ว่ามันต่างกันละเปล่า แต่ผมคิดว่าไม่น่าต่างนะ เพราะ ยังไง slope มันเท่ากัน จากคุณ : 73078 - [ 15 ธ.ค. 49 17:04:40 A:203.208.250.164 X: TicketID:073078 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ต่างกันนะครับ เพราะวิ่งบนลู่มันแค่ถีบตัวขึ้นให้พ้นแล้วสายพานมันจะเพิ่มระยะทางให้เราเอง ในขญะที่ของจริงคุณต้องออกแรงในทุกๆเม็ด อีกทั้งแรงเสียดทานต่างกันมากครับ จากคุณ : คุณปลาทอง - [ 16 ธ.ค. 49 01:00:52 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ทดสอบกับตัวผมเองเลยครับ ผมว่าถึงปรับให้ชันแต่สายพานมันหมุดอยู่อ่ะครับ ออกแรงก้อใกล้เคียงกับของเดิม  แต่ถ้าวิ่งในสนามเราต้องออกแรงพาตัวเองไปข้างหน้า อันนี้ต้องใช้แรงมากกว่าครับ จากคุณ : Jenjutakarn - [ 17 ธ.ค. 49 01:36:02 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ... #37 ผมคิดว่าสิ่งที่คุณว่ามามันเป็นเรื่องของความรู้สึกมากกว่านะครับ "เพราะวิ่งบนลู่มันแค่ถีบตัวขึ้นให้พ้นแล้วสายพานมันจะเพิ่มระยะทางให้เราเอง" สายพานมันไม่ได้เพิ่มระยะทางให้เราเอง เราก้าวขาไปข้างหน้ายาวเท่ากับที่สายพานมันวิ่ง แล้วก็วางขาที่ก้าวไปข้างหน้าสูงขึ้นจากแนวระดับเป็นมุมชันเท่ากันความชันของสายพานที่เราปรับ ถ้าเราลองเอาสีทาไว้ที่รองเท้า แล้ววัดความห่างของการก้าวเท้า จะเป็นว่า ขาเราต้องก้าวให้มีระยะทางทันกับสายพานที่วิ่งมาก่อนที่เราจะตกสายพาน ในอัตราเร็วเท่ากับที่เราปรับเอาไว้ พิจรณาให้ดีในเรื่องความสัมพัทธ์ จะเห็นว่า ปัจจัยที่วิ่งบนสายพาน กับวิ่งบนถนนจริง ปัจจัยไม่ต่างกันคือ 1) อัตราเร็วในการวิ่ง 2)มุมที่วิ่งขึ้นทางชัน เนื่องจากความชันของลู่วิ่งสายพานจะเท่ากันตลอดทั้งแนวสายพาน จาก 2 ปัจจัยข้างต้น ผมมองไม่เห็นว่ามันจะช่วยให้ใช้พลังงานน้อยลงได้อย่างไร ส่วนเรื่องแรงเสียดทานที่คุณว่าต่างกันมาก แรงเสียดทานในกรณีนี้คือแรงเสียดทานที่ไม่ก่อให้เกิดการ slip แม้ว่าแรงเสียดทานที่ก่อให้เกิดการ slip บนสายพานน่าจะสูงกว่าบนพื้นถนน แต่แรงเสียดทานที่ว่านี้ไม่ใช่แรงเสียดทานที่เราต้องเอาชนะ เพราะขณะที่เราวิ่ง แรงเสียดทานนี้เป็นตัวที่พาเราไปข้างหน้า ซึ่งเราต้องใช้แรงเท่า ๆ กันในทั้ง 2 กรณี้ คือ เอาชนะมวลของตัวเรา เพื่อให้เกิดการสัมพัทธ์ไปข้างหน้า ไม่ใช่เราจะต้องออกแรงชนะชนะแรงเสียดทานที่พื้น หรือ เท่า ๆ กับแรงเสียดทานที่พื้น ตรงจุดนี้คุณเข้าใจผิดแล้ว สรุป แม้ว่าบางคน รู้สึกว่าวิ่งบนสายพานเหนื่อยน้อยกว่า วิ่งบนเนินจริง แต่ถ้ามองในแง่ความสัมพัทธ์แล้ว ทั้งสองการณีมีความสัมพัทธ์ที่เหมือนกัน ต่างกันในแง่ทิศทางของการสัมพัทธ์ วิ่งจริง คนเคลื่อนที่ไปข้างหน้า และขึ้นมุมชัน ในขณะที่ถนนอยู่กับที่เมื่อเทียบกับโลก วิ่งบนลู่วิ่ง ลู่เคลื่อนที่ไปข้างหน้า และทำมุมชัน ในขณะที่คนอยู่กับที่เมื่อเทียบกับโลก จากคุณ : 73078 - [ 18 ธ.ค. 49 08:57:23 A:203.208.250.164 X: TicketID:073078 ]