ความคิดเห็นที่ 1 ทีมสไนเปอร์ บ้านเราใช้ปืนกลอ่ะ ยิงรัวเลย จากคุณ : แมวเหมียวส่งข่าว - [ 20 ธ.ค. 49 16:27:56 A:125.25.49.158 X: TicketID:123886 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เพื่อนเล่าให้ฟังนานแล้วเฉพาะตอนเริ่มต้นนะครับ บอกว่ากะเหรี่ยงกลุ่มนี้ต้องการยา ซึ่งตอนนั้นกะเหรี่ยงกลุ่มนี้กำลังปะทะกับอีกฝ่ายหนึ่งอย่างหนักก็เลยข้ามมา เอายาที่โรงพยาบาลราชบุรี จากคุณ : theopp - [ 20 ธ.ค. 49 16:54:50 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ยังไงก็ดูดีกว่ารัสเซียช่วยตัวประกันอะนะ  รมแก๊สซะไม่เหลือ... จากคุณ : craftman - [ 20 ธ.ค. 49 16:54:53 ]

ความคิดเห็นที่ 4 กระเหรี่ยงจากค่ายอพยพ และชายแดนแถว สวนผึ้ง  บุกเข้ายึดรพ.ราชบุรี นอกจาก ต้องการยา แล้วก็ จะบังคับเอาหมอและพยาบาล เข้าไปรักษาพวกตัวเอง ในเขตพม่า ตอนนั้นจับตัวประกัน หลายร้อยคนเข้ารวมกันไว้ การเจรจาต่อรอง กัน ทำอยู่หลายชม. ก่อนที่ทาง การจะส่งสายปนเข้าไปข้างใน แล้วพอได้โอกาส ก็บุกเข้าชาร์ตรัวยิง ด้วยปืนกล โจรพม่าตายหมด ตัวประกันดูเหมือนโดนลูกหลง บ้าง หลังจบเคสแล้ว มีการถกกันบ้าง ว่า โจรบางคนยอมแล้ว แต่โดนจ่อยิงทิ้งหรือไม่ ก็ยังเป็นปริศนา แต่ก็ต้องยอมรับ ว่าเป็นการ แก้ปัญหาแบบเฉียบขาดพอใช้ จากคุณ : -=Jfk=- - [ 20 ธ.ค. 49 17:09:56 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เข้ามืด...คนร้ายได้จี้รถประจำทางให้มาส่งที่รพ. ประมาณ 7.30 น....คนร้ายได้เข้าทางประตูฉุกเฉินของรพ.ซึ่งมีผู้คนจำนวนมากที่รอตรวจอยู่(รู้ได้จากเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล) ประมาณ7.35น....ตำรวจรับแจ้งเหตุและเข้าไปยังที่เกิดเหตุ ประมาณ8.30น....ผู้ว่าราชการจังหวัดได้สั่งปิดสถานที่ราชการ เพื่อป้องกันการก่อเหตุเพิ่ม... ...ทราบกลุ่มคนร้ายใช้ชื่อพวก"ก็อดอามี่"ในการเจรจากับเจ้าหน้าที่คนร้ายต้องการแพทย์เพื่อไปช่วยเหลือพวกของตนที่ได้รับบาดเจ็บ โดยได้ขู่วางได้วางระเบิดไว้รอบรพ.แล้ว ประมาณ18.30น....ทั้งคนร้ายและตัวประกันเริ่มอิดโรยและมีตัวประกันบางส่วนหนีออกมาได้ จำได้แค่นี้ครับ และก็ไม่ค่อยชัวร์ด้วยแต่ก็คงประมาณนี้ ด้านการสั่งการ/เตรียมการกันที่สนามกีฬาครับ(อยู่ตรงข้ามรพ.มีถนน2เลนกั้นเท่านั้นเอง)  ตัว รพ.นั้นอยู่ในโซนสถานที่ราชการมีบ้านคนอยู่น้อย แต่ที่สำคัญห่างกันไม่เกินร้อยเมตรมี รร.มัธยมระดับใหญ่(พิเศษ)+ไม่เกิน500เมตรมีห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขาราชบุรีและรร.ประถม+เป็นช่วงเช้าชั่วโมงเร่งด่วนซึ่งแถวนั้นจะพลุกพล่านไปด้วยคนจำนวนมากอยู่ทำให้ในช่วงแรกต้องโกลาหนหน่อย ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยผมจำไม่ได้  แต่ปัจจุบันนี้รพ.ก็ปกติครับภายในก็ปกติทุกอย่าง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ผมดูจากสภาพภายในของรพ.ที่มีพื้นที่มากมีตึกสูง+มีช่องทางเข้าออกหลายช่องทาง คงยากทีเดียวที่จะบุกเข้าไปช่วยเหลือตัวประกัน จำได้แค่นี้... จากคุณ : HanumaN-ZA - [ 20 ธ.ค. 49 17:25:22 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ค่อยๆส่งคนเข้าไปครับ แล้วจัดการจากข้างใน ไม่ได้บุกเข้าไปทีเดียว แต่จะว่าไป มันไม่สงสัยเลยเหรอ ใส่เสื้อกาวน์แต่หัวเกรียนตัวบึ้กเลยเนี่ย ส่วนเรื่องยิงทิ้ง ก็ไม่ทราบว่าจะเก็บเอาไว้ทำอะไรอะครับ ผมว่าไม่เห็นแปลก จากคุณ : suansiam - [ 20 ธ.ค. 49 18:49:00 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผบ เรือนจำ ที่เป็นตัวประกัน ตายด้วยนี่ครับ จากคุณ : โลหการ4 - [ 20 ธ.ค. 49 19:08:42 ]

ความคิดเห็นที่ 8 จัดการด้วยอาวุธอะไรหรอครับที่ว่าจัดการจากข้างใน ปล.อยากรู้ จากคุณ : HanumaN-ZA - [ 20 ธ.ค. 49 19:19:01 ]

ความคิดเห็นที่ 9 พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เผย นาที..เด็ดหัว"ก๊อดส์อาร์มี่" คอลัมน์ ความทรงจำในวันวาน โดย ประชา หริรักษาพิทักษ์ เช้าตรู่ 24 มกราคม 2543 ชาวเมืองราชบุรี ตื่นขึ้นมาพร้อมๆ กับแสงอาทิตย์อ่อนๆ ในห้วง "ฤดูหนาว" ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น..ไม่มีคาดคิดว่าในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า "ความร้อนระอุ" จะแผ่อานุภาพปกคลุมไปทั่วเมืองราชบุรี ความร้อนระอุที่ว่าคือ กองกำลังไม่ทราบฝ่ายติดอาวุธสงครามครบมือ บุกเข้าไปยึดโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี อ.เมืองราชบุรี พร้อมจับแพทย์ พยาบาล และคนไข้ เกือบ 600 ชีวิต เป็น "ตัวประกัน" ความสับสนอลหม่าน..เกิดขึ้นภายในโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี นานกว่า 2 ชั่วโมง ในที่สุดก็ทราบว่า กองกำลังที่บุกเข้ายึดโรงพยาบาลคือ "กลุ่มก๊อดส์อาร์มี่" จำนวน 10 คน ซึ่งเป็นกองกำลังส่วนหนึ่งของ "กะเหรี่ยงดีเคบีเอ" ที่มีฐานที่มั่นอยู่ตามตะเข็บแนวชายแดน จ.ราชบุรี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี อดีตผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.)สมัยนั้น ถูกมอบหมายจากรัฐบาล "ชวน หลีกภัย"(เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 ตั้งแต่ 9 พฤศจิกายน 2540-9 กุมภาพันธ์ 2544) ให้เป็น "ผู้บัญชาการแก้ไขวิกฤต" จากวันนั้น..จนวันนี้ ผ่านไปแล้ว 5 ปี.. "ผมยังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นได้ค่อนข้างชัดเจน เพราะใกล้ช่วงปีใหม่คือ เช้าวันที่ 24 มกราคม ถัดจากนั้น 1 วัน ก็เป็นวันกองทัพไทยพอดี เบื้องต้นเราทราบจากข่าวทีวีว่า มีกองกำลังติดอาวุธเข้ามายึดโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี โดยควบคุมหมอ พยาบาล และผู้ป่วยไว้หลายร้อยคน" พล.อ.สุรยุทธ์ เล่าวินาทีรับรู้ข่าวสะเทือนขวัญ..!! อึดใจเดียว หน่วยทหารในพื้นที่ ยืนยันข้อมูลว่ากองกำลังที่ก่อเหตุคือ "กะเหรี่ยงก๊อดส์อาร์มี่" เป็นชุดเดิมกับที่เคยบุกยึด "สถานทูตพม่า" ในกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2542 09.00 น. หลังรับทราบสถานการณ์ "ชวน หลีกภัย" นายกฯที่นั่งควบ รมว.กลาโหมขณะนั้น เรียกประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)นัดพิเศษ โดยมี พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ ผบ.สส. พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ผบ.ทบ. พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผบ.ตร. ขจัดภัย บุรุษพัฒน์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ภุมรัตน์ ทักษาดิพงศ์ ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ที่ปรึกษานายกฯด้านความมั่นคง ร่วมประชุมเพื่อระดมสรรพกำลังทางสมอง "วางแผน" แก้ปัญหา โดยมี "ผู้บริสุทธิ์" หลายร้อยชีวิตเป็นเดิมพัน เข็มนาฬิกาเดินไปกว่า 1 ชั่วโมง.. ที่ประชุมมีมติตั้ง พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นผู้บัญชาการแก้ไขวิกฤตจับตัวประกัน.. 10.30 น. เฮลิคอปเตอร์(ฮ.)ฝึกรุ่นแมลงปอ นำ พล.อ.สุรยุทธ์ พร้อม พ.อ.นินนาท เบี้ยวไข่มุข ฝ่าย เสธ.คู่ใจ ทะยานขึ้นจากดาดฟ้าชั้น 7 กองบัญชาการกองทัพบก ใช้เวลาไม่นานในอากาศ ฮ.ก็ลงจอด ภายในสนามกีฬากลางจังหวัดราชบุรี ซึ่งถูกเนรมิตเป็นกองบัญชาการสลายวิกฤต โดยมี พล.ต.อ.ประชา พล.ท.ทวีป สุวรรณสิงห์ แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ท.อาภรณ์ กุลพงษ์ เจ้ากรมการทหารช่าง และผู้ว่าฯราชบุรี มารอรับพร้อมรายงานสถานการณ์อย่างละเอียด "ไปถึงที่นั่นก่อนเที่ยง ก็ประชุมกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย การแก้ไขปัญหาเบื้องต้นคือ ส่งเจ้าหน้าที่จาก สมช. เข้าไปเกลี้ยกล่อมเพื่อให้คนร้ายปล่อยตัวประกัน แรกๆ เราขอส่งอาหารและน้ำดื่ม ซึ่งจำเป็นสำหรับคนไข้และทุกคน ขณะเดียวกัน ก็จะพยายามหาข่าวไปด้วยว่าคนร้ายมากี่คน มีอาวุธมากน้อยแค่ไหน จากจุดนี้เราได้ข้อมูลที่ชัดเจนว่าคนร้ายมีทั้งหมดกี่คน"   12.00 น. ความพยายามในการ "เจรจา" กับกลุ่มก่อการร้ายให้ยอมมอบตัว ก็เริ่มต้นขึ้น จากชั่วโมงหนึ่ง...ต่อไปอีกชั่วโมงหนึ่ง เข็มนาฬิกาไม่หยุดเดิน เช่นเดียวกับการเจรจาที่ไม่หยุดนิ่ง แต่ "คำตอบ" ที่ได้รับยังล้มเหลว..กระนั้นเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ละความพยายาม.. ล่วงเลยถึงพลบค่ำ ดูท่าจะไร้วี่แววว่า "ตัวประกัน" จะได้รับอิสรภาพ จึงเริ่มคิดปรับเปลี่ยน "แผนใหม่" มีการเรียกหน่วยจู่โจมชั้นยอดของประเทศ ทั้งชุดปฏิบัติการพิเศษพลร่มป่าหวาย จากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จ.ลพบุรี หน่วยนเรศวร 261 จากหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในสังกัดกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน หน่วยอรินทราช 26 จากกองบัญชาการตำรวจนครบาล หน่วยคอมมานโดจากกองปราบฯ มา "สแตนบายด์" เพื่อเตรียมปฏิบัติการขั้นเด็ดขาด..!! "ก๊อดสอาร์มี่ พยายามตั้งเงื่อนไขในการเจรจาหลายๆ อย่าง ซึ่งพิจารณาแล้วไม่สามารถทำตามได้ อย่างการขอ ฮ.พร้อมแพทย์ 10 คน เพื่อนำไปรักษานักรบก๊อดสอาร์มี่ ที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับทหารพม่า ขอไม่ให้ไทยและพม่าวางกำลังปิดล้อมชายแดน เพื่อให้เขาสามารถเคลื่อนไหวในบริเวณนี้ได้สะดวก ที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือ การขอให้ไทยปล่อยนักรบก๊อดส์อาร์มี่ที่ถูกจับคืนถิ่น ซึ่งข้อเสนอทั้งหมด ยากที่จะยอมได้" ห้วงนั้น พล.อ.สุรยุทธ์ ก็ได้รับรายงานว่า ภายในเริ่มมีการเคลื่อนไหว... คนร้าย 7 คนร้าย ต้อนตัวประกันกว่า 200 คน หลบขึ้นไปบนชั้น 2 ภายในตึกอำนวยการ ขณะที่อีก 2- 3 คน ลงมาดูความเรียบร้อยบริเวณชั้นล่าง พร้อมจัดการวางระเบิดตามประตูทางเข้าออก และจุดต่างๆ หลายแห่ง 22.00 น.เศษ "ชวน หลีกภัย" บินด่วนจากกรุงเทพฯ พร้อมด้วย พล.ต.สนั่น และ พล.อ.มงคลมายังค่ายภาณุรังษี ภายในกรมการทหารช่าง เพื่อหารือถึงข้อเสนอซึ่งเป็น "ทางออกสุดท้าย" ให้กับกลุ่มนักรบก๊อดส์อาร์มี่ "หลังการประชุม ทางออกก็คือ การขอให้ก๊อดส์อาร์มี่วางอาวุธและยอมมอบตัว ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไทยจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวแต่จะส่งเรื่องให้ ศาลโลก เป็นคนตัดสินเพื่อความเป็นธรรม" นั่นคือข้อเสนอ ซึ่ง พล.อ.สุรยุทธ์ก็ไม่มั่นใจนักว่าจะ "ได้ผล" จริงอย่างที่คิด..ไม่มีคำตอบใดๆ จากฝ่าย "ก๊อดส์อาร์มี่" หลังได้รับข้อเสนอ..? 23.15 น. สถานการณ์มาถึง "ทางตัน" ไม่พบ "ทางสว่าง" ในการแก้ไขปัญหา "ชวน หลีกภัย" จึงหันไปขอความเห็นจาก พล.อ.สุรยุทธ์ ในฐานะผู้บัญชาการฯ ใช้เวลาประเมินสถานการณ์ในใจอย่างถี่ถ้วนพอสมควร .. ที่สุดก็เผย "การตัดสินใจ" ครั้งสำคัญให้ที่ประชุมรับทราบ "ตอนนั้นได้ชี้แจงว่า เราพยายามเจรจาทุกวิถีทางอย่างดีที่สุดแล้ว หากแก้ไขไม่ได้ ก็จำเป็นต้องใช้กำลังเข้าชิงตัวประกัน เพราะขืนปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปถึง 24 ชั่วโมง ตัวประกันจะมีปัญหาเพราะว่าเป็นคนป่วยทั้งหมด ขณะที่หมอ พยาบาลก็จะไม่ไหว ผู้ป่วยอีก 400 คน ที่เหลือ ซึ่งกระจายอยู่ตามตึกต่างๆ ก็จะลำบาก เพราะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หากไม่ดำเนินอะไร ทุกอย่างก็จะเลวร้ายหนัก"   ทุกคนในที่ประชุม..นิ่งเงียบ มองหน้ากันไปมา เพราะรู้อยู่แล้วว่า ปฏิบัติการขั้น "แตกหัก" จะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 ธ.ค. 49 19:29:05 ]

ความคิดเห็นที่ 10 หลังไร้ทางเลือก ความจำเป็นที่จะต้องใช้ "วิธีรุนแรง" เข้าแก้ปัญหา จึงเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้..! แต่ก่อนจะ "ไฟเขียว" ให้ปฏิบัติการขั้นเด็ดขาด "ชวน หลีกภัย" แสดงความวิตกกังวล เพราะเกรงว่าจะเกิดความ "ผิดพลาด" จนกลายเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ "โจทย์สำคัญที่ท่านชวนย้ำก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ คือปฏิบัติการครั้งนี้จะต้องไม่มีตัวประกันบาดเจ็บล้มตายเป็นอันขาด" เขาได้สร้างความมั่นใจให้กับนายกรัฐมนตรีขณะนั้น ว่าจะสามารถฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปได้..ทั้งที่ภายในใจรู้ดีว่า ภารกิจที่รออยู่เบื้องหน้า หนักหนาสาหัสยิ่งนัก..!! ก่อนการเดินทางกลับของ "ชวน หลีกภัย" และคณะ..แผนปฏิบัติการก็ได้เริ่มต้นขึ้น "ตอนนั้น มีการเตรียมให้ พล.ต.สนั่น(ขจรประศาสน์ รมว.มหาดไทย ขณะะนั้น) สัมภาษณ์สื่อ ก่อนเดินทางกลับว่า รัฐบาลไทยจะเปิดเจรจาใหม่ในเช้าวันพรุ่งนี้(25 มกราคม) แต่หารู้ไม่ว่านั่นคือกุศโลบายล่อหลอกให้ก๊อดส์อาร์มี่ตายใจ" นั่นคือหนึ่งในแผนปฏิบัติการ..จากนั้นไม่กี่อึดใจ ปฏิบัติการ "ชิงตัวประกัน..เด็ดหัวก๊อดส์อาร์มี่" ก็เริ่มต้นขึ้น.... 23.45 น. พล.อ.สุรยุทธ์ เรียกพลร่มป่าหวาย ตชด.ค่ายนเรศวร หน่วยอรินราช 26 จาก 191 รวมทั้งคอมมานโดจากกองปราบฯ มาเคลียร์แผนก่อนลงมือ "ผมเน้นทุกคนต้องทำตามแผน ต้องละเอียด รอบคอบ และรัดกุม กำชับหน่วยกล้าตายทุกนายให้ใช้แค่อาวุธปืนพก หรือปืนสั้นเท่านั้น หากไม่จำเป็นจริงๆ ห้ามหยิบ เอ็ม-16 หรือเอชเค ออกมาใช้เด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิดลูกหลง แฉลบไปถูกตัวประกันบาดเจ็บล้มตายได้ ที่สำคัญปฏิบัติการนี้ห้ามเกิดข้อผิดพลาดอย่างเด็ดขาด" พล.อ.สุรยุทธ์บอกขั้นของแผนอย่างละเอียดหลายต่อหลายรอบ เพื่อความแม่นยำ 03.00 น. ของวันที่ 25 ธันวาคม คือ "เวลานัดหมาย" ของการเริ่มต้นปฏิบัติการ "ช่วงเวลาตี 1 เราเริ่มจากการออกอุบายทำทีให้ พล.ท.ทวีปเปิดแถลงข่าวความคืบหน้าเหตุการณ์ให้สื่อทราบ ภายในโรงยิมเนเซียมเพื่อกันสื่อ ไม่ให้เข้าไปวุ่นวายและถ่ายภาพการเคลื่อนกำลังที่อาจทำให้คนร้ายรู้ตัว แผนการทั้งหมดอาจจะล้มเหลว" พลันที่ทุกอย่างอยู่ในความควบคุม กำลังทั้งหมดรุกคืบเข้าไปประจำตามจุด..!! แม้จะตัดอุปสรรคเรื่องสื่อออกไปได้ แต่ระหว่างผ่องถ่ายกำลังเข้ายึดที่หมาย ประจำตามจุดต่างๆ เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น..? "จู่ๆ มีเสียงสุนัขเห่าขึ้นมา แผนเกือบแตก ผมสั่งให้กำลังทุกนายถอยออกมาตั้งหลักกันใหม่ ทำให้แผนการเข้ายึดต้องเลื่อนออกไปอีกเกือบ 2 ชั่วโมง" 05.00 น. คือกำหนดเวลาจู่โจมครั้งใหม่ ทุกอย่างเดินตามแผนเดิม เจ้าหน้าที่ทุกคนสามารถคืบคลานเข้าสู่ที่หมายอย่างไร้อุปสรรค 05.15 น. เมื่อทุกหน่วยพร้อม ปฏิบัติจึงเริ่มขึ้น "เราเริ่มจากการจุดถังน้ำมันให้ระเบิดบริเวณสนามกีฬาหน้าโรงพยาบาล เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของคนร้าย จังหวะเดียวกันเจ้าหน้าที่ก็เปิดฉากลุยด้วยการขว้าง สตั๊นบอร์ม(ระเบิดสีและแสงนำทาง) โดยมีเจ้าหน้าที่หน่วยกล้าตายที่รุกคืบเข้าไปฝังตัวอยู่ตามชายคา กันสาด ในระยะทำการของปืนพก รวมทั้งที่ซุ่มโป่งอยู่ข้างล่าง อยู่ก่อนแล้ว ก็ฉวยโอกาสกรู เข้าจู่โจมใส่คนร้ายแบบสายฟ้าแลบ" เป็นปฏิบัติการสายฟ้าแลบที่ พล.อ.สุรยุทธ์ย้ำว่า ขนาดนักรบก๊อดส์อาร์มี่ที่เก่งๆ เพราะผ่านการฝึกมาอย่างช่ำชอง ยังหมดสิทธิชักอาวุธตอบโต้ เพราะกว่าจะรู้ตัวทั้งหมดก็กลายเป็นร่าง "ไร้วิญญาณ" ไปเสียแล้ว ใช้เวลาปฏิบัติการไม่ถึง 15 นาที ทุกอย่างก็บยุติ ..โดยไม่มี "ตัวประกัน" ได้รับบาดเจ็บแม้แต่คนเดียว "หลังจุดระเบิดทุกจุดที่ประจำการอยู่ก็เข้าพร้อมกันหมด เสียงปืน เสียงของการยิงต่อสู้ก็ดังไม่มาก ไม่ถึงระงม เพราะส่วนใหญ่ใช้ปืนพก จะมีก็บริเวณชั้นล่างที่เจ้าหน้าที่ต้องใช้ปืนกล เนื่องจากคนร้าย คนหนึ่งได้วิ่งหนีเข้าไปอยู่ในห้องน้ำของอีกตึก และมีการขว้างระเบิดออกมา เจ้าหน้าที่จึงใช้ปืนกลกราดยิงเข้าไป แต่ตรงนั้นไม่มีตัวประกันอยู่" 05.40 น. สิ้นเสียงปืน ทหาร ตำรวจรีบรุดเข้าเคลียร์พื้นที่ ปรากฏร่างนักรบก๊อดส์อาร์มี่ 9 คน นอนเรียงรายจมกองเลือดในบริเวณไม่ห่างกัน ส่วนรายที่ 10 เสียชีวิตคาห้องน้ำหลังหลบหนีออกมาจากการปะทะเดือด จากการชันสูตรพลิกศพ ทั้งหมดมีบาดแผลถูกยิงที่ศรีษะในลักษณะ "เผาขน" และเสียชีวิตทันที พล.อ.สุรยุทธ์ให้เหตุผลที่ต้องเด็ดชีพทหารพระเจ้า อย่างน่าฟัง.. "เป็นการยิงระยะประมาณ 4-5 เมตร หลักของการชิงตัวประกันเจ้าหน้าที่ทุกคนก็จะรู้อยู่แล้วว่า การชิงตัวประกันที่จะไม่ทำให้บาดเจ็บคือ ต้องยิงทีเดียว ยิงทีศีรษะทั้งหมด ผู้ก่อการร้ายต้องเสียชีวิตทันที นั้นคือวิธีที่ดีที่สุด ถ้ายิงแล้วเขาไม่เสียชีวิต เขาก็อาจจะไปทำอะไรอย่างอื่น ที่อาจทำให้ตัวประกันอาจไม่ปลอดภัย อาจจะกดระเบิด หรือโยนระเบิดออกมา จุดนั้นอาจทำให้ตัวประกันบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้" ถือเป็นยุทธวิธีสากล ที่ใช้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก "เราทำเพื่อช่วยชีวิตคนของเรา แม้จะทำให้คนร้ายเสียชีวิต ในเหตุการณ์ที่คนของเราตกเป็นตัวประกันอยู่ 200-300 คน ผมก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่เราต้องทำ คงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ในฐานะที่เป็นทหาร เวลารบถ้าเขาไม่ตาย เราที่ต้องตายเป็นธรรมดา" บทสรุปของ "ชายชาตินักรบ" ที่แม้เหตุการณ์จะผ่านไปได้ด้วยดี แต่เขายอมรับว่าในใจลึกๆ "กังวลใจ" อยู่ไม่น้อย เพราะผลของการปฏิบัติการครั้งนี้..ไม่รู้สังคมจะพิพากษาการตัดสินใจของเขาเป็น "บวก" หรือ "ลบ" แต่นั้นไม่สำคัญ เท่ากับการเซฟชีวิตหลายร้อยตัวประกันให้อยู่รอด ..โดยมิเสียเลือดแม้แต่หยดเดียว..!! จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 ธ.ค. 49 19:29:20 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ลักษณะการถูกยิงของกะเหรี่ยงทั้งหมดคือ "การถูกยิงที่หัว" หรือ "Head Shot" ซึ่งเป็นลักษณะการยิงที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษทั่วโลกนิยมใช้ครับ ถึงแม้จะมีข่าวว่ามีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 7 นาย แต่การช่วยเหลือครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จสูงมากครับ เพราะตัวประกันไม่ได้รับรอยขีดข่วนแม้แต่น้อยครับ เป็นการแสดงถึงความสามารถของหน่วยเราได้เป็นอย่างดี จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 ธ.ค. 49 19:32:32 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ชีวิตตัวประกันมาก่อน กรณีที่ต้องบุกชิงตัวประกันนั้นก็คือ การเจรจาใช้ไม่ได้ผลแล้ว การเซพชีวิต เจ้าหน้าที่และตัวประกันต้องมาก่อนครับ แต่ NGO โง่ๆ เมืองไทยบางคนก็ ยังอุตสาไปว่า เจ้าหน้าที่ ที่ไปปฏิบัติหน้าที่ ในวันนั้นว่า ทำเกินกว่าเหตุบ้าง ทำไมต้องยิงที่หัวบ้าง ที่ร้ายกว่านั้น ไอ้รายที่ 10 นั้นแหละ ที่เขากล่าวหาว่า ไปยิงคนร้ายที่ยอมแพ้แล้ว เซ็ง NGO จากคุณ : Ice-man - [ 20 ธ.ค. 49 20:02:38 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เอาที่พอจำได้คร่าวๆ นะครับ ถ้าไม่ตรงบ้าง ก็ขออภัยเพราะนานมาแล้ว กลุ่มก๊อดอาร์มี่ ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธ ที่ต่อสู้กับทหารพม่า (ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเป็นกะเหรี่ยงคริสต์) โดยมีเด็กแฝดลิ้นดำ จอนนี่กับลูเธอร์ เป็นผู้นำสูงสุด ซึ่งพวกเค้าเชื่อกันว่า เป็นคนรับบัญชาจากสวรรค์ ได้เข้ายึด รพ.ศูนย์ราชบุรีตอนเช้า ก่อนหน้าที่ก๊อดอาร์มี่ จะยึด รพ.ศูนย์ราชบุรี กลุ่มนี้เคยดังลง นสพ. มาก่อนตอนที่เข้ายึดสถานทูตพม่า ตอนนั้นมาในคราบนักศึกษาที่เรียกร้องประชาธิปไตย มีหัวโจกใหญ่นำขบวนอยู่คนสองคน ซึ่งต่อมาหลังจากนั้น หัวโจกนั่นก็โดนกองกำลังผสมพิเศษทหารตำรวจจัดการเป่าขมอง ที่รพ. ศูนย์ราชบุรี (ถ้าจำไม่ผิดนะ) ในตอนยึดสถานฑูตนั้น ทางการเราใช้ไม้นวม โดยใช้การเจรจาต่อรอง เพราะเห็นว่ากะเหรี่ยงกลุ่มนี้ ทำไปเพราะต้องการประกาศให้โลกรู้ หรือการเรียกร้องทางการเมืองของพวกเค้า ซึ่งไม่มีเจตนาจะทำร้ายผู้บริสุทธิ์ หรือฆ่าคนแบบการก่อการร้าย ตอนนั้นการเจรจาจบลงด้วยการที่ รมต. ต่างประเทศ (สมัยนั้น) ยอมลงทุนนั่ง ฮ. พาพวกนี้ไปส่งถึงชายแดน เล่นเอาเรากลายเป็นพ่อพระ ซึ่งทางรัฐบาลทหารพม่าถึงกับเคืองอย่างมาก ที่เราปฏิบัติต่อเสี้ยนหนามของพวกเค้าอ่อนโยนเกินไป ในคราวต่อมา ราวกับพวกนี้ได้ใจ เห็นว่าเรียกร้องในครั้งนั้น ประสบความสำเร็จ จึงวางแผนยึดรพ. ศูนย์ราชบุรี เพื่อจับตัวประกันและให้เราส่งยา เวชภัณฑ์ หมอ ไปรักษาพวกที่บาดเจ็บ แต่ในการยึด รพ. คราวนั้น มันเกินไปมาก ไม่เหมือนสถานทูต เพราะการเข้ายึดโรงพยาบาล จับหมอคนไข้เป็นตัวประกัน เป็นสิ่งที่รับไม่ได้ตามหลักสากล เพราะแม้ในขณะสงคราม โรงพยาบาลหรือหน่วยกาชาดสากล เป็นสิ่งต้องห้ามทุกฝ่ายต้องหลีกเลี่ยง ครั้งนั้นจึงทำให้ทางการไทยตัดสินใจง่ายขึ้น ในการจัดการขั้นเด็ดขาดกับก๊อดอาร์มี่ เมื่อการเจรจาขั้นต้นตลอดช่วงกลางวันไม่เป็นผล ถ้าจำไม่ผิด ตามข่าว หน่วยที่บุกเข้าไปเป็นหน่วยผสมทหารตำรวจ ที่คัดเอาระดับหัวกะทิของแต่ละหน่วยมา การจู่โจมแตกหักจะทำในตอนค่ำ แต่ก่อนหน้านั้น ทางหน่วยได้ส่งทีมแฝงตัวเข้าไปก่อนแล้วโดยปลอมตัวเป็น หมอ เจ้าหน้าที่ คนไข้ โดยพกแค่ปืนพกซ่อนเอาไว้ และได้กระจายตัวแฝงปนกับคนไข้ และผู้คนในโรงพยาบาล มาร์คตัวเพื่อรอการให้สัญญาณจู่โจม ในตอนค่ำ เมื่อได้เวลาที่จะจู่โจม ทาง จนท. ได้ตัดไฟ และจุดระเบิดเสียงดังหลายลูก เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ มีการขับรถตำรวจเปิดหวอขับเข้าไปอย่างรวดเร็ว จนท. ก็ถือปืนวิ่งตามเข้าไปหลายคน จากทั้งทางด้านหน้าและด้านอื่นๆ ที่เตรียมไว้ เสียงระเบิดและรถหวอ เป็นการเบี่ยงเบนความสนใจกลุ่มก๊อดอาร์มี่ที่จับตัวประกันอยู่ แต่หน่วยที่จัดการจริงๆ คือ จนท. ที่แฝงตัวอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งเหล่านี้เป็นระดับพระกาฬ ยิงปืนสั้นแม่นมากๆ พวกเค้าฝึกมาให้ยิงหัว ไม่ได้ยิงตัว จึงไม่แปลกที่ศพก๊อดอาร์มีจะโดนยิงหัวทุกคน ตอนนั้นคาดว่ามีบางส่วนหนีไปได้ และ จนท. เราบาดเจ็บบางนาย กลุ่มที่บุกเข้าไปทีหลังก็เพื่อเคลียร์พื้นที่ ผมยังจำได้ว่า นสพ. ฝรั่งลงข่าวการบุกชิงตัวประกันว่า เป็นปฏิบัติการที่เสี่ยงและบ้าบิ่นอย่างมาก แต่ไม่รู้ว่าพวกเค้ารู้หรือเปล่า ว่าที่จุดระเบิด แล้วมีตำรวจเปิดรถหวอ มีทหารตำรวจวิ่งตามเข้าไปเข้าไป เป็นการเบี่ยงเบนความสนใจ ส่วนข้างในเค้าเริ่มยิงหัวกันตั้งแต่ระเบิดลูกแรกดังแล้ว นอกจากนี้ ในตอนนั้น สื่อถูกห้ามการถ่ายทอดหรือรายงานข่าว เพราะการรายงานข่าวเป็นเหมือนการบอกให้พวกนั้นรู้การเคลื่อนไหวของทางการ ตอนนั้นมีนายทหารเรียกนักข่าวเข้าไปในห้องบอกว่าจะแจ้งข่าว แล้วขังล็อคพวกสื่ออยู่ในนั้น เพราะเกรงนักข่าวจะรายงานจนเสียแผน แต่สักพักก็ต้องยอมปล่อยออกมาวิ่งทำข่าวกันต่อ หลังจากเคลียร์พื้นที่เสร็จ ก็มีนักข่าวหลุดเข้าไปถ่ายภาพไว้ได้อีก ภาพที่เห็นคือศพก๊อดอาร์มี่ นอนใส่กางเกงในตัวเดียว มือโดนมัดไพล่หลัง หัวโดนยิงกระจุยทุกศพ ทำให้ภาพบางด้านกลายเป็นว่า โดนจ่อยิงหัวเมื่อยอมจำนนแล้วหรือเปล่า ทำไมเสื้อผ้าไม่มี ทำไมโดนมัดมือเท้า ซึ่งอันนี้ก็ไม่อาจทราบได้ แต่แค่รู้ว่า ระดับมือพระกาฬของหน่วยรบพิเศษไทย ยิงปืนทั้งแม่นทั้งเร็ว ระยะ 5 เมตรไม่มีทางพลาดได้ พวกนี้ไม่ยิงตัวครับ เค้าฝึกมาให้ยิงหัวล้วนๆ สำหรับผู้เสียชีวิตฝ่ายพลเรือน เป็นคุณลุงอายุมากแล้ว คาดว่าหัวใจวายเพราะการบุกเข้าจู่โจม ตอนเคลียร์พื้นที่เสร็จ ในข่าวออกทีวี มีตำรวจสวมเครื่องแบบเดินตบเท้าออกมา ประชาชนปรบมือ ส่วนพวกหน่วยจริงก็ออกจากพื้นที่ไปหมดแล้ว ส่วนคนที่ได้เก๊กท่าถ่ายรูปมากสุด คงเป็น จนท. เก็บศพครับ นั่งเรียงโพสท่ารูปหล่อ ด้านหน้ามีศพก๊อดอาร์มี่ในผ้าห่อสีขาวตึงเปรียเรียบร้อยสิบกว่าศพกองอยู่ เหมือนนายพรานถ่ายรูปคู่กับกวางที่ยิงได้เลย ส่วนคนทำงานจริงไม่มีมาออกข่าวเหมือนในหนัง พวกนี้มาเงียบไปเงียบ เป็นความลับสุดยอด ข่าวที่ออกมา เพื่อน ตปท. ที่ติดตามมาตั้งแต่ต้นยังบอกเลยว่า สุดยอดจริงๆ ซึ่งผมก็เห็นด้วยนะ จากคุณ : heck - [ 20 ธ.ค. 49 20:45:28 A:203.155.125.178 X: TicketID:119117 ]

ความคิดเห็นที่ 14 สุดยอด วางแผนได้ดี ที่เดียว ไม่มีตัวประกันได้รับบาดเจ็บ จากคุณ : วัยละอ่อน - [ 20 ธ.ค. 49 20:49:09 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ไม่ทันกดรีเฟรชก่อน คุณ Skyman (Analayo) โพสไว้แล้ว :) จากคุณ : heck - [ 20 ธ.ค. 49 20:55:16 A:203.155.125.178 X: TicketID:119117 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ความเห็นของคุณ heck นี่น่าอ่านครับ ขอบคุณทีเขียนมาให้อ่านกันครับ จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 ธ.ค. 49 21:10:52 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ส่วนใหญ่หน่วยชิงตัวประกันที่ถูกฝึกมาของประเทศต่างๆทั่วโลก จะถูกฝึกให้ยิงที่หัว 2นัดซ้อน หรือที่นักยิงปืนเรียกการยิงแบบ double tap ครับ เพราะเป็นการยิงเพื่อปลิดชีวิตทันที และโอกาสพลาดน้อยที่สุด ให้ฝ่ายตรงข้ามตายอย่างแทบไม่ได้กระดิกตัวเลย เพื่อความปลอดภัยของตัวประกันครับ ถ้าจะไปยิงลำตัวก็อาจะเจอเสื้อเกราะกันกระสุนได้ แล้วพวกนี้ส่วนใหญ่จะฝึกยิงปืนกันจนแม่นเป็นจับวางแล้วโอกาสพลาดเป้าจะน้อยมาก สมัยนั้นพวกนักสิทธิมนุษย์ทั้งหลายที่ไม่ค่อยจะรู้เรื่องอะไรกับเขา ก็ออกมาเย้วๆกันใหญ่ หาว่าป่าเถื่อนบ้าง เกินกว่าเหตุบ้าง หาว่าจ่อยิงหัวบ้าง ยังมีบอกแกมประชดด้วยว่าทำไมทหารไทยแม่นจัง ยิงเข้าหัวทุกศพเลย หารู้ไม่ว่าที่พูดออกมานั้นยิ่งพูดยิ่งโชว์ความเขลาของตัวเอง ถ้าลองไปเคยเห็นหน่วยพวกนี้ฝึกชิงตัวประกันมาก่อนคงจะไม่มีข้อสงสัยเรื่องนี้แน่ครับ ในการชิงตัวประกันหลังชุดจู่โจมเข้าเคลียร์แล้ว ส่วนใหญ่กจะถอนตัวออกหมดแล้วให้ ตำรวจอีกชุดเข้าคุมพื้นที่แทนครับ คนส่วนใหญ่ที่ดูข่าวเลยคิดว่า ตชด เป็นชุดจู่โจมในครั้งนั้น จากคุณ : วิคเตอร์ - [ 20 ธ.ค. 49 21:43:49 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เท่มากๆเลย จากคุณ : -->+:+โชยุ&วาซาบิจัง+:+<-- - [ 20 ธ.ค. 49 21:51:27 ]

ความคิดเห็นที่ 19 .....อ่านแล้วสนุกมากๆเลยครับ ลุ้นตามไปด้วยเลย จากคุณ : bootsarin (bootsarin) - [ 20 ธ.ค. 49 22:54:56 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เออผมก็จำได้ว่ามีเสียงหมาเห่าจนแผนเกือบแตกนะ ถ้าแผนแตกตอนนั้นเหตุการณ์คงไม่น่าดูซักเท่าไร จากคุณ : jubchay - [ 20 ธ.ค. 49 23:31:16 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เยี่ยมครับ เหตุการณ์ครั้งนี้สื่อก็แย่นะครับ เน้นแต่เรื่องความเคลือบแคลงสงสัย เน้นอยู่นั้นแหละ ทุกศพถูกยิงที่ศรีษะในระยะเผาขน แต่กลับไม่เน้นเหตุผลว่าในสถานการณ์อย่างนี้วิธิที่ดีที่สุดคืออะไร การบุกชิงตัวประกันในสถานฑูตประเทศเปรู ในสมัยที่ฟูจิโมริเป็นประธานาธิบดี ครั้งนี้ก็เยี่ยมดีนะครับ(ชื่อประเทศไม่แน่ใจเขียนจากความทรงจำ) จากคุณ : GOD FINGER - [ 21 ธ.ค. 49 00:28:41 A:203.188.21.143 X: TicketID:124478 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เบื่อพวกสิทธิมนุษย์ชนเหมือนกันนะคับ ไม่รู้ว่าทำไมต้องมาเป็นเดือดเป็นร้อนแทนพวกโจรพวกนี้ ถ้าเมื่อไหร่ พ่อ แม่ หรือ ญาติพี่น้อง มันถูกจับไปมั่ง อยากจะรู้ว่ามันจะมาเรียกร้องแทนพวกโจรอีกมั้ย จากคุณ : จับได้โดยละม่อม - [ 21 ธ.ค. 49 03:45:07 ]

ความคิดเห็นที่ 23 น่าติดตามดีครับ ตอนนั้นเห็นข่าวยังตื่นเต้นไปด้วยเลย จากคุณ : Panda-baker - [ 21 ธ.ค. 49 03:46:10 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ตื่นเต้นมากเลยครับ ขอปรบมือให้กับนักรบไทย และขอขอบคุณผู้รุ้ที่ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ครับ จากคุณ : Disorder - [ 21 ธ.ค. 49 08:17:38 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ความคิดเห็นที่ 7   ผบ เรือนจำ ที่เป็นตัวประกัน ตายด้วยนี่ครับ จากคุณ : โลหการ4   - [ 20 ธ.ค. 49 19:08:42 อันนั้น เป็นเหตุการณ์ที่นักโทษชาวพม่า แหกคุก  โดยจับ ผบ. เรือนจำเป็นตัวประกัน ครับ จากคุณ : ปากหวาน - [ 21 ธ.ค. 49 09:50:37 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ในส่วนของการปฏิบัติการครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมครับ ประเด็น head shot ก็เป็นเรื่องปกติ แม้แต่การยิงซ้ำถ้าผู้ก่อการร้ายยังไม่ตายก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับปฏิบัติการแบบนี้ตามมาตรฐานต่างประเทศ แน่นอนว่าถ้าสื่อหรือองค์กรสิทธิฯมีหลักฐานก็คงเป็นเรื่องแน่ๆ คนที่ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์แบบนั้นในเวลานั้นคงไม่เข้าใจหรอกครับ ผมเคยดูสารคดีของ SAS เวลาเข้าจู่โจม แม้พวกเดียวกันถูกยิงเค้าจะไม่หยุดปฐมพยาบาลจนกว่าจะเคลียร์ครับ ส่วนหน่วยที่เข้าปฏิบัติเราไม่ได้เห็นในทีวีหรอกครับ เขาเป็น Unsung hero จากคุณ : เพื่อนอาร์ต - [ 21 ธ.ค. 49 10:22:21 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เพิ่มเติมอีกนิดว่าอย่าเชื่อภาพแบบในหนังที่ว่าหน่วยจู่โจมดุ่ยๆเข้าไปยิงๆคนร้ายแล้วก็จบ(ถ้าหนังเรื่องนั้นมีหน่วยจู่โจมเป็นพระเอก) จริงๆเค้าต้องวางแผนกันละเอียดมากเท่าที่จะหาข้อมูลได้ ทั้งแบบแปลนอาคารหรือยานพาหนะที่จะเข้าปฏิบัติงาน จำนวนและตำแหน่งคนร้าย อาวุธที่ใช้ ฯลฯ ถ้าข้อมูลมากพอเขามาร์คตัวกันเลยว่าใครจะยิงคนไหน หรือถ้าไม่มากพอก็อาจจะแค่กำหนดว่าใครรับผิดชอบพื้นที่การยิงเขตไหน ไม่มีการเข้าไปแบบสุ่มสี่สุ่มห้าครับ(นอกจากสุดวิสัยจริงๆ) เพราะไม่ใช่แต่ชีวิตเจ้าหน้าที่เหล่านี้เท่านั้น ที่สำคัญคือชีวิตตัวประกันผู้บริสุทธิ์ครับ จากคุณ : เพื่อนอาร์ต - [ 21 ธ.ค. 49 10:32:41 ]

ความคิดเห็นที่ 28 สุดยอดครับ กระทู้นี้  นับถือ ... จากคุณ : ด.เด็ก (asinfinity) - [ 21 ธ.ค. 49 15:35:59 ]

ความคิดเห็นที่ 29 รู้สึกว่ามันจะซ้ำซากไปหน่อยแล้วนะคับ เด๋วนักโทษพม่าแหกคุก เด๋วกะเหรี่ยงพม่ายึดสถานฑูตแล้วยังยึดโรงพยาบาลอีก ทั้งๆอย่างนั้นตอนนี้ก็มีข่ายคนต่างด้าวพม่าฆ่าชิงทรัพนายจ้างให้เห็นบ่อยๆ ผมว่าน่าจะแก้ไขตรงนี้เลยดีกว่านะคับ แก้ที่ต้าเหตุนะ ดีที่สุดแล้วคับ จากคุณ : S.nualrod - [ 21 ธ.ค. 49 21:39:54 ]

ความคิดเห็นที่ 30 สาเหตุ ก็คือคนไทย ไม่ยอมทำงาน แรงงานพวกนั้นไงครับ เอาง่ายๆ แค่ งานก่อสร้าง คนไทยยังไม่ค่อยยอมทำเลยครับ ตอนนี้ ไม่ใช่ตอนนี้สิ หลายปีแล้วละ ลองไปดูตามไซท์งานได้ วิศวกร นี่ต้องพูดได้ 3-4 ภาษา คือ ไทย(สื่อกับเจ้าหน้าที่) อังกฤษ(สื่อกับเจ้านาย อันนี้อ่อนแอสุด) พม่า และ ลาว (สื่อกับคนงาน แต่2ภาษานี่แล้วแต่ไซท์งาน แต่ถ้า คุมหลายที่ ก็อาจเป็นทั้งคู่) จากคุณ : วัยละอ่อน - [ 21 ธ.ค. 49 23:04:46 ]

ความคิดเห็นที่ 31 แจ่มจริงๆท่าน พล.อ.สุรยุทธ วางแผนได้ยอดเยี่ยม อ้อ เหตุการณ์ผ่านมาหลายปีนี่ ท่านไปขอโทษพวก ญาติพี่น้องของพวกกะเหรี่ยงรึยังล่ะครับ อย่าให้ต้องทวงนะ จากคุณ : sanamluang - [ 24 ธ.ค. 49 00:33:57 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ตอนยึดสถานทูตผมยังเรียนที่ ACC อยู่เลยนะ ยังจำได้เลยตอนนั้นเรียนไปได้สองคาบแรกบราเดอห์ก็ประกาศให้กลับบ้านกันหมด ออกมาเห็นนักข่าวเพียบ หลังจากนั้นไม่นานก็เรื่องยึดโรงพยาบาลราชบุรีนี่แหละ ป.ล. กรุณาอย่าเบี่ยงประเด็นกระทู้นะครับ ขอร้องละ แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 49 02:42:52 จากคุณ : I'AM - [ 24 ธ.ค. 49 01:36:49 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ฮา คห.31 จากคุณ : รบมิพัก รักมิยั้ง - [ 24 ธ.ค. 49 01:55:59 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ผมจำได้ว่าช่วงนั้นมี อ. ท่านนึงแสดงทอล์กโชว์แล้วนำเอาเหตุการณ์นี้มาเป็นมุขในการแสดง ที่ว่า "ทหารเค้ารีบยิงๆๆ ให้ตายให้หมด เพราะเช้าวันต่อมาเค้าต้องไปสวนสนามวันกองทัพไทย " ประมาณนี้นะ จากคุณ : ระเริงรัก - [ 24 ธ.ค. 49 02:16:29 ]

ความคิดเห็นที่ 35 คห 31 ก็ไปทวงดิ กร๊ากกๆๆๆๆ จากคุณ : anonz - [ 24 ธ.ค. 49 06:19:15 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เรื่องยิงคนร้ายที่ยอมจำนวน ผมว่าก็ไม่แปลกหรอกนะครับ  เพราะว่าถ้ายอมแล้วเราไม่ยิง  เราหันไปยิงคนอื่นแทน เดี๋ยวไอ้คนที่เราไม่ยิงมะกี้มันควักปื้นพกจากไหนไม่รู้กลับมาสวนเรากลับทำไงละนั่น ในสถานการณ์ตอนนั้น ต้องให้ชัวร์ไว้ก่อนดีที่สุด  รวดเร็ว ฉับไว ทีมที่เข้าจู่โจมสุดยอดมากครับ  ขอปรบมือให้จากใจจริง จากคุณ : 001 JZ Team (001 JZ Team) - [ 24 ธ.ค. 49 08:04:47 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ที่บอกว่า ปกิบัติการครั้งแรก เกือบแผนแตกเพราะหมาเห่า เลยต้องถอยมาตั้งหลัก ตอนแผน2นี้เขาปิดปากหมายังงัยครับ ผมสนใจตรงนี้มากๆ ไม่ได้กวนแต่อยากรู้จริงๆ หรือเก็บหมาก่อน จากคุณ : samuri - [ 24 ธ.ค. 49 11:48:59 A:192.168.10.187 X:202.129.44.130, 202.129.44.130 TicketID:124722 ]

ความคิดเห็นที่ 38 อ่านเพลินเลย ขอบคุณที่เล่าสู่กันฟังครับ จากคุณ : จุ๊บยางเป็ดน้อย - [ 24 ธ.ค. 49 12:59:18 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ...หมาตัวนั้นคงไม่เหลือแล้วล่ะค่ะ^^" จากคุณ : marvolo - [ 24 ธ.ค. 49 15:32:29 ]

ความคิดเห็นที่ 40 รอหมา หลับก่อนครับ จากคุณ : ARMS STRONG - [ 24 ธ.ค. 49 20:55:11 ]

ความคิดเห็นที่ 41 น่าจะยิงลูกดอกยาสลบใส่หมามั้งครับ จากคุณ : 001 JZ Team (001 JZ Team) - [ 24 ธ.ค. 49 21:35:51 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ไม่รู้ครับ จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ครับเพื่อนผมอยุ่ในโรงพยาบาลตอนนั้น เค้าบอกว่าจริง ๆ แล้ว หน่วยที่ทำหน้าที่จริง ๆ เก่งมากยิงเข้าหัวเกือบทุกนัดเลย  อันนี้ก็ยังสงสัยในคำพูดของมันอยุ่เหมือนหกันว่าแกเป้นตัวประกันเห้นเยอะขนาดนั้นเลยรึวะ จากคุณ : et009 - [ 24 ธ.ค. 49 23:02:07 ]

ความคิดเห็นที่ 43 สุดยอดมากครับ รู้สึกอุ่นใจและภูมิใจขึ้นมาทันทีเลยพอรู้รายละเอียด ทำให้อยากรู้เรื่องรายละเอียดเหตุการณ์อื่นๆด้วยอ่ะครับ อย่างเหตุการณ์พม่าแหกคุกนี่ถือว่าพลาดตรงไหนยังไงทำไมถึงมีคนตายเหรอครับ จากคุณ : chaya13 - [ 24 ธ.ค. 49 23:13:34 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ผมก็สงสัยเรื่องพม่าแหกคุกเหมือนกันครับ จากคุณ : sanamluang - [ 24 ธ.ค. 49 23:21:51 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เจ๋ง จากคุณ : เซี่ยวลี้ - [ 24 ธ.ค. 49 23:51:09 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณสำหรับ ความรู้ ครับผม จากคุณ : NukeSkywalker - [ 25 ธ.ค. 49 03:00:36 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ผมว่าพวกนี้เขาฝึกยิงปืนสั้นบ่อยจน หลับตายิงได้แล้วแหละ   ยิงเป้าอ่ะอาจจะแม่น แต่ยิงคนจริงๆ ก็อีกเรื่องนึง จากคุณ : Bigkub - [ 25 ธ.ค. 49 03:04:36 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เยี่ยม! จากคุณ : ชีริว - [ 25 ธ.ค. 49 06:52:03 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ผมเคยอ่านเรื่องนี้จากหนังสือที่นักข่าวไทยที่ทำข่าวให้ Reuter เขาบอกว่าเขางงมากๆ ที่ God Army ชุดนี้ผ่านด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ไทยตามรายทางเข้ามาได้ไง เพราะเวลาเขาจะไปทำข่าวพวกผู้นำกองกำลังอิสระตามแนวชายแดนนี่ การที่นักข่าวจะผ่านด่านพวกนี้เป็นไปไม่ได้เลย ต้องเดินเท้าหลายชั่วโมง โดยที่ต้องส่งกล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์ล่วงหน้าไปก่อน แต่นี่ God Army มันผ่านมาตั้ง 5 ด่านรวด ส่วนตอนที่เจ้าหน้าที่บุก ตัวประกันคนหนึ่งให้ข่าวว่าเห็นเจ้าหน้าที่ยิงหัวนักรบกระเหรี่ยงพวกนี้ทั้งที่ยอมจำนนนแล้ว แกสงสัยว่าเป็นไปได้หรือ เพราะขนาดแกอยู่ห่างจากจุดที่เขายิงกันสัก 400 เมตรยังต้องหมอบเสียติดพื้น ส่วนเรื่องยิงแม่นนี่ผมก็เคยเห็นมาเหมือนกัน ยิง .357 ร้อยรูเหมือนซาเอบะ เรียวเลยครับ แต่นี่ของจริง! น้องผมก็เคยเห็นพวกมาซ้อมยิงโดยเอาปลอกกระสุนลูกซองมาตั้งบนพื้นหลายๆ ปลอกแล้วก็ชักจากซองแล้วยิง แม่นและเร็วคอดๆ เห็นว่ารายนั้นเป็นราชองรักษ์ จากคุณ : dragunov - [ 25 ธ.ค. 49 11:08:25 ]

ความคิดเห็นที่ 50 พูดถึง ก๊อดอาร์มี่ ผมยังตื่นเต้นไม่หาย...ถ้าย้อนกลับไป5ปี วันที่24ธันวาคม 2544 ...ผมจะเล่าให้ฟัง ..ผมเรียนอยู่ โรงเรียนดรุณาราชบุรีพณิชยการ ซึ่งรั้วโรงเรียบติดกลับโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี(ห้องเรียนผมอยู่ติดกับบ้านพักพยาบาลเลย แบบว่าหลังคาชนกัน จำได้เพราะชอบแอบดูพยาล สวยๆ จนไม่มีสมาธิเรียน)     วันนั้นผมตื่นสาย(ปกติก็ไปสายประจำ) กำลังเดินไปโรงเรียน (หอพักผมห่างโรงเรียน200เมตร) ประมาณ 8.10น. ซึ่งเวลานี้ถือว่าสายแล้ว แล้วจะมาอาจารย์ฝ่ายปกครองคอยดักจับ พวกมาสาย ซึ๋งเป็นที่แน่นอนผมกับเพื่อนอีก3คน (ขาประจำ) ก็มีเส้นทางเข้าไปห้องเรียนไม่เหมือนคนอื่น คือพวกผมมีทางลัด ซึ๋งเป็นซอกเล็กๆระหว่างรั่ว รร.กับ รพ.  พอไปถึงห้อง ตายโหง เงียบกริบ ไม่มีมีแม้แต่เสียงแมว  คนหายไปเกลี้ยงเลยครับ เดินไปเดินมาในตึก สํกพัก  เสียงเพจเจอก็ดัง ติ๊ด ๆๆ ตี้ ติ๊ดๆๆๆ  (ตอนนั้นใครไม่มีเพจ ถือว่า ไม่เจ๋ง) "วันนี้ไม่มีสอน กลับบ้านได้ โรงพยาบาลโดนปล้น" นี่เป็นข้อความที่เพื่อนส่งมา  ผมนี้อ่านเสร็จน้ำแต่แห่งความสุข เริ่มปริ่มๆ ที่เบ้าตา คิดแต่ว่าไม่เรียน เป็นเหมือนการยกอะไรออกจากอก.. ผมกลับพอรู้รายละเอียด ต่างๆแล้ว ลงจากตึกมาโทรศัพท์หาเพื่อนที่บ้านอยู่หน้า รพ. คุยกันแล้ว คิดว่าไม่โดนอำนแน่  ก็เริ่มวางแผนการ ตื่นเต้น เล่นกัน โดยไม่คิดว่ามันจะอันตรายเลย..   เพื่อนผมเสนอให้ไปดูเหตุการณ์จริงๆที่โรงพยาบาล โดยไปทางรั้วที่ติดกับ รพ. แค่มุดไปเราก็เจอแล้ว  ผมชุกคิดได้ว่าที่หอ ผมมีกล้องส่องทางไกล ที่ไว้ดูนก (ของพ่อผมเอง) เลยบอกกับเพื่อนทั้ง3ว่าคนควรกลับไปเอากล้องมาก่อนแล้วค่อยมาอีกที เพื่อนก็เห็นด้วย เพราะจะไปเอากล้องถ่ายภาพมาด้วย ใช้เวลา15 นาทีเราก็เตรียมของเสร็จ คราวนี้เราจะเข้าโรงทางลัดอีก แต่เจอทหาร+ตำรวจ เพียบ ปิดรู ทางลัดเราหมด แล้วรู้ว่าเพื่อนๆเราที่โรงเรียนไปรวมตัวที่ห้างสรรพสินค้าชื่อซันนี่ ผมไปรวมกลุ่มที่ห้างนั้น ไปหาข่าวก่อน ได้ยินอาจารย์บอกว่า โจรกระเหรี่ยง มันปล้นรถบัสสาย ราชบุรี - โป่งกระทิง (ซึ่งเป็นรถบัสขนาดนั่ง60คน สี่น้ำเงิน ซึ่งเวลาผมกลับบ้านไปหาแม่ต้องนั่งสายนี้ไปลง อ.จอมบึง) ผมยังงง มันฝ่าเข้ามากลางเมืองมาได้ไงทั้งที่ๆ มีไฟแดง เป็น สิบ แถมต้องผ่านโรงพัก ของ2อำเภออีก(สุดท้ายทราบจากคนขับรถเมล์สายนี้ว่ามันชี้ให้คนขับ ขับเข้ามาตากปกติ)   เพื่อนอีกคน (เพื่อนคนนี้เวลามาโรงเรียนต้องเดินเข้าหลัง รพ. ผ่ากลาง รพ. มาโผล่ หน้ารพ. แล้วถึงมาเข้าประตูโรงเรียน)เล่าให้ฟังว่า กำลังเดินจะถึงหน้า รพ.อยู่แล้ว เห็นคนวิ่งกันมาเยอะมาก เลยวิ่งมาโรงเรียนเลย) รู้ที่หลังว่าพวกก๊อดอาร์มี่นี้มันจี้รถเข้ามาข้างหลังโรงพยาบาล ซึ่งติดกลับสนามกีฬา  เอาละครับ พอรวมรวมข้อมูลได้ ก็ขับมอไซด (สกู๊ดเตอร์) อัด4 ออกจากห้างซันนี้ บนถนนนี้โล่งครับมีแต่รถตำรวจ บนตึกที่รอบโรงพยาบาบ นี้ตำรวจเข้าประจำตำแหน่งกันหมดครับ เสียงหอบินเป็นระยะๆ วันนั้นขับรถผ่าไฟแดงตำรวจไม่จับ  ผมขับมาถึงหอ จอดรถเสร็จ ตกลงกับเพื่อนว่าจะไปเดินไปสนามกีฬากัน พอใกลัถึง เจอตำรวจอีกแล้ว ครับ เอาป้ายมากับทุกทางห้ามผ่าน ตอนนั้นเริ่มรู้แล้วว่า สถานการณ์มันอันตรายมาก แต่ไม่เป็นไรครับผมเป็นคนพื้นที่ครับ รู้ทางลัดไปสนามกีฬาดี (เชื่อว่ากำแพงของสถานที่ราชการเรามีรูทุกทีครับ)ผมลอดรู้เสร็จเดินลัดๆมาอีก100เมตร ก็ถึงหน้าสนามกีฬา ต้องตกใจอีกคับ นักข่าวนี่เพียบเลย ทั้ง ไทยและต่างประเทศ เห็นนักข่าวฝรั่งคนนึงเท่ห์มาก แกมาถึงว่างโน๊ตบุกลงกับพื้นหญ้า เสร็จแล้ว พี่แกก็ มาเอาอุปกรณ์อะไรรู้ เหมือนจานดาวเทียม มาต่อแล้วตั้งมันขั้น ดู้หรูมาก ผมเดินเป็นบอกว่าเป็นนักเรียนที่นี้นะ เป็นเจ้าของพื้นที่ แกได้ยินก็ถามซะเยอะ ยาวเยียด ผมจนปัญหาครับ ช่วยกันฟังกับเพื่อนๆแล้ว ไม่รู้เรื่องเลย มันพูดซะเร็ว ผมลืมไปว่าผมพูดได้แค่แน่นำตัวอย่างเดียว อย่างอื่นมั่วๆครับ  ซักพักอายครับขอลา  เชื่อไหมครับรถนักครับนี้ เพียบเลยครับจำได้ช่อง itv กับ ช่อง 11 มีรถคันใหญ่มากมาจอดเลย แล้วสงสัยจริง ว่าเวลาไม่ถึงชม. นี่ รถนักข่าวจาก กทม.มาถึงราชบุรีได้ คงวิ่งกันเร็วมาก ระยะทาง100 กม. แถมรถก็เยอะ ทุกวันนี้ผมกลับบ้านที่(ตอนนี้อยู่กทม.)อย่างน้อย2 ชม.ครับ  ความรู้สึกนะตอนนั้นมันตื่นเต้นสุดๆ คนก็เยอะ เสียงรถตำรวน วิทยุทหาร เสียง ฮ. เสียงนักข่าวรายงานสด ได้ใจมาครับ       ต่อจากนี้เป็นการแฝงตัวครับ  หลังจากดู้รอบๆแล้ว นักข่าวส่วนใหญ่เอากล้องยาว(เหมือนกล้องที่ถ่ายฟุตบอล) ไปว่างตรงรู้กำแพงของสนามกีฬา ห่างรพ.50เมตร. ผมเลยเดินถือกล้องส่องนก ไปร่วมวงด้วยเพื่อนอีก3คนก็เข้าไปจอยกัน รู้ทุกรู้โดนจอง มีอยู่รู้นึกพอดีสำหรับผม ผมรีบส่องเป็นคนแรก ได้ภาพชัดแจ๋ว ทหารก๊อดอามี ยืนถือปืน2คน ที่ผมเห็นใส่หมวกแบบปีรอบ อีกคนไม่ใส่ แต่มีผ้าพันคอสีแดงด้วย พรางหน้าด้วยเหมือนทหารไทย ไมยิ้มเลย คงเครียด(ก๊อดอารมี่ เขาเป็นทหารของชนกลุ่มน้อย ตามตะเข็บชายแดนไทย-พม่า ต่อสู้กับพม่าบ่อยๆ ซึ่งเป็นแนวกันชนไทยกับพม่า ถ้าคิดดีๆเขาก็มีประโยชน์กับเราเหมือนกัน เขาก็มีจิตใจนะ อุตสาห์ยอมเสียงชีวิตเพื่อตามหมอ ไปรักษาเพื่อนๆ ญาติ ๆ ของเขาที่กำลังจะตาย ถ้าผมเป็นผู้ชายในครอบครัว ก็ต้องทำอย่างนั้น บ้านเมืองเราโชคดีที่รวมเป็นประเทศ  ) เพื่อนๆ รีบแย่งกล้องดูบ้าง มีจังหวะนึงเพื่อนบอกว่า ก๊อดอามี่หันกระบอกปืน มาทางพวกเรา มันพูดซะดัง ทำให้นักข่าว ต่างหมอบกันหมด...เอาละคับ ผมกะเพื่อนก็เกาะติดกันไปเรื่อย จนเป็นข่าวอย่างที่ทราบกันละครับ  สรุปแล้ว มันได้ความสนุกแบบเด็กๆ ถ้าคิดแบเด็กๆ ถ้าผู้ใหญ่มอง ก็อีกเรือ่ง ทุกวันนี้เรานั่งทำงานในห้องแอร์เย็น ยังบ่นลำบากกันบ่อยๆ  ไม่หารู้ว่ายังมีบางพื้นที่ไม่มีที่ได้นั่งคิดอะไรเรือ่ยเปี่อย  ไม่มีโอกาสฉลองปีใหม่...ทำความดีนะครับ  จบแล้ว จากคุณ : พฤศจิ - [ 25 ธ.ค. 49 15:57:19 ]

ความคิดเห็นที่ 51 แระตอนนี้2พี่น้อง จอนนี่กะหลุ่ยะไร นั่นอะ(จำไม่ได้แระ) ที่ว่าเป็นเด็กเทพอะไรของพวกเค้าอะผู้นำฝาแฝด ได้ข่าวว่าโตเป็นหนุ่มแระ อยู่ในค่ายกักกันหงะ   มีใครตามข่าวบ้าง จากคุณ : คู่แค้น 7 ภพ - [ 25 ธ.ค. 49 16:30:08 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ตอนนั้น  ข่าวนี้ดังขนาดไหนครับ   ดังไปทั่วโลกพอ ๆ กับตอนกรือเซะเลยหรือเปล่าครับ จากคุณ : masueoh - [ 25 ธ.ค. 49 18:18:49 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบคุณสำหรับความรู้แน่นๆค่ะ จากคุณ : ...amy... - [ 25 ธ.ค. 49 20:36:10 ]

ความคิดเห็นที่ 54 อืม....อ่านะ จากคุณ : คุณชายอ่านะ - [ 25 ธ.ค. 49 22:43:27 ]

ความคิดเห็นที่ 55 มีรูปจอห์นนี่กับลูเธอร์ผู้นำทางจิตวิญญาณของก๊อดอาร์มี่ อันนี้ตอนเด็กๆครับ แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 49 04:49:01 จากคุณ : เชษฐา - [ 26 ธ.ค. 49 04:35:50 ]

ความคิดเห็นที่ 56 อันนี้น่าจะโตขึ้นมานิดนึง เป็นภาพที่แสดงให้เราเห็นถึง โทษของบุหรี่ครับ ฝาแฝดกัน คนนึงสูบ คนนึงไม่สูบ จากคุณ : เชษฐา - [ 26 ธ.ค. 49 04:38:59 ]

ความคิดเห็นที่ 57 อ่านจากที่เสิร์ชพบ แฝดคู่นี้เคยประกอบวีรกรรม ต่อสู้กับ ทหารพม่าได้รับชัยชนะแบบปาฏิหาริย์ ในขณะที่กะเหรี่ยง กลุ่มหลักหลบหนีไปแล้ว พวกกะเหรี่ยงกลุ่มหนึ่งจึงศรัทธาตั้งให้เป็นหัวหน้า และอ้าง ว่ามีพลังจากพระเจ้าสามารถเสกกระสุนล่องหน ระเบิด ล่องหน และทหารล่องหนหลายแสนคนได้ ตอนพีกๆมีพรรคพวกถึง ๒๐๐ คน ตอนหลังปฏิบัติการ ชิงหมอในไทยไม่สำเร็จ หัวกะทิถูกฆ่าหมด พรรคพวก เสื่อมความนิยม จึงยอมจำนนต่อไทยในปี ๒๐๐๐ ขณะนั้นเหลือลูกน้องเพียงยี่สิบกว่าคน และเร็วๆนี้ก็ยอมจำนนต่อพม่าแล้ว เอวัง เอนมา เทพมังกร ด้วยประการฉนี้ จากคุณ : เชษฐา - [ 26 ธ.ค. 49 04:47:38 ]

ความคิดเห็นที่ 58 วิจารณ์โดยตั้งสมมุติฐานว่าปาฏิหาริย์ทั้งหมดไม่มีจริง ฝาแฝดคู่นี้คงมีลักษณะพิเศษอะไรบางอย่างแหละครับ จึงถูกเชิดขึ้นมาเป็นผู้นำของกะเหรี่ยงกู้ชาติ เป็นเครื่อง ยึดเหนี่ยวทางใจ ซึ่งผมคิดว่าเป็นธรรมชาติที่มนุษย์ ทุกคนแม้แต่พวกเราในที่นี้มีความ ต้องการ และพร้อม จะอุปโลกน์ขึ้นเอง เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่คับขัน สิ้นหวัง เพื่อช่วยในด้านกำลังใจ (อย่างก็ตามท่านเทพมังกรมีจริงนะครับ) แล้วพวกเด็กนี้ก็ต้องอยู่ในสถานการณ์ที่กดดันพอสมควร ต้องสร้างภาพให้ดูศักดิ์สิทธิ์ ทำในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ เช่นสูบบุหรี่จัดๆ จนหน้าแก่เหมือนข้างบน จริงๆก็น่าสงสารเหมือนกัน พอยอมจำนนพม่าแล้ว หวังว่าจะกลับมาทำการทำงานสุจริตได้เน่อ (ตอนนี้พวกเขาก็น่าจะโตแล้วละครับ) จากคุณ : เชษฐา - [ 26 ธ.ค. 49 05:00:29 ]

ความคิดเห็นที่ 59 "นักรบ" ยามได้ก้าวเท้าเข้าสู่สมรภูมิ ย่อมเตรียมใจรับความตาย "นักรบ"ไทยที่บุกเข้าไปก็ต้องเตรียมตัว เตรียมใจที่จะสละชีพได้ทุกเมื่อ "นักรบ" กระเหรี่ยง ก๊อดอาร์มี่ รบเพื่อพระเจ้า เมื่อก้าวเท้าเข้าสมรภูมิ ย่อมเตรียมกาย เตรียมใจไว้พร้อม....................... สงคราม หากไม่ฆ่าเค้า เราก็ถูกฆ่า เป็นจริงมาทุกยุคสมัย จากคุณ : ฟาน (108dog) - [ 26 ธ.ค. 49 13:43:56 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ประดับความรู้ดีครับ จากคุณ : ๛กอล์ฟ - [ 26 ธ.ค. 49 14:05:01 ]

ความคิดเห็นที่ 61 วันนั้นผมกำลังนั่งรถไปเข้าค่าย ร.ด. ( จิงๆ ก็มีกันอยู่แล้วอะนะ ไม่รู้จะรอทำไม ) ผ่านราชบุรี ไปเขาชนไก่   ตอนเย็นวันนั้น ครูฝึกมาบอกว่า "กะเหรี่ยงยึด ร.พ.ที่ราชบุรีแล้ว ทางการไม่สามารถเรียกกำลังพลได้ทันเวลา  ขอให้ นศท.ทุกคนในผลัดนี้ เตรียมตัวให้พร้อม เราจะต้องออกเดินทางไปตรึงกำลัง เพื่อรอหน่วยสนับสนุนในคืนนี้" โอ้โห กำ เวร ครับ   เสียวกันทั้งผลัดดดดด จากคุณ : ห้องน้ำอยู่ทางนู้น---------->> - [ 26 ธ.ค. 49 15:06:28 ]

ความคิดเห็นที่ 62 อ่านอย่างเมามันส์ ขอบคุณที่โพสต์ให้อ่านกัน 0/ จากคุณ : วังบูรพา - [ 27 ธ.ค. 49 20:28:44 ]

ความคิดเห็นที่ 63 มันมากๆ จากคุณ : ฮักเมาน้องหล้า - [ 28 ธ.ค. 49 10:16:04 ]

ความคิดเห็นที่ 64 #61 แล้วได้ไปจริงหรือเปล่าครับ ครูฝึก รด. นี่อาได้ทุกสถานการณ์จริง ๆ จากคุณ : Capo - [ 28 ธ.ค. 49 13:08:10 ]

ความคิดเห็นที่ 65 น่าเอาไปทำหนังแบบ hollywoods เค้าทำมากๆ ขอแบบมันๆเลยนะครับ เลือดรักชาติของคนไทยจะได้พุ่งไปทั่วร่าง จากคุณ : Alekalone - [ 28 ธ.ค. 49 18:14:22 ]

ความคิดเห็นที่ 66 Head Shot !!! จากคุณ : David7 - [ 28 ธ.ค. 49 22:15:58 ]

ความคิดเห็นที่ 67 คิดเหมือน คห.37 เลย อิอิ สงสัยหมาโดนปิดปาก จากคุณ : นธี - [ 28 ธ.ค. 49 23:22:50 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ตอบความเห็นที่ 37/ 67 ค่ะ หมาโดนไล่(หลอก)ต้อนเข้าไปขังในหอประชุมไงคะ เลยทำให้แผนสองสำเร็จ :) จากคุณ : ว่านแพร - [ 29 ธ.ค. 49 00:11:46 ]

ความคิดเห็นที่ 69 อ่านแล้วก็มันดีครับ อย่างกับหนังฮอลลีวู้ด แต่ของจริงคงไม่มันเท่าไหร่ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่เรื่องใหญ่แบบระดับประเทศ แต่เป็นแบบ..ระดับเชื้อชาติ เชื้อชาติที่มีแผ่นดิน1 มีรัฐ                       ชนกลุ่มน้อย"ก"                          เชื้อชาติที่มีแผ่นดิน2 มีรัฐ ในอดีต "เชื้อชาติที่มีแผ่นดิน1" เข้าตี "ก" อยู่ตลอด เชื้อชาติที่มีแผ่นดิน1 มีรัฐ------------ชนกลุ่มน้อย"ก"                            เชื้อชาติที่มีแผ่นดิน2 มีรัฐ ด้วยกำลังก็พอจะทำให้ "ก" สูญเสียชีวิตบ้าง แต่ไม่ถึงกับสูญพันธุ์ เพราะ "ก" ยังพอหนีมาในเขตของ "เชื้อชาติที่มีแผ่นดิน2" ได้ เชื้อชาติที่มีแผ่นดิน1 มีรัฐ----------------- - - -- --   -                 เชื้อ"ก"ชาติที่มีแผ่นดิน2 มีรัฐ แม้ว่่าจะถูกกล่าวหาว่าเป็น นู่น นี่ นั่น ก็ยังดีกว่าถูกยิงจ่อหัวโดย "เชื้อชาติที่มีแผ่นดิน1" เวลาผ่านไปนาน นานมากๆ "ก" ไม่มีทีท่าว่าจะลดน้อยลง (ด้วยความสามารถที่สืบพันธุ์ได้เร็วและได้ผลดี) "เชื้อชาติที่มีแผ่นดิน1" (ซึ่งกระสันที่จะครอบครองพื้นที่ๆมีทรัพยากรธรรมชาติอยู่อย่างมหาศาล เต็มไปด้วย ก๊าซธรรมชาติ สัตว์ป่า และที่สำคัญ....ป่าไม้โดยพื้นที่นี้อยู่ในการปกครองของ"ก" ) จึงปิ๊งไอเดียกระฉูด (เลือดจะกระฉูดตามมา) โดยการ "เสนอความร่วมมือ" ดังภาพข้างล่าง เชื้อชาติที่มีแผ่นดิน1 มีรัฐ----ชนกลุ่มน้อย"ก"----เชื้อชาติที่มีแผ่นดิน2 มีรัฐ แต่เรื่องก็ไม่ง่ายและแฮปปี้อย่างที่พวกท่านๆในรัฐบาลของสองรัฐกระสันหยาบๆ เพราะการที่อยู่ๆ "เชื้อชาติที่มีแผ่นดิน2" จะ ปังปังปัง "ก" ก็เป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรมอยู่มากในสังคมโลก เนื่องจาก "เชื้อชาติที่มีแผ่นดิน2" ไม่ได้มีข้อขัดแย้งสาหัสกับ "ก" มาก่อน(ไม่มีข้ออ้าง และ.....เค้ามองอยู่) ไม่ยาก....ใครบางคนเสนอไอเดีย ("ใคร"ไม่ต้องมาถามผม ไม่รู้) ไอเดียที่ว่าเป็นยังไง...ไม่รู้ เพราะคงจะเป็นเรื่องที่ประชาชนอย่างผมๆ ไม่น่าจะรู้ได้ง่ายๆ แต่ ผลของ"ไอเดีย" ที่เป็น "เหตุการณ์" เราต่างก็เห็นได้ง่ายๆ ไม่ใช่เพราะเราตั้งใจไปเห็น หรือเพราะเรามีสื่อที่เสนอความจริงอย่างฉับไวเท่านั้น เรายังมีสื่อที่เสนอสิ่งที่พวกท่านๆ "อยากให้เราเห็น" อีกด้วย ทั้งสองเหตุการณ์ ตั้งแต่การยึดสถานทูตและยึดโรงพยาบาลฯ ล้วนมี "ไอเดียของทั้งสองรัฐ" ซ่อนเร้นอยู่อย่างตั้งใจ ถ้าการ"ดู"ในครั้งนั้น ไม่ใช่แค่ "แสงเข้าตา"แล้วเกิดอารมณ์กระสันหยาบๆอย่างเดียวกับท่านๆ(ในรัฐ) ก็จะ "เห็น" บางอย่างที่ผิดต่อความรู้สึก บางอย่างที่เหมือนหนามเล็กๆคอยทิ่มตำอยู่ตลอดเวลา บางอย่างที่ทำให้ความอยากค้นหาความจริงดันประทุขึ้นมาเรื่อยๆ :5 คน + อาวุธสงคราม ลักลอบเข้า"กลางใจเมือง" ยึด "สถานทูตฯ" เรียกร้อง....ต่อสังคมโลก: "เก่งกาจ มือโปรฯ ลักลอบเข้ามาได้ไง หรือใครใจดีพามาส่ง" "ยึดสถานทูตฯ ไม่ใช่เพื่อผลด้านการสงคราม ผลด้านการต่อรองทางการเมืองสำคัญกว่า จะต่อรองได้ ต้องประกาศต่อโลกให้มีผู้ร่วม"เห็น" มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ทั้ง 5 คน ใช้เครื่องมือสื่อสารในการประกาศเจตนารมณ์ไม่ถนัด ไม่เป็น.. ไม่เกิดผลดังที่น่าจะตั้งใจและเตรียมตัวอย่าง "เกือบโปรฯ" ในการนี้" "..." ยัง....ยังไม่พอ :10 "ก" ยึด "โรงพยาบาลฯ" ..ตัวประกันเป็น เด็ก สตรี คนแก่ ผู้ป่วย ผู้พิการพยาบาล ฯลฯ: "ใครๆเค้าก็อ้างเพื่อนที่อยู่ข้างใน ไม่ว่าจะเป็น เด็ก สตรี คนแก่ ผู้ป่วย ผู้พิการพยาบาล ฯลฯ ต่างคนก็มีข้อมูลต่างกัน มีด้านตรงกันข้ามกับที่ได้อ่านในกระทู้ข้างบนๆ ก็ขออ้างด้วยคนจะได้ไม่เสียเปรียบในเหตุการณืนี้" "ภาพที่เห็น" ก ทั้งหมด" เด้ด หมดโอกาสมอบสิ่งดีๆของเรื่องราวที่มา ที่ไป ที่อยู่ ที่ตาย ฯลฯ หมดสิ้นไป สะใจไปตามๆกัน (ก็มันใส่กางเกงในตัวเดียวนี่ครับ...น่ากลัวมากๆ ไม่กล้าส่องข้างล่าง เลยส่องกบาลมัน (ขอโทษที่ใช้อารมณ์ขันในเหตุการณืแบบนี้))" "ความสับสน ซับซ้อน กลัว ไม่มั่นคง เป็นอันตราย เป็นส่วนประกอบที่ดีในการใช้เป็น "ข้ออ้าง" ตาม "ไอเดีย" ที่วางมาอย่างเก่ง (ไม่ใช่ดี) ของสองรัฐ และก็เป็นไปในดีกรีที่ต้องการ คือ ความเกลียดชังต่อเชื้อชาติ"ก" (ไม่มาสัมผัสเอง ก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ อย่างที่มีคนว่า "ถ้าพวกมันไม่มาจับญาติพวกแก... แกก็คงจะเรียกร้องสิทธิบ้าบอคอแตกกันต่อไป ใช่ไหม? เหมือนกันครับ อยู่ที่ว่า ใครพูด "ดัง" และ "มาก" กว่าเท่านั้นเอง)" "มีข้ออ้างแล้วนี่ครับ ที่เหลือ ...ก็ลุยได้เต็มที่ ตามสะดวกครับ" 5 ปีที่แล้ว หลายครอบครัวของชนชาติ "ก" ได้หลบหนีภัยสงครามที่มีมาเนิ่นนาน แต่ครั้งนี้เท่านั้น ที่ความรู้สึกของการหวนคืนสู่หมู่บ้านดูจะทิ่มแทงและเจ็บปวดกว่าครั้งก่อนๆ เพราะไม่มีความเป็นไปได้หลงเหลืออยู่แม้เพียงเถ้าทุลี โรงเรียน โรงพยาบาล วัด โบสถ์ ถูกทำลายหมดสิ้นเพียงแค่ชั่วข้ามวัน ไม่เพียงลูกของแม่จะถูกข่มเหง ข่มขืน ซึ่งก็คงจะไม่เสียใจและคร่ำครวญเรียกร้องอะไร ถ้าแม่ธรณีที่เคยหล่อเลี้ยงชีวิตทุกชีวิตอย่างเท่าเทียม ก็ถูกย่ำยี ข่มขืน ด้วยไม่ต่างกัน ผืนป่าที่ "ก" เคยเฝ้าดูแลและอยู่ร่วมกันมาหลายพันฤดู ต่างก็ถูกกระชาก ฉีกทึ้ง รุมกัดกิน อย่างที่เรียกๆกันว่า ผู้หิวโหยจากประเทศกำลัง "พัฒนา" ป่าที่เคยเป็นที่เกิด เป็นที่อาศัย ตอนนี้ก็ยังเป็นที่หลบภัยอีกด้วย กี่คืนแล้วที่ต้องคอยหลบทหารที่ไม่รู้ว่าฝ่ายไหน ก็ไม่สำคัญอะไรที่จะรู้ ห่วงแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เห็นหน้าครอบครัว หรือจะได้ข่าวว่าตายไปแล้วแทน ไอ้ตัวเล็กก็ยังไม่หย่านม แล้วก็คอยจะร้องไห้กระจองงองแงอยู่ตลอด บางครั้งถึงขนาดต้องเอามือเอาผ้าอุดปาก เพื่อให้มันเงียบ ในป่าชายแดนอย่างที่นี่ ไม่รู้ว่าจะมีทหารโผล่มาเมื่อไหร่.. . .. ... คำถาม ผลของการกระทำในวันนั้น ไม่ว่าของใคร มันคืออะไร อะไรตามมา อะไรคงอยู่ อะไรหายไป วิธีการได้มาซึ่งคำตอบต่างกันไปตามเหตุ ปัจจัย คำตอบ แต่ละคำตอบจึงแตกต่าง แต่ที่แน่ๆ เจ้าของคำตอบ คงดำรงชีวิตไปในทิศทางที่คำตอบนั้นเกิดขึ้นมา ป.ล. ไม่ได้เบี่ยงประเด็นในปฏิบัติการของหน่วย ฉก. ไม่มีความเห็นด้านยุธการเด็ดหัว 10 "ก" แค่มีอีกมุมที่ไม่ค่อยได้เห็นในกระทู้นี้ แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 49 12:31:36 จากคุณ : oaklympus (oaklympus) - [ 29 ธ.ค. 49 12:29:24 ]

ความคิดเห็นที่ 70 สงสัยว่า คุณว่านแพรรู้ได้ไงว่าเขาต้อนหมาเข้าห้องประชุม อะ ค่ะ แบบว่า  เรื่องหมากลายเป็นประเด็นใหม่ อิ อิ   คา ใจ จากคุณ : Fiorina - [ 29 ธ.ค. 49 21:33:34 ]

ความคิดเห็นที่ 71 คุณ Fiorina คะ แบบว่า มั่วค่ะ มั่ว(อิอิ) ก็เห็นนักข่าว(Watch Dog)ยังถูกหลอกได้เลย นับประสาอะไรกับหมา(dog)จริงๆล่ะคะ :) จากคุณ : ว่านแพร - [ 30 ธ.ค. 49 10:56:58 ]

ความคิดเห็นที่ 72 แล้วตกลงคุณ ห้องน้ำอยู่ทางนู้น---------->>  ได้ไปหรือเปล่าคะ จากคุณ : หัวใจสีชมพู - [ 30 ธ.ค. 49 16:10:27 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ... เข้ามาจอบ จากคุณ : เข้ามาจอบ - [ วันสิ้นปี 10:27:54 ]