ความคิดเห็นที่ 1 เริ่มกันเลยครับ ในพิพิธภัณฑ์จะมีส่วนการแสดงอยู่สองส่วน นั้นคือส่วนการแสดงในร่มและส่วนการแสดงกลางแจ้ง ชุดแรกเป็นเครื่องบินที่อยู่ในสนามหญ้าหน้าพิพิธภัณฑ์ครับ ลำแรก เครื่องบินฝึกแบบที่ 9 หรือ DHC-1 โดยปกติเค้าจะเรียกกันว่าชิปมังค์ (Chipmunk) เป็นเครื่องบินฝึกขั้นต้น ประจำการตั้งแต่ปี 2492 ถึง 2532 เอาใหม่ครับ ดูรูปที่ความเห็นที่ 9 ครับ แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 50 17:38:24 แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 50 17:32:07 แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 50 17:28:46 จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 17:09:09 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ถัดมา สีสันสดใสตามสไตล์เครื่องบินฝึก คือเครื่องบินฝึกแบบที่ 12 หรือ T-37 ครับ เป็นเครื่องฝึกไอพ่นครับ จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 17:16:31 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อีกลำนึงครับ บ.ฝ. 15 หรือ SF-260MT เครื่องฝึกขั้นต้นซึ่งปลดประจำการไปเมื่อปี 37 ถ้าจำไม่ผิดเครื่องรุ่นนี้ยังมีประจำการในกองทัพอากาศฟิลิปปินส์ครับ จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 17:19:27 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เครื่องบินฝึกแบบที่ 19 หรือ DHC-1 โดยปกติเค้าจะเรียกกันว่าชิปมังค์ (Chipmunk) >>>>>>>>น่าจะลืม เลข  1  คับผม เพราะ บฝ. 19  เป็น   PC-9 น่า จะเป็น   บฝ.9  คับผม  เจ้ากระรอกน้อย Chip monky จากคุณ : ชลน่าน - [ 20 มี.ค. 50 17:20:10 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เครื่องนี้มีตำนานครับ เพราะมันคือเครื่องบินที่ออกแบบและสร้างโดยฝีมือคนไทยล้วน ๆ คือเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบที่ 2 หรือชื่อที่หลายคนรู้จักว่า บริพัตร เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ ๒ กรมอากาศยานสร้างขึ้นได้รับพระราชทานชื่อว่า "บริพัตร" เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๐ (โดยพระยาเวชยันต์ฯ และคนไทยเป็นช่างเป็นครั้งแรก) ในปี พ.ศ. ๒๔๗๒ ใช้บินเดินทางไปเยือนอินเดีย และไปเยือนฮานอยในปี พ.ศ. ๒๔๗๓ บ.ท.2 (บริพัตร) ในปี พ.ศ.2470 น.ท.หลวงเวชยันต์รังสฤษฎ์ (อดีต ผบ.ทอ.) ได้ออกแบบและสร้างเครื่องบินขึ้นในราชการ เป็นเครื่องบิน ประเภททิ้งระเบิด ทอ.กำหนดแบบว่า บ.ทอ.2 ผลการทดลองประสบ ผลสำเร็จ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามว่า "บริพัตร" นับว่าเป็นการออกแบบและสร้างเครื่องบินใช้ในราชการได้เป็นครั้งแรกโดยคนไทย เคยประจำการในกองบินน้อยที่ 2 ประจำการใน ทอ. พ.ศ.2470 - 2483 บทบาทของ บ.ท.2 (บริพัตร) เคยเดินทางไปเยือนต่างประเทศ 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 ไปเยือนประเทศอินเดียตามคำเชิญของรัฐบาลอินเดีย กรมอากาศยาน ได้ส่ง บ.ท.2 ไปในปี พ.ศ.2472 ครั้งที่ 2 ไปเยือนอินโดจีนฝรั่งเศส กรมอากาศยานส่ง บ.ท.2 ไปฮานอยเพื่อเจริญสัมพันธไมตรี และนำพวงมาลา ไปวางที่อนุสาวรีย์ทหารฝรั่งเศสที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี พ.ศ.2473 http://www.dmbcrtaf.thaigov.net/aircraft/Bomb/boripat/boripat.htm แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 50 17:28:30 จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 17:27:15 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เรียนคุณชลน่าน กรรม ผิดจริง ๆ ด้วยครับ พิมพ์เพลินไปหน่อย แก้ไข้ครับ....ขอบพระคุณที่ตรวจทาน บ.ฝ. 9 ครับ เย้ย พิมพ์ปี ค.ศ. ผิดอีกแล้ว จ๊ากกกกกกก ขอผมตั้งสติสักครู่ครับ......สาธุ แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 50 17:34:19 จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 17:31:23 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เอ้า บริพัตรก็ไม่ได้โพสรูป กระทู้ชักพิการ เอาใหม่ครับ รูปนี้คือความเห็น 5 จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 17:33:28 ]

ความคิดเห็นที่ 8 บริพัตร ต่อ เครื่องบินแบบบริพัตร ไปเยือนประเทศอินเดีย เมื่อไทยสามารถสร้างเครื่องบินแบบบริพัตร ซึ่งเป็นเครื่องบินที่นับว่าดีเด่นในสมัยนั้นได้เอง ท่านเจ้าคุณเฉลิมอากาศ เจ้ากรมอากาศยานในระยะนั้น จึงมีความคิดเห็นว่า ควรจะมีการส่งเครื่องบินไปเชื่อมสัมพันธไมตรีกับประเทศต่าง ๆ เพื่อเผยแพร่เกียรติของประเทศให้กว้างขวางยิ่งขึ้น เมื่อเดือน พศจิกายน พ.ศ.๒๔๗๒ อุปทูตอังกฤษ มีหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศนำคำเชิญของรัฐบาลอินเดีย ขอเชิญรัฐบาลแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ส่งเครื่งบินทหารไปเยี่ยมประเทศอินเดียเป็นทางราชการ กระทรวงการต่างประเทศจึงส่งเรื่องให้กระทรวงกลาโหมพิจารณาให้ความเห็น กระทรวงกลาโหมตกลงรับคำเชิญและเมื่อได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตแล้ว จึงให้กรมอากาศยานดำเนินการตลอด คือเลือกสรรเครื่องบิน กำหนดตัวบุคคลที่จะไป วัน เวลา เส้นทาง แล้วรายงานให้ทราบ กรมอากาศยานตกลงส่งเครื่องบินแบบบริพัตร จำนวน ๓ เครื่อง ซึ่งเป็นเครื่องบินที่ออกแบบสร้างเองจากโรงงานกรมอากาศยาน กำหนดถึงกรุงเดลี ใน ๑ มกราคม ๒๔๗๒ โดยบินออกจากดอนเมืองและลงพักเป็นระยะ ๆ ดังนี้ ดอนเมือง - ย่างกุ้ง - อัคยับ - กัลกัตตา - อัลละฮาบัด - เดลี       เครื่องที่ ๑ มีนายร้อยเอก จ่าง นิตินันทน์ ต่อมาเป็น นายพันตรี หลวงแสนพลเทพ เป็นนักบิน นายพันโท หลวงเนรมิตรไพชยนต์ เป็นผู้โดยสาร        เครื่องที่ ๒ มีนายร้อยเอก กฤษณ์ บูรณะสัมฤทธิ์ ต่อมาเป็น นายพันตรี หลวงอัมพรไพศาล เป็นนักบิน และนายสิบเอก สีนวล มากพานิช ช่างเครื่องเป็นผู้โดยสาร        เครื่องที่ ๓ มีนายร้อยโท กิ่ง ผลานุสนธิ์ ต่อมาเป็น นาวาอากาศเอก หลวงล่าฟ้าเริงรณ เป็นนักบิน และนายสิบตรี ชื่น เมฆพยม ช่างเครื่องเป็นผู้โดยสาร   นอกจากนักบินและช่างเครื่องแล้ว ทางราชการได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ไปติดต่อช่วยเหลือทางพื้นดินด้วย มีร้อยเอง หลวงถกลนภากาศ ( มนต์ สิงหเสนี ) เป็นผู้ควบคุมนำชิ้นส่วนอะไหล่ไปไว้ตามตำบลต่าง ๆ ที่เครื่องบินจะลงพักระหว่างทาง คณะนี้ออกเดินทางโดยรถไฟจากกรุงเทพฯ ไปยังปีนังในวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๔๗๒ แล้วโดยสารเรือต่อไปยัง ย่างกุ้ง อัคยับ กัลกัตตา แล้วเดินทางโดยรถไปอัลละฮาบัด และเดลี ในราววันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๔๗๒ พิธีส่งเครื่องบิน วันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๔๗๒ ก่อนกำหนดวันออกเดินทาง ได้มีการประกอบพิธีตามประเพณี นายพลเอกพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช เสนาบดีกระทรวงกลาโหม เสด็จมาประทับเป็นประธาน เวลา ๑๙.๐๐ นาฬิกา พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๗ รูป เจริญพระพุทธมนต์ที่สโมสรนายทหาร ดอนเมือง ซึ่งจัดขึ้นป็นโรงพิธี เสร็จแล้วเสนาบดีฯ และพระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์ประทับแรมและพักแรมอยู่ที่นี่ เพื่อส่งเครื่องบินซึ่งจะออกเดินทางในเช้าวันรุ่งขึ้น วันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๔๗๒ เวลาเช้าก่อน ๐๗.๐๐ นาฬิกา ได้ประชุมพร้อมกันที่สนามหน้าโรงซ่อมหมายเลข ๖ เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อยพร้อมที่จะออกเดินทางได้แล้ว ผู้แทนรัฐบาลแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่จะไปเจริญสันถวไมตรียังเดลี ได้เรียงตัวเข้าไปนมัสการพระสงฆ์ รับประพรมน้ำพระพุทธมนต์ แล้เข้าถวายคำนับเสนาบดี รับการทรงเจิมหน้า แล้วแยกย้ายกันไปประจำเครื่องบิน เวลา ๐๗.๐๐ นาฬิกาตรง นายพลตรี พระยาเฉลิมอากาศ ให้สัญญาณปล่อยเครื่องบิน นักบินทั้งสามเร่งเครื่องยนต์บังคับเครื่องขึ้นสู่อากาศ ท่ามกลางเสียงสวดชัยมงคลกถาของพระสงฆ์ และเสียงไชโยโห่ร้องของผู้มาส่ง อุบัติเหตุ ครั้นเวลา ๑๐.๔๕ นาฬิกา ของวันออกเดินทางนั้นเอง เครื่องบินตามทั้งสามเครื่องกลับมาลงที่สนามบินดอนเมือง รายงานว่าเครื่องนำประสบอุบัติเหตุ เครื่องยนต์ขัดข้องต้องร่อนลงในป่า เข้าใจว่าเป็นจังกวัดอุทัยธานี แต่ไม่เห็นเหตุกาณ์ทางพื้นดิน เพราะบริเวณนั้นเป็นป่าทิบ นายพลเอกพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช เสนาบดีกระทรวงกลาโหม ซึ่งยังประทับอยู่ที่กรมอากาศยาน โปรดให้โทรเลขถึงผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานีและจังหวัดตาก ขอให้ช่วยค้นหาเครื่องบินและนักบินซึ่งประสบอุบัติเหตุและให้นำแพทย์ไปด้วยเพื่อช่วยเหลือนักบินและผู้โดยสาร ครั้นเช้าวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๔๗๒ ได้รับข่าวทางโทรเลขว่า นายร้อยเอก จ่าง นิตินันทน์ ปลอดภัยเดินบุกป่าจากที่เครื่องบินตกไปพักอยู่ที่บ้านหนองกี่ ท้องที่อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี พระยาศรีมหาเกษตร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี ออกเดินทางไปค้นหาได้พบเข้า ส่วนนายพันโท หลวงเนรมิตรไพชยนต์ เครื่องบินหักบีบทับลำตัวท่อนบนถึงแก่กรรมทันที จึงจัดการนำศพไปไว้ที่จังหวัดอุทัยธานี เครื่องบินลำนั้นลหักอยู่ในป่าทึบดงหนองเงียก ตำบลพลวงสองนาง อำเภอทัพทัน ห่างจากเขาลำพยนประมาณ ๖ กิโลเมตร การเดินทาง การเดินทางครั้งหลังเป็นไปตามระยะทางและวันเวลาที่กำหนดไว้ แต่ได้เกิดมีเหตุที่น่าเสียใจอยู่บ้างคือ ในวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๔๗๒ ขณะที่เครื่องบินทั้งสองบินเข้าสู่เขตเมืองอัลละฮาบัด มองเห็นสนามบินที่จะลงอยู่แล้ว เครื่องของ ร.ท.กิ่ง ผลานสนธิ์ เกิดขัดข้องต้องลงบนชายหาดแม่น้ำคงคา ซึ่งได้ทราบในภายหลังว่าท่อทางเดินของน้ำมันรัวจนเบ็นซินหมด เครื่องบินได้รับความเสียหายไม่สามารถจะซ่อมให้ใช้การได้ทันความประสงค์ จึงส่งกลับทางเรือ หัวหน้าผู้ควบคุมและนักบินบาดเจ็บต้องเข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในเมืองอัลละฮาบัด ส่วนอีกเครื่อลงสนามบินได้เรียบร้อย   http://www.dmbcrtaf.thaigov.net/aircraft/Bomb/boripat/boripat.htm จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 17:36:11 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ชิปมังค์ของจริง....... จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 17:37:45 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สงสัยผมจะเมาแดดนอกพิพิธภัณฑ์ เอาเป็นว่าเราเข้าร่มดีกว่าครับ.... เข้ามาจะพบกันผู้จำลองของพระผู้มีอุปการะคุณและผู้มีอุปการะคุณกับการบินของไทย อย่างในรูปนี้คือสามบุพการีกองทัพอากาศ คือ พลอากาศโท พระยาเฉลิมอากาศ นาวาอากาศเอก พระยาเวหาสยานศิลปสิทธิ์ และนาวาอากาศเอก พระยาทะยานพิฆาต ท่านทั้งสามคือนักบินไทยชุดแรกที่ได้ไปฝึกและเรียนวิชาการบินที่ฝรั่งเศสครับ จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 17:46:14 ]

ความคิดเห็นที่ 11 นั่น เมาจริง ๆ ด้วย เพราะลืมโพสรูป... จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 17:47:48 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ด้านหลัง จะพบกับภาพวาดเหตุการณ์สำคัญ ๆ ในประวัติศาสตร์ของกองทัพอากาศ ทั้งยุทธเวหา 5 ต่อ 21 เหนือน่านฟ้านครลำบาง การโจมตีศรีโสภณในกรณีพิพากไทย-ฝรั่งเศส หรือการยิงเครื่องบิน B-29 ตกในระหว่างสงครามโลก เกร็ดในเรื่องนี้ก็คือ B-29 นั้นออกปฏิบัติการครั้งแรกคือการทิ้งระเบิดที่ประเทศไทย และถูกยิงตกครั้งแรกโดยนักบินไทย เรืออากาศเอก เทอดศักดิ์ วรทรัพย์ ซึ่งบินเครื่องบิน Ki-43 ฮาบูซาย่า.....เราโชคดีมากที่ B-29 ไม่ได้มาทิ้งนิวเคลียร์ครั้งแรกที่เมืองไทย จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 17:54:19 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ถัดมาเป็นเครื่องบินที่ทอ.สร้างเองครับ ลำแรก เครื่องบินต้นแบบ ทอ .5 ใช้ในภารกิจทั่วไปแล้วควบคุมอากาศยานหน้า ถูกสร้างเครื่องบินแบบมา 1 ลำ จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 17:58:09 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ลำนี้ บ.ฝ. 17 จันทรา ทอ.สร้างมาทั้งหมด 12 ลำ ใช้ในภารกิจฝึกบินครับ จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 18:02:41 ]

ความคิดเห็นที่ 15 แวะ เข้ามาปาดจ้า จากคุณ : นายโอ้นโต้น - [ 20 มี.ค. 50 18:04:09 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ส่วนลำนี้ บ.ทอ. 2 ครับ ประจำการปี 2500 - 2504 จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 18:05:29 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ลำสุดท้าย บ.ชอ.2 (ช่างอากาศ) หรือ PL-2 ซึ่งบริษัท Pazmany ในสหรัฐออกแบบ และทอ.เป็นผู้สร้างครับ จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 18:09:51 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ถัดมาทางอาคารด้านซ้าย ก็จะมีส่วนการแสดงในร่วมอีกส่วนครับ ลำนี้ AT-6 Texan จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 18:22:00 ]

ความคิดเห็นที่ 19 หลังเหตุการณ์กบฏแมนฮัตตัน กองทัพเรือถูกจำกัดและตีกรอบมาก ซึ่งก็รวมถึงการยุบกองการบินทหารเรือ (กบร.) ลง และโอนเครื่องทั้งหมดมาประจำการในกองทัพอากาศ เช่นลำนี้ครับ บ.ฝ. 10 Tiger Moth จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 18:28:40 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อย่างลำนี้ก็ใช่ครับ ไฟร์ฟลาย ได้รับโอนมา 12 ลำ จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 18:34:35 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ลำนี้ก็ศิษย์เก่า กบร.เช่นกันครับ เป็นเครื่องบินทะเล Beechcraft Bonanza 35 จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 18:38:02 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ลำนี้ซื้อเอาครับ L-5 Sentinel ซื้อต่อจากกองทัพหลวงอังกฤษในพม่าจำนวน 10 ลำ จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 18:40:47 ]

ความคิดเห็นที่ 23 Helldiver ครับ ซื้อจากสหรัฐจำนวน 6 ลำ เป็นเครื่องบินดำทิ้งระเบิด (ปักหัวลงทิ้งระเบิด) ประจำการแค่ 5 ปีเท่านั้น จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 18:43:34 ]

ความคิดเห็นที่ 24 Grasshopper...ใครนะตั้งชื่อได้เหมาะกับตัวมากครับ เราซื้อจากสหรัฐจำนวน 42 ลำ จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 18:46:02 ]

ความคิดเห็นที่ 25 สุดท้ายสำหรับอาคารหลักครับ O-1 Bird Dog หรือ "ไอ้ปากหมา" เพราะมันเป็นเครื่องบินควบคุมอากาศยานหน้าที่คอยเรียกเครื่องบินขับไล่และโจมตีมาถล่มข้าศึก จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 18:49:17 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เดินมาที่ลานด้านใน จะพบกับสุดที่รักของผม (ที่วันนี้เธอต้องมายืนตากแดดเพราะบ้านของเธอมีพี่ทหารขัด ๆ ถู ๆ อยู่) ซึ่งก็คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก OV-10C Bronco หรือ "เจ้าม้าป่า" เครื่องเป็นที่หลาย ๆ คนยกให้เป็นเครื่องบินที่ดีที่สุดเท่าที่กองทัพอากาศไทยเคยมีมา เจ้าม้าป่าของเราเป็นรุ่น C ครับ (รุ่นเฉพาะสำหรับไทย) สั่งซื้อล็อตแรกจากสหรัฐจำนวน 16 เครื่อง โดยเป็นการซื้อเครื่องบินรบครั้งแรกและใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง (เพราะตอนนั้นเราได้ของฟรีมาใช้เยอะ จากลูกพี่อเมริกา) ในปี 2514 และซื้อเพิ่มเติมอีกครั้งในปี 2516 จำนวน 16 ลำ เคยประจำการที่กองบิน 2 กองบิน 4  กองบิน 5 กองบิน 41 และกองบิน 71 ครับ ทำหน้าที่หลักคือโจมตีสนับสนุนทางอากาศแก่กองกำลังภาคพื้นดิน หลังจากปลดประจำการแล้ว ทอ.ได้มอบเจ้าม้าป่าส่วนหนึ่งที่ยังไหวให้กับทอ.ฟิลิปปินส์นำไปใช้ในการปราบปรามผู้ก่อการร้ายในประเทศ....เหมือนเมื่อครั้งที่มันทำเมื่ออยู่ที่เมืองไทย....เพื่อนของมันยังมีประจำการอยู่ในอินโดนิเซียด้วยครับ (เป็นคนละรุ่นกับทอ.ไทย) จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 18:57:45 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ในสงครามคอมมิวนิสต์ แทบจะเรียกได้ว่าไม่มียุทธภูมิไหนที่ OV-10 ไม่ได้ปฏิบัติการ แม้แต่การโจมตีสนามบินในลาว OV-10 ก็ยังเข้าร่วมด้วย (และถูกยิงตก 1 ลำ) ว่ากันว่าถ้าเราไม่มี OV-10 เราก็คงเอาชนะคอมมิวนิสต์ไม่ได้ อย่างลำนี้ แสดงให้เห็นถึงการผ่านการรบมาอย่างโชคโชน และได้รับพระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชนมาถึง 8 เหรียญด้วยกัน (สังเกตุบริเวณหัวเครื่องบิน) จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 19:01:07 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๑ ก่อนวันแห่งความรักเพียงหนึ่งวัน ช่วงเวลานี้ประชาชนคนไทยกำลังส่งความรักและความห่วงใย ไปให้เหล่าทหารหาญที่กำลังทำศึกสงครามอยู่ตามแนวชายแดนไทย-ลาว บริเวณบ้านร่มเกล้า จังหวัดพิษณุโลก การรบเกิดขึ้นมาแล้วหลายวัน กองทัพบกส่งกองกำลังทั้งทหารราบ ทหารม้า และ ทหารปืนใหญ่จำนวนมากเข้าพื้นที่การรบเพื่อหวังชัยชนะในดินแดนบ้านร่มเกล้า ที่สำคัญคือการรบเพื่อปกป้องอธิปไตยของไทย แม้ชีวิตทหารเหล่านี้เขาก็สละได้เพื่อประเทศไทย และประชาชนที่อยู่แนวหลัง เช้าวันนี้ เครื่องบินโจมตีจาก ฝูงบิน ๔๑๑ กองบิน ๔๑ เชียงใหม่ ซึ่งถูกส่งมา ปฏิบัติหน้าที่สนามชายแดนที่กองบิน ๔๖ พิษณุโลก เพื่อเข้าทำการลาดตระเวณและใช้อาวุธทั้งระเบิด ปืนกลอากาศ และจรวดสนับสนุนกองกำลังภาคพื้นดินอย่างใกล้ชิดตามร้องขอ น.ท. สมนึก เยี่ยมสถาน ผู้บังคับฝูงบินขับไล่ยุทธวิธีที่ ๔๑๑ ทำหน้าที่นักบินในวันนี้ โดยมี ร.อ.ไพโรจน์ เป้าประยูร รองผู้บังคับหมวดบิน ๒ ฝ่ายยุทธการ ฝูงบิน ๔๑๑ เป็นนักบินที่ ๒ ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ให้นำหมู่บิน บ.จ.๕ เข้าโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายภาคพื้นบริเวณบ้านนากอก ขณะที่นำหมู่บินเข้าโจมตีเป้าหมาย ด้วยการดำลงเพื่อทิ้งลูกระเบิดและยิงจรวดตามยุทธวิธีของเครื่องบินโจมตีแบบ โอวี-๑๐ ที่จ็อกกี้ม้าป่าเหล่านี้ฝึกฝนมาเป็นแรมปีจนจำขั้นตอนได้เป็นอย่างดีนั้น ข้าศึกซึ่งได้เตรียมอาวุธต่อสู้อากาศยานและมีการป้องกันทางอากาศที่ดีที่คาดว่า ฝ่ายเราจะต้องใช้ยุทธวิธีโจมตีทางอากาศก่อนที่กองกำลังภาคพื้นจะลุกตามมา จึงหันปืนต่อสู้อากาศยานและจรวดนำวิถีแบบ เอสเอ-๗ หรือ แซม-๗ ยิงระดมเข้ามาใส่เครื่องบินหัวหน้าหมู่ที่ดำลงมาเป็นเครื่องแรก ด้วยความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว ยอมเอาชีวิตเข้าแลกโดยมิได้หวั่นไหวเกรงต่ออันตรายที่จะได้รับ มุ่งมั่นที่จะปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จให้ได้ ทั้งกระสุนปืนต่อสู้อากาศยานและปืนเล็กประจำกาย มากมาย ไปจนถึงจรวดต่อสู้อากาศยานระดมยิงเข้ามาที่เครื่องบินโจมตี โอวี-๑๐ ซี หมายเลข ทอ. บ.จ.๕-๘/๑๔ ( Sel. No. 158403 ) ของ หัวหน้าหมู่บิน น.ท.สมนึก เยี่ยมสถาน ไม่ต่างไปจากเวลาเรานั่งดูหนังสงครามหรือเวลาเราเล่นเกมส์ซิมมูเรเตอร์ อย่างไงอย่างนั้น จะต่างกันตรงที่นี่คือชีวิตจริง ถ้าพลาดคือ GAME OVER จริงๆ เมื่อดูจาก ห่ากระสุนมากมายที่ระดมยิงขึ้นมาก็แทบจะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว และแล้วจรวดนำวิถีด้วยความร้อนแบบประทับบ่ายิงรุ่น เอสเอ-๗ หรือ แซม-๗ จากฝีมือการยิงของ สหายสอนเพ็ชร ก็พุ่งเข้าที่เครื่องยนต์ขวา ปีกขาดและไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็วทันที เลข ๑๓ หรือ ลักกี้นัมเบอร์ก็เป็นเลขนำโชค์ของฝ่ายข้าศึกจนได้ มีการบันทึกของฝ่ายทหารลาวผู้ทำการยิงไว้ว่า เขายิงเครื่องบินแบบ โอวี-๑๐ ซี ของ กองทัพอากาศไทย ได้เมื่อเวลา ๑๓ .๑๓ น. ของวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๑ ปีกที่ขาดและเกิดเพลิงลุกไหม้ทันที ทำให้เครื่องบินเสียการทรงตัว น.ท.สมนึก มีความรู้สึกหน้ามืดและกำลังจะหมดสติ แต่ก็ยังสามารถกำหนดอาการหมุนของ ม้าป่า พิการ ได้ว่าหมุนไปแล้ว ๓ รอบ ในขณะที่หมุนและกำลังจะขาดสติอยู่นั้น น.ท.สมนึก ก็ได้ยินเสียงนักบินผู้ช่วย ร.อ.ไพโรจน์ ตะโกนใส่ปากพูดว่า "ครูโดด" ซ้ำหลายครั้ง เพื่อให้ น.ท.สมนึก ทำการดีดตัวสละเครื่องก่อนที่จะตกถึงพื้นระเบิด น.ท.สมนึก รวบรวมกำลัง ดึงสายฉุกเฉินเพื่อทำการดีดตัวออกจากเครื่อง เครื่องบินโจมตีแบบ โอวี-๑๐ ซี เป็นเครื่องบินโจมตีใบพัดที่ติดตั้งเก้าอี้ดีดตัวทั้งสองตัว โดยที่นักบินไม่ต้องปีนออกมาที่ปีกเครื่องบินก่อนจะพุ่งตัวลงมาให้พ้นเครื่องเพื่อทำการกางร่มช่วยชีวิตเหมือนกับเครื่องบินโจมตีแบบ เอที-๖ และ เอที-๒๘ รุ่นพี่ที่บริษัทนอร์ธอเมริกันผู้สร้าง โอวี-๑๐ ได้สร้างออกมาก่อนหน้านี้และมีประจำการในกองทัพอากาศไทย ระบบเก้าอี้ดีดตัวของ โอวี-๑๐ ซี นั้น ระบบนี้จะถูกตั้งไว้ให้ทำงานแบบ ถ้านักบินที่สองหรือนักบินผู้ช่วยดึงระบบฉุกเฉินในการดีดตัวหรือสละเครื่องนี้ นักบินที่สองจะดีดตัวออกไปเพียงคนเดียวโดยนักบินที่หนึ่งจะติดไปกับเครื่องบิน แต่ถ้านักบินที่หนึ่งดึงระบบฉุกเฉินดีดตัวเพื่อสละเครื่องนี้ นักบินผู้ช่วยจะถูกดีดตัวออกไปก่อน ๐.๔ วินาที และนักบินที่หนึ่งจะดีดตัวออกตามไปพร้อมกับเก้าอี้ นักบินทั้งสองสามารถดีดตัวออกมาได้อย่างปลอดภัย แต่ตกไม่ไกลจากเป้าหมายซึ่งเป็นพื้นที่ยึดครองของข้าศึกขณะนี้ เครื่องบินวีรบุรุษตกระเบิดสนั่นเขา ในขณะที่นักบินหนุ่มทั้งสอง ถูกจับเป็นเชลยอยู่ ๑๒ วัน จนกระทั่งการเจรจาระหว่างนายทหารไทย กับ นายทหารลาว เพื่อสงบศึกมีขึ้น นักบินวีรบุรุษบ้านร่มเกล้าทั้งสองท่าน จึงเดินทางกลับประเทศไทย และมีพิธีต้อนรับวีรบุรุษทั้งสองท่านที่สนามบินดอนเมืองอย่างสมเกียรติ อนึ่งในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๓๒ ได้มีพิธีพระราชทานเหรียญกล้าหาญจากเหตุการณ์รบเพื่อปกป้องแผ่นดินไทยดังกล่าว กับวีรบุรุษบ้านร่มเกล้าทั้งสองท่านด้วย ส่วนเครื่องบิน โอวี-๑๐ ซี ที่ถูกยิงตก ทางการลาวได้รวบรวมชิ้นส่วนไปจัดแสดงให้ประชาชนได้ชมกัน เก็บค่าดูคนละ ๑๐ กีบ ข่าวว่า งานนี้เก็บเงินได้มากกว่า หมื่นกีบทีเดียว บทความโดย พ.อ.อ. รัชต์ รัตนวิจารณ์ ------------------------------ สองท่านนี้คือนักบิน OV-10 ที่ถูกทหารลาวยิงตกครับ คนซ้าย เรือาอากาศเอก ไพโรจน์ เป้าประยูร (ยศในขณะนั้น) นักบินที่สอง คนขวา นาวาอากศโท สมนึก เยี่ยมสถาน (ยศในขณะนั้น) ในวันต้อนรับกลับประเทศไทย จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 19:16:16 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ลำถัดมา F-86L Sebre ครับ ลำนี้ ถ้าจำไม่ผิด มันคือเครื่องบินขับไล่แบบแรกของไทยที่ติดตั้งเรด้าห์ครับ ประจำการแค่ 4 ปีเท่านั้น ส่วนหนึ่งเค้าว่าเพราะระบบอิเล็กทรอนิคมันซับซ้อนเกินไปสำหรับทหารไทยในสมัยนั้น จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 19:21:27 ]

ความคิดเห็นที่ 30 F-86F หรือบ.ข. 17 ถ้าจำไม่ผิดมันคือเครื่องบินแบบแรกของไทยที่ทำการยิงขีปนาวุธอากาศสู่อากาศพิสัยใกล้ AIM-9 Sidwinder ด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 50 19:25:40 จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 19:24:29 ]

ความคิดเห็นที่ 31 F-84G เครื่องบินขับไล่ไอพ่นแบบแรกของไทย จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 19:27:56 ]

ความคิดเห็นที่ 32 RT-33 A ครับ เป็นเครื่องบินลาดตระเวนฝึก ประจำการมานานถึง 40 ปีทีเดียว จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 19:30:53 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ถ้าจะกล่าวว่า MiG-21 คือเครื่องบินที่เป็นสัญลักษณ์ของค่ายสังคมนิยมแล้ว F-5 ก็คือสัญลักษณ์ของค่ายประชาธิปไตยเช่นกันครับ ลำนี้คือ F-5A Freedom Fighter เคยประจำการอยู่ที่กองบิน 7 สุราษฏ์ วิธีสังเกตุ F-5A ง่าย ๆ ก็คือถังน้ำมันบริเวณปลายปีกครับ จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 19:34:32 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ลำนี้ RF-5A หรือ F-5 รุ่นลาดตระเวนครับ สังเกตุกล้องบริเวณปลายจมูก เคยประจำการที่กองบิน 7 สุราษฏ์เช่นกันครับ จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 19:36:57 ]

ความคิดเห็นที่ 35 พิพิธภัณฑ์อยู่ใกล้ ๆ หน่วยแยกของ UH-1H ที่ประจำสนามบินดอนเมืองสำหรับเหตุฉุกเฉินครับ พอดีวันนี้เค้าบินผ่านหวัผม เลยกดมาสักหน่อย นอกจากนั้นยังเห็นเครื่องบินของฝูงฝึกการบินพลเรือนของกองทัพอากาศคือ CT-4A บินฝึกศิษย์การบินอยู่ครับ จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 19:41:09 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ลงมาบนดินต่อ...ลำนี้ A-37B เครื่องบินที่ออกแบบมาสำหรับการต่อต้านการก่อการร้ายโดยเฉพาะ แบกอาวุธได้เกือบ 6,000 ปอนด์ มันปรากฏตัวทุกเย็นในเพลงชาติ (ถ้าจำไม่ผิด) ของช่อง 7 ครับ เป็นภาพ A-37 กำลังทิ้งนาปาล์ม ไฟลุกลูกใหญ่ ๆ แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 50 19:48:23 จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 19:47:01 ]

ความคิดเห็นที่ 37 หมดแล้วเหรอครับกำลังรออ่านต่ออยู่พอดี จากคุณ : TumOhyes - [ 20 มี.ค. 50 19:49:31 ]

ความคิดเห็นที่ 38 รูปผิดครับ เอาใหม่ จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 19:50:36 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ลำนี้เป็นเครื่องบินลำเลียงแบบแรกของทอ.ครับ Beechcraft C-45 จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 19:52:50 ]

ความคิดเห็นที่ 40 อ่านแล้วประทับใจจริงๆค่ะ ในขณะที่หมุนและกำลังจะขาดสติอยู่นั้น น.ท.สมนึก ก็ได้ยินเสียงนักบินผู้ช่วย ร.อ.ไพโรจน์ ตะโกนใส่ปากพูดว่า "ครูโดด" ซ้ำหลายครั้ง เพื่อให้ น.ท.สมนึก ทำการดีดตัวสละเครื่องก่อนที่จะตกถึงพื้นระเบิด ระบบเก้าอี้ดีดตัวของ โอวี-๑๐ ซี นั้น ระบบนี้จะถูกตั้งไว้ให้ทำงานแบบ ถ้านักบินที่สองหรือนักบินผู้ช่วยดึงระบบฉุกเฉินในการดีดตัวหรือสละเครื่องนี้ นักบินที่สองจะดีดตัวออกไปเพียงคนเดียวโดยนักบินที่หนึ่งจะติดไปกับเครื่องบิน แต่ถ้านักบินที่หนึ่งดึงระบบฉุกเฉินดีดตัวเพื่อสละเครื่องนี้ นักบินผู้ช่วยจะถูกดีดตัวออกไปก่อน ๐.๔ วินาที และนักบินที่หนึ่งจะดีดตัวออกตามไปพร้อมกับเก้าอี้ นักบินทั้งสองสามารถดีดตัวออกมาได้อย่างปลอดภัย ขอบคุณ คุณSkyman ค่ะ จากคุณ : komi_to - [ 20 มี.ค. 50 19:56:18 ]

ความคิดเห็นที่ 41 C-123B Provider เครื่องบินลำเลียงขนาดกลางครับ ขนาดก็พอ ๆ กับ G-22 ในปัจจุบัน จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 20:01:06 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบคุณคุณ komi_to ครับ เราสามารถขึ้นไปนั่งพักบน C-123 ได้นะครับ เข้าไปมอง ๆ ห้องนักบิน.... จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 20:03:21 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ....หรือลองนึกว่าตัวเองเป็นผู้กองวินส์เทอร์ใน band of Brother ตอนกำลังโดดจากเครื่องบิน Go Go Go เดี๋ยวมาต่อครับ จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 20:05:32 ]

ความคิดเห็นที่ 44 บ.ล. 2 ครับ หรือ C-47 Dakota เป็นเครื่องบินลำเลียงที่ถูกสร้างมากที่สุดในโลก และประจำการยาวนานที่สุดในโลก คือตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองจนถึงปัจจุบัน ซึ่งสำหรับทอ.ไทยนั้นได้รับมาในปี 1947 ตามโครงการช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐ และมีบทบาทในการปฏิบัติงานเป็นหน่วยบินลำเลียงในสงครามเกาหลีครับ ปัจจุบันทอ.ได้ปรับปรุงเครื่องบินรุ่นที่ไปเป็น BT-67 หรือ บ.ล. 2 ก โดยใช้ในภารกิจลำเลียงทั่วไป ดับไฟป่า และสนับสนุนโครงการฝนหลวงครับ จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 20:39:24 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ลำนี้ เครื่องบินตรวจการณ์แบบที่ 1 ในภารกิจลาดตระเวนถ่ายภาพ โดยได้รับโอนมาจากกรมแผนที่ทหารบกครับ จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 20:41:56 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เข้ามาในอาคารอีกอาคารครับ จะพบกับเครื่องบินที่น่าสนใจอีกแบบหนึ่ง นั้นก้คือ fantrainer ซึ่งมีทั้งหมดสองรุ่นคือ FT-400 และ FT-600 (ลำนี้ FT-400 ครับ) จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 20:45:35 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เครื่องบินลำนี้ทอ.ร่วมกับบริษัทของเยอรมันคือ Rhein-flugzeugbau GmbH สร้างขึ้นใช้งานครับ โดยทอ.สร้างบางส่วนของเครื่องบินเองและประกอบในโรงงานของทอ. มันจึงมีภาษาไทยเด่นชัด "แฟนเทรนเนอร์" จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 20:47:59 ]

ความคิดเห็นที่ 48 สำหรับลำนี้คือ FT-600 เครื่องรุ่นนี้ในต่างประเทศยังมีบินอยู่ครับ แต่ในเมืองไทย...ปลดไปแล้วตั้งแต่ปี 1994 เท่ากับประจำการมาได้เพียง 7 ปีเท่านั้น......เพราะเครื่องมันประสบอุบัติเหตุบ่อยมากครับ มากจริง ๆ แถมดีดตัวไม่ค่อยจะออกด้วย นักบินก่อนจะบินแทบจะต้องนิมนต์พระทั้งกรุมาลงคอ แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 50 20:52:39 จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 20:51:28 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ลำนี้ F8F Bearcat ครับ ของ Gramman เป็นเครื่องบินขับไล่ในตระกูล cat cat cat ทั้งหลาย เราได้รับมาโดยความช่วยเหลือจากสหรัฐเป็นร้อย ๆ ลำเลยครับ นักบินที่บินบอกว่ามันบินยากพอดีทีเดียว ปัจจุบันมูลนิธิอนุรักษ์และพัฒนาอากาศยานไทยได้นำ Bearcat ลำนึงมาฟื้นสภาพให้ทำการบินได้เพื่ออนุรักษ์เอาไว้ครับ จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 20:56:26 ]

ความคิดเห็นที่ 50 Spitfire เราก็มีกะเค้าเหมือนกันนะครับ เครื่องนี้จัดหามาในช่วงหลังสงครามโลก แต่ประสบปัญหาขาดแคลนอะไหล่ เลยประจำการได้แค่ไม่กี่ปี จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 21:00:30 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ถัดมา มาชมฮ. บ้างครับ เริ่มด้วยลำที่หน้าตาตลก ๆ อย่างลำนี้ RT-5A หรือ ฮ. 1 ก จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 21:03:02 ]

ความคิดเห็นที่ 52 หน้าตาคล้าย ๆ กันครับ อันนี้ ฮ. 1 จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 21:08:39 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ลำนี้หน้าตาน่ารักมากครับ ฮ. 3 หรือ H-19 Chickasaw จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 21:10:32 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ตาม ๆ กันมาครับ ลำนี้ H-34 ทอ.ดัดแปลงฮ.ลำนึงเป็นฮ.พระที่นั่ง ซึ่งเป็นฮ.พระที่นั่งลำแรกครับ แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 50 21:14:18 จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 21:12:31 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ลำนี้ปรับปรุงมาจาก ฮ.4 ครับ เป็น ฮ.4ก หรือ S-58T หน้าตาอย่างกะหมูบินได้.....น่ารักครับฮ.ซีรีย์นี้ของ Sikorsky ทั้งสามลำนี้น่ารักมากเลย จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 21:17:00 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ลำนี้ มีโรเตอร์สองชิ้นหมุนตัดกันครับ และไม่มีโรเตอร์หาง H-43B Huskie จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 21:19:30 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ลำนี้ Bell-212 หรือ ฮ.6ก เคยเป็นฮ.พระที่นั่งครับ ปกติแล้วฮ.พระที่นั่งจะเปลี่ยนกันค่อนข้างเร็วแค่ประมาณ 5 - 7 ปีก็จะปลดจากฮ.พระที่นั่งหลักเป็นฮ.พระที่นั่งรอง และก็ดาวน์เกรดไปเรื่อย ๆ จนถึงเป็นฮ.สำหรับบุคคลสำคัญ ก่อนจะปลดไปครับ ทั้งนี้ เพื่อถวายความปลอดภัยสูงสุดครับ จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 21:23:48 ]

ความคิดเห็นที่ 58 สุดท้าย สำหรับห้องเครื่องบินประวัติศาสตร์ ไม่รู้ผมนั่งโพสอยู่ได้ยังไงตั้งนาน ทำเพลินเลย นี่ถ้าไม่ใช่เรื่องเครื่องบินล่ะก็ไม่ทำแน่ครับ ลำนี้ บ.ฝ. 6 ทาชิกาว่า made in Japan จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 21:26:31 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ลำนี้ เครื่องบินสื่อสารแบบที่ 1 Fairchild 24 J จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 21:29:36 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ลำนี้ Hawk 75 ครับ นักบินไทยควบเจ้านี่ยิงกับเครื่องบินข้าศึกมานักต่อนักแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ก็ถูกยิงตกทั้งนั้น เพราะเครื่องเราประสิทธิภาพด้อยกว่ามาก แต่ก็น่าคิดว่าทำไม พวกท่านเหล่านั้น ยังนำเครื่องบินขึ้นสู่ท้องฟ้าไปต่อสู้ศัตรู...แม้รู้ว่าโอกาสได้กลับมามันน้อยนิด.....ฝากไว้ให้กับผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่ยุ่งอยู่กับการทะเลาะกันเองไว้คิดครับ จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 21:33:23 ]

ความคิดเห็นที่ 61 หมดแล้วหรือครับ ?? จากคุณ : papikasoda - [ 20 มี.ค. 50 21:33:46 ]

ความคิดเห็นที่ 62 อุ๊ย..ผมดันวกเข้าประเด็นซะเอง ขออนุญาตออกมาครับ ลำนี้ก็อีกเช่นกัน Hawk 3 หรือ บ.ข. 10 ซึ่งทอ.ได้ลิขสิทธิ์มาสร้างเองรวม ๆ แล้วจำนวนกว่า 60 เครื่อง ในสมัยนั้นกองทัพอากาศเรามีเครื่องบินเป็นร้อย ๆ เครื่อง แม้จะเป็นเครื่องประสิทธิภาพต่ำก็ตาม ทอ.เรามีก่อนประเทศมาเลเซีย ประเทศสิงคโปร์ ประเทศอินโดนิเซียจะตั้งประเทศด้วยซ้ำ Hawk 3 เครื่องนี้เป็นเครื่องสุดท้ายในโลกครับ แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 50 21:52:38 จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 21:42:49 ]

ความคิดเห็นที่ 63 Hawk 3 มีส่วนร่วมในการยุทธสำคัญ ๆ ที่ประเทศนี้ผ่านมาครับ คือการมีหน่วยแยกที่จังหวัดจันทบุรีเพื่อสนับสนุนกองทัพเรือ รวมไปถึงยุทธเวหาเหนือสนามบินวัฒนานคร ที่ Hawk 3 จำนวน 3 ลำขึ้นต่อสู้กับบ.เซนโตกิจำนวนถึง 21 ลำ แถมบ.เรายังเสียเปรียบในทุกๆ  ด้าน สุดท้าย บ.ของเราทั้งสามเครื่องก็ถูกยิงตก โดยนักบินทั้งสามเสียชีวิตทั้งหมด ------------------- ประวัติความเป็นมา สนามบินวัฒนานคร สนามบินวัฒนานคร เป็นที่ตั้งหน่วยกำลังทางอากาศแห่งหนึ่งของกองทัพอากาศ ณ ที่ตั้งในสนาม ตั้งอยู่ที่ ต.วัฒนานคร อ.วัฒนานคร จ.ปราจีนบุรี (พิกัด ๑๓ ๔๖‘ เหนือ ๑๐๒ ๑๙ ‘ ตะวันออก) มีเนื้อที่ทั้งสิ้น ประมาณ ๑๕,๓๙๐ ไร่ ห่างจากที่ตั้งตัว อ.วัฒนานคร ๔ กม. มีถนนลาดยางแยกจาก ถนนสายอรัญประเทศ – สระแก้ว (ถ.สุวรรณศร) ถึงสนามบินประมาณ ๑ กม. ในอดีตนับตั้งแต่ปี ๒๔๘๓ เมื่อประเทศไทยเรียกร้องดินแดนอินโดจีน ซึ่งฝรั่งเศสได้ใช้อำนาจ บาทใหญ่ยึดเอาไปได้ ความชมชื่นโดยพลการคืนด้วยความชอบธรรม แต่ไม่เป็นที่ตกลง สถานการณ์กรณีพิพาท และอินโดจีน ฝรั่งเศส ตึงเครียดขึ้นจนเป็นที่ไม่น่าไว้วางใจ กองทัพไทยจึงได้มีการจัดตั้ง กองบัญชาการทหารสูงสุด กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศสนามขึ้น และเพื่อสนับสนุนกองทัพด้านบูรพากองทัพอากาศสนาม ได้จัดตั้ง กองบินผสมที่ ๗๕ ขึ้นที่ปราจีนบุรี เป็นกองบินประจำกองทัพที่ ๑ ซึ่งต่อมาเมื่อ ๒๒ ก.พ.๘๔ ได้ปรับกำลังทางอากาศเป็น กองกำลังบูรพา อันประกอบด้วย กองบินผสมที่ ๗๔ (ปราจีนบุรี) และกองบินผสมพิเศษนครนายก เฉพาะกองบินผสมที่ ๗๕ ปราจีนบุรี ประกอบด้วยกำลัง ฝูงบินขับไล่ที่ ๘๐ และฝูงบินโจมตีที่ ๓๕ ตั้งอยู่ที่สนามบินวัฒนานคร เมื่อกรณีพิพาทอินโดจีนฝรั่งเศสยุติลง โดยกองทัพไทยเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะอย่างงดงามกำลังทางอากาศส่วนใหญ่ได้ถอนกลับที่ตั้งตามปกติ สำหรับสนามบินวัฒนานครยังคงวางกำลังทางอากาศส่วนหนึ่งไว้ต่อมา จนสงครามมหาเอเชียบูรพาได้อุบัติขึ้นเมื่อ ๘ ธ.ค.๘๖ ณ สนามบินวัฒนานครนี้ ในอดีตของสงครามที่กล่าวถึง มีวีรกรรมที่ทหารอากาศกระทำไว้ซึ่งน่าจะนำมากล่าวในโอกาสนี้ แต่เพียง ๒ ครั้ง คือ ๑. ในกรณีพิพาทอินโดจีนฝรั่งเศส เมื่อเย็นวันที่ ๒๔ ม.ค.๘๔ ร.อ.เฉลิมเกียรติ วัฒนางกรู ผู้บังคับฝูงบินขับไล่ที่ ๘๐ วัฒนานคร และลูกหมู่ซึ่งมี จ.อ.ลออ จาตกานนท์ กับ จ.อ.ศักดิ์ อินทปุระ ได้นำเครื่องบินขับไล่ ๑๘ (ฮอว์ก ๒) ๓ เครื่อง บินลาดตระเวนรักษาเขตเหนือบริเวณบ้านยางถึงบ้านกูบ อรัญประเทศ ได้พบเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดใหญ่ โปเตส์ ๖๓ ของฝรั่งเศส ๑ เครื่อง กับเครื่องบินขับไล่สมรรถนะสูงกว่า โมรานคุ้มกันอยู่ข้างบน ๓ เครื่อง ร.อ.เฉลิมเกียรติ ฯ ให้สัญญาณลูกหมู่สู้รบโดย ร.อ.เฉลิมเกียรติ ฯ มุ่งเข้าโจมตีเครื่องบินทิ้งระเบิดข้าศึก ส่วนลูกหมู่เข้าต่อสู้ขัดขวางเครื่องบินขับไล่ของข้าศึกระหว่าง ๓ ต่อ ๒ ทันที ผลการสู้รบเครื่องบินทิ้งระเบิดของข้าศึกถูกยิงตก นักบินฝรั่งเศสโดดร่มหนีเข้าป่าไปได้ ๑ คน นอกนั้นเสียชีวิตอยู่กับเครื่องบิน ส่วนเครื่องบินขับไล่ข้าศึกโดนยิงตก ๑ เครื่อง อีก ๒ เครื่อง ผละหนีจากการสู้รบกลับไป ฝ่ายเราได้รับความปลอดภัย คำชมเชยจากทางราชการ กองทัพอากาศของเราได้แสดงการรบบนอากาศ และได้ทำลายที่หมายทางทหาร ในดินแดนข้าศึก ตลอดจนช่วยในการรบประสานกับ กองทัพบก กองทัพเรือ เป็นที่หน้าสรรเสริญในความกล้าหาญเด็ดขาด ซึ่งนักบินไทย ได้กระทำไว้เป็นประวัติการณ์ จนทำให้นักบินฝ่ายข้าศึกไม่สามารถทำอันตรายแก่ฝ่ายเราได้ กองบัญชาการทหารสูงสุด ๒๓ เม.ย.๘๔ ๒. อีกเหตุการณ์หนึ่งที่สนามบินวัฒนานครนี้ ก็คือ เมื่อเช้ามืดวันที่ ๘ ธ.ค.๘๖ กองทัพอันมหาศาล ของญี่ปุ่น ซึ่งได้ตระเตรียมกำลังเป็นอย่างดีในอินโดจีน ได้เปิดฉากรุกรานอธิปไตยของชาติไทย โดยส่งเครื่องบิน ขับไล่ทันสมัย (บ.เซนโตกิ) ๑ ฝูง ประมาณ ๒๕ เครื่อง เข้าโจมตีสนามบินวัฒนานคร ซึ่งมีกำลังทหารอากาศ ส่วนน้อยของเราตั้งอยู่ เครื่องบินข้าศึกส่วนหนึ่งได้ลงยิงเครื่องบินของฝ่ายเราที่จอดอยู่กับพื้น กองบังคับการและ อาคารต่าง ๆ บริเวณสนามบิน อีกส่วนหนึ่งบินคุ้มครองอยู่เบื้องบน ร.ท.ไชย สุนทรสิงห์, ร.ท.ชิน จิรมณีมัย และ ร.ต.สนิท โพธิ์เวชกุล นักบินขับไล่ทั้งสามได้นำเครื่องบิน ขับไล่แบบ ๑๗ (ฮอว์ก ๓) วิ่งขึ้นและดึงเครื่องบินเข้าต่อสู้กับเครื่องบินขับไล่ของข้าศึก จำนวน ๒๕ เครื่อง ซึ่งกำลังอยู่เบื้องบนครองความได้เปรียบทุกประการอย่าง เด็ดเดี่ยว ในที่สุดได้ถูกเครื่องบินข้าศึกรุมยิงทั้งจากข้างหน้า ข้างหลัง จากทางข้างบนและเบื้องล่าง นักบินผู้กล้าหาญทั้ง ๓ ท่าน ได้จบชีวิตลง โดยได้บำเพ็ญภารกิจเต็มความภาคภูมิของตนจนวาระสุดท้าย ชาววัฒนานครได้สร้างศาลให้ท่านทั้ง ๓ เป็นอนุสรณ์ สักการะบูชาเรียกว่าศาลเจ้าพ่อพิทักษ์วัฒนาไว้ที่ฐานบินวัฒนานคร พร้อมกับอักษรที่ได้จารึก ดังนี้.- สม ชายสมชาติ นักรบ สม ภพมาเช่น ปักษิณ สม เกียรติเกริกฟ้า ธานินทร์ สม ศักดิ์นักบิน ชาติไทย ในปัจจุบันนับตั้งแต่ปี ๒๕๑๔ กองทัพอากาศได้รับมอบโอนที่ดินสนามบินวัฒนานคร จากกองทัพบก เมื่อ ๑๗ ก.พ.๑๔ และได้พัฒนาสนามบินแห่งนี้ตั้งแต่ปี ๒๕๑๔ เป็นตนมาจนแล้วเสร็จเท่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ในปี ๒๕๑๘ ประกอบด้วยอาคารชั่วคราวทั้งสิ้นประมาณ ๖๐ หลัง ล้อมรั้วพื้นที่สนามบินเฉพาะที่จำเป็นไว้ประมาณ ๒,๐๐๐ ไร่ ขยายทาง วิ่ง – ทางขับ ลานจอด กับปรับปรุงผิวของสนามบินเป็น แอลฟัลท์คอนกรีต การวางกำลัง ทอ.ที่สนามบินวัฒนานครเริ่มตั้งแต่ปี ๒๕๑๕ โดยเจ้าหน้าที่ของ ทอ.ชุดแรก เป็น จนท.จัดมาควบคุมการก่อสร้าง ต่อมาในปี ๒๕๑๖ ทอ.ได้ยกสนามบินวัฒนานคร ขึ้นเป็นฐานบิน (แผนกการฐานบิน) และได้เริ่มวางกำลังทางอากาศในปี ๒๕๑๘ - ๒๕๑๙ ตามแผนฝึกร่วมกับ กองกำลังภาคพื้น จนกระทั่ง ในปี ๒๕๒๐ ทอ.จึงได้วางกำลังทางอากาศเพื่อสนับสนุน ฉก.พล.๒ ทบ.และ กกล.บูรพา ต่อมากลับได้ปรับปรุงแก้ไขการจัดเสียใหม่ โดยการยกเลิกอัตราแผนกการฐานบินวัฒนานคร และให้ใช้อัตรา หมวดบินอิสระปฏิบัติราชการสนาม (เพื่อพลาง) แทน สุดท้ายเมื่อ ๒๐ มี.ค.๒๑ ทอ.จึงได้ยกฐานะจากหมวดบินอิสระปฏิบัติราชการสนาม (เพื่อพลาง) ขึ้นเป็นฝูงบินอิสระปฏิบัติราชการสนาม (เพื่อพลาง) คือ ฝูงบิน ๗๑๖ วัฒนานคร และได้เปลี่ยนจาก ฝูงบิน ๗๑๖ วัฒนานคร เป็น ฝูงบิน ๒๐๖ วัฒนานคร ขึ้นตรงต่อ กองบิน ๒ เมื่อ ก.พ.๒๒ จนถึงปัจจุบัน ภารกิจ สนับสนุนกำลังภาคพื้น ในการป้องกันและรักษาความมั่นคงแห่งชาติด้วยกำลังทางอากาศยุทธวิธี ที่ได้รับมอบและดำเนินการป้องกันที่ตั้งฝูงบิน รวมทั้งหน่วยอื่น ที่อยู่ในความรับผิดชอบของฝูงบินด้วย ตลอดจน ผสานงานกับหน่วยราชการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง มีผู้บังคับฝูงบินเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ ( คำสั่ง ทอ.(เฉพาะ) ที่ ๖๒/๒๑ ลง ๒๐ มี.ค.๒๑ ) จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 21:50:25 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ลำนี้ บ.ข. 7 Boeing-P-12-E จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 21:54:14 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ส่วนลำนี้ เครื่องสุดท้ายในโลกเช่นกันครับ V-93S คอร์แซร์ ทอ.สร้างใช้งานเองกว่า 100 เครื่อง เป็นเครื่องบินที่ทำยุทธเวหาครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทยกับฝรั่งเศส โดยสามารถยิงเครื่องบินฝรั่งเศสตกและผลักดันเครื่องบินฝรั่งเศสออกจากจนพ้นชายแดน จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 22:02:41 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ลำนี้ เป็นเครื่องบินแบบแรก ๆ ในประวัติศาสตร์การบินไทยครับ จัดซื้อจากฝรั่งเศสในสมัยแรกเริ่มมีการบินในสยาม เคยทำหน้าเป็นบ.ส่งไปรษณีย์และบ.พยาบาล จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 22:05:59 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ก่อนเข้าห้องเครื่องบินประวัติศาสตร์จะเป้นนิทรรศการวีรกรรมของกองบินน้อยที่ 5 (กองบิน 53 หรือ กองบิน 5 ประจวบ) ที่ต่อต้านการยกพลขึ้นบกของญี่ปุ่นในวันที่ 8 ธ.ค. 2484 ซึ่งญี่ปุ่นกระจายกำลังกันยกพลขึ้นบกตลอดแนวชายฝั่งภาคใต้ จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 22:08:51 ]

ความคิดเห็นที่ 68 สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ วันที่ ๘ ธ.ค. ๒๔๘๔ เวลาประมาณ ๐๔๐๐ น. กองทัพเรือญี่ปุ่นซึ่งมีกำลัง ๑ กรมผสม พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยเต็มกำลังรบ ได้ลำเลียงกำลังพลจากเรือรบ ซึ่งจอดแอบอยู่ด้านหลังเขาล้อมหมวก ติดกองบินน้อยที่ ๕ (กองบิน ๕๓ กองพลบินที่ ๔ กองบัญชาการยุทธทางอากาศ ในปัจจุบัน) ยกพลขึ้นบกที่บริเวณตัวเมืองประจวบ และกองบินน้อยที่ ๕ เพื่อเป็นเส้นทางเดินทัพผ่านเข้าประเทศพม่าทางช่องทางด่านสิงขร และได้ปะทะกับกองกำลังทหารอากาศ กองบินน้อยที่ ๕ อย่างดุเดือด เป็นเวลาเกือบ ๓๓ ชั่วโมง ถึงขั้นตะลุมบอนประชิดตัว รัฐบาลไทยยในสมัยนั้นได้เจรจาตกลงกับบรัฐบาลญี่ปุ่น จับมือเป็นพันธมิตรกัน และได้มีคำสั่งให้นนักรบผู้กล้าหาญทั้งหลาย ซึ่งประกอบด้วย ทหารอากาศกองบินน้อยที่ ๕ ข้าราชการตำรวจ พลเรือนและพี่น้องชาวประจวบ ยุติการสู้รบ ฝ่ายญี่ปุ่นซึ่งมีกำลังมากกว่าฝ่ายเราประมาณ ๑๐ เท่า เสียชีวิตที่สนามรบ บริเวณกองบินน้อยที่ ๕ ประมาณ ๔๐๐ กว่าคน ในขณะที่ฝ่ายเราเสียชีวิต เท่าที่ทราบจำนวน เป็นทหารอากาศ ๓๘ คนข้าราชการตำรวจ ๑๕ คน ยุวชนทหาร ๑ คน ครอบครัว ๒ คนและประชาชนชาวจังหวัดประจวบอีกจำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติประวัติแห่งการต่อสู้อันกล้าหาญ ของนักรบแห่งกองบินน้อยที่ ๕ ซึ่งยอมสละชีวิตเป็นชาติพลีปกป้องผืนแผ่นดินไทย ทางราชการจึงได้สร้างอนุสาวรีย์ วีรกรรม ๘ ธ.ค. ๒๔๘๔ ประดิษฐาน ณ บริเวณที่ตั้งกองบินน้อยที่ ๕ โดยสร้างเสร็จเรียบร้อยเมื่อ ๖ พฤศจิกายน ๒๔๙๓ และกองทัพอากาศได้พัฒนาปรับปรุงให้มีความสง่างามยิ่งขึ้นในพื้นที่เดิม เสร็จเรียบร้อยเมื่อ ๘ ธันวาคม ๒๕๓๒ โดยมี ผบ.ทอ. เป็นประธานประกอบพิธีเปิด อนุสาวรีย์ พร้อมทั้งได้ประกอบพิธีบรรจุอัฐิวีรชน ซึ่งอัญเชิญมาจากอนุสาวรีย์ ทอ. ในโอกาสเดียวกันนี้ด้วย และในวันที่ ๘ ธันวาคมของทุกปี ทางราชการกองทัพอากาศ ได้กำหนดให้ประกอบพิธีวางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์ วีรกรรม ๘ ธ.ค. ๒๔๘๔ และบำเพ็ญกุศลแด่วีรชนที่ล่วงลับไปแล้ว จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 22:12:14 ]

ความคิดเห็นที่ 69 รายชื่อผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นั้นเรียงตามลำดับชั้นยศ ท่านสุดท้ายเป็นยุวชนทหารครับ จึงได้รับพระราชทานยศเป็นพันจ่าอากาศเอก จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 22:14:05 ]

ความคิดเห็นที่ 70 จบแล้วครับผม ไม่รู้ผมนั่งทำเข้าไปได้ยังไงต้องนาน ทำเพลินเลยครับ ว่าง ๆ ลองไปเที่ยวกันดูครับ พิพิธภัณฑ์นี้ฝรั่งชอบกันมาก เราคนไทย ลองไปดูกันสักหน่อยครับ สำหรับวันนี้ จบเพียงเท่านี้ สวัสดีครับ จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 20 มี.ค. 50 22:16:01 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ... หายอยากเลยนะครับ ... จากคุณ : nunimitr - [ 20 มี.ค. 50 22:30:50 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ผู้กองวินเทอร์ โดดจาก ดาโกต้า หรือเปล่าคับ ขอบคุณมากๆ สำหรับภาพสวย และข้อมูลมากมายครับ ติดตามชมตลอด จากคุณ : Nai-Jim - [ 21 มี.ค. 50 00:58:42 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 21 มี.ค. 50 01:35:22 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เยี่ยมเลยครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : oro - [ 21 มี.ค. 50 07:27:20 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ขอบคุณครับ คุณ SKYMAN จากคุณ : Luftwaffe - [ 21 มี.ค. 50 08:02:36 ]

ความคิดเห็นที่ 76 กระทู้ คุณภาพ อีกแล้วครับท่าน จากคุณ : นายโอ้นโต้น - [ 21 มี.ค. 50 10:02:14 ]

ความคิดเห็นที่ 77 เง้อออ...ทำไมตอนผมไปเมื่อวันเด็ก ปู่บริพัตรจอดในโรงล่ะ แสดงว่ามีการโยกย้ายตามฤดูกาลล่ะสิ ขออนุญาตแจมรูปนะครับ จากคุณ : dragunov - [ 21 มี.ค. 50 11:30:44 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ขอบคุณมากๆครับ จากคุณ : 323club - [ 21 มี.ค. 50 11:31:22 ]

ความคิดเห็นที่ 79 มันมีบริพัตรที่โรงกับกลางแจ้งครับ เรียนคุณ  Nai-Jim ..... ใช่ครับ จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 21 มี.ค. 50 17:17:51 ]

ความคิดเห็นที่ 80 เข้ามาดูต้องขอขอบคุณๆ Skyman มากที่ไปเก็บเรื่องและภาพมาฝาก มีความรู้สึกภูมิใจและท้อใจในคราวเดียวกันเพราะว่า แต่ก่อนเราเป็นชาติที่จัดได้ว่ายิ่งใหญ่ทางการบินในภูมิภาคถ้าดูจากประวัติเครื่องบินต่างๆสามารถที่จะสร้างประกอบเครื่องบินใช้ได้เอง  แต่ในปัจจุบันเรากลับไม่สามารถทำได้เลยได้แต่ซื้อแบบสำเร็จรูป ทั้งๆที่เราเองไม่ได้ด้อยในด้านไหนเลยไม่ว่าจะป็นเทคโนโลยี สมอง ความสามารถ แต่เรากำลังขาดการสนับสนุนความเอาใจใส่จากภาครัฐ ที่ไม่เหลียวแลและสนับสนุนความสามารถของบุคลากรเลย ทำให้ประเทศเราขาดโอกาส จากคุณ : piacps - [ 21 มี.ค. 50 17:40:02 ]

ความคิดเห็นที่ 81 bookmark ก่อนเลยยาวววววววมาก จากคุณ : ของเล่นใหม่ - [ 21 มี.ค. 50 18:30:04 ]

ความคิดเห็นที่ 82 จากคุณ : i_nam - [ 21 มี.ค. 50 19:22:31 ]

ความคิดเห็นที่ 83 เห็นด้วยกับคุณ piacps ครับ  เห็นเครื่องบิน  ที่บรรพชนเราช่วยกันสร้างกันขึ้นมา  อย่างบริพัตร  เห็นว่าสมัยนั้นใช้ท่อเหล็กแป๊บ  มาสร้าง  เนื่องจากเทคโนโลยีไม่ทันสมัย  เครื่องมือไม่พร้อม   แต่สมัยนี้  คนพร้อม  เครื่องมือพร้อม  แต่รัฐกลับไม่สนับสนุน  ของดีๆที่คิดกันสร้างกัน  สุดท้าย...เข้ากรุหมด จากคุณ : adept - [ 21 มี.ค. 50 22:47:17 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ขอบคุณครับ จากคุณ : Sympho - [ 22 มี.ค. 50 01:09:20 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ขอบคุณมากครับคุณ skyman จากคุณ : ChocolateMousse - [ 22 มี.ค. 50 13:27:42 ]

ความคิดเห็นที่ 86 เข้ามาเสริมคุณ skyman ครับ รูปเครื่องบินใน คห.21 เป็นเครื่องบินทะเล แบบ Grumman G-44A Widgeon หรือ บ.ส.6 ครับ ส่วน บ.ส.5 Beechcraft Bonanza 35 จะเป็นรูปนี้ครับ จากคุณ : Sompop - [ 24 มี.ค. 50 15:40:57 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ขอบคุณมากครับพี่ Skyman จากคุณ : THE_AR - [ 25 มี.ค. 50 20:36:49 ]

ความคิดเห็นที่ 88 Thanks จากคุณ : le petit prince776 - [ 25 มี.ค. 50 23:47:15 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ขอบคุณค้าบ จากคุณ : พ่อค้าก๋วยเตี๋ยว ณ ทุ่งบางกะปิ - [ 26 มี.ค. 50 11:58:55 ]

ความคิดเห็นที่ 90 กระทู้มีประโยชน์ครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : หัวหน้าห้อง ม.3/2 รุ่น34 - [ 26 มี.ค. 50 15:21:16 ]