Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    การศึกษาประวัติศาสตร์แบบวิทยาศาสตร์ ของ Jared Diamond

    การศึกษาประวัติศาสตร์แบบวิทยาศาสตร์ ของ Jared Diamond
    สฤณี อาชวานันทกุล : เขียนและแปล
    นักวิชาการ และ นักแปลอิสระ

    บทความชิ้นนี้เคยเผยแพร่แล้วบนเว็บไซต์คนชายขอบ และออนโอเพ่น
    ซึ่งทางกองบรรณาธิการ ม.เที่ยงคืน ได้รวบรวมเพิ่มเติมต้นฉบับภาษาอังกฤษมานำเสนอ
    ทั้งหมดของบทความรวมชิ้นนี้ เป็นรื่องเกี่ยวกับการใช้มุมมองและความรู้ทางภูมิประวัติศาสตร์และวิทยาศาสตร์
    มาอธิบายประวัติศาสตร์ของมนุษย์ โดยมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับ Eurasia,
    เรื่องของโลกเก่าพิชิตโลกใหม่, เหตุผลการได้เปรียบของโลกเก่า
    ตลอดจนถึงสังคมเกษตรที่ไดบ่มเพาะความเจริญและความความซับซ้อนของสังคมขึ้นมา

    ซึ่งเผยแพร่บนเว็บไซต์http://www.midnightuniv.org/midnight2544/0009999735.htmlนี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๐




    การศึกษาประวัติศาสตร์แบบวิทยาศาสตร์
    ของ Jared Diamond

    ความนำของผู้แปล
    ท่านผู้อ่านคงเคยสงสัยว่า ทำไมอารยธรรมต่างๆ ในโลก จึงอุบัติขึ้นตามที่เราเห็นในประวัติศาสตร์ เช่น ทำไมชนผิวขาวในตะวันออกกลางและยุโรป จึงบุกไปเอาชนะชนผิวดำในอัฟริกาได้ ทั้งๆ ที่มนุษย์เผ่าแรกของโลกเป็นชาวอัฟริกา? ทำไมทวีป Eurasia (หมายถึง Europe + Asia ตามหลักการแบ่งทวีปของธรณีวิทยา คือตามรอยต่อระหว่างแผ่นดินและผืนน้ำ ไม่ใช่ตามหลักภูมิศาสตร์การเมือง) จึงเป็นบ่อกำเนิดอารยธรรมเก่าแก่ที่แผ่อิทธิพลอย่างรวดเร็ว อย่างน้อย 2 ชนชาติด้วยกัน คือบริเวณลุ่มแม่น้ำ Tigris และ Euphrates (ที่เรียกว่า The Fertile Crescent) ในตะวันออกกลางแห่งหนึ่ง และบริเวณประเทศจีนตอนเหนืออีกแห่งหนึ่ง?

    ต่อคำถามเหล่านี้ คนส่วนใหญ่มักตอบโดยไม่หยุดคิดว่า "เพราะคนเหล่านี้ฉลาดกว่าชนชาติอื่นน่ะสิ"
    แต่คำตอบที่แท้จริงนั้น "ง่าย" และตรงตามอคติของเราขนาดนั้นจริงหรือ? ไม่ว่าจะผิวสีอะไร มนุษย์ทั้งมวลต่างก็เป็นสัตว์พันธุ์เดียวกัน หากพระเจ้าสร้างคนเชื้อชาติใดให้ฉลาดกว่าคนเชื้อชาติอื่น ก็เป็นพระเจ้าที่ดูจะเห็นแก่ตัวหรือชอบเล่นตลกร้ายไปซักหน่อย

    โชคดีที่โลกเรามี Jared Diamond นักภูมิศาสตร์และสรีรวิทยา (geographer and physiologist) ผู้แสดงให้เห็นในหนังสือเรื่อง Guns, Germs, and Steel (ปืน, เชื้อโรค, และเหล็ก) ว่า "ปัจจัยพื้นฐาน" ที่ทำให้ประวัติศาสตร์มนุษย์ในช่วง 13,000 ปีที่ผ่านมา วิวัฒนาการเป็นอย่างที่เราเห็นนั้น ไม่เกี่ยวกับยีนของแต่ละเชื้อชาติแม้แต่น้อย หากเป็น ปัจจัยทางภูมิศาสตร์ ที่เกี่ยวข้องกับภูมิประเทศ สภาพอากาศ และทิศทางของ "แกนหลัก" ในแต่ละทวีป พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ ถ้าชาวผิวดำเกิดใน Eurasia แทนที่อัฟริกา ป่านนี้คงเป็นมหาอำนาจแทนที่ชาวผิวขาวไปแล้ว

    หนังสือที่หนาหนักเล่มนี้กลายเป็นหนังสือบังคับในอเมริกา สำหรับกระบวนวิชาเบื้องต้นของวิชาหลายแขนง ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ สังคมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และทำให้ภูมิศาสตร์กลับมาเป็นที่นิยม ในแวดวงวิชาการอีกครั้ง บางตอนจากคำบรรยายของ Diamond ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Edge อธิบาย "แก่น" ความคิดของเขาได้อย่างกระชับ และได้ใจความดังนี้:

    ............................................................................

    คำถามที่นักประวัติศาสตร์มักจะหลีกเลี่ยง
    ทำไมอารยธรรมของมนุษย์ จึงพัฒนาด้วยความเร็วที่แตกต่างกันมากระหว่างทวีปต่างๆ ในช่วง 13,000 ปีที่ผ่านมา? คำถามนี้ติดใจผมมานาน แต่เราเพิ่งจะสามารถสังเคราะห์ ปะติดปะต่อคำตอบได้เมื่อเร็วๆ นี้เอง ด้วยความก้าวหน้าในวิชาการแขนงต่างๆ ที่ดูเผินๆ เหมือนจะห่างไกลจากประวัติศาสตร์มาก เช่น ชีวโมเลกุล (molecular biology), ชีวภูมิศาสตร์ (biogeography) และพันธุศาสตร์ของพืชและสัตว์, โบราณคดี, และภาษาศาสตร์

    นักประวัติศาสตร์มักจะหลีกเลี่ยงที่จะศึกษาคำถามนี้ราวกับมันเป็นโรคร้าย เพราะนัยยะแห่งการเหยียดผิวที่ซ่อนอยู่ คนส่วนใหญ่มักนึกเอาเองว่า คำตอบนั้นต้องประกอบด้วยความแตกต่างทางชีววิทยา ของระดับ IQ เฉลี่ยระหว่างบรรดาชนชาติต่างๆ แม้ว่าปัจจุบันเราไม่มีหลักฐานใดๆ เลยที่บ่งบอกว่าความแตกต่างด้าน IQ นี้มีอยู่จริง

    โลกเก่าพิชิตโลกใหม่
    เราลองมาเปรียบเทียบประวัติศาสตร์มนุษย์ระหว่างทวีป "โลกเก่า" (Old World คือยุโรป) กับ "โลกใหม่" (New World คือทวีปอเมริกา ในที่นี้รวมทั้งอเมริกาเหนือ กลาง และใต้) กันดู ท่านทั้งหลายคงคุ้นเคยกับเรื่องราวตอนที่ทหารสเปนเพียงไม่กี่ร้อยคนภายใต้การนำของนายพล Cort?s และ Pizarro สามารถพิชิตอารยธรรม Aztec และ Inca ที่มีประชากรรวมกว่าสิบล้านคน ยังไม่นับรายละเอียดอันน่าสยดสยองของการพิชิตอารยธรรมอื่นๆ ในโลกใหม่โดยชาวยุโรป ผลที่เกิดขึ้นคือ ชาวยุโรปกลายเป็นผู้ครอบครองโลกใหม่ทั้งทวีป ในขณะที่ประชากรชาวอินเดียนแดงลดจำนวนลงอย่างฮวบฮาบตั้งแต่ปี ค.ศ. 1492 เป็นต้นมา ทำไมจึงเป็นเช่นนี้? ทำไมจักรพรรดิชาว Aztec หรือ Inca ไม่ยกทัพไปพิชิตยุโรปแทน?

    เหตุผลเบื้องต้น (proximate reasons) นั้นชัดเจน ชาวยุโรปที่ไปบุกอเมริกามีดาบ ปืน และม้า ขณะที่ชาวอินเดียนแดงมีแค่อาวุธที่ทำจากหินและไม้ และไม่มีสัตว์ใดๆ ที่ใช้เป็นพาหนะได้ ความได้เปรียบทางทหารเหล่านี้ ทำให้ทหารม้าสเปนไม่กี่สิบนาย สามารถเอาชนะกองทัพอินเดียนแดงหลายพันคนได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
    อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเบื้องต้นอื่นๆ อีก นอกเหนือจากดาบเหล็ก ปืน และม้า ที่อธิบายชัยชนะของชาวยุโรปในโลกใหม่ นั่นคือ โรคระบาด

    โรคระบาด
    โรคระบาดที่ชาวยุโรปเป็นพาหะ เช่น โรคฝีดาษและหัด แพร่กระจายจากอินเดียนแดงเผ่าหนึ่งไปยังอีกเผ่าหนึ่ง อย่างรวดเร็วกว่าม้าของทหารผู้รุกราน เชื้อโรคเหล่านี้คร่าชีวิตชาวอินเดียนแดงกว่า 95% ของประชากรทั้งหมด โรคเหล่านี้เป็นโรคที่เกิดเฉพาะถิ่นในยุโรปมาช้านาน มีเวลาเพียงพอให้ยีนและระบบภูมิคุ้มกันของชาวยุโรป วิวัฒนาการขึ้นมาสร้างภูมิต้านทาน ซึ่งชาวอินเดียนแดงไม่มี บทบาทของเชื้อโรคในการพิชิตชนชาติดั้งเดิม มีให้เห็นในส่วนอื่นๆ ของโลกหลายทวีป เช่น ออสเตรเลีย อัฟริกาใต้ และเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิคใต้หลายเกาะ

    เทคโนโลยี เรือเดินทะเล โครงสร้างการเมือง และตัวหนังสือ
    ยังมีปัจจัยเบื้องต้นอีกประเภทหนึ่งที่เราต้องพิจารณา นั่นคือ Pizarro และ Cort?s สามารถยกพลไปโลกใหม่ ก่อนที่ชาว Aztec และ Inca จะบุกไปยุโรปได้อย่างไร? คำตอบส่วนหนึ่งเกี่ยวกับเทคโนโลยี: ชาวยุโรปสร้างเรือเดินทะเลได้ ในขณะที่ ชาว Aztec และ Inca ทำไม่ได้ การเดินทะเลของเรือเหล่านี้ได้รับแรงสนับสนุนจากโครงสร้างการเมืองแบบรวมศูนย์อำนาจ (centralized political organization) ที่ทำให้สเปนและประเทศยุโรปอื่นๆ สามารถสร้างเรือ และหาคนมาเป็นลูกเรือได้. ปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กันคือ บทบาทของตัวหนังสือ (writing) ที่ส่งเสริมการเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องและละเอียดไปยังนักสำรวจ เช่น แผนที่ คู่มือการเดินเรือ และประสบการณ์การเดินทางของนักสำรวจรุ่นก่อนๆ

    มาถึงตรงนี้ เราได้ชี้ปัจจัยเบื้องต้นหลายประการที่อยู่เบื้องหลังการยึดโลกใหม่ของชาวยุโรป: เรือเดินทะเล, โครงสร้างการเมือง, และตัวหนังสือ ช่วยทำให้ชาวยุโรปเดินทางไปยังโลกใหม่ได้สำเร็จ หลังจากนั้น เชื้อโรคจากยุโรปฆ่าชาวอินเดียนแดงส่วนใหญ่ให้ตาย ก่อนที่พวกเขาจะไปถึงสมรภูมิรบด้วยซ้ำ และท้ายที่สุด ปืน, ดาบเหล็ก, และม้าช่วยให้ทหารยุโรปได้เปรียบบนสมรภูมิ

    เหตุผลความได้เปรียบของโลกเก่า
    ทีนี้ เราลองหาเหตุผลที่ลึกกว่านั้นดู ทำไมความได้เปรียบเหล่านั้นตกเป็นของโลกเก่า แทนที่จะเป็นโลกใหม่? ในทางทฤษฎี ชาวอินเดียนแดงอาจจะสามารถคิดค้นดาบและปืนได้ก่อน ประดิษฐ์ตัวหนังสือและเรือเดินทะเลได้ก่อน ขี่สัตว์เลี้ยงที่น่ากลัวกว่าม้า และมีเชื้อโรคระบาดที่น่ากลัวกว่าฝีดาษก็เป็นได้
    คำถามที่ตอบได้ง่ายที่สุด คือคำถามว่าทำไม Eurasia จึงมีเชื้อโรคที่อันตรายร้ายแรง ในขณะที่ชาวอินเดียนแดงไม่มีเชื้อโรครุนแรงอะไรไปมอบให้ชาวยุโรปเป็นการตอบแทน เหตุผลใหญ่ๆ มีสองข้อด้วยกัน

    ข้อแรก โรคระบาดส่วนใหญ่ที่เราคุ้นเคยดีนั้น ดำรงอยู่ได้เฉพาะในบริเวณที่มีประชากรจำนวนมากอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นในหมู่บ้านและเมือง ซึ่งเป็นรูปแบบชุมชนที่อุบัติขึ้นในโลกเก่าก่อนโลกใหม่นานหลายพันปี

    ข้อสอง ผลการวิจัยจุลินทรีย์โดยนักชีวโมเลกุลบ่งชี้ว่า โรคระบาดในมนุษย์ส่วนใหญ่ วิวัฒนาการมาจากโรคระบาดที่คล้ายคลึงกันในสัตว์เลี้ยงของโลกเก่า ที่มนุษย์คลุกคลีในชีวิตประจำวัน ตัวอย่างเช่น โรคหัดและวัณโรควิวัฒนาการมาจากโรคในวัวควาย, ไข้หวัดใหญ่มาจากโรคในหมู, และฝีดาษน่าจะมาจากโรคในอูฐ. ในทางกลับกัน ทวีปอเมริกาหรือโลกใหม่มีสัตว์เลี้ยงน้อยชนิดมาก เป็นการลดช่องทางการเกิดของโรคระบาดในมนุษย์

    สัตว์ที่นำมาเลี้ยงให้เชื่องได้
    เรามาลองหาเหตุผลย้อนไปอีกขั้นหนึ่งที่ว่า ทำไม Eurasia จึงมีพันธุ์สัตว์ป่าที่คนนำมาเลี้ยงให้เชื่องเป็น "สัตว์เลี้ยง" มากกว่าในทวีปอเมริกา? การที่อเมริกามีสัตว์ป่าเฉพาะถิ่นกว่าหนึ่งพันชนิด น่าจะทำให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์เลี้ยงชั้นเลิศมิใช่หรือ?

    แต่ในความเป็นจริง โลกนี้มีสัตว์ป่าที่เลี้ยงลูกด้วยนมเพียงไม่กี่ชนิด ที่คนนำมาเลี้ยงให้เชื่องได้ ทั้งนี้เพราะการเลี้ยงสัตว์ให้เชื่องมีเงื่อนไขมากมาย: สัตว์ชนิดนั้นต้องกินอาหารประเภทที่มนุษย์สามารถหาให้ได้, มีอัตราการเติบโตสูง, ยอมผสมพันธุ์ในที่กักขัง, มีนิสัยว่านอนสอนง่าย, มีโครงสร้างสังคมที่ยอมตกอยู่ใต้อาณัติของสัตว์อื่นที่มีอำนาจเหนือกว่า, และมีแนวโน้มต่ำที่จะแตกตื่นเมื่อถูกล้อมกรอบ หลายพันปีมาแล้ว สัตว์ป่าที่เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดที่เลี้ยงได้ ที่มีคุณสมบัติตรงกับเงื่อนไขที่ยกมา ได้ถูกมนุษย์ทำให้เชื่องเป็นสัตว์เลี้ยงไปหมด ผลก็คือไม่มีสัตว์ป่าพันธุ์อื่นอีกแล้วที่มนุษย์นำมาเลี้ยงหลังจากนั้น แม้วิทยาศาสตร์สมัยใหม่จะพยายามเพียงใดก็ตาม

    ทวีป Eurasia มีพันธุ์สัตว์ป่าที่มนุษย์นำมาเลี้ยง ในจำนวนมากกว่าทวีปอื่นๆ ส่วนหนึ่งเพราะมันเป็นพื้นแผ่นดินที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีพันธุ์สัตว์ป่ามากที่สุดตั้งแต่แรก ความแตกต่างระหว่าง Eurasia และทวีปอื่นๆ ในแง่นี้ขยายห่างมากกว่าเดิมเมื่อ 13,000 ปีก่อน ณ จุดจบของยุคน้ำแข็งยุคสุดท้าย (the last Ice Age) ที่นำมาซึ่งการสูญพันธุ์ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่แทบทั้งหมด ซึ่งอาจเกิดจากการถูกล่าโดยอินเดียนแดงเผ่าแรกๆ ผลที่ตามมาคือ ชาวอินเดียนแดงเผชิญกับภาวะที่จำนวนสัตว์ป่าเลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ มีจำนวนน้อยกว่าในทวีป Eurasia มาก คือเหลือเพียงตัวลามะ (llama) และอัลปาก้า (alpaca คือสัตว์ขนปุยคล้ายแกะ) ที่นำมาเลี้ยงได้เท่านั้น

    พันธุ์พืชป่าที่นำมาเพาะปลูก กับ แกนตะวันออก-ตะวันตกของ Eurasia
    ความแตกต่างระหว่างโลกเก่าและโลกใหม่ในแง่ของพันธุ์พืชป่าที่นำมาเพาะปลูกได้ ก็คล้ายคลึงกัน (นั่นคือ โลกเก่ามีจำนวนพันธุ์พืชป่าที่เลี้ยงได้ มากกว่าในโลกใหม่หลายเท่าตัว) เพียงแต่ความแตกต่างไม่ห่างกันขนาดนั้น เหตุผลอีกข้อที่อธิบายได้ว่า ทำไมพันธุ์พืชและสัตว์ที่เลี้ยงได้ในทวีป Eurasia จึงมีจำนวนมากกว่าในทวีปอเมริกาคือ แกนหลักของ Eurasia พาดทางทิศตะวันออก-ตะวันตก ในขณะที่แกนหลักของทวีปอเมริกา พาดทางทิศเหนือ-ใต้ (โปรดดูรูปด้านล่างประกอบ)

     
     

    จากคุณ : Darksingha - [ 28 มี.ค. 50 18:12:25 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom