ความคิดเห็นที่ 1 แล้วเสริชกูเกิล แบบนี้ครับ แล้วตัดสินใจเอง ว่าปลอดภัยอย่างในคำโฆษณาหรือไม่ http://www.google.co.th/search?hl=en&q=glutamate+excitotoxin&btnG=Google+Search&meta= จากคุณ : NaCl - [ 1 เม.ย. 50 20:27:27 ]

ความคิดเห็นที่ 2 MSG-free: Avoiding the hidden sources -- Sufferers of monosodium glutamate (MSG) toxicity syndromes have long been dismissed by the makers of glutamate and food additives and by the FDA, whose labeling standards for foods containing the controversial flavor enhancer are fairly lax. For many of these MSG sufferers, the experience of coping with the ambiguities of food labeling leaves them feeling like Han Solo navigating his way through an asteroid field. Not only is it confusing -- it can be very dangerous. ~WebMD What is MSG toxicity syndrome? Monosodium glutamate (MSG) toxicity syndrome occurs in response to free-glutamic acid, which is a breakdown product of protein after it has been processed by a food manufacturer. While all protein has glutamic acid bound in it, it is only the glutamic acid that has been freed from the protein before it is consumed that causes the reactions. เฉพาะกลูตามิกอิสระเท่านั้น ที่มันมีผลต่อร่างกาย สำหรับกลูตามิกที่ประกอบเป็นโปรตีน ไม่มีผล เพราะร่างกายสามารถ "แกะมันออกมา" เพื่อใช้ตามต้องการได้ โดยที่ส่วนที่ยังประกบอยู่กับโปรตีน ร่างกายจะไม่มีผลใดกับมัน Growing numbers of patients and physicians and some scientists are convinced that the ingestion of this processed free-glutamic acid can cause adverse reactions in one or more organs of the body. In 1969, H. H. Schaumburg, an MSG researcher who helped educate the public and the medical industry about the dangers of MSG, concluded that up to 30 percent of the population had sensitivity reactions from the MSG in an ordinary diet. Symptoms that MSG can bring on Reported MSG reactions, which can occur as a result of consuming even small amounts (much less than the 1/2 gram the FDA considers to be low), include migraines; hives; mouth eruptions; numbness; tingling; swelling of mucous membranes in the oral, gastrointestinal or reproductive tract; asthma; runny nose; insomnia; seizures; mood swings; panic attacks; diarrhea; and cardiac irregularities. Sufferers of MSG's effects are not experiencing an "allergy." Instead, they are experiencing the results of direct nerve stimulation and possible nerve damage, although the latter has notbeen verified in humans. Emergency room physician George R. Schwartz, author of "In Bad Taste: The MSG Symptom Complex," says MSG is a "neurotoxin," a substance that actually induces nerve 'changes' and possible nerve 'damage'. Despite the fact that MSG causes known toxic reactions, and despite the fact that some labeling does exist, MSG-sensitive individuals are still at risk for becoming severely ill from food they buy at the store or order off a menu. 1. Most processed foods contain MSG. Kathleen Schwartz, president of NoMSG, a New Mexico-based nonprofit group, explains that MSG is deceptively represented as a "natural" additive on many containers and in some natural-food departments as well. "Anything that tastes good ... all of the fast foods, flavored chips, most of the condiments, most salad dressings, most processed lunch meats, most sausages, soups off the grocery shelf," she says, are likely to contain MSG. 2. Seasonings and basic food staples contain MSG. Adrienne Samuels, Ph.D., co-director and founder of the Truth in Labeling Campaign (TLC), a nonprofit organization whose mission is to promote "full and clear labeling" of all food, says that the unwary consumer is quite vulnerable to the unintended ingestion of MSG. In doing research for a TLC report, Samuels found that the glutamate and food-additive industry is adept at disguising the presence of MSG in foods. "Bouillon, stock, broth, malt flavoring, barley malt, seasonings, carrageenan, soy sauce, soy protein, whey protein and anything enzyme-modified," she writes, "always contain MSG." 3. MSG by any other name is just the same. Samuels notes that the FDA has demonstrated a curious relaxation of its usual standards for product labeling. "With some exceptions," she writes, "the FDA requires that ingredients -- MSG-containing ingredients included -- must be called by their common or usual names." The FDA uses the term "monosodium glutamate" for ingredients that are a 99 percent pure combination of glutamic acid and sodium. However, most of the MSG-containing foods that cause MSG syndrome are not 99 percent pure and are allowed to be labeled obscurely: "monopotassium glutamate," "autolyzed yeast," "hydrolyzed soy protein" and "sodium caseinate" are examples of ingredients that always contain MSG. 4. The FDA won't tighten its standards. In 1994 TLC attempted through a petition to pressure the FDA "to require that processed free-glutamic acid be clearly labeled when used in food." That petition -- and a subsequent lawsuit -- were not successful. The court ruled that the FDA, being a food-industry expert, did not have to disclose the "basis" of its conclusion that current labeling standards adequately protected the public. http://edition.cnn.com/HEALTH/diet.fitness/9907/23/msg.avoiding/index.html แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 50 20:47:48 จากคุณ : NaCl - [ 1 เม.ย. 50 20:41:48 ]

ความคิดเห็นที่ 3 แปลด้วยจิ ขี้เกียจแปลเอง.. จากคุณ : เด็กน้อยขี่ม้าก้านกล้วย - [ 1 เม.ย. 50 20:45:39 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขี้เกียจก๊อบ ลิ้งไปเอง อ่านเอง แปลเอง... นะ http://www.truthinlabeling.org/l-manuscript.html แถม ลิ้งอื่นๆ ที่อ่านง่ายยกว่าบทความวิชาการ แต่ก็เขียนโดยผู้มีความรู้ระดับดอกเตอร์(ตามอ้าง) http://aspartametruth.com/blaylock/sudden_cardiac_death.html http://www.dorway.com/blayenn.html http://en.wikipedia.org/wiki/Excitotoxicity http://en.wikipedia.org/wiki/Monosodium_glutamate http://en.wikipedia.org/wiki/Yeast_extract http://www.msgmyth.com/brochure.pdf http://www.nature.com/nature/journal/v377/n6547/abs/377340a0.html http://www.newstarget.com/009379.html http://www.rense.com/general64/msg.htm http://www.russellblaylockmd.com/ เว็บนี้เพียบเลย http://www.truthinlabeling.org/ http://www.wnho.net/msgnews.htm http://www.wnho.net/aspartamenews.htm แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 50 20:54:36 แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 50 20:50:43 จากคุณ : NaCl - [ 1 เม.ย. 50 20:50:05 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ที่บรรยายไทยใน #2 ผมหาต้นฉบับไม่เจอ เยอะจัด อ่านมาเป็นร้อยรายงาน จำไม่ได้ว่าเจอที่ไหน จากคุณ : NaCl - [ 1 เม.ย. 50 20:52:17 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ใครที่มันบอกว่าดี เก่งจริงให้มันกินสัก 1 ช้อนโต๊ะสิวะ อย่าดื่มน้ำตามนะเว้ย จากคุณ : GSP1 - [ 1 เม.ย. 50 21:43:07 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผมแนะนำให้ใช้ Oh my God ดีกว่านะครับ จากคุณ : น้องหมาตัวนั้น - [ 1 เม.ย. 50 22:06:45 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คนค้าน 2 คนอยู่ห้อง "ลุมพินี" ลองไปโพ๊สใหม่ที่ห้องลุมพินีซิ เดี๋ยวโดน ถล่มเละ ไม่เชื่อก็ลองดู ปล.ผมโดนมาแล้ว คุณควรลองดูบ้าง(กรณีน้ำเสีย/ปลาตายที่อยุธยา อย.     บอกว่า อาจต้องใช้เวลา 1 ปี พิสูจน์ว่าเป็นพิษจาก รง.ชูรส หรือ เรือ   น้ำตาลล่ม พระเจ้าจ๊อช ตั้ง 1 ปี คงลืมไปแล้วมั่ง) แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 50 23:17:30 แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 50 23:17:06 จากคุณ : บลูเรย์ - [ 1 เม.ย. 50 22:17:25 ]

ความคิดเห็นที่ 9 สงสัยรายการนี้มีผู้ผลิตผงชูรสเป็นสปอนเซอร์แฮะ - -" จากคุณ : Artillery - [ 1 เม.ย. 50 22:18:10 ]

ความคิดเห็นที่ 10 -*- ~~ แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 50 22:24:47 จากคุณ : ถั่วงอกเป็นฆาตกร - [ 1 เม.ย. 50 22:24:10 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เคยดูรายการที่วี บอกว่าไม่เป็นอันราย ใส่ได้ตามชอบ - -" จากคุณ : Sympho - [ 1 เม.ย. 50 22:30:41 ]

ความคิดเห็นที่ 12 Damn it !!! จากคุณ : Living Extreme - [ 1 เม.ย. 50 22:32:49 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ให้มันกินแต่เด็กไม่นานเกินรอหัวล้านแน่ๆ จากคุณ : ฮ่าฮ่า - [ 1 เม.ย. 50 22:47:07 A:61.19.228.46 X:61.19.228.46, 61.19.228.46 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ไม่ใช่เพราะเนื้อหาหรอกมั้งคับ คุณ บลูเรย์ ผมว่าเพราะ สำนวนมากกว่า ที่ทำให้โดนถล่มอ่ะ จากคุณ : Panda-baker - [ 1 เม.ย. 50 23:22:48 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คุณเกลือครับ ถ้าฟังจากที่คุณพูด เขาบอกว่าในนมมีกลูตาเมต ซึ่งจัดเป็นรสชาติแบบหนึ่งครับ กลูตาเมตนั้นเป็นตัวกระตุ้นรสชาติในธรรมชาติ ซึ่งพฤติกรรมของกลูตาเมตก็คล้ายๆผงชูรส เพียงแต่มันไม่ได้กระตุ้นรสชาติได้มากเท่าผงชูรสเท่านั้นเอง เค้าก็เลยสัณนิษฐานว่าเด็กก็ได้รับรู้รสชาติที่อร่อยของนมจากฤทธิ์ของกลูตาเมตนี้ เท่านั้นเอง ผมก็ไม่ได้เห็นว่า ที่คุณบอกมา เขาจะสื่อถึงให้กินผงชูรสนี่ครับ Glutamate หรือ Glutamic acid คุณก็น่ารู้จักดี ว่าเป็นแค่กรดอะมิโนตัวหนึ่ง ไม่มีงานวิจัยที่สื่อถึงว่าการใช้ผงชูรสใน "ระดับปกติ" เป็นอันตราย  คุณเองก็รู้อยู่แล้ว คนที่เกิดพิษจากผงชูรสนั้นก็เพราะเกิดจากการบริโภคที่เกินขนาด ในอาหารที่รับประทานข้างนอก เช่น หมูกระทะ อาจเพราะความไม่ตั้งใจของพ่อค้าแม้ค้าที่ขาดความรู้ตรงนี้ สำหรับคนที่แพ้ หรือไวต่อผงชูรส ก็ไม่ต่างอะไรกับผู้ที่แพ้อาหารทะเล ก็ควรหลีกเลี่ยงที่จะบริโภค อาหารทะเลมีคอเลสเตอรอลสูง แล้วทำไมยังมีให้บริโภคกันในท้องตลาด คนแพ้อาหารทะเลก็มีไม่น้อย ซึ่งผมว่าคนกลุ่มนี้มากกว่าคนที่แพ้ผงชูรสด้วยซ้ำ ทำไมอาหารทะเลถึงไม่ถูกต่อว่าต่อขานทั้งๆที่รายงานการวิจัยเห็นชัดเจน เป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์ ทั้งนี้ก็เพราะสิ่งเหล่านี้มันเกิดจากการเลือกบริโภคของเราต่างหากละครับ บทความที่เขียน แม้จะเป็นระดับปริญญาเอกเขียน หรือศ.นพ.ดร. ก็ตาม ถ้าไม่มีหลักฐานอื่นๆ เช่นการทดลองทางคลินิกที่มีนัยสำคัญทางสถิติมายืนยันแล้ว ก็จัดว่าเป็น Expert Opinion หรือความเห็นของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นครับ แม้จะมีข้อมูลว่าทำให้เกิดนู่น นี่ นั่น ในหนู แต่ถ้าไม่มีหลักฐานอื่นๆ ในมนุษย์ แล้วมีผู้เชี่ยวชาญมาเขียนเป็นบทความ ก็จัดว่าเป็นแค่ความเห็น ดังนั้น่ในทางการแพทย์ (Evidence-Base Medicine - EBM) เราจะจัด Expert Opinion อยู่ในระดับต่ำสุดของหลักฐานทางวิชาการ หรือ Evidence Level III (หรือ Level D) ซึ่งเอาไว้อ้างถึงหรือกล่าวถึงเป็นลำดับท้ายๆ แล้วคำว่า Excitotoxin ก็ไม่ได้แปลว่าพิษได้เพียงอย่า่งเดียวนะครับ ระดับความเป็นพิษของสารก็มีหลายระดับ ชื่อกลุ่มของสารบางครั้งเกิดจากการทดลองในครั้งแรกที่พบความเป็นพิษ ซึ่งมันขึ้นกับวิธีการทดลองด้วย สารในกลุ่มเองก็ไม่ได้เป็นพิษเสมอไป หรือจะเป็นพิษก็ต่อเมื่อให้สารจนสูงในระดับหนึ่ง ยกตัวอย่างยาตัวหนึ่งคือ digitoxin ชื่อมันก็บอกอยู่ว่าเป็นพิษ ยาตัวนี้สกัดมาครั้งแรกแล้วมีพิษต่อหัวใจ ต่อมาเมื่อมีศึกษาเพิ่มเติมมากขึ้นพบว่า ในขนาดยาระดับหนึ่งมันช่วยการทำงานของหัวใจ ทำให้เรามียากลุ่มนี้ใช้อยู่จนในปัจจุบัน ได้แก่ digoxin (Lanoxin) ลองดูอีกคำที่เราใช้กับกลูตาเมทดีไหมครับ นั่นคือคำว่า Excitatory Neurotransmitter หรือสารสื่อประสาทที่มีผลต่อการกระตุ้น เช่นเดียวกับ Acetylcholine ครับ ไม่ใช่ Excitotoxin เพียงอย่างเดียว Glutamate เป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายอยู่แล้ว Monosodium Glutamate ก็เป็นแค่เกลือของกรดกลูตามิก อย่าเพิ่งทำให้ผงชูรสดู "อันตรายเกินเหตุ" ทั้งๆที่มันยังไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจนดีกว่านะครับ ที่กล่าวมานี้ไม่ได้บอกว่าผงชูรสไม่อันตรายนะครับ มันอันตรายแน่นอนถ้าบริโภคเกินขนาด หรือสำหรับผู้ที่แพ้ ---------------------------------------------------- ถามว่าผงชูรสเป็นอันตรายหรือไม่ แน่นอนครับ ในเมื่อเป็น Excitatory Neurotransmitter ก็ทำให้เกิดการกระตุ้น Receptor และมีผลแสดงออกมาอยู่แล้ว เหมือนคุณได้รับ Acetylcholine หรือสารอื่นๆ ที่กระตุ้นร่างกายได้ ดังนั้นเมื่อได้รับสารเกินระดับที่ร่างกายทนได้ ย่อมแสดงออกมาในลักษณะที่คุณรู้จักกันดีในอาการต่างๆ ของผงชูรส หรืออีกชื่อคือ Chinese Restaurant Syndrome แต่ไม่มีหลักฐานทางวิชาการใดๆ ที่จะบอกว่า ผงชูรสเป็นอันตรายในระยะยาว และเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน การใช้ในระดับปรกติ ไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ (จริงๆ แล้วมากกว่าระดับปรกติ ก็ยังไม่มีหลักฐานการก่อนโรคในระยะยาว) ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้บอกว่าปลอดภัย หรือต้องกิน แต่จะบอกว่า อย่าเอาความเชื่อมาตัดสินครับ จะพูดกัน ต้องดูที่หลักฐานครับ http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L5271086/L5271086.html ย้ำอีกครั้งครับว่า ไม่ได้สนับสนุนให้กิน ไม่กินได้ก็ดี แต่ไม่จำเป็นต้องไปใส่ร้ายผงชูรสราวกับเป็นจำเลยสังคมนี่ครับ จริงไหม ปล. ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับบ. ผงชูรสแต่อย่างใดนะครับ --' Written by Epinephrine Edited by Philosophos แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 50 00:51:08 แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 50 00:24:43 แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 50 00:09:29 จากคุณ : Epinephrine - [ 1 เม.ย. 50 23:43:14 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ***เยี่ยมไปเลยครับคุณ Epinephrine ชัดเจน ครบถ้วน จากคุณ : Dare More - [ 2 เม.ย. 50 00:02:24 ]

ความคิดเห็นที่ 17 แล้วแบบนี้เด็กแพ้นมแม่ได้เหมือน คนที่แพ้ผงชูรสรึเปล่าครับ แล้วผงชูรสแบบใหม่ที่เค้าใช้แทน Monosodium Glutamate ละครับ เช่น Disodium 5'-Guanylate, Disodium 5'-Inosinate ที่ใส่ในมาม่า เคยได้ยินว่าอันตรายน้อยกว่าจริงรึเปล่าครับ มันต่างกับพวก MSG ยังไง จากคุณ : noraneko - [ 2 เม.ย. 50 01:04:46 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เรื่องหลอกลวงในโลกมี 108 1009 นี่ก็เป็นอีกเรื่องหลอกลวงในโลก จากคุณ : นายสาระแน - [ 2 เม.ย. 50 09:16:15 ]

ความคิดเห็นที่ 19 สะดุดตากับคำว่า Chinese Restaurant Syndrome ครับ เลยไปถามอากู๋ google มา ได้ความอย่างนี้ ทั้งนี้เพราะทั่วโลกทราบกันเป็นอย่างดีแล้วว่า กลุ่มอาการ “ภัตราคารจีน” ซึ่งจะมีอาการชาที่ลิ้น ริมฝีปาก แก้ม หรือต้นคอ บางคนหายใจไม่ปกติคล้ายหืดหอบ วิงเวียนศีรษะ และบางคนมีอาการคล้ายโรคหัวใจ หรือมีจ้ำสีดำขึ้นตามตัวอาการเหล่านี้เกิดมาจากผงชูรสอันเนื่องจากฝรั่งไปรับประทานอาหารจีนซึ่งมักจะใส่ผงชูรสแล้วเกิดอาการต่าง ๆ ขึ้น จึงได้ขนานนามของกลุ่มอาการนี้ว่า “Chinese Restaurant Syndrome” หรือกลุ่มอาการ “ภัตราคารจีน” นั่นเอง จากที่นี่ครับ http://www.kalathai.com/abstract/view_news.php? article_id=128 จากคุณ : ksk - [ 2 เม.ย. 50 09:25:40 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ถกกันหลายรอบแล้วล่ะ ปัจจุบันถ้าจะอ่านงานวิจัย ต้องดูด้วยครับ ว่าความน่าเชื่อถืออยู่ระดับไหน มีปัจจัยที่ทำให้แปรผลมี bias หรือเปล่า ถ้ามีงานวิจัยจริง แต่ความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับต่ำ เช่น กลุ่มตัวอย่างน้อย สุ่มตัวอย่างไม่ดี เป็นแค่ expert opinion มีการสนับสนุนจากบริษัทยา อย่างนี้ก็อาจไม่น่าเชื่อถือ ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานสนับสนุนว่าผงชูรสเป็นอันตรายในคนขนาดที่กินปกติ  แต่มีหลักฐานว่าอาจจะเป็นอันตรายในสัตว์ทดลองพวกหนูถ้าได้รับในขนาดสูง paper มีเยอะแยะครับ ถ้าจะหา ก็มีทั้ง 2 ด้าน แต่ต้องดูว่าอันไหนเชื่อถือได้หรือไม่ได้ อันนี้บอกว่า maximum 16 mg/kg body weight ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย http://www.ncbi.nlm.nih.gov/entrez/query.fcgi?db=pubmed&cmd=Retrieve&dopt=AbstractPlus&list_uids=16957679&query_hl=1&itool=pubmed_docsum อันนี้บอกว่ายังไม่พบอันตรายจากการกิน MSG ในขนาดปกติในคน แต่ในสัตว์ทดลองโดยเฉพาะหนู ถ้าได้รับทางหลอดเลือดดำ หรือได้รับปริมาณมากโดยการให้ทางสายให้อาหาร พบว่ามีผลเสียต่อเนื้อเยื่อระบบประสาท ในสัตว์ชั้นสูงขึ้นมา เช่น primate ผลเสียจะน้อยกว่า และ Scientific Committee for Food (SCF) of the European Commission, Federation of American Societies for Experimental Biology (FASEB) และ the Federal Drug Administration (FDA) ยังไม่พบว่าการบริโภค MSG ในขนาดปกติในมนุษย์ทำให้เกิดอันตราย หรือเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งแต่อย่างใด http://jn.nutrition.org/cgi/content/full/130/4/1049S ผมก็ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับผงชูรสเหมือนกัน แม่ผมเคยกินอาหารร้านจีนแล้วชาไปเป็นชั่วโมงด้วยซ้ำไป (Chinese Restaurant Syndrome)  เพียงแต่อยากให้ฟังและใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ปัจจุบันที่จะบอกว่าให้เชื่อหรือไม่เชื่อสิ่งไหนในบ้างครับ ส่วนเรื่องรายการนั่น ไม่ได้ฟัง ไม่ขอวิจารณ์ดีกว่า... แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 50 09:43:26 จากคุณ : เหวเห้ว - [ 2 เม.ย. 50 09:34:24 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ผงชูรส ข้อดีไม่มี/ข้อเสียมี แต่ไม่ชัดเจน(ไม่ยอมเปิดเผย)กินแล้วไม่เกิดผล ทันที แต่สะสม เรื่องนี้มีคนเสนอเยอะ แต่ก็มีคนค้านทุกที พูดกันไม่จบ เอา เป็นว่าใครกินแล้วไม่ดี ก็อย่ากิน ถ้าแฉออกมาตรงๆ บ.เขาอาจเจ้งได้ ของ กินทุกอย่าง เขาจะพูดด้านเดียว ไม่ได้โกหก แต่พูดไม่หมด ก่อนกินคิดเอา เองแล้วกัน ว่าดีหรือไม่ จากคุณ : บลูเรย์ - [ 2 เม.ย. 50 10:10:49 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ประโยคนี้ ไม่น่าชัดเจนพอ "ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานสนับสนุนว่าผงชูรสเป็นอันตรายในคนขนาดที่กินปกติ" น่าจะใช้คำว่า "ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานสนับสนุนว่าผงชูรสเป็นอันตรายในคน ในปริมาณไม่เกินที่แนะนำ" แทนเพราะ ปริมาณปกติ ที่เขาปรุงมาให้กิน ไม่แน่ใจว่าผู้ปรุงอาหารสำเร็จรูป เขาเข้าใจว่ามีหน่วย เป็นกรัม หรือ เป็นกำ เฉพาะที่เห็นตักใช้ลงอาหารก่อนเสิรบแต่ละถ้วยก็ไม่ค่ิอยเบามือเลย ทั้งที่ปรุงมาในน้ำซุป และการหมักต่างๆมาแล้ว   สรุป ผู้ผลิต และนักวิชาการ บอกหน่วยเป็นกรัม ผู้ปรุงอาหาร ใช้ปริมาณเป็นกำ ผู้บริโภค เป็นผู้รับกรรม จากคุณ : khanasri - [ 2 เม.ย. 50 10:20:23 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ^ ^ สรุปได้ชัดเจน แต่หลีกเลี่ยงไม่ได้อ่ะ ในเมื่อเรายังต้องทานอาหารนอกบ้าน จากคุณ : etymo - [ 2 เม.ย. 50 10:44:34 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ไม่ปลอดภัยหรอก กินมากไม่ดี ควรกินน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากคุณ : มังกรใจเย็น - [ 2 เม.ย. 50 11:09:19 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ปัญหามันอยู่ที่มีอะไรหลายๆ อย่างที่น่าสงสัย แต่ถูกยัดเยียดให้ผู้บริโภคอย่างเราต้องรับเข้าไปๆ อย่างไม่มีทางเลือก จากคุณ : QuaOs - [ 2 เม.ย. 50 11:19:17 ]

ความคิดเห็นที่ 26 1. ตามภาษาของผู้เจริญ รายการนี้พูดถูกต้องครับ กลูตาเมตในนม มีหน้าที่ให้รสชาติได้...ก็เหมือนในผงชูรส ถ้ามันมีและเป็นเช่นนั้นก็คงไม่ผิดอะไร แต่เมืองไทย คนไทยฟังแล้วคิดต่อไปเองมีเยอะ ก็ต้องระวัง 2. อย่างอื่นคุณepinephrine บอกไปแล้ว 3. ที่นี่เราคุยด้วยเหตุด้วยผลครับ คุณNaCl(เกลือ)และคุณepinephrine(คุณสารกระตุ้น555)คุย ก็ใช้เหตุใช้ผล ....... แต่ใครที่เอะอะก็สบคบคิด ...อันนี้พิจารณาเอาครับ จากคุณ : หมอแมว - [ 2 เม.ย. 50 11:53:02 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ที่คุณ Epinephrine เขียนก็ชัดเจนดีแล้วครับ หรือผมอ่านภาษาไทยไม่รู้เรื่องหว่า? จากคุณ : Due_n - [ 2 เม.ย. 50 12:13:43 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ผมคิดว่า ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่า ผู้ขายอาหารมักจะใส่ผงชูรสทีละเยอะๆ     อย่างนี้มันน่าจะเกินปริมาณที่แนะนำหรือเปล่าครับ    'เกณฑ์หรือปริมาณที่เหมาะสม/แนะนำ'อยู่ที่เท่าไหร่ ถ้าผู้ขายใช้เกินก็แสดงว่าไม่ปลอดภัยอยู่ดีใช่ไหมครับ (??) จากคุณ : PureTruth - [ 2 เม.ย. 50 12:31:55 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ผมไม่ได้ว่าผงชูรสอันตรายเว่อร์ แต่ที่จะว่าก็คือ โฆษณามันพยายามทำให้รู้สึกว่ามันปลอดภัยจนเกินไป จริงๆ มันไม่ได้ปลอดภัยขนาดนั้น ปัจจุบันนี้ก็เข้าใจผิดกันมากมาย จนพ่อค้าแม่ค้าใส่ลงไปแบบไม่สนใจว่าเทลงไปแล้วกี่กำ แล้วยังโฆษณาย้ำๆ แบบนี้อีกบ่อยๆ นี่ยังไม่รวมถึงที่มันโฆษณาวันอื่นๆ นะ ผมเห็นแค่วันเดียวยังขนาดนี้ แล้วพ่อค้าแม่ค้ามิเทใส่ลงไปหนักกว่านี้หรือ แล้วผู้ที่ป่วยเพราะผงชูรสก็จะไม่ทราบว่าเพราะอะไร เนื่องจากถูกโฆษณาฝังหัวไปแล้วว่าปลอดภัย ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ พวกบริษัทผลิตผงนี่มันจะโลภมากไปถึงไหนครับ จะให้ยอดขายสูงยิ่งกว่านี้อีกหรือ ทั้งที่ทุกวันนี้ก็ใส่กันไม่ยั้งอยู่แล้วนะครับ คุณหลอกคนได้แค่เพราะต้องการเงินเท่านั้นโดยไม่สนใจอะไรเลยใช่ไหม อยากรู้นักว่ามาตรฐานคุณธรรมของพวกคุณมันต่ำขนาดไหน ถึงระดับ trace level เลยมั๊ย ทั้งๆ ที่มาตรฐาน GMP ระบุชัดแล้วว่าให้ใช้น้อยที่สุดเท่าที่มันให้ผลที่ต้องการ ทำไมครับ ถามหน่อย บริษัทคุณจนมากใช่ไหมครับ ถึงทำกับพวกเราได้ขนาดนี้ คุณเห็นพวกเราเป็นผักปลารึไง คุณๆ ในบริษัทกล้าให้ลูกคุณกินนมที่ใส่ผงชูรสไหมครับ ใส่ขวดละช้อนๆ ทุกวัน ลองไหมครับ ผมจะไม่ว่าคุณเลย ถ้าคุณโฆษณาว่าให้ใส่จานละเท่านั้น เท่านี้ ตามมาตรฐาน เช่น จานละ 0.5 กรัม ใส่มากเปลือง และไม่ได้ทำให้อร่อยขึ้นแต่ประการใดเลย  ผมเห็นกราฟทดลองคะแนนรสชาติมาแล้ว ถ้าใส่มากเกินมันจะไม่มีผลใดๆที่เพิ่มขึ้นของรส เลย หัดทำโฆษณาแบบดีแท็กบ้างสิครับ หัดคิดถึงสังคมบ้าง ไม่ใช่เอาแต่กำไรอย่างเดียว หัดมีสามัญสำนึกของคนดีๆ บ้าง  อย่าให้ความโลภครอบงำ เงินทองกองท่วมหัว ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ คุณไม่เข้าใจหรือ ? สัจธรรมโลกหนะ หวังว่าคราวหน้าผมคงได้เห็นโฆษณาที่สร้างสรรค์กว่านี้นะครับ ผมคงไม่ต้องพูดแล้วนะครับเรื่องความเป็นพิษ แน่นอนที่มันเป็นพิษหากทานมากเกินไป แต่ถ้าใส่แต่พอดี พอเหมาะ มันเป็นประโยชน์ และไม่เป็นโทษกับใคร จะเป็นการดีมากหากคุณโฆษราสอนวิธีตวงผงชูรสเพื่อใช้ในการค้า เช่น บะหมี่หนึ่งหม้อ ปรุงได้ 300 ชาม ควรใส่ชูรสเท่าไร สอนวิธีพวกนี้นะครับ สอนเขาว่า อาหารปิ้งย่าง ควรใช้ชูรสอย่างไร เช่น ไม่ควรใส่ชูรสในอาหารที่นำไปย่าง ปิ้ง ทอด ที่ความร้อนสูงมากๆ และให้หลีกเลี่ยงโดยแก้ไข ใช้วิธีอย่างไร เพื่อหลีกเลี่ยงการสลายตัวของผงูรสเป็นสารก่อมะเร็ง คุณยอมรับเถอะว่ามันอันตรายถ้าใช้มากเกิน คุณหลีกเลี่ยงความจริงไม่พ้นหรอก คุณไม่สามารถโกหกคนทั้งโลกได้ ได้โปรดเถอะ ช่วยกันสักนิดได้ไหม ช่วยทำให้คนเข้าใจถูกเสียที การทำการค้าด้วยความจริงใจ คุณทำการค้าได้ชั่วลูกชั่วหลานเลย  แต่หากทำการค้าด้วยวิธีสกปรก จะมีแต่คนต่อต้าน ครับ จากคุณ : NaCl - [ 2 เม.ย. 50 13:57:51 ]

ความคิดเห็นที่ 30 โฆษณาผงชูรสยี่ห้ออะไรเหรอครับพอจะบอกได้มั๊ย บอกแบบอ้อมๆก็ได้ เรื่องผงชูรส ถ้าผมเป็นคนทำอาหารเองผมก็เลี่ยงอยู่แล้ว ไข่เจียวที่ผมทอดนะ นอกจากไข่แล้วผมไม่ใส่อะไรเลย รวมถึง พริกหรือน้ำปลาด้วย แต่ที่คุณ NaCI พูดก็เกินไปอย่าง "คุณๆ ในบริษัทกล้าให้ลูกคุณกินนมที่ใส่ผงชูรสไหมครับ ใส่ขวดละช้อนๆ ทุกวัน ลองไหมครับ" ถ้าหากเปลี่ยนจากผงชูรสเป็นพริกไทยล่ะ ถ้าเค้าบอกว่าไม่อันตราย คุณ NaCI อยากถามเค้าแบบนี้มั่งมั๊ยครับ "คุณๆ ในบริษัทกล้าให้ลูกคุณกินนมที่ใส่พริกไทยไหมครับ ใส่ขวดละช้อนๆ ทุกวัน ลองไหมครับ" หรือว่าประเด็นเรื่องชงนมมาจากที่เค้าบอกว่า "เด็กๆ รู้จักรสชาติตั้งแต่เกิดแล้วเพราะ มีกลูตาเมตมากมายในนมแม่ ซึ่งเหมือนกันกับที่มีในเครื่องปรุงอาหารเช่นผงชูรส หรือ โมโนโซเดียมกลูตาเมต" ผมไม่กินหรอกผงชูรสถ้าเลือกได้ แต่ แปลกใจที่ว่าถ้าหากอาหารอะไรปลอดภัย มีวิธีพิสูจน์โดยการตัก 1 ช้อนโต๊ะชงนม ให้ลูกคน บอกว่าปลอดภัย ถ้าอย่างงั้นผมคงไม่ค่อยกล้าบอกใครแล้วว่าอาหารอะไรปลอดภัย จากคุณ : Oak - [ 2 เม.ย. 50 14:18:01 A:58.136.99.3 X: TicketID:062405 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เอางี้ดีกว่าครับ อย่าเถียงกันเลย .... ผมคิดวิธีทำให้ทุกคนเลิกทะเลาะกันได้แล้วล่ะ.... เดี๋ยวเย็นนี้จะมาโพส ... แต่ต้องการความร่วมมือของทุกท่านด้วยเช่นกัน จากคุณ : หมอแมว - [ 2 เม.ย. 50 14:58:34 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ความจริง กับ ความเชื่อ กับ ความคิดเห็น มันต่างกัน อย่าเอาสิ่งที่คิด มาบอกว่าเป็นจริง ผมเรียนวิทยาศาสตร์ผมย่อมให้ความสำคัญกับ ผลการทดลองและวีธีกาีรทดลองมากกว่าความเห็นของบุคล จากคุณ : recombination - [ 2 เม.ย. 50 15:24:28 ]

ความคิดเห็นที่ 33 Reconsidering the effects of monosodium glutamate: a literature review. J Am Acad Nurse Pract. 2006 Oct;18(10):482-6 PURPOSE: This article reviews the literature from the past 40 years of research related to monosodium glutamate (MSG) and its ability to trigger a migraine headache, induce an asthma exacerbation, or evoke a constellation of symptoms described as the "Chinese restaurant syndrome." DATA SOURCES: Literature retrieved by a search using PubMed, Medline, Lexis-Nexus, and Infotrac to review articles from the past 40 years. CONCLUSIONS: MSG has a widespread reputation for eliciting a variety of symptoms, ranging from headache to dry mouth to flushing. Since the first report of the so-called Chinese restaurant syndrome 40 years ago, clinical trials have failed to identify a consistent relationship between the consumption of MSG and the constellation of symptoms that comprise the syndrome. Furthermore, MSG has been described as a trigger for asthma and migraine headache exacerbations, but there are no consistent data to support this relationship. Although there have been reports of an MSG-sensitive subset of the population, this has not been demonstrated in placebo-controlled trials. IMPLICATIONS FOR PRACTICE: Despite a widespread belief that MSG can elicit a headache, among other symptoms, there are no consistent clinical data to support this claim. Findings from the literature indicate that there is no consistent evidence to suggest that individuals may be uniquely sensitive to MSG. Nurse practitioners should therefore concentrate their efforts on advising patients of the nutritional pitfalls of some Chinese restaurant meals and to seek more consistently documented etiologies for symptoms such as headache, xerostomia, or flushing. จากคุณ : recombination - [ 2 เม.ย. 50 15:34:14 ]

ความคิดเห็นที่ 34 #17  ตั้งข้อสังเกตได้ดีนะ ไม่มีเด็กคนไหนในโลกนี้แพ้นมแม่ ถามว่า ทำไม ? ใครตอบได้ กลไกเป็นอย่างไร ? จากคุณ : NaCl - [ 2 เม.ย. 50 16:29:17 ]

ความคิดเห็นที่ 35 มัน ดีหรือไม่ดี ผม ก็ไม่อยาก กัน หรอก เพราะ รู้สึกว่าทำให้ หิว น้ำ มากขึ้น(คิดเองนะ) จากคุณ : โอปอrnm - [ 2 เม.ย. 50 16:38:26 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เข้าใจเจตนาของ จขกท. นะ ครือเค้าพยายามโฆษณาอ่ะเพ่ ใจเย็น ๆ น้า ไม่มีใครเอาผงชูรสชงพร้อมนมหรอก อุอุอุ จากคุณ : maikeet - [ 2 เม.ย. 50 16:47:54 ]

ความคิดเห็นที่ 37 #30 ผมคิดว่าคุณ NaCl อ้างเหตุผลแบบนั้นได้นะครับ เพราะต้นเรื่องคือรายการทีวี เอาเหตุผลเรื่อง "มีกลูตาเมตในนมแม่" มาอ้างก่อน จากคุณ : QuaOs - [ 2 เม.ย. 50 17:14:50 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ส่วนตัวผมอยากให้มีกฏหมายห้ามใส่ผงชูรสลงในอาหารทุกชนิด ผมไม่เห็นว่าผงเคมีนี่มันจะมีประโยชน์อะไรนอกจากทำให้ลิ้นคนกลายเป็นลิ้นจระเข้ จากคุณ : คาเฟอีน - [ 2 เม.ย. 50 17:15:16 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ยอดขายเพิ่มขึ้น กำไรเพิ่มขึ้น เย้ เย้ ผงนรกสำหรับคุณ ผงสวรรค์ของผู้ผลิต จากคุณ : drof - [ 2 เม.ย. 50 18:03:48 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ฝากท้องกับอาหารนอกบ้านก็ต้องทำใจนะ จากคุณ : Living Extreme - [ 2 เม.ย. 50 20:30:06 ]

ความคิดเห็นที่ 41 คุณ QuaOs เรื่องนั้นผมก็ทราบครับจะเห็นได้ว่าใน Comment ของผม ใน #30จะมีคำถามที่ว่า ิโภคจะเป็นอย่างไรขอให้ขายได้ก็พอ คนกินก็รับกรรมไป จากคุณ : Oak - [ 2 เม.ย. 50 22:59:57 A:202.57.170.67 X: TicketID:062405 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ^ข้างบนข้อความหายอ่ะ เอาใหม่นะ คุณ QuaOs เรื่องนั้นผมก็ทราบครับจะเห็นได้ว่าใน Comment ของผม ใน #30จะมีคำถามที่ว่า ================= หรือว่าประเด็นเรื่องชงนมมาจากที่เค้าบอกว่า "เด็กๆ รู้จักรสชาติตั้งแต่เกิดแล้วเพราะ มีกลูตาเมตมากมายในนมแม่ ซึ่งเหมือนกันกับที่มีในเครื่องปรุงอาหารเช่นผงชูรส หรือ โมโนโซเดียมกลูตาเมต" ================= ซึ่งผมก็ไม่ได้เรียนวิทย์มา แล้วก็ไม่มีโอกาสได้ดูโฆษณานี้ด้วย แต่จากความเห็นของ คุณEpinephrine ใน #15 และคุณหมอแมวใน #26 ก็บอกว่าเป็นเรื่องจริง ไม่ได้เป็นความผิด สมมุติว่าถ้ามีคนเป็นนักวิทยาศาสตร์บอกว่า "ในนมแม่มีสารxxx ที่เหมือนกับในเครื่องปรุงอาหารเช่น พริก" แล้วเราจะไป ท้าเค้าให้ลองเอาผงชูรส หรือ พริก ชงนมมันก็กระไรอยู่อ่ะครับ ถ้าให้ผมทำอาหารเองผมก็ไม่กิน แต่ผมคิดว่าเค้ามีสิทธิที่จะพูดอย่างนั้นถ้าเป็นเรื่องจริง อันนี้บอกกล่าวนะครับไม่เกี่ยวกับกระทู้โดยตรง ก๋วยเตี๋ยวแถวบ้านผมเมื่อ 10 ปีก่อน ใส่กัญชาลงไปในน้ำซุปครับ พ่อค้า แม่ค้า บางคนเค้าก็ไม่สนใจว่าผู้บริโภคจะเป็นอย่างไรขอให้ขายได้ก็พอ คนกินก็รับกรรมไป จากคุณ : Oak - [ 2 เม.ย. 50 23:02:26 A:202.57.170.67 X: TicketID:062405 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เสริมอีกนิดนึง ============================== คนเป็นเจ้าของโรงงานผงชูรส ทั้งตัวเองและครอบครัว ไม่ยอมกินอาหารที่ใส่ผงชูรส คิดดู จากคุณ : *** - [ 31 มี.ค. 50 12:14:46 A:58.9.202.202 X: TicketID:141209 ] ============================== อันนี้นี่คิดว่าจริง เพราะเคยมีคนที่แต่ก่อนกินผงชูรส แล้วเค้าไปทำงานที่บริษัทผลิตผงชูรส เค้าโทรมาบอกครอบครัวว่าอย่ากิน ส่วนตัวผมเวลากินแล้วเหงื่อออกเต็มเสื้อเลย จากคุณ : Oak - [ 2 เม.ย. 50 23:10:30 A:202.57.170.67 X: TicketID:062405 ]

ความคิดเห็นที่ 44 คุณ เกลือ นี่ เจ้าประจำเรื่อง แอนตี้ผงชูรส จริงๆนะครับ  555 จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า - [ 4 เม.ย. 50 14:13:45 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ถึงคุณ จขกท. ครับ *************** ณ ตรงนี้ผมยังอ่านทั้งกระทู้ไม่หมดครับ แต่ อยากจะบอกอะไรบางอย่างว่า ร้านค้าไม่ได้ใส่เยอะอย่างที่เจ้าเข้าใจนะครับ เพราะผงชูรสถ้าใส่เยอะ มันก็ เปลืองครับ แพงนะครับ ไม่ใช่ถูก ๆ ของแบบนั้น โลนึง แพงกว่าหมูอีกครับ เพราะฉน้น อย่าเหมารวม ร้านอาหารครับ ผมคนนึง เถียงขาดใจ จะเจ๊งได้เพราะ ใส่ผงชูรสเยอะนี้หละครับ จากคุณ : {M}-มดนะจ๊ะ - [ 4 เม.ย. 50 14:58:44 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เห็นถกเถียงกันมานานเรื่องนี้ อยากทราบว่านอกจากอาการ ชาไปชั่วขณะ นี่มีอันตรายมากกว่านี้ไม๊ มีใครเสืยชีวิตจากการกินเกินขนาดที่บันทึกเป็นทางการบ้างไม๊ครับ ส่วนตัวชอบกินมาม่าไม่ต้ม ชักเสียวๆ จากคุณ : clean no10 - [ 4 เม.ย. 50 14:59:11 ]

ความคิดเห็นที่ 47 สาวกตัวจริง MSG ขอรายงานตัวคร๊าบ ผมสังเกตว่า กระทู้ ผงชูรส พอถูกตั้งทีไร จะมีองครักษ์พิทักษ์ชวน ออกมาปกป้องทันที ทุกทีเลย ข้ออ้างก็เดิมๆ 1.นับถึงบัดเดี๊ยวนี้ ยังมิมี รายงานการวิจัยออกมาอย่างชัดเจนว่า เป็นอันตราย 2.ดังนั้นสรุปได้ว่า ทานได้อย่างสบายใจ (ในปริมาณที่เหมาะสม) 3.บางท่านอย่าง ท่าน EPINEPHRINE ก็ประชดใส่เลยครับว่า กินข้าวยังเป็นมะเร็งเลย ดังนั้นสรุปว่า "อย่าไปกังวลมาก" แต่ที่หัวเราะไม่ออกคือ ท่าน EPINEPHRINE สรุปต่อท้ายว่า ตัวท่านเองก็ไม่กิน MSG !?!?!?!?! ตัวกระผมเอง ก็คงมิอาจไปหาข้อมูลวิจัย มาหักล้างได้ดอก คงได้แต่ เอาสิ่งที่เห็นกับ 2 ตา มารายงานว่า เดี๊ยวนี้ คนที่ OFFICE เขาคิดอย่างไร ก็แล้วกัน 100 % ของเพื่อนที่ทำงาน เวลาสั่งกับข้าวให้ลูก พร้อมใจบอกแม่ค้าว่า "ไม่เอาผงชูรส" บางคนห่วงลูกมากถึงกับยืนคุม เพราะเคยสั่งแล้วก็ยังใส่มา แบบว่าเคยมือ ผมก็ได้แต่สงสัย เขาให้ฟรีๆ ทำไมไม่เอา ? ได้แต่เดาว่า ไม่มีพ่อแม่คนไหนหรอกที่อยากให้ลูกกินสิ่งไม่ดี และไม่มีพ่อแม่ "สักคน" บอกเลยครับว่า เดี๊ยวรอ "งานวิจัย" ก่อน แล้วค่อยตัดสินว่า จะให้ลูกกินไม่กินดี เขาตัดสินใจจาก "สัญชาตญาน" ครับ ท้ายที่สุดก็ขอยืนยันอีกครั้งว่า มีลูกก็จะสอนจะสั่ง มีหลานก็จะอบรม ว่า หลีกเลี่ยงให้ได้มากที่สุด จากคุณ : TTK (todd tong k) - [ 4 เม.ย. 50 16:15:12 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เห็นด้วยอ่ะ ที่ว่า ใส่กันเยอะจริงๆ มีอยู่ร้านนึง ที่รู้จักกันกับเจ้าของ ตัวเจ้าของเองอ่ะ ห้าม ใส่ อย่างเด็ดขาด แต่ เชื่อมั๊ย แม่ครัวอ่ะ ยองลงทุน เอาเงินตัวเอง ไปซื้อมา เพื่อใส่ในอาหารที่ร้าน เนื่องจากเค้าไม่มั่นใจในฝีมือของตัวเอง หากไม่ใส่ เอากะเค้าสิ... จากคุณ : Bubble_eis - [ 4 เม.ย. 50 16:22:14 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เข้ามา หนับหนุน คุณ NaCL ข้างล่างเป็นฝีมือของคุณ NaCL เขา จากอีกกระทู้ ผมเห็นว่า เหตุผลดูดี ก็เลยคัดลอกมาให้ดูกัน " จริงอยู่ โฆษณาดังกล่าวหลอกคนมีการศึกษาไม่ได้ แต่..... หากเป็นพี่น้องตามต่างจังหวัด หรือผู้ที่มีการศึกษาเพียงระดับพื้นฐานละครับ เขาไม่มีอินเตอร์เน็ทใช้ เขาอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก เขาไม่รู้ความจริงนี้ อะไรจะเกิดขึ้นครับ ?? และก็ที่สำคัญอีกอย่าง ***** กลุมประชาชนกลุ่มนี้ มักประกอบอาชีพเกี่ยวกับอาหาร เป็นแหล่งผลิตอาหารให้ทุกๆ คนรับประทาน***** หมายความว่า คุณทุกคนที่อ่านเว็บนี้ ต้องเคยโดนผงชูรสในปริมาณที่ "เกินระดับปกติ" ที่ทำการวิจัยแน่นอน !! " ************************************ ใช้ ตรรกะได้ยอดเยี่ยมครับ ขอชม จากคุณ : TTK (todd tong k) - [ 4 เม.ย. 50 16:24:45 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ถ้ากินไม่มากก็ไม่น่ามีปัญหา  แต่ที่ใชกันในปัจจุบันมากเกินไป เช่น   แม่ค้าขายลูกชิ้นปิ้งเทผงชูรสทั้งซองในน้ำจิ้ม (เห็นกะตา) ข้าวผัด 1 จาน ผงชูรส 1 ช้อนชา   กินในปริมาณที่พอดีจะเกิดรสชาดอูมามิ(เช่นได้จากสาหร่ายทะเลที่ใส่ในมิโซะซุป  ญี่ปุ่นมีมานานแล้ว  ได้กลูตาเมตจากธรรมชาติ)  ไม่อันตราย   แต่ปัจจุบันใช้กันฟุ่มเฟือยเหลือเกิน จากคุณ : bubblebaba - [ 4 เม.ย. 50 16:52:30 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ความคิดเห็นที่ 34 #17  ตั้งข้อสังเกตได้ดีนะ ไม่มีเด็กคนไหนในโลกนี้แพ้นมแม่ ถามว่า ทำไม ? ใครตอบได้ กลไกเป็นอย่างไร ? จากคุณ : NaCl ------------------------------------------------ ลูกผมครับแพ้นมแม่ อาการคือ ทานนมแม่แล้วจะถ่ายท้อง ทานได้แต่นมวัวครับ จากคุณ : กฤตยฎีกา - [ 4 เม.ย. 50 18:14:43 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เมืองไทยใส่หมดทุกอย่างเลย ส้มตำ นี่ใส่กันเยอะนะถ้าเทียบต่อปริมาณที่กิน พวกพริกเกลือจิ้มผลไม้อีกไม่รู้จะใส่ไปทำไมกินแล้วคอแห้ง จากคุณ : Dr.slump - [ 4 เม.ย. 50 21:50:51 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ผมรู้สึกว่า อะไรที่มันอร่อยๆ มันจะมีผลเสีย (ถ้ากินเยอะ) อาหารมันๆ ของหวานๆ อะไรพวกนี้ ผมว่ากินมากๆมันก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละ รวมถึง ผงชูรสด้วยนะ แต่ถ้ากินในปริมาณไม่มากก็คงไม่เป็นอันตราย (มั้ง) จากคุณ : ตีนกบ - [ 4 เม.ย. 50 22:32:39 ]

ความคิดเห็นที่ 54 อย่าว่าแต่ MSG เลย อะไรก็ตามกินเข้าไปมากเกินไปมันก็มีอันตรายทั้งนั้นแหละ แม้แต่เกลือ NaCl, น้ำตาล, ข้าว, เนื้อสัตว์, นม, น้ำ ถ้ากินเยอะไปก็มีผลเสียต่อร่างกายทั้งนั้น จากคุณ : ผลึกความคิด - [ 4 เม.ย. 50 22:51:29 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ไม่อันตรายหรือ แบบว่าได้ฟังวิทยุ เขาพูดถึงเรื่องการกินเกลือโซเดียมมากๆ จะทำให้เกิดเป็นโรคมากมาย เช่น ความดัน โรคไต โดยบอกว่า องค์การอาหารและยา ได้ให้ปริมาณที่ควรกิน แต่ว่าในบะหมี่สำเร็จรูป ถ้ากินหมดซองก็เกินแล้ว ผงฃูรส มันเป็น โมโนโซเดียมกลูตาเมต อย่างนั้น ถ้ากิน แค่ปกติ (แบบที่ร้านอาหารใส่) ผมว่ามันเกินแล้วไม่ใช่หรือ ใครช่วยบอกหน่อยว่า โซเดียม กินมากแค่ไหนถึงอันตราย จากคุณ : .eAT - [ 4 เม.ย. 50 23:31:33 ]

ความคิดเห็นที่ 56 คุณเกลือเป็นอะไรครับ มีผลประโยชน์ด้านการค้าแอบแฝงรึป่าวครับ หรือบ้านมีโรงงานผลิตเกลืออยู่ ถึงอินขนาดนี้ ก็ตามที่ข้างบนพูดครับ กินเกลือมากไป ก็ทำำให้ความดันสูง ถ้าคนเป็นโรคหัวใจยิ่งต้องระวังเลย แถมไตอาจจะพังด้วย น้ำตาลกินเยอะไปก็เป็นเบาหวาน อันนี้ได้ยินมาบ่อยมาก แต่มันใช่สาเหตุจริงๆรึป่าว เพราะมัันน่าจะเกี่ยวกับตับอ่อนหรืออะไรซักอย่างทีขับอินซูลินในระดับที่ไม่ปกติ แต่ได้ยินว่ากินหวานมากไปทำให้ระดับอินซูลินในร่างกายผิดปกติไป ทำให้เป็นเบาหวาน ผู้รู้ช่วยไขข้อข้องใจหน่อยครับ ว่ากินหวานแล้วเป็นเบาหวานจริงๆ (เพราะจริงๆแล้ว เรากินข้าว ร่างกายก็ย่อยเป็นน้ำตาลอยู่ดีนี่นา ถ้าจำไม่ผิด ถ้างั้น กินข้าวเยอะๆ ก็น่าจะเป็นเบาหวานด้วยสิ) หรือว่าจริงๆแล้วเป็นเพราะพันธุกรรมและปัจจัยอื่น กินน้ำเปล่าเยอะไปก็ตายได้ ไหนคุณเกลือลองบอกมาทีซิครับว่าอะไรที่ว่ากินมากเกินไปแล้วไม่ีมีผลเสียเลย จากคุณ : ไทเกอร์ อู๊ด - [ 5 เม.ย. 50 00:34:24 A:209.158.5.162 X: TicketID:064569 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ใจเย็นๆ จากคุณ : ด้วยรักและปลาทู - [ 5 เม.ย. 50 03:31:33 ]

ความคิดเห็นที่ 58 เรื่องผงชูรส ผมเห็นด้วยกะ จขกท. นะ ไม่ได้ความเชื่อ แต่จากการเรียน ประสบการณ์ และหลายๆอย่าง เหตุผลประมาณ จขกท. แหละ ขี้เกียจพิม ผมจามาตอบ #56 มากกว่า จิงๆ เบาหวาน, ความดัน เป็นโรคที่เป็น Multifactoial Disorder (และหลายๆโรคเป็นแบบนี้) ซึ่งการที่จะเป็นโรคได้ จะต้องเกิดจากสองปัจจัย คือ Gene + Environment ทำงานประสานกัน จนถึงระดับ threshold จึงจะเป็นโรค ยกตัวอย่างง่ายๆ ก้อเบาหวานล่ะกันครับ ถ้าคุณมี gene เกี่ยวกับเบาหวานมาก (ซึ่งปัจจุบันยังรู้จักกลไกน้อยมาก ไม่กี่ gene) กินหวานมากๆนิดเดียว ก้อเป็นเบาหวานแล้วครับ เพราะถึงระดับ threshold แต่ถ้าคุณมี gene ที่เกี่ยวกับเบาหวานน้อย กินน้ำตาลซัก 3-4 kg ก้ออาจจะไม่เป็นอะไรเลยก้อได้ ถ้าตับอ่อนคุณยังแข็งแรงดี ประมาณนั้น จากคุณ : MinIEs - [ 5 เม.ย. 50 05:26:33 ]

ความคิดเห็นที่ 59 อ่อ ลืมตอบอีกอย่าง ไม่มีอะไรที่กินแล้วไม่มีผลเีสียเลย แต่ OR[Odd Ratio] หรือ RR[Relative Risk] ของการกินผงชรสเสี่ยงกว่าน้ำตาลหรือเกลือ พูดง่ายๆคือ มีโอกาสน้อยที่คนทั่วไปกินน้ำตาลแล้วเป็นเบาหวาน กินเกลือแล้วความดันขึ้น แต่มีโอกาสสูงที่คนทั่วไปกินผงชูรสแล้วมีอาการแพ้ อาจจะประกอบกับ threshold ที่ร่างกายจะรับผงชูรสได้ ต่ำกว่าเกลือและน้ำตาลด้วยอยู่แล้วมั้ง? (อันหลังนี่เดา) จากคุณ : MinIEs - [ 5 เม.ย. 50 05:31:04 ]

ความคิดเห็นที่ 60 อย่างที่บอกว่าบ้างอย่างกินมาก ๆ ไม่ดีก็ถูกครับ แต่ น้ำตาล ถ้ามีมาก ๆ เรารู้ว่ามันมีเยอะ เพราะมันหวาน เกลือ ถ้ามีมาก ๆ เรารู้ว่ามันมีเยอะ เพราะมันเค็ม ทั้งเกลือและน้ำตาล ถ้ามีในปริมาณมาก ๆ ในหนึ่งครั้ง คนเราพิจารณาได้เลยครับ ว่าจะกินต่อหรือกิน จากคุณ : MAX - [ 5 เม.ย. 50 10:38:18 ]

ความคิดเห็นที่ 61 อย่างที่บอกว่าบ้างอย่างกินมาก ๆ ไม่ดีก็ถูกครับ แต่ น้ำตาล ถ้ามีมาก ๆ เรารู้ว่ามันมีเยอะ เพราะมันหวาน เกลือ ถ้ามีมาก ๆ เรารู้ว่ามันมีเยอะ เพราะมันเค็ม ทั้งเกลือและน้ำตาล ถ้ามีในปริมาณมาก ๆ ในหนึ่งครั้ง คนเราพิจารณาได้เลยครับ ว่าจะกินต่อหรือไม่กิน จากคุณ : MAX - [ 5 เม.ย. 50 10:41:08 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ลิ้งกระทู้ที่เกี่ยวข้อง http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X5288466/X5288466.html http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X5286517/X5286517.html ตอบ ผมทำงานที่ต้องใช้สมองมากๆ และทุกคนในงานด้วย และเจ้าผงเนี่ยแหละ ที่ทำให้หลายๆ คนทำงานไม่ได้ เพราะโดนเข้าไปเยอะมากๆ ผมทำงานด้านอิเล็กทรอนิกส์ ไม่เกี่ยวข้องกับการขายอาหาร เคมี ยา หรืออาหารเสริมใดๆทั้งสิ้น เออ เชื่อ ที่ว่าปลอดภัยในระดับหนึ่งน่ะ แต่ว่า มีใครเคยสำรวจมาไหม ว่า คนไทย กินชูรสมื้อละเท่ไรโดยรวมจากทุกแหล่ง แค่เห็นแม่ค้าตักใส่อาหารเที่ยงผมก็สยองแล้ว อย่าว่าถึงปริมาณในการวิจัยเลย เท่านั้นมันจิ๊บๆ แล้วที่แน่ๆ ทำไมคนถึงป่วยกันมากขึ้นทุกวัน มีอาการผิดปกติหลังมื้ออาหารมาก ไม่ใช่เพราะใช้กันจนบ้าไปแล้วรึ ? มันไม่อันตรายในปริมาณที่แนะนำข้างซองแน่ๆ แต่อันตรายในการใช้งานจริง มีงานวิจัยไหนทำบ้างครับ มื้อละ 5 กรัม 3 มื้อต่อวัน 365 วันใน 1 ปี และต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี ผมเรียนจบมา กว่าจะมีอาการจนต้องออกมาโวยวายนี้ ประมาณ 3 ปี นะครับ หมายความว่ามันไม่ได้มีผลแค่ วันสองวัน คุณด็อกเตอร์รุสเซล เบลย์ล็อค เป็นศัลยแพทย์ประสาท ได้รับรู้เคสคนไข้ และรูปแบบการใช้ชีวิตของคนไข้มามากมาย และรวบรวมข้อมูลงานวิจัยต่างๆมา สรุป และประกาศว่ามีอันตราย ส่วนที่ว่าทำไมไม่มีงานใดเลยที่ฝ่ายค้านระบุว่าอันตราย อันนี้พบว่า (เท่าที่จำได้) ร้อยเปอร์เซนต์ของการทดลอง ที่มีทุนจากบริษัทยา บริษัทอาหาร บริษัทเคมี ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม บอกว่าปลอดภัยทั้งสิ้น แต่ว่า  90 % ของงานวิจัยที่ได้ทุนจากที่อื่น ล้วนสรุปตรงกันว่าผงชูรสอันตราย ผมหาอ่านเจอพบว่า จริงๆ แล้วผงชูรสสามารถผ่าน BBB ในผู้ใหญ่ได้ด้วยซ้ำไปนะครับ อ้อ แล้วอีกอย่าง ผงชูรสมีผลต่อกลูตาเมตรีเซปเตอร์ในหัวใจ ทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ ไม่ใช่แค่สมอง ผมโดนมากับตัวเลย ไม่ต้องหางานวิจัยที่ไหนหรอก โดนเข้าไปประมาณมากกว่า 5 กรัม แน่นอน เข้าโรงพยาบาลเลยนะครับ หมอบอกถ้าเป็นอีกให้เข้าโรงบาลด่วน ปัจจุบันเลิกชูรสเด็ดขาด ทำไมมันไม่เป็นแล้วละครับ ทั้งที่เมื่อก่อนเป็นบ่อยมาก ถ้าผมไม่ทราบนี่ ผมต้องผ่าตัดเพื่อทำลายส่วนที่ทำงานให้หัวใจเต้นผิดปกติเลยนะครับ อ้อ ยังไม่หมด ผมทราบมาว่า ทุกวันนี้ มีคนไข้ธัยรอยด์มากผิดปกติในไทย เพราะอะไร ?   ธัยรอยด์ เป็นหนึ่งในระบบเอ็นดอซรีน ซึ่งทำงานเกี่ยวกับระบบเมตาบอลิซึมของร่างกาย ซึ่งผงชูรสมีผลต่อระบบนี้ในงานวิจัยหลายชิ้น (ที่แม้จะบอกว่าไม่อันตราย) เอาเป็นว่า คุณฝ่ายค้านครับ คุณพยายามบอกว่าปลอดภัยในปริมาณปกติ แต่ผมกำลังบอกว่า ทุกวันนี้ เราๆ ท่านๆ บริโภคกันในปริมาณไม่ปกติโดยถูกบังคับกลายๆ ให้รับประทานนะครับ จากคุณ : NaCl - [ 5 เม.ย. 50 10:56:11 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ไม่มีอะไรที่กินมากแล้วไม่มีผลเสีย แต่ปัญหาก็คือ เราถูกบังคับให้ทานผงชูรสโดยไม่สมัครใจ และไม่บอกปริมาณ ในร้านอาหารหลายๆ ร้าน โดยเฉพาะที่มาตั้งรวมกันมากๆ ยิ่งแข่งกันใส่ ผงชูรสเราเลือกไม่ได้ที่จะไม่ทานมาก  เพราะถูกบังคับให้ทาน ถ้าไม่เอา ก็ไม่มีกิน เกลือ เยอะไปก็รู้ น้ำตาล เยอะไปก็รู้ กินแป้ง เยอะไปก็รู้ กินไขมัน เยอะไปก็รู้อีก แต่ กินชูรส เยอะเกินไป ไม่รู้เรื่องเลย จนกว่ามันจะออกอาการโน่นแหละ ยังไม่รวมอาการระยะยาวนะครับ แค่หัวใจเต้นผิดปกติ กับหัวใจวายเฉียบพลันก็หนาวแล้ว นี่ยังไม่รวมเรื่องอื่นๆ นะครับ เบาหวาน เกิดจากการทานแป้งขาว น้ำตาล มากเกินไป การทานอาหารที่แปรรูปแล้วนี้ มีนย่อยง่าย ย่อยเร็ว ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงฉับพลัน อินซูลินปริมาณมากต้องผลิตออกมาในเวลาสั้นๆ นานๆ เข้าก็เป็นเบาหวาน เพราะโหลดระบบหนักมาก ส่วนการทานคาร์โบไฮเดรทเชิงซ้อน เช่นข้าว อาหารไม่แปรรูป ผลไม้ ต่างๆ ไม่รวมน้ำผลไม้สำเร็จ  มันจะย่อยช้า ทานได้อย่างช้าๆ น้ำตาลจะค่อยๆ เข้าสู่ระบบ ทำให้ตับอ่อนทำงานได้สบายๆ ค่อยๆ หลั่งอินซูลินช้าๆ ระบบจะอยู่ในภาวะสมดุลง่าย และไม่โหลดมาก ใครทำงานด้านอิเล็กจะเข้าใจ เรื่องฟีดแบ็คคอนโทรล ตัวแปรของการเปลี่ยนแปลงฉับพลัน ทำให้ระบบควบคุมเกิด transient และไม่อยู่ในสภาวะ stedy state บางครั้งหากเป็นเช่นนี้นานๆ ระบบควบคุมกำลังอาจเกิดความเสียหาย หากว่าระบบเป็น adaptive system มันจะทำให้ระบบเรียนรู้พฤติกรรมผิดปกติ และตอบสนองการเปลี่ยนแปลงอย่างผิดปกติ ถ้าเป็นร่างกาย ก็จะเกิดอาการเช่น ขาดน้ำตาลในเลือดไปเลยครับ ถ้าระบบเกิดความเสียหาย หากเป็นร่างกาย ก็คือ เป็นเบาหวาน!! แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 50 11:13:42 จากคุณ : NaCl - [ 5 เม.ย. 50 11:07:52 ]

ความคิดเห็นที่ 64 สนับสนุนคุณเกลือเต็มที่ครับ กลุ่มที่บอกว่าอะไรมากกินไปมันไม่ดีทั้งนั้น ก็ถูกครับ แต่ว่ามันเป็นสัจธรรมมากเกินไป เพราะคุณ MAX กล่าวถูกครับ น้ำตาลมากไป กินแล้วรู้รส คนก็หยุดกิน เกลือมากไป กินแล้วรู้รส คนก็หยุดกิน พริกมากไป กินแล้วรู้รส คนก็หยุดกิน แต่ผงชูรสมากไป กินแล้วไม่รู้รสนะครับ เพราะฉะนั้นคนจะไม่หยุดกินทันที จะมารู้ตัวอีกทีก็เมื่อปากแห้งคอแห้งนั่นละครับ แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 50 11:54:27 จากคุณ : Capo - [ 5 เม.ย. 50 11:49:47 ]

ความคิดเห็นที่ 65 อ่านกระทู้นี้ได้ความรู้มากมายจริงๆ แต่สงสัยนิดครับ  รายงานการวิจัยเวลาเค้าอ้างตัวเลขการบริโภค ต่อมื้อ ต่อวัน ต่อเดือน ต่อปี ด้วยการคูณจำนวนเข้าไป ทำให้ดูน่ากลัวมาก เลยสงสัยครับ ระบบขับถ่ายของร่างกายเราเป็นยังไง สามารถขับสารดังกล่าวออกไปได้โดยธรรมชาติหรือไม่ ? ใครมีความรู้บ้างครับ ? กินมาม่าเกือบทุกวัน ควรเลิกไม๊ ? แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 50 13:42:29 แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 50 13:41:31 จากคุณ : clean no10 - [ 5 เม.ย. 50 13:30:59 ]

ความคิดเห็นที่ 66 อืม...อ่านมายาวเหยียด เข้าใจทั้งคนคัดค้านผงชูรส และคนที่ไม่คัดค้าน(แต่ต้องไม่ทานในปริมาณมากเกินไป) แต่ถ้าไม่ดูอะไรจากงานวิจัย เอาจากความรู้สึกและที่เคยพบเจอ เราว่าคุณพี่เกลือเค้าก็พูดถูก และคุณสารกระตุ้นก็ไม่ได้ผิดนะ เพียงแต่ที่เราทุกคนต้องยอมรับคือเราไม่มีโอกาสรู้ ไม่มีโอกาสเลือกถ้าต้องฝากท้องไว้นอกบ้าน แน่นอนคนรู้ว่าใส่มากไปไม่ดี แต่จะมีสักกี่ครั้งที่ทานอาหารนอกบ้านแล้วรู้ปริมาณผงชูรสที่ได้รับไป มันคงสะสมไปเรื่อยๆไม่เห็นผลในเร็ววันหรอก แต่ใครที่แพ้ง่ายๆเราว่าดีนะ จะได้รู้ไงว่าในจานนี้มีผงชูรสมากไปแล้ว แต่จะว่าไปนะเรามองว่าพวกขนมซองๆห่อๆของเด็กๆน่าจะมีเยอะยิ่งกว่า แถมไม่ค่อยมีประโยชน์ยิ่งกว่าอีก ถ้าพ่อแม่จะระวังเคร่งครัดการใส่ผงชูรสในอาหาร เราว่าควรเคร่งครัดลูกคุณไม่ให้ทานขนมจุกจิกพวกนั้นด้วยจะดีกว่า เพราะอาหารที่ทานยังมีสารอาหารอื่นเป็นประโยชน์บ้าง แต่ขนมพวกนั้นมีประโยชน์น้อยแถมโทษยังมากกว่าเสียอีก จากคุณ : โสดสนิท...ติดกับคานมานานปี - [ 5 เม.ย. 50 18:18:35 ]

ความคิดเห็นที่ 67 #65 มาม่ามี 0.5-0.7 กรัมต่อซอง จากการทดลองในคน ถ้ากิน MSG 150 mg/kg (10 g ในคนฝรั่ง) ในครั้งเดียว (bolus) ยังไม่พบ glutamate ในเลือดสูงจนอยู่ในระดับที่เป็นอันตราย ดังนั้นถ้าคุณกินมาม่าไม่เกินมื้อละ 14 ซองยังถือว่าปลอดภัยครับ http://www.ncbi.nlm.nih.gov/entrez/query.fcgi?itool=abstractplus&db=pubmed&cmd=Retrieve&dopt=abstractplus&list_uids=10736380 Fernstrom, J. D., Cameron, J. L., Fernstrom, M. H., Maconaha, Weltzin, T. E. & Kaye, W. H. (1996) Short term neuroendocrine effects of a large oral dose of monosodium glutamate in fasting male subjects. J. Clin. Endocrinol. Metab. 81: 184–191. แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 50 07:20:09 จากคุณ : เหวเห้ว - [ 5 เม.ย. 50 20:45:33 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ผมไม่กินครับ ถ้าร้านไหนใส่ เลี่ยงได้ก็เลี่ยง หรือไม่ก็บอกเค้าว่าไม่ใส่ครับ ส่วนพวกที่กิน ไม่อยากจะด่าเลยครับว่าโง่เง่า  ไม่ด่าละกัน จากคุณ : myheart46 - [ 5 เม.ย. 50 21:29:16 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ถกกันตั้งนาน เดี๋ยวก็เหมือนประเด็น คลื่นมือถือ หรอกครับ มีหลายๆ งานวิจัยเหมือนกันที่บอกผลเป็นลบ แต่เป็นไงหล่ะครับ เงียบหายทุกงาน... เรื่องเงินที่มัน ไม่เข้าใครออกใครอยู่แล้ว... จากคุณ : beer2nd - [ วันจักรี 14:44:28 ]

ความคิดเห็นที่ 70 คนที่บอกว่าปลอดภัยเหมือนนมแม่ อยากให้เขาลองละลายน้ำแล้วเอามาใส่ขวดนมดื่มทั้งวันดูซิ อยากรู้ว่ากล้าพูดได้ไงว่าไม่มีอันตราย เงินทองไม่เข้าใครออกใครจริงๆ จากคุณ : ชุติกาญจน์ - [ วันจักรี 15:26:53 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เถียงกันตั้งนาน ไร้สาระอ่ะครับ คนเราเวลาเลือดเข้าตา มันก็จะบ้าเหมือนสุนัข กัดไม่เลือก เอานี่ไปอ่านแล้วกัน แล้วเลิกเถียงกันซักที http://www.fda.gov/FDAC/features/2003/103_msg.html จาก FDA นะครับหวังว่า คงเชื่อถือได้มากทีเดียว เอาเวลามาเถียงกันเรื่องอื่น ดีกว่าครับ เพราะว่าอย่างอื่นทำให้คนตายมาก กว่าน้องผงเยอะ เช่น NaCl เป็นต้น ถามคุณหมอดูนะครับ จากคุณ : ต่อ (วิหคไฟ) - [ วันจักรี 15:38:16 ]

ความคิดเห็นที่ 72 เอาอย่างนี้นะ มีท่านผู้มีอันจะกิยมากๆและเป้นคนดังพอได้ทีเดียวนะ เค้าเป็นคนติดผงชูรสมากๆ ขนาดกอนปลาดิบยังต้องเอาไปจิ้มผงชูรสก่อนกินเลย แต่ เค้ามีผงชูรสส่วนตัวนะ นัยว่าว่ามาจากประเทศต้นกำเนิดนั่นเลยทีเดียว เพราะเค้าไม่กินผงชูรสไทย ตอนนี้ เราก็เลยอยากรู้ว่า ผงชูรสมราเมืองต้นแบบ กับ ผงชูรสบ้านเราต่างกันไปม ในด้านต่างๆ เช่น วัตถุดิบ ผลกระทบ แลอื่นๆ เพราะ เราสงสัยว่ามันจะไม่เหมือนกัน ตามประสาของนอกที่มาผลิตในเมืองไทย ขอใช้กระทู้นี้แอบถามด้วยคนนะ จากคุณ : คุณน้ำตาลหวานใจ - [ วันจักรี 23:28:01 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ผมคนนึงล่ะที่เวลาไปสั่งอาหารจะบอกว่า "ไม่ใส่ผงชูรสนะครับ" จากคุณ : Admod - [ วันจักรี 23:53:28 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ใครที่เอา FDA มายัน ผมขอบอกก่อนนะครับ ผมอ่านแล้ว ผมไม่เชื่อครับ ผมคิดว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น FDA อนุญาติยาและสารเคมีจำนวนมากเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและยา  และก็ทยอยถอนตามหลังเมื่อพบว่ามีคนตายมากถึงระดับหนึ่ง ถ้าตายไม่ถึงก็เฉยๆ ครับ ผมกำลังพูดถึงข้อมูลที่มากกว่าของ FDA ครับ อ้อ ใครสนใจเรื่องเบาหวาน เชิญเเว็บบล็อกนะครับ http://nacl.bloggang.com จากคุณ : NaCl - [ 7 เม.ย. 50 13:51:50 ]

ความคิดเห็นที่ 75 คห. 51 .... อาการกินนมแม่แล้วถ่ายท้อง ไม่เรียกว่าแพ้นมแม่ครับ -_-' เป็นอาการปกติ ถ้าเด็กแรกเกิดถ่ายวันละครั้งนี่สิ เริ่มแปลก จากคุณ : หมอแมว - [ 7 เม.ย. 50 14:01:53 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ที่ผมเชื่อด็อกเตอร์รุสเซล เพราะอาการที่ผมเป็น และสิ่งที่เกิด มันตรงกับที่ด็อก แกบอกหมดเลยนะครับ ถ้าคุณไม่เคยโดน ไม่เคยเป็น คุณคงไม่เชื่อ ผมไม่ว่าอะไรนะครับ ต่างคนต่างมุมมอง แต่เอามาเผยแพร่เพื่อความรู้ ว่า บ้านเราใช้กันเกินขนาดมากๆ ผมไม่เชื่อ FDA ว่าปลอดภัยอีกต่อไปแล้วครับ  มีอีกหลายเรื่องที่คุณนึกไม่ถึง เช่น มียา และเคมีจำนวนมากที่ก่อโรคต่างๆ ถูกอนุญาติให้ใส่ในอาหาร แต่จำกัดปริมาณ แต่ ไม่มีการพิสูจน์ใดๆ ว่า เมื่อสารที่อนุญาติแต่ละรายการมารวมมิตร หรือได้รับเข้าไปพร้อมกันในระดับปลอดภัยหลายๆ ตัวพร้อมกันมันจะเกิดอะไรขึ้น และผงชูรสก้ไม่กำหนดปริมาณขั้นต่ำ "ในอุตสาหกรรมอาหาร" แต่ ในอุตสาหกรรมอาหารมีมาตรฐาน GMP ที่ระบุให้ใช้ในปริมาณต่ำสุดที่สารนั้นให้ผล อาหารสำเร็จจึงปลอดภัยในระดับหนึ่ง แต่อาหารเช่นข้าวแกง ส้มตำ อาหารตามสั่ง ไม่ปลอดภัย ้เพราะถูกใส่โดยไม่สนใจปริมาณจริงๆ เช่น มื้อละ 5-10 กรัม ครั้งเดียว หนเดียว อาจจะไม่มีอะไร แต่การรับ ทุกวัรน ทุกมื้อ อันตรายแน่นอนครับ อ้อ มาม่า 1 ห่อ ต่อมื้อ อยู่ในระดับปลอดภัยนะครับ แต่ถ้ากิน ใันละ 10 ห่อ ทุกวัน (สมมุติว่าได้สารอาหารครบ) ผมว่าคุณคงถูกหวยสักวันครับ เมื่ออะไรสักอย่างในเครื่องในคุณพัง ผมละแปลกใจมาก รถของคุณ มอไ๙คืของคุณ  คุณสรรหาแต่น้ำมันที่ดีๆ หาผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดมาให้รถคุณ ถนอมมัน รักษามันอย่างดี  แต่ทำไม ทำไม ร่างกายตัวเองกลับไม่สนใจที่จะหาของดีๆให้มัน ทั้งที่คุณต้องใช้มันไปจนวันตายเลย ไม่เหมือนกับรถที่พอเก่าแล้วก็เปลี่ยนใหม่ได้  ร่างกายเราไม่มีอะไหล่นะครับ  น่ารักษามันไว้โดยทานอาหารดีๆ ไม่ทานอาหารขยะ ไม่ทานหวานเกิน ไม่ทานแป้งขาวมาก ออกกำลังกายทุกวัน ผมว่าร่างกายคุณจะทำอะไรได้ดีกว่าเดิมมากๆ ทั้งรูปร่างก็ดี สุขภาพดี เมื่อกายดี ใจก็จะแจ่่มใสและมีความสุขไปด้วย ทำไมต้องทำร้ายตัวเองเพียงเพื่อรสอร่อยนิดๆ หน่อยๆ ด้วยครับ ? จากคุณ : NaCl - [ 7 เม.ย. 50 14:10:13 ]

ความคิดเห็นที่ 77 #72 คาดว่าอาจจะมีผลนะครับ สำหรับการผลิต เพราะถามมาจากคนที่แพ้เองเลย เขาว่า สองยี่ห้อ แพ้ไม่เหมือนกันครับ ของอายิโนโต๊ะโมะ แพ้มากกว่าของ อายิโนะกะทะระ คาดว่ามาจากความบริสุทธิ์และรูปแบบโมเลกุลครับ เพราะมีรูปแบบโมเลกุล 2 แบบ คือโมเลกุลซ้าย และโมเลกุลขวา จำไม่ได้แล้วว่าโมเลกุลแบบไหนไม่มีในธรรมชาติ ยังไม่หมดครับ ถ้ากลูตาเมต จับกันกับโปรตีน มันจะไม่มีพิษเลย เพราะพบได้ทั่วไปในธรรมชาติ ในอาหารหลายชนิด เช่น มะเขือเทศ เห็ด สาหร่าย ฯลฯ และปริมาณในธรรมชาติ ยังน้อยกว่าที่ใส่เพิ่มเข้าไปอย่างมากมายทีเดียว ถ้ากลูตาเมตอยู่ในรูปโปรตีน มันจะไม่จับกับรีเซปเตอร์เซล แต่หากร่างกายต้องการใช้มันเพื่อสื่อประสาท ร่างกายจะแกะกลูตาเมตออกจากโปรตีนและนำไปใช้ได้เอง จริงอยู่ที่ร่างกายมีกลูตาเมตเพื่อใช้งาน แต่ มันมีในปริมาณจำกัดและเหมาะสม เพื่อสื่อสารระบบประสาท ถ้าเราทานเข้าไปมากๆ เกินกว่าระดับปลอดภัย เซลรีเซปเตอร์จะถูกกระตุ้นทั่วร่างกาย จะมีอาการต่างๆ เช่น หัวใจเต้นเร็ว มือสั่น ปากพอง ลิ้นชา ผิวหนังไวต่อการถูกระคายได้ง่าย ระบบควบคุมความหิวทำงานผิดปกติ หิวบ่อย หิวทั้งวัน ตับอ่อนถูกรบกวน ผลิตอินซูลินมากเกินไป ทำให้อ่อนเพลีย ไม่มีแรง ใครเป็นภูมิแพ้ หรือหอบหืด อาการจะรุนแรงขึ้นและกำเริบบ่อยๆ และอื่นๆ อีกเยอะมากกก ทั้งนี้ อาการและความรุนแรงขึ้นกับแต่ละบุคคลครับ บางคนเฉยๆ บางคนอาจอาการหนัก ผมคนหนึ่งที่ไม่เคยเป็นอาการเลย จนกระทั่งรับเข้าไปนานๆ วันหนึ่งร่างกายก็รับไม่ไหวอีกต่อไป ปัจจุบันถ้าผมพลาดไปทานบ้าง เช่น 1 มื้อ ผมไม่เป็นอะไรนะครับ แต่ถ้าโดนเข้าไปสองสามวันติดๆ จะมีอาการแรงขึ้นตามลำดับ จากคุณ : NaCl - [ 7 เม.ย. 50 14:32:53 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ตัดมาจากที่เขียนในเว็บล็อก http://nacl.bloggang.com ท้ายเรื่องเบาหวานของไมค์ อาดัมส์ ผมลงทุนซื้อมาแปลให้อ่านในบ็อกเลย โดยซื้อมาเป็นแพกเกจ 3 เล่ม ครับ 750 บาท ผมเองก็เกือบไปเหมือนกัน โดยมีอาการไฮโปไกลซีเมีย เช่นเดียวกับผู้เขียน ต่างกันที่ต้นเหตุ ผมมีอาการป่วยตอนเย็นบ่อยมากๆ แต่ที่สังเกตได้คือ แม้ว่าจะเป็นบ่อยเท่าใด รุนแรงจนเข้าโรงพยาบาล หรือเบาๆ พอรำคาญ ก็ไม่เคยมีอาการในวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ หรือวันนักขัตฤกษ์เลยแม้แต่ครั้งเดียว มาสงสัยที่สุดก็คือต้นปี 48 ที่ไปช่วยสึนามิที่ภาคใต้ ได้ทานอาหารบริจาคล้วนๆ ซึ่งแน่นอน ไม่มีใครบริจาค “สิ่งหนึ่ง” เพราะไม่จำเป็น ผมไปทำงานอยู่หลายวัน แม้จะนอนดึกมาก ตื่นเช้ามาก ก็ไม่เป็นอะไรเลย ซึ่งถ้าเป็นที่กรุงเทพ คงต้องมีสักวันที่เดี้ยงแน่นอน แต่ผมกลับมีแรงช่วยงานตลอดทั้งวัน จนกลับมากรุงเทพ พอเริ่มทำงานปกติ ก็ป่วยอีก ทำให้ผมสงสัยว่า อะไรที่ทำให้ป่วยต้องอยู่ในอาหารแน่นอน ผมเริ่มสังเกต และศึกษาทางอินเตอร์เน็ท หลายเดือนกว่าจะจับทางได้ แรกๆมั่วไปหมด เช่น แพ้กาแฟ? แพ้ชอกโกแลต? แพ้นม? เช็คจนหมด ตรวจด้วยตนเองจนหมด (ผมเป็นวิศวกรนิสัยเสียที่ไม่ยอมอะไรง่ายๆ และคิดว่าตัวเองเป็นวิศวกรได้ก็ต้องเป็นหมอได้วะ) เช็คและทดสอบโดยงดอาหารและต้นเหตุที่เป็นไปได้ทั้งหมด แต่อาการไม่หายเลย... มีอยู่ครั้งหนึ่งผมอาการหนักมาก ความดัน 100/180 เข้าโรงพยาบาล หมอจับแอดมิดทันที ผมไม่สามารถนอนราบได้ มันเหมือนจะหายใจไม่ออก เอ๊ะ ต้องหายใจไม่เข้าสิ ตื้อๆ ยังไงบอกไม่ถูก หมอเช็คคลื่นหัวใจ แล้วบอกผมว่าถ้าเป็นอีกให้เข้าโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดโดยไม่บอกเหตุผล หลังจากเช็คผลเลือด ครั้งแรก หมอให้น้ำเกลือชนิดกลูโคสสูง และโปตัสเซี่ยมชนิดน้ำให้ทาน พอขวดที่สอง หมอให้น้ำเกลือชนิดโปตัสเซี่ยมสูง พอเช้ามาอาการก็ดีขึ้นมาก มาวันหนึ่ง หลังจากวันที่ป่วยจนต้องหยุดงานแต่ไม่แรงขนาดเข้าโรงบาล ผมปวดหัวมาก จึงไปวัดความดันที่ห้องพยาบาลของบริษัท ความดันตัวล่างปกติ ตัวบนสูงผิดปกติ 70/135 สังเกตได้ว่าหัวใจเต้นแรงจนรู้สึก ซึ่งผมจำได้ว่ามีความรู้สึกหัวใจเต้นเร็ว แรง ในช่วงที่ป่วยทุกครั้ง จนสงสัย อะไรทำให้ความดันสูง ? ก็สงสัยโซเดียม แต่ไม่ได้ทานเค็ม เลยนึกได้ว่า มี โมโนโซเดียมกลูตาเมต อีกตัวหนึ่ง ที่อาจทานเข้าไปมาก ตอนนั้นเข้าใจว่าเป็นเพราะโซเดียมในนั้น แต่ เมื่อค้นเอกสารในอินเตอร์เน็ทจำนวนมาก อ่านไปเป็นร้อยๆ หน้า หลายสิบเว็บไซต์ พบว่า ปัญหาคือ กลูตาเมต ไม่ใช่ โซเดียม โดยอาการที่บอกในเน็ทตรงกับอาการของผมทุกประการ รวมทั้งอาการไฮโปไกลซีเมียด้วย ทีนี้คุณก็รู้แล้วนะครับ ว่า “สิ่งหนึ่ง” ที่ผมกล่าวตอนต้นคืออะไร มันคือ ผงชูรส หรือ โมโนโซเดียมกลูตาเมต !! ผมได้ทราบความจริงที่น่าตกตะลึงเกี่ยวกับกลูตาเมต รวมทั้งสารให้ความหวานแทนน้ำตาล หรือที่เรียกว่า แอสปาร์แตม ซึ่งจะถูกกล่าวถึงอยู่ด้วยกันเสมอในบทความและรีวิวงานวิจัย ในฐานะที่มันเป็น Excitotoxin หรือสารพิษต่อระบบประสาทชนิดหนึ่ง ซึ่งมีผลร่างกายหลายระบบมาก ทั้ง สมอง หัวใจ ระบบเอ็นดอซรีน ไฮโปทาลามัส ธัยรอยด์ ตับอ่อน และอื่นๆ ซึ่งสรุปแล้วผมโดนเข้าไป เต็มๆ อาการของผม กลูตาเมตไปรบกวนระบบผลิตอินซูลิน ทำให้น้ำตาลในเลือดลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง จนถึงระดับอันตราย รวมถึงไปกระตุ้นระบบไฟฟ้าหัวใจ ทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ ซึ่งล้วนอันตรายถึงตายทั้งสองกรณี หากรักษาไม่ทัน และหากเป็นต่อเนื่อง แน่นอน ผมมีโอกาสที่จะเป็นเบาหวานประเภทสอง เนื่องจากเซลดื้อต่ออินซูลินที่ผลิตมามากเกินไป จากการแอบดู หลอกถาม และวิชามารอื่นๆ พบว่าแต่ละร้านใส่ผงชูรสในอาหารเกือบ 1 ช้อนกินข้าวในทุกจานที่ขายให้ทุกคน นอกจากนี้มีเพื่อนร่วมงานผู้รับประทานขนมอย่าง ปาท่องโก๋ตอนเช้า มีอาการเหมือนผมเด๊ะในเวลา 11 โมง และเพื่อนที่มีอาการหัวใจเต้นผิดปกติตอนบ่ายๆ เหมือนผม อีกคนปวดหัว และมีความรู้สึกเครียดจนทำงานไม่ได้บ่อยๆ นั่นหมายความว่า บางคน ก็ได้รับผลและมีอาการ แต่บางคนอาจทนได้มากกว่า และไม่มีอาการ แต่ที่น่าตกใจคือ ในปาท่องโก๋ไม่กี่ชิ้น มีผลถึงกับหัวใจเต้นผิดปกติ และมีอาการไฮโปไกลซีเมียในเวลาไม่กี่ชั่วโมง!! มีการทดลองซ้ำ (ไม่เชื่อว่าจะเป็นปาท่องโก๋) เพื่อยืนยันผลจากปาท่องโก๋ พบว่า ในปาท่องโก่น่าจะมีผงชูรสจำนวนมากเกินระดับปกติไปหลายสิบเท่าจริงๆ และมีสายสืบรายงานว่า ร้านปาท่องโก๋บางร้านซื้อผงชูรสไปเป็นกระสอบ พร้อมกับแป้งไปด้วยกัน !! ถึงแม้ว่าผมจะทำอะไรไม่ได้กับแม่ค้าพ่อค้าเหล่านี้ แต่ผมสามารถเตือนทุกท่านได้ ผ่านทางอินเตอร์เน็ทที่กำลังอ่านอยู่นี้ ว่าจงระวังอาหารทุกจาน ขนมทุกชนิดที่ซื้อ มันอาจเป็นต้นเหตุของอาการป่วยของคุณ โปรดระวังอย่าทานอาหารที่ไม่แน่ใจ อย่าทานเพราะว่าอร่อย ถ้าร้านใดมีคนว่าอร่อย ผมแนะนำว่าอย่าเข้า อย่าอุดหนุน จนกว่าจะแน่ใจว่ามาจากฝีมือจริงๆ ไม่ใช่เพราะชูรส 1 ช้อนกินข้าว ทุกวันนี้ ผมและเพื่อนๆ ที่ทราบเรื่องนี้จากผม ต่างหลีกเลี่ยงอาหารดังกล่าว และไม่มีใครป่วยอีกเลย ทุกคน รวมทั้งผมเอง สุขสบายดี ไม่มีอาการป่วยจนต้องลางาน ซึ่งนับถอยหลังไป 1 ปี ผมไม่ต้องลาป่วยเลยแม้แต่วันเดียว จากคุณ : NaCl - [ 7 เม.ย. 50 15:13:52 ]

ความคิดเห็นที่ 79 อะไรถูกผิดยังไงก็ลองอ่านพิจารณาดูกันเอาเองครับ ยังไงก็ตาม ขอบคุณคุณ NaCl และผู้คัดค้าน/สนับสนุนคนอื่นๆด้วย ที่อุตส่าห์เขียนเล่าออกมาได้ละเอียดมากๆ  คงใช้เวลาเขียนเยอะนะครับ แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 50 22:40:38 จากคุณ : PureTruth - [ 7 เม.ย. 50 19:15:49 ]

ความคิดเห็นที่ 80 อะไรที่กินได้  มันใส่หมด แทบทุกอย่าง ของคาว ของหวาน น้ำผลไม้ปั่น พริกเกลือ น้ำจิ้ม น้ำพริก เต้าเจี้ยว สังขยา   ไม่แน่ใจว่ากาแฟร้อน ชาร้อน  มันจะใส่อีกไหมเนี่ย มิต้องหิ้วปิ่นโตไปกินที่ทำงานเหรอครับ? จากคุณ : drof - [ 7 เม.ย. 50 20:42:32 ]

ความคิดเห็นที่ 81 MSG  มันมีอยู่ทุกรูปแบบแหล่ะครับ จะกินไม่กินยังไงก็ได้ผลของมันอยู่ดี ตราบใดที่ยังอยู่ในสังคมแบบนี้ ประเทศนี้ ผมว่ายังไงก็หนีไม่พ้นนะ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ได้จากการผลิต MSG  (น่าจะของเหลือมากกว่า)ก็เอาไปทำพวกนํ้าปลาเกรด 2 เกรด3 ลงมา   ทำผงปรุงรสเทียมมากมาย ส่วนผลิตภัณฑ์ที่บอกในฉลากว่าไม่ใส่ MSG แต่ลองอ่านดูดีๆ มันก็มีของจำพวกนี้เต็มไปหมด สูตรโครงสร้างมันก็คล้ายกัน พวก Disodium 5’guanylate Calcium 5'-inosinate MSG มีหลายยี่ห้อ หลายโรงงานผลิต แต่หลักๆ ที่ผลิตจะมีไม่กี่ที่ (รับจ้างผลิตส่งติดยี่ห้อซะมากกว่า) ในเมืองไทยก็จะเห็นได้จากการสังเคราะห์ผลผลิตจากอ้อย หรือมันสำปะหลังพวกนี้ ผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับผงชูรสนะครับ ถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยง   ก็แค่เคยได้ยินพี่เล่ามาให้ฟังเฉยๆ (พี่ผมจบ อ.ก. ครับ) + ญาติผมเป็นเจ้าของโรงงานผลิตชูรสครับ จากคุณ : S e m a k u t e k ! (เจ้าพ่อSemakutek) - [ 8 เม.ย. 50 01:45:22 ]

ความคิดเห็นที่ 82 กาแฟมีครับ ในรูปของกาแฟสำเร็จ ใช้ชื่อว่า โซเดียมเคซิเนท บางครั้งวงเล็บชื่อตอเเหลต่อท้ายว่า โปรตีนนม แต่ปริมาณไม่มากนัก ที่ประหลาดก็คือ ผมกินไม่ได้อะดิ ประหลาดจริงๆ แรกๆ ไม่เคยสังเกต แต่มีอาการเหมือนชูรสแต่ไม่มาก หลยๆ ครั้งก็สังเกต พบว่ามีเจ้านี่อยู่   ไม่ใช่เพราะคิดไปเอง มีการทดลองซ้ำ โดยกินกาแฟสดใส่นม  ไม่เป็นแฮะ คุณว่าแปลกมั๊ย จากคุณ : NaCl - [ 8 เม.ย. 50 15:11:07 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ขอบคุณ คุณเกลือที่ให้เวลาแชร์ประสบการณ์ หลากหลาย ล้วนมีประโยชน์ ได้ความรู้ราวกับได้ค้นคว้าด้วยตัวเอง เมื่อก่อนเคยคิดเล่นๆ ว่า อีกหน่อยหุงข้าว ก็ต้องใส่ผงชูรส ไม่นึกว่าในกาแฟสำเร็จยังใส่ผงชูรสด้วย จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 9 เม.ย. 50 05:43:14 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ช่วยหาหลักฐานมายันผมหน่อยครับ ว่ามันอันตรายขนาดนั้นจริง จากคุณ : Marquez - [ 9 เม.ย. 50 12:10:49 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ผมไม่ตอบในกระทู้คุณนะครับ หรืออาจจะตอบ แล้วแต่ว่าสมควรหรือไม่ซึ่งผมจะตัดสินเอง เชิญทดลองเองสิครับ เริ่มวันนี้เลย กินมื้อละ 5 กรัม สามมื้อ  แต่ละมื้อทานน้ำดำไร้น้ำตาล 1 กระป๋องด้วย ทดลองไปนะครับ 3 ปี ให้เหมือนผม เมื่อก่อนไม่เคยเป็นเลย ก่อนที่ผมจะรู้พิษของมัน ผมกล้าทานอาหารที่ใส่ชูรสเป็นช้อน ไม่มีอาการครับ แต่ปัจจุบัน ผมไม่สามารถรับผงชูรสได้อีกแล้ว ร่างกายผมสูญเสียความสามารถการกำจัดพิษของกลูตาเมตไปมากแล้วครับ ร่างกายผม ผมใช้อยู่ ผมรู้ดีครับ และขอบอกให้ทุกท่านระวังมากๆ ในการทานอาหาร เพราะว่าคำโฆษณาไร้จรรยาบรรณ เลวที่สุด  หลอกคนได้มากมายว่าปลอดภัยโดยไม่มีเงื่อนไข  ใครที่มีปัญญาคิดเอาเองนะครับ ว่าจะเชื่อใคร ที่แน่ๆ อะไรที่ปลอดภัยเต็มร้อย ไม่มีใครออกมาโวยหรอก ไม่งั้นคงมีคนออกมาบอกแล้ว ว่า กินข้าวทำให้เป็นมะเร็ง นี่ไง ฉันเป็นอยู่....  อะไรทำนองนี้ และที่แน่ๆ ถ้าพวกคุณๆ ผู้ผลิต ทำโฆษณาออกมา ประชาสัมพันธ์การใช้ที่ถูกวิธี  ผมก็จะไม่ออกมาต่อต้านหรอกครับ แต่ทุกวันนี้มันตรงข้าม  ครับ งานผมมีมากมาย ผมยอมเสียเวลา สิ่งที่ผมทำนี้ทำเพื่อประโยชน์ของทุกคนที่เป็นผู้บริโภคจริงๆ ผมไม่ต้องการให้มีใครป่วยจากการวางยาพิษตัวเองอีกต่อไป ระวังครับ อาการทางจิต อาการป่วยทางกาย อาการรู้สึกว่าตัวเองไม่แข็งแรงแจ่มใส อ่อนเพลีย อาจจะมีเหตุมาจากอาหารที่คุณทานก็ได้ จากคุณ : NaCl - [ 9 เม.ย. 50 12:47:51 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ทำแบบนั้นไม่ได้ผลที่แท้จริงหรอกครับ เพราะมันมีปัจจัยที่ทำให้ผลการทดลองเบี่ยงเบนได้ การทดลองทางคลินิก ต้องมีกลุ่มประชากรที่มากพอ จนลดความแปรปรวนอื่นได้ ไม่งั้นผลการทดลองจะกลายเป็น Personal Evidence ซึ่งบอกไม่ได้ว่าเกิดจากอะไร อาจจะมียีนส์ที่ทำให้แพ้อยู่แล้ว แต่การกระตุ้นไม่มาก หรือนานพอ จนทำให้เกิดการแพ้ที่ถาวรก็ได้ พอเจอ Challenge Test เข้าไป ก็เป็นการเปิดสวิทช์ให้ยีนส์นี้ทำงาน หรือบางคนที่แพ้ ก็เกิดทนขึ้นมาได้เฉยๆ เมื่อได้รับปริมาณผงชูรสต่อเนื่องระยะหนึ่ง ในการทดลองทางการแพทย์ ต้องระวังในเรื่องนี้ เพราะปัจจัยแปรปรวนมันเยอะมาก ขนาดคนกินยาหลอก ยังหายป่วยมาแล้วตั้งเยอะแยะ ไม่นับว่าพื้นฐานยีนส์แต่ละคน ตอบสนองต่อการกระตุ้นด้วยสารเคมีไม่เท่ากัน แถมความไวในการตอบสนอง ยังเปลี่ยนแปลงได้อีกต่างหาก เมื่อได้รับสารเคมีระยะหนึ่ง บางคนตอบสนองรุนแรงขึ้น บางคนลดลง หรือไม่เปลี่ยนแปลง และปริมาณสารเคมี ก็ยังทำให้การตอบสนอง หรือเปลี่ยนแปลงนี้ไม่แน่นอนอีก ผงชูรส ก็เข้าข่ายนี้แหละครับ เป็นหนึ่งในหลายเหตุผล ที่คนที่คลุกคลีอยู่กับ Clinical Trial-งานวิจัยทางการแพทย์ ถึงไม่ฟันธงทันที ว่าผงชูรสปลอดภัย หรืออันตราย โดยดูจากประสบการณ์ส่วนตัวของแต่ละคน และต้องถามหางานวิจัยในกลุ่มประชากรก่อนเสมอ จากคุณ : อะธีลาส - [ 9 เม.ย. 50 14:00:16 ]

ความคิดเห็นที่ 87 เชิญทดลองเองสิครับ เริ่มวันนี้เลย กินมื้อละ 5 กรัม สามมื้อ  แต่ละมื้อทานน้ำดำไร้น้ำตาล 1 กระป๋องด้วย ทดลองไปนะครับ 3 ปี ให้เหมือนผม ที่เป็นอย่างทุกวันนี้ อาจเป็นเพราะคุณกินน้ำดำต่อเนื่องนานเกินไปก็ได้ครับ ในนั้นสารพิษเยอะกว่าผงชูรสอีก จากคุณ : 0vvaynar0 - [ 9 เม.ย. 50 23:24:30 ]

ความคิดเห็นที่ 88 อ่านทู้นี้แล้วไหงนึกถึงเวลามีทู้เรื่องผีที่หว้ากอ  555+ จากคุณ : Ibeye - [ 10 เม.ย. 50 12:52:32 ]

ความคิดเห็นที่ 89 อ้าว เขียนแล้วความหมายผิด ผมหมายความว่า 3 ปีจึงจะเป็น แต่ผมไม่ได้กินน้ำดำนะ เอาไว้เป็นตัวช่วยให้อาการออกไวขึ้น เหมือนที่บริษัทผงชูรสใช้วิธีนี้โกง  FDA โดยใช้ซุปใส่แอสปาแตมเป็นตัวอ้างอิง ซึ่งผลเหมือนกันทั้งสองกลุ่ม ผลของแอสปาแตมกับผงชูรส เหมือนกัน สองข้างสมการเท่ากัน จบเห่ครับ ผมเลยย้ายมันมาอยู่ข้างเดียวกันซะไงครับ จะได้เห็นชัดๆ ไปเลย จากคุณ : NaCl - [ วันเนา (14) 23:37:47 ]