ความคิดเห็นที่ 1 ครั้งไหนครับ จำไม่ได้ ท่วมถึงยอดเขาไหนครับ เขาพนมรุ้งรึเปล่า แล้วน้ำท่วมโลกมันเกี่ยวอะไรกับโลกร้อนครับ ปล. ในส่วนตัวแล้วผมคิดว่าน้ำที่มันท่วมคงไปไปอยู่ในที่ๆก่อนมันจะท่วมนั่นแหละครับ จากคุณ : soginal - [ 9 เม.ย. 50 17:26:55 ]

ความคิดเห็นที่ 2 น่าจะหมายถึงตามคัมภีร์ ของศาสนา หนึ่งนะครับ ที่อ้างว่า ครั้งหนึ่งน้ำท่วมโลก  เพื่ออะไร สักอย่าง จึงไม่แปลกครับ ที่ จู่ ๆ  น้ำก็ท่วม.....แล้วจู่ ๆ น้าก็แห้งไป.... ไม่แน่ใจนะว่า น้ำที่ท่วม  มาจากไหน....มันมาจากไหน ก็ คงหายไปทางนั้นล่ะครับ.... จากคุณ : HiPex - [ 9 เม.ย. 50 17:32:08 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เป็นน้ำแข็งแน่นอนครับ น้ำแข็งบนภูเขา เทือกเขาสูงๆ น้ำแข็งที่ขั่วโลกทั้งเหนือ และใต้ จากคุณ : TrojanTHM - [ 9 เม.ย. 50 18:34:16 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ว่าแต่มันท่วมตอนไหน คงไม่ใช่ข่วงไม่ถึงหมื่นปีที่ผ่านมาหรอกนะ จากคุณ : silverspider - [ 9 เม.ย. 50 19:26:57 ]

ความคิดเห็นที่ 5 หนังสือเกี่ยวกับทวีป มู (Mu) เล่มหนึ่ง สันนิษฐานไว้ว่า ตำนานน้ำท่วมโลกที่มีในหลายชาติหลายภาษา รวมทั้งคัมภีร์ไบเบิล ฉบับพันธสัญญาเก่า น่าจะมีที่มาจากการจมลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิกของ ทวีปมู ซึ่งเคยเป็นมหาอำนาจของโลกในขณะนั้น (ก่อนยุคของ แอตแลนติส) และสวนสวรรค์อีเดน ก็น่าจะอยู่ที่ทวีปมูนี่แหละ ฟังหูไว้หูนะครับ แค่ให้ข้อมูลประกอบเฉยๆ หนังสือเล่มนั้น อ่านแล้วก็ มีอะไรขัดๆ หลายอย่างอยู่ ข้อมูลทวีปมูที่วิกิพีเดีย: http://en.wikipedia.org/wiki/Mu_%28lost_continent%29 จากคุณ : จอนสั้น - [ 9 เม.ย. 50 19:30:01 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่เฉพาะศาสนาคริสต์นะครับ แต่ตำนานของหลายๆชนชาติต่างกล่าวถึงเรื่องน้ำท่วมครั้งใหญ่ครับ นักโบราณคดีบางส่วนมีสมมติฐานว่า ในอดีตอาจเคยมีวาทภัยครั้งใหญ่เกิดขึ้นกับโลก และเรื่องราวก้อถ่ายทอดกัน ปากต่อปาก รุ่นสู่รุ่น เพี้ยนไปจนกลายเป็นตำนาน จากคุณ : pzifrius - [ 9 เม.ย. 50 20:40:11 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ***ในทัศนะของอิสลามและคริสต์ถือว่าเป็นเรื่องจริงครับ  โดยผมจะยกข้อมูลด้านของอิสลามมาให้ทราบกัน ***ในทัศนะของอิสลามนั้นถือว่าน้ำท่วมโลกเกิดขึ้นจริงในสมัยของท่านศาสดานูห์ (Nooh)หรือที่คริสต์เรียกโนอาห์  ซึ่งเหตูการณ์ดังกล่าวมีปรากฎให้เห็นในคัมภีร์ อัล-กุรอาน ซึ่งก่อนน้ำท่วมจะมีฝนตกอย่างหนักตลอด 40 วัน 40 คืน และระดับน้ำได้ท่วมสูงขึ้นเรื่อยๆ จนท่วมยอกเขาที่สูงที่สุดในขณะนั้น  และท่านบี(ศาสดา)นูห์ ได้รับโองการจากพระเจ้าให้สร้างเรือไว้บนยอดเขาสูงแห่งหนึ่งไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว และได้คัดเลือกสัตว์ชนิดต่างๆ อย่างละคู่ และผู้ทีศรัทธาในคำสอนของท่านอีกเพียงไม่กี่คน หนึ่งในผู้ปฏิเสธท่านและหาว่าบ้า ที่ไปต่อเรือใหญ่ไว้บนยอดเขา  คือลูกและภรรยของท่านเอง ***สุดท้ายน้ำก็ได้ท่วมขึ้นมาจริงๆ และคาดว่ามุมมองของศาสนาคริสต์ก็คงไม่ต่างจากนี้มาก   แต่ที่น่าสนใจคือเมื่อไม่นานมานี้มีการค้นพบซากเรือโบราณบริเวณภูเขาแห่งหนึ่งในประเทศตุรกี  จากการคำนวนอายุของซากไม้คากว่าน่าจะเป็นเรือของโนอาห์ ครับ จากคุณ : Dare More - [ 9 เม.ย. 50 21:03:21 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ^ ซา่กที่ว่า ยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้นี่ครับ ว่าเป็นของจริงรึเปล่า จากคุณ : Buff_Power - [ 9 เม.ย. 50 21:27:55 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แผนที่นี้ ภายใต้ชื่อ Future Map Of The World ถูกสร้างขึ้นเนื่องจากเมื่อปี 1978 (พ.ศ. 2521) นาย Gordon ได้มองเห็นภาพอนาคตของโลกเป็นครั้งแรก โดยก็มองเห็นตัวเอง อยู่สูงขึ้นไปในอวกาศแล้วมองกลับลงมาบนโลก หลังจากนั้นอีกหลายปีก็เห็นภาพเดิมอีกครั้ง ทำให้เข้าสามารถสร้าง แผนที่โลกในอนาคตขึ้นมาและพิมพ์ในปี พ.ศ.2525 โดยนาย Grodon เชื่อว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นในระหว่างปี 1998-2012(พ.ศ.2541-พ.ศ.2555) โดยเหตุการณ์จะเกิดจากต้นเหตุสำคัญคือแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิดอันเนื่องมาจาก แผ่นทวีปของเปลือกโลกเคลื่อน โดยสภาพการเปลี่ยนแปลงจะเป็นไปในแต่ละพื้นที่ดังนี้ เอเชีย -- เนื่องจากมีวงแหวนไฟ(Ring of Fire)ผ่าน Asia (แนวเขตรอยต่อของแผ่นเปลือกโลก(Plate boundary) โดยส่วนแนวเขตนื้เรียกว่า riff ) ทำให้เป็นเขตเกิดแผ่นดินไหวสูง ยังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในเขตนี้ โดยจะเกิดน้ำท่วมใหญ่ตั้งแต่ ฟิลิปปิน ญี่ปุ่น ไปจนถึงทะเลแบริ่ง(เป็นช่องแคบอยู่ระหว่างรัฐอะแลสกา กับรัสเชีย) รวมทั้งหมู่เกาะคูรินและเกาะแซคาลิน(เป็นของรัสเชีย อยู่ใกล้กับ ฮอกไกโด ญี่ปุ่น) เนื่องมาจากแผ่นแปซิฟิกเคลื่อน(Pacific Plate shift)ไป 9 องศา เกาะญี่ปุ่นจะจมเหลือไวเพียงแค่ 2-3 เกาะเล็กๆเท่านั้น ไต้หวัน และเกาหลีส่วนใหญ่จะหายไปในทะเล และด้วยเหตุที่แผ่นโลกเคลื่อนตัวนี้ แนวฝั่งของจีนจะเลือนร่นเข้าไปในแผ่นดินใหญ่หลายร้อยไมล์ อืนโดนีเซียจะถูกทำลาย ถึงแม้ว่าจะมีเกาะใหม่เกิดขึ้นมาด้วยก็ตาม ฟิลิปปินส์จะถูกกลืนหายลงไปในทะเล เอเซียจะได้รับความสูญเสียอย่างหนักจากการเปลี่ยนแปลงใหญ่ครั้งนี้ และจะมีแผ่นดินใหม่เกิดขึ้นด้วย สิ่งที่ความพิจารณาจากคำทำนายนี้ก็คือ เอเชียอยู่บน 3 แผ่นทวีปคือ 1.แผ่นฟิลิปปิน 2.แผ่นอินโด-ออสเตรเลียน 3.แผ่นยูเรเซียน(ไทย - จีน อยู่บนแผ่นนี้) บริเวณที่ไทยและจีนอยู่เป็นเขตแผ่นดินยกตัวดังนั้นหากเกิดการเปลี่ยนแปลงรุนแรงขึ้นจริงน่าจะเป็นไปในทางท ี่ทำให้แผ่นดินยกตัวสูงขึ้นมากกว่า โดยที่แผ่นแปซิฟิกที่ว่าเคลื่อนไป 9 องศานั้น ทิศทางการเคลื่อนที่ตามปกติก็จะเคลื่อนที่ในทิศทาง มุดตัวลงใต้แผ่นทวีป ยูเรเซียน บริเวณ ประเทศญี่ปุ่นและมุดตัวลงใต้แผ่นฟิลิปปิน และ แผ่นอินโด-ออสเตรเลียนมุดตัวใต้แผ่นยูเรเซียนบริเวณเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งการมุดตัวดังกล่าวจะทำให้ทวีปยกตัวขึ้น ข้อพิสูจน์นี้ก็ได้แก่ที่ราบสูงทิเบต เทือกเขาหิมาลัย และ อีสานของไทย ซึ่งถูกยกตัวสูงขึ้นจากเมื่อ 60-20 ล้านปีก่อน สำหรับในส่วนของประเทศอื่นๆขออนุญาตไม่วิจารณ์นะครับ แต่จะเอามาให้ดูและคิดกันเอาเอง ออสเตรเลีย -- จะสูญเสียแผ่นดินไปประมาณ 25 เปอร์เซ็น จากน้ำท่วนชายฝั่นทั้งหมด ยกเว้นจะเกิดแผ่นดินบริเวณช่องแคบบาสส์เชื่อมเข้ากับเกาะทาสเมเนีย และเกิดแผ่นดินใหม่ขึ้นนอกชายฝั่ง นิวซีแลนด์ -- นิวซีแลนด์จะมีขนาดใหญ่ขึ้น บางส่วนจะเชื่อมเข้ากับแผ่นดินเก่าออสเตรเลีย ทั้งสองแผ่นดินจะเชื่อมต่อเป็นแผ่นดินเดียวกันด้วยคอคอด ทั้งนี้เกิดจากการยกตัวขึ้นของแผ่นดินและการระเบิดของภูเขาไฟ ซึ่งจะทำให้นิวซีแลนด์เดิมกลายเป็นตินแดนห่างไกลจากทะเล แอฟริกา -- จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน แม่น้ำไนส์จะกว้างขวางกว่าเก่ามาก ต้วยทิศทางของแม่น้ำไนส์เส้นทางใหม่จะวิ่งจากทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยมตรงปากแม่น้ำไนส์ผ่านพื้นที่ประเทศซูด าน เส้นทางสายน้ำใหม่ของแอฟริกาจะเหมือนตัว "Y" วางอยู่บนทวีป โดยมีฐานตั้งในแนวตั้งอยู่บนเมืองเคปทาวน์(ต้นกำเนิดแม่น้ำอยู่ที่เคปทาวน์) ทะเลแดงจะขยายกว้างออกทำให้ ไคโรจมหายไปในทะเล เกาะมาดากัสการ์เกือบทั้งหมดจะจมลงในทะเล เกิดแผ่นดินใหม่ในทะเลอาหรับ บริเวณตอนใต้ของโอมาน และจะมีแผ่นดินขนาดใหญ่เกิดขึ้นบริเวณทางเหนือและตะวันตกของเคปทาวน์ ทะเลสาบวิคทอเรียจะรวมเข้ากับทะเลสาบนยาซาใหลลงสู่มหาสมุทรอินเดีย pic : http://www.earthchanges.com/futuremap.html Credit : dek-d.com จากคุณ : เด็กผีแดง - [ 9 เม.ย. 50 21:44:46 ]

ความคิดเห็นที่ 10 น้ำท่วม มีหลายแบบคับ เช่น แบบแรก ฝนหนัก อย่างที่ข้างขนว่า น้ำมันระบายไม่ทัน แบบสอง ก็ น้ำทะเลมันสูงขึ้น จนพื้นที่ต่ำ โดนท่วมไป แบบสามเช่น เกิดซึนามิ ไม่ก็ ดาวตกลงทะเล เกิดคลื่นยักษ์กวาดไปรอบโลก แบบในหนัง เสร็จแล้ว มันก็กลับไปที่ที่มันมาอะหละคับ แบบแรก กะแบบสามอาจไม่นาน แต่แบบ สองคงนานหน่อยกว่าจะกลับไปเป็นน้ำแข็งอีกที คราวที่แล้ว คราวไหนครับ แต่ยังไงก็ไม่ใช่คนแน่ เพราะ คนพึ่งมีเทคโนโลยีที่ผลิตก๊าซเรือนกระจกเยอะขนาดนี้ก็ยุคนี้หละครับ ช่วงนี้เป็นช่วงอุ่น ของยุคน้ำแข็ง แต่เรากำลังทำให้มันอุ่นเกินไปครับ โลกเคยอยู่ในยุคอบอุ่น ซึ่ง ไม่มีน้ำแข้ง ที่ขั้วโลกเลยก็มีครับ แต่ครั้งล่าสุดมันก็ น่าจะสี่สิบล้านปีมาแล้ว จากคุณ : GreenEyes - [ 9 เม.ย. 50 21:46:25 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ลืมตอบเจ้าของกระทู้ ....................... โลกแต่เดิมกำเนิดนั้นเป็นดาวที่เต็มไปด้วยน้ำ ไม่มีผืนแผ่นดิน ขณะนั้นมีสัตว์เซลเดียวใต้ทะเลเป็นจำนวนมากได้ตายทับถมในทะเลขณะนั้นจำนวนมาก ทำให้เกิดก๊าซมีเทน ลอยขึ้นไปบนอากาศ เกิดภาวะเรือนกระจก (เหมือนโลกตอนนี้ที่อุณหภูมิของน้ำสูงขึ้น ทำให้กระแสน้ำเย็นที่คอยกดดันก๊าซหมดไป ก๊าซเลยลอยจากทะเลไปสะสมในชั้นบรรยากาศ) โลกในขณะนั้นเกิดภาวะเรือนกระจกอย่างรุนแรง อุณหภูมิสูงขึ้น น้ำทะเลก็ละเหยจนหมด หรือเกือบหมด เมื่อมีเทนลอยไปบนบรรยากาศแยอะขึ้นจนท้องฟ้าของโลกในขณะนั้นมืดมิด แสงแดดไม่สามารถส่องถึงได้ จึงได้เกิดยุคน้ำแข็งเป็นระยะยาวนานขึ้นบนโลก...... .............. อธิบายตามที่พอจำได้ จากคุณ : เด็กผีแดง - [ 9 เม.ย. 50 21:54:12 ]

ความคิดเห็นที่ 12 น้ำท่วมโลกที่คนคิดขึ้นมาสมัยโบราณนั้น เป็นน้ำท่วมเฉพาะที่ครับ เพราะคนคิดขึ้นมาว่าโลกของตัว(ซึ่งมีอยู่แค่นั้น)เกิดน้ำท่วม จึงได้แต่งเรื่องโนอาห์มา ซึ่งต่อมาก็แตกไปเป็นคริสต์และอิสลาม ส่วนเรือโนอาห์ที่หน้าผาในตุรกีนั้น ไม่ใช่ของจริงครับ(ขี้กียจพูด เดี๋ยวยาว)... จากคุณ : เด็กน้อยขี่ม้าก้านกล้วย - [ 9 เม.ย. 50 22:19:23 ]

ความคิดเห็นที่ 13 1. เรื่องซากเรือนั่นมันอายุไม่ถึง 2000 ปีนี่ มีการตรวจสอบซ้ำหลายครั้งด้วยนี่ แต่ในคัมภีร์คำนวณอายุได้ประมาณ 5000 ปี 2. กรณีที่เรือมีจริง แล้วโนอาห์เอาสัตว์เข้าไปในเรือกี่ชนิด แล้วสัตว์ปัจจุบันมีกี่ชนิด กรณีใส่ไปมากกว่าปัจจุบันก็ไม่แปลก แต่ถ้าใส่ไปน้อยกว่านี่ยุ่งเลยว่าสัตว์ที่เกินมามันมาจากไหน จากคุณ : silverspider - [ 9 เม.ย. 50 23:16:56 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ^ ^ อธิบายข้อ 2. นะครับ ใส่หมาเข้าไปในเรือ 2 ตัว (1 คู่) ก็โอเคแล้วครับ เพราะเดี๋ยวมันก็สามารถทำให้เกิดหมาพันธุ์ใหม่ๆขึ้นมาได้ในที่สุด แต่อย่าลืมว่าหมาพันธุ์ไหนๆก็ยังเป็นหมานะครับ ดังนั้น อย่าสับสนกับการวิวัฒนาการจากสัตว์ชนิดหนึ่งไปเป็นอีกชนิดหนึ่ง (จากหมาไปเป็นสัตว์ชนิดอื่นที่ไม่ใช่หมา) ซึ่งไม่น่าจะเป็นได้เพราะไม่มีข้อมูลจากการทดลองวิทยาศาสตร์สนับสนุน จากคุณ : PureTruth - [ 9 เม.ย. 50 23:34:37 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อธิบายข้อ 2. นะครับ ใส่หมาเข้าไปในเรือ 2 ตัว (1 คู่) ก็โอเคแล้วครับ เพราะเดี๋ยวมันก็สามารถทำให้เกิดหมาพันธุ์ใหม่ๆขึ้นมาได้ในที่สุด แต่อย่าลืมว่าหมาพันธุ์ไหนๆก็ยังเป็นหมานะครับ ดังนั้น อย่าสับสนกับการวิวัฒนาการจากสัตว์ชนิดหนึ่งไปเป็นอีกชนิดหนึ่ง (จากหมาไปเป็นสัตว์ชนิดอื่นที่ไม่ใช่หมา) ซึ่งไม่น่าจะเป็นได้เพราะไม่มีข้อมูลจากการทดลองวิทยาศาสตร์สนับสนุน จากคุณ : PureTruth ***************************************** ต่อให้หมาก็ยังเป็นหมา แมวก็เป็นแมว แล้วใส่ไปกี่ชนิดล่ะ มีหลักฐานอะไรยืนยันว่าใส่สัตว์ชนิดนี้ไปจริง แล้วรวมสัตว์แต่ละที่อยู่ทวีปอย่างไรครับ แล้วทำไมหมาถึงกลายเป็นพันธุ์อื่นได้ล่ะ เกิดขึ้นเพราะอะไร แล้วเรื่องพระเจ้าสร้างสิ่งมีชีวิตมีการทดลองวิทยาศาสตร์อะไรบ้างสนับสนุน(พูดถึงสิ่งมีชีวิตนะครับ) แล้วสิ่งมีชีวิตอะไรบ้างที่พระเจ้าสร้าง มีหลักฐานอะไรยืนยันบ้าง ระวังจะกลายเป็นการแอบอ้างเอาผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตน แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 50 23:57:09 จากคุณ : silverspider - [ 9 เม.ย. 50 23:50:22 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ใส่ไปกี่ชนิด? อันนี้ต้องค่อยๆไล่ไปทีละชนิด โดยใช้ข้อมูลต่างๆที่วิทยาศาสตร์ค้นพบ ไว้ผมมีเวลาแล้วจะพยายามรวบรวมข้อมูลตรงนี้ให้นะครับ ทำไมหมาถึงกลายเป็นพันธุ์? คำตอบคือเพราะว่ามีการผ่าเหล่า (Mutation) ครับ แต่การกลายพันธุ์จะอยู่ในขอบเขตของสัตว์ชนิดเดียวกัน 'หมา'กลายพันธุ์ไปก็กลายเป็นหมาอยู่ดี ข้อมูลจากการทดลองทางวิทยาศาสตร์ไม่เคยแสดงให้เห็นว่าสัตว์ชนิดหนึ่งกลายพันธุ์แล้วจะเปลี่ยนเป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งได้ ส่วนคำถามอื่นๆ คงต้องอธิบายกันยาว เนื่องจากมีหลักการที่เกี่ยวข้องเยอะมาก เอาไว้ผมจะหาโอกาสเขียนถึงคำตอบที่เป็นไปได้เหล่านี้ละกันนะครับ (แต่คงยังไม่ใช่ช่วงนี้ เพราะติดภารกิจการงาน) ส่วนที่บอกว่าระวังจะกลายเป็นการแอบอ้างเอาผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตน อันนี้ทุกคนก็ต้องระวังครับ รวมถึงผู้ที่"เชื่อ"ว่าสิ่งมีชีวิตต่างๆเกิดขึ้นมาได้เองด้วย ก็จำเป็นต้องระวังไว้ด้วยเช่นเดียวกันว่าอาจจะผิดก็เป็นได้นะครับ :) จากคุณ : PureTruth - [ 10 เม.ย. 50 08:22:11 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ใส่ไปกี่ชนิด? อันนี้ต้องค่อยๆไล่ไปทีละชนิด โดยใช้ข้อมูลต่างๆที่วิทยาศาสตร์ค้นพบ ไว้ผมมีเวลาแล้วจะพยายามรวบรวมข้อมูลตรงนี้ให้นะครับ ************************************ จะรอครับ แล้วเรื่องที่เอาสัตว์แต่ละทวีบมาใส่เรือล่ะ เอามาอย่างไร แล้วตกลงใส่ไปอย่างละคู่หรือเจ็ดคู่กัน อ่านแล้วงง ๆ แล้วขนาดเรือ 300*50*30 ศอกนี่ มันจุสัตว์ทั้งหมดรวมทั้งอาหารอีก ถ้าช้างเป็นสัตว์สะอาดนี่ 7 คู่ 14 ตัว เลยนะครับ แถมถ้าเป็น 2 ชนิดอีก 28 ตัว แค่ช้างตัวเดียวต้องตุนอาหารเยอะแล้ว ทำไมหมาถึงกลายเป็นพันธุ์? คำตอบคือเพราะว่ามีการผ่าเหล่า (Mutation) ครับ แต่การกลายพันธุ์จะอยู่ในขอบเขตของสัตว์ชนิดเดียวกัน 'หมา'กลายพันธุ์ไปก็กลายเป็นหมาอยู่ดี ข้อมูลจากการทดลองทางวิทยาศาสตร์ไม่เคยแสดงให้เห็นว่าสัตว์ชนิดหนึ่งกลาย พันธุ์แล้วจะเปลี่ยนเป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งได้ **************************************** นั่นสิ ผู้สร้างไม่สามารถสร้างให้สมบูรณ์ได้หรือครับ หมาก็ยังเป็นหมาทั้งที่พันธุกรรมบางพันธุ์ต่างกันพอ ๆ กับมนุษย์และซิมแปนซี ถ้าเอาตามนี้มนุษย์กับซิมแปนซีก็ชนิดเดียวกันสิครับแค่เกิด mutation เท่านั้นเอง ส่วนคำถามอื่นๆ คงต้องอธิบายกันยาว เนื่องจากมีหลักการที่เกี่ยวข้องเยอะมาก เอาไว้ผมจะหาโอกาสเขียนถึงคำตอบที่เป็นไปได้เหล่านี้ละกันนะครับ ********************************** จะรอครับ ส่วนที่บอกว่าระวังจะกลายเป็นการแอบอ้างเอาผลงานของ ผู้อื่นมาเป็นของตน อันนี้ทุกคนก็ต้องระวังครับ รวมถึงผู้ที่"เชื่อ"ว่าสิ่งมีชีวิตต่างๆเกิดขึ้นมาได้เองด้วย ก็จำเป็นต้องระวังไว้ด้วยเช่นเดียวกันว่าอาจจะผิดก็เป็นได้นะครับ :) ************************************** ก็ใช่ครับแต่ยังไงมันก็ไม่น่าเกลียดเท่าขโมยผลงานของผู้อื่นนี่ครับ จากคุณ : silverspider - [ 10 เม.ย. 50 09:42:47 ]

ความคิดเห็นที่ 18 โลกแต่เดิมกำเนิดนั้นเป็นดาวที่เต็มไปด้วยน้ำ ไม่มีผืนแผ่นดิน นึกไม่ออกจริงๆว่า อะไรทำให้โลกเต็มไปด้วยน้ำครับ และก่อนหน้านั้นมันแห้งแล้งหรือไม่ อยู่ๆมันคงไม่เกิดมาพร้อมกับน้ำกระมังครับ รบกวนด้วยครับ จากคุณ : ชะแมบ - [ 10 เม.ย. 50 10:39:00 A:125.27.131.189 X: TicketID:058478 ]

ความคิดเห็นที่ 19 น้ำท่วมที่บาบิโลนครับ ท่วมจนมิดเมืองใช้เวลาเป็นปี ๆ เลยทีเดียวกว่าน้ำจะลด  (ไม่แน่ใจว่าแถบบาบิโลนดินส่วนใหญ่เป็นดินเหนียวรึเปล่า)คนสมัยก่อนเขาก็เลยคิดว่าน้ำท่วมโลก จากนั้นก็ส่งต่อตำนาน บาบิโลน->อิยิปห์->ยิว->คริสต์ กับ บาบิโลน->ตะวันออกกลาง->อิสลาม จากคุณ : Roh_Z - [ 10 เม.ย. 50 10:43:30 ]

ความคิดเห็นที่ 20 คห . 5 อ่าน Mu ว่า "มิว" ค่ะ อย่าเชื่อเราเลย พอดีเคยเล่นเกม Mu Online เค้าอ่านกันว่า "มิว ออนไลน์" อ่ะ จากคุณ : St.Kyo - [ 10 เม.ย. 50 12:40:03 ]

ความคิดเห็นที่ 21 #20, ถูกแล้วครับ ถ้าว่าตามหลัก Mu ก็คือชื่อเดียวกับตัวอักษรกรีก ที่อ่านว่า "มิว" นั่นแหละครับ แต่เวลาอ้างถึงชื่อทวีปนี้ในภาษาไทย เขาเรียกว่า "มู" กัน ผมก็เลยใช้ "มู" ตาม เพื่อให้คนที่เคยได้ยินมา เข้าใจตรงกันว่าหมายถึงทวีปเดียวกัน จากคุณ : จอนสั้น - [ 10 เม.ย. 50 13:33:55 ]

ความคิดเห็นที่ 22 น้ำ้ท่วมเป็นเรื่องธรรมชาติอยู่แล้ว โดยเฉพาะคนที่อยู่ลุ่มแ่ม่น้ำ   คนโบราณอาจจะเจอน้ำท่วมแล้วก็เหมาเอาว่าท่วมโลก เพราะโลกของคนโบราณมันก็แค่แถวถิ่นฐานที่เขาอยู่เท่านั้น พอเล่าต่อๆกันไปก็กลายเป็นท่วมทั้งโลกไปได้ ส่วนพวกสัตว์ก็ต้องขนหนีน้ำท่วมครับ เพราะสำหรับเกษตรกรพันธุ์สัตว์ที่ปรับปรุงกันมานานเป็นสมบัติที่มีค่ามาก คงขนไปแค่สัตว์เลี้ยงเท่านั้นล่ะ ใครจะขนสัตว์ป่าเสือสิงห์กระทิงแรดฮิปโปช้างไปด้วยคงเป็นไปได้ยาก ส่วนน้ำที่ท่วมพอฝนหยุดตกแล้วก็ไหลลงทะเลไป จากคุณ : มังกรใจเย็น - [ 10 เม.ย. 50 14:36:47 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ตอบความเห็น 17 คุณ silverspider >>>ก็ใช่ครับแต่ยังไงมันก็ไม่น่าเกลียดเท่าขโมยผลงานของผู้อื่นนี่ครับ โอ้ นั่นเป็นความลำเอียงและอคติของคุณครับ ............... ลองคิดดูนะ  สิ่งที่คุณพูดแปลได้ว่า ถ้าความเชื่อคุณถูก ความเชื่อผมผิด --> ความเชื่อผมน่าเกลียด แต่ถ้าความเชื่อผมถูก ความเชื่อคุณผิด --> ความเชื่อคุณ 'ไม่'น่าเกลียด คิดเข้าข้างตัวเองซะงั้น   ใจเป็นกลางอีกนิดก็จะดีนะครับ  (เพราะจริงๆแล้วความเชื่อของคุณก็เป็นการขโมยผลงานออกไปจากพระเจ้า ในกรณีที่ความเชื่อของผมถูก) (คำถามอื่นเดี๋ยวจะตามมาตอบครับ ตอนนี้ต้องไปประชุมบอร์ดของบริษัท) จากคุณ : PureTruth - [ 10 เม.ย. 50 19:08:18 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ตอบ.. Rap18..... โลกแต่เดิมกำเนิดนั้นเป็นดาวที่เต็มไปด้วยน้ำ ไม่มีผืนแผ่นดิน นึกไม่ออกจริงๆว่า อะไรทำให้โลกเต็มไปด้วยน้ำครับ และก่อนหน้านั้นมันแห้งแล้งหรือไม่ อยู่ๆมันคงไม่เกิดมาพร้อมกับน้ำกระมังครับ รบกวนด้วยครับ ........................ เป็นผลพวงของการเกิดยุคน้ำแข็งยุคแรกครับ ที่หลังจากอุณหภูมิโลกสูงขึ้นแล้วทำให้น้ำแข็งละลายกลายเป็นน้ำท่วมผิวโลก........ ถ้าถามว่าโลกเกิดยุคน้ำแข็งยุคแรกได้อย่างไง ก็ต้องบอกไปว่าเกิดจากแบคทีเรียสีเขียว(จำชื่อไม่ได้ค้นพบในเหมืองถ่านหินลึกจากผิวโลกพันเมตร) ยุคนั้นแบคทีเรียสีเขียวตัวนี้ครองโลก เจ้าตัวนี้สังเคราะห์แสงโดยใช้คาร์บอนไดออกไซด์ แล้วคายก๊าซออกซิเจนเหมือนพืชปัจจุบัน เมื่อเจ้าแบคทีเรียพวกนี้ตายไปทับถมกันแยอะก่อให้เกิดก๊าซภาวะเรือนกระจก โลกตกอยู่ในความมืดเพราะก๊าซมีเทนไปบดบังแสงแดด เกิดยุคน้ำแข็งบนโลกเป็นระยะเวลานานหลายล้านปี แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 50 21:03:50 แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 50 20:31:12 จากคุณ : เด็กผีแดง - [ 10 เม.ย. 50 20:17:20 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เคยอ่านเรื่องจำนวนประชากรต่ำสุดของ species น่ะ เขาบอกว่าถ้าสมาชิก species น้อยๆ แล้วมันจะผสมกันมาอ่อนแอจนสูญพันธ์ไปเอง ยิ่งใส่ไปแค่คู่เดียวเนี่ยไม่รอดแหง แต่อย่างว่า คนมันจะเชื่อ พูดไปก็เท่านั้น จากคุณ : ธีรภัทร์2 - [ 10 เม.ย. 50 20:53:51 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ^ ^ จำเป็นเหรอครับว่าต้องสูญพันธ์ ขอดูเอกสารอ้างอิงหน่อยครับ เอาที่บอกว่า'สูญพันธ์'นะครับ จากคุณ : PureTruth - [ 11 เม.ย. 50 02:01:03 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เรียนคุณ ธีรภัทร์ 2 ผมคิดว่า คนที่เชื่อในทฤษฎีวิวัฒนาการ ก็ไม่ต่างกันหรอก นะครับ พวกเราทุกคนในโลกนี้ มีข้อมูลอย่างเดียวกัน เพียงแต่ข้อมูลนั้น ได้ถูกตีความไปอย่างไร และใครเห็นด้วยกับการตีความไปในด้านใดเท่านั้น การเห็นด้วยกับข้อมูลนั้นๆ ก็เรียกว่าความเชื่อนั่นแหละครับ ในไบเบิ้ลให้ความหมายของคำว่า "ความเชื่อ" ไว้ดังนี้ "ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้   เป็นความรู้สึกมั่นใจว่า  สิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง" ลองทบทวนดูเถอะครับว่า ความรู้สึกที่มีต่อทฤษฎีหรือความรู้ ทางวิทยาศาสตร์ เป็นสิ่งที่เรียกว่าความเชื่อหรือเปล่า คุณเคยเห็น อะตอมของ ไฮโดรเจนหรือ? คุณอยู่ในช่วงเวลานั้นๆที่เกิดสิ่งมีชีวิตแรกขึ้นหรือ? แล้วไม่เรียกว่า "ความเชื่อ" ได้อย่างไรครับ? จากคุณ : ksk - [ 11 เม.ย. 50 09:45:55 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ^ ^ ขอแย้งนิดนึงครับ อะตอมของไฮโดรเจนคงไม่เรียกว่าความเชื่อนะครับ เพราะว่าน่าจะเคยมีการทดลองเพื่อสนับสนุนในเรื่องนี้ไปแล้ว จากคุณ : PureTruth - [ 11 เม.ย. 50 10:41:25 ]

ความคิดเห็นที่ 29 อ่า.. ครับ ไฮโดรเจน อาจยังไม่เป็นตัวอย่างที่ดีพอ จากคุณ : ksk - [ 11 เม.ย. 50 12:34:48 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ตกลงคุณธีรภัทร์2 ความเห็น 25 ยอมรับไหมครับว่า ที่คุณพูดว่า "ยิ่งใส่ไปแค่คู่เดียวเนี่ยไม่รอดแหง" อันนี้ไม่มีเอกสารอ้างอิงใดๆมายืนยัน เป็นการพูดเข้าข้างความเชื่อของตัวเองเท่านั้น เอ หรือว่าพูดไปก็ไม่มีประโยชน์........  เพราะว่า คน (ธีรภัทร์2) มันจะเชื่อ พูดไปก็เท่านั้น....... จากคุณ : PureTruth - [ 11 เม.ย. 50 16:40:48 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เถียงกันมากๆ เชิญไปเถียงที่ห้องศาสนาครับ... จากคุณ : เด็กน้อยขี่ม้าก้านกล้วย - [ 11 เม.ย. 50 17:09:34 ]

ความคิดเห็นที่ 32 โอ้ นั่นเป็นความลำเอียงและอคติของคุณครับ ............... ลองคิดดูนะ  สิ่งที่คุณพูดแปลได้ว่า ถ้าความเชื่อคุณถูก ความเชื่อผมผิด --> ความเชื่อผมน่าเกลียด แต่ถ้าความเชื่อผมถูก ความเชื่อคุณผิด --> ความเชื่อคุณ 'ไม่'น่าเกลียด คิดเข้าข้างตัวเองซะงั้น   ใจเป็นกลางอีกนิดก็จะดีนะครับ  (เพราะจริงๆแล้วความเชื่อของคุณก็เป็นการขโมยผลงานออกไปจากพระเจ้า ในกรณีที่ความเชื่อของผมถูก) (คำถามอื่นเดี๋ยวจะตามมาตอบครับ ตอนนี้ต้องไปประชุมบอร์ดของบริษัท) จากคุณ : PureTruth ************************************************** ใครจะเชื่อความเชื่อไหนมันไม่น่าเกลียดหรอกครับ แต่ผู้ที่ประกาศว่าสร้างสิ่งนี้ให้คนอื่นเชือนี่สิ แล้วใครประกาศว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเองเป็นผลงานของตนล่ะครับ ผมก็อยากรู้ แล้วตกลงระหว่างยะโฮวากับพรหม(เอาแค่ 2 ก่อน)ตกลงผู้ใดสร้างมนุษย์ล่ะครับ จากคุณ : silverspider - [ 11 เม.ย. 50 21:46:08 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ^ ^ 1. อะไรคือ 'สิ่งที่เกิดขึ้นเอง' ล่ะครับ อย่าลืมสิครับว่านั่นเป็นเพียงความเชื่อของคุณ (เพราะจริงๆแล้วมันไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้) 2. ของพรหมบอกว่าสร้างมนุษย์ยังไงล่ะครับ จากคุณ : PureTruth - [ 11 เม.ย. 50 23:55:35 ]

ความคิดเห็นที่ 34 1. อะไรคือ 'สิ่งที่เกิดขึ้นเอง' ล่ะครับ อย่าลืมสิครับว่านั่นเป็นเพียงความเชื่อของคุณ (เพราะจริงๆแล้วมันไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้) ******************************************** หมาพันธุ์หนึ่งกลายพันธุ์ไปเป็นอีกพันธุ์หนึ่ง แม้ว่าหมาตั้งต้นจะมีใครใครสร้างก็ตาม แต่ก็ไม่ได้สร้างหมาพันธุ์ที่สองอยู่ดี แต่คนสร้างหมาตัวแรกกลับมาอ้างว่าตนสร้างหมาพันธุ์ที่สอง จากคุณ : silverspider - [ 12 เม.ย. 50 19:39:19 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ^ ^ ในไบเบิ้ลไม่ได้เขียนอย่างนั้นครับ พระเจ้าเป็นผู้สร้างหมาตัวแรก (หลังจากนั้นมันก็มีการกลายพันธุ์เป็นพันธุ์ต่างๆมากมายในภายหลังครับ) จากคุณ : PureTruth - [ 12 เม.ย. 50 23:30:27 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ตอบคุณ silverspider #13 ชนิดของสัตว์ในไบเบิ้ลน่าจะเทียบได้กับ genus (ในบางกรณีอาจเป็นถึง family) โดยที่ไม่จำเป็นต้องนำสัตว์น้ำขึ้นมาบนเรือครับ จากการศึกษาเบื้องต้น พบว่าสัตว์ที่จำเป็นต้องนำขึ้นเรือโนอาห์คาดว่าจะมีประมาณ 8000 ชนิด (genus) โดยเลือกสัตว์ตัวที่ยังตัวเล็กๆอยู่ ไม่จำเป็นต้องเอาตัวที่โตเต็มที่แล้ว เพราะจะเกะกะเนื้อที่และเปลืองอาหารมากกว่าตัวที่ยังเล็กอยู่ครับ ดังนั้น เรือโนอาห์ซึ่งมีขนาด 140 x 23 x 13.5 ลูกบาศก์เมตร จึงสามารถบรรทุกสัตว์ชนิดต่างๆเหล่านี้ได้อย่างสบายๆครับ เนื่องจากขนาดของเรือสามารถบรรทุกสัตว์ได้มากกว่า 20,000 ตัว แก้ไขเมื่อ 13 เม.ย. 50 23:32:30 จากคุณ : PureTruth - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 23:30:55 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ส่วนที่คุณ silverspider บอกว่า "นั่นสิ ผู้สร้างไม่สามารถสร้าง(สิ่งมีชีวิต)ให้สมบูรณ์แบบได้หรือครับ (จะได้ไม่ต้องมีการกลายพันธุ์อีกต่อไป)" อันนี้ จริงๆแล้ว ผู้สร้างสามารถสร้างสิ่งมีชีวิตรวมถึงมนุษย์ให้สมบูรณ์แบบได้ครับ แต่ถามว่า ถ้ามนุษย์สมบูรณ์แบบแล้ว มนุษย์จะคิดได้อย่างถูกต้องหรือไม่ว่านี่เป็นการสร้างที่สมบูรณ์แบบของพระเจ้า ผมคิดว่าแทนที่จะเป็นอย่างนั้น มนุษย์จะกลับมีความเย่อหยิ่งในความสมบูรณ์แบบของตน แล้วก็คิดอย่างผิดๆต่อไปว่านี่เป็นผลของการวิวัฒนาการขึ้นตามธรรมชาติไม่ใช่เป็นการสร้างขึ้นของพระเจ้า ดังนั้น การพยายามจะถามว่าพระเจ้าสร้างสิ่งมีชีวิตให้สมบูรณ์แบบไม่ได้หรือ จึงเป็นคำถามที่ไม่เกิดประโยชน์ที่แท้จริงแต่อย่างใด และเป็นเพียงข้ออ้างของผู้ที่เชื่อว่าไม่มีพระเจ้าครับ จากคุณ : PureTruth - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 23:45:40 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เรียนคุณ silverspider ที่คุณ silverspider บอกว่า "นั่นสิ ผู้สร้างไม่สามารถสร้าง(สิ่งมีชีวิต)ให้สมบูรณ์แบบได้หรือครับ (จะได้ไม่ต้องมีการกลายพันธุ์อีกต่อไป)" ในมุมมองของผม ผมกลับเห็นว่าการที่สิ่งมีชีวิตสามารถปรับตัวได้ เป็นการออกแบบที่ยอดเยี่ยมครับ จากคุณ : ksk - [ วันเนา (14) 09:49:30 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ชนิดของสัตว์ในไบเบิ้ลน่าจะเทียบได้กับ genus (ในบางกรณีอาจเป็นถึง family) โดยที่ไม่จำเป็นต้องนำสัตว์น้ำขึ้นมาบนเรือครับ จากการศึกษาเบื้องต้น พบว่าสัตว์ที่จำเป็นต้องนำขึ้นเรือโนอาห์คาดว่าจะมีประมาณ 8000 ชนิด (genus) โดยเลือกสัตว์ตัวที่ยังตัวเล็กๆอยู่ ไม่จำเป็นต้องเอาตัวที่โตเต็มที่แล้ว เพราะจะเกะกะเนื้อที่และเปลืองอาหารมากกว่าตัวที่ยังเล็กอยู่ครับ ดังนั้น เรือโนอาห์ซึ่งมีขนาด 140 x 23 x 13.5 ลูกบาศก์เมตร จึงสามารถบรรทุกสัตว์ชนิดต่างๆเหล่านี้ได้อย่างสบายๆครับ เนื่องจากขนาดของเรือสามารถบรรทุกสัตว์ได้มากกว่า 20,000 ตัว แก้ไขเมื่อ 13 เม.ย. 50 23:32:30 จากคุณ : PureTruth ************************************************** ถ้าเป็นสัตว์เล็ก ๆ แล้วโนอาห์จะเลี้ยงดูสัตว์พวกนั้นทันรึครับ ถ้าสัตว์นั้นยังเล็กอยู่ แล้วสัตว์กินเนื้อกับสัตว์กินพืชแยกกันอย่างไร แล้วจะรวบรวมสัตว์แต่ละทวีปอย่างไรครับ หลังจากน้ำลดแล้วเอาสัตว์ไปปล่อยไปยังที่เดิมอย่างไร จากคุณ : silverspider - [ วันเถลิงศก (15) 10:15:39 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ส่วนที่คุณ silverspider บอกว่า "นั่นสิ ผู้สร้างไม่สามารถสร้าง(สิ่งมีชีวิต)ให้สมบูรณ์แบบได้หรือครับ (จะได้ไม่ต้องมีการกลายพันธุ์อีกต่อไป)" อันนี้ จริงๆแล้ว ผู้สร้างสามารถสร้างสิ่งมีชีวิตรวมถึงมนุษย์ให้สมบูรณ์แบบได้ครับ แต่ถามว่า ถ้ามนุษย์สมบูรณ์แบบแล้ว มนุษย์จะคิดได้อย่างถูกต้องหรือไม่ว่านี่เป็นการสร้างที่สมบูรณ์แบบของพระเจ้า ผมคิดว่าแทนที่จะเป็นอย่างนั้น มนุษย์จะกลับมีความเย่อหยิ่งในความสมบูรณ์แบบของตน แล้วก็คิดอย่างผิดๆต่อไปว่านี่เป็นผลของการวิวัฒนาการขึ้นตามธรรมชาติไม่ใช่เป็นการสร้างขึ้นของพระเจ้า ดังนั้น การพยายามจะถามว่าพระเจ้าสร้างสิ่งมีชีวิตให้สมบูรณ์แบบไม่ได้หรือ จึงเป็นคำถามที่ไม่เกิดประโยชน์ที่แท้จริงแต่อย่างใด และเป็นเพียงข้ออ้างของผู้ที่เชื่อว่าไม่มีพระเจ้าครับ จากคุณ : PureTruth ************************************************** ถ้าพระเจ้าต้องการสร้างสิง่มีชีวิตที่ไม่สมบูรณ์แบบแล้ว ทำไมต้องไล่อดัมกับอีพล่ะในเมื่อเป็นความต้องการของพระเจ้าเองนี่ ถ้าสร้างสมบูรณ์แบบตามความคิดของตัวเองก็เป็นอีกเรื่อง จากคุณ : silverspider - [ วันเถลิงศก (15) 10:19:48 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ตอบคุณ silverpider #39 เลี้ยงดูสัตว์ต่างๆได้ทันครับ บนเรือไม่ได้มีแค่โนอาห์คนเดียว มีภรรยาและลูกๆด้วย รวมทั้งหมด 8 คน สัตว์กินเนื้อกับสัตว์กินพืชก็จัดไว้แยกส่วนกันครับ การรวบรวมสัตว์แต่ละทวีปก็สามารถทำได้ จากข้อมูลทางภูมิศาสตร์ พบว่าช่องว่างระหว่างทวีปต่างๆในสมัยก่อน จะมีอยู่หลายครั้งที่ระดับน้ำลดลงไปและทำให้มีแผ่นดินที่เชื่อมต่อระหว่างทวีปให้สัตว์สามารถเดินข้ามได้ และหลังจากที่น้ำท่วมลดลงแล้วก็เช่นเดียวกัน สัตว์สามารถเดินทางไปยังทวีปที่มันอาศัยอยู่ได้ครับ จากคุณ : PureTruth - [ วันเถลิงศก (15) 14:20:08 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ตอบคุณ silverspider #40 การที่พระเจ้าไล่อดัมกับอีฟให้ออกมาจากสวนเอเดน สาเหตุไม่ใช่เป็นเพราะว่าสิ่งมีชีวิต (มนุษย์) ไม่สมบูรณ์นะครับ แต่เป็นเพราะอดัมกับอีฟตัดสินใจฝ่าฝืนคำสั่งของพระเจ้าต่างหากครับ จากคุณ : PureTruth - [ วันเถลิงศก (15) 14:31:12 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ตอบคุณ silverspider #40 การที่พระเจ้าไล่อดัมกับอีฟให้ออกมาจากสวนเอเดน สาเหตุไม่ใช่เป็นเพราะว่าสิ่งมีชีวิต (มนุษย์) ไม่สมบูรณ์นะครับ แต่เป็นเพราะอดัมกับอีฟตัดสินใจฝ่าฝืนคำสั่งของพระเจ้าต่างหากครับ จากคุณ : PureTruth ********************************************** ถ้าสมบูรณ์จริงทำไมถึงฝ่าฝืนคำสั่ง จากคุณ : silverspider - [ 16 เม.ย. 50 15:56:54 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ตอบคุณ silverpider #39 เลี้ยงดูสัตว์ต่างๆได้ทันครับ บนเรือไม่ได้มีแค่โนอาห์คนเดียว มีภรรยาและลูกๆด้วย รวมทั้งหมด 8 คน สัตว์กินเนื้อกับสัตว์กินพืชก็จัดไว้แยกส่วนกันครับ การรวบรวมสัตว์แต่ละทวีปก็สามารถทำได้ จากข้อมูลทางภูมิศาสตร์ พบว่าช่องว่างระหว่างทวีปต่างๆในสมัยก่อน จะมีอยู่หลายครั้งที่ระดับน้ำลดลงไปและทำให้มีแผ่นดินที่เชื่อมต่อระหว่างทวีปให้สัตว์สามารถเดินข้ามได้ และหลังจากที่น้ำท่วมลดลงแล้วก็เช่นเดียวกัน สัตว์สามารถเดินทางไปยังทวีปที่มันอาศัยอยู่ได้ครับ จากคุณ : PureTruth ************************************ กรณีถ้าสัตว์นั้นยังเล็กอยู่บางชนิดต้องคอยป้อนอาหารทีละตัว ไหนจะต้องทความสะอาดของเสียอีก แล้วสัตว์ป่ามันไม่เหมือนสัตว์เลี้ยงนะครับ สัตว์บางชนิดไม่สามารถแพร่กระจายไปอีกพื้นที่หนึ่งได้เพราะข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์  การแพร่กระจายต้องเกิดขึ้นก่อนทวีปแยกตัวออกจากกัน แล้วอีกอย่างโนอาห์รวบรวมสัตว์กี่วันล่ะครับ จากคุณ : silverspider - [ 16 เม.ย. 50 16:06:04 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ตอบคุณ silverspider #43 เพราะเป็น (ความสมบูรณ์ + อิสระในการตัดสินใจ [Free will] )  ถ้าไม่มี Free will มนุษย์ก็จะเป็นแค่ robot ครับ จากคุณ : PureTruth - [ 16 เม.ย. 50 21:31:09 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ตอบคุณ silverspider #44 แหม ไม่ต้องเอาตัวที่มันเล็กกะจิดริดขนาดนั้นหรอกนะครับ ของเสียก็ทำความสะอาดเท่าที่ทำได้ เพราะไม่ได้จำเป็นต้องอยู่บนเรือเป็นปีๆ      เรื่องการรวบรวมสัตว์ โนอาห์คงจะใช้เวลารวบรวมสัตว์นานอยู่เหมือนกันแหละครับ   :) แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 50 22:06:30 จากคุณ : PureTruth - [ 16 เม.ย. 50 21:37:36 ]

ความคิดเห็นที่ 47 สัตว์บางชนิดกินเฉพาะสัตว์ีกชนิดหนึ่งเป็นอาหาร สัตว์บางชนิดกินสัตว์ที่เคลื่อนไหวเป็นอาหาร สัตว์บางชนิดมีโครงสร้างที่ใช้กินอาหารจำเพาะ ฯลฯ โนอาห์จะให้อาหารพวกนี้อย่างไรล่ะ อย่างลืมนะ สัตว์ป่าไม่ใช่สัตว์้เลี้ยง แล้วพระเจ้าบอกโนอาห์ว่าอีกเจ็ดวันน้ำจะท่วมนี่ แล้วมันนานตรงไหน จากคุณ : silverspider - [ 17 เม.ย. 50 14:32:31 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ยามหิว สัตว์มันไม่เลือกกินมากหรอกครับ พระเจ้าบอกว่าให้เริ่มรวบรวมสัตว์ตั้งแต่ตอนเริ่มต่อเรือแล้วครับ (ไม่ใช่แค่เจ็ดวันตอนก่อนน้ำจะท่วมนะ) จากคุณ : PureTruth - [ 17 เม.ย. 50 17:40:06 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ฝากให้คุณ silverspider ครับ คุณคงมีข้อสงสัยมากมาย แต่ในเรื่องเหล่านี้ พระเจ้าเป็นผู้ดำเนินการ ไม่ใช่มนุษย์ที่มีข้อจำกัดอย่างพวกเรา ปฐมกาล 6 1 มนุษย์เริ่มทวีมากขึ้นบนแผ่นดินและมีบุตรหญิง 2 บุตรชายของพระเจ้าเห็นว่าบุตรหญิงของมนุษย์งามดี  ก็เลือกและรับไว้เป็นภรรยา 3 พระเจ้าจึงตรัสว่า  "วิญญาณของเราจะไม่สถิตอยู่ในมนุษย์ตลอดกาล  เพราะมนุษย์เป็นแต่เนื้อหนัง  อายุของเขาจะไม่เกินร้อยยี่สิบปี" 4 ในคราวนั้นมีคนเนฟิล  {คือ  พวกมนุษย์ยักษ์}  อยู่บนแผ่นดิน  เมื่อบุตรพระเจ้าได้สมสู่อยู่กับบุตรหญิงของมนุษย์และมีบุตร  พวกนี้เป็นคนแกล้วกล้าในโบราณกาล  เป็นคนมีชื่อเสียง 5 พระเจ้าทรงเห็นว่าความชั่วช้าของมนุษย์มีมากบนแผ่นดิน  และทรงเห็นว่าเค้าความคิดในใจของเขาล้วนเป็นเรื่องร้ายเสมอไป 6 พระเจ้าจึงเสียพระทัยที่ได้สร้างมนุษย์ไว้บนแผ่นดินและโทมนัส 7 พระเจ้าจึงตรัสว่า  "เราจะกวาดล้างมนุษย์ที่เราได้สร้างมานี้ไปเสียจากแผ่นดิน  ทั้งมนุษย์สัตว์กับบรรดาสัตว์เลื้อยคลานและนกในอากาศด้วย  เพราะว่าเราเสียใจที่ได้สร้างมา" 8 แต่โนอาห์เป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรพระเจ้า 9 ต่อไปนี้คือพงศ์พันธุ์ของโนอาห์  โนอาห์เป็นคนชอบธรรม  ดีพร้อมในสมัยของเขา  โนอาห์ดำเนินกับพระเจ้า 10 โนอาห์มีบุตรสามคน  ชื่อเชม  ฮาม  และยาเฟท 11 คนทั้งโลกเสื่อมทรามไปในสายพระเนตรของพระเจ้า  และแผ่นดินก็เต็มไปด้วยความทารุณ 12 พระเจ้าทอดพระเนตรแผ่นดินก็ทรงเห็นว่าเสื่อมทราม  เพราะบรรดามนุษย์ประพฤติตนเสื่อมทรามบนแผ่นดิน 13 พระเจ้าจึงตรัสแก่โนอาห์ว่า  "เราตัดสินใจแล้วว่า  จะให้บรรดามนุษย์ถึงความพินาศเสียที  ด้วยเหตุว่าโลกเต็มไปด้วยความทารุณเพราะการกระทำของมนุษย์  ดูเถิดเราจะทำลายพวกเขาพร้อมกับแผ่นดินโลก 14 เจ้าจงต่อนาวาด้วยไม้สนโกเฟอร์  แล้วทำเป็นห้องๆ  และยาชันทั้งข้างในข้างนอก 15 จงต่อนาวานั้นตามแบบนี้  คือยาวสามร้อยศอก  กว้างห้าสิบศอก  สูงสามสิบศอก 16 จงทำช่อง  {หรือ  หลังคา}  ข้างบนนาวาให้สูงศอกหนึ่ง  จงตั้งประตูนาวาที่ด้านข้าง  และทำดาดฟ้าชั้นล่าง  ชั้นที่สองและที่สาม 17 เพราะดูเถิด  เราเองจะเป็นผู้ทำให้น้ำท่วมแผ่นดิน  จะทำลายมนุษย์และสัตว์ที่มีลมปราณทั้งปวงใต้ฟ้า  ทุกสิ่งที่อยู่บนแผ่นดินจะตายสิ้น 18 แต่เราจะตั้งพันธสัญญาไว้กับเจ้า  ให้เจ้าเข้าอยู่ในนาวา  ทั้งบุตรภรรยาและบุตรสะใภ้ 19 จงนำบรรดาสัตว์ที่มีชีวิตทั้งตัวผู้และตัวเมียทุกชนิด  อย่างละคู่เข้าไปไว้ในนาวา  เพื่อให้มีชีวิตรอดอยู่กับเจ้า 20 นกตามชนิดของมัน  สัตว์ตามชนิดของมัน  สัตว์เลื้อยคลานบนแผ่นดินตามชนิดของมันทุกๆ  ชนิดอย่างละคู่ต้องไปกับเจ้า  เพื่อให้รอดชีวิตอยู่ได้ 21 เจ้าจงสะสมเสบียงอาหารไว้ทุกอย่าง  เป็นอาหารของเจ้าบ้างของสัตว์เหล่านั้นบ้าง" 22 พระเจ้าทรงบัญชาให้โนอาห์ทำอย่างไร  โนอาห์ก็ทำอย่างนั้นทุกประการ ปฐมกาล 7 1 แล้วพระเจ้าตรัสแก่โนอาห์ว่า  "เจ้าจงเข้าไปในนาวาหมดทั้งครัวเรือนของเจ้า  เพราะในชั่วอายุคนรุ่นนี้เราเห็นเจ้าเป็นผู้ชอบธรรม 2 จงเอาบรรดาสัตว์ที่สะอาดไปด้วยทุกชนิดอย่างละเจ็ดคู่ทั้งตัวผู้และตัวเมีย  และสัตว์ที่ไม่สะอาดอย่างละคู่ทั้งตัวผู้และตัวเมีย 3 นกในอากาศอย่างละเจ็ดคู่ทั้งตัวผู้และตัวเมีย  เพื่อจะช่วยชีวิตสัตว์ไว้ให้สืบพันธุ์ทั่วพื้นแผ่นดิน 4 เพราะว่าอีกเจ็ดวันเราจะทำให้ฝนตกบนแผ่นดินสี่สิบวันสี่สิบคืน  บรรดาสัตว์ที่มีชีวิตซึ่งเราสร้างมานั้น  เราจะทำลายล้างเสียจากพื้นแผ่นดิน" 5 โนอาห์ก็ทำตามที่พระเจ้าทรงบัญชาตนทุกประการ 6 เมื่อน้ำท่วมแผ่นดินนั้น  โนอาห์มีอายุได้หกร้อยปี 7 โนอาห์กับบุตรภรรยาและบุตรสะใภ้พากันเข้าไปในนาวานั้นเพื่อให้พ้นน้ำท่วม 8 สัตว์ประเภทไม่มลทินและประเภทมลทินกับนกและสัตว์ทุกชนิดที่เลื้อยคลานบนแผ่นดิน 9 ก็เข้าไปในนาวากับโนอาห์เป็นคู่ๆ  ทั้งตัวผู้และตัวเมีย  ดังที่พระเจ้าได้ทรงบัญชาโนอาห์ไว้ 10 ครั้นล่วงไปเจ็ดวัน  น้ำก็ท่วมแผ่นดิน 11 เมื่อโนอาห์มีอายุได้หกร้อยปีในเดือนที่สองวันที่สิบเจ็ดของเดือนนั้น  ในวันนั้นเองน้ำจากบาดาลก็พลุ่งขึ้นมาตามธารทุกสาย  และช่องฟ้าก็เปิด 12 ฝนตกบนแผ่นดินสี่สิบวันสี่สิบคืน 13 วันเดียวกันนั้นโนอาห์กับบุตรชื่อเชม  ฮาม  และยาเฟท  และภรรยาของตน  กับบุตรสะใภ้สามคนได้พากันเข้าไปในนาวา 14 คนเหล่านั้นกับบรรดาสัตว์ป่าตามชนิดของมัน  สัตว์ใช้งานทั้งปวง  ตามชนิดของมัน  และบรรดาสัตว์เลื้อยคลานบนแผ่นดินตามชนิดของมัน  และบรรดานกตามชนิดของมัน  คือนกทุกอย่าง 15 บรรดาสัตว์ที่มีลมปราณก็เข้าไปในนาวากับโนอาห์เป็นคู่ๆ 16 สัตว์ทั้งหลายที่เข้าไปนั้นมีทั้งตัวผู้และตัวเมียทุกอย่าง  ต่างเข้าไปตามที่พระเจ้าทรงบัญชา  แล้วพระเจ้าทรงปิดประตูนาวาเสีย 17 น้ำท่วมแผ่นดินตลอดสี่สิบวันน้ำทวีขึ้นหนุนนาวาให้สูงเหนือแผ่นดิน 18 น้ำทวีมากขึ้นบนแผ่นดิน  ส่วนนาวาก็ลอยขึ้นบนผิวน้ำ 19 น้ำยิ่งทวีมากขึ้นบนแผ่นดิน  ท่วมภูเขาสูงสุดที่อยู่ใต้ฟ้าทุกแห่งหมด 20 น้ำท่วมเหนือภูเขาเกินขึ้นไปอีกสิบห้าศอก 21 บรรดาสัตว์ที่เคลื่อนไหวบนแผ่นดิน  คือนก  สัตว์ใช้งาน  สัตว์ป่า  กับบรรดาฝูงสัตว์เล็กๆ  ที่อยู่บนแผ่นดิน  และมนุษย์ทั้งปวงก็ตายสิ้น 22 บรรดาสัตว์ที่มีลมหายใจเข้าออกทางจมูก  คือสัตว์ที่อาศัยอยู่บนบกก็ตายสิ้น 23 พระองค์ทรงทำลายล้างสัตว์ทั้งปวงที่มีชีวิตอยู่บนแผ่นดินตั้งแต่มนุษย์  สัตว์และสัตว์เลื้อยคลาน  ตลอดจนถึงนกในอากาศ  พวกเหล่านี้ถูกทำลายล้างเสียจากโลก  เหลืออยู่แต่โนอาห์และบรรดาผู้ที่อยู่กับเขาในนาวา 24 น้ำท่วมแผ่นดินอยู่ถึงหนึ่งร้อยห้าสิบวัน ปฐมกาล 8 1 พระเจ้าทรงระลึกถึงโนอาห์กับบรรดาสัตว์ป่า  และสัตว์ใช้งานที่อยู่กับโนอาห์ในนาวา  จึงทรงทำให้ลมพัดมาเหนือแผ่นดิน  น้ำก็ลดลง 2 ตาน้ำทั้งหลายของน้ำบาดาลและช่องฟ้าทั้งหมดก็ปิด  ฝนจากฟ้าก็หยุด 3 น้ำก็ลดลงจากแผ่นดินเรื่อยไป  เมื่อล่วงไปหนึ่งร้อยห้าสิบวันแล้วน้ำก็ลดลง 4 ณวันที่สิบเจ็ดของเดือนที่เจ็ด  นาวาก็ค้างอยู่บนเทือกเขาอารารัต 5 น้ำนั้นลดลงเรื่อยไปจนถึงเดือนที่สิบ  ในวันที่หนึ่งเดือนที่สิบ  ยอดภูเขาก็โผล่ขึ้นมา 6 เมื่อครบสี่สิบวันแล้ว  โนอาห์ก็เปิดหน้าต่างที่ทำไว้ในนาวา 7 ปล่อยกาไปตัวหนึ่ง  กาก็บินไปมาจนน้ำลดแห้งจากแผ่นดิน 8 โนอาห์ก็ปล่อยนกพิราบตัวหนึ่ง  เพราะอยากรู้ว่าน้ำลดลงหมดไปจากแผ่นดินแล้วหรือยัง 9 แต่นกพิราบนั้นไม่พบที่ที่จะจับอาศัยอยู่ได้  เพราะน้ำยังท่วมพื้นแผ่นดินอยู่  จึงบินกลับมาหาโนอาห์ที่นาวา  โนอาห์จึงยื่นมือออกไปจับนกพิราบนั้นเข้ามาไว้ด้วยกันในนาวา 10 โนอาห์คอยอยู่อีกเจ็ดวัน  จึงปล่อยนกพิราบไปจากนาวาอีก 11 ครั้นเวลาเย็นนกพิราบก็กลับมายังโนอาห์  และคาบใบมะกอกเทศเขียวสดมา  โนอาห์จึงรู้ว่าน้ำลดจากแผ่นดินแล้ว 12 โนอาห์คอยอยู่อีกเจ็ดวันจึงปล่อยนกพิราบไป  นกนั้นไม่กลับมาหาโนอาห์อีกเลย 13 เมื่อถึงวันที่หนึ่งของเดือนที่หนึ่ง  ปีที่หกร้อยเอ็ด  น้ำก็แห้งจากแผ่นดิน  โนอาห์เปิดหลังคาที่ปิดนาวาแลดูเห็นว่าพื้นดินแห้ง 14 ครั้นถึงวันที่ยี่สิบเจ็ดเดือนที่สองแผ่นดินก็แห้งแล้ว 15 พระเจ้าตรัสแก่โนอาห์ว่า 16 "เจ้าจงออกไปจากนาวาเถิด  ทั้งภรรยาของเจ้าบุตรชายของเจ้า  และบุตรสะใภ้ของเจ้าด้วย 17 จงพาสรรพสัตว์ที่มีชีวิต  ที่อยู่กับเจ้าทุกชนิด  คือนก  สัตว์และสัตว์เลื้อยคลานให้ออกมา  เพื่อจะได้เกิดพืชพันธุ์มากมายทวีขึ้นบนแผ่นดิน" 18 โนอาห์ก็ออกไปพร้อมกับบุตรภรรยาและบุตรสะใภ้ 19 บรรดาสัตว์ที่มีชีวิตและทุกสิ่งที่เลื้อยคลาน  กับบรรดานกและสัตว์ที่เคลื่อนไหวไปมาบนแผ่นดินก็ออกไปจากนาวาตามพันธุ์ของมัน 20 โนอาห์สร้างแท่นบูชาพระเจ้าและเลือกเอาสัตว์และนกประเภทไม่มลทินบางตัวมาเผาบูชาถวายที่แท่นนั้น 21 พระเจ้าทรงได้กลิ่นที่พอพระทัยแล้ว  ทรงดำริในพระทัยว่า  "เราจะไม่สาปแผ่นดินอีกต่อไป  แม้ว่ามนุษย์ไม่ดี  ถึงเค้าความคิดในใจของมนุษย์ล้วนแต่ชั่วตั้งแต่เด็กมา  เราจะไม่ประหารสิ่งทั้งหลายที่มีชีวิตเหมือนอย่างที่เราได้กระทำแล้วนั้นอีก 22 โลกยังดำรงอยู่ตราบใด  จะมีฤดูหว่านกับฤดูเกี่ยว  เวลาเย็นกับเวลาร้อน  ฤดูร้อนกับฤดูหนาว  และมีวันและคืนเรื่อยไปตราบนั้น" จากคุณ : ksk - [ 18 เม.ย. 50 11:08:24 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ยามหิว สัตว์มันไม่เลือกกินมากหรอกครับ พระเจ้าบอกว่าให้เริ่มรวบรวมสัตว์ตั้งแต่ตอนเริ่มต่อเรือแล้วครับ (ไม่ใช่แค่เจ็ดวันตอนก่อนน้ำจะท่วมนะ) จากคุณ : PureTruth **************************************** แสดงว่าคุณไม่เคยเลี้ยงหรือศึกษาเกี่ยวกับพวกสัตว์ป่านะสิ ถึงได้คิดว่ายามหิว สัตว์มันไม่เลือกกินมาก การอดอาหารตายเป็นสาเหตุหลักสาเหตุหนึ่งชองสาเหตุการตายในธรรมชาติเลยนะครับ ทั้ง ๆ ที่อาหารก็ไม่ได้ขาดแคลนด้วย แล้วถ้าอย่างตัวกินมดนี่โนอาห์จะให้อะไรกินล่ะครับ ในเมื่อเอาสัตว์ไปได้อย่างละคู่ มากสุด 7 คุ่ งูจงอางจะกินงูชนิดไหนอีก กิ้งก่าจะกินแมลงอย่างไร ฯลฯ ปฐมกาล 6 14 เจ้าจงต่อนาวาด้วยไม้สนโกเฟอร์  แล้วทำเป็นห้องๆ  และยาชันทั้งข้างในข้างนอก 15 จงต่อนาวานั้นตามแบบนี้  คือยาวสามร้อยศอก  กว้างห้าสิบศอก  สูงสามสิบศอก 16 จงทำช่อง  {หรือ  หลังคา}  ข้างบนนาวาให้สูงศอกหนึ่ง  จงตั้งประตูนาวาที่ด้านข้าง  และทำดาดฟ้าชั้นล่าง  ชั้นที่สองและที่สาม 17 เพราะดูเถิด  เราเองจะเป็นผู้ทำให้น้ำท่วมแผ่นดิน  จะทำลายมนุษย์และสัตว์ที่มีลมปราณทั้งปวงใต้ฟ้า  ทุกสิ่งที่อยู่บนแผ่นดินจะตายสิ้น 18 แต่เราจะตั้งพันธสัญญาไว้กับเจ้า  ให้เจ้าเข้าอยู่ในนาวา  ทั้งบุตรภรรยาและบุตรสะใภ้ 19 จงนำบรรดาสัตว์ที่มีชีวิตทั้งตัวผู้และตัวเมียทุกชนิด  อย่างละคู่เข้าไปไว้ในนาวา  เพื่อให้มีชีวิตรอดอยู่กับเจ้า 20 นกตามชนิดของมัน  สัตว์ตามชนิดของมัน  สัตว์เลื้อยคลานบนแผ่นดินตามชนิดของมันทุกๆ  ชนิดอย่างละคู่ต้องไปกับเจ้า  เพื่อให้รอดชีวิตอยู่ได้ 21 เจ้าจงสะสมเสบียงอาหารไว้ทุกอย่าง  เป็นอาหารของเจ้าบ้างของสัตว์เหล่านั้นบ้าง" 22 พระเจ้าทรงบัญชาให้โนอาห์ทำอย่างไร  โนอาห์ก็ทำอย่างนั้นทุกประการ ปฐมกาล 7 1 แล้วพระเจ้าตรัสแก่โนอาห์ว่า  "เจ้าจงเข้าไปในนาวาหมดทั้งครัวเรือนของเจ้า  เพราะในชั่วอายุคนรุ่นนี้เราเห็นเจ้าเป็นผู้ชอบธรรม 2 จงเอาบรรดาสัตว์ที่สะอาดไปด้วยทุกชนิดอย่างละเจ็ดคู่ทั้งตัวผู้และตัวเมีย  และสัตว์ที่ไม่สะอาดอย่างละคู่ทั้งตัวผู้และตัวเมีย 3 นกในอากาศอย่างละเจ็ดคู่ทั้งตัวผู้และตัวเมีย  เพื่อจะช่วยชีวิตสัตว์ไว้ให้สืบพันธุ์ทั่วพื้นแผ่นดิน 4 เพราะว่าอีกเจ็ดวันเราจะทำให้ฝนตกบนแผ่นดินสี่สิบวันสี่สิบคืน  บรรดาสัตว์ที่มีชีวิตซึ่งเราสร้างมานั้น  เราจะทำลายล้างเสียจากพื้นแผ่นดิน" 5 โนอาห์ก็ทำตามที่พระเจ้าทรงบัญชาตนทุกประการ ตอนแรกบอกว่าอย่างละคู่ พอต่อเรือเสร็จต้องหาสัตว์บางชนิดเพิ่มอีกอย่างละ 6 คู่ แล้วจะบอกว่าไม่ได้รวบรวมสัตว์ก่อนน้ำท่วม 7 วันได้อย่างไร แล้วกรณีปล่อยสัตว์ไปแล้ว สัตว์กินพืชจะกินอะไร ในเมื่อต้นไม้มันก็ตายเนื่องจากน้ำท่วม แล้วสัตว์กินเนื้ออีก สัตว์กินพืชแต่ละชนิดยิ่งมีน้อย ๆ พอโดนสัตว์กินเนื้อล่าไปกินอีกนี่ถึงสูญพันธุ์เลยนะเนี่ย กรณีมีคู่เดียว โดนล่าไป 1 ตัว ก็รอการสูญพันธุ์ แล้วถ้าเป็นสัตว์ที่ยังเล็กอยู่ บางชนิดยังหาอาหารไม่เป็น ก็รอความตายอีก แล้วอีกอย่าง น้ำที่ท่วมนะมันน้ำจืดหรือน้ำเค็ม งานนี้พวกสัตว์น้ำได้ตายกันบ้างล่ะ แล้วกรณีที่ใส่สัตว์ไปคู่เดียว ถ้าเป็นสัตว์ประเภท polygamy ก็อาจมีปัญหาน้อย แต่ถ้าเป็นประเภท monogamy ล่ะ ปัญหาเกิดเลย ยิ่งเป็นชนิดที่มีความจำเพาะในการเลือกคู่สูงอีก เกิดมันไม่เลือกตัวที่ใส่ไปในเริอล่ะ สูญพันธุ์เลยนะนั่น ยังไม่คิดกรณีที่ปล่อยสัตว์ชนิดนั้นไปแล้ว เกิดแยกย้ายไม่เจอกันก็สูญพันธุ์อยู่ดี จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมถึงถ้ากรณีมีจำนวนน้อยถึงได้สูญพันธุ์ จากคุณ : silverspider - [ 18 เม.ย. 50 17:53:49 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ^ ^ อ่านดูดีๆใจเย็นๆก็จะเห็นนะครับว่า ไบเบิ้ลเขียนไว้ด้วยว่าให้สะสมเสบียงอาหารสำหรับคนและสัตว์ด้วย ซึ่งส่วนของเสบียงอาหารนี้อาจจะเป็นสัตว์ชนิดต่างๆและหลายๆตัวก็ได้ครับ ดังนั้น ตัวกินมด งูจงอาง ฯลฯ มีอาหารกินได้เพียงพอครับ Q. ตอนแรกบอกว่าอย่างละคู่ พอต่อเรือเสร็จต้องหาสัตว์บางชนิดเพิ่มอีกอย่างละ 6 คู่ แล้วจะบอกว่าไม่ได้รวบรวมสัตว์ก่อนน้ำท่วม 7 วันได้อย่างไร Answer  สัตว์ชนิดที่ต้องหาเพิ่มอีก 6 คู่ เป็นสัตว์ที่พบได้ในท้องที่นั้นอยู่แล้วครับ ดังนั้น มีเวลาตั้ง 7 วัน หาเพิ่มได้ครบแน่นอนครับ Q. แล้วกรณีปล่อยสัตว์ไปแล้ว สัตว์กินพืชจะกินอะไร ในเมื่อต้นไม้มันก็ตายเนื่องจากน้ำท่วม แล้วสัตว์กินเนื้ออีก สัตว์กินพืชแต่ละชนิดยิ่งมีน้อย ๆ พอโดนสัตว์กินเนื้อล่าไปกินอีกนี่ถึงสูญพันธุ์เลยนะเนี่ย กรณีมีคู่เดียว โดนล่าไป 1 ตัว ก็รอการสูญพันธุ์ แล้วถ้าเป็นสัตว์ที่ยังเล็กอยู่ บางชนิดยังหาอาหารไม่เป็น ก็รอความตายอีก Answer หลังน้ำลด ก็จะเริ่มมีพืชต่างๆเจริญเติบโตขึ้นมาบนแผ่นดินอีกครั้ง ด้วยเมล็ดพืชต่างๆที่หลงเหลืออยู่ และโนอาห์ก็ได้รอจนกว่าพืชต่างๆเติบโตขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว จึงนำสัตว์ออกจากเรือ ดังนั้น สัตว์กินพืชจึงมีอาหารกินครับ ส่วนสัตว์กินเนื้อ โนอาห์คงค่อยๆทยอยปล่อยออกมาแหละครับ คงไม่ติงต๊องปล่อยออกมารวมกันหรอก :)  ส่วนสัตว์ตัวเล็ก ก็เลือกเอาตัวที่มันพอจะหาอาหารกินได้แล้วสิครับ จะได้ไม่มีปัญหา สัตว์น้ำก็อาจจะมีตายไปบ้างอย่างที่คุณว่า Q.แล้วกรณีที่ใส่สัตว์ไปคู่เดียว ถ้าเป็นสัตว์ประเภท polygamy ก็อาจมีปัญหาน้อย แต่ถ้าเป็นประเภท monogamy ล่ะ ปัญหาเกิดเลย ยิ่งเป็นชนิดที่มีความจำเพาะในการเลือกคู่สูงอีก เกิดมันไม่เลือกตัวที่ใส่ไปในเริอล่ะ สูญพันธุ์เลยนะนั่น ยังไม่คิดกรณีที่ปล่อยสัตว์ชนิดนั้นไปแล้ว เกิดแยกย้ายไม่เจอกันก็สูญพันธุ์อยู่ดี จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมถึงถ้ากรณีมีจำนวนน้อยถึงได้สูญพันธุ์ Answer อันนี้เป็นเรื่องของโอกาสความน่าจะเป็น ซึ่งมีทั้งโอกาสที่จะเป็นตามอย่างที่คุณว่า "และก็มีโอกาสที่สัตว์แต่ละชนิดนั้นๆจะอยู่รอดด้วยเช่นเดียวกันครับ" จากคุณ : PureTruth - [ 19 เม.ย. 50 00:54:59 ]

ความคิดเห็นที่ 52 อ่านดูดีๆใจเย็นๆก็จะเห็นนะครับว่า ไบเบิ้ลเขียนไว้ด้วยว่าให้สะสมเสบียงอาหารสำหรับคนและสัตว์ด้วย ซึ่งส่วนของเสบียงอาหารนี้อาจจะเป็นสัตว์ชนิดต่างๆและหลายๆตัวก็ได้ครับ ดังนั้น ตัวกินมด งูจงอาง ฯลฯ มีอาหารกินได้เพียงพอครับ ***************************************** พระเจ้าบอกให้นำสัตว์ขึ้นไปอย่างละคู่ ต่อมาบอกให้เพิ่มบางชนิดเป็น 7 คู่ โนอาห์เอาไปเกินก็ขัดคำสั่งพระเจ้านะสิ แถมพวกนี้กินตัวเป็น ๆ นะครับ อย่างลืมสิครับ สัตว์ป่าไม่ใช่สัตว์เลี้ยง สัตว์ชนิดที่ต้องหาเพิ่มอีก 6 คู่ เป็นสัตว์ที่พบได้ในท้องที่นั้นอยู่แล้วครับ ดังนั้น มีเวลาตั้ง 7 วัน หาเพิ่มได้ครบแน่นอนครับ **************************************** 3 นกในอากาศอย่างละเจ็ดคู่ทั้งตัวผู้และตัวเมีย  เพื่อจะช่วยชีวิตสัตว์ไว้ให้สืบพันธุ์ทั่วพื้นแผ่นดิน >>>>>>นกขั้วโลกเหนือ นกขั้วโลกใต้ นกในอเมริกา เป็นนกในท้องถิ่น? แล้วสัตว์สะอาดนะมีอะไรบ้าง หลังน้ำลด ก็จะเริ่มมีพืชต่างๆเจริญเติบโตขึ้นมาบนแผ่นดินอีกครั้ง ด้วยเมล็ดพืชต่างๆที่หลงเหลืออยู่ และโนอาห์ก็ได้รอจนกว่าพืชต่างๆเติบโตขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว จึงนำสัตว์ออกจากเรือ ดังนั้น สัตว์กินพืชจึงมีอาหารกินครับ ส่วนสัตว์กินเนื้อ โนอาห์คงค่อยๆทยอยปล่อยออกมาแหละครับ คงไม่ติงต๊องปล่อยออกมารวมกันหรอก :)  ส่วนสัตว์ตัวเล็ก ก็เลือกเอาตัวที่มันพอจะหาอาหารกินได้แล้วสิครับ จะได้ไม่มีปัญหา **************************************** สัตว์บางชนิดไม่ได้กินหญ้านะครับ แต่กินยอดไม้ ผลไม้ แล้ว 17 จงพาสรรพสัตว์ที่มีชีวิต  ที่อยู่กับเจ้าทุกชนิด  คือนก  สัตว์และสัตว์เลื้อยคลานให้ออกมา  เพื่อจะได้เกิดพืชพันธุ์มากมายทวีขึ้นบนแผ่นดิน ***ก็ไม่ได้บอกว่าทยอยปล่อยนี่นา สัตว์น้ำก็อาจจะมีตายไปบ้างอย่างที่คุณว่า *********************************** ไม่บ้างหรอกครับ เยอะเลยล่ะครับขึ้นอยู่ว่าน้ำที่ท่วมนั้นเป็นน้ำอะไร แล้วน้ำที่ท่วมนั้นหายไปไหน ต่อให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายหมดก็ท่วมไม่มิดเทือกเขาหิมาลัยอยู่ดี อันนี้เป็นเรื่องของโอกาสความน่าจะเป็น ซึ่งมีทั้งโอกาสที่จะเป็นตามอย่างที่คุณว่า "และก็มีโอกาสที่สัตว์แต่ละชนิดนั้นๆจะอยู่รอดด้วยเช่นเดียวกันครับ" *************************************** หลายอย่างในธรรมชาติมันก็ความน่าจะเป็นหมดแหละครับ แต่กรณีนี้มันก็ไม่น้อยนะครับ คุณลองทำงานเกี่ยวกับสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ดูสิครับ หรือถ้าไม่อยากทำลองดูกรณีหมีแพนด้าเอาละกัน ขนาดเลี้ยงในสภาพกรงเลี้ยงให้ให้ลุกยาก ถ้าเป็นในธรรมชาติยากกว่านี้หลายเท่านะครับ จากคุณ : silverspider - [ 19 เม.ย. 50 01:57:21 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เรียนคุณ silverspider ในเรื่องของการพยายามรวบรวมสัตว์นั้น ก็มีหลายๆทฤษฎีที่อธิบายเรื่องนี้นะครับ ทฤษฎีหนึ่งที่ผมยอมรับได้คือ โนอาห์และลูกๆไม่ได้ออกไปวิ่งไล่จับสัตว์เหล่านั้นเอง แต่พระเจ้าเป็นผู้ดำเนินการ อาจจะโดยใช้ประโยชน์จาก สัญชาตญานของสัตว์ที่รับรู้ภัยพิบัติล่วงหน้า ทำให้อพยพกันมาเอง ซึ่งตรงนี้ ผมคิดว่าถ้าจะยอมรับได้หรือไม่ได้ คงต้องขึ้นอยู่กับว่า ยอมรับในการมีอยู่ของพระเจ้าและ ฤทธานุภาพของพระเจ้าที่จะกระทำสิ่งเหล่านี้(ซึ่งก็ไม่ได้ ผิดไปจากระบบของธรรมชาติ) ส่วนที่ว่า สัตว์มันจะกินอะไร กินกันเองหรือเปล่า ก็มีคำอธิบายได้ จากตัวอย่างที่หลายคนคงจะเคยพบ เหตุการณ์น้ำท่วมธรรมดา ที่งูเงี้ยว ตะขาบ หนู แมลงสาป นก ฯลฯ ทั้งหมดเกาะอยู่บนต้นไม้ต้นเดียวกัน โดยที่งูก็ไม่ได้ไปไล่กินหนูกินนก เพราะในสภาวะอย่างนั้น สัตว์จะมีพฤติกรรม(ที่ผมก็อธิบายไม่ถูก) เหมือนกับว่าต่างตัวต่างรู้ว่าอยู่ในอันตราย ก็เลยงดการกินตามปกติไป ประมาณนั้น ส่วนถ้าจะคาดคั้นอะไรมากมายในรายละเอียด ผมตอบได้ว่า เรารู้เท่าที่พระคัมภีร์บอก และอธิบายได้เท่าที่เรามีปัญญา ส่วนที่เกินจากนั้น คงต้องอาศัยความเชื่อ และการยอมรับในพระเจ้า (ซึ่งต่างกับความงมงาย ตัวอย่างเช่น ผมไม่รู้หรอกว่าหมอทำคลอดมีวิธีทำยังไงบ้าง แต่ผมยอมรับว่าหมอทำได้ เพราะผมเห็นผลงานมาแล้ว) ที่จะต้องเกิดจากประสพกาณณ์ส่วนตัวของแต่ละคนเอง จากคุณ : ksk - [ 19 เม.ย. 50 10:26:19 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ตัวอย่างของสัตว์สะอาด และสัตว์มลทิน ตามบัญญัติของยิว เฉลยธรรมบัญญัติ 14 1 "ท่านทั้งหลายเป็นบุตรของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน  ท่านอย่าเชือดเนื้อตัวเอง  หรือกระทำหน้าผากให้โล้นเพื่อคนตาย 2 เพราะท่านทั้งหลายเป็นชนชาติบริสุทธิ์แด่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน  และพระเยโฮวาห์ทรงเลือกจากประชาชาติทั้งหลายที่อยู่บนพื้นโลก  ให้เป็นชนชาติในกรรมสิทธิ์ของพระองค์ 3 "ท่านทั้งหลายอย่ารับประทานสิ่งพึงน่ารังเกียจ 4 สัตว์ที่รับประทานได้มีดังต่อไปนี้  คือ  วัว  แกะ  แพะ 5 กวาง  ละมั่ง  อีเก้ง  แพะป่า  สมัน  โครำขาวและแกะป่า 6 ท่านรับประทานสัตว์ทุกชนิดที่แยกกีบและกีบผ่าออกเป็นสองและเคี้ยวเอื้องนั้นได้ 7 แต่ในจำพวกสัตว์ทั้งหลายที่เคี้ยวเอื้อง  หรือมีกีบผ่าท่านอย่ารับประทานสัตว์ต่อไปนี้  คือ  อูฐ  กระต่าย  ตัวกระจงผา  เพราะว่าสัตว์เหล่านี้เคี้ยวเอื้องแต่กีบไม่ผ่า  จึงเป็นสัตว์มลทินแก่ท่าน 8 และหมูด้วยเพราะหมูมีกีบผ่าแต่ไม่เคี้ยวเอื้อง  จึงเป็นสัตว์มลทินแก่ท่าน  ท่านอย่ารับประทานเนื้อของมัน  และซากของมันท่านก็อย่าแตะต้อง 9 "ในบรรดาสัตว์น้ำทั้งสิ้น  ท่านรับประทานสัตว์เหล่านี้ได้คือ  สัตว์ใดๆที่มีครีบและเกล็ด  ท่านรับประทานได้ 10 แต่สัตว์ใดๆที่ไม่มีครีบและเกล็ดท่านอย่ารับประทาน  เป็นสัตว์มลทินแก่ท่าน 11 "นกสะอาดทุกชนิดท่านรับประทานได้ 12 แต่นกเหล่านี้ท่านอย่ารับประทานคือ  นกอินทรี  นกแร้งหนวดแพะ  นกออก 13 นกเหยี่ยวหางยาว  นกเหยี่ยวดำ  ตามชนิดของมัน 14 นกแกตามชนิดของมัน 15 นกกระจอกเทศ  นกเค้าโมง  นกนางนวล  เหยี่ยวนกเขาตามชนิดของมัน 16 นกเค้าแมวเล็ก  นกทึดทือ  นกอีโก้ง 17 นกกระทุง  แร้ง  และนกอ้ายงั่ว 18 นกกระสาดำ  นกกระสา  ตามชนิดของมัน  นกหัวขวานและค้างคาว 19 แมลงมีปีกทุกชนิดเป็นสัตว์มลทินแก่ท่าน  อย่ารับประทานเลย 20 สัตว์มีปีกที่สะอาดทุกชนิดท่านรับประทานได้ 21 "ท่านอย่ารับประทานสัตว์ชนิดใดที่ตายเอง  ท่านจะให้แก่คนต่างด้าวที่อยู่ภายในเมืองของท่านรับประทานก็ได้  หรือท่านจะขายให้แก่คนต่างประเทศก็ได้  เพราะว่าท่านเป็นชนชาติที่บริสุทธิ์แด่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลาย  "ท่านอย่าต้มลูกแพะด้วยน้ำนมแม่ของมันเลย จากคุณ : ksk - [ 19 เม.ย. 50 10:28:50 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ตอบ #52 Q. พระเจ้าบอกให้นำสัตว์ขึ้นไปอย่างละคู่ ต่อมาบอกให้เพิ่มบางชนิดเป็น 7 คู่ โนอาห์เอาไปเกินก็ขัดคำสั่งพระเจ้านะสิ Answer  ไม่เป็นการขัดคำสั่ง เพราะส่วนที่เกินมาจัดอยู่ในส่วนของเสบียงอาหารครับ Q. นกขั้วโลกเหนือ นกขั้วโลกใต้ นกในอเมริกา เป็นนกในท้องถิ่น? แล้วสัตว์สะอาดนะมีอะไรบ้าง Answer. ในกรณีของนก พระเจ้าคงต้องมีส่วนในการทำให้นกชนิดต่างๆ บินอพยพหนีมาหาเรือโนอาห์เอง เพราะคงไม่มีทางที่โนอาห์จะสามารถรวบรวมบรรดานกต่างๆได้ด้วยตัวเอง ส่วนสัตว์สะอาดนั้นมีรายละเอียดอยู่ในไบเบิ้ลแล้วครับ Q. ***ก็ไม่ได้บอกว่าทยอยปล่อยนี่นา Answer.  ถ้าดูแล้วทยอยปล่อยจะดีกว่า ก็ทำได้ครับ เพราะไม่ได้มีห้ามไว้ Q. ไม่บ้างหรอกครับ เยอะเลยล่ะครับ (สัตว์น้ำที่ตาย) Answer. จะถือว่าเยอะก็คงได้ครับ ไม่ขัดข้องอะไร Q. ลองดูกรณีหมีแพนด้าเอาละกัน ขนาดเลี้ยงในสภาพกรงเลี้ยงให้ให้ลุกยาก ถ้าเป็นในธรรมชาติยากกว่านี้หลายเท่านะครับ Answer. จะเห็นได้ว่า คุณบอกว่ายากๆๆ แล้วในความเป็นจริง มันอยู่ในธรรมชาติมันก็สืบพันธุ์กันได้เอง โดยที่ไม่ต้องไปเปิดหนังโป๊ให้มันดู  ^^ แก้ไขเมื่อ 19 เม.ย. 50 12:32:36 จากคุณ : PureTruth - [ 19 เม.ย. 50 10:33:45 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ไม่เป็นการขัดคำสั่ง เพราะส่วนที่เกินมาจัดอยู่ในส่วนของเสบียงอาหารครับ ************************************** ในเมื่อบอกว่า ปฐก 6:19 จงนำบรรดาสัตว์ที่มีชีวิตทั้งตัวผู้และตัวเมียทุกชนิด  อย่างละคู่เข้าไปไว้ในนาวา  เพื่อให้มีชีวิตรอดอยู่กับเจ้า ถ้าเอาไปเป็นส่วนเสบียงอีกมันก็เกินอย่างละคู่แล้วนะครับ คิดง่าย ๆ นะครับ มีสัตว์ชนิดนั้น 1 คู่ ใส่เพิ่มไปอีก 1 คู่ รวมมีสัตว์ชนิดนั้น 1 หรือ 2 คู่ ล่ะครับ อีกอย่างเนื้อที่ในเรือจำกัดนะครับ ไม่ใช่นึกจะยัดใส่ก็ยัดไป สัตว์ทุกชนิดต้องกินอาหารนะครับ แม้ว่าสัตว์นั้นจะเป็นอาหารของสัตว์ชนิดนั้นก็ตาม ถ้าดูแล้วทยอยปล่อยจะดีกว่า ก็ทำได้ครับ เพราะไม่ได้มีห้ามไว้ ************************************* ถึงทยอยปล่อย ยังไงสัตว์กินเนื้อก็กินสัตว์กินพืชอยู่ดี ลองคิดดูก็ได้ครับ สัตวืกินพืชมีอัตราเกิดเท่าไหร่ต่อปี สัตว์กินเนื้อต้องฆ่าสัตวือื่นเป็นอาหารเท่าไหร่ต่อปี จะถือว่าเยอะก็คงได้ครับ ไม่ขัดข้องอะไร ***************************** ถ้าน้ำที่ท่วมนั้นเป็นน้ำจืด งั้นปลาทะเลที่ไม่ใช่ปลาสองน้ำ รวมทั้งสัตว์ทะเลต่าง ๆ ก็ตายไป แล้วปัจจุบันมาจากไหนล่ะ ในเมื่อกลายพันธุ์ข้ามสกุลไม่ได้ จะเห็นได้ว่า คุณบอกว่ายากๆๆ แล้วในความเป็นจริง มันอยู่ในธรรมชาติมันก็สืบพันธุ์กันได้เอง โดยที่ไม่ต้องไปเปิดหนังโป๊ให้มันดู  ^^ **************************************** ลืมอะไรไปรึเปล่าครับ ในธรรมชาติมันก็สืบพันธุ์กันได้เอง ในกรงเลี้ยงก็เช่นกันก็สามารถสืบพันธุ์ได้เอง แล้วโอกาสที่แพนด้า 2 ตัวในธรรมชาติเจอกันเท่าไหร่ ในกรงเลี้ยงเจอกันเท่าไหร่ แล้วโอกาสที่เจอกันตอนที่ตัวเมียพร้อมสืบพันธุ์เท่าไหร่  ความเป็นจริงนะครับไม่ใช่เรื่องแต่ง ที่จะแต่งให้มันจัยคู่แล้วได้ลูกเลย ถ้าในธรรมชาติมีแค่ 2 ตัวแล้ว จะมีอัตราการเกิดเท่าไหร่ของประชากรนั้น แล้วมีอัตราการตายเท่าไหร่ ถ้าบอกว่าแค่คู่เดียวก็เหลือเฟือในการขยายพันธุ์ ก็คงไม่ต้องมีการจัดสถานภาพสิ่งมีชิวิตแล้วกระมังครับ จากคุณ : silverspider - [ 19 เม.ย. 50 11:15:52 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ตัวอย่างของสัตว์สะอาด และสัตว์มลทิน ตามบัญญัติของยิว เฉลยธรรมบัญญัติ 14 1 "ท่านทั้งหลายเป็นบุตรของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน  ท่านอย่าเชือดเนื้อตัวเอง  หรือกระทำหน้าผากให้โล้นเพื่อคนตาย 2 เพราะท่านทั้งหลายเป็นชนชาติบริสุทธิ์แด่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน  และพระเยโฮวาห์ทรงเลือกจากประชาชาติทั้งหลายที่อยู่บนพื้นโลก  ให้เป็นชนชาติในกรรมสิทธิ์ของพระองค์ 3 "ท่านทั้งหลายอย่ารับประทานสิ่งพึงน่ารังเกียจ 4 สัตว์ที่รับประทานได้มีดังต่อไปนี้  คือ  วัว  แกะ  แพะ 5 กวาง  ละมั่ง  อีเก้ง  แพะป่า  สมัน  โครำขาวและแกะป่า 6 ท่านรับประทานสัตว์ทุกชนิดที่แยกกีบและกีบผ่าออกเป็นสองและเคี้ยวเอื้องนั้นได้ 7 แต่ในจำพวกสัตว์ทั้งหลายที่เคี้ยวเอื้อง  หรือมีกีบผ่าท่านอย่ารับประทานสัตว์ต่อไปนี้  คือ  อูฐ  กระต่าย  ตัวกระจงผา  เพราะว่าสัตว์เหล่านี้เคี้ยวเอื้องแต่กีบไม่ผ่า  จึงเป็นสัตว์มลทินแก่ท่าน 8 และหมูด้วยเพราะหมูมีกีบผ่าแต่ไม่เคี้ยวเอื้อง  จึงเป็นสัตว์มลทินแก่ท่าน  ท่านอย่ารับประทานเนื้อของมัน  และซากของมันท่านก็อย่าแตะต้อง 9 "ในบรรดาสัตว์น้ำทั้งสิ้น  ท่านรับประทานสัตว์เหล่านี้ได้คือ  สัตว์ใดๆที่มีครีบและเกล็ด  ท่านรับประทานได้ 10 แต่สัตว์ใดๆที่ไม่มีครีบและเกล็ดท่านอย่ารับประทาน  เป็นสัตว์มลทินแก่ท่าน 11 "นกสะอาดทุกชนิดท่านรับประทานได้ 12 แต่นกเหล่านี้ท่านอย่ารับประทานคือ  นกอินทรี  นกแร้งหนวดแพะ  นกออก 13 นกเหยี่ยวหางยาว  นกเหยี่ยวดำ  ตามชนิดของมัน 14 นกแกตามชนิดของมัน 15 นกกระจอกเทศ  นกเค้าโมง  นกนางนวล  เหยี่ยวนกเขาตามชนิดของมัน 16 นกเค้าแมวเล็ก  นกทึดทือ  นกอีโก้ง 17 นกกระทุง  แร้ง  และนกอ้ายงั่ว 18 นกกระสาดำ  นกกระสา  ตามชนิดของมัน  นกหัวขวานและค้างคาว 19 แมลงมีปีกทุกชนิดเป็นสัตว์มลทินแก่ท่าน  อย่ารับประทานเลย 20 สัตว์มีปีกที่สะอาดทุกชนิดท่านรับประทานได้ 21 "ท่านอย่ารับประทานสัตว์ชนิดใดที่ตายเอง  ท่านจะให้แก่คนต่างด้าวที่อยู่ภายในเมืองของท่านรับประทานก็ได้  หรือท่านจะขายให้แก่คนต่างประเทศก็ได้  เพราะว่าท่านเป็นชนชาติที่บริสุทธิ์แด่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลาย  "ท่านอย่าต้มลูกแพะด้วยน้ำนมแม่ของมันเลย จากคุณ : ksk ************************************** ขอบคุณครับ ว่าแต่กระต่ายเป็นมีกีบ?  ค้างคาวเป็นนก? จากคุณ : silverspider - [ 19 เม.ย. 50 11:21:32 ]

ความคิดเห็นที่ 58 แล้วสมัยโนอาห์หรือสมัยที่เขียนคัมภีร์ขึ้นมานี่ ตอนนั้นเชื่อว่าโลกกลมหรือแบน แล้วตอนนั้นรุ้จักทวีปอเมริกา ออสเตรเลีย แอนตาร์กติกา รึยัง จากคุณ : silverspider - [ 19 เม.ย. 50 11:51:19 ]

ความคิดเห็นที่ 59 Q. ถ้าเอาไปเป็นส่วนเสบียงอีกมันก็เกินอย่างละคู่แล้วนะครับ A. ลองคิดดูว่าถ้าคุณได้รับคำสั่งมาอย่างนี้ และต้องทำภารกิจให้สำเร็จ คุณจะนำสัตว์ต่างๆ เพิ่มเติมเข้ามาแล้วถือว่าเป็นส่วนของเสบียง หรือว่าคุณจะปล่อยให้สัตว์ไม่มีอะไรกิน สัตว์ก็จะตาย แล้วภารกิจของคุณก็จะไม่สำเร็จ   เรือมีขนาดใหญ่มากนะครับ พอที่จะตุนเสบียงได้เยอะอยู่ Q. ถึงทยอยปล่อย ยังไงสัตว์กินเนื้อก็กินสัตว์กินพืชอยู่ดี ลองคิดดูก็ได้ครับ สัตวืกินพืชมีอัตราเกิดเท่าไหร่ต่อปี สัตว์กินเนื้อต้องฆ่าสัตวือื่นเป็นอาหารเท่าไหร่ต่อปี A. สัตว์กินพืชมันผสมพันธุ์กันได้ตั้งแต่อยู่บนเรือหรือไม่ก็ก่อนที่จะอยู่บนเรือแล้วครับ ดังนั้น พอออกจากเรือมันก็มีลูกออกมาได้เลย หลังจากนั้นซักพัก ค่อยปล่อยสัตว์กินเนื้อออกมาครับ Q. ถ้าน้ำที่ท่วมนั้นเป็นน้ำจืด งั้นปลาทะเลที่ไม่ใช่ปลาสองน้ำ รวมทั้งสัตว์ทะเลต่าง ๆ ก็ตายไป แล้วปัจจุบันมาจากไหนล่ะ ในเมื่อกลายพันธุ์ข้ามสกุลไม่ได้ Answer. ยังไม่รู้แน่ชัดว่าน้ำที่ท่วมนั้น มีลักษณะส่วนประกอบของน้ำเป็นอย่างไร จึงยังสรุปไม่ได้ว่าสัตว์ทะเลจะต้องตาย Q. ถ้าบอกว่าแค่คู่เดียวก็เหลือเฟือในการขยายพันธุ์ ก็คงไม่ต้องมีการจัดสถานภาพสิ่งมีชิวิตแล้วกระมังครับ Answer. ไม่ได้บอกว่าเหลือเฟือครับ แต่ก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องสูญพันธุ์ 100% จากคุณ : PureTruth - [ 19 เม.ย. 50 12:30:41 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ตอบ #57, #58 Q. ว่าแต่กระต่ายเป็นมีกีบ?  ค้างคาวเป็นนก? Answer. ผมคิดว่าเรื่องนี้ต้องไปศึกษาคำศัพท์ในภาษาเดิมของไบเบิ้ลดูนะครับ เพราะคำศัพท์ในแต่ละภาษาจะนิยามขอบเขตความหมายไม่เหมือนกัน คำศัพท์ภาษาไทยก็มีอยู่จำกัด เลยต้องใช้คำที่มีความหมายใกล้เคียง ซึ่งก็จะทำให้ความหมายในบางกรณีคลาดเคลื่อนไปได้บ้าง Q. แล้วสมัยโนอาห์หรือสมัยที่เขียนคัมภีร์ขึ้นมานี่ ตอนนั้นเชื่อว่าโลกกลมหรือแบน แล้วตอนนั้นรุ้จักทวีปอเมริกา ออสเตรเลีย แอนตาร์กติกา รึยัง Answer. ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ   แก้ไขเมื่อ 19 เม.ย. 50 12:46:52 จากคุณ : PureTruth - [ 19 เม.ย. 50 12:42:50 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เรียนคุณ silverspider ว่าแต่กระต่ายเป็นมีกีบ?  ค้างคาวเป็นนก? ผมคิดว่า หากเราเอาความรู้ปัจจุบัน ที่มีการจัดแบ่งประเภทของสัตว์ต่างๆ ไปพยายามอธิบายเรื่องราวโบราณ คงไม่ได้ทำให้เข้าใจอะไรได้ดีขึ้น ภาษาไทยเรายังเรียก ปลาวาฬ มาตั้งนาน แม้บัดนี้ ก็ยังมีคนส่วนมากเรียกอย่างนั้น โดยไม่ได้รู้สึกว่า เป็นเรื่องผิดอะไร สังคมก็ไม่ได้ตราหน้าว่าผิดด้วย มีแต่กลุ่มที่รู้เรื่องชีววิทยาที่พยายามจะช่วยให้เขาเรียกมันให้ถูกประเภท ส่วนที่ว่า "น้ำท่วมทั่วโลก" จริงๆ หรือท่วมเฉพาะขอบเขตที่เขารับรู้ อันนี้เราก็ไม่มีหลักฐานอะไรจะไปแจกแจง นอกจากหลักฐานที่คิดว่าพอใช้การได้คือ จำนวนวันที่น้ำท่วม กับสถานที่ๆเรือไปเกยตื้น ก็มีอีกหลายทฤษฎีที่อธิบาย บังเอิญผมไม่มีความรู้ทางธรณีวิทยา ก็เลยไม่ทราบถึงความเป็นไปได้ที่ว่าสมัยนั้น ภูเขาสูง อาจไม่สูงเท่าที่เรารู้ในปัจจุบัน(หรืออาจสูงกว่าก็ไม่รู้ แต่เมกก้าเคลฟเวอร์บอกว่าสูงกว่านี้ไม่ได้เพราะที่ฐานจะโดนแรงอัดจนละลาย) การเคลื่อนตัวของทวีป หรือเหตุแผ่นดินไหว อาจทำให้สภาพภูมิประเทศเปลี่ยนไปจากสมัยนั้น หรือแม้แต่ผลจากน้ำท่วมครั้งนั้น ทำให้สภาพภูมิประเทศเปลี่ยนไป ดังนั้นการที่จะบอกว่า น้ำไม่มีทางท่วมยอดเอเวอร์เรสได้ เพราะปริมาณน้ำที่สูงถึง 13 กม รอบโลกพร้อมกันคงทำไม่ได้ อันนี้ก็เป็นเพราะเรายึดกับสภาพภูมิประเทศปัจจุบัน ในการอธิบายสภาพในอดีตหรือเปล่า เรื่องอายุของชั้นหิน หรือซากฟอสซิล ที่ดูเหมือนจะเกินจาก ระยะเวลาของเรื่องราวในพระคัมภีร์ ก็มีทฤษฎีที่รองรับหลายทฤษฎี เช่นจากข้อพระคัมภีร์ที่ว่า ฮีบรู 1:10-12 10 และ  องค์พระผู้เป็นเจ้าเจ้าข้า  ในเบื้องต้นพระองค์ทรงสร้างแผ่นดินโลก  และฟ้าสวรรค์เป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ 11  สิ่งเหล่านี้จะพินาศ  แต่พระองค์ทรงดำรงอยู่สิ่งเหล่านี้จะเก่าไปเหมือนเครื่องนุ่งห่ม 12  พระองค์ทรงม้วนสิ่งเหล่านี้ไว้ดุจผ้าคลุม  และสิ่งเหล่านั้นก็จะเปลี่ยนแปลงไป  {สำเนาต้นฉบับบางฉบับว่า  พระองค์ทรงเปลี่ยนมันดุจเสื้อ}  แต่พระองค์ยังทรงเป็นอย่างเดิม  และปีเดือนของพระองค์ไม่สิ้นสุด ทฤษฎีนี้เสนอว่า โลกนี้เปรียบเหมือนโรงถ่ายภาพยนต์ แต่ละยุคสมัย ตัวละครก็เปลี่ยนไปเมื่อเปลี่ยนเรื่อง เปลี่ยนของประกอบฉาก โดยที่อาจยังมีเศษหลงเหลือของวัสดุจากยุคเก่าอยู่ด้วย แต่ทฤษฎีนี้ก็ยังไม่ได้เป็นที่ยอมรับคริสเตียนจากทุกคน ทั้งนี้จะเห็นด้วยหรือไม่ ก็เป็นเรื่องส่วนบุคคลอีกอยู่ดี ผมจึงเห็นว่ายังไงๆก็คงไม่พ้นเรื่องของความเชื่อ (ซึ่งผมอยากใช้คำว่า ยอมรับ แทน) จากคุณ : ksk - [ 19 เม.ย. 50 13:19:19 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ลองคิดดูว่าถ้าคุณได้รับคำสั่งมาอย่างนี้ และต้องทำภารกิจให้สำเร็จ คุณจะนำสัตว์ต่างๆ เพิ่มเติมเข้ามาแล้วถือว่าเป็นส่วนของเสบียง หรือว่าคุณจะปล่อยให้สัตว์ไม่มีอะไรกิน สัตว์ก็จะตาย แล้วภารกิจของคุณก็จะไม่สำเร็จ   เรือมีขนาดใหญ่มากนะครับ พอที่จะตุนเสบียงได้เยอะอยู่ ************************************** สรุปว่า โนอาห์ก็ใส่ไปเกินนะสิแบบนี้ เหอ ๆ แล้วตกลงใส่ไปกี่คู่กันแน่ สัตว์กินพืชมันผสมพันธุ์กันได้ตั้งแต่อยู่บนเรือ หรือไม่ก็ก่อนที่จะอยู่บนเรือแล้วครับ ดังนั้น พอออกจากเรือมันก็มีลูกออกมาได้เลย หลังจากนั้นซักพัก ค่อยปล่อยสัตว์กินเนื้อออกมาครับ ************************************* โนอาห์รู้ว่าสัตว์แต่ละชนิดมีเวลาตั้งท้องเท่าไหร่ด้วยหรือครับ ถึงคำนวณถูก แล้วสัตว์ที่ออกไข่ล่ะทำอย่างไร ยังไม่รู้แน่ชัดว่าน้ำที่ท่วมนั้น มีลักษณะส่วนประกอบของน้ำเป็นอย่างไร จึงยังสรุปไม่ได้ว่าสัตว์ทะเลจะต้องตาย ************************************ นั่นแหละครับถึงได้อยากรู้ว่าน้ำที่ท่วมเป็นน้ำอะไร ไม่สัตว์ทะเล ก็สัตว์น้ำจืดนะแหละที่ต้องตาย แล้วปัจจุบัน สัตว์พวกนั้นมาจากไหน ไม่ได้บอกว่าเหลือเฟือครับ แต่ก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องสูญพันธุ์ 100% ************************************ แล้วสูญพันธุ์กี่%ล่ะครับ จากคุณ : silverspider - [ 19 เม.ย. 50 19:06:53 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ผมคิดว่า หากเราเอาความรู้ปัจจุบัน ที่มีการจัดแบ่งประเภทของสัตว์ต่างๆ ไปพยายามอธิบายเรื่องราวโบราณ คงไม่ได้ทำให้เข้าใจอะไรได้ดีขึ้น ภาษาไทยเรายังเรียก ปลาวาฬ มาตั้งนาน แม้บัดนี้ ก็ยังมีคนส่วนมากเรียกอย่างนั้น โดยไม่ได้รู้สึกว่า เป็นเรื่องผิดอะไร สังคมก็ไม่ได้ตราหน้าว่าผิดด้วย มีแต่กลุ่มที่รู้เรื่องชีววิทยาที่พยายามจะช่วยให้เขาเรียกมันให้ถูกประเภท ***************************************** แต่ชาวคัมภีร์หลายท่านก็พยายามเอาความรู้ปัจจุบันไปอธิบายอยู่ไม่ใช่หรือครับ ส่วนที่ว่า "น้ำท่วมทั่วโลก" จริงๆ หรือท่วมเฉพาะขอบเขตที่เขารับรู้ อันนี้เราก็ไม่มีหลักฐานอะไรจะไปแจกแจง นอกจากหลักฐานที่คิดว่าพอใช้การได้คือ จำนวนวันที่น้ำท่วม กับสถานที่ๆเรือไปเกยตื้น ************************************** ถ้าเป็นขอบเขตเฉพาะที่รับรู้ขณะนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ แต่มีปัญหาตรงที่หลายคนเชื่อว่าท่วมทั้งโลกนี่แหละครับ ผมจึงมักถามเรื่องเกี่ยวกับสัตวภูมิศาสตร์และชีววิทยาของสัตว์เหล่านั้นกับคนที่เชื่อแบบนี้ไงล่ะครับ จากคุณ : silverspider - [ 19 เม.ย. 50 19:15:09 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เรียนคุณ silverspider แต่ชาวคัมภีร์หลายท่านก็พยายามเอาความรู้ปัจจุบันไปอธิบายอยู่ไม่ใช่หรือครับ ผมคิดว่าคงเป็นคนละประเด็นกันนะครับ ความรู้ปัจจุบันสามารถใช้อธิบายความได้ แต่การจัดแบ่งประเภทตามหลักการปัจจุบัน คงไม่เหมือนกับในอดีต ทำให้การที่คนโบราณเรียกค้างคาวไปรวมในกลุ่มของสัตว์ปีก ก็ไม่ได้มีสาระสำคัญว่า คัมภีร์สอนว่า "ค้างคาวเป็นนก" ถ้าเป็นขอบเขตเฉพาะที่รับรู้ขณะนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ แต่มีปัญหาตรงที่หลายคนเชื่อว่าท่วมทั้งโลกนี่แหละครับ ผมจึงมักถามเรื่องเกี่ยวกับสัตวภูมิศาสตร์และชีววิทยาของสัตว์เหล่านั้นกับคนที่เชื่อแบบนี้ไงล่ะครับ ผมเองก็ไม่ปฏิเสธเรื่องความเป็นไปได้ของการท่วมทั้งโลก อย่างที่ผมบอกว่าลักษณะทางภูมิศาสตร์ในอดีตอาจไม่เหมือนกับปัจจุบัน ทำให้การคาดการณ์ต่างๆ เป็นไปได้หลายแนวทาง แต่ประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้อย่างนั้น เราก็มีหลักฐานตามนั้น จากคุณ : ksk - [ 19 เม.ย. 50 19:49:59 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ผมคิดว่าคงเป็นคนละประเด็นกันนะครับ ความรู้ปัจจุบันสามารถใช้อธิบายความได้ แต่การจัดแบ่งประเภทตามหลักการปัจจุบัน คงไม่เหมือนกับในอดีต ทำให้การที่คนโบราณเรียกค้างคาวไปรวมในกลุ่มของสัตว์ปีก ก็ไม่ได้มีสาระสำคัญว่า คัมภีร์สอนว่า "ค้างคาวเป็นนก" **************************************** สมัยหนึ่งเชื่อว่าโลกแบน โลกเป็นศุนย์กลางจักรวาล ดวงอาทิตย์โคจรรอบโลก ตกลงว่าคัมภีร์บอกแบบนี้หรือว่าชาวคัมภีร์เอาความรู้ขณะนั้นไปอธิบายคัมภีร์กันแน่ครับ หรือกรณีสิ่งมีชีวิต พวกโปรโตซัว แบคทีเรีย ตกลงว่่าพระเจ้าบอกว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิต หรือมนุษย์กำหนดให้มันเป็นสิ่งมีชีวิตกันแน่ครับ ผมเองก็ไม่ปฏิเสธเรื่องความเป็นไปได้ของการท่วมทั้งโลก อย่างที่ผมบอกว่าลักษณะทางภูมิศาสตร์ในอดีตอาจไม่เหมือนกับปัจจุบัน ทำให้การคาดการณ์ต่างๆ เป็นไปได้หลายแนวทาง แต่ประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้อย่างนั้น เราก็มีหลักฐานตามนั้น *************************************** ถ้านับเวลาจากปัจจุบันไปจนถึงโนอาห์ก็ประมาณแค่ 5000 ปีเอง แต่พวกภูเขาสูงต่าง ๆ ทั่วโลก ระยะเวลา 5000 ปีที่ผ่านมาก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากอะไร อย่างเอเวอเรสตืนี้ภายใน 5000 กว่าปีนี่ความสูงพุ่งพรวดจนถึงระดับเกือบ 9 กืโลเมตรเลยหรือครับ จากคุณ : silverspider - [ 19 เม.ย. 50 20:14:24 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ^ ^ Q. สมัยหนึ่งเชื่อว่าโลกแบน โลกเป็นศุนย์กลางจักรวาล ดวงอาทิตย์โคจรรอบโลก ตกลงว่าคัมภีร์บอกแบบนี้หรือว่าชาวคัมภีร์เอาความรู้ขณะนั้นไปอธิบายคัมภีร์กันแน่ครับ Answer. ผู้นำศาสนจักรในสมัยนั้นเป็นคนคิดขึ้นมาครับ ในไบเบิ้ลไม่ได้มีเขียนไว้ Q. หรือกรณีสิ่งมีชีวิต พวกโปรโตซัว แบคทีเรีย ตกลงว่่าพระเจ้าบอกว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิต หรือมนุษย์กำหนดให้มันเป็นสิ่งมีชีวิตกันแน่ครับ Answer. ในไบเบิ้ลไม่ได้มีเขียนถึงโปรโตซัว แบคทีเรีย นะครับ Q. ถ้านับเวลาจากปัจจุบันไปจนถึงโนอาห์ก็ประมาณแค่ 5000 ปีเอง แต่พวกภูเขาสูงต่าง ๆ ทั่วโลก ระยะเวลา 5000 ปีที่ผ่านมาก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากอะไร อย่างเอเวอเรสตืนี้ภายใน 5000 กว่าปีนี่ความสูงพุ่งพรวดจนถึงระดับเกือบ 9 กืโลเมตรเลยหรือครับ Answer. ยังมีอีกหลายอย่างที่เราคิดว่าเป็นความจริง ทั้งๆที่บางอย่างเป็นเพียงความรู้ที่เกิดจากสมมติฐานของนักวิทยาศาสตร์ซึ่งอาจจะผิดได้ ความรู้ (สมมติฐาน) เกี่ยวกับโลกในสมัยก่อนก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ จากคุณ : PureTruth - [ 19 เม.ย. 50 21:37:05 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ตอบ #62 ถามอย่างนี้ ต้องขอเวลาที่จะทำการวิจัยและรวบรวมข้อมูลบ้างล่ะครับ  :) จากคุณ : PureTruth - [ 19 เม.ย. 50 21:41:48 ]

ความคิดเห็นที่ 68 Q. สมัยหนึ่งเชื่อว่าโลกแบน โลกเป็นศุนย์กลางจักรวาล ดวงอาทิตย์โคจรรอบโลก ตกลงว่าคัมภีร์บอกแบบนี้หรือว่าชาวคัมภีร์เอาความรู้ขณะนั้นไปอธิบาย คัมภีร์กันแน่ครับ Answer. ผู้นำศาสนจักรในสมัยนั้นเป็นคนคิดขึ้นมาครับ ในไบเบิ้ลไม่ได้มีเขียนไว้ Q. หรือกรณีสิ่งมีชีวิต พวกโปรโตซัว แบคทีเรีย ตกลงว่่าพระเจ้าบอกว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิต หรือมนุษย์กำหนดให้มันเป็นสิ่งมีชีวิตกันแน่ครับ Answer. ในไบเบิ้ลไม่ได้มีเขียนถึงโปรโตซัว แบคทีเรีย นะครับ ************************************** ในเมื่อไบเบิลไม่ได้กล่าวถึงก็แสดงว่าชาวคัมภีร์เอาความรู้ขณะนั้นไปอธิบายคัมภีร์ไปสิครับเนี่ย จากคุณ : silverspider - [ 19 เม.ย. 50 21:49:18 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ถามอย่างนี้ ต้องขอเวลาที่จะทำการวิจัยและรวบรวมข้อมูลบ้างล่ะครับ  :) จากคุณ : PureTruth ************************************** ตามสบายครับ จากคุณ : silverspider - [ 19 เม.ย. 50 21:51:54 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ตอบ #68 Q. ในเมื่อไบเบิลไม่ได้กล่าวถึงก็แสดงว่าชาวคัมภีร์เอาความรู้ขณะนั้นไปอธิบายคัมภีร์ไปสิครับเนี่ย Answer.  เช่นอะไรเหรอครับ โปรโตซัว แบคทีเรีย ?? จากคุณ : PureTruth - [ 20 เม.ย. 50 00:26:20 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เช่นอะไรเหรอครับ โปรโตซัว แบคทีเรีย ?? *************************** นั่นก็ส่วนหนึ่งครับ จากคุณ : silverspider - [ 20 เม.ย. 50 01:15:56 ]

ความคิดเห็นที่ 72 เรียนคุณ silverspider ในเมื่อไบเบิลไม่ได้กล่าวถึงก็แสดงว่าชาวคัมภีร์เอาความรู้ขณะนั้นไปอธิบายคัมภีร์ไปสิครับเนี่ย หลายๆกรณีผมเรียกว่าเป็นการใส่ความคิดของตัวเองลงไปแทน ไม่ใช่การอธิบายความครับ เช่นทฤษฎีที่ผมเสนอไป ก็ถือเป็นการใส่ความคิดของตนเองลงไป ผมงงๆกับสิ่งที่คุณ silverspider กล่าวอ้างมาครับ ไม่ทราบไปได้รับข้อมูลอะไรมา ผมคิดว่าคุณ silverspider ต้องพยายามแบ่งแยกเรื่องต่างๆ ออกเป็น ส่วนๆไป เช่น เป็นเรื่องที่มีอยู่ในไบเบิ้ล หรือเป็นเรื่องที่มีการพยายามอธิบายปรากฏการณ์โดยใช้ความ รู้ความเข้าใจของวิทยาการปัจจุบัน หรือเป็นการพยายามกล่าวหา โดยใช้ความรู้ความเข้าใจของวิทยาการปัจจุบัน หรือเป็นเรื่องที่เพิ่มเติมความคิดเห็นส่วนตัวลงไป ผมไม่ได้ปฏิเสธความรู้ความเข้าใจของวิทยาการปัจจุบันอย่างไร้เหตุผล ผมเชื่อว่าเราได้ประโยชน์จากการอธิบายนั้นๆ เพียงแต่สิ่งที่ผมกำลังชี้ให้เห็นก็คือ การใช้และตีความอย่างไม่ถูกต้อง เช่นการพยายามบอกว่า พระคัมภีร์สอนว่าค้างคาวเป็นนก หรือพระคัมภีร์สอนว่าโลกแบน ในความเป็นจริงแล้วไม่เคยมีปรากฏข้อความดังกล่าว ในไบเบิ้ล แต่เป็นการพยายามสรุปความเอาเอง ซึ่งไม่ถูกต้อง ในส่วนที่คุณ PureTruth พยายามอธิบายความโดยใช้ ความรู้ความเข้าใจของวิทยาการปัจจุบันนั้น เป็นกรณีต่างกันครับ เพราะเป็นการพยายามอธิบายหลักฐานต่างๆในไบเบิ้ลด้วยวิชาการ แสดงให้เห็นความเป็นไปได้ในมุมมองทางวิทยาศาสตร์ ในขณะที่คุณ silverspider กำลังพยายามอธิบายให้เห็น ความไม่น่าจะเป็นไปได้ในมุมมองทางวิทยาศาสตร์ ถ้ามันเป็นไปอย่างนี้ ผมว่าเป็นการวิเคราะห์อย่างสมเหตุสมผล แต่อย่างไรก็ตามทั้งหมดยังเป็นเพียงความคิดเห็น จนกว่าความจริงจะปรากฏนะครับ จากคุณ : ksk - [ 20 เม.ย. 50 09:02:36 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ตอบ #71 >>>> เช่นอะไรเหรอครับ โปรโตซัว แบคทีเรีย ?? >>>> *************************** >   นั่นก็ส่วนหนึ่งครับ ยังไงเหรอครับ ประเด็นปัญหาคือ ?? จากคุณ : PureTruth - [ 20 เม.ย. 50 10:44:12 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ยังไงเหรอครับ ประเด็นปัญหาคือ ?? จากคุณ : PureTruth *************************** พระเจ้าสร้างสิ่งมีชีวิต แล้วแบคทีเรีย โปรโตซัวนี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่พระเจ้าสร้างรึเปล่าครับ ถ้าใช่ แล้วตรงไหนในไบเบิลบอกว่าพวกนี้เป็นสิ่งมีชีวิต จากคุณ : silverspider - [ 20 เม.ย. 50 19:30:23 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ผมงงๆกับสิ่งที่คุณ silverspider กล่าวอ้างมาครับ ไม่ทราบไปได้รับข้อมูลอะไรมา ผมคิดว่าคุณ silverspider ต้องพยายามแบ่งแยกเรื่องต่างๆ ออกเป็น ส่วนๆไป เช่น เป็นเรื่องที่มีอยู่ในไบเบิ้ล หรือเป็นเรื่องที่มีการพยายามอธิบายปรากฏการณ์โดยใช้ความ รู้ความเข้าใจของวิทยาการปัจจุบัน หรือเป็นการพยายามกล่าวหา โดยใช้ความรู้ความเข้าใจของวิทยาการปัจจุบัน หรือเป็นเรื่องที่เพิ่มเติมความคิดเห็นส่วนตัวลงไป ผมไม่ได้ปฏิเสธความรู้ความเข้าใจของวิทยาการปัจจุบันอย่างไร้เหตุผล ผมเชื่อว่าเราได้ประโยชน์จากการอธิบายนั้นๆ เพียงแต่สิ่งที่ผมกำลังชี้ให้เห็นก็คือ การใช้และตีความอย่างไม่ถูกต้อง เช่นการพยายามบอกว่า พระคัมภีร์สอนว่าค้างคาวเป็นนก หรือพระคัมภีร์สอนว่าโลกแบน ในความเป็นจริงแล้วไม่เคยมีปรากฏข้อความดังกล่าว ในไบเบิ้ล แต่เป็นการพยายามสรุปความเอาเอง ซึ่งไม่ถูกต้อง ************************************* 1. คุณจะปฏืเสธไหมครับว่าในสมัยหนึ่งสันตปาปาหรือคนในศาสนจักรต่างเชื่อว่าโลกแบน ใครที่เชื่อต่างจากนี้จะได้รับการลงโทษ ซึ่งระดับสันตะปาปาไม่น่าตีความพระคัมภีร์ผิดนะครับ 2. จะทราบได้อย่างไรว่าเนื้อหาในคัมภีร์ส่วนไหนถูกใส่ความคิดของผู้เขียน ส่วนไหนมาจากพระเจ้าโดยตรง ทำไมพระเจ้าถึงต้องออกฉบับปรับปรุงมาอีก จากคุณ : silverspider - [ 20 เม.ย. 50 19:49:00 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ตอบ #74 จะให้ไบเบิ้ลระบุชื่อสิ่งมีชีวิตต่างๆทั้งหมดบนโลกนี้เลยเหรอครับ มันก็เกินไปนะ สู้ให้คนที่มีปัญญาเขาอ่านและคิดได้ว่าพระเจ้าสร้างสิ่งมีชีวิตต่างๆ (ซึ่งก็รวมถึงพวกโปรโตซัว แบคทีเรีย ฯลฯ ด้วย) อย่างนี้ง่ายกว่ากันเยอะ  ^^ จากคุณ : PureTruth - [ 21 เม.ย. 50 01:15:38 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ตอบ #75 1. คุณจะปฏืเสธไหมครับว่าในสมัยหนึ่งสันตปาปาหรือคนในศาสนจักรต่างเชื่อว่าโลกแบน ใครที่เชื่อต่างจากนี้จะได้รับการลงโทษ ซึ่งระดับสันตะปาปาไม่น่าตีความพระคัมภีร์ผิดนะครับ Answer.  ในไบเบิ้ลไม่มีเขียนไว้ว่าโลกแบน ดังนั้น สันตะปาปาสอนผิดแน่นอนครับ 2. จะทราบได้อย่างไรว่าเนื้อหาในคัมภีร์ส่วนไหนถูกใส่ความคิดของผู้เขียน ส่วนไหนมาจากพระเจ้าโดยตรง ทำไมพระเจ้าถึงต้องออกฉบับปรับปรุงมาอีก Answer. คริสเตียนเชื่อว่าทุกเนื้อหาในพระคัมภีร์มาจากพระเจ้าโดยตรง ฉบับปรับปรุงไม่ได้แปลว่าแก้ไขเนื้อหา แต่เป็นการทำให้ตรงกับเนื้อหาของฉบับดั้งเดิมมากยิ่งขึ้นครับ ดังนั้น ไม่ได้แก้ใหม่อย่างที่คุณ silverspider คิดนะครับ จากคุณ : PureTruth - [ 21 เม.ย. 50 01:26:55 ]

ความคิดเห็นที่ 78 จะให้ไบเบิ้ลระบุชื่อสิ่งมีชีวิตต่างๆทั้งหมดบนโลก นี้เลยเหรอครับ มันก็เกินไปนะ สู้ให้คนที่มีปัญญาเขาอ่านและคิดได้ว่าพระเจ้าสร้างสิ่งมีชีวิตต่างๆ (ซึ่งก็รวมถึงพวกโปรโตซัว แบคทีเรีย ฯลฯ ด้วย) อย่างนี้ง่ายกว่ากันเยอะ  ^^ *************************************** ก็นั่นแหละครับ ตกลงว่ามนุษย์ก็เป็นผู้กำหนดว่าอะไรเป็นหรือไม่เป็นสิ่งมีชิวิตให้พระเจ้าสิครับ ในไบเบิ้ลไม่มีเขียนไว้ว่าโลกแบน ดังนั้น สันตะปาปาสอนผิดแน่นอนครับ *************************************** แต่รู้สึกว่าก็ไม่ได้เขียนว่าเป็นทรงกลมด้วยนี่ครับ การที่สันตะปาปาสอนผิดนี้เป็นเพราะการเอาความรู้ที่เชื่อกันขณะนั้นไปตีความคัมภีร์รึเปล่าครับ เพราะระดับสันตะปาปายังตีความพลาดนี่ ระดับชาวบ้านธรรมดาคงไม่ต้องพูดถึงกระมังครับ คริสเตียนเชื่อว่าทุกเนื้อหาในพระคัมภีร์มาจากพระเจ้าโดยตรง ฉบับ ปรับปรุงไม่ได้แปลว่าแก้ไขเนื้อหา แต่เป็นการทำให้ตรงกับเนื้อหาของฉบับดั้งเดิมมากยิ่งขึ้นครับ ดังนั้น ไม่ได้แก้ใหม่อย่างที่คุณ silverspider คิดนะครับ **************************************** อิสลามไงครับ ยกตัวอย่างเช่น แก้เรื่องเกี่ยวกับพระเยซู จากคุณ : silverspider - [ 21 เม.ย. 50 03:01:42 ]

ความคิดเห็นที่ 79 1. คุณจะปฏิเสธไหมครับว่าในสมัยหนึ่งสันตปาปาหรือคนในศาสนจักรต่างเชื่อว่าโลกแบน ใครที่เชื่อต่างจากนี้จะได้รับการลงโทษ ซึ่งระดับสันตะปาปาไม่น่าตีความพระคัมภีร์ผิดนะครับ เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริงครับ ผมและใครๆก็ไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ทำไมถึงคิดว่าสันตะปาปามีความเข้าใจในพระคัมภีร์ได้มากกว่าคนอื่นล่ะครับ ตำแหน่งนั้นเป็นตำแหน่งทางการเมืองในวาติกันเท่านั้น ไม่ได้เป็นตำแหน่งที่แสดงว่าคนคนนั้นมีความเข้าใจไบเบิ้ลอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะการที่มีกฏว่า "คำพูดของสันตะปาปามีความสำคัญเท่า กับถ้อยคำในไบเบิ้ล" ใครฝ่าฝืนไม่เชื่อตามความเห็นของสันตะปาปา ต้องรับโทษหนัก ยิ่งเป็นเรื่องที่แย่มาก เราไม่ได้เห็นด้วยเลย เราเรียกมันว่ายุคมืดครับ เราไม่ได้ดีใจที่มันเกิดขึ้น แต่ดีใจ ที่ในที่สุดก็มีคนที่ยืนหยัดเพื่อความถูกต้องตามพระวจนะของพระเจ้า ได้แยกตัวออกมา 2. จะทราบได้อย่างไรว่าเนื้อหาในคัมภีร์ส่วนไหนถูกใส่ความคิดของผู้เขียน ส่วนไหนมาจากพระเจ้าโดยตรง ทำไมพระเจ้าถึงต้องออกฉบับปรับปรุงมาอีก ไม่แปลกครับที่คุณ silverspider จะสับสนในเรื่องนี้ ไม่เป็นไรครับผมกับคุณ PureTruth ยินดีแนะนำให้คุณ รู้จักไบเบิ้ลมากขึ้น คริสเตียนยอมรับว่าไบเบิ้ล เป็นพระวจนะของพระเจ้า ในนั้นประกอบไปด้วยเรื่องราวต่างๆที่เป็นประวัติศาสตร์ รวมทั้งบทบัญญัติ ซึ่งถูกใช้เป็นกฏหมายของชุมชนในสมัยโบราณ แน่นอนว่ามีส่วนที่เป็นคำพูดหรือบทสนทนาของบุคคลในนั้นด้วย และก็เคยถูกตั้งคำถามด้วยว่า คริสเตียนนับคำพูดของคนเหล่านั้น เป็นคำพูดของพระเจ้าหรือเปล่า เช่นเมื่อกษัตริย์ดาวิดตรัสว่า "พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยของข้าพเจ้า..." กับเมื่อพวกฟารีสีพูดกับพระเยซูว่า "บัดนี้เรารู้ว่าท่านมีผีสิง..." คริสเตียนยอมรับทั้งหมดทุกถ้อยคำในไบเบิ้ล จะตัดออก หรือเพิ่มเข้าไปไม่ได้ แต่เราจะเรียนรู้และศึกษา โดยดูบริบทของเรื่องราวนั้นๆว่า กำลังพูดถึงเรื่องอะไร ความจริงในประวัติศาสตร์ปรากฏว่าเป็นอย่างไร พระเจ้าสอนอะไรเราจากเรื่องนี้ ในส่วนที่คุณ silverspider เข้าใจว่าเป็นฉบับปรับปรุงของพระคัมภีร์นั้น คิดว่าคงรับทราบมาไม่ถูกต้อง เช่นอาจคิดว่า Old testament เป็นฉบับแรก แล้วมี New testament เป็นฉบับแก้ไข (เผลอๆ อาจคิดว่า อัลกุรอ่าน เป็น last edition ด้วย) อันนั้นเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องครับ เรื่องราวใน Old testament นั้น ก็สมบูรณ์ในตัวของมันเอง มีเรื่องราวตั้งแต่ต้นยุค พระลักษณะของพระเจ้า ความสัมพันธ์ ของพระเจ้ากับมนุษย์ แผนการช่วยกู้ของพระเจ้า ไปจนถึงสิ้นยุค ส่วนที่มีใน New testament นั้นก็เป็นส่วนที่ยืนยันให้เห็นว่าแผนการ ของพระเจ้าที่กล่าวไว้นั้นได้สำเร็จไปทุกประการ และกำลัง ชี้ให้เห็นว่า ยุคสุดท้ายนั้นใกล้เข้ามาแล้ว ไม่ได้เป็นการปรับปรุงข้อผิดพลาด อย่างที่คุณ silverspider เข้าใจ หากยืนบนพื้นฐานนี้ อาจทำให้มุมมองเปลี่ยนไปบ้าง จากคุณ : ksk - [ 21 เม.ย. 50 11:11:02 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ในส่วนที่คุณ silverspider เข้าใจว่าเป็นฉบับปรับปรุงของพระคัมภีร์นั้น คิดว่าคงรับทราบมาไม่ถูกต้อง เช่นอาจคิดว่า Old testament เป็นฉบับแรก แล้วมี New testament เป็นฉบับแก้ไข (เผลอๆ อาจคิดว่า อัลกุรอ่าน เป็น last edition ด้วย) อันนั้นเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องครับ เรื่องราวใน Old testament นั้น ก็สมบูรณ์ในตัวของมันเอง มีเรื่องราวตั้งแต่ต้นยุค พระลักษณะของพระเจ้า ความสัมพันธ์ ของพระเจ้ากับมนุษย์ แผนการช่วยกู้ของพระเจ้า ไปจนถึงสิ้นยุค ส่วนที่มีใน New testament นั้นก็เป็นส่วนที่ยืนยันให้เห็นว่าแผนการ ของพระเจ้าที่กล่าวไว้นั้นได้สำเร็จไปทุกประการ และกำลัง ชี้ให้เห็นว่า ยุคสุดท้ายนั้นใกล้เข้ามาแล้ว ไม่ได้เป็นการปรับปรุงข้อผิดพลาด อย่างที่คุณ silverspider เข้าใจ หากยืนบนพื้นฐานนี้ อาจทำให้มุมมองเปลี่ยนไปบ้าง จากคุณ : ksk ************************************** ใช่ครับ ผมคิดว่าอัลกุรอานเป็น last edition แก้ไขเรื่องต่าง ๆ ของพระเยซู เลยทำให้คิดว่าคนเขียนคัมภีร์นั้นได้แต่งเติมอะไรไปรึเปล่า เพราะหลายเรื่องก็ตรง แต่หลายเรื่องก็ไม่ตรง จากคุณ : silverspider - [ 21 เม.ย. 50 12:54:11 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ครับ ถ้าอย่างนั้นผมก็ยินดีที่ได้ชี้แจงให้คุณ silverspider รับฟังนะครับ จากคุณ : ksk - [ 21 เม.ย. 50 13:24:40 ]

ความคิดเห็นที่ 82 เห็นด้วยกับคุณ silverspider ครับว่า หลายเรื่องในอัลกุรอานนั้นไม่ตรงกับไบเบิ้ลฉบับดั้งเดิมครับ (แต่เป็นเรื่องที่คริสเตียนคงไม่สามารถไปยุ่งเกี่ยวอะไรด้วยได้)   :D จากคุณ : PureTruth - [ 21 เม.ย. 50 16:18:01 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ตอบคุณ silverspider ใน #78 silverspider> ก็นั่นแหละครับ ตกลงว่ามนุษย์ก็เป็นผู้กำหนดว่าอะไรเป็นหรือไม่เป็นสิ่งมีชิวิตให้พระเจ้าสิครับ PureTruth> ไม่หรอกครับ โปรโตซัวและแบคทีเรียมันก็เป็นสิ่งมีชีวิตอยู่แล้ว และพระเจ้าก็เป็นผู้ที่สร้างมันขึ้นมา  มนุษย์แค่เพิ่งมาค้นพบและเรียนรู้ทีหลัง ก็เท่านั้นเอง ส่วนจะให้ไบเบิ้ลระบุชื่อสิ่งมีชีวิตทั้งหมด มันก็เกินไป และไม่จำเป็นด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 50 23:32:14 จากคุณ : PureTruth - [ 21 เม.ย. 50 23:31:44 ]

ความคิดเห็นที่ 84 คือผมไม่แน่ใจหรอกนะว่าโนอาห์มีจริงหรือไม่ แต่ถ้าเขามีจริงๆ และอพยพครอบครัวและสัตว์ขึ้นไปบนเรือจริงๆถามว่าเป็นไปได้ไหม ผมก็ว่าทำได้ครับ เรือไม่ต้องใหญ่แบบที่บรรยายเลยครับผม เล็กกว่าซัก 100 เท่าก็พอแล้ว จำนวนชนิดของสัตว์นั้น โนอาห์น่าจะมีชีวิตเมื่อซัก 6000-5500 ปีก่อนในยุคที่อารยธรรมของเขาติดต่อกับดินแดนรอบด้านน้อยมากๆ จำนวนชนิดของสัตว์ที่รู้จักก็จำกัดโดยท้องถิ่นที่อาศัย เอาแค่โนอาห์นำสัตว์เลี้ยงและสัตว์ที่ตัวเองพอจะรู้จักขึ้นเรือแล้วรอดมาได้ ลูกหลานของเขาจะเขียนว่าเอาสัตว์ทั้งโลกขึ้นเรือก็คงไม่แปลก เพราะสัตว์ที่โนอาห์รู้จักในแถบเมโสโปเตเมียมันมีไม่มากมายอะไรหรอกครับผม อย่าลืมว่าดินแดนแถบนั้นมีความหลากหลายทางชีวภาพไม่มากอะไรนัก หรือเขียนแต่งเติมเกินจริงไปหน่อยก็เป็นไปได้ เหมือนที่พวกประวัติศาสตร์สงครามหลายๆแห่งที่โม้จำนวนทหารเกินจริงเพื่อสดุดีผู้ชนะเป็นต้น ลูกหลานของโนอาห์จะเขียนบันทึกไบเบิ้ลให้ออกจะโอเวอร์เล็กน้อยเพื่อสดุดีบรรพบุรุษก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 23 เม.ย. 50 23:42:53 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ฟันธงครับว่า ไม่มีทางรวบรวมสัตว์ทั้งโลกอย่างละ 7 คู่มาไว้ในเรือได้แน่นอน สมมติว่ารวบรวมได้จริง ๆ ก่อนที่จะต่อเรือเสร็จ การให้อาหาร การดูแลทำความสะอาดรวมทั้งต่อเรือไปด้วยนั้น คงต้องใช้คนหลายร้อยคนช่วยเหลือแน่นอน นึกสภาพไม่ออกเลยว่าถ้าจับตัวกินมด 14 ตัวมารวมกัน จะไปหามดมากมายมหาศาลแค่ไหนให้มันกินได้ เฮ้อ จากคุณ : The Cole - [ 25 เม.ย. 50 15:44:02 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ใจเย็นๆครับ เวลาที่เรานึกอะไรไม่ออก มันไม่ได้แปลว่าสิ่งนั้นเป็นไปไม่ได้นิครับ คนอื่นๆอาจนึกออกก็ได้ อ.Prac ท่านแนะนำไว้อย่างนั้น เรื่องตัวกินมด 14 ตัว ไปเอาเลขมาจากไหนครับ ผมคิดว่าแค่คู่เดียวเท่านั้นนะครับ 8 สัตว์ประเภทไม่มลทินและประเภทมลทินกับนกและสัตว์ทุกชนิดที่เลื้อยคลานบนแผ่นดิน 9 ก็เข้าไปในนาวากับโนอาห์เป็นคู่ๆ  ทั้งตัวผู้และตัวเมีย  ดังที่พระเจ้าได้ทรงบัญชาโนอาห์ไว้ แล้วโนอาห์ไม่ต้องวิ่งไปจับสัตว์เหล่านั้น หรือต้อนขึ้นเรืออีกด้วย จากคุณ : ksk - [ 26 เม.ย. 50 12:17:11 ]