ความคิดเห็นที่ 1 บินขึ้นไปบนฟ้าแล้วปล่อยให้เครื่องตก แบบลิฟท์ตกอะ จะอยู่ในสภาพไร้น้ำหนักแค่แป๊ปเดียวนะ เห็นในรายการบอกว่าแค่12วินาที จากคุณ : ~+ ทรัพย์จาง +~ - [ 28 เม.ย. 50 22:24:08 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อ้าวผมนึกว่ามันขึ้นไปสูงจนพ้นแรงโน้มถ่วงของโลกซะอีกนะ 12 วิเหรอครับ ทำไมมันดูเหมือนนานจังอ่ะ จากคุณ : boystate - [ 28 เม.ย. 50 22:55:50 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เต็มที่ 25 วินาทีมั้งครับ จากคุณ : Thedew - [ 28 เม.ย. 50 23:31:26 ]

ความคิดเห็นที่ 4 free fall จากคุณ : อะธีลาส - [ 28 เม.ย. 50 23:45:47 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เค้าเรียกว่าparabolic flight ครับ จากคุณ : elvish346 - [ 29 เม.ย. 50 00:11:56 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ^ ถูกต้องแล้วครับ นักบิน บินในลักษณะ Parabolic flight (ตามลูกศรสีน้ำเงินในรูปประกอบ) ทำให้แรงหนีศูนย์กลาง มีค่าเท่ากับ แรงจากความเร่งโน้มถ่วงของโลก(G) ก็เลยทำให้เกิดสภาพไร้น้ำหนักขึ้นครับ ดูรูปประกอบน่าจะเข้าใจมากขึ้น ด้านซ้ายคือการทดลองที่เอาถังใส่น้ำมาเหวี่ยง แล้วน้ำไม่หกลงมา เป็นเพราะแรงหนีศูนย์กลาง ในทำนองเดียวกันกับเครื่องบิน ในการที่จะสร้างสภาวะไรน้ำหนัก ถ้าบินด้วยอัตราการไต่, มุม และความเร็วที่เหมาะสม ก็จะสามารถสร้างแรงหนีศูนย์กลาง ให้เท่ากับแรงโน้มถ่วงได้พอดี ทำให้เกิดสภาวะไร้น้ำหนักขึ้นได้ครับ ถ้าอยากทดลองสภาพไร้น้ำหนักเอง ไม่ต้องไปขึ้นเครื่องบินก็ได้ครับ ลองขับรถขึ้นสะพานแรงๆดูสิ ก้นจะลอยจากเบาะ นั่นก็ไร้น้ำหนักเหมือนกัน แต่มันเกิดขึ้นแปปเดียวนะ ไม่ค่อยคุ้มค่าซ่อมรถเท่าไหร่ ปล. ถ้า Free fall แสดงว่าเรา fall(ตก) อยู่ เพราะฉะนั้นก็มีค่าเท่ากับ 1 G ครับ ยังไม่ไร้น้ำหนักครับ แก้ไข: ตอนแรกพิมพ์ไปว่า "ทำให้ความเร่งเนื่องจาก"แรงหนีศูนย์กลาง" มีค่าเท่ากับ ความเร่งโน้มถ่วงของโลก" แก้ไขเป็นเป็น "ทำให้แรงหนีศูนย์กลาง มีค่าเท่ากับแรงจากความเร่งโน้มถ่วงของโลก" ...ขอโทษครับ พิมพ์เร็วไปหน่อย แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 50 02:59:00 จากคุณ : Vagabundo - [ 29 เม.ย. 50 01:45:09 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คคห. 6  ลองหาหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้อ่านใหม่ นะครับ จากคุณ : Waterman (LN106) - [ 29 เม.ย. 50 01:53:53 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าจะให้เป็นไปได้ตาม #6 เครื่องบินต้องบินด้วยความเร็วเท่าไหร่จึงจะพอ? ทำได้แล้วหรือ? จากคุณ : khanasri - [ 29 เม.ย. 50 08:50:57 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เอ้ะ..มันไม่ได้เกี่ยวกับแรงหนีศูนย์กลางเลยนิครับ? นั่นเค้าเอาไว้เหวี่ยงยานออกนอกโคจรแรงดึงดูดโลก หรือแรงเหวี่ยงวัตถุทางขนานที่ทำให้ค่าแรงดึงดูดลดลง หักลบเป็นเวคเตอร์ลดลง เลยรู้สึกค่า G ที่ทำกับตัวน้อยลง ซึ่งยังไงถ้าเวคเตอร์วิ่งในทางขนานอย่างเดียวไม่ได้มีมุมเงยขึ้น จนถึงจุดหลุดแรงโน้มถ่วง ยังไงก็ไม่มีทางลอยอิสระแบบอวกาศได้หรอกครับ แต่กับเครื่องบิน มัน คือการ บินทิศที่ปล่อยตกลงพร้อมกับ แรงดึงดูดโลก แต่อยู่ในเครื่องบินมันเลยไม่มีแรงต้านอากาศเหมือนกระโดดร่ม เลยลอยเล่นท่ากันได้สบายแค่นั้นเอง แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 50 09:45:17 จากคุณ : นัยตาสองชั้น - [ 29 เม.ย. 50 09:44:12 ]

ความคิดเห็นที่ 10 #8 คือ #6 ทำได้แล้วล่ะครับ สมัยนี้ ก็พวกเครื่องบินพานิชย์ทั่วไปนั่นแหละ ใน rep.6 ผมอาจจะอธิบายไปไม่ชัด ส่วนที่ใช้ทดสอบ weightlessness มีส่วนเดียวคือเปรียบเทียบกับถังในตำแหน่งบนสุด คือเครื่องบินจะบินเป็นลักษณะรูปพาราโบลาคว่ำไปเรื่อยๆ (ไม่ได้บินครบเป็นวงเหมือนถังน้ำนะครับ อย่าเข้าใจผิด) ผมคิดว่าผมไม่ผิดนะครับ รบกวนทุกท่านลองค้น google คำว่า load factor ดู นักบินรบที่ต้องทนกัน 4G 5G ก็เพราะว่า load factor นี่แหละครับ ในทางกลับกัน ถ้าจะบินที่ G เป็นศูนย์ (Zero G) หรือ G ติดลบ ก็ทำได้เหมือนกัน มันขึ้นอยู่กับท่าทางการบิน และความเร็วครับ ลองไปศึกษา flight envelope ของเครื่องบินดูนะครับ มันมีทั้งโซนที่จีเป็นบวก และจีเป็นลบ ถ้าตาม rep.9 ที่บอกว่าปล่อยให้เครื่องบินตกลงนั้น ไม่อยู่ในสภาพไร้น้ำหนักหรอกครับ เพราะการบินดำลงของเครื่องบิน แรงหนีศูนย์กลางจะทำให้ค่า G เพิ่มขึ้น คุณจะรู้สึกว่าตัวหนักขึ้นตะหาก หรือว่าคุณหมายถึงการปล่อยให้เครื่องบิน stall แล้ว free fall จริงๆ? อย่างงั้นก็คงมีโอกาสได้ไปหวันทั้งลำสูงมากครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : Vagabundo - [ 29 เม.ย. 50 11:30:40 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อ่ะ แถมรูปให้ด้วย จากคุณ : Vagabundo - [ 29 เม.ย. 50 11:40:32 ]

ความคิดเห็นที่ 12 วาดกลมๆเข้าไปให้ดู ลองสังเกตตำแหน่งเครื่องบิน เปรียบเทียบกับรูปถังน้ำข้างบนดู จะได้เห็นว่าแรงหนีศูนย์กลางช่วงไหนจะเสริม G โลก หรือลด G โลก ลง จากคุณ : Vagabundo - [ 29 เม.ย. 50 11:45:29 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ^ ^ ถูกต้องนะคร้าบ จากคุณ : แมวเกาะ - [ 29 เม.ย. 50 14:31:32 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ทิศทางการบิน ขึ้นหรือลงมันมีผลเกี่ยวข้องกับแรง G แน่ๆครับ ที่ทำให้เกิด สภาวะลอยได้ (อาการ stall นั่นคือเครื่องบินเสียความเร็วจนหมดแรงยกที่ปีก คนละเรื่องเลยนะครับ) การบินให้เกิด zero G มันบินในทิศตามรูปที่คุณนำมาแสดงตอนดิ่งลงนั่นแหล่ะครับ ถูกต้องเลย แต่กับเรื่องแรงหนีศูนย์กลาง มันคือ ความเร็วการเคลื่อนที่แนวราบที่มากพอจนแรงดึงดูดสภาวะแนวดิ่งแทบไม่มีผลครับ ฉะนั้นมันไม่ใช่เรื่องทิศขึ้นลงของเครื่องบินน่ะครับ ผมว่าคงจะสับสนกับนิยามตรงนี้มากกว่า การทดสอบนักบินเกี่ยวกับ G ก็ใช้แค่แรงเหวี่ยงหมุนๆเปลี่ยนทิศไปมาอย่างเร็ว เทียบเคียงเหมือนเลี้ยวฉกาจในเครื่องบินความเร็วสูง ไม่ได้เกี่ยวกับแรงหนีศูนย์กลางเลยครับ ส่วนการดำดิ่งของเครื่องบินในทิศลง..อันนี้นี่ก็ไม่ได้เพิ่มแรง G ให้กับตัวนะครับ คงต้องให้นักบินมายืนยัน แต่ลองเทียบได้กับการลงลิฟท์เลย ถ้าคุณเจอลิฟท์ลงเร็วๆจะรู้สึกตัวเบาขึ้น แต่ถ้าลงมาเร็วๆแล้วโดนเบรค นั่นสิครับคุณจะรู้สึกตัวหนักขึ้นคล้ายเกิดแรง G เพิ่มที่เท้า เป็นกฎนิวตั้นเลย ครับ action = reaction ครับ เมื่อเกิดอัตราเร่งกับวัตถุในทิศใดๆ ปล. นี่ไม่ได้โกรธเคืองใดๆนะครับ เราเสวนาวิชาการกัน ถูกผิดลองใช้ข้อมูลแย้งกันได้ ให้เกิดความรู้ต่อยอดที่ถูกต้องน่ะครับ แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 50 00:10:45 จากคุณ : นัยตาสองชั้น - [ 30 เม.ย. 50 00:10:14 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ผมก็ไม่ได้โกรธเคืองครับ แต่อยากให้มีความเข้าใจที่ถูกต้องในด้านการบิน ผมเข้าใจหลักการของคุณครับ ในเรื่องการดำดิ่งลง ถ้าเป็นการดำดิ่งโดยไม่เพิ่ม G แบบที่คุณบอก การดำดิ่งนั้นต้องมีลักษณะไม่อยู่ในวิถีโค้ง เพื่อที่จะได้เกิด Free fall ซึ่งสำหรับเครื่องบินพาณิชย์ (เครื่องบินรบก็เถอะ) บินท่าดำหัวปัก 90 องศาลงมายากครับ ถ้าได้ก็โอกาสตายสูง (ตายทั้งในเรื่องของการเปลี่ยนแปลง G ช่วงดึงกลับ หรือตายเพราะเครื่องบิน overspeed) เพราะฉะนั้นผมถึงบอกไปว่าถ้าจะลงท่านั้น ต้องรอเครื่องบิน stall หางทิ่มเท่านั้นแหละ ถึงเป็นไปได้ (ซึ่งถ้าเครื่อง stall โอกาสตายก็สูงเหมือนกัน แตถ้าอยู่สูงๆ่ก็รอดได้ง่ายกว่าหัวปักเยอะ) ในรูปที่ผมยกตัวอย่าง เค้าไม่ได้หมายความว่า Zero G จะเป็นแค่การบินในท่าเครื่องบินดำหัว แต่เค้าหมายความว่าเมื่อเครื่องบินอยู่ในช่วงพาราโบล่าคว่ำ (ที่เค้าขีดแบ่งไว้) เครื่องบินจะมี G ลดลงจนเหลือน้อยมากๆ อาจเข้าใกล้ศูนย์ หรือเป็นศูนย์ก็ได้ การลงลิฟท์นั่นเป็นอีกเรื่องครับ เพราะว่าการเคลื่อนที่ลงของลิฟท์เป็นแบบ 1 มิติ ไม่เหมือนเครื่องบินที่เคลื่อนที่ใน 3 มิติ แน่นอน เมื่อลิฟท์ลงมีความเร่งในทิศลง ย่อมทำให้ reaction ที่เกิดขึ้นกับคนที่ยืนอยู่บนลิฟท์ลดลงครับ ถ้าคุณคิดว่าเรื่องแรงหนีศูนย์กลางไม่เกี่ยวข้อง ไม่มีความสำคัญ ผมขอเสนอให้คุณลองทดลองแบบง่ายๆดู ลองขับรถเป็นวงกลมดูสิครับ แรงเหวี่ยงมันผลักคุณไปทางไหน แล้าขณะนั้นความเร็วรถคุณขับเท่าไหร่(ผมว่าความเร็วนั้นน้อยมาก เมื่อเทียบกับเครื่องบิน แล้วลองจินตนาการว่าถ้าคุณขับด้วยความเร็วเท่าเครื่องบิน แรงนั้นจะผลักคุณไปมากอีกเท่าไหร่?) หรือไม่ก็ลองง่ายๆ ขับรถไปต่างจังหวัด ขึ้นเขาลงเนิน ขณะลงเนิน คุณรู้สึกก้นหนักขึ้นรึเปล่า? นั่นแหละ ขณะนั้นรถคุณกำลังวิ่งเป็นวิถีโค้ง และแรง G ที่เพิ่มก็มาจากแรงหนีศูนย์กลางนั่นแหละ หรือง่ายที่สุด.. ไปขึ้นรถไฟเหาะที่ดรีมเวิร์ลดู จึงขอแสดงเหตุผล ด้วยความเคารพครับ... ปล. "เลี้ยวฉกาจด้วยความเร็วสูง" นั่นแหละครับ แรงหนีศูนย์กลางเต็มๆเลย ความเร็วสูง รัศมีวิถีโค้งน้อย(เลี้ยวฉกาจ) ทำให้แรงหนีศูนย์กลางเพิ่มขึ้นอย่างมาก และทันทีทันใด จากคุณ : Vagabundo - [ 30 เม.ย. 50 01:31:11 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอเสริมอีกนิดครับ... ผมมาคิดดูแล้วก่อนอื่นเราต้องอธิบายคำว่า สภาวะไร้น้ำหนัก (weightlessness) ก่อนครับ... สภาวะไร้น้ำหนัก คือ ไม่มีน้ำหนัก เมื่อเทียบกับกรอบอ้างอิง สามารถทำได้โดยหลายวิธี เช่น   - Free fall -- ปล่อยลิฟต์ตกลงมาในท่อ(ในท่อไม่มีอากาศ ทำให้ไม่มีแรงต้านอากาศ) ทำให้คนที่อยู่ในลิฟต์มีสภาพไร้น้ำหนัก เมื่อเทียบกับลิฟต์ (แต่เมื่อเทียบกับโลก แน่นอน... G เป็น 1 (9.81 m/s2) )  -สำหรับเครื่องบิน(หัวข้อกระทู้นี้) เค้าไม่ได้ใช้วิธีการปล่อยเครื่องบินให้ตกครับ เค้าอาศัยการบินเป็นวิถีโค้ง เพื่อนำหลักการเรื่องแรง G นี่แหละครับ มาช่วยให้เกิดสภาวะไร้น้ำหนัก  - เอาคนไปปล่อยในอวกาศครับ ไร้น้ำหนักชัวร์  - เอาไปจุ่มน้ำ แต่ทำยังไงก็ได้ให้ แรงลอยตัว = น้ำหนัก เพราะฉะนั้นเราก็จะรู้สึกไร้น้ำหนัก แต่แน่นอน ที่จริงแล้วเรามีน้ำหนัก (G = 1) จากคุณ : Vagabundo - [ 30 เม.ย. 50 01:45:07 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอโทษน่ะครับ ผมไม่ทราบข้อมูลจริงๆ แต่ผมยังคิดว่าเป็นการบินแบบ Free Fall อยู่ดีน่ะครับ เพราะ ไม่จำเป็นต้องบินดิ่งลงมา 90 องศาตั้งฉากกับพื้นน่ะครับ บินเฉียงลงมาก็ได้ แต่ขอให้ความเร็วในแนวตั้งฉากกับพื้นโลกเพิ่มขึ้นให้ได้ 10 เมตรต่อวินาที ใน หนึ่งวินาทีก็พอ จากคุณ : wanchale - [ 30 เม.ย. 50 03:35:16 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 30 เม.ย. 50 04:04:14 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ผมเห็นด้วยกับหลักการของคุณนัยตาสองชั้นครับ เหตุเพราะผมเคยสนทนากับ นักบินที่บินเครื่องบินลำนั้นครับ วิธีการคือเริ่มดึงหัวเครื่องเชิดขึ้นประมาณ20องศา จน speed dropเกือบเข้าstick shaker หลังจากนั้นค่อยๆกดหัวเครื่องลง จน speed build up จนใกล้ๆ max ค่อยๆดึงหัวเชิดขึ้น จะมีเวลาไม่มากแค่ประมาณ ไม่เกินยี่สิบวินาที ถ้าเป็นแบบที่ใช้แรงหนีศูนย์กลางจริง ตัวคนที่อยู่ในนั้นต้องเคลื่อนที่เป็นเส้นโค้ง ตลอดเวลาที่อยู่ใน zero g ดังนั้นต้องมีส่วนที่สัมผัสกับเครื่องบินเป็นช่วงๆ เพราะถ้าไม่มีแรงมากระทำก็ต้องเคลื่อนที่ต่อไปเป็นแนวตรง และอีกอย่างคือถ้าจะใช้แรงหนีศูนย์จริงๆต้องใช้ความเร็วมหาศาลครับที่รัศมีความโค้งขนาดนั้น แต่ยอมรับว่าแบบที่ทำกันอยู่ยังไม่ 0 g จริงครับ ถ้าจะให้จริงต้องใช้แบบแรงหนีศูนย์ซึ่งยังทำไม่ได้ ยกตัวอย่างอีกอันคือ เหมือนปล่อยหินตก ลงมาตรงๆ กับปาหินขนานกับพื้นโลก จากคุณ : interceptor - [ 30 เม.ย. 50 08:46:38 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อืม ผมว่าการเอาการเหวี่ยงถังน้ำ หรือแรงหนีศูนย์มาอธิบายเนี่ยมันจะทำให้สับสนนะครับ หลักการก็คือ ให้แรงตั้งฉากจากพื้นที่กระทำต่อมนุษย์ N = 0 นั่นก็คือทำไงก็ได้ (ในที่นี้ก็คือการบินแบบ para) คือให้ mg = a คือเท่ากันและมีทิศเดียวกัน ความเร่งของเครื่องบินต้องเท่ากับ 9.8 และมีทิศลงล่าง นั่นก็คือ ให้วัตถุ เคลื่อนที่ขึ้นด้วยความหน่วง หรือเคลื่อนที่ลงด้วยความเร่ง จากคุณ : ธีรภัทร์2 - [ 30 เม.ย. 50 16:37:39 ]

ความคิดเห็นที่ 21 มันก็แค่หลักการง่ายๆๆๆๆๆ คนตกมาพร้อมเครื่องบิน โดยที่คนไม่โดนอากาศ(ลม)มาต้าน ก็แค่นั้นไม่เห็นต้องอธิบายให้มากเรื่องเลย จากคุณ : sarareal - [ 30 เม.ย. 50 19:20:55 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ครับ โอเค งั้นคุณ Vagabundo ลองทำความเข้าใจ เรื่องแรงหนีศูนย์กลางของคุณดูนะครับ ว่าตรงกับสากลเค้ารึเปล่า ตัวอย่าง ง่ายๆของนิยาม แรงหนีศูนย์กลางที่เราเคยร่ำเรียนฟิสิกส์กันมา ถ้าจำกันไม่ผิด เช่น  วัตถุติดปลายเชือก แล้วหมุนจนได้ความเร็วด้วยความเร็วมากพอเมื่อเทียบกับน้ำหนัก มันจะดึงจนเชือกตึงและลอยขึ้น จนไม่ตกลงมา นี่ครับ ความเร่งหนีศูนย์ฯ เต็มๆ (อย่าไปสับสนกับเครื่องเหวี่ยง G training นักบินนะครับ ดูคล้ายๆกัน นั่นเค้าเล่นกับความเร่ง ใช้แรงเหวี่ยงจำลองพวก multiple G) อีกอันก็ เวลาขี่จักรยาน พอปั่นได้ความเร็วจะทำให้ทรงตัวง่าย ไม่เอียงล้ม เพราะความเร็วในแนวราบครับที่เปลี่ยนทิศแรงดึงดูด จนเกิดแรงหนีศูนย์ ความเร่งหนีศูนย์ ไม่ใช่ว่าความเร่งในทิศดิ่ง หนีแกนโลก อะไรแบบนั้นเท่านั้นนะครับ พวกที่คุณพูดๆมาแรงลอยตัว ในน้ำ.. นั่นอีกศาสตร์นึง เดี๋ยวจะไปกันใหญ่ แล้วตัวอย่าง รถวิ่งนั่นมันเกี่ยวกับแรงเฉี่อยครับ ทิศทางของคนนั่งบนรถอวัยวะภายใน ไม่สัมพันธ์กันกับรถตอนขึ้นลงคอสะพานเร็วๆมันเลยเปลี่ยนแปลงจนเสียววูบ ถ้ามาช้าๆก็แทบไม่รู้สึกครับ ส่วนความเข้าใจเรื่องแรง G อื่นๆ ผมว่าก็น่าจะถูกต้องแล้วนะ เว้นแต่คำว่า แรงหนีศูนย์ที่คุณย้ำๆนี่ล่ะครับ ที่มันแปลกๆ และไม่ได้ทำให้คนลอยได้บนในเครื่องบินแน่ๆ ถ้าไม่ได้บินแบบ parabolic น่ะครับ จากคุณ : นัยตาสองชั้น - [ 30 เม.ย. 50 21:22:51 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ครับ ผมเริ่มเข้าใจสิ่งที่คุณคิดแล้วครับ แต่ก็ยังมีข้อขัดแย้งอยู่คือ.. ถ้าต้องการปล่อย free fall โดยการดำดิ่งแล้ว ทำไมต้องเรียกว่า parabolic flight อะครับ ทำไมไม่เป็นช่วงแค่ descending อย่างเดียว (จากแผนภาพทุกๆแผนภาพในเรื่อง parabolic flight บอกว่า 0 G จะเกิดที่ช่วง parabolic flight path) สำหรับเรื่องความเร่งหนีศูนย์ ในความคิดผม ไม่ใช่เกี่ยวกับความเร่งทิศดิ่ง หนีแกนโลกอะไรอย่างงี้นะครับ ผมคิดว่ามันเกี่ยวกับ การเคลื่อนที่ของเครื่องบิน เพราะเครื่องบินเคลื่อนที่ในอากาศ เป็นสามมิติ เมื่อใดก็ตามที่วัตถุเคลื่อนที่เป็นวิถีโค้ง ย่อมเกิดแรงหนีศูนย์ ไม่จำเป็นต้องมีเชือกก็เกิดได้ (เหมือนรถเวลาเข้าโค้ง แล้วคนขับรู้สึกเหมือนโดนเหวี่ยง) สำหรับเครื่องบิน ตราบใดที่นักบินจับคันบังคับ เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา เชิดหัวขึ้น ปักหัวลง ยังไงมันต้องเกิดแรงหนีศูนย์ขึ้นมาอยู่แล้วครับ จะไปทิศไหนก็ว่ากันอีกเรื่อง จะเสริมแรงดึงดูดโลก หรือจะต้านแรงดึงดูดโลก ก็เป็นอีกเรื่อง เหมือนกับดาวเทียม หรือสถานีอวกาศ จริงๆแล้วอยู่ที่ความสูงระดับนั้น ก็ยังไม่สูงมากจนหลุดจากแรงดึงดูดโลก แต่ที่คน"รู้สึก" ไร้น้ำหนักในสถานีอวกาศ ก็เพราะว่าสถานีอวกาศโคจรรอบโลก ด้วยความเร็ว ทำให้เกิดแรงหนีศูนย์มาบาลานซ์กับ G โลก สำหรับความเร็วเครื่องบินที่จะทำให้เกิดแรงหนีศูนย์ ผมว่าไม่มหาศาลมากนัก เพราะว่าเราเอาไปเทียบกับความเร็วดาวเทียมไม่ได้ รัศมีการเคลื่อนที่มันต่างกันเยอะครับ รัศมีน้อยกว่า ก็ใช้ความเร็วน้อยกว่า เพื่อที่จะให้เกิดแรงหนีศูนย์ที่เท่ากัน หรือใกล้เคียงกัน ผมจึงคิดว่าแรงหนีศูนย์(centrifugal)  ต้องเกี่ยวกับการเคลื่อนที่เป็นรูป parabolic แน่ๆ  ไม่งั้นนักบินร่อนลงมาเลยจากความสูงมากๆก็ได้เหมือนกัน ทำไมต้องเป็น parabolic ด้วยล่ะ ทำไมแผนภาพในทุกๆที่ ต้องเขียนว่า free fall เกิดในช่วง parabolic ไม่ได้เกิดแค่ในช่วงเครื่องบินปักหัวลง? ตัวอย่างที่ผมยกไปเรื่องรถวิ่ง เรื่องรถไฟเหาะ เกี่ยวกับแรงหนีศูนย์แน่นอนครับ อันนี้ผมขอยืนยันเลย รถเข้าโค้งแรงๆ ถ้ามันเกี่ยวกับความเฉื่อย ทำไมมันไม่คว่ำไปด้านอื่นละครับ ทำไมมันคว่ำไปด้านข้างเต็มๆเลย เหมือนมีอะไรมาผลักมัน หรือว่าเวลาขี่จักรยานเข้าโค้ง ทำไมเราต้องเอียงตัวเข้าโค้ง ถ้าไม่เอียงจะปั่นเข้าโค้งเร็วๆได้มั้ย? (เอียงเพื่อบาลานซ์กับ centrifugal force ที่ผลักออกมา) ด้วยเหตุต่างๆเหล่านี้ ผมคิดว่าแรงหนีศูนย์ เป็นตัวแปรที่เค้าต้องบินเป็น parabolic ครับ ขอโทษที่ตอบช้าครับ พอดีช่วงนี้ติดธุระ ไม่ได้เข้ามาเลย ถ้าคำถามเรื่อง parabolic flight เคลียร์ได้ก็โอเคครับ ถกกันแบบนี้ สนุกดีครับ ได้บรรยากาศของห้องนี้ดี จากคุณ : Vagabundo - [ วันแรงงาน 20:52:18 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ที่ว่าบินแบบพาราโบลิคก็คือบินขึ้นๆลงๆเป็นยอดคลื่นไงครับ เหมือนกับแกล้งให้มีความเร็วในแนวดิ่งขึ้นไปก่อนแล้วก็หัก ลงมาธรรมดาๆ ลองใช้สูตร mvกำลังสอง/r = mg แทนค่าดูสิครับ แล้วจะรู้ว่าต้องใช้ v เท่าไหร่ถึงจะทำให้แรงหนีศูนย์เท่ากับ ค่า g ได้ จากคุณ : interceptor - [ 2 พ.ค. 50 10:39:28 ]

ความคิดเห็นที่ 25 มาช่วยแก้นิดนึง การstallไม่ใช่การสูญเสียความเร็วนะคับ เป็นการสูญเสียแรงliftต่างหาก เพราะการที่เครื่องบินบินเร็วมากๆก็สามารถเกิด hi-speed stall ได้เช่นกันคับ จากคุณ : PT - [ 3 พ.ค. 50 03:42:20 A:203.151.206.73 X:58.9.135.125 TicketID:120232 ]

ความคิดเห็นที่ 26 อย่างที่ #25 บอกครับ Factor ของ Stall คือ แรงยก ซึ่งแรงยกหาย เกิดได้ทั้ง Low Speed และ High Speed ส่วนที่ต้องบินแบบ Parabola เพราะการบินขึ้นลงตามธรรมชาติมันเป็น Parabola ในตัวอยู่แล้วครับ จากคุณ : ไก่กระดูกนิ่ม - [ 3 พ.ค. 50 17:02:31 ]