ความคิดเห็นที่ 2
เหตุที่ต้องกินก่อนอาหาร อาจเป็นเพราะ
ตัวยาไม่ถูกกับกรด ทำให้ต้องกินตอนกรด+น้ำย่อยยังไม่หลั่งออกมา
หรือ ตัวยาถูกรบกวนการดูดซึมโดยอาหารได้ง่าย เมื่อลงไปปนกับอาหารแล้ว จะติดไปกับอาหารซะมาก ไม่ค่อยดูดซึม ทำให้ระดับยาในกระแสเลือดไม่สูงพอที่จะออกฤทธิ์
ถ้ากินหลังอาหาร ถ้าเป็นกรณีแรก หลังรับประทานอาหาร ร่างกายจะหลั่งน้ำย่อยและกรดออกมาในกระเพาะมากมาย ยาก็จะถูกกรดทำลายบางส่วน กลายเป็นสารที่ไม่มีฤทธิ์ทางยา ทำให้เหลือปริมาณยาไม่พอที่จะดูดซึมเข้ากระแสเลือดและออกฤทธิ์
ถ้าเป็นกรณีหลัง ยาจะถูกอาหารดูดซับ ทำให้ไม่ดูดซึม หรือดูดซึมช้าลง จนไม่สามารถสร้างระดับความเข้มข้นของยาในกระแสเลือดถึงระดับที่ยาจะออกฤทธิ์ได้
ยาที่เรากินเข้าไป จะเป็นยาเม็ด ยาสน้ำ แคปซูล ก็จะเข้าไปแตกตัวที่กระเพาะ และถูกดูดซึมผ่านผนังกระเพาะเข้าสู่เส้นเลือด ซึ่งอัตราการดูดซึมยา จะขึ้นกับปัจจัยหลักๆ พวกนี้ คือ คุณสมบัติของตัวยา - ละลายน้ำได้ดี หรือละลายในไขมัน, ขนาดโมเลกุลยา ฯลฯ สภาพกรด-ด่างในกระเพาะ ปริมาณอาหารในกระเพาะ, ชนิดของอาหารในกระเพาะ เช่น ยากลุ่มเตตร้าไซคลิน ไม่ถูกกับอาหารที่มีแคลเซี่ยมสูง
เมื่อยาถูกดูดซึม ก็จะไปวนเวียนในกระแสเลือดไปทั่วร่างกาย ในระยะแรก ความเข้มข้นของยาในกระแสเลือดจะยังต่ำอยู่ และจะค่อยๆเพิ่มขึ้นเมื่อยาถูกดูดซึมและไปสะสมอยู่ในกระแสเลือดมากขึ้นๆ จนถึงระดับที่ออกฤทธิ์ ยาจึงจะเริ่มทำงานได้ ถ้ายังอยู่ในระดับต่ำกว่าระดับออกฤทธิ์ ยาก็จะไม่สามารถทำงานได้ ถ้าเป็นยาปฏิชีวนะ ก็จะไม่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้
แต่สามารถจะกระตุ้นให้เชื้อเกิดการปรับตัวเป็นเชื้อที่ดื้อยาได้
จากคุณ :
alan the lamb
- [
10 พ.ค. 50 12:23:57
]
|
|
|