เหตุเกิดมาจากการปวดท้องน้อยมานาน ตอนแรกๆก็สอดคล้องกับการมีเมนส์ แต่แล้วพักหลังเริ่มไม่ใช่ เริ่มปวดบ่อยขึ้น ก็เลยปรึกษาหมอ กว่าจะได้เรื่องก็นานมากเพราะอยู่ๆหมอคงไม่ส่องกล้องให้เราเจ็บง่ายๆแน่
แพรเริ่มอย่างแรกเลยคือการถูกจับตรวจภายใน อัลตราซาวน์ทั้งแบบที่ทาเจลที่พุง กับการอัลตราซาวน์แบบทางช่องคลอด แต่แล้วก็ไม่พบอะไร มีแต่พบว่ารังไข่โตแต่ไม่มาก จนสุดท้ายหมอลงมติว่า ส่องกล้องเพื่อหาสาเหตุก็จะส่องกล้องนะ
เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลรัฐ จึงมีการนัดค่อนข้างนาน แรมเดือนเลยหล่ะ เลยได้ฤกษ์เหมาะเหม๋ง โดยการส่องกล้องนั้นจะมีแผลเพียงเล็กน้อย แต่หมอนัดให้นอนโรงพยาบาลก่อน 1 วัน
แพรเริ่มไปวันแรก หมอนัดเจ็ดโมงเช้าค่ะ หมอนัดมาคุย และก็มีการตรวจภายในอีกครั้งและก็อัลตร้าซาวน์แบบเข้าทางช่องคลอด ตรวจเสร็จหมอก็สั่งให้เราไปติดต่อหอผู้ป่วยใน เพื่อทำการ admit แพรไม่ได้พักหรูหรา พักแบบธรรมดาเลยหล่ะ ผู้ป่วยรวม ญาติแพรที่เป็นหมอที่นี่เคยบอกว่า อยู่ที่นี่อยากให้อยู่ห้องรวมเพราะพยาบาลและหมอจะอยู่ใกล้ๆตลอด ซึ่งมันก็จริงอ่ะ
ภายในห้องพักผู้ป่วยนรีเวช ทำให้แพรได้รู้ว่า เตียงที่มีอยู่ราว 35-40 เตียง ตอนแรกเห็นไม่ค่อยมีคนแต่สักพัก เข้าเที่ยงบ่ายปุ๊บ คนไข้ที่ผ่าตัดก็เริ่มออกมาจากห้องผ่าตัด จากการที่แพรพอได้คุยกับพี่ๆ น้องๆ ที่รอคิวผ่าเหมือนกัน ทำให้แพรรู้ว่า มีผู้หญิงมากมายเลยนะที่เค้าต้องเผชิญกับโรคเกี่ยวกับมดลูกเนี่ย
อาหารมื้อแรกของแพรเป็นอาหารกลางวันค่ะ จำได้ว่าเป็นสิบปีแล้วที่ไม่ได้ทานอาหารจานหลุม อิอิ กับข้าวมีแกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย ผัดผักกับกุ้ง หัวไชเท้าทอด และก็เต้าทึง
จากนั้นแพรก็หลับเหมือนประมาณรอเวลาให้เย็น ตกเย็นราวห้าโมงเย็นอาหารเย็นก็มา เป็นข้าวต้มค่ะ กับแกงจืดฟัก ผัดผักประมาณจับฉ่ายนิ่มๆ ตกเย็นแล้วเค้าก็จะมีชุดมาให้เปลี่ยนค่ะ รพ.รัฐก็จะไม่มีอะไรให้เลยค่ะ เราต้องเตรียมเองไม่ว่าจะเป็นสบู่ ผ้าขนหนูแป้งอะไรอีกจิปาถะ จากนั้นประมาณ 2 ทุ่ม เค้าก็จะเรียกคนที่จะต้องผ่าตัดไปฟังและไปดูวีดีโอเกี่ยวกับการผ่าตัดค่ะว่าเราต้องเตรียมตัวอะไรบ้างและทำอย่างไรบ้าง ก็เริ่มจาก
หลังเที่ยงคืน ห้ามทานทุกอย่างค่ะ แม้แต่น้ำก็ห้ามค่ะ เนื่องจากว่า มันต้องใช้ยาสลบซึ่งหากว่าทานอะไรเข้าไปอาจจะทำให้สำลักและเป็นอันตรายได้
จะมีการสวนก้นเพื่อให้ถ่ายให้เกลี้ยง 2 ครั้ง ครั้งแรกคือคืนวันนั้น และอีกครั้งคือเช้าตรู่ค่ะ ซึ่งแพรก็เพิ่งทราบค่ะว่า การวางยาสลบนั้น กล้ามเนื้อทุกอย่างจะคลายหมด หากว่าไม่ถ่ายให้เกลี้ยงอาจจะทำให้อึออกมาตอนผ่าตัดซึ่งส่งผลให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย
ที่สำคัญอีกอย่างที่แพรเพิ่งทราบคือ การวางยาสลบนั้น คนไข้ไม่สามารถหายใจด้วยตัวเองได้เลย คือต้องมีออกซิเจนช่วยหายใจค่ะ
สอนวิธีใส่ชุดเตรียมผ่าตัด เพิ่งทราบว่า การใส่ชุดนี้ต้องใส่ย้อนอ่ะ คือใส่กลับหลังค่ะ
ออกมาสักพักก็ได้พบกับฝ่ายวิสัญญี เค้าก็เข้ามาคุยว่าเราแพ้อะไรมั้ย เคยถูกวางยามั้ย แล้วก็บอกว่าจะเป็นยังไง พูดถึงตอนตื่นว่า ไม่ควรขยับตัว ตื่นมาอาจจะมึนๆ บ้างก็จะอาเจียน และเค้าก็บอกว่า พรุ่งนี้เจอกันนะคะ
หลังจากถูกสวนก้นรอบแรกแล้ว สักพัก พยาบาลก็มาบอกว่า จะต้องเหน็บยานะคะ ไอ้เราก็ค่ะ ใจน่ะคิดว่า คงเป็นพยาบาลมาทำให้ แต่แล้วก็.... หมอหนุ่มหล่อ 2 นาย เดินเข้ามาพร้อมกับบอกว่า เหน็บยาครับ อ้าขาด้วย ไม่ต้องเกร็งครับ ..... T_T โห จะมะหั้ยเกร็งได้งัยอ่ะ หมอหนุ่มๆทั้งนั้น อายมากกว่าอ่ะ
หมอบอกว่าจะให้ยานอนหลับทานเพื่อให้หลับได้ดีขึ้น ได้ยามาครึ่งเม็ด ส่วนอีกครึ่งเม็ดน่ะ จะให้ทานก่อนเข้าห้องผ่าตัด
ตกดึกแพรได้ยามาสักสามทุ่มครึ่งได้ หลับไปตั้งแต่ 4 ทุ่มแต่ฝันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ฝันเห็นเด็กวิ่งเล่นรอบเตียง อ่ะอ่ะ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ 555 สะดุ้งตื่นตอนเที่ยงคืนครึ่ง จากนั้น เคลิ้มไปแต่แล้วบอกตามตรงนะคะ ไม่ได้บ้านะ แต่ว่าได้ยินเสียงเด็กเล่นข้างเตียงตลอดเลยค่ะ คุยหัวเราะตลอดอ่ะ เลยตื่นทุกๆชั่วโมงเลยค่ะ ตี1ครึ่ง ตี2ครึ่ง ตี3ครึ่ง ตี4ครึ่ง ยันตี5ครึ่ง พยาบาลมาวัดความดัน วัดปรอท สักพักก็มาสวนก้นให้อีกรอบแล้วก็ให้อาบน้ำสระผมเปลี่ยนชุดเตรียมขึ้นเขียง
จากคุณ :
แพรดาว
- [
13 มิ.ย. 50 23:25:24
]