ความคิดเห็นที่ 1 หลังจากนั้นผมลอง search ดูคร่าว ๆ พอหายสงสัยไปเล็กน้อยครับ ข้อมูลที่ผมได้คือ (จาก wiki) The antibiotic properties of Penicillium sp. were first described in France by Ernest Duchesne in 1897. However, his work went by without much notice from the scientific community until Alexander Fleming's discovery of Penicillin (see below). คือคล้าย ๆ Penicillin ถูกค้นพบขึ้นได้ในปี 1897 และ Antibiotics were further developed in Britain following the re-discovery of Penicillin in 1928 by Alexander Fleming. Penicillin ถูกค้นพบใน 1928 โดย Alexander Fleming More than ten years later, Ernst Chain and Howard Florey became interested in his work, and came up with the purified form of penicillin. หลังจากนั้นสิบปีถึง purify penicillin ขึ้นมาได้ (และคงหลังจากตรงนี้ถึงจะเริ่มใช้กันในวงกว้าง) จากคุณ : Elrond - [ 1 ก.ค. 50 22:20:24 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผมลองหยุดหาข้อมูลฝ่าย antibiotics ไว้ที่ปี 1928 ครับ แล้วลองมาหาข้อมูลฝ่าย plasmid ดู (จาก http://histmicro.yale.edu/mainfram.htm ) Plasmid Early History Time-Line:     1903: Walter S. Sutton and Theodor Boveri independently develop the hypothesis that the units of heredity are physically located on chromosomes, thus giving a physical location for heredity.     1910: Thomas Hunt Morgan describes association of heritable properties in Drosophila with a specific chromosome and begins the analysis of genes in the nucleus.    *** 1920s-1940: Embryological observations suggest that there are hereditary determinants in the cytoplasm.     1946: Joshua Lederberg and Edward Tatum report strong evidence for a sexual phase in E. coli K-12.     1949-1951: J. Lederberg and Cavalli and Heslot find that most strains of E. coli will not mate with K-12.     1950: Andre Lwoff and Antoinette Gutmann clarify the nature of phage lysogeny.     1951: Esther Lederberg discovers the lyosgenic bacteriophage lambda in E. coli K-12.    * 1950s: Respiratory deficient mutants in yeast (petites) are studied by P. Slonimski and B. Ephrussi and are attributed to cytoplasmic hereditary units in the mitochondria. Mutations in Chlamydomonas are attributed to hereditary units in the chloroplasts by R. Sager.     1950-1952: William Hayes suggests that mating in E. coli is an asymmetric (unidirectional) process rather than one analogous to cell fusion and zygote formation in higher organisms.    *** 1952: J. Lederberg reviews the literature on cell heredity and suggests the term"Plasmid" for all extrachromosomal hereditary determinants.    * 1952-1953: Hayes, and J. Lederberg, Cavalli, and E. Lederberg report that the ability to mate is controlled by a factor (F) that seems to be an infectious particle not associated with the chromosome. ผมลองอ่านดูคร่าว ๆ และได้ความคิดที่เหมือนจะเข้าข้างตัวเองว่า นักวิทยาศาสตร์รู้สึกทะ:-) ๆ เหมือนจะมี plasmid ในปี 1920s-1940 และเลื่อนเลยมาจนถึงปี 1952 กว่า Joshua Lederberg จะให้กำเนิดคำว่า plasmid จากคุณ : Elrond - [ 1 ก.ค. 50 22:20:57 ]

ความคิดเห็นที่ 3 รวมทั้งเมื่อพิจารณาจากข้อมูลจาก bibliography Early Bibliography of Plasmid Research (Pre-1960) Arranged by date of publication: 1944 R. R. Roepke, R. L. Libby, and M. H. Small. Mutation or variation of Escherichia coli with respect to growth requirements. J. Bact. 48 (1944), 401-12. 1946 J. Lederberg, and E. L. Tatum. Novel genotypes in mixed cultures of biochemical mutants of bacteria. Cold Spring Harb. Symp. Quant. Biol., 11 (1946), 113-4. J. Lederberg, and E. L. Tatum. Gene recombination in E.coli. Nature 158 (1946), 558. 1947 J. Lederberg. Gene recombination and linked segregations in Escherichia coli. Genetics 32 (1947), 505-25. 1949 J. Lederberg. Aberrant heterozygotes in Escherichia coli. Proc. Natl. Acad. Sci. U.S.A., 35 (1949), 178-84. 1950 L. L. Cavalli-Sforza. La sessualita nei batteri. Boll. Ist. Sieroter., Milano, 29 (1950), 281-9. B. D. Davis. Non-filtrability of the agents of genetic recombination in E. coli. J. Bact., 60 (1950), 507-8. A. L. Houwink, and W. van Iterson. Electron microscopical observations on bacterial cytology. Biochim. Biophys. Acta, 5 (1950), 10-44. 1951 J. Lederberg, E. M. Lederberg, N. D. Zinder, and E. R. Lively. Recombination analysis of bacterial heredity. Cold Spring Harb. Symp. Quant. Biol.16 (1951), 413-43. J. Lederberg. Streptomycin resistance: a genetically recessive mutation. J. Bact., 61 (1951), 549- 50. งานวิจัยดูจะเกี่ยวข้องกับ plasmid (ซึ่งเกี่ยวข้องกับ mutation และ recombination) เริ่มต้นในปี 1944 เป็นต้นมา (และจนในปี 1951 มีการประกาศการดื้อยาของ Streptomycin) จากคุณ : Elrond - [ 1 ก.ค. 50 22:21:59 ]

ความคิดเห็นที่ 4 พอลองจับเอา timeline ระหว่าง plasmid กับ antibiotics มาเปรียบเทียบ (แบบมั่ว ๆ) ดูแล้วมันก็อดสงสัยไม่ได้ครับ มันจะเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดที่ การมีอยู่ของ plasmid ใน bacteria เป็นเพราะ antibiotics ที่เกิดจากฝีมือมนุษย์นั่นเอง ที่ผมสงสัยต่อมาก็คือ ผมเข้าใจไม่ผิดใช่ไหมครับว่า ไม่ใช่ bacteria ทุกชนิดที่มี plasmid plasmid ไม่ได้มีประโยชน์อื่นใดนอกจากการดำรงเผ่าพันธุ์ อันนำไปสู่สิ่งที่ plasmid เป็นคือการทำให้เกิดพยาธิสภาพ หรือการดื้อต่อยาชนิดต่าง ๆ (แต่ข้อนี้ถ้าจะคิดว่า ส่วนประกอบทุกส่วนของสิ่งมีชีวิตต่างก็เอื้อต่อการดำรงเผ่าพันธุ์ก็อาจจะได้) คิดอยู่คนเดียวมันก็คอยแต่คิดจะเข้าข้างตัวเองอยู่เรื่อย ๆ ครับ เลยลองมาเล่าในหว้ากอดู ให้คนอื่นได้แย้งบ้างจะได้ไม่ฟุ้งซ่านซักที ขอบคุณครับ จากคุณ : Elrond - [ 1 ก.ค. 50 22:22:46 ]

ความคิดเห็นที่ 5 โอ!!! กระทู้ตัวอย่างหว้ากอจริงๆ! อัดแน่นด้วยข้อมูล, ความรู้ และการวิเคราะห์! คันปากอยากตอบ แต่ขาดองค์ความรู้... คงช่วยได้แค่...ปั่นกระทู้ จากคุณ : pzifrius - [ 1 ก.ค. 50 22:59:29 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจอ่ะครับ ท่าทางผมมีความรู้ด้านนี้น้อยมากล่ะ T^T ปั่นด้วยคน~ จากคุณ : ScaperS - [ 1 ก.ค. 50 23:24:03 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เท่าที่รู้ๆ มา อิชั้นรู้เพียงแต่ว่า plasmid นั้นเกี่ยวข้องกับการดื้อยา และแบคทีเรียสามารถถ่ายทอดยีนของการดื้อยาผ่านทาง plasmid ได้ โดยเมื่อแบคทีเรีย species อื่นมาอยู่ใกล้กันก็สามารถจะถ่ายทอดยีนดื้อยาข้าม species กันได้ จากคุณ : ทิ้งไว้เป็นปริศนา - [ 1 ก.ค. 50 23:45:39 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ว่าแต่อะไร คือ คะตาไลซ์ จากมนุษย์ ที่มีผลต่อการ กลายพันธุ์ แต่เรื่องนี้ไม่น่าจะแปลกครับ เพราะการสืบทอด ทั้งจำนวนมาก และ ช่วงอายุที่สั้น ทำให้มองเห็นการกลายพันธุ์ที่เห็นได้ชัดแล้วเปลี่ยนแปลงตัวเองทั้ง gen ไ้ด้ ซึ่ง ยาปฏิชีวินะ ก็ย่อมเป็นสิ่งแวดล้อมนึงอยู่แล้ว แต่ผมว่านะจะมีเรื่องของ ผลผลิตจากยาปฏิชีวินะ ภายในร่างกายคนอีกด้วย จากคุณ : irq5 - [ 1 ก.ค. 50 23:49:02 A:203.146.63.187 X: TicketID:129004 ]

ความคิดเห็นที่ 9 รู้แต่ว่าโดยเฉพาะเชื้อที่อยู่ในโรงพยาบาลจะเป็นเชื้อที่ดื้อยาเป็นพิเศษ ซึ่งการใช้ยาปฎิชีวนะแบบไม่ถูกต้อง(กินยาไม่ครบขนาน,ให้กินพร่ำเพรื่อ ฯลฯ) ทำให้เกิดstrainที่ดื้อยามากขึ้น...แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกันค่ะ - -'' จากคุณ : "มะลิยามเช้า" - [ 2 ก.ค. 50 00:09:57 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ปล.plasmidคือสารพันธุกรรมของแบคทีเรียที่อยู่นอกส่วนที่เรียกว่าnucleoid(เป็นnucleusที่ไม่มีnuclear membraneค่ะ) จากคุณ : "มะลิยามเช้า" - [ 2 ก.ค. 50 00:13:31 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ได้ยินอาจารย์เคยบอกว่า Plasmid เกิดจาก Drug induceได้ แต่ก็ เอ่อ ด้วยสติเลือนลางในห้องlecture เลยทำให้ไม่แน่ใจว่าถูกมั้ย จากคุณ : Umiki - [ 2 ก.ค. 50 00:43:32 ]

ความคิดเห็นที่ 12 plasmid มีมานานแล้วครับ เป็นวิธีการเอาชีวิตรอดอย่างหนึ่งของพวก แบคทีเรีย เพราะ antibiotics เองก็มาจากเชื้อรานั่นเอง ย่อมต้องมี แบคทีเรียที่ทนทานต่อ antibiotics ด้วยเช่นกัน เพราะทั้งสองวิวัฒนาการ มาด้วยกัน เนื่องจากต้องแย่งอาหารและสิ่งแวดล้อมกันเอง จากคุณ : Practical x 2 - [ 2 ก.ค. 50 01:31:33 ]

ความคิดเห็นที่ 13 แว้บเข้ามา เป็นอันว่าปิดประเด็นได้ซักทีครับ ลืมไปเลยว่า penicillin มันก็ Penicillium sp. นั่นเอง ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 02 ก.ค. 50 01:48:46 จากคุณ : Elrond - [ 2 ก.ค. 50 01:48:20 ]

ความคิดเห็นที่ 14 plasmid มันช่วยเรื่องเพิ่มความหลากหลายให้Bacteria ด้วยครับ ทำให้เกิดRecombination เช่นพวก F plasmid จากคุณ : KL - [ 2 ก.ค. 50 07:45:31 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เข้ามาดูดซึมความรู้ยามเช้า จากคุณ : MochaSundae - [ 2 ก.ค. 50 08:42:42 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ความคิดเห็นที่ 7 เท่าที่รู้ๆ มา อิชั้นรู้เพียงแต่ว่า plasmid นั้นเกี่ยวข้องกับการดื้อยา และแบคทีเรียสามารถถ่ายทอดยีนของการดื้อยาผ่านทาง plasmid ได้ โดยเมื่อแบคทีเรีย species อื่นมาอยู่ใกล้กันก็สามารถจะถ่ายทอดยีนดื้อยาข้าม species กันได้ ------------------------------------------ อันนี้จริงเหรอครับ แสดงว่ามีโอกาสสร้าง plasmid ที่ดูดีน่าถ่ายทอด แต่ทำให้อายุสั้นได้เหมือนกันนะ จากคุณ : IRQ5 - [ 2 ก.ค. 50 08:47:37 A:210.1.22.23 X: TicketID:129004 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เท่าที่รู้ๆ มา อิชั้นรู้เพียงแต่ว่า plasmid นั้นเกี่ยวข้องกับการดื้อยา และแบคทีเรียสามารถถ่ายทอดยีนของการดื้อยาผ่านทาง plasmid ได้ โดยเมื่อแบคทีเรีย species อื่นมาอยู่ใกล้กันก็สามารถจะถ่ายทอดยีนดื้อยาข้าม species กันได้ ------------------------------------------ ถูกค่ะ  อย่างเช่นแบคทีเรีย ก. มียีนดื้อยาเพนนิซิลลินอยู่  บังเอิญว่า (ความบังเอิญนี้มักเกิดในโรงพยาบาล เพราะแต่ละคนก็ติดเชื้อต่างกันมา)  มีแบคทีเรีย ข. ที่มียีนดื้อยาเมทิซิลิน อยู่แถวนั้นพอดี  มันทั้ง 2 ก็จะเริ่มสร้าง F pili  หรือสร้างแขนงอกออกมาเชื่อมกัน  ทำให้พลาสมิดของแต่ละตัวเกิดการจำลองตัวและส่งไปยังแบคทีเรียฝ่ายตรงข้าม  พอแต่ละฝ่ายได้พลาสมิดไป  มันก็จะเอายีนดื้อยาอันใหม่เข้ามาต่อกับอันเก่าด้วยขบวนการ  recombinant DNA  ทำให้จากเดิมที่แบคทีเรีย ก. สามารถด้านเพนนิซิลลินได้อย่างเดียวก็กลายเป็นว่าต้านเมทิซิลินได้เพิ่มไปด้วย  เช่นเดียวกับแบคทีเรีย ข. นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเชื้อถึงได้มีการดื้อยาได้หลายชนิดเพิ่มมากขึ้น จากคุณ : อสรพิษเขี้ยวขาว - [ 2 ก.ค. 50 11:32:11 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ได้ยินอาจารย์เคยบอกว่า Plasmid เกิดจาก Drug induceได้ แต่ก็ เอ่อ ด้วยสติเลือนลางในห้องlecture เลยทำให้ไม่แน่ใจว่าถูกมั้ย -------------------------------------------------------------------- อันนี้ก็ถูกค่ะ..  นอกจากนี้ยังพบว่า  ในการทดลองการ induce ด้วยยาปฏิชีวนะที่ทำให้เกิดการสร้างพลาสมิดดื้อยานั้น  หากหยุดการ induce  แล้วล่ะก็  พลาสมิดดื้อยาก็จะถูกดีดทิ้งออกไปเพราะไม่มีความจำเป็นต้องใช้อีกต่อไป จากคุณ : อสรพิษเขี้ยวขาว - [ 2 ก.ค. 50 11:36:54 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ส่วนคำถามที่จขกท.สงสัยนั้น  อาจารย์แพรกตอบได้เคลียร์แล้วค่ะ antibiotics  น่ะมีมาตั้งนานแล้วล่ะค่ะ  เพียวแต่มนุษย์เพิ่งค้นพบมันก็เท่านั้นเอง   ----------------------------------------------------------------------- ผมเข้าใจไม่ผิดใช่ไหมครับว่า ไม่ใช่ bacteria ทุกชนิดที่มี plasmid ----------------------------------------------------------------------- อันนี้ก็ไม่รู้ค่ะ  แหะๆ  แต่ก็คิดว่าเมื่อก่อนอาจจะไม่ทุกชนิด  แต่ปัจจุบัน  ทุกชนิดก็คงมีพลาสมิดกันหมดแล้วล่ะค่ะ จากคุณ : อสรพิษเขี้ยวขาว - [ 2 ก.ค. 50 11:43:33 ]

ความคิดเห็นที่ 20 การที่เชื้อในรพ. ดื้อยาสาหัสกว่าที่อื่นนั้น เพราะการใช้ยาในรพ. มีความหลากหลายมาครับ และยาที่หลากหลายนั้น มีจำนวนมากที่เป็นยา "แรง" คือครอบคลุมเชื้อได้มาก และฆ่าได้เร็ว ถ้าเชื้อทนได้ขึ้นมา น่ากลัวสุดๆ เหมือน MDR-TB จากคุณ : Epinephrine - [ 2 ก.ค. 50 11:51:07 ]

ความคิดเห็นที่ 21 plasmid ส่วนใหญ่ ไม่มียีนดื้อยานะครับ มันจะมีแค่ rep gene  กับ ori  บางครั้ง แมีแต่ ori ด้วยซ้ำที่เหลือ เป็น option จากคุณ : recombination - [ 2 ก.ค. 50 13:58:12 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณทุกท่านมากครับ เพิ่มเติมพี่ Epinephrine ว่า เดี๋ยวนี้เขาไปถึง XDR-TB (extremely) กันแล้วครับ จากคุณ : Elrond - [ 2 ก.ค. 50 16:45:19 ]

ความคิดเห็นที่ 23 โอว........บรรยากาศหว้ากอแบบนี้หายากจัง......... อยากให้มีคำถามแนวนี้เยอะๆหน่อยอะ.......เอาไว้ประดับความรู้ จากคุณ : Dare More - [ 3 ก.ค. 50 04:47:12 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ใครเรียกผมมาครับ จากคุณ : Plasmid - [ 4 ก.ค. 50 10:57:04 ]

ความคิดเห็นที่ 25 plasmid มันเป็นกลุ่มยีนที่ทำหน้าที่เฉพราะอย่าง นะครับ เช่น พวก การสืบพันธุ์ การต้านยาพวกนั้น(ยาเเอมพิชิลิน ซึ่งเป็นสารขับเพื่อทำลายศรัตรู) จะมีไม่ทุกชนิดหรอกครับ เเละส่งข้ามสายพันธุ์ ไม่ใด้ด้วย เเต่ มันจะเกิดการ เหนี่ยวนำจากยาหรือ อะไรที่ทำลายมันใด้ ครับ เพราะเกิดการกลายพันธุ์ เพื่อการมีชีวิตอยู่ครับ ส่วนพลาสมิดที่รู้ ๆ กันเขาก็ใช้เพื่อการโคลนนิ่งที่มีการตัดต่อยีนนา ๆ เพื่อ ความสดวก ต่าง ๆ อะครับ เเละที่ เเน่ ๆ มียีนต้านยาพวก เเอมพิชิลิน จากคุณ : amixkaze - [ 10 ก.ค. 50 02:16:16 A:10.177.16.25 X:202.12.97.114 ]