จากกระทู้เก่าเมื่อ 5 ปีที่แล้ว http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Pid=11400 ข้าพเจ้าขออนุญาติ ลง บทความต่อครับ
T-sensitive theory
สวัสดีครับทุกท่านข้าพเจ้าคือผู้ที่เผยแพร่ทฤษฎีความอ่อนไหวของเวลาเมื่อหลายปีก่อน หลายท่านที่ยังไม่เคยอ่านหรือไม่เคยได้ยินก็จะบรรยายให้ฟังพอประมาณก่อนนะครับ เริ่มตั้งแต่ยังความคิดสงสัยในวันเวลาว่าเวลาในอุดมคติกับเวลาในความจริงนั่นต่างกันหรือไม่ ข้อนี้สำคัญเพราะคือเรื่องที่ Relativity theory ได้บอกมานานแล้วแต่คนหลายคนก็ยังไม่เข้าใจ และบางคนก็ไม่รู้ ว่าเวลานั้นสามารถยืดหยุ่นได้ ไม่ได้เหมือนเวลาในอุดมคติอย่างที่เราคิด แต่ทั้งนี้สมการของเวลาที่ชัดเจนในสัมพันธภาพนั้นยังไม่ตรงพอและการคำนวณยุ่งยากมาก แต่มันก็มีเพียงทางเดียวในเวลายาวนานที่ผ่านมาที่สามารถเข้าถึงมิติของเวลาได้บ้าง ในขณะนั้นข้าพเจ้าได้หมดเวลาไปกับการศึกษาสัมพันธภาพ และสุดท้ายจึงรวมปัจจัยที่มีผลต่อเวลาได้ และนำมาทดลอง หลายโมเดลจนสุดท้ายเห็นเทคนิคบางอย่างที่มีผลต่อการหมุนตัวของเวลา และได้นำมาเผยแพร่ออกไปพร้อมทั้งปัจจัยที่มีผลต่อเวลาสามข้อ ในขณะนั้นข้าพเจ้าไม่มีความสามารถพอที่จะนำสมการของสัมพันธภาพแยกเฉพาะส่วนเวลาออกได้จึงมิได้ลงสมการแนบท้ายไปด้วย และข้าพเจ้าก็หมดกำลังใจจากการที่มีคนจำนวนมากมองข้าพเจ้าว่าบ้าข้าพเจ้าจึงหยุดเผยแพร่และได้ใช้เวลาว่างนั้งคิดสมการใหม่โดยมีความต้องการสองประการประการแรกสมการนั้นจะต้องมีความแม่นยำในการพิสูจน์หลายๆครั้งประการที่สองสมการจะต้องง่ายต่อการเข้าใจซึ่งประการที่สองนั้นคือคุณสมบัติที่สัมพันธภาพยังไม่มี ข้าพเจ้าเห็นด้วยกับคำกล่าวของ สตีเฟนฮอกิ่ง ที่บอกว่าทฤษฎีที่ดีนั้นต้องมีสองอย่าง หนึ่งคือแม่นยำ และสองคือง่าย โดยสมการใหม่นี้จะร่วมเอาปัจจัยที่มีผลต่อเวลามาคำนวณยิ่งมีปัจจัยมากก็จะยิ่งแม่นยำมาก จากทฤษฎีความอ่อนไหวของเวลาที่ผ่านมามีสามปัจจัยที่มีผลต่อเวลา 1.คืออุณหภูมิ 2.คือระยะทาง 3.คือความเร็ว โดยทั้งสามปัจจัยนี้จะมีผลต่อ โมเดลอะตอม ซึ่งทฤษฎีความอ่อนไหวของเวลานั้นใช้โมเดลอะตอมของ รัทเธอฟอด โดยเพิ่มนัยยะในเรื่องการเคลื่อนไหวของของอิเล็กตรอนรอบนิวเคลีสคืออิเล็กครอนจะวิ่งด้วยความเร็วค่าหนึ่งความเร็วนั้นจะคงที่ในสภาวะหนึ่งและจะไม่คงที่ในสภาวะที่มีปัจจัยเปลี่ยนแปลงโดยให้อะตอมที่1ของตารางธาตุในสภาวะอวกาศค่าความเร็วอิเล็กตรอนเท่าความเร็วแสงคือเวลาในอุดมคติแทนด้วย T และค่าเวลาของอะตอมอื่นๆหลังผ่านปัจจัยแทนด้วย Tr (คือค่าเวลาจริง) ก็จะได้สมการว่า
Tr = T- E (E คือสภาวะปัจจัย)
ค่าความแม่นยำของเวลานั้นขึ้นอยู่กับสภาวะปัจจัย E โดยทฤษฎีความอ่อนไหวของเวลาในฉบับแรกเมื่อหลายปีก่อนนั้นมีแค่ 3 ปัจจัยคือ อุณหภูมิ(t) ระยะทาง(s) ความเร็ว(v) แต่เมื่อตั้งโมเดลในอุดมคติแล้วยังต้องรวมปัจจัยใหม่อีกหนึ่งปัจจัยคือ แรงดันบรรยากาศ(p) เพราะฉะนั้น
E = t s v p รวมกัน
ค่าที่เราใช้ปกติเราจะใช้บนโลกของเราจึงมี ตัวแปร s และ p มาเกี่ยวข้องโดยค่า s นั้นจะต้องอิงกับพื้นที่หน้าตัดของวัตถุด้วย ส่วนค่า p นั้นคือแรงดันบรรยากาศที่กระทำต่อวัดถุที่ต้องการวัด โดย แปรผกผันกัน
s =1/p
แต่เมื่อเข้าทางคณิตศาสตร์แล้วค่าทั้ง4ตัวไม่ได้อยู่ในทิศทางเดียวกันกล่าวคือ s v p มีทิศทางเวลาค่าทางคณิตศาสตร์เดียวกันแต่ t มีค่าทางคณิตศาสตร์ตรงกันข้ามจึงต้องเปลี่ยนทิศทางคณิตศาสตร์ให้อยู่ทางเดียวกัน E = -(t) s v p รวมกัน
เมื่อลองคำนวณวัตถุบนโลกดูแล้วจะเห็นว่าค่า Tr ที่ออกมาจะมีค่าลบเพราะเวลาบนโลกมีความช้ากว่าเวลาในอวกาศ ค่าที่ออกมายิ่งน้อยแปลว่าเวลาของวัตถุนั้นน้อย แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกรอบอ้างอิงเช่นถ้าวัตถุพ้นแรงดึงดูดของโลกค่าเอสอ้างอิงจะไม่ใช่โลก ค่าเอสจะอ้างอิงได้ต่อเมื่อวัตถุนั้นอยู่ในระยะแรงดึงดูดซึ่งกันและกัน ส่วนค่า v ต้องคำนวณบนกรอบที่ครอบคลุม v นั้น เช่นถ้าเราอยู่บนรถคันหนึ่งที่กำลังวิ่ง 20 m/s และ มีรถอีกคันที่กำลังวิ่งแซงเราไป ด้วยความเร็ว 40 m/s เราจะไม่ใช้ค่าของผู้สังเกตที่เห็นบนรถแต่จะใช้ค่าอิงกรอบที่ครอบคลุมคือพื้นผิวโลก สรุปคือใช้ค่า 40m/s มาคำนวณ ค่าที่ได้จากการคำนวณจะสามารถชี้ให้เห็นได้ชัดถึงเวลาของวัตถุนั้นน้อยหมายถึงยิ่งมีเวลาช้ามาก โดยปกติเราชลอเวลาวัตถุกันอยู่มากมายเช่นเมื่อเราเอาหมูแช่ตู้เย็นเวลาของเนื้อหมูนั้นก็จะช้าลงทันที ผิดกับเนื้อหมูที่อยู่ข้างนอก ที่เวลาของมันจะโดนกระทบโดยอุณหภูมิและหมดไปอย่างรวดเร็ว การนำสมการมาใช้คำนวณในสิ่งมีชีวิตนั้นสามารถใช้ได้และเราสามารถเห็นความแตกต่างของสภาวะของสิ่งมีชีวิตนั้นได้ ยกตัวอย่างเช่น มีพี่น้องฝาแฝดสองคน คนหนึ่งไปอยู่บนยอดเขา อีกคนหนึ่งอยู่ที่ราบ เราสามารถคำนวณความแตกต่างของเวลาทั้งสองคนได้ และนำความแตกต่างนั้นมาคูณด้วยวัน(D)
Td X D = Tr
จะได้ค่าความแตกต่างเวลารวมที่สองคนนั้นต่างกันสรุปคืออายุเวลาของสองคนนั้นจะไม่เท่ากันและถ้าต้องการความละเอียดเพิ่มขึ้นก็แปลงใช้กับชั่วโมงนาทีและคำนวณรวมได้ สมการดังกล่าวสามารถบอกถึงเวลาที่ไม่เท่ากันได้ ทั้งหมดที่กล่าวมาคือพื้นฐานของ T-sensitive theory ซึ่งเทคนิคขั้นสูงของทฤษฎีคือการหมุนเวลาข้าพเจ้าไม่ขอกล่าวข้าพเจ้าไม่อยากขัดต่อความเชื่อของคนส่วนใหญ่ แต่หากเข้าใจในพื้นฐานทฤษฎีข้าพเจ้าจริงๆแล้วคงพอที่จะสามารถคิดได้บ้างเพราะมีหลายโมเดลเทคนิคที่สามารถหมุนเวลาได้แล้วแต่ความคิดสร้างสรรค์ของคนที่เข้าใจแต่ถูกจำกัดไว้ด้วยขนาดของมวลในเทคนิค การ Retime นั้นจะต้องมีตัวแปร m เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยซึ่งคือตัวแปรเดียวที่ limit การหมุนเวลา ข้าพเจ้าหวังว่าทุกท่านคงเข้าใจในพื้นฐานทฤษฎีของข้าพเจ้าและหวังว่าคงมีประโยชน์ต่อนักคิดทั้งหลาย ต้องขออภัยหลายท่านที่หลายปีก่อนที่ข้าพเจ้าเสนอทฤษฎีแล้วก็เงียบไปเพราะเสียงวิภาควิจารมากข้าพเจ้าคิดว่าไม่ส่งผลดีต่อสมาธิในการคิดค้นข้าพเจ้าจึงหยุดเผยแพร่ มนุดษ์เรานั้นวิวัฒนาการตัวเองเพื่อความอยู่รอดมายาวนานและในเวลานี้ข้าพเจ้าก็ทำงานด้านนี้วิวัฒนาการทางการแพทย์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนั้นไม่ถึงยอดของความสำเร็จข้าพเจ้าหวังอย่างยิ่งว่าวันนั้นจะมาถึง
ขอบคุณที่กรุณาอ่านจนจบครับ
ปม.นันทพล ทวิชสังข์
nunfha@yahoo.com
จากคุณ :
ปม
- [
9 ก.ค. 50 19:11:13
A:124.120.115.246 X:
]